กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ผู้ทรงวิทยาคุณ (เกจิอาจารย์) => ผู้ทรงวิทยาคุณ (เกจิอาจารย์) ภาคต่างๆ => เกจิอาจารย์ภาคกลางและภาคตะวันตก => ข้อความที่เริ่มโดย: suwatchai ที่ 06 ส.ค. 2552, 11:41:48

หัวข้อ: ตำนานหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ปทุมธานี
เริ่มหัวข้อโดย: suwatchai ที่ 06 ส.ค. 2552, 11:41:48
     
(http://img199.imageshack.us/img199/7628/94246772.jpg)
     ย้อนหลังไปเมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว  หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง อ.สามโคก จ.ปทุมธานี    ได้ถึงแก่กาลมรณ ภาพจากผู้ที่เคารพนับถือไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ ซึ่งนับเป็นการสูญเสียพระเกจิอาจารย์ยุคเก่าของ อ.สามโคก จ.ปทุมธานีที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง...
     หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่างชาตะเมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๔๑๕ ที่บ้านตำบลบางกระบือ อ.สามโคก ปทุม ธานี เป็นบุตรของคุณพ่อแอบและคุณแม่เผือน     ท่านได้ศึกษาหาความรู้ทางอักขระสมัยในวัดบ้านกร่างจนอ่านออกเขียนได้และได้เข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณรจนอายุครบอุปสมบท  พระอธิการนอม วัดกร่างจึงรับเป็นธุระอุปสมบทให้ร่วมกับโยมบิดามารดาของหลวงพ่อหร่ำ
     เมื่อุปสมบทแล้ว  ท่านได้ศึกษาด้านวิปัสสนากัมมัฎฐานจากหลวงพ่อนอมซึ่งเป็นพระผู้เชี่ยวชาญในด้านกัมมัฎฐานและพระเวทวิทยาคมยิ่งนัก พระอาจารย์นอมองค์นี้ เป็นสหายทางธรรมกับหลวงพ่อกลั่น ธัมมะโชโตแห่งวัดพระญาติการาม จ.พระนครศรีอยุธยา  ซึ่งคราใดก็ตามที่หลวงพ่อกลั่นท่านเข้ามากรุงเทพ ฯ ท่านจะต้องแวะวัดกร่างเพื่อเยือนหาสู่หลวงพ่อนอมอยู่เสมอ    โดยหลวงพ่อกลั่นอ่อนอาวุโสกว่าหลวงพ่อนอม และนอกจากนี้ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกก็ยังเคยมาศึกษาวิชากับหลวงพ่อนอมถึงที่วัดกร่างอีกด้วย พระเวทวิทยาคมที่ถ่ายทอดจากหลวงพ่อนอมสู่หลวงพ่อหร่ำเมื่อครั้งยังเป็นพระบวชใหม่ จึงมีความเข้มขลังและแกร่งกล้าอย่างยิ่ง
     ครั้นเมื่อหลวงพ่อนอมมรณภาพลง     พระอาจารย์กันต์ที่เป็นคู่สวดของหลวงพ่อหร่ำก็ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทน  แต่ไม่นานก็สึกลาเพศไป ทางวัดกร่างขาดเจ้าอาวาสสืบแทน   ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันอาราธนาหลวงพ่อหร่ำที่เป็นพระผู้สำรวมระวังในพระธรรมวินัยขึ้นครองวัดสืบแทน
     หลวงพ่อหร่ำองค์นี้  ปลายชีวิตหลวงพ่อนอมได้ไว้ใจให้ลงตะกรุดโทนและถวายให้ท่านปลุกเสกกำกับ และตอนหลังหลวงพ่อนอมได้บอกกับญาติโยมว่า " ถ้าต้องการได้ตะกรุดโทนล่ะก้อ ไม่ต้องมาหาฉันเพราะฉันหูตาไม่ดีแล้ว ให้ท่านหร่ำเขาลงให้และปลุกเสกให้     ส่วนถ้าจะให้ฉันปลุกเสกก็ค่อยเอามาให้ตอนหลังก็ได้ ท่านหร่ำเขาก็เสกได้เหมือนฉันนั่นแหละ "
     หลวงพ่อหร่ำนิยมออกธุดงค์เป็นประจำ ท่านได้นำพระกรุเก่าที่ได้จากการธุดงค์มาบรรจุไว้ในวัดกร่างที่มีผู้พบแตกกรุตอนหลัง ซึ่งต่างคิดว่าหลวงพ่อหร่ำท่านสร้างไว้ แต่ความจริงแล้วเข้าใจผิด  เพราะหลวงพ่อไปนำพระเหล่านี้จากกรุเก่าที่ท่านธุดงค์มาบรรจุไว้ ซึ่งสร้างปรากฎการณ์อภินิหารมากมาย
     ตะกรุดโทนของหลวงพ่อหร่ำ   เรื่องมหาอุดสุดยอด  ยิงปืนไม่ลั่น  กระบอกปืนบวมกันมานักต่อนักแล้ว ส่วนเหรียญทำบุญอายุของท่านปี ๒๔๖๙ ที่คณะศิษย์ได้ร่วมใจกันจัดสร้างให้หลวงพ่อหร่ำปลุกเสก    ด้านหน้าเป็นรูปท่านนั่งเต็มองค์  ตรงหน้าหลวงพ่อมีบาตรน้ำมนต์และมีลิงอยู่ด้วย  ซึ่งลิงที่ปรากฎนี้เป็นการแทนความหมายปีเกิดของท่านซึ่งก็คือปีวอก  ด้านหลังเป็นยันต์สี่   เหรียญนี้ทางมหาอุดดังมากจนมีเรื่องเล่าเป็นตำนานสืบต่อมาว่า...
     ในคืนเดือนมืดวันหนึ่ง  มีชายฉกรรจ์สามคนพายเรือมาจอดที่หน้าวัดกร่าง แล้วทั้งสามคนก็เดินขึ้นไปบนกุฎิหลวงพ่อหร่ำซึ่งยังจุดตะเกียงลานเหมือนจะรอชายทั้งสามอยู่ พอชายทั้งสามกราบนมัสการหลวงพ่อหร่ำท่านก็พูดลอย ๆ ว่า " ไอ้คนโตเอาหัวของข้าไปปล้นเขากิน   ไอ้คนกลางเอาอกของข้าไปลักวัวความยชาวบ้านเขา ส่วนไอ้คนสุดท้องเอาขาข้าไปย่องเบา  พวกเอ็งมันเอาข้าไปหากินจนเขาเดือนดร้อนกันไปทั่ว  ข้ารอพวกเอ็งมานานแล้ว  รู้ว่าอย่างไรเสียพวกเอ็งก็ต้องมาหาข้า   เพราะเอ็งมันเห็นว่าหลวงตาองค์นี้ช่วยพวกเอ็งหากิน ต่อไปนี้หากเอ็งไปปล้นใครอีก หรือไปขโมยของใครอีก   จะต้องฉิบหายตายโหงแม้โลงก็จะไม่มีใส่ เอาชิ้นส่วนของข้าคืนมาให้หมด "
     ทั้งสามคนตกใจหน้าซีดตัวสั่นปากคอสั่นเพราะไม่เคยมาหาหลวงพ่อหร่ำ    แต่ท่านกลับพูดได้อย่างถูกต้องทุกอย่าง คนโตที่เป็นพี่ใหญ่เคยใช้เหรียญหลวงพ่อหร่ำไปปล้นแล้วถูกเจ้าทรัพย์ยิงเอา แต่ยิงไม่ออก ออกก็ไม่ถูก ถูกก็ไม่เข้า  จึงชวนน้องคนกลางกับคนสุดท้องมาร่วมทำมาหากินในทางลักขโมยโดยเอาเลื่อยตัดแบ่งเหรียญหลวงพ่อหร่ำเป็นสามส่วนเหมือนที่หลวงพ่อหร่ำบอก
     ชายที่เป็นพี่ใหญ่โต้หลวงพ่อหร่ำว่า   " ให้ผมเลิกอาชีพโจรลักเล็กขโมยน้อยไม่ยาก ผมรับปาก เพราะเมื่อหลวงพ่อสาปแช่งแล้วผมก็ไม่อาจจะทำมาหากินทางทุจริตได้อีก     แต่เรื่องให้ผมคืนชิ้นส่วนเหรียญให้หลวงพ่อ ผมทำไม่ได้ ใครจะรับผิดชอบชีวิตของพวกผมเล่า "
     หลวงพ่อหร่ำจึงหยิบเหรียญรุ่นแรกของท่านออกมาจากย่ามสามเหรียญ   แล้วบอกกับพวกโจรว่า " เอาชิ้นส่วนมาแลกเป็นเหรียญเต็ม ๆ ไป ข้าเก็บเอาไว้ให้พวกเอ็งสามเหรียญ จงเลิกอาชีพนี้เสีย ไปประกอบอา ชีพใหม่ให้สุจริต แล้วใครก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้ แม้แต่อาญาบ้านเมืองก็จะไม่มาคร่าตัวไปได้ "
     หลวงพ่อหร่ำเป็นพระที่มีพรรษกาลสูง  อายุยืนยาวมาจนถึงวัยอายุ ๘๘ จึงมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน   พ.ศ.๒๕๐๔ ด้วยพรรษที่ ๖๘
     ทุกวันนี้เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อหร่ำ  หากสวย ๆ ราคาขยับไปอยู่หลักหมื่นกลาง ๆ แม้แต่เหรียญรุ่นสองและรูปถ่ายอัดกระจก ก็มีค่านับเป็นพัน ส่วนพระกรุที่พบในวัด  บางพิมพ์ราคาหลักพันไปจนถึงพันกลางเหมือนกัน แต่ค่อนข้างจะหายาก และนี่ก็คือตำนานของหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่างที่ชาวปทุมธานี ไม่มีใครลืมได้มาจนถึงทุกวันนี้...

***************************
     สาระประโยชน์อันใดที่เกิดจากกระทู้บทความที่ข้าพเจ้าได้เป็นผู้เรียบเรียงมานี้ ข้าพเจ้าขอมอบอุทิศคุณความดีและกุศลบุญทั้งหลายแด่ดวงวิญญาณหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง จ.ปทุมธานี  ตลอดจนครูบาอาจารย์และเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติของข้าพเจ้าด้วยเทอญ....
สุวัจชัย สมไพบูลย์
หัวข้อ: ตอบ: ตำนานหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ปทุมธานี
เริ่มหัวข้อโดย: umpawan ที่ 07 ส.ค. 2552, 06:51:44
ขอบคุณฯสำหรับประวัติครับ...


เข้าทางธรรมดีแล้วครับ...
หัวข้อ: ตอบ: ตำนานหลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ปทุมธานี
เริ่มหัวข้อโดย: Kasarong ที่ 07 ส.ค. 2552, 06:01:17
ลึกซึ่ง ขอบคุณมากครับ