กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด ผู้ทรงวิทยาคุณ (เกจิอาจารย์) => ผู้ทรงวิทยาคุณ (เกจิอาจารย์) ภาคต่างๆ => เกจิอาจารย์ภาคกลางและภาคตะวันตก => ข้อความที่เริ่มโดย: โยคี ที่ 30 พ.ค. 2551, 12:47:44

หัวข้อ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: โยคี ที่ 30 พ.ค. 2551, 12:47:44
เวปวัดสะแก http://www.watsakae.net/ ระวัง Trojan-Downloader.JS.Agent.blv ที่หน้าเวป kaspersky จับได้

http://img67.imageshack.us/img67/3492/0001gj5.swf
นะโมพุทธายะ พระพุทธไตรรัตนญาณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชาอัคคีธานัง วะรังคันธัง สิวลี จะมหาเถรัง อะหัง วันทามิ ทูระโต อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ
(http://img48.imageshack.us/img48/6277/pra1ga7.jpg)


ประวัติหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ชาติภูมิ

หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2447 ตรงกับวันศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะโรง เป็นวันเพ็ญวิสาขปุรณมี ณ
บ้านข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โยมบิดาชื่อ พุด โยมมารดาชื่อ พ่วง นามสกุล หนูศรี มีพี่น้องร่วมมารดาเดียว
กัน 3 คน ตัวท่านเป็นคนสุดท้อง เมื่อหลวงพ่อถือกำเนิดได้ไม่นาน มารดาของท่านก็เสียชีวิต และเมื่อท่านอายุได้ 4 ปี บิดาของหลวงพ่อก็เสีย
ชีวิตอีก ทำให้หลวงพ่อกำพร้าตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านจึงได้อาศัยอยู่กับยาย และ พี่สาวชื่อ สุ่ม เป็นผู้ดูแลเอาใจใส่ เมื่อท่านถึงวัยที่ต้องศึกษา ก็ได้ ศึกษาเล่าเรียนที่ วัดกลางคลองสระบัว วัดประดู่ทรงธรรม และวัดนิเวศธรรมประวัติ ตามลำดับ
เมื่อตอนที่ท่านยังเป็นทารกมีเหตุอัศจรรย์ที่ทำให้เชื่อว่าท่านจะต้องเป็นผู้มีบุญวาสนามาเกิด คือในช่วงหน้าน้ำหลาก คืนหนึ่งขณะที่บิดาและ
มารดากำลังทำขนมอยู่นั้น มารดาท่านได้วางตัวท่านไว้บนเบาะนอกชานบ้าน แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกลงไปน้ำ แต่เป็นที่น่า
อัศจรรย์ที่ตัวท่านกลับไม่จมน้ำ กลับลอยน้ำไปติดอยู่ข้างรั้ว กระทั่งสุนัขที่บ้านเลี้ยงไว้ มาเห็นเข้าจึงเห่าและวิ่งกลับไปกลับมา มารดาท่านจึงสง
ลัยว่าคงจะมีเหตุการณ์ผิดปกติ จึงได้ตามสุนัขออกมาดู ก็พบท่านลอยน้ำอยู่ติดกับข้างรั้ว

อุปสมบท
เมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ก็ได้บรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2468 ตรงกับวันอาทิตย์แรม 4 ค่ำ เดือน 6
ณ อุโบสถวัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแด่
เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อฉาย วัดกลางคลองสระบัว เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ ฉายาว่า ? พรหมปัญโญ ?

ศึกษาธรรม
ในพรรษาแรกๆ นั้น หลวงพ่อดู่ ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัด ประดู่ทรงธรรม (ในสมัยนั้นเรียกว่าวัด ประดู่โรงธรรม) โดยศึกษากับ ท่านเจ้าคุณ
เนื่อง พระครูชม หลวงพ่อรอด (เสือ) เป็นต้น
ในด้านการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน นั้น หลวงพ่อดู่ ได้ ศึกษา กับ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติการาม ผู้เป้นพระอุปัชฌาย์ และ หลวงพ่อเภา ซึ่ง
เป็นศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น และ มีศักดิ์เป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่ 2 ประมาณปลายปี พ.ศ. 2469 หลวงพ่อกลั่นก็ได้
มรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษากับหลวงพ่อเภาเป็นหลัก นอกจากนี้ยังได้ศึกษาจากตำราที่มีอยู่ จากชาดกบ้าง ธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่าน
เป็นผู้รักการศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจาก พระอาจารย์อีกหลายท่าน ที่ จังหวัดสุพรรณบุรี สระบุรี ฯลฯ
เมื่อพ.ศ. 2486 ครั้นออกพรรษาแล้ว หลวงพ่อก็ออกเดินธุดงค์ จากวัดสะแก มุ่งหน้า สู่ป่าเขาแถบจังหวัดกาญจนบุรี ในระหว่างทาง ก็แวะ
นมัสการสถานที่สำคัญต่างๆ ทางพุทธศาสนา

นิมิตธรรม
ในคืนหนึ่ง ในช่วงก่อน ปี พ.ศ.2500 เล็กน้อย หลังจากที่ท่านสวดมนต์ทำวัตรเย็น และเข้าจำวัดแล้วนั้น เกิดนิมิตไปว่าได้ฉันดาว ที่มีแสงสว่าง
มากเข้าไป 3 ดวง ขณะที่ฉันนั้นรู้สึกว่า กรอบๆ ดี เมื่อฉันหมดก็ตกใจตื่น ท่านจึงได้พิจารณานิมิตที่เกิดขึ้น ก็เกิดความเข้าใจในนิมิตนั้นว่า
ดาวสามดวง ก็คือ ดวงแก้วไตรสรณาคมน์ นั้นเอง ท่านจึงท่อง
? พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ? ก็เกิดปิติขึ้นในจิตท่านอย่างท่วมท้น เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และมั่นใจว่า การยึดมั่นพระไตรสรณาคมน์ เป็นวิธี ที่เข้าสู่แก่นแท้ เป็นรากแก้วของพระพุทธศาสนา ท่านจึงกำหนดเอา พระไตรสรณาคมน์ เป็นองค์บริกรรมภาวนา

เมตตาธรรม
หลวงพ่อดู่ท่านให้การต้อนรับแขกอย่างเสมอเท่าเทียมกันหมด ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ท่านจะพูดห้ามปรามหากมีผู้เสนอตัวเสนอหน้าคอยจัด
แจงเกี่ยวกับแขกที่มาหาท่าน เพราะท่านทราบดีว่ามีผู้ใฝ่ธรรมจำนวนมากที่อุตสาห์เดินทางมาไกล เพื่อนมัสการและซักถามข้อธรรมจากท่าน
หากมาถึงแล้งยังไม่สามารถเข้าพบได้โดยสะดวก ก็จะทำให้เสียกำลังใจ เป็นเมตตาธรรมอย่างสูงที่หลวงพ่อมีให้ศิษย์ทั้งหลาย และหากมีผู้
สนใจการปฏิบัติกรรมฐาน มาหาท่าน ท่านจะเมตตาสนทนาธรรมเป็นพิเศษอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย

หลวงปู่ทวด
ท่านให้ความเคารพในองค์หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ เป็นอย่างมากทั้งกล่าวยกย่อง ว่าหลวงปู่ทวดท่านเป็นผู้ที่มีบารมีธรรมเต็มเปี่ยม เป็นโพธิสัตว์
จะได้มาตรัสรู้ ในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ยึดมั่น และระลึกถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือประสบ
ปัญหาทางโลก ท่านว่า หลวงปู่ทวดท่านคอยที่จะช่วยเหลือทุกคนอยู่แล้ว แต่ขอให้ทุกคนอย่าท้อถอย หรือละทิ้งการปฏิบัติ

สร้างพระ
หลวงพ่อดู่ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การที่ท่านสร้าง หรืออนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นว่า บุคคลจำนวนมากยังขาด
ที่ยึดเหนี่ยงทางด้านจิตใจ เพราะศิษย์ หรือ บุคคลนั้น มีทั้งที่ใจใฝ่ธรรมล้วนๆ กับ ยังต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดว่า ?ติดวัตถุมงคลยังดีกว่า ที่จะไปให้ติดวัตถุอัปมงคล? แม้ว่าหลวงพ่อดู่ท่านจะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้น ก็คือการปฏิบัติ การภาวนา นี้แหละ เป็นสุดยอดแห่งเครื่องรางของขลัง บางคนมาหาท่านเพื่อต้องการของดีเช่นเครื่องรางของขลัง ซึ่งมักจะได้รับคำตอบจากท่านว่า ? ของดีนั้นอยู่ที่ตัวเรา พุทธัง ธัมมัง สังฆัง นี่แหละของดี ?

ปัจฉิมวาร
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2527 เป็นต้นมาสุขภาพหลวงพ่อเริ่มทรุดโทรม เนื่องการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ด้วยเหตุจากการที่ต้องต้อนรับแขก และบรรดา
ศิษย์ทั่วทุกสารทิศ ที่นับวันก็ยิ่งหลั่งไหลกันมานมัสการท่านมากขึ้นทุกวัน แม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่างหนัก ท่านก็อุตส่าห์ออกโปรด
ญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่าน เล่าว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่น และมีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปาก
ให้ใครต้องเป็นกังวลเลย ภายหลังตรวจพบว่า หลวงพ่อ เป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม้ว่าทางคณะแพทย์ จะขอร้องท่านให้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล  แต่ท่านก็ไม่ยอมไป
ประมาณปลายปี พ.ศ.2532 หลวงพ่อดู่พูดบ่อยครั้ง เกี่ยวกับ การที่ท่านจะละสังขาร ซึ่ง ในขณะนั้นหลวงพ่อดู่ท่านได้ใช้หลักธรรม ขันติ คือ
ความอดทนอดกลั้นระงับ ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นจากโรคภัย จิตของท่านยังทรงความเป็นปรกติสงบเย็น จนทำให้คนที่แวดล้อมท่านไม่อาจสังเกต
เห็นถึงปัญหาโรคภัยที่คุกคามท่านอย่างหนัก

วันอังคารที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2533 ช่วงเวลาบ่ายนั้น มีนายทหารอากาศผู้หนึ่งมากราบท่านเป็นครั้งแรก หลวงพ่อท่านได้ลุกขึ้นนั่งตอนรับ ด้วยใบหน้าที่สดใส ราศีเปล่งปลั่งเป็นพิเศษ จนบรรดาศิษย์ เห็นผิดสังเกต หลวงพ่อยินดีที่ได้พบกับศิษย์ผู้นี้ ท่านว่า ?ต่อไปนี้ ข้าจะได้หายเจ็บไข้ เสียที ? คืนนั้นมีคณะศิษย์มากรายท่าน ท่านได้พูดว่า ? ไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวดเลย ถ้าเป็นคนอื่นคงเข้าห้อง ICU ไปนานแล้ว ? พร้อมทั้งพูดหนักแน่นว่า ?ข้าจะไปแล้วนะ? และกล่าวปัจฉิมโอวาทย้ำให้ทุกคนตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ?ถึงอย่างไรก็ขอให้อย่าได้ละทิ้งการปฏิบัติ ได้ชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ ก็เหมือนนักมวย ขึ้นเวทีแล้วต้องชก อย่ามัวแต่ตั้งท่า เงอะๆ งะๆ? หลังจากคืนนั้นหลวงพ่อก็กลับเข้ากุฏิ และละสังขารไปด้วยอาการสงบด้วยโรคหัวใจ ในกุฏิท่านเมื่อเวลาประมาณ 5 นาฬิกา ของ วันพุธที่ 17 มกราคมพ.ศ. 2533 รวมสิริอายุได้ 85 ปี 8 เดือน 65 พรรษา ยังความเศร้าโศกและอาลัยแก่ ศิษยานุศิษย์เป็นอย่างยิ่ง อุปมาดั่งดวงประทีปที่เคยให้ความสว่าง ดับไป แต่เมตตาธรรมและคำสั่งสอนของท่านยังปรากฏ อยู่ในดวงใจของ ศิษยานุศิษย์ตลอดไป
จึงขอยกธรรมคำสอนของหลวงพ่อที่สอนให้ศิษย์ เข้าถึงธรรมด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้นที่ตนเองดังนี้

?ตราบใดก็ตาม ที่แกยังไม่เห็นความดีในตัวเอง
ก็ยังไม่นับว่า แกรู้จักข้า
แต่ถ้าเมื่อใด แกเริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว
เมื่อนั้นข้าว่า แกเริ่มรู้จักข้าดีขึ้นแล้วล่ะ?

หัวข้อ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 30 พ.ค. 2551, 09:02:50
เยี่ยมครับ ท่านโยคี ขอบคุณครับ :002:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: •••--สายัณ--••• ที่ 19 มิ.ย. 2551, 03:22:19
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ สนทนาธรรมกับ หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีฯ

(http://img167.imageshack.us/img167/4162/pudupubuddaay3.jpg)
หัวข้อ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 19 มิ.ย. 2551, 09:54:51
นมัสการครับ :054:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: นายยันต์กลับ ที่ 19 มิ.ย. 2551, 10:00:59


(http://img166.imageshack.us/img166/46/scan0005oe0.jpg)
กราบนมัสการจากดวงใจศิษย์
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: โยคี ที่ 06 ก.ค. 2551, 11:41:23
เอามาจาก เวบวัดสะแก จ๊ะเฮีย

http://img361.imageshack.us/img361/1400/luangpoopu1.swf

[wma=250,210]http://audio.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=498[/wma]
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ~@เสน่ห์เอ็ม@~ ที่ 06 ก.ค. 2551, 12:16:13
น่าเลื่อมใสมาก ครับ ขอกราบมนัสการด้วย ใจ ครับ
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: โยคี ที่ 19 ก.ย. 2551, 12:00:31
ปางอวตาล แยกจิตแยกกาย ของสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตร มาช่วยเกื้อหนุนพระพุทธศาสนา ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณะโคดม ให้ดำรงค์คงอยู่ให้ครบตามพระพุทธทำนาย
เท่าที่ประมารการ ก็มี 1.หลวงปู่ทวด วัดช้างให้+วัดพะโค๊ะ 2.หลวงปู่ดู่ วัดสะแก 3.พ่อองค์ต้น วิหารหนองโดน ลำปายมาศ บุรีรัมย์
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 19 ก.ย. 2551, 09:02:54
ปางอวตาล แยกจิตแยกกาย ของสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตร มาช่วยเกื้อหนุนพระพุทธศาสนา ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสมณะโคดม ให้ดำรงค์คงอยู่ให้ครบตามพระพุทธทำนาย
เท่าที่ประมารการ ก็มี 1.หลวงปู่ทวด วัดช้างให้+วัดพะโค๊ะ 2.หลวงปู่ดู่ วัดสะแก 3.พ่อองค์ต้น วิหารหนองโดน ลำปายมาศ บุรีรัมย์
สุดยอดไปเลยครับผม เชื่ออย่างสนิทใจเลยครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ขุนส่อง ที่ 19 ก.พ. 2552, 12:13:53
ประวัติพระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร ( หลวงตาม้า )
วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ชาติภูมิ
พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร มีชาติกำเนิดในสกุล สุวรรณคุณ เดิมชื่อ นายวรงคต สุวรรณคูณเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 บ้านเดิมอยู่ที่ อำเภอนรนิวาส จังหวัด สกลนคร โยมบิดาชื่อ นายวันดี โยมมารดาชื่อนาง โสภา ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 3 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว

สู่เพศพรหมจันทร์
หลวงตาม้าท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่และท่านได้อยู่ฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่ดู่ในเพศฆราวาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแต่ก่อนที่หลวงปู่ดู่ท่านจะมรณภาพไปไม่นานนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้สั่งให้หลวงตาม้าท่านบวช
ท่านได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 เวลา 10.06 น. ตรงกับวันอาทิตย์ ณ วัดพุทไธสวรรค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูภัทรกิจ (หลวงพ่อหวล) และเจ้าอาวาสวัดพุทไธสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูสุนทรธรรมนิเทศ (บุญส่ง) เป็นพระกรรมาจารย์ และมีพระครูพิจิตรกิจจาทร (เสน่ห์) เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ?วรงคต วิริยะธโร?

บำเพ็ญสมณธรรม
พอออกพรรษาแรกท่านได้ไปกราบหลวงพ่อหวลเพื่อขออนุญาติออกธุดงค์ เมื่อหลวงพ่อหวลอนุญาติแล้ว ท่านก็ไปกราบหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก คืนนั้นไม่มีใครอยู่เลยที่กุฎิหลวงปู่ดู่ มีเพียงหลวงปู่และหลวงตาเท่านั้น ท่านเลยกราบลาหลวงปู่ดู่คืนนั้น หลวงปู่ดู่ท่านได้เทศสอนหลวงตาและบอกกับหลวงตาม้าในครั้งนั้นด้วยว่า

"จำไว้ไม่ว่าแกไปไหนเหรออยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ด้วย
แกเอาพระองค์นี้ไป(พระรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ดู่)หากเองสงสัย
อะไรในการปฎิบัติให้แกถามเอากับพระองค์นี้"
หลวงปู่ดู่ท่านให้พระปูนรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ 1 องค์ หลวงปู่ดู่ท่านยังเมตตาให้เงินติดตัวท่านมาอีก 500 บาท พร้อมทั้งของใช้สำหรับสงฆ์ พร้อมกับสั่งให้ท่านขึ้นไปอยู่ที่ภาคเหนือเพราะเหตุผลบางอย่าง พอตอนเช้าหลวงปู่ดู่ท่านได้ให้พระในวัดสะแก นำปิ่นโตข้าวมาให้หลวงตาเพราะทราบว่าท่านไม่ได้ออกบิณฑบาตร เพราะเตรียมธุดงค์ขึ้นเหนือ
หลวงตาม้าท่านได้ธุดงค์รอนแรมอยู่เป็นเวลานานตามภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่เมื่อประมาณเกือบ 20 กว่าปีก่อนท่านได้ธุดงค์แวะภาวนาตามถ้ำต่างๆเรื่อยไปในส่วนเรื่องราวการธุดงค์ของท่านหลวงตาม้านี้สนุกและพิศดารมาก อยู่มาวันหนึงท่านได้มาพักอยู่ที่พระธาตุจอมแจ้ง หรือพระธาตุจอมกิตติ พอท่านมาถึงท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานกลางแจ้งเลยว่า ท่านอยากจะหาสถานที่ที่สงบท่านต้องการจะเก็บตัวสัก พอเช้าวันรุ่งขึ้นมีผู้เฒ่าชราผู้หนึงมาบอกท่านว่าที่เมืองนะ มีถ้ำน่าอยู่แห่งหนึง ท่านบอกว่าถ้าไม่เจอะผู้เฒ่าผู้นี้ท่านคงไปอยู่ที่พระบาท 4รอยแทน ท่านได้ธุดงค์ไปเรื่อยตามญาณหลวงปู่ดู่ไปจนเจอเข้า กับถ้ำแห่งหนึงซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าถ้ำเมืองนะซึ่งตรงกับที่ผู้เฒ่าผู้นั้นมาบอก พอท่านถึงถ้ำเมืองนะแล้วท่านจึงได้บำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ และได้ส่งข่าวมาทางหลวงปู่ดู่
เวลาผ่านไปจนเข้าปี 2533 หลวงตาม้าท่านได้ทราบว่าหลวงปู่ดู่ท่านได้ละสังขารแล้วท่านจึงได้เดินทางกลับไปยังจังหวัดอยุธยา หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อดู่ ได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้วหลวงตาท่านก็ได้เดินทางกลับไปยังถ้ำเมืองนะ
ท่านได้อยู่ภาวนาอย่างเงียบๆในถ้ำนั้นเป็นเวลานับ 10 ปีโดยมีชาวบ้านในละแวกนั้นซึ่งเป็นชาวไทยและชาวไทยใหญ่คอยอุปัฐฐากท่านตลอดมาหลวงตาม้าท่านเมตตามากการปฎิบัติของท่านในตอนแรกเป็นไปเพื่อหลุดพ้นในชาตินี้แต่หลังจากที่ท่านภาวนาไปท่านได้รับกระแสพุทธภูมิเก่าของท่านเข้าที่จิตจนทำให้ท่านเกิดความเมตตาสงสารและอฐิษฐานจิตต่อเพื่อฉุดช่วยให้สัตว์ทั้งหลายทั่วทั้ง 3 โลกธาตุมีที่พึ่งมีร่มโพธิ์ร่มไทรนับว่าเป็นเมตตาอันนับประมาณมิได้ของท่านจนถึงวันหนึ่งท่านก็ได้เริ่มออกสังคมและเริ่มสร้างวัดขึ้นที่นั้นและสั่งสอนลูกศิษย์เรื่อยมาจนถึงบัดนี้ ปฎิปทาของท่านหลวงตาเป็นการบำเพ็ญแนวโพธิสัตว์และลูกศิษย์หลายๆคนได้ประจักษ์ถึงบารมีท่านในด้านพุทธภูมิมาแล้วทั้งนั้น นับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีญาณบารมีแก่กล้าและเมตตาอันล้นเหลือ มากรูปหนึ่งในปัจจุบันที่สั่งสอนคนให้เดินบนเส้นทางแห่งธรรมะ และท่านยังเป็นผู้ที่สืบทอดวิชาต่างๆของหลวงปู่ดู่ในปัจจุบันอีกด้วย ทั้งด้านการภาวนาเปิดโลก และ ด้านการสร้างพระเครื่อง ซึ่งท่านได้เมตตาสั่งสอนถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ในปัจจุบัน เพื่อนำไปช่วย มนุษย์และภูมิทั้งหลาย ตลอดถึงความสงบแก่จิตและการอยู่เย็นเป็นสุขของผู้ปฎิบัติ


(http://img413.imageshack.us/img413/4888/74703435dc8.jpg)

(http://img410.imageshack.us/img410/4771/96767817dh3.jpg)

(http://img207.imageshack.us/img207/3695/52757518se2.jpg)
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: benzbtx3 ที่ 30 เม.ย. 2552, 08:02:26
น้อมกราบหลวงปู๋ดู่หลวงตาม้าด้วยชีวิตทั้งหมดของลูก กราบๆๆสาธุๆ ถ้าใครอยากรุจักหลวงปุ๋ดู๋หลวงตามากขึ้นเข้าไปที่เวบวัดถ้ำเมืองได้นะครับเพราะผมก็เปนลูกหลานหลวงปู๋หลวงตาเหมือนกัน หลวงตาท่านเมตตาเเละใจดีมากๆครับใครไม่มีพระผงมหาจักรพรรดิ์สามารถขอได้ที่ผมได้นะครับ
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 01 พ.ค. 2552, 12:14:24
ขอบคุณสำหรับข้อมูลของหลวงปู่ดู่ค่ะ :053: :054:

กวางก็กำลังหาประวัติของท่านและเรื่องราวของท่านพอดีค่ะ

คิดปุ๊บ!เจอปั๊บ!

 :001:

หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ๛][รัตu:][๛ ที่ 01 พ.ค. 2552, 12:33:48
 :054: นมัสการครับ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: chinjung ที่ 01 พ.ค. 2552, 12:36:00
ดีมากๆครับ
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ต้นน้ำ~ ที่ 01 พ.ค. 2552, 12:49:37
ขอบคุนครับ
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 01 พ.ค. 2552, 12:57:03
ประวัติพระอาจารย์ วรงคต วิริยะธโร ( หลวงตาม้า )
วัดพุทธพรหมปัญโญ (วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ชาติภูมิ
พระอาจารย์วรงคต วิริยะธโร มีชาติกำเนิดในสกุล สุวรรณคุณ เดิมชื่อ นายวรงคต สุวรรณคูณเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 บ้านเดิมอยู่ที่ อำเภอนรนิวาส จังหวัด สกลนคร โยมบิดาชื่อ นายวันดี โยมมารดาชื่อนาง โสภา ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด 3 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 2 ของครอบครัว

สู่เพศพรหมจันทร์
หลวงตาม้าท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ดู่และท่านได้อยู่ฝึกกรรมฐานกับหลวงปู่ดู่ในเพศฆราวาสเป็นเวลาเกือบ 20 ปีแต่ก่อนที่หลวงปู่ดู่ท่านจะมรณภาพไปไม่นานนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้สั่งให้หลวงตาม้าท่านบวช
ท่านได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2531 เวลา 10.06 น. ตรงกับวันอาทิตย์ ณ วัดพุทไธสวรรค์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูภัทรกิจ (หลวงพ่อหวล) และเจ้าอาวาสวัดพุทไธสวรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระครูสุนทรธรรมนิเทศ (บุญส่ง) เป็นพระกรรมาจารย์ และมีพระครูพิจิตรกิจจาทร (เสน่ห์) เป็นพระอนุศาสนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ?วรงคต วิริยะธโร?

บำเพ็ญสมณธรรม
พอออกพรรษาแรกท่านได้ไปกราบหลวงพ่อหวลเพื่อขออนุญาติออกธุดงค์ เมื่อหลวงพ่อหวลอนุญาติแล้ว ท่านก็ไปกราบหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแก คืนนั้นไม่มีใครอยู่เลยที่กุฎิหลวงปู่ดู่ มีเพียงหลวงปู่และหลวงตาเท่านั้น ท่านเลยกราบลาหลวงปู่ดู่คืนนั้น หลวงปู่ดู่ท่านได้เทศสอนหลวงตาและบอกกับหลวงตาม้าในครั้งนั้นด้วยว่า

"จำไว้ไม่ว่าแกไปไหนเหรออยู่ที่ไหนข้าก็อยู่ด้วย
แกเอาพระองค์นี้ไป(พระรูปหล่อเหมือนหลวงปู่ดู่)หากเองสงสัย
อะไรในการปฎิบัติให้แกถามเอากับพระองค์นี้"
หลวงปู่ดู่ท่านให้พระปูนรูปเหมือนหลวงปู่ดู่ 1 องค์ หลวงปู่ดู่ท่านยังเมตตาให้เงินติดตัวท่านมาอีก 500 บาท พร้อมทั้งของใช้สำหรับสงฆ์ พร้อมกับสั่งให้ท่านขึ้นไปอยู่ที่ภาคเหนือเพราะเหตุผลบางอย่าง พอตอนเช้าหลวงปู่ดู่ท่านได้ให้พระในวัดสะแก นำปิ่นโตข้าวมาให้หลวงตาเพราะทราบว่าท่านไม่ได้ออกบิณฑบาตร เพราะเตรียมธุดงค์ขึ้นเหนือ
หลวงตาม้าท่านได้ธุดงค์รอนแรมอยู่เป็นเวลานานตามภาคเหนือของประเทศไทยตั้งแต่เมื่อประมาณเกือบ 20 กว่าปีก่อนท่านได้ธุดงค์แวะภาวนาตามถ้ำต่างๆเรื่อยไปในส่วนเรื่องราวการธุดงค์ของท่านหลวงตาม้านี้สนุกและพิศดารมาก อยู่มาวันหนึงท่านได้มาพักอยู่ที่พระธาตุจอมแจ้ง หรือพระธาตุจอมกิตติ พอท่านมาถึงท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานกลางแจ้งเลยว่า ท่านอยากจะหาสถานที่ที่สงบท่านต้องการจะเก็บตัวสัก พอเช้าวันรุ่งขึ้นมีผู้เฒ่าชราผู้หนึงมาบอกท่านว่าที่เมืองนะ มีถ้ำน่าอยู่แห่งหนึง ท่านบอกว่าถ้าไม่เจอะผู้เฒ่าผู้นี้ท่านคงไปอยู่ที่พระบาท 4รอยแทน ท่านได้ธุดงค์ไปเรื่อยตามญาณหลวงปู่ดู่ไปจนเจอเข้า กับถ้ำแห่งหนึงซึ่งชาวบ้านแถวนั้นเรียกว่าถ้ำเมืองนะซึ่งตรงกับที่ผู้เฒ่าผู้นั้นมาบอก พอท่านถึงถ้ำเมืองนะแล้วท่านจึงได้บำเพ็ญเพียรภาวนาอยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ และได้ส่งข่าวมาทางหลวงปู่ดู่
เวลาผ่านไปจนเข้าปี 2533 หลวงตาม้าท่านได้ทราบว่าหลวงปู่ดู่ท่านได้ละสังขารแล้วท่านจึงได้เดินทางกลับไปยังจังหวัดอยุธยา หลังจากงานพระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อดู่ ได้ผ่านไปเรียบร้อยแล้วหลวงตาท่านก็ได้เดินทางกลับไปยังถ้ำเมืองนะ
ท่านได้อยู่ภาวนาอย่างเงียบๆในถ้ำนั้นเป็นเวลานับ 10 ปีโดยมีชาวบ้านในละแวกนั้นซึ่งเป็นชาวไทยและชาวไทยใหญ่คอยอุปัฐฐากท่านตลอดมาหลวงตาม้าท่านเมตตามากการปฎิบัติของท่านในตอนแรกเป็นไปเพื่อหลุดพ้นในชาตินี้แต่หลังจากที่ท่านภาวนาไปท่านได้รับกระแสพุทธภูมิเก่าของท่านเข้าที่จิตจนทำให้ท่านเกิดความเมตตาสงสารและอฐิษฐานจิตต่อเพื่อฉุดช่วยให้สัตว์ทั้งหลายทั่วทั้ง 3 โลกธาตุมีที่พึ่งมีร่มโพธิ์ร่มไทรนับว่าเป็นเมตตาอันนับประมาณมิได้ของท่านจนถึงวันหนึ่งท่านก็ได้เริ่มออกสังคมและเริ่มสร้างวัดขึ้นที่นั้นและสั่งสอนลูกศิษย์เรื่อยมาจนถึงบัดนี้ ปฎิปทาของท่านหลวงตาเป็นการบำเพ็ญแนวโพธิสัตว์และลูกศิษย์หลายๆคนได้ประจักษ์ถึงบารมีท่านในด้านพุทธภูมิมาแล้วทั้งนั้น นับว่าท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีญาณบารมีแก่กล้าและเมตตาอันล้นเหลือ มากรูปหนึ่งในปัจจุบันที่สั่งสอนคนให้เดินบนเส้นทางแห่งธรรมะ และท่านยังเป็นผู้ที่สืบทอดวิชาต่างๆของหลวงปู่ดู่ในปัจจุบันอีกด้วย ทั้งด้านการภาวนาเปิดโลก และ ด้านการสร้างพระเครื่อง ซึ่งท่านได้เมตตาสั่งสอนถ่ายทอดให้แก่ลูกศิษย์ในปัจจุบัน เพื่อนำไปช่วย มนุษย์และภูมิทั้งหลาย ตลอดถึงความสงบแก่จิตและการอยู่เย็นเป็นสุขของผู้ปฎิบัติ


(http://img413.imageshack.us/img413/4888/74703435dc8.jpg)

(http://img410.imageshack.us/img410/4771/96767817dh3.jpg)

(http://img207.imageshack.us/img207/3695/52757518se2.jpg)




เอ..ข้อความนี้พี่ "ขุนส่องก็เคยนำลงกระทู้แล้วนี่คะ เมื่อ: ๑๙ ก.พ. ๕๒, ๑๒:๑๙:๔๕"

แต่ยังไงก็ ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลของหลวงตาม้า อีกครั้งค่ะ  :054:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 01 พ.ค. 2552, 09:56:26
น้อมกราบหลวงปู๋ดู่หลวงตาม้าด้วยชีวิตทั้งหมดของลูก กราบๆๆสาธุๆ ถ้าใครอยากรุจักหลวงปุ๋ดู๋หลวงตามากขึ้นเข้าไปที่เวบวัดถ้ำเมืองได้นะครับเพราะผมก็เปนลูกหลานหลวงปู๋หลวงตาเหมือนกัน หลวงตาท่านเมตตาเเละใจดีมากๆครับใครไม่มีพระผงมหาจักรพรรดิ์สามารถขอได้ที่ผมได้นะครับ
อนุโมทนาด้วยนะครับเพื่อนเบ้น เมื่อวานที่แจกให้มา วันนี้นำไปถวายหลวงพี่ญามาแล้วนะครับ สาธุครับ  :001: :054:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: porvfc ที่ 01 พ.ค. 2552, 10:16:46
 :054:นมัสการค่ะ :054:
หัวข้อ: ตอบ: หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 01 พ.ค. 2552, 11:01:27
ขอบคุณพี่โยคี และทุกท่าน สำหรับประวัติและภาพหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า ครับ..