ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๑ สิงหาคม ๒๕๕๓
.......รอยทาง......
เสร็จจากทำกิจของสงฆ์ในยามเช้าแล้ว ออกไปสั่งวัสดุก่อสร้างในตัวเมือง
กลับจากในเมืองมีญาติโยมจากอุบล มาเยี่ยมสนทนาธรรมและถวายสังฆทาน ช่วงบ่ายลงไป
ทำงานเตรียมสถานที่ ปรับพื้นที่ ผูกตะแกรงไม้ไผ่ เตรียมไว้สำหรับการเทพื้น ศาลาสภากาแฟ
ซึ่งศาลากาแฟนี้จะเป็นสถานที่ ที่จะรองรับเพื่อนพระภิกษุสหธรรมิกที่จะมาเยี่ยมเยือนและเป็น
จุดนัดพบพูดคุย ฉันกาแฟกัน สำหรับพระภิกษุที่จำพรรษาอยู่ในวัด เพราะมีกติกาในการอยู่ร่วมกันว่า
กุฏิคือสถานที่ส่วนบุคคล เพื่อให้มีความเป็นส่วนตัว จึงไม่เป็นการสมควรที่จะไปนั่งคุยกันที่กุฏิผู้อื่น
เพราะบางครั้ง ท่านอาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ด้วยความเกรงใจ จงต้องออกมาสนทนาด้วย
แต่ถ้ามาอยู่ที่ศาลาสภากาแฟ แสดงว่าท่านพร้อมที่จะพูดคุยสนทนาด้วย เป็นกติกาที่แนะนำต่อหมู่คณะ
มาตลอด ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน จะจัดสร้างศาลาสภากาแฟไว้เป็นที่ส่วนกลางเสมอ
.......รอยธรรม......
กลับจากบิณฑบาตร จิตเกิดปฏิฆะ (ขุ่นมัว ) กับลิง ที่เขาปล่อยมา และมาอยู่ในวัด
เพราะว่าลืมปิดประตูหน้าต่าง ตอนออกไปบิณฑบาตร ลิงเข้ามาในศาลา รื้อค้นหาของกิน จนเลอะไปหมด
ไล่ลิงออกจากศาลาแล้ว สติระลึกได้ ว่าใจเราเศร้าหมองขุ่นมัว เกิดปฏิฆะขุ่นมัว ไม่พอใจ โกรธต่อลิง
ลิงมันเป็นสัตว์ มันก็หากินตามสัญชาติญานของสัตว์ เป็นความผิดของเราเอง ที่ไม่ป้องกัน ดูแลให้ดี
ผิดที่เราไม่ได้ผิดที่ลิง เมื่อคิดอย่างนี้ ความรู้สึกไม่ดีที่มีต่อลิงก็หายไป ไม่ไปโกรธ ไปอาฆาตต่อลิง
อารมณ์ขุ่นมัวและรุ่มร้อนก็หายไป เกิดความโปร่ง โล่ง เบา สบาย ขึ้นมาทันที่ เพราะว่าอารมณ์นั้นได้ดับไปแล้ว
ดั่งที่เคยได้เขียนไว้ " เพียงเราเปลี่ยนความคิด ชีวิตเราก็เปลี่ยนแปลง " สิ่งที่สำคัญนั้นคือ การที่จะระลึกรู้ได้ทันนั้น
มันช้าหรือเร็ว ถ้าระลึกรู้ตัวได้ช้า ก็มีเวลาให้อกุุศลเกิดขึ้นได้มาก แต่ถ้าระลึกรู้เท่าทันอารมณ์ได้เร็ว เวลาที่อกุศลจิต
จะตั้งอยู่ก็มีน้อย ดับได้เร็วเท่าไหร่ ใจก็เป็นสุขเร็วขึ้นเท่านั้น
......รอยกวี.....
รู้ตัว รู้ทัน ความคิด
รู้จิต รู้กาย ถ้วนทั่ว
สติ คู่กาย คู่ตัว
รู้ทั่ว รู้พร้อม น้อมตาม
รู้ธรรม มีธรรม นำจิต
พินิจ ศึกษา สอบถาม
ค้นคว้า ค้นหา พยายาม
นิยาม ความหมาย แห่งตน
รู้ธรรม เห็นธรรม ทำพร้อม
โดยน้อม เข้าหา เหตุผล
รู้ธรรม ไม่ทำ คือคน
รู้พ้น ไม่รู้ ตนเอง
กิเลส ผู้อื่น รู้หมด
กำหนด คนอื่น นั้นเก่ง
แต่ไม่ กำหนด ตนเอง
ชอบเพ่ง โทษเขา เศร้าใจ
เพ่งโทษ ผู้อื่น นั้นหรือ
ก็คือ เพิ่มโทษ ตัวใหม่
กิเลส เพิ่มพูล เรื่อยไป
กิเลส ตัวใหม่ เกิดมา
มองกาย มองใจ มองจิต
มองหา ความผิด ตนหนา
กิเลส ของตน มีมา
ค้นหา กิเลส ในตน
รู้เห็น แล้วจึง ลดละ
ธรรมะ นั้นมี เหตุผล
สอนให้ รู้จัก ตัวตน
มีเหตุ มีผล เป็นจริง
ทุกอย่าง เริ่มที่ สติ
ดำริ กำหนด ให้นิ่ง
รู้เห็น ตามความ เป็นจริง
ทุกสิ่ง คือธรรม นำทาง....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๗.๒๙ น. ณ ศาลาน้อย ริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย