ถามว่าเถียงในระดับไหนล่ะ? ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ตำหนิไม่ได้ชี้แจงไม่ได้
บางครั้งลูกที่ดีในอุดมคติ คือลูกที่ก้มหน้าก้มตาฟังที่พ่อแม่สอนไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น ไม่กล้าวิจารณ์ในสิ่งที่พ่อแม่กระทำ บางครั้งลูกพูดอะไรนิดหน่อยหรือเห็นพ่อแม่มีความคิดที่ไม่ดีแล้วลูกไปเตือนก็หาว่าเถียง แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้
ผมจะบอกว่าไม่มีเจตนาตำหนิคำสอนของหลวงพ่อจรัญนะ ผมมองว่านี่เป็นความเห็นหนึ่ง
แต่ผมคิดว่าลูกที่ดีควรวิจารณ์พ่อแม่ได้หรือตักเตือนพ่อแม่ได้เมื่อเห็นท่านทำอะไรไม่เหมาะสม อันนี้มองในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่มองในมุมมองโลกสวยงามหรือลูกในอุดมคติ ว่าลูกที่วิจารณ์การกระทำของพ่อแม่จะมีชีวิตที่ตกต่ำทำมาค้าไม่ขึ้น ซึ่งความจริงควรวิจารณ์ได้
ถามว่าเถียงในระดับไหนล่ะ? ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ตำหนิไม่ได้ชี้แจงไม่ได้
บางครั้งลูกที่ดีในอุดมคติ คือลูกที่ก้มหน้าก้มตาฟังที่พ่อแม่สอนไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น ไม่กล้าวิจารณ์ในสิ่งที่พ่อแม่กระทำ บางครั้งลูกพูดอะไรนิดหน่อยหรือเห็นพ่อแม่มีความคิดที่ไม่ดีแล้วลูกไปเตือนก็หาว่าเถียง แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้
ผมจะบอกว่าไม่มีเจตนาตำหนิคำสอนของหลวงพ่อจรัญนะ ผมมองว่านี่เป็นความเห็นหนึ่ง
แต่ผมคิดว่าลูกที่ดีควรวิจารณ์พ่อแม่ได้หรือตักเตือนพ่อแม่ได้เมื่อเห็นท่านทำอะไรไม่เหมาะสม อันนี้มองในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่มองในมุมมองโลกสวยงามหรือลูกในอุดมคติ ว่าลูกที่วิจารณ์การกระทำของพ่อแม่จะมีชีวิตที่ตกต่ำทำมาค้าไม่ขึ้น ซึ่งความจริงควรวิจารณ์ได้
เออ......ไม่รู้จะเอ่ยว่าเยี่ยงไรถึงจะเหมาะสมกับท่านดี
งั้นขอถามกลับ อยากให้แสดงเหตุผลให้ชัดเจน อยากได้เหตุผลที่ชัดเจนจริงๆ
เวลาที่พ่อแม่อารมณ์หงุดหงิดแล้วคุณอยู่ใกล้ๆ ชีวิตจริงๆจะนั่งก้มหน้าก้มตาฟังท่านบ่นว่าโดยที่ท่านเอาแต่ใจ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องปกติของพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ใช่พระอรหันต์(ในพระไตรปิฎกบอกแค่ว่าพ่อแม่คือพรหมเท่านั้น) คุณจะไม่พูดไม่ชี้แจงสักนิดเหรอว่านั่นทำไม่ถูก หรือบอกว่าสิ่งที่พ่อแม่ตนเองทำไม่มีเหตุผล
อยากถามว่า บางครั้งพ่อแม่ที่ถือความคิดตนเองเป็นใหญ่มีบ่อยๆ(ใครจะบอกว่าไม่มี?) การแสดงความเห็นต่างกับพ่อแม่มันไม่ใช่การเถียง ผมก็เคยทะเลาะกับแม่ แม่บอกว่าผมไม่ค่อยกลับบ้าน ผมบอกว่างานเยอะมากๆ โทรบอกหลายครั้ง แล้วกลับบ้านแม่ก็บอกอีกว่าไม่ค่อยกลับบ้าน ผมก็บอกว่าก็งานมันเยอะมากๆ แบบนี้ผมเถียงแม่รึเปล่า?
บางครั้งลูกแสดงความเห็นต่างกับพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องเป็นการเถียง แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ชอบใจความเห็นที่เสนอก็กลายเป็นการเถียง
อยากให้ตอบตามความเป็นจริง ว่าเป็นลูกสามารถก้มหน้าก้มตาฟังแม่พูดบางอย่างที่ไม่มีเหตุผลโดยที่ที่ไม่มีสิทธิ์พูดเตือนอะไร เพราะเห็นต่างกับพ่อแม่แล้วชีวิตตกต่ำ
ผมได้บอกชัดเจนแล้วว่าไม่ได้วิจารณ์คำสอนหลวงพ่อจรัญ
ซึ่งผมไม่ได้อ้างถึงหลวงพ่อจรัญแม้แต่น้อย
ผมได้บอกชัดเจนแล้วว่าไม่ได้วิจารณ์คำสอนหลวงพ่อจรัญ
ซึ่งผมไม่ได้อ้างถึงหลวงพ่อจรัญแม้แต่น้อย
งั้นขอถามกลับ อยากให้แสดงเหตุผลให้ชัดเจน อยากได้เหตุผลที่ชัดเจนจริงๆเอาอย่างนี้แล้วกันครับ คุณกลับไปถามคุณพ่อ+แม่ ของคุณดูนะครับ แต่คุณต้องเปิดใจรับฟังด้วยนะ แล้วคุณจะรู้ถึงคำตอบ
เวลาที่พ่อแม่อารมณ์หงุดหงิดแล้วคุณอยู่ใกล้ๆ ชีวิตจริงๆจะนั่งก้มหน้าก้มตาฟังท่านบ่นว่าโดยที่ท่านเอาแต่ใจ ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องปกติของพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่ก็ไม่ใช่พระอรหันต์(ในพระไตรปิฎกบอกแค่ว่าพ่อแม่คือพรหมเท่านั้น) คุณจะไม่พูดไม่ชี้แจงสักนิดเหรอว่านั่นทำไม่ถูก หรือบอกว่าสิ่งที่พ่อแม่ตนเองทำไม่มีเหตุผล
อยากถามว่า บางครั้งพ่อแม่ที่ถือความคิดตนเองเป็นใหญ่มีบ่อยๆ(ใครจะบอกว่าไม่มี?) การแสดงความเห็นต่างกับพ่อแม่มันไม่ใช่การเถียง ผมก็เคยทะเลาะกับแม่ แม่บอกว่าผมไม่ค่อยกลับบ้าน ผมบอกว่างานเยอะมากๆ โทรบอกหลายครั้ง แล้วกลับบ้านแม่ก็บอกอีกว่าไม่ค่อยกลับบ้าน ผมก็บอกว่าก็งานมันเยอะมากๆ แบบนี้ผมเถียงแม่รึเปล่า?
บางครั้งลูกแสดงความเห็นต่างกับพ่อแม่ไม่จำเป็นต้องเป็นการเถียง แต่ถ้าพ่อแม่ไม่ชอบใจความเห็นที่เสนอก็กลายเป็นการเถียง
อยากให้ตอบตามความเป็นจริง ว่าเป็นลูกสามารถก้มหน้าก้มตาฟังแม่พูดบางอย่างที่ไม่มีเหตุผลโดยที่ที่ไม่มีสิทธิ์พูดเตือนอะไร เพราะเห็นต่างกับพ่อแม่แล้วชีวิตตกต่ำ
ถามว่าเถียงในระดับไหนล่ะ? ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ตำหนิไม่ได้ชี้แจงไม่ได้
บางครั้งลูกที่ดีในอุดมคติ คือลูกที่ก้มหน้าก้มตาฟังที่พ่อแม่สอนไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น ไม่กล้าวิจารณ์ในสิ่งที่พ่อแม่กระทำ บางครั้งลูกพูดอะไรนิดหน่อยหรือเห็นพ่อแม่มีความคิดที่ไม่ดีแล้วลูกไปเตือนก็หาว่าเถียง แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้
ผมจะบอกว่าไม่มีเจตนาตำหนิคำสอนของหลวงพ่อจรัญนะ ผมมองว่านี่เป็นความเห็นหนึ่ง
แต่ผมคิดว่าลูกที่ดีควรวิจารณ์พ่อแม่ได้หรือตักเตือนพ่อแม่ได้เมื่อเห็นท่านทำอะไรไม่เหมาะสม อันนี้มองในโลกความเป็นจริง ไม่ใช่มองในมุมมองโลกสวยงามหรือลูกในอุดมคติ ว่าลูกที่วิจารณ์การกระทำของพ่อแม่จะมีชีวิตที่ตกต่ำทำมาค้าไม่ขึ้น ซึ่งความจริงควรวิจารณ์ได้