ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์การตายแล้วฟื้น..หลวงปู่จันทา ถาวโร  (อ่าน 13460 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ธรรมะรักโข

  • มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 749
  • เพศ: ชาย
  • ผู้รักษาธรรม
    • ดูรายละเอียด


หลวงปู่จันทา ถาวโร


ประสบการณ์การตายแล้วฟื้น

สมัยหนึ่ง (ปี 2494) ไปจำพรรษาอยู่ที่บ้านตะเบาะ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ มีพระจำพรรษาอยู่ด้วยกัน 3 รูป สามเณร 1 รูป และผ้าขาวเฒ่า 1 คน (ผ้าขาวคือฆราวาสผู้รักษาศีล 8 อยู่ที่วัด) อยู่มาวันหนึ่งเป็นวันเพ็ญเดือน 10 หลังจากฉันอาหารเช้าแล้วกลับมาที่กุฏิ เอาผ้าคลุมจะไปฟังธรรม ก็พอดีไข้มาลาเรียมันกำเริบหนักขึ้นสมอง ล้มลงกับพื้นที่กุฏิซึ่งปูด้วยฟากไม้ไผ่ เณรได้ยินเสียงล้มลงจึงออกมาดูแล้วถามว่า “ครูบา...เป็นอะไร” (ครูบาเป็นคำเรียกพระที่พรรษาหย่อน 10) “ไม่รู้...มันมึนตึ๊บแล้วก็ล้มลงเลย”

เณรก็วิ่งไปบอกญาติโยมว่า “ครูบาจันทาล้มลงนะ...เป็นอะไรก็ไม่ทราบ” ทั้งพระและโยมเขาก็เข้ามาดู เอาหมอมาด้วย หมอก็ตรวจดูแล้วบอกว่า เป็นไข้มาลาเรียขึ้นสมองอย่างหนัก อีก 5 นาทีก็จะสิ้นลม โยมทายกวัดเขาก็ว่า จะเป็นหรือตายอย่างไรก็ตามต้องฉีดยาช่วยเหลือไว้ก่อน พอฉีดยาเสร็จแล้วไม่นานก็สิ้นลม เมื่อสิ้นลมดวงจิตนั้นยังไม่ยอมออกจากร่าง ยังห่วงใยเสียดายร่างกายอยู่ ไม่นานมีเพื่อนคนหนึ่งมายืนอยู่ข้างๆ ร้องบอกว่า

“เพื่อนๆ รีบออกจากเรือนเถอะ ไฟมันจะไหม้ทับหัว” ก็เลยออกจากร่างมายืนติดกับเพื่อน

เพื่อนก็บอกว่า “นี่แหล่ะ...เพื่อนเอ๋ย สมบัติร่างกายนี้นั้นอาศัยกันมาตั้งแต่วันเกิดจนถึงวันนี้นั้นก็ถูกไฟพยาธิเผาให้เร่าร้อนฉิบหายเสียแล้ว จะอาศัยอยู่ต่อไปอีกไม่ได้ หมดเพียงแค่นี้นั่นแหละ ถึงจะเสียดายอย่างไรก็หมดสิทธิ์อำนาจที่จะเข้าไปครอบครองได้อีกต่อไป”

จากนั้นทั้งพระและโยมก็ช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็หามศพไปไว้ที่ศาล วางนอนไว้เฉยๆ ไม่ได้ใส่โลงและก็ไม่ได้ฉีดยา ก็ตามไปดูอีกเพราะความเสียดายนั่นแหละ เข้าไปนั่งลูบคลำร่างกายศพ ดูแล้วก็เฉยเหมือนขอนไม้ โอ้หนอ...ขึ้นชื่อว่าตายแล้วถึงจะคิดเสียดาย อาลัยอาวรณ์อย่างไรก็เอากลับคืนมาไม่ได้แล้วก็หมดความสงสัย ทีนี้ก็หันไปพูดกับพระเณรเขาก็ไม่พูดด้วย ไปถามญาติโยมเขาก็ไม่พูดด้วย เขามองไม่เห็นเพราะมีแต่นามธรรมคือ “ดวงจิต” จึงหันกลับมาถามเพื่อนว่า “เราจะไปไหนกันดี” เพื่อนก็ตอบว่า “จะพาไปเที่ยวดูภูมิประเทศ”

ก็ออกเดินทางกันวันยังค่ำ มีแต่ดวงจิตไปสบาย ไม่หิวโหย ไม่เหนื่อยล้า ครั้นไปถึงกึ่งกลางระหว่าง 2 หมู่บ้าน หมู่บ้านหนึ่งเป็นภูเขา อีกหมู่บ้านหนึ่งเป็นป่าดง ในระหว่างกลางนั้นเป็นสนามเล่น ก็เลยไปพักเล่นอยู่กับเขา พักเล่นอยู่จนกระทั่งตี 3 พวกเขากลับบ้านกันหมดเพราะมันจะค่ำ กลางคืนเป็นกลางวันนะ เมื่อพวกเขากลับกันหมดแล้วก็ถามเพื่อนว่า “เราจะไปไหนกันอีก” เพื่อนก็บอกว่า “เราเองก็มาใหม่ ยังไม่รู้จักภูมิประเทศดี จะไปข้างหน้าก็เป็นป่าดง ไปข้างหลังก็เป็นภูเขา แต่ว่าขณะนี้สมบัติปัจจัยเก่าคือร่างกายนั้นยังสดชื่นอยู่ พอที่จะกลับคืนสู่ร่างเก่าได้เพราะมีบุญครึ่งหนึ่งรักษาไว้ แต่ว่าเรามาไกลแล้ว จะเดินกลับคงไม่ทันแน่ ต้องวิ่ง”

เอ้าวิ่งก็วิ่งเลย ข้ามดงข้ามทุ่งมาถึงวัดแล้วก็ขึ้นไปบนศาลาไปดูซากศพก็เห็นนอนสบายดีอยู่ มีแต่ญาติโยมที่มาเฝ้าศพปรึกษากันว่าจะเผาหรือฝังเท่านั้น เพื่อนก็บอกให้เข้าไปนั่งติดกับร่างศพและตั้งสติให้ดี นึกถึงบุญเก่าและบุญใหม่ประกอบกันเข้านั่นแหละจะช่วยให้ดวงจิตกลับเข้าสู่ร่างได้ นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา อุปัชฌาย์อาจารย์ พอนึกจบแล้วก็เข้าสู่ร่างกายได้สบาย เมื่อหันหน้ากลับมาดูเพื่อน เพื่อนหายไปเสียแล้ว

พอแจ้งเป็นวันใหม่ กระดุกกระดิกร่างกายได้สมบูรณ์ดีแล้ว ลืมตาขึ้นได้ยินเสียงนกแซงแซวร้อง ก็ระลึกขึ้นมาว่าเรามีชีวิตกลับคืนมาได้ก็เพราะบุญหรอก บุญที่สะสมไว้ตั้งแต่ชาติปางก่อนโน้นและชาตินี้ประกอบกันเข้าเป็นเครื่องรักษา ฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเราจะสะสมแต่บุญกุศลเท่านั้น สิ่งอื่นไม่ว่าจะเป็นสมบัติ ข้าวของ เงินทอง กุฏิ วิหาร สบง จีวร สังฆาฏิก็ดี เมื่อสิ้นลมแล้วก็ทอดทิ้งไว้หมดเสียสิ้น มีแต่บุญกุศลเก่าและใหม่เท่านั้นที่จะบันดาลให้เป็นเสื้อผ้าอาภรณ์เ ป็นผ้าสบงจีวร เป็นสังฆาฏิสวยงาม เป็นที่พึ่งพิงอาศัยได้แท้แน่นอน

เมื่อตั้งสัตยาธิษฐานเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง พวกญาติโยมที่มาเฝ้าศพอยู่บนศาลาก็ตกใจ บ้างก็วิ่งหนี บ้างก็กระโดดลงศาลาไปด้วยความกลัวผี ไม่นานพอหายตกใจกลัวแล้ว พวกโยมทายกวัดก็เข้ามาถามความเป็นมา เพราะไม่เคยเห็นคนตายไปวันกับคืนแล้วพื้นคืนมาได้ ก็แสดงให้เขาฟังอย่างที่ได้อธิบายมาแล้วนั่นแหละ และก็ว่าโยมทั้งหลายต่อไปนี้จงยึดเอาอาตมาเป็นคติธรรมเตือนใจนะ เพราะบุญกรรมดีสะสมไว้แต่ชาติปางก่อนโน้นและชาตินี้ประกอบกันเข้าจะรักษาสมบัติร่างกายไว้ ถึงตายแล้วก็ไม่เน่ายังสดชื่นเหมือนเดิมทำให้พื้นกลับคืนมาได้ ฉะนั้น ขอให้ท่านทั้งหลายจงรีบเร่งสะสมคุณงามความดีใส่ตนไว้ จะได้เป็นเพื่อนสองเป็นคู่ครองติดตามตลอดไป...




ขอขอบคุณที่มา: ลานธรรมจักร

 

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณพี่ธรรมะรักโขมากครับ  กราบมนัสการ หลวงปู่จันทา ถาวโร   :054:

ออฟไลน์ หลังฝน..

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 310
  • เพศ: ชาย
  • ทุกอย่างมีเหตุและผลเสมอ
    • MSN Messenger - webmaster@lifesyt-it.net
    • ดูรายละเอียด
    • www.lifestyle-it.net
ขอบคุณพี่ธรรมรักโขมากครับ ขยันเอาสาระดีๆมาให้ได้อ่าน ดีจังเลยที่เวปเรามีคนดีๆๆแบบนี้ อิอิ ชอบมากมาย ขอบคุณมากๆคับ
ความพยายามนั้นมีอยู่จริงในตัวตนของเรา สุดแท้แต่ความพยายามนั้นจะถูกดึงออกมาใช้ได้มากน้อยแต่เพียงใด

ออฟไลน์ Tiger Number NINE

  • ส.กล้าแดง
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 544
  • เพศ: ชาย
  • ผองธุลีดิน จักพลิกชะตา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบพระคุณ คุณธรรมรักโข เช่นเคยครับที่นำสิ่งๆมาให้                 นมัสการหลวงปู่จันทาครับ
สุราไม่ได้สร้างวีรบุรุษ......แต่วีรบุรุษก็ขาดสุราไม่ได้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ