ผู้เขียน หัวข้อ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ก.ย.๕๓  (อ่าน 886 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
รอยทางและรอยธรรม...๕ ก.ย.๕๓
« เมื่อ: 06 ก.ย. 2553, 09:33:30 »


ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
 ๖ กันยายน ๒๕๕๓
.....รอยทาง.....
                    ทำกิจวัตรของสงฆ์ในภาคเช้าเสร็จแล้ว สั่งให้พระทั้งวัดกลับไปจัดของใช้จำเป็นส่วนตัว
เพื่อจะสัตตาหะ(ลาพรรษา)ไปร่วมงานศพโยมแม่ของพระอาจารย์ที่อยู่จำพรรษาด้วยกัน ที่อำเภอภูเขียว
จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งโยมแม่ที่เสียนั้น ในพรรษาที่แล้ว ท่านได้มาปฏิบัติธรรมด้วยกันตลอดพรรษาที่วัดทุ่งเว้า
จ.มุกดาหาร จึงคุ้นเคยกันดี ปีนี้ท่านสุขภาพไม่ดี จึงไม่ได้มาปฏิบัติธรรมด้วยกันในพรรษานี้ และเมื่อทราบข่าว
ว่าท่านเสียชีวิต จากพระอาจารย์ที่ท่านลาพรรษาไปเฝ้าไข้โยมแม่ล่วงหน้าก่อนแล้ว คณะสงฆ์จึงมีมติร่วมกัน
ว่าควรที่จะไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพโยมแม่ของพระอาจารย์ท่าน เพราะคุ้นเคยกันและอยู่จำพรรษาด้วยกัน
มานานแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๙ เพื่อเป็นการแสดงน้ำใจต่อกัน ออกจากวัดที่มุกดาหารประมาณสี่โมงเช้า
ไปถึงที่ภูเขียวประมาณ ๑๖.๓๐ น. เข้าไปพักสรงน้ำที่ป่าช้าวัดบ้านบัวพักเกวียน ตอนค่ำเวลา ๑๘.๐๐ น.
ออกมาเป็นเจ้าภาพพระสวดอภิธรรม หลังจาำพระที่นิมนต์มาสวดพระอภิธรรมสวดเสร็จและกลับวัดแล้วนั้น
ก็นิมนต์พระที่จำพรรษาด้วยกันจำนวน ๘ รูป ขึ้นสวดพระสะหัสสะนัยเพื่อแผ่บุญกุศลแด่โยมแม่ที่ทำกาละไป
ปัจจัยที่ญาติโยมถวายมานั้นพระที่สวดทุกรูปก็ถวายพระอาจารย์ลูกชายเพื่อร่วมบุญต่อไปทั้งหมดด้วยความเต็มใจ
สวดพระสะหัสสะนัยเสร็จ กลับมาจำวัตรที่ป่าช้าวัดบ้านบัวพักเกวียน เพราะพักในวัดนั้นดูแล้วไม่สะดวกเท่าที่ควร
กลัวจะเป็นการรบกวนพระในวัดท่าน จึงขอมาพักที่ศาลาปฏิบัติธรรมในป่าช้าจะสะดวกกว่าเพราะจะได้พักอยู่ที่เดียว
กันหมดทั้ง ๙ รูป  ตื่นกันประมาณตีสามกว่า เพราะว่ามีกิจนิมนต์ที่ อ. ปากคาด จ.หนองคาย เจ้าภาพเขานิมนต์ไว้
ล่วงหน้านานแล้ว จึงไม่ได้อยู่ร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ออกจากภูเขียวประมาณตีสี่กว่าๆ ไปแวะฉันเช้าที่ จ. อุดรธานี
เวลาประมาณ ๐๗.๓๐ น. เจ้าของร้านมีศรัทธาเพราะว่าพระ ๙ รูป มาลูกค้าประเดิมเปิดร้านให้ เลยไม่คิดเงิน
ถวายภัตราหารเช้าแก่พระคุณเจ้า เลยให้พรและแจกวัตถุมงคลให้แก่เจ้าของร้านและเด็กๆในร้านทั่วกันทุกคน
เป็นการตอบแทน ไปถึงบ้านงานที่นิมนต์ไว้ประมาณ ๐๙.๓๐ น. ทำพิธีบวงสรวงและสวดถอนของในพื้นที่ก่อน
แล้วจึงเจริญพระพุทธมนต์ สวดเสริมอายุ สะเดาะพระเคราะห์ เสริมบารมี ให้แก่เจ้าภาพและครอบครัว เจ้าภาพ
ถวายสังฆทานแล้ว กล่าวนำคำ อุทิศทาน อธิษฐานจิต ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ให้พรเสร็จแล้ว จึงได้
ฉันภัตราหารเพลกัน ออกจาก อ.ปากคาดเที่ยงตรง วิ่งรถเลาะเลียบแม่น้ำโขงกลับมุกดาหาร กลับมาถึงวัดทุ่งเว้า
เวลา ๑๘.๑๖ น. จึงได้มาเขียนบันทึก รอยทางและรอยธรรม
....รอยธรรม....
                   ในการเดินทางแต่ละครั้งนั้น มีหน้าที่พิเศษคือ ต้องเป็นคนนำทาง คอยบอกเส้นทางให้แกคนขับรถ
เพราะคนขับรถวัดนั้นเก่งเส้นทางแต่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร ถ้าออกพ้นเขตจังหวัดมุกดาหารแล้วไปไม่เป็นเพราะไม่
รู้จักเส้นทาง จึงเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องคอยบอกเส้นทาง เวลาเจอทางแยกให้เลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา และต้องบอก
เส้นทางข้างหน้าว่าจะไปทางอำเภอไหน ทำให้ต้องมีสติและสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลาในขณะเดินทาง เป็นการปฏิบัติ
ธรรมไปในตัว เพราะต้องมีความรู้ตัวทั่วพร้อมลืมตาอยู่ตลอดเวลา เผลอหลับหรือเข้าสมาธิไม่ได้เลย จึงใชเวลาให้เป็น
ประโยชน์ในขณะเดินทางด้วยการเจริญสติและพิจารณาธรรมไปพร้อมกัน...
....ชีวิตเป็นของน้อยนิด ทุกขณะจิต กำลังเดินไปสู่ความตาย จึงต้องฝึกวางจิตก่อนตาย ฝึกปล่อยวางธาตุขันธ์ก่อนตาย
ไม่ไปโวยวายตกใจกลัวกับธาตุขันธ์ที่มันเสื่อมไป ธาตุมันจะแตกจะดับก็เป็นเรื่องของธาตุ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ต้อง
เป็นไป แต่ใจเรานั้นไม่ได้ดับ ยังรับรู้และเห็นความเสื่อมของธาตุนั้นอยู่ ที่เราไปโวยวายตกใจกลัวนั้น ก็เพราะว่าเราเข้าไปยึดถือ
มันจึงเป็นอุปาทานขันธ์ ซึ่งถ้าเราละวางอุปทานเสียได้ ไม่เข้าไปยึดถือจนเกินไป ใจเราก็จะสงบและไม่เป็นทุกข์กับความเสื่อมไป
ของธาตุทั้งหลายนั้น เพราะทุกอย่างในโลกนี้ มันเป็นเช่นนั้นเอง คืออยู่ภายใต้กฏของพระไตรลักษณ์ การเกิดขึ้น การตั้งอยู่
และการดับไปนั้น มันเป็นเรื่องของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
....รอยกวี....
                สรรพสิ่ง  เคลื่อนไหว  ไม่หยุดนิ่ง
            คือความจริง   ที่เห็น       และเป็นอยู่
            ใช้สติ         ใคร่ครวญ    ทบทวนดู
            ก็จะรู้          และเข้าใจ   ในหลักธรรม
                            มีเกิดขึ้น      ตั้งอยู่    แล้วก็ดับ
                           เปลี่ยนสลับ   กันไป    เหมือนเช้า-ค่ำ
                           มีสีขาว        ก็ย่อมมี  ทั้งสีดำ
                          เพื่อเตือนย้ำ   ความแตกต่าง  สองอย่างกัน
                                            และเมื่อเรา    วางใจ   ไม่ยึดถือ
                                            สิ่งนั้นคือ      ของเรา   เข้าถือมั่น
                                            เมื่อใจว่าง    ก็วางได้   โดยเร็วพลัน
                                            สิ่งสำคัญ     คือใจ      เป็นประธาน
                                                            เริ่มที่ใจ    ที่จิต     ต้องคิดก่อน
                                                         โดยการย้อน  มองสิ่ง  ที่พ้นผ่าน
                                                          เอาเป็นครู    เรียนรู้     ประสพการณ์
                                                          นั่นคืองาน    ของจิต    ที่คิดทำ
           การทำดี  ต้องเริ่มที่   การฝึกคิด
           ฝึกทำจิต    คิดดี      หลายทีซ้ำ
           คิดอะไร    ก็ให้ดี     มาชี้นำ
           คือฝึกทำ  ฝึกจิต     ให้คิดเป็น
                        คิดเพื่อหา   เหตุผล   ต้นความคิด
                        คือฝึกจิต     ให้รู้       ดูให้เห็น
                        ทำประจำ    จากเช้า   จนถึงเย็น
                        และไม่เว้น   ฝึกทำ     จนชำนาญ
                                        ให้ใจเรา    นั้นอยู่   กับกุศล
                                         เป็นมงคล  ชีวิต     จิตอาจหาญ
                                         ทำสิ่งใด  ก็รู้เท่า    ทันเหตุการณ์
                                         นี่คือการ   ฝึกสติ   ให้รู้ทัน
                                                      ระลึกรู้     ให้เห็น   ความเป็นอยู่
                                                      โดยตามดู  ความคิด  จิตเรานั้น
                                                      แยกถูกผิด  ชั่วดี      ออกจากกัน
                                                      ให้ใจนั้น   มีสติ       มาคุ้มครอง
                                                              .......................
                                                      ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
                                                             รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๖ กันยายน ๒๕๕๓ เวลา ๒๑.๓๓ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย
                                                           
                                                         
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ~@เสน่ห์เอ็ม@~

  • ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย พระคุณบิดามารดาผู้มีพระคุณ แล ครูบาอาจารย์ผู้เกื้อหนุน สาธุ..
  • เด็กวัด
  • *****
  • กระทู้: 5894
  • เพศ: ชาย
  • ศิษวัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ก.ย.๕๓
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 06 ก.ย. 2553, 10:57:26 »
กราบมนัสการพระอาจารย์ที่เคารพ   :054:

ขอใว้อาลัยให้กับโยมคุณแม่ของพระสหายธรรมของพระอาจารย์ด้วยครับ   :054:

กราบขอบพระคุณสำหรับเรื่องราว รอยทาง รอยธรรม รอยกวีคำสอน   :054:
          การทำดี  ต้องเริ่มที่   การฝึกคิด
           ฝึกทำจิต    คิดดี      หลายทีซ้ำ
           คิดอะไร    ก็ให้ดี     มาชี้นำ
           คือฝึกทำ  ฝึกจิต     ให้คิดเป็น

ศิษย์ขอนอบน้อมใว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไปครับ  :054:

ออฟไลน์ NONGEAR44

  • นวมะ
  • ****
  • กระทู้: 669
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - en2005f@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: รอยทางและรอยธรรม...๕ ก.ย.๕๓
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 07 ก.ย. 2553, 08:51:56 »
กราบนมัสการพระอาจารย์ครับ ขอบพระคุณมากครับ

   ขอใว้อาลัยให้กับโยมคุณแม่ของพระสหายธรรมของพระอาจารย์ด้วยครับ