ผู้เขียน หัวข้อ: ดร.ไมตรี บุญสูง  (อ่าน 7894 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ลูกผู้ชายตัวจริง

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 741
  • เพศ: ชาย
  • กูจะกลับมากู้แผ่นดิน ให้พ้นภัยศัตรู
    • MSN Messenger - namo159@HOTMAIL.COM
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ดร.ไมตรี บุญสูง
« เมื่อ: 02 เม.ย. 2550, 11:14:07 »
ชื่อและนามสกุลนี้เป็นที่รู้จักกันดีของคนในวงการพระเครื่องตลอดเวลาที่ผ่านมาท่านมักจะได้รับเชิญให้ไปเป็นประธานจัดสร้างวัตถุมงคลหลายครั้ง รวมทั้งได้ช่วยวัดสร้างพระมาจนนับไม่ถ้วน โดยได้พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "เพื่อต้องการจะช่วยวัดสร้างเสนาสนะหรือ บูรณะปฏิสังขรณ์สิ่งต่างๆ ภายในวัดนั่นเอง โดยไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆงานบางแห่งคณะกรรมการที่สร้างพระแล้วมีผลประโยชน์แอบแฝง ไม่โปร่งใส มีพุทธพาณิชย์เข้ามาเกี่ยวข้อง หากทราบก็จะถอยออกมาทันที" ส่วนเหตุผลที่ได้รับเชิญให้เป็นประธาน คณะกรรมการ รวมทั้งนั่งปลุกเสกวัตถุมงคลนั้น ดร.ไมตรี บอกว่า น่าจะมาจากหลายฝ่ายได้ยินกิตติศัพท์มาว่า เป็นคนหนึ่งที่ได้ศึกษา วิชาไสยศาสตร์มาจาก พระอาจารย์นำ ชินวโร (นำ แก้วจันทร์) วัดดอนศาลาอ.ควนขนุนจ.พัทลุงโดยบิดาของท่านก็เป็นอาจารย์ที่เก่งกล้าทางไสยศาสตร์ทำให้พระอาจารย์นำมีโอกาสศึกษาวิชาทางไสยศาสตร์เบื้องต้นตั้งแต่เป็นเด็ก
นอกจากนี้แล้วพ่อยังได้บอกให้พระอาจารย์นำ นำไปฝากให้ศึกษา วิชาเวทมนตร์คาถากับ พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงมากในสมัยนั้น มาถึงวันนี้ก็ไม่กลัววิชาไสยศาสตร์นี้จะสูญหายไปไหน เพราะได้ถ่ายทอดไว้ให้กับลูกชายทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าได้เป็นประธานสร้างพระเครื่องที่ไหน ก็จะต้องใช้คาถาประจำใน ระหว่างประกอบพิธีดังกล่าวด้วย แต่ถ้าถามว่าเป็น คาถาอะไรนั้น ดร.ไมตรี สามารถบอกได้ แต่เพียงว่าเป็น คาถาที่ปลุกเสกให้วัตถุมงคล มีความเข้มขลัง มีบางคนถามเรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ว่ามีจริงไหม ดร.ไมตรี ยืนยันว่า มีจริงเพราะมีประสบการณ์มากับตัวเอง จะให้อธิบายให้ฟังก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถบอกเล่า ให้ทุกคนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในความรู้สึกตลอดมาอยากจะบอกว่า พุทธคุณในองค์พระเครื่องต่างๆ มีจริง โดยจะเกิดกับคนที่แขวนพระที่มีความศรัทธาและจิตก็ต้องเป็นหนึ่งเดียว สำหรับความหมายของคำว่า "เอกัคตา" นั้น ดร.ไมตรี อธิบายให้ฟังว่า เอกัคตา คือ จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งเดียว หรือเอกัคตาจิต หรือ "จิตรวม" หรือ "ได้ฌาน" เป็นขกณิกะสมาธิ พอลุกออกจากการนั่งสมาธิไม่ทันไร สมาธิก็หมดตามไปด้วย หมดเวทนา หรือทุตยฌาน ขณะนั้นถือว่าจิตใจก็ไม่ได้มีอารมณ์อื่นใดอีกเลย หมายความว่าไม่ได้คำนึงถึง รูป เสียง กลิ่น รส หรือการสัมผัสถูกต้องแต่ประการใดทั้งสิ้น แน่วแน่เอาแต่อารมณ์ที่เพ่งอย่างเดียวเท่านั้น จึงได้ชื่อว่า เอกัคตาจะสามารถเผาหรือข่มกามฉันทนิวรณ์ได้ วิชาเหล่านี้หากใครนำเอาไปทำเล่นไม่จริงจังก็จะไม่ดีต่อตัวเอง ทำอะไรก็จะมีแต่ความทุกข์เรื่อยไป
"วิชาไสยศาสตร์นี้ใครรับแล้วต้องมีสัจจะ ต้องทำจริงๆ ใครผิดสัจจะต่อครูบาอาจารย์ ทำอะไรก็จะผิดหมด เรื่องแบบนี้หากเราไปพูดให้ใครฟัง บางคนเชื่อก็แล้วไป แต่บางคนเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เราพูด เขาจะหาว่าเราบ้าก็ได้ หรืออาจถูกมองว่าเราเป็นคนงมงายไปเลยก็มี ตรงนี้จึงอยากให้มองเป็นเรื่องของ ความเชื่อส่วนบุคคลจะดีกว่า ใครที่เคยแขวนพระเครื่องแล้วมีประสบการณ์ตรงนี้เขาจะเข้าใจได้ และรู้อยู่แก่ใจว่าเขาไปเจออะไรบ้าง ชีวิต หน้าที่การงานเขาดีขึ้นไหม เราจะเห็นว่าคนที่แคล้วคลาดจากการรอดตาย ทางอุบัติเหตุมากมายก็มีทางเป็นไปได้ว่าเกิดจากพุทธคุณของพระนั่นเอง" นี่คือความเชื่อเกี่ยวกับพุทธคุณจากพระเครื่องของ ดร.ไมตรี
ดร.ไมตรี กล่าวว่า การแขวนพระ ก็เพื่อให้เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจมากกว่า เมื่อแขวนแล้วมีความศรัทธา พลังปาฏิหาริย์ก็จะเกิดขึ้นมาเอง
นอกจากเป็นคนเชื่อในเรื่องของปาฏิหาริย์แล้ว ดร.ไมตรี ยังในกฎแห่งกรรม ใครทำดีก็ย่อมได้ดี ใครทำชั่วก็ย่อมได้ชั่ว แล้วยังเชื่อว่าชาตินี้มีจริง ชาติหน้าก็ต้องมีจริง ซึ่งผลของ การกระทำจะเกิดให้เห็นได้ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เช่นเดียวกับคนเราที่เกิดมาได้ก็ด้วยกรรม ตัวเราก็คือกรรม เกิดมาก็ต้องมาชดใช้กรรม และคนเราก็จากไปด้วยกรรม ส่วนคนที่จะมีกรรมดีหรือกรรมชั่วก็เลือกกันเอาเอง ตรงนี้ไม่มีใครบังคับได้ เมื่อมีชีวิตอยู่เราจะสร้างกรรมดีหรือกรรมชั่วเท่านั้นเอง
"ชาติหน้าใครเกิดในภพภูมิที่ดีก็ต้องสร้างบุญกุศลไว้ให้มาก เพื่อจะได้เกิดในภพที่เป็นมนุษย์ แต่ถ้าใครไม่ทำบุญก็ต้องไปเกิดในภพที่เป็นอมนุษย์ ประกอบด้วยกิเลสตัณหา คนเราจะไปในภพภูมิที่ดีได้ก็อยู่ ที่การปฏิบัติจริงๆ ศีล ๕ ต้องครบ และต้องมีหิริโอตตัปปะ ละอายต่อบาป แล้วยังต้องมี พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มนุษย์เรามีแค่นี้ก็เป็นมนุษย์ที่ประเสริฐแล้ว" ดร.ไมตรี กล่าวทิ้งท้าย


ออฟไลน์ ลูกผู้ชายตัวจริง

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 741
  • เพศ: ชาย
  • กูจะกลับมากู้แผ่นดิน ให้พ้นภัยศัตรู
    • MSN Messenger - namo159@HOTMAIL.COM
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ดร.ไมตรี บุญสูง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 02 เม.ย. 2550, 11:15:09 »
ดร.ไมตรี บุญสูง

[ไฟล์แนบถูกลบโดยผู้ดำเนินการ]

ออฟไลน์ ลูกผู้ชายตัวจริง

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 741
  • เพศ: ชาย
  • กูจะกลับมากู้แผ่นดิน ให้พ้นภัยศัตรู
    • MSN Messenger - namo159@HOTMAIL.COM
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ดร.ไมตรี บุญสูง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 02 เม.ย. 2550, 11:42:25 »
 ปัจจุบันนี้อะไรๆก็เปลี่ยนไป สังคมก็เปลี่ยนไป จิตใจมนุษย์ก็เปลี่ยนตาม
แต่สิ่งหนึ่งที่มิเคยเปลี่ยนคือคำว่าศิษย์กับอาจารย์
วันนี้ตัวผู้เขียนเองได้นั่งนึกย้อนไปถึงเรื่องราวต่างๆนานาที่ผ่านเข้ามาในชีวิตในการเป็นนักข่าวผ่านสงครามทั้งในและนอกประเทศมามากมายหลายสนามรบ
ก็มีเพียงรอยสักยันต์และพระเครื่องของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา
เป็นเครื่องเตือนใจเสมอมา
สมัยก่อนเมื่อ50ปีที่แล้วพระเกจิที่ขึ้นชื่อลือชาก็มีไม่กี่ท่าน
แบ่งเป็นตามภูมิภาค ภาคเหนือก็หลวงปู่แหวน ครูบาศรีวิชัย
ภาคกลางก็อาจเป็นสายลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม หลวงพ่อเพิ่ม
วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
ภาคใต้ก็มีหลายท่านไม่จะเป็นสายเข้าอ้อ สายหลวงปู่ทวด(อาจารย์ทิม อาจารย์นอง)
สายอีสานก็มีมากมายนับไม่ถ้วนเรียกได้ว่าทุกภาคมีเพชรเม็ดงามกันทุกที่แตกต่างกันไป
หลังจากสิ้นบุญหลวพ่อจง ผมก็ไปพึ่งหลวงพ่อสุด วัดกาหลง
ที่ตี๋ใหญ่เคยไปพึ่งบารมีแต่ผมไม่เคยเห็นตี๋ใหญ่เลย
เคยไปเฝ้าทำข่าวก็ล้มเหลวทุกครั้ง เคยถามหลวงพ่อท่านว่าตี๋ใหญ่มีอะไรดี
ท่านตอบผมว่า มันไม่มีอะไรดีหรอก ของที่มันได้ก็เหมือนที่ข้าให้เองนั้นแหละ
แต่ที่มันอาจจะมีมากกว่าใครๆก็คือความเชื่อ มัรเชื่อในครูบาอาจารย์มาก
วิชาที่มันร่ำเรียนก็หัดท่องจำเอาจนขึ้นใจหมั่นฝึกบ่อยๆก็เก่งเองก็เหมือนมีดที่ได้รับการลับอยู่บ่อยๆเพียงแต่มันใช้มีดไปในทางที่ผิดไปปล้นจี้เขา
กรรมมันเลยตามทัน ก็คงเป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้วว่าตี๋ใหญ่เสียชีวิตอย่างไร
ก็เพราะตี๋ใหญ่เองกลับมาหาหลวงพ่อสุด
เพื่อมาขอของดีที่ทำหลุดหายไปเมื่อหนีตำรวจครั้งสุดท้าย
แต่หลวงพ่อท่านรู้ล่วงหน้าว่าต้องมาขอของอีกท่านกลัวว่ามันจไม่จบไม่สิ้น
เพราะความเป็นพระเจ้าคนมาขอความช่วยเหลือยังไงก็ต้องช่วย
ก็คงเหมือนหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระเพชรเม็ดง
มอีกเม็ดหนึ่งที่ใครมาขอให้ท่านสักยันต์ในสมัยก่อน ก็สักให้ทุกรายไป
จนเกิดเรื่องการลองของกันจนตาย (จะเล่ารายละเอียดในช่วงหน้า)
กลับมาเรื่องตี๋ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
เมือมาหาหลวงพ่อไม่พบตี๋ใหญ่จึงออกจากวัดไปโดยไม่เหลียวใจว่าจะเกิดเรื่องแต่ตัวหลวงพ่อท่านรู้อยู่แล้วว่ากรรมของมันตามมาเอาคืนแล้ว
ตำรวจได้ซุ่มดักรออยู่แล้วจากการให้เบาะแสของลูกน้องตี๋ใหญ่คนหนึ่ง
การยิงตอบโต้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับจอมโจรชื่อดังได้เกิดขึ้นตัวผู้เขียนเองเสียดายที่ไม่ได้เก็บภาพไว้ทันเพราะกว่าจะรู้ข่าวก็จบเรื่องเสีย
เพราะสมัยนั้นไม่มีมือถือเทคโนโลยีที่ทันสมัย
พอไปถึงที่เกิดเหตุก็ได้ไปสอบถามจากชาวบ้านได้ความว่าตัวตี๋ใหญ่เอวมิได้เกรงกลัวตำรวจเลยกลับยิงตอบโต้เหมือนจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันตัดสินชะตาตัวเอง
กระสุนปลิวไปปลิวมายังกับสงครามย่อยๆแต่ไม่มีลูกใดเลยที่ถูกตัวตี๋ใหญ่
จนเวลาผ่านไปพอสมควรเหตุการณ์ทุกอย่างก็ปิดฉากลง สิ้นสุดตำนานอันลือลั่น
จอมโจรจอมขมังเวทย์ ยุคนั่นเลยเป็นยุคที่นักเลงหัวไม้ทั้งน้อยใหญ่
มือปืนทั่วสารทิศ วิ่งเข้าหาหลวงพ่อสุด วัดกาหลง เป็นแถว
ท่านจึงตัดสิ้นใจเลิกสักยันต์ คงเหลือไว้เพียงวัดถุมงคล เพียงน้อยชิ้น
เพราะแม้แต่วัตถุมงคลของท่าน
ตัวท่านเองก็มิอยากสร้างเพราะกลัวคนจะนำไปใช่ในทางที่ผิด
ส่วนใหญ่ที่เราเห็นๆกันศิษย์สร้างให้ทั้งนั้น
ตัวผู้เขียนอยู่รับใช้ท่านจนวาระสุดท้าย
หลังจากนั้นตัวผู้เขียนเองก็ได้ไปพบกับหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
ไม่ใช่จากใครที่ไหนหรอก แต่เป็นข่าวดังบนหน้าหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้น
พาดหัวข่าว "กลุ่มวัยรุ่นคึกคนองลองของกันกลางทุ่ง เสียบดับสวนทวารคาที่ "
เหตูเกิดเพราะได้มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งย่านบางพระ นั่งดื่มสุรากัน
เกิดคุยโวโอ้อวดถึงอาจารย์ที่ตัวเองไปสักยันต์ว่าเหนียวแค่ไหน
วัยรุ่นอีกคนก็ไปสักกับอีกอาจารย์หนึ่งมาย่านนั้นก็เกิดความหมั่นไส้
เมื่อโดนท้าเข้ามากๆก็เกิดการลองของขึ้นมา
หยิบขวดเหล้าทำปากฉลามแทงไปที่หน้าอกเต็มแรงเสือขาดกระจุยเห็นลายเสือเผ่นอันโด่งดัง
เมื่อเจ้าตัวก่อเหตุได้ใจว่าตัวเองหนังเหนียวเลยท้าขึ้นอีก
ความโกรธทวีความรุนแรงขึ้น
ชักมีกฟันหญ้ายาวศอกว่าฟันไปที่หลังล้มลงตามแรงมืองานนี้คาดว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
เจ้าตัวดียังลุกขึ้นมามองหน้ากวนประสาทล้อเลียน ถึงครูบาอาจารย์ฝั่งตรงข้าม
เอาละสิเล่นถึงครูใครจะยอม พวกล่อไม้ไผ่ด้ามแหลม ดึงแขนขาเสียบสวนทวาร
***ตัวร้ายร้องลั่นทุ่งด้วยความเจ็บปวด เลือดพุ่งกระจายไปทั่ว
จบตำนานสยอง***หนุ่มหน้ามนคนชอบลองของ จะสมน้ำหน้าก็กระไรอยู่คนตายไปแล้ว
คนสักยันต์หรือคนมีครูอย่างเราๆเขาไม่ทำกันอย่างนี้หรอกมันเป็นการดูถูกครูบาอาจารย์
เรื่องยังไม่จบแค่นั่นเดือดร้อนถึงหลวงพ่อเปิ่น
ซึ่ง***ตัวการหนังเหนียวเรื่องนี้เป็นบุคคลที่มาสักยันต์กับท่าน
ผู้เขียนเองไม่อยากใช้คำว่าศิษย์กับบุคคลประเภทนี้
ทางตำรวจได้มาขอร้องว่าให้หลวงพ่อเลิกทำการสักยันต์เพราะคนที่รับการสักยันต์บางบุคคลได้ไปทำการผิดกฎหมาย
เกเร หลวงพ่อท่านตอนแรกก็ยังมิได้ตัดสินใจเลิก เพียงแต่ตอบไปว่า
ศิษย์ของท่านมีมามายนับไม่ถ้วนมิสามารถควบคุมได้ทุกคน
และคนที่มาสักยันต์เขามาขอความช่วยเหลือ
ความเป็นพระจะปฎิเสธยังไงละ...เพียงไม่นานก็มีพระผู้ใหญ่มาบีบท่านให้เลิก
ก็เลยปิดตำนานเข็มสักอันลือลั่นของลุ่มแม่น้ำนครชัยศรีคลเหลือเพียงแต่พระลูกวัดที่คอยเป็นลูกมือท่านช่วยสักยันต์ให้และให้ท่านคอยเป่ากำกับอีกครั้งหนึ่ง

ตัวผู้เขียนได้เข้าไปหาท่านก็ตอนท่านเลิกสักยันต์แล้วตอนนั้นก็มีท่านเจ้าสัวชื่อดังของภูเก็ตทราบข่าวความดังของหลวงพ่อท่าน
เข้าไปหาพร้อมๆกับตัวผู้เขียนเองท่านคือดร.ไมตรี บุญสูง
คนวงการพระเครื่องและคนภาคใต้รู้จักท่านดี
ดร.ไมตรีท่านผู้นี้แหละศิษย์ฆราวาสแถวหน้าอีกท่านในสายเขาอ้อ
เป็นลูกศิษย์อาจารย์ชุม ไชยคีรีผู้โด่งดังจากผู้ร่วมสร้างพระเสด็จกลับ
ท่านดร.ไมตรีได้มาขอสักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่น
แต่น่าเสียดายท่านได้ออกวาจาไปแล้วว่าวางเข็มไม่สักให้ผู้ใดแล้ว
ท่านดร.ได้แต่เก็บความต้องการไว้ในใจตลอดมาจนวัหนึ่งหลวงพ่อท่านเห็นความตั้งใจอันแน่วแน่
จึงรับดร.ไมตรีเป็นลูกบุญธรรม และทำการสักยันต์สร้อยสังวาลย์ให้
นับว่าเป็นรอยสักสุดท้ายของตำนานเสือเผ่นอันโด่งดัง
ซึ่งการรับดร.ไมตรท่านเป็นลูกบุญธรรมนั่นเป็นการไม่ผิดสัจจะแต่อย่างใดเพราะท่านเอยวาจาว่าจะไม่สักยันต์ให้ศิษยืคนใดแต่ดร.ไมตรีเป็นลูกก็ไม่ได้ผิดข้อตกลงอันใด
เป็นความอันชาญฉลาดของหลวงพ่อท่านที่สามารถแก้ปัญหาไปได้
ตัวผู้เขียนเองก็พยายามขอร่วมแจมด้วยแต่บารมีไม่ถึงเลยได้แค่ลายสักยันต์ของอาจารย์ญาไป
แต่ท่านก็เมตตาเป่ากำกับให้ทุกครั้ง
ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าถึงจะไม่ได้รับการสักยันต์จากท่านแต่ถ้าเราระลึกถึงและมีจิตศรัทธา
ก็เหมือนกัน ตัวผู้เขียนได้ทำการสักเสือเผ่นไว้ที่หน้าอก มีเก้ายอดแปคทิศ
ตบท้ายด้วยหมูทองแดง
ประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการสักยันต์ของท่านนั้นก็มากมายเหลือเกินแต่ครั้งที่จำได้เสมอไม่เคยลืม
พึงเข้าใจว่าของแรงเป็นอย่างนี้เอง
ก็ตอนที่ตัวผู้เขียนถูกลูกหลงจากการทำข่าวพฤษภาทมิฬ
คนที่อยู่ในเหตุการณืวันนั้นคงทราบโดยเฉพาะนักข่าวอย่างเราๆ เป็นตายเท่ากัน
กระสุนโดนเข้าเต็มอก ไม่ใช่ดอกเล็กๆนะ เอ็ม16เม็ดเท่าดินสอแท่งใหญ่
ตัวกระเด็นไปไกลมากคิดว่าไม่รอดแน่แล้ว วันนั้นพระติดตัวก็มีแค่หลวงพ่อจง
หลวงพ่อสุด หลวงพ่อเปิ่น และลายสักยันต์หลวงพ่อเปิ่น
เพื่อนร่วมชะตากรรมเล่าให้ฟังว่า ตัวผู้เขียนไม่ได้แค่โดนนัดเดียว
เพราะดูจากกระเป๋ากล้ง และเสื้อกั๊กที่ใส่รูไม่ต่ำกว่าห้านัด
เห็นกระเด็นไปไกลมากไม่นึกว่าจะรอดทุกคนนอนก้มลงกับพื้นเสียงร้องดังลั่น
คนตกใจกันทั่วตัวเพื่อนผู้เขียนเองกว่าจะลุกขึ้นตามหาเจอก็เกือบครึ่งชั่วโมง
โดนหิวไปอยู่ข้างริมถนน ข้าวของแตกหักเสียหายไปหมด รอดมาได้
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
คุณครูบาอาจารย์โดยแท้ที่รอดมาได้สิ่งศักสิทธิ์เวลาท่านช่วยก็มาช่วยตอนที่เราเดือดร้อนจริงๆและ***จำพวกชอบลองของ
ของขึ้นแบบคิดไปเองเลิกเถอะหลานๆเอ๋ย!!
เป็นการดูถูกครูบาอาจารยืชีวิตมันจะไม่เจริญเอานะ ตัวเราเองนั่นแหละรู้ดี
อย่าสร้างกระแสความนิยมของขึ้นหรือการลองของเลย
ตัวหลวงพ่อท่านเองก็เคยพูดต่อหน้าศิษย์นับพันเลย ว่า
พวกของขึ้นมันจิตอ่อนคิดไปเอง ความศักสิทธิ์เกิดจากความศรัทธา
และความเชื่อมั่น ครูบาอาจารย์ก็จะคุ้มครองเอง
เด็กๆสมัยนี้คงไม่เคยได้ยินคำนี้เพราะคงไม่ทันหลวงพ่อ
ลองเอาคำถามนี้ไปถามหลวงพ่อแล วัดพระทรง หรือหลวงพ่อ
ที่สักยันต์ชั้นแนวหน้าคนไหนดูก็ได้ ว่าของขึ้นเป็นอย่างไร
แต่ตัวผู้เขียนเองไม่ปฎิเสธว่าไม่มีเลยทีเดียว
แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็เคยของขึ้นเมื่อได้ไปสักยันต์กับอาจารย์เสือ
ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเคยเล่าเรื่องท่านไปบางส่วน
ตัวผู้เขียนได้ไปทำการสักยันต์พาลีกับท่าน
ตัวลูกศิษย์อาจารย์เสือท่านเตือนว่าสักของพวกลิงพวกหนุมาณจากอาจารย์เสือไประวังหน่อยนะเดี๋ยวจะมีเรื่องมีราวรับน้องกันเสียก่อน
ตัวผู้เขียนเองก็แก่คราวลุงแล้วจะให้ไปรับน้องสถาบันไหน
เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงนั่งทานข้าวต้มกับลูกน้อง
โดนมือดีข้างโต๊ะทะเลาะกันมีของแถมโยนขวดมาโดนศรีษะดังเปรี้ยง ของขึ้นเลย
พึ่งเคยเป็นครั้งแรกในชีวิต
ตอนฟุบตัวลงไปเหมือนคนกึ่งหลับกึ่งตื่นแต่เห็นตัวเราเองไปลุยกับวัยรุ่นกลุ่มใหญ่อย่างลืมอายุ
ลูกน้องเล่าให้ฟังว่าตัวผู้เขียนเมื่อโดนขวดล้มลงไปแล้วก็ลุกขึ้นหน้าตาดุดันร้องเสียงกระโฉกโหกหาก
พ่มตัวกระโดดปล้ำตะลุ่มบอนอย่างไม่เกรงกลัวเรียกได้ว่า5ต่อ1
พวกวัยรุ่นทั้งรุ่มทั้งต่อย
แต่ก็สู้แบบไม่รู้สึกเหนื่อยจนพวกวัยรุ่นวิ่งหนีเตลิดไปรู้สึกอีกทีก็หน้าบวมแต่ไม่ยักมีเลือดแต่บวมมากๆดูหน้าตากันไม่ออกเลย
ลูกน้องรีบวิ่งมาดูบอกคำเดียวว่าต้องเย็บแต่
ตัวผู้เขียนเองแค่นำผ้าเย็นมาลูบหน้าสักพักก็ยุบเองสร้าความประหลาดใจให้ลูกน้องมาก
ว่าอายุอานามก็ขนาดนี้แล้วเอาแรงมาจากไหน ตัวผู้เขียนก็ได้แต่ยิ้มและบอกว่า
ของดีเขาไม่ให้อวดกัน พวกขี้อวดไปไม่รอดหลอก
นั้นถือประสบการณ์ของชายวัยใกล้ปลดเกษียณ ที่ทำให้เด็กรุ่นลูกเห็น
กลับไปคราวนี้ได้พูดคุยกับเรื่องนี้กับท่านอาจารย์เสือ
ท่านบอกว่าครูของสายท่านแรงมากนะอย่าได้ล้อเล่น
การที่โดนคราวนี้ท่านเตือนให้มีสติ ทำอะไรให้ครองสติเอาไว้
พวกกินเหล้าเมายาไม่มีสติครูบาอาจารย์ท่านไม่ชอบหลอก
ท่านขึ้นให้เห็นว่ามีอยู่จริงให้รักษาเอาไว้ให้ศรัทธาและเชื่อ
อย่าเอาไปใช้อย่างไม่มีความคิด พอถึงเวลาเข้าจริงๆแล้วใครจะมาช่วยเรา
ถ้าตัวเราเอาไปลองของจนไม่เหลืออะไรแล้ว
แล้วทำไมตอนสักยันต์ถึงไม่ขึ้นเหมือนท่านอาจารย์อื่นๆละ..เป็นคำถามที่ผู้เขียนถามเพราะความอยากรู้

ท่านตอบว่าก็อย่างที่พูดนั่นแหละขึ้นซะตอนนี้แล้วเอาเข้าจริงอย่างที่เอ็งไปเจอแล้วใครจะช่วย
เออจริง !! ซุปเปอร์แมนไม่ได้บินมาช่วยเราทุกวัน
ถ้าวันหนึ่งเรามัวแต่ลองของเพราะความอยากรู้เอาอขาจริงคงลำบาก
แต่โดยส่วนตัวของผู้เขียนคิดว่าท่านอาจารย์เสือไม่อยากทำให้ของขึ้นทั้งๆบางทีมีศิษย์มาให้ปลุกก็ขึ้นบ่อยๆ
อาจเป็นเพราะท่านไม่อยากให้เกิดความคึกคะนองได้ใจ
ตัวผู้เขียนเคยเขียนประวัติท่านลงในคอลัมน์พระเครื่องเล่มหนึ่งนานมาแล้วเมื่อ5-6ปีก่อนตอนท่านอยู่คลองถม

ท่านอาจารย์เสือถึงจะมีอายุน้อยกว่าตัวผู้เขียนแต่ความนับถือของผู้เขียนเองมิได้น้อยตามอายุเลย
เพราะชื่อเสียงของท่าน และความที่ท่านเป็นคนตรง พูดจริงทำจริง
มิเคยมีประวัติที่เสียหายอันใด เรียนมาจากพระอาจารย์จริง
เรียนจากท่านไหนมามีหลักฐานเป็นภาพถ่าย ตำราทุกท่าน มิได้โคมลอยขึ้นมา
การที่เป็นอาจารย์ทางสายนี้ได้ต้องรู้ทุกด้าน รู่เรื่องราวที่สืบทอดกันมา
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีที่มาและที่ไป มีครูถึงมีศิษย์
ไม่ใช่เอายันต์ใครมาและบอกว่าเป็นของตัวเอง
ตัวท่านอาจารย์เสือไม่เคยพูดว่าท่านเป็นผู้วิเศษเลยท่านจะเรียกตัวเองว่าศิษย์มีครู
เราเป้นแค่ผู้มีวิชา วิชาเกิดจากการเรียนรู้ ต้องมีครู
ถึงเรียนมาจากหนังสือก็เป็นครูเหมือนกัน ตัวเราเอง
ที่ทำของเสกของได้ดีก็เพราะครูบาอาจารย์ท่านมาช่วยเราเกิดมาตัวเปล่ามิได้มีอะไรติดตัวมา
ท่านเป็นคนถ่อมตัวมาก คมในฝัก เป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยชอบพบปะผู้คน
มีความเป็นส่วนตัวสูง พระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆก็เป็นแบบนี้หลายท่าน
ท่านเคยพูดกับผู้เขียนหลายครั้งว่าอยากจะหยุดสักยันต์
เพราะธุรกิจทางบ้านเยอะมากไม่มีเวลาดูแลทั่วถึง
ไหนจะกิจของสงฆ์ที่มาให้ช่วยสร้างพระ ปลุกเสกวัตถุมงคล
แค่นี้วันๆก็ไม่พักผ่อนแล้ว
เดี๋ยวนี้ใครจะพบท่านต้องนัดล่วงหน้าไม่อย่างงั้นส่วนใหญ่อด
ท่านอาจารย์เสือมักพูดกับศิษย์ทุกคนเสมอๆว่าเอาของดีเราเก็บไว้บูชาเมื่อเราไม่อยู่หรือไม่มีเวลาช่วยแล้ว
ยังมีของๆเราไว้ช่วยเหลือ จะไม่โดนใครหลอกลวง
มีลูกศิษย์ท่านหนึ่งทำกิจการโดนคู่แข่งกลั่นแกล้ง ทั้งคดีฟ้องร้อง
ส่งคนมาข่มขู่แถมร้ายสุดโดนทำของใส่ มาหาอาจารย์เสือตามคำแนะนำของเพื่อน
ท่านไม่พูดอะไรมากมอบวัวธนูตัวเล็กไปตัวหนึ่งและแนะนำวิธีใช่ให้แล้วบอกไม่ต้องห่วงอะไรพ่อวัวบูชาเขาดีๆยึดติดเข้าไว้ให้มากๆ
ทุกอย่างจะสมหวัง ปรากฎว่า
ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งศิษย์คนนี้กลับมาพร้อมบายศรีชุดใหญ่มาถวายให่อาจารยืเสือบอกทุกอย่างสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อคดีความชนะ
คนที่ส่งมาทำร้ายก็เกิดอุบัติเหตุปางตาย
ของที่ถูกส่งมาได้ข่าวว่าอาจารย์ผู้กระทำเป็นบ้าเป็นบอไป
เป็นเรื่องที่หน้าประหลาดมากสำหรับวัวธนูของท่านถ้าใครได้ไปหาท่านจะเห็นวัวธนูที่ท่านบูชาอยู่เรียงรายคอยเป็นกำแพงกั้นผู้ที่ไม่หวังดีมาทำร้ายอาจารย์และยังสามารถให้โชคให้ลาภแก่ศิษย์ได้
มีศิษย์ท่านหนึ่งเปิดร้านค้าTattoo บริเวรใกล้เคียง รถที่ซื้อมาป้ายแดงหาย
มาขอความช่วยเหลือท่านอาจารย์เสือ
ท่านให้บอกลองบนพ่อวัวดูสิท่านเก่งนักเรื่องนี้ เพียงแค่เดือนเดียว
รถกลับมาจอดในสภาพเดิมป้ายยังแดงอยู่ทั้งๆในใจเจ้าของคิดว่าปานนี้คงข้ามฝากไปชายแดนหรือไม่ก็เป็นอะไหล่ไปแล้ว
ต้องกลับมาแก้บนพ่อวัวยกใหญ่
หลายๆท่านไปหาอาจารย์เสือมักถูกพ่อกุมารทั้งหลายที่ท่านเลี้ยงอยูแกล้งประจำบางคนโดนจี้เอว
โดนสะกิตหลังจนตกใจกันเป็นแถว
ท่านอาจารย์เสือบอกว่ากุมารของฉันเลี้ยงมาเป็น30ปีเลี้ยง
ทุกองค์ก็แรงๆทั้งนั่นละนะซนจนห้ามไม่อยู่บางคนโดนเข้าฝันให้ซื้อขนม
น้ำแดงมาฝาก บางคนบนอะไรก็ได้อย่างรวดเร็ว
ของดีๆท่านมีเยอะมากเรียกได้ว่าอยากได้อะไรบนได้ทุกอย่าง
...ท่านที่เดือดร้อนร้องมาขอความช่วยเหลือดู
ส่วนตัวผู้เขียนเองเมื่อปลายปีบนขอรถประจำตำแหน่งสักคัน
ก็สมหวังอย่างหน้าประหลาดใจแก้บนกันยกใหญ่
ช่วงเร็วๆนี้ท่านอาจารย์เสืออาจต้องไปที่เขมรบ่อยครั้งเพื่อไปทำธุระ
ยังไงท่านใดต้องการไปพบท่านกรุณาโทรล่วงหน้านัดท่านด้วย ส่วนศิษย์พี่
ๆน้องๆทั้งหลายอย่าลืมนะครับทุกวันพฤหัสเราครอบครูกันทุกอาทิตย์เพื่อความเป็นศิริมงคล
ขออโหสิกรรมในสิ่งที่เราทำผิดไปกับครูบาอาจารย์ บุหรี้ พวงมาลัย เงินพานครู19
บาทเท่าเดิม
ส่วนตัวผู้เขียนตอนนี้รับงานนอกเขียนเรื่องพระเกจิอาจารย์หลายๆท่านลงหนังสือพระเล่มหนึ่งอยู่
ข่าววงในหลายๆเรื่องจะมาเล่าสู่กันฟัง มีหลายท่านถามเรื่อง จตุคามรามเทพ
คือใครทำไมดังนัก เห็นแขวนกันองค์เท่าจานบิน จะเล่าให้ฟังในคราวหน้า
แต่ผู้เขียนเตือนไว้นิดหนึ่งว่ามีบุคคลเข้ามาทำเป็นธุรกิจในสายจตุคามมากขึ้น
รุ่นไหนที่แพงไปวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจนก็เลี่ยงๆนะโยม แล้วเจอกัน
ศิษย์สายเข็มทองอาจารย์หนุ่ม วัดบางแวก จรัญ13 ไหว้ครูใหญ่ วันที่29มิถุนายนนะ
พร้อมเพรียงกัน หลวงพ่อบุญสิงห์ วักกลางดาวคะนองเดือนหน้า
จำวันที่ไม่ได้ใครรู้บอกหน่อย
ชอบเรื่องฝังเหล็กไหลแท้จะมาบอกคราวหน้าว่าที่ไหนของจริงอย่าไปฝังมั่วๆนะจะเตือย
เหล็กไหลปลอมฝังไปเป็นสนิมขั้นตายเลยนะท่าน เจอกันครามหน้า สามเณรใจสิงห์


ออฟไลน์ ลูกผู้ชายตัวจริง

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 741
  • เพศ: ชาย
  • กูจะกลับมากู้แผ่นดิน ให้พ้นภัยศัตรู
    • MSN Messenger - namo159@HOTMAIL.COM
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ดร.ไมตรี บุญสูง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 02 เม.ย. 2550, 11:43:39 »
ท่านคือดร.ไมตรี บุญสูง
คนวงการพระเครื่องและคนภาคใต้รู้จักท่านดี
ดร.ไมตรีท่านผู้นี้แหละศิษย์ฆราวาสแถวหน้าอีกท่านในสายเขาอ้อ
เป็นลูกศิษย์อาจารย์ชุม ไชยคีรีผู้โด่งดังจากผู้ร่วมสร้างพระเสด็จกลับ
ท่านดร.ไมตรีได้มาขอสักยันต์กับหลวงพ่อเปิ่น
แต่น่าเสียดายท่านได้ออกวาจาไปแล้วว่าวางเข็มไม่สักให้ผู้ใดแล้ว
ท่านดร.ได้แต่เก็บความต้องการไว้ในใจตลอดมาจนวัหนึ่งหลวงพ่อท่านเห็นความตั้งใจอันแน่วแน่
จึงรับดร.ไมตรีเป็นลูกบุญธรรม และทำการสักยันต์สร้อยสังวาลย์ให้
นับว่าเป็นรอยสักสุดท้ายของตำนานเสือเผ่นอันโด่งดัง
ซึ่งการรับดร.ไมตรท่านเป็นลูกบุญธรรมนั่นเป็นการไม่ผิดสัจจะแต่อย่างใดเพราะท่านเอยวาจาว่าจะไม่สักยันต์ให้ศิษยืคนใดแต่ดร.ไมตรีเป็นลูกก็ไม่ได้ผิดข้อตกลงอันใด