ผู้เขียน หัวข้อ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)  (อ่าน 2944 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
« เมื่อ: 15 มี.ค. 2554, 10:59:58 »
วิญญาณแม่ (ข่าวสด)

          "พัชรา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวันสอบพิเศษ ดิฉันเป็นครูโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพฯ นี่เองค่ะ เป็นโรงเรียนเอกชนแต่ค่าเทอมไม่แพงเลย ดังนั้น จึงมีผู้คนทุกระดับพาลูกหลานมาเรียน แม้จะมีแค่ชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6 เท่านั้นก็ตาม

          ผู้ปกครองล้วนวางใจในการเรียนการสอนที่นี่ ซึ่งเป็นที่เลื่องชื่อว่าวิชาแข็งและเข้มข้น เด็กที่จบ ป.6 จะเป็นเด็กเก่งพร้อมเรียนต่อระดับมัธยม ไม่ว่าจะไปสอบเข้าที่ไหนก็ไม่ผิดหวัง

          ดิฉันเป็นครูสอนวิชาภาษาไทย และทำหน้าที่ประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้วยค่ะ เด็กห้องดิฉันอยู่ระดับปานกลางแต่นิสัยดี ไม่เครียดและก็ไม่ดื้อ เกือบทุกคนจะเรียนพิเศษตอนเย็น ซึ่งปกติโรงเรียนจะเลิกสามโมงครึ่ง แต่พวกเรียนพิเศษจะเลิกตอนห้าโมงเย็น จะว่าไปแล้วสิ่งที่สอบก็คือการบ้านนั่นเองค่ะ

          เด็กพวกนี้จะทำการบ้านเสร็จที่โรงเรียนเรียบร้อยเลย คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเหนื่อยเคี่ยวเข็ญเองที่บ้าน ได้ข่าวว่าถ้าให้ไปทำการบ้านเองละก็กว่าจะได้นอนก็โน่น...ไม่สองยามก็ตีหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่จึงยินดีให้ลูกเรียนพิเศษกันทั้งนั้น

          ถึงแม้จะมีกำหนดเวลาว่า การสอนพิเศษตอนเย็นนั้นเลิกห้าโมง แต่ก็มีนักเรียนหลายคน โดยเฉพาะห้องที่เรียนอ่อน ทำการบ้านไม่เสร็จ คุณครูบางคนก็ขยันกวดขัน ทั้งเด็กทั้งครูบางห้องจึงกลับเย็นย่ำค่ำมืด อย่างห้อง ป.6 ของครูติ๊ก ห้องที่เด็กเรียนอ่อนที่สุด คะแนนต่ำและบางคนมีปัญหา

          ครูติ๊กเป็นครูที่หวังดีต่อเด็กๆ อย่างยิ่ง ดิฉันรับประกันได้ เธอสู้อุตส่าห์เสียสละเวลาอยู่สอนเด็กๆ อย่างอดทน ส่วนมากกว่าจะกลับได้ก็เกือบทุ่มแน่ะค่ะ ถ้าเป็นฤดูร้อนก็ค่อยยังชั่วเพราะฟ้าจะเริ่มมืดพอดี แต่ถ้าเป็นฤดูหนาวละก็ ห้าโมงครึ่งก็มืดตึ๊ดตื๋อแล้ว

          เรื่องขนหัวลุกของเราเกิดขึ้นในตอนค่ำของเดือนธันวาคมปีกลาย! วันนั้นดิฉันมีงานเยอะ แม้เด็กนักเรียนห้องดิฉันจะกลับไปหมดแล้ว แต่ดิฉันก็นั่งตรวจงานต่อ ทั่วทั้งตึกปิดไฟหมดแล้ว แต่ดิฉันรู้ว่าห้องครูติ๊กซึ่งอยู่ชั้นบนของดิฉันยังมีนักเรียนเหลืออยู่อีก 2-3 คน ครูติ๊กบอกว่า ถ้าเสร็จแล้วจะมาตามดิฉันเองเพื่อกลับบ้านด้วยกัน บ้านเราไปทางเดียวกันค่ะ บางทีเราอาจจะแวะไปกินข้าวแถวๆ นี้ก่อนก็ได้

          หนึ่งทุ่มสิบห้านาทีครูติ๊กเดินลงมา สีหน้าท่าทางเธอเหนื่อยไม่เบาเลย ดิฉันรีบเก็บข้าวของแล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้อง โดยปิดไฟและปิดประตูเรียบร้อย จากนั้นก็ลงบันไดกันมาสองคน ลานตึกข้างล่างโล่งยาวตลอด ดูมืดสลัวเพราะเปิดไฟนีออนไว้แค่ดวงเดียว
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 15 มี.ค. 2554, 11:01:21 »
ทันใดนั้น ดิฉันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างท้วมๆ ผมดัดสั้นพองฟู สวมชุดทำงานแบบราชการ นั่งอยู่ที่เก้าอี้ ซึ่งเป็นที่นั่งของบรรดาผู้ปกครอง เธอนั่งเพียงลำพังในบรรยากาศเงียบเหงาวังเวง เราต้องเดินผ่านเธอในระยะใกล้ และขณะที่กำลังจะถึงตัวเธอ ครูติ๊กก็สะดุ้งโหยง ชะงักฝีเท้าอย่างตกใจ สีหน้าเหมือนถูกผีหลอก ปากสั่นระริก ดิฉันนึกว่าเธอตกใจที่จู่ๆ ก็เห็นผู้ปกครองมานั่งอยู่อย่างนั้น

          "คุณแม่ยังไม่กลับหรือคะ? ลูกอยู่ไหนล่ะคะ?" ดิฉันถามแต่ครูติ๊กกระตุกมืออย่างแรง เธอหลับตาปี๋แล้วฉุดดิฉันรีบเดินจนแทบวิ่ง มีอาการสติแตก ร้องหวีดแล้ววิ่งเตลิดไปถึงหน้าประตูแล้วล้มลงกองกับพื้นถนน...

          คุณพระช่วย! ครูติ๊กหายใจหอบและเริ่มร้องไห้ แต่ก็ยังละล่ำละลักให้ดิฉันรีบเรียกแท็กซี่ ดิฉันประคองเธอลุกขึ้น พอดีแท็กซี่แล่นมาคันหนึ่ง...ไม่ช้าเราก็นั่งรถออกจากหน้าโรงเรียน อาการครูติ๊กค่อยดีขึ้นหน่อย เธอขอให้ดิฉันตามไปส่งถึงบ้าน ดิฉันก็ไม่ขัดข้อง

          เมื่อถึงบ้านครูติ๊ก เธอกินยาลมและนั่งสงบสติอารมณ์พักใหญ่ จากนั้นก็เล่าให้ฟัง "ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คน! เขาตายแล้ว..." ครูติ๊กเสียงระโหยเต็มที่...

          เรื่องมีอยู่ เธอผู้นั้นเป็นคุณแม่ของเด็กนักเรียนชั้น ป.6 เมื่อสองปีก่อน เด็กคนนี้มีปัญหาทางบ้าน พ่อแม่แยกกัน เด็กซึมเศร้า ไม่เรียน ไม่ทำการบ้าน ครูติ๊กจึงเชิญเธอมาในเย็นวันหนึ่งเพื่อคุยกันเรื่องนี้ แต่เธอถูกรถชนตายคาที่ ครูติ๊กจึงรู้สึกผิดมาตลอด... ถ้าไม่ใช่เพราะเชิญเธอมา เธอก็คงไม่ตายสยองอย่างนี้หรอก ครูติ๊กจำได้แม่น เพราะตอนยังมีชีวิตอยู่ได้คุยกันเสมอ

          ดิฉันฟังแล้วทั้งกลัวทั้งสงสาร มันสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เราเห็นแสดงว่าเธอยังห่วงลูกของเธออย่างมาก จิตใจเธอผูกพันกับการมาคอยรับลูกอยู่เสมอ แม้จะเหลือเพียงวิญญาณ... เธอจะรู้ไหมนะว่าลูกเธอได้เข้าโรงเรียนมัธยมแล้ว และกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2

          ดิฉันกับครูติ๊กเป็นไข้สูงกันทั้งคู่ในวันรุ่งขึ้น และจากนั้นมาเราไม่ยอมกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ อีกเลย ห้าโมงปุ๊บปิดหนังสือ บอกเด็กๆ กลับบ้านทันที และอย่างเคร่งครัดเชียวล่ะค่ะ!



ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสด
คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด
http://hilight.kapook.com/view/37709
(ลอกเค้ามาต้องอ้างอิงที่มา)

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 15 มี.ค. 2554, 11:14:30 »
นั่งสมาธิพบวิญญาณแม่เปรตผู้บรรลุโสดาบัน
 
ข้าราชการสาวซีเจ็ดสาวกผู้เลื่อมใส่ศรัทธานักบวชผู้สอนวิปัสสนากรรฐาน
ยึดมั่นในคำสอนและปฏิบัติตามท่านอาจารย์ผู้อ้างตนว่าบรรลุพระอรหันต์แล้ว
ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพราะหวังจะได้บรรลุธรรมวิเศษเป็นพระโสดาบันตามแม่
ซึ่งได้ไปสู่พุทธภูมิไปอยู่กับพระพุทธองค์แล้ว
หลังจากที่แม่ได้ละและสละสังขารไปเมื่อสามปีที่แล้ว
เจ้าสำนักสอนวิปัสสนากล่าวรับรองและยืนยันว่าแม่ได้บรรลุโสดาบันแล้ว
เธอจึงพยายามดำเนินรอยตามแม่
เพื่อหวังจะได้ไปสู่ดินแดนพุทธภูมิพบความสงบสุขชั่วนิรันดร
ทรัพย์สินที่มีอยู่ส่วนใหญ่ครอบครัวของเธอ
ทุ่มเทไปให้กับการสร้างทานบารมีบริจาคให้กับสำนักนั้น
แต่ทุกครั้งที่จิตของเธอเป็นสมาธิจะต้องเกิดภาพนิมิตเป็นฝูงเปรตมาห้อมล้อมรอบตัว
กรีดร้องส่งเสียงโหยหวนน่าสยดสยองยิ่งนัก
เจ้าสำนักบอกกับเธอว่าบารมีทานของเธอยิ่งใหญ่นัก
แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับฝูงเปรตที่มาขอส่วนบุญ
ให้เธอเพิ่มการทำบุญบริจาคทาน ( ให้เจ้าสำนัก ) มากขึ้น
เพราะเธอจะได้บรรลุเป็นพระโสดาบันเร็วขึ้น
แต่ ... ที่เธอเกิดความหวั่นไหวและหวาดกลัวมากที่สุดคือ
นางเปรตตนหนึ่งพยายามที่จะผลักร่างเธอให้กระเด็นออกไป
นางเปรตตนนั้นส่งเสียงร่ำไห้คร่ำครวญโหยหวน
ใช้มือจิกกระชากทึ้งผมตนเองแสดงความโกรธแค้นและเสียใจสุดขีด
ตีอกชกตัวแบบคลุ้มคลั่ง
เสมือนกับกำลังพยายามที่จะบอกอะไรบางสิ่งบางอย่างกับเธอ
เจ้าสำนักบอกว่านางเปรตตนนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติของเธอ
ให้เธอเพิ่มการทำบุญให้มากยิ่งขึ้นเพื่ออุทิศทานให้แก่นางเปรตจะได้เลิกมารบกวนเธอ
แต่ยิ่งทำทานนางเปรตก็ยิ่งมารบกวนเธอหนักมากขึ้นทุกที
จนเธอเกิดอาการทางประสาทต้องปรึกษาจิตแพทย์เพราะนอนไม่หลับ
เห็นแต่หน้านางเปรตตนนั้นตลอดเวลา
เจ้าสำนักช่วยเธอได้เพียงแค่การให้คำแนะนำให้เธอเพิ่มการทำทานให้หนักมากขึ้น
จนนางเปรตพอใจจะได้หยุดรบกวนเธอ
หลายครั้งที่นางเปรตหอบสิ่งของที่เธอทำทานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้
ทั้งสิ่งของและข้าวปลาอาหารเครื่องสังฆทานมาทุ่มลงกับพื้นต่อหน้าเธออย่างไม่สนใจใยดี
บ่อยครั้งที่นางเปรตชี้หน้าตนเองและชี้หน้าเธอ
คล้ายกับจะพยายามบอกบางสิ่งบางอย่างแก่เธอ
เมื่อไม่สามารถสื่อให้เธอเข้าใจได้ก็หันกลับไปทำร้ายตนเองด้วยความโกรธแค้น
มีผู้หวังดีแนะนำให้เธอเปลี่ยนสำนักเปลี่ยนตัวอาจารย์ใหม่
เธอจึงได้พบแสงสว่างแห่งชีวิตที่แท้จริง
ท่านอาจารย์ผู้รู้จริงให้เธอเข้าสมาธิตามรูปแบบที่เธอเคยศึกษามา
กำหนดจิตตั้งเป้าหมายไปที่นางเปรตตนนั้นเพียงอย่างเดียว
เมื่อนิมิตภาพของนางเปรตปรากฏขึ้น
ท่านอาจารย์ผู้รู้จริงให้เธอทิ้งภาพนิมิตนางเปรต
กลับไปยึดเป้าหมายของแม่แทน
เมื่อเธออธิษฐานจิตและเรียกชื่อของแม่
หัวของนางเปรตเปลี่ยนไปกลายเป็นหัวของแม่
ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสารปานจะขาดใจตายไปต่อหน้าเธอ
“...ออกไปลูก...ออกไป...พาพ่อแก  พี่แก  น้องแก  รีบออกไปกันให้หมด...
มันไม่ใช่พระอรหันต์...มันเป็นพวกผีห่าซาตาน..มันไม่ใช่วิปัสสนาจารย์...
...มันหลอกลวงพวกเรา...แม่เสียใจที่แม่เป็นคนชักนำพวกเรามาหามัน...
แม่หลงผิด...ลืมไปว่า
โมหะเป็นตัวหลงเป็นเส้นทางที่จะนำพาวิญญาณแม่ให้ตกอยู่ในสภาพของเปรต
วิญญาณแม่ไม่ได้อดอยากหิวโหยไม่ต้องทำบุญทำทานให้แม่...
แม่แค่ต้องการมาเตือนลูกเตือนผัวเท่านั้น.
กล่าวจบนางนางเปรตก็หายวับไป
ตั้งแต่นั้นมานางเปรตก็ไม่มาปรากฏร่างให้เธอได้เห็นอีก
ภารกิจของนางเปรตเสร็จสิ้นบรรลุเป้าหมายแล้ว
แท้จริงแล้วนางเปรตตนนั้นแหละคือแม่ของเธอเอง
ที่ใครๆพากันหลงคิดว่าได้บรรลุโสดาบันไปอยู่ในดินแดนพุทธิภูมิแล้วนั่นเอง
นางเปรตผู้เป็นแม่มาเพื่อโปรดให้เธอกับคนในครอบครัวหลุดพ้นจากโมหะหรือตัวหลง
ท่านอาจารย์ผู้รู้จริงเป็นผู้จุดประทีปแห่งปัญญาให้เธอ
และปลอบเธอว่า
บัดนี้วิญญาณของแม่คุณ
ได้ปลดเปลื้องตัวโมหะหรือตัวหลงตัวห่วงหาอาลัยออกไปได้หมดสิ้นแล้ว
เมื่อปราศจากตัวโมหะหรือตัวหลงปราศจากตัวห่วงหาอาลัยแล้ว
จิตวิญญาณของแม่คุณจะพ้นจากสภาพของเปรต
จะเดินทางไปสู่สุคติภพตามกรรมดีและหรือกรรมชั่วที่ได้เคยกระทำมาแล้วต่อไป
การทำบุญทำทาน
มิใช่ทำด้วยการทุ่มเททรัพย์สินเงินทองเพื่อซื้อหรือแลกเปลี่ยนผลบุญเพียงอย่างเดียว
การถ่ายทอดพลังแห่งความเมตตาและพลังแห่งปัญญาเพื่อเป็นวิทยาทาน
สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ธนบัตรเป็นบัตรผ่านประตูสวรรค์
ผลทานที่คุณแม่และพวกคุณทำด้วยการบริจาคทานเป็นทรัพย์สินเงินทองให้สำนักนี้
ดุจสร้างสำนักเปรตให้พวกภูตผีปีศาจเปรตและอสูรกายอยู่
เมื่อพวกคุณตายไปแล้วพวกคุณคงไม่มีผู้ใดปรารถนาที่จะมาเสวยสุขอยู่ ณ สถานที่นั้นแน่
ถ้าจะให้เลือกเอาว่า
เมื่อพวกคุณสิ้นอายุขัยแล้ว
พวกคุณจะเลือกมาเสวยสุข ณ เปรตสถานแห่งนั้น
กับการ
ให้ผลแห่งกรรมที่คุณบริจาคทานเป็นทรัพย์สินให้แก่สำนักนั้นเป็น โมฆะกรรม
พวกคุณจะเลือกแบบไหน?
 
องค์มหาพรหมนุษยักษ์ธรรมบาลท่านกล่าวว่า
ผู้ที่มีความลุ่มหลงมัวเมาตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งโมหะจริต
ถึงสังขารจะยังไม่ทันตาย
จิตวิญญาณผู้นั้นจะเป็นจิตวิญญาณของเปรตในร่างมนุษย์
 
 
องค์มหาพรหมนุษยักษ์ธรรมบาลท่านกล่าวว่า
ผู้ที่มีความลุ่มหลงมัวเมาตกอยู่ภายใต้อำนาจแห่งโมหะจริต
ถึงสังขารจะยังไม่ทันตาย
จิตวิญญาณผู้นั้นจะเป็นจิตวิญญาณของเปรตในร่างมนุษย์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 มี.ค. 2554, 11:15:27 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทวีศักดิ์

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 166
  • ศิษย์บางพระ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: วิญญาณแม่ (ข่าวสด)
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 16 มี.ค. 2554, 09:19:13 »
อนุโมทนา ครับ
จงยิ้มสู้ จงอยู่อย่างยิ้มสู้กับสิ่งที่ลำบาก