หมวด มิตรไมตรี > รวมสมาชิก (มิตรไมตรี)
ลมเพลมพัด?
ทรงกลด:
อ่านเพื่อความบันเทิงกันนะครับ :004:
ลมเพลมพัดเป็นอย่างไร
?..1/2
(ลมเพลมพัด อาการเจ็บป่วยโดยหาสาเหตุไม่ได้ คนโบราณพากันเข้าใจว่า ต้องคุณไสย์คุณผี (ผีทำ) คุณคน (คนทำ)
หรือถูกของที่ผู้มีวิชาไสยศาสตร์ปล่อยมาตามลม ส่วนใหญ่มักมีอาการเจ็บปวด เคลื่อนย้ายไปตามจุดต่างๆ
ซึ่งแพทย์แผนโบราณท่านว่า คุณไสย์หลบหนีไปซ่อนตัวในตำแหน่งอื่น เพราะกลัวน้ำมนต์)
หมอชีวกท่านสอนว่า..................
ให้พิจารณาดูว่าการเคลื่อนย้ายของจุดที่เกิดการเจ็บปวดเคล็ดขัดยอกนั้น
เริ่มต้นที่จุดตำแหน่งใด ? มีแนวทางเคลื่อนย้ายอย่างไร ?
ถ้าใช้ปากกาเคมีหรือสีแต้มลากไปตามจุดที่อาการเจ็บปวด เคล็ดขัดยอกเคลื่อนที่โคจรไป จะพบว่ามันตรงกับแนวของเส้นประสาทในร่างกาย
สาเหตุของการเจ็บปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอกที่แพทย์ตรวจหาไม่พบก็จะปรากฏขึ้น
ให้รู้ว่าอาการเจ็บป่วยนั้นเกิดจากเส้นเอ็นที่เป็นเส้นประธาน แต่บางครั้งการโคจรของโรคมีวิธีทางที่ไม่ตรงกับเส้น
ประธานใด ให้พิจารณาบริเวณที่นอนหรือเตียงนอน ที่นอนราบเรียบเสมอกันหรือไม่ ? มีแง่ปุ่มปมสูงต่ำไม่เสมอกันไหม ? มีสิ่งแปลกปลอมบนที่นอนหรือเปล่า ?
ถ้าอาจารย์ผมจำไม่ผิดอาจารย์ผมเขียนเรื่องอาการของผู้ป่วย ลมเพลมพัดว่าที่แท้จริงเกิดจากการนอนทับขอบหรือมุมหนังสือปกแข็งที่นำไปอ่าน
จนหลับบนเตียงและหรือนอนหลับทับหลอดยาดมที่ต้องดม อยู่ตลอดเวลาจนติดเป็นนิสัยและกลายเป็นสันดานที่แก้ไม่ได้
นอนทับแต่ละจุดนานเป็นเวลาหลายชั่วโมง เปลี่ยนจุดทับไปที่ใดเกิดการเจ็บปวดเคล็ดขัดยอกเปลี่ยน
ตำแหน่งจุดไปที่นั่น แต่หลงเข้าใจผิดคิดว่าโรคเคลื่อนย้ายที่ได้เอง (ความจริงเปลี่ยนจุดตำแหน่งทับ)
อาจารย์ผมเคยแนะนำผู้ป่วยที่มีอาการเหมือนหรือคล้ายแบบนี้หายมาหลายรายแล้ว
แต่ที่เกิดจากลมเพลมพัดจริงๆก็มี (แต่ไม่ถึงหนึ่งในร้อยหรือน้อยมาก)
คนที่เรียนวิชาลมสลาเหิร(อาจารย์ผมเขียนตามที่ได้ยินจากปากคำของท่านอาจารย์ท่าน
จึงเขียนตามคำพูดอาจไม่ตรงตามศัพท์ สมัยที่อาจารย์ผมเรียน เรื่อง วิชาภาษาไทย อาจารย์ผมตกอยู่แล้ว)
คนที่เรียนวิชานี้เท่านั้นที่จะต้องทำการปลดปล่อยวิชาให้ล่องลอยไปตามลมปีละครั้ง
มิฉะนั้น ของที่เรียนมาจะเข้าตัวเองของที่ทำไว้จะถูกปลดปล่อยให้ล่องลอยไปตามแรงลมคล้ายนุ่นหรือเมล็ดดอกรัก
มีผู้เรียกวิชานี้แตกต่างกันไป..................
ที่มา
http://www.chaynichsart.com/
ทรงกลด:
ลมเพลมพัดเป็นอย่างไร
?..2/2
ลมสลาเหิร มนต์รักฝากพระพาย วิชามนต์เพชรหึง ผู้ที่เคราะห์ร้ายหรือดวงตก ดวงชะตาต้อง (ถึง) ฆาต
ได้ยินเสียงลมพัดสิ่งของตกหล่นหรือทำเสียงดังเสียงเรียก เสียงทักโดยไม่เห็นตัว
ไปร้องทักหรือเอะอะโวยวายหรือไปขานรับเข้าของนั้นจะพุ่งเข้าหาและเข้าร่าง
คนโบราณท่านจึงห้ามทักสิ่งของที่ต้องลมตกหล่น เสียงดังเสียงทักเสียงเรียกหา ก่อนที่จะเห็นตัวตน บรรดาท่านปู่เจ้าทั้งหลายชอบใช้และเชี่ยวชาญในวิชานี้
วิธีแก้เมื่อบางท่านเผลอตัวเกิดไปทักเข้า คนโบราณท่านว่าให้ใช้วิธีแก้เคล็ดง่ายๆ
ให้ใช้วิธีหนามยอกให้เอาหนามเบ่ง
(บ่งไม่เป็นหนามที่บ่งหักคาเนื้อ หนามที่ยอกอยู่ก็ไม่ออกอีก)
ท่านให้สูดลมเข้าให้สุดแล้วเป่าลมออกให้สุดเหมือนกัน ลมเพลมพัดเขาปล่อยมาตามลมเมื่อมันมาเข้าร่างใคร ก็ให้คนนั้นเป่าออกไปต่อตามลมไปเหมือนกัน ท่านว่าหายแล
เรื่องนี้จะจริงเท็จอย่างไร อาจารย์ผมบอกตามตรงว่าอาจารย์
ผมไม่กล้ารอง
เข็ด
เคยถูกคนโบราณหลอกมาแล้ว แบบว่า เชื่อโบราณมันก็ต้องบานบุรี ไม่เชื่อเลยมันก็ไม่ดี
ท่านว่า
ถ้าเผลอไปสบตากับคนที่เป็นโรคตาแดงให้แลบลิ้น ให้มินั้นจะติดโรคตาแดง
พอแลบลิ้นให้โดนตบตาเหลือกตาปลิ้น
คนโบราณว่าเป็นโรคปากนกกระจอก ต้องแก้เคล็ดด้วยการไปแอบลักน้ำตาลปี๊บร้านชำกิน
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีนิสัยลักของใคร (นอกจากของเมีย)
พอเจ้าของร้านเผลอรีบเอานิ้วชี้ควักน้ำตาลในปี๊บใส่ปาก ตาคอยจับจ้องมองแต่เจ้าของร้านกลัวโดนเขาจับได้
(ก้อหนูไม่เคย) โดนขอบปี๊บคมบาดนิ้วมือเกือบถึงกระดูก
นึกอยากนั่งไทม์แมชชีนย้อนกาลเวลาไปสู่โลกในอดีต อยากไปตามตบหน้าเขกกะโหลกอ้ายคนต้นคิดวิธีแก้เคล็ดแบบนี้
แต่พูดก็พูดเถอะ...คนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเชื่อถือโชคลางและวิธีแก้เคล็ดของแต่ละคน
ที่มา
http://www.chaynichsart.com/
ทรงกลด:
คุณไสย กับ ผู้แก้ ... พระอาทรกาญจนกิจ
(พระอาจารย์หอม) วัดวังก์วิเวการาม
เรื่องของคุณไสย ในทุกวันนี้ไม่ใช่จะเป็นของที่หาดูได้ง่าย คุณไสยพิสูจนได้์ยากในยุคปัจจุบันแต่ก็ไม่ใช่จะเหลวไหลไปทั้งหมด อาจบอกได้ว่าคุณไสยเป็นของเล่นคนโบราณบ้านป่าเมืองดง เรียนทั้งผูกทั้งแก้ ไว้กระทำให้กันถ้ารักสาวแต่สาวไม่รักก็ทำเสน่ห์ผูกใจ ถ้าเกลียดคุมแค้นก็ให้ตายหรือบ้ากันไปข้าง คุณไสยกระทำได้ทั้งด้วยตนเอง หรือว่าจ้างคนอื่นกระทำ
คุณไสยเป็นวิชามาร อยู่ฝ่ายเวทมนต์ต่ำช้า ไม่ใช่มนต์ดำ แต่เป็นมนต์ร้ายของคนชั่ว ผู้เลือกประโยชน์จากคุณไสยล้วนเป็นคนมีจิตใจชั่วร้ายทั้งสิ้น ก่อเวรสร้างกรรมแก่ผู้อื่นเพื่อบังเกิดความพึงใจในวิบัติของคนที่ตนไม่ชอบ
คุณไสยมีจริง, กล่นเกลื่อนในสมัยเก่า ไม่เป็นที่สงสัย ไม่ถูกลบหลู่ว่าเป็นของไม่มีจริง แต่สมัยของวันนี้คุณไสยแทบสาปสูญไปแล้ว เหมือนป่าช้าผีดุที่กลายเป็นบ้านจัดสรรแสนสุข ผีที่แสนเฮี้ยนก็สลายไปพร้อมกับการเข้ามาถึงของไฟแสงสีและผู้คนขวักไขว ่คุณไสยก็เช่นกัน โลกยุคใหม่ แทบไม่มีใครเคยเห็นหรือเคยสัมผัส คงได้แค่เพียงฟังเขาเล่ากันมาเท่านั้น และ เขาเล่าว่าก็ยังเล่ากันอยู่ในทุกวันนี้
เขาเล่าว่า ..... เรื่องที่ 1
ลมเพ ลมพัด
รักษ์ มีแสง กองสอดแนมพระเครื่องดี เป็นผู้เล่า ลมเพ ลมพัด คือ กริยาอาการประการหนึ่งของคุณไสยที่ถูกปล่อยออกไปทำร้ายคนอื่นโดยไม่เลือกเป้า ไม่กำหนดว่าจะกระทำกับใคร สุดแต่ว่าใครจะเป็นผู้เคราะห์ร้ายไม่เลือกว่าเด็กคนแก่ หญิงหรือชาย
ว่ากันว่าคนเรียนผูกคุณไสยเหล่านั้น หากถึงกำหนดแล้วไม่ปล่อยคุณไสยออกไป คุณไสยก็จะเข้าตนเอง ลมเพ ลมพัด ก็คือ การปล่อยคุณไสยออกไป เพื่อไม่ให้คุณไสย แว้งใส่ตัว จะไปโดนใครก็ช่าง สุดแต่ลมเพ ลมพัดไป
เด็กนักเรียนในโรงเรียน ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งซึ่งจะต้องสงวนนามเอาไว้แต่จะสมมติให้มีชื่อว่า บุญสร้าง เพื่อเรียกสะดวก
บุญสร้างกำลังเล่นกีฬากับผองเพื่อนอยู่ดี ๆ เกิดอาการปวดแขน ปวดขากระทั่งหมดแรง เล่นต่อไปไม่ไหว และ มีอาการลุกลามขึ้นเนือง ๆ ถึงขั้นนอนแบบอยู่กับบ้าน ลุกไม่ได้ เรียนหนังสือไม่ได้ ต้องให้เพื่อมาช่วยติวที่บ้าน เหมือนคนเป็นอัมพาตที่ยังใฝ่ศึกษาซึ่งได้เป็นความปวดร้าวใจของพ่อแม่อีกด้วย สำหรับชะตากรรมของลูกชายที่ไม่อาจหาต้นสายปลายเหตุของความเจ็บไข้ อย่าว่าแต่พ่อแม่เลย กระทั่งแพทย์ที่ตระเวนรักษาทุกโรงพยาบาลที่เชื่อว่าแพทย์เรืองฝีมือประจำการอยู่ก็ไม่ทราบไม่สามารถวินิจฉัยโรคที่บุญสร้างเป็นได้ถูกต้อง
กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน หมดไปทั้งกำลังกาย กำลังใจ และ กำลังทรัพย์หลายหมื่น อาการของบุญสร้างก็ไม่ดีขึ้นมิหนำกลับเลวลงเรื่อย ๆ
จะเข้าห้องน้ำก็ต้องหิ้วปีกกันเข้า และ หมดสติไปในที่สุด เป็นที่ทุกข์ใจแก่ญาติพี่น้อง และ ผู้ที่รักบุญสร้างทุกคน
ญาติพี่น้องบางคนถึงกับแนะนำให้พ่อแม่บุญสร้างให้พาบุญสร้างไปหาคนทรง ในเมื่อแพทย์แห่งยุคสมัยหมดฝีมือแล้วคนทรงก็เป็นทางเลือกเดียวที่จะต้องลองดู
คนทรงบอกว่า ผู้ที่จะสามารถรักษาโรคของบุญสร้างได้นั้นมีอยู่ เป็นพระภิกษุ อาศัยอยู่บนภูเขาสูง ในเขตเมืองกาญจนบุรี
คำแนะนำของคนทรงก็แทบจะช่วยอะไรพ่อแม่บุญสร้างไม่ได้ ภิกษุบนเขาสูงในเมืองกาญจนบุรีเพียงองค์เดียวเสียเมื่อไหร่ ภิกษุมากมายในเมืองกาญจนบุรี ล้วนอาศัยบนเขาสูงทั้งนั้น
วันหนึ่ง บุญ ของบุญสร้างก็เกิดขึ้น รถยนต์โฆษณาประชาสัมพันธ์ งานพุทธาภิเษกคันหนึ่งแล่นผ่านหน้าบ้าน และ ใบปลิวแผ่นหนึ่งที่โปรยออกจากรถได้ปลิวเข้ามาในบ้าน 1 แผ่น
ชื่อของหลวงพ่ออุตตมะ ปรากฏอยู่ในใบปลิวแผ่นนั้น หรือนี่จะเป็นภิกษุที่อยู่บนภูเขาสูงซึ่งคนทรงเคยชี้นำเอาไว้
ฟางเส้นเดียวลอยน้ำมา ในคราจะจมน้ำตายก็ ต้องคว้าไว้ก่อน
พิธีพุทธาภิเษก จัดกันใหญ่โต คนมาก ไม่สามารถเข้าพบหลวงพ่ออุตตมะได้สะดวก แต่ความพยายามของพ่อแม่บุญสร้างก็บรรลุผล เมื่อถึงช่วงการพักพิธีพุทธาภิเษก เจ้าหน้าที่งานพิธีกรุณาให้พ่อแม่บุญสร้างเข้าพบหลวงพ่อได้
หลังจากเล่าทุกข์ และ เล่าอาการของบุญสร้างให้หลวงพ่อทราบ ท่านจึงขอเทียนเล่มหนึ่ง และ ขอชื่อบุญสร้าง และ ทำพิธีของท่านไปครู่หนึ่ง
เด็กถูกลมเพ ลมพัด รักษาได้ แต่ตอนนี้เรามีภาระพิธีพุทธาภิเษกอยู่หลังพิธีแล้วให้นำเด็กไปพบเราที่หลัง
เมื่อหลวงพ่ออุตตมะ กลับสู่วัดทุ่งสมอที่ท่านมักอาศัยพำนัก ในขณะที่กลับวัดวังก์วิเวการามไม่ทัน พ่อแม่บุญสร้างก็นำตัวบุญสร้างเข้าพบท่านในคืนเดียวกันนั้น ซึ่งหลวงพ่อได้เมตตารักษาให้ในเบื้องต้นก่อนทันที่
บุญสร้างก็มีอาการดีขึ้นใน ระดับหนึ่งทันควันเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง
แต่หลวงพ่อได้บอกว่า การรักษาบุญสร้างครั้งนี้ต้องอาศัยสมุนไพรเข้าช่วยซึ่งตัวท่านเองมีภารกิจมากรุ่งขึ้นต้องไปพิษณุโลก เห็นจะช่วยเหลือให้ตลอดรอดฝั่งไม่ถนัด แต่ยังมีผู้ที่ทำได้และสามารถทำแทนท่านอยู่ทุกเวลา
ท่านชื่อว่าอาจารย์หอม
หลวงพ่อได้มีลิขิตให้ พ่อแม่บุญสร้างถือไปพบพระอาจารย์หอมโดยลงชื่อของหลวงพ่อกำกับไว้ด้วยเพื่อความสะดวกในการพิจารณารักษาของพระอาจารย์หอม ผู้ซึ่งเป็นภิกษุลูกวัดอยู่ใน วัดวังก์วิเวการามของหลวงพ่อเอง และ มีศักดิ์ฐานะเป็นหลานหลวงพ่ออีกด้วย
ครั้งบุญสร้างถูกนำตัวไปพบพระอาจารย์หอม ตามคำแนะนำของหลวงพ่ออุตตมะแล้ว พระอาจารย์หอมซึ่งอ่านลิขิตที่หลวงพ่อฝากตัวเด็กแล้วก็ไม่ลังเลที่จะลงมือรักษาอาการเจ็บป่วยของบุญสร้างทันที่
คืนเดียวเท่านั้น เบ้าตาบุญสร้างที่มีน้ำขุ่นเหลืองหล่อหลอม ตลอดเวลาก็แจ่มกระจ่าง มีประกายสดใส อย่างเห็นได้ชัด บุญสร้างคลายจากอาการเหม่อลอย สติฟื้นกลับคืน อยากจะพูดอยากจะเดิน ผู้เป็นพ่อแม่ต้องพยุงบุญสร้างที่เกาะราวบันไดเดินเตาะแตะไป เป็นครั้งแรกในรอบ 2 เดือนที่นอนแบบ
เมื่อหลวงพ่ออุตตมะกลับจากพิษณุโลก ท่านเมตตาทำพิธีให้บุญสร้างอีกครั้งหนึ่งภายในวิหารพระหินอ่อน และ ส่งตัวให้พระอาจารย์หอมรักษาต่ออีก 2 วัน บุญสร้างก็หายขาด
เหลือเชื่อที่สุด!!! เหมือนฟ้ามืดตอนกลางคืนที่อาจไม่คิดถึงว่ายังจะมีแสงตะวันปรากฏตอนรุ่งอยู่เสมอ
ผู้เป็นพ่อแม่มีปิติกับลูกชาย อย่างสุดจะระงับได้หอบเงินก้อนโตมาถวายพระอาจารย์หอม แต่ท่านไม่ยอมรับ เมื่อพระอาจารย์หอมไม่รับ ก็หอบไปถวายหลวงพ่ออุตตมะซึ่งท่านก็ไม่รับอีกเช่นกัน
รับไม่ได้หรอก ถ้ารับก็เหมือนรับจ้าง ถ้าอยากจะทำบุญจริง ๆ ให้เด็กบวชเณรให้เรา 7 วันก็พอ
นี่คือผู้แก้คุณไสยของจริง ของแท้ ไม่แก้เพื่ออามิสสินจ้าง แต่เพื่อเป็นทานแก่สัตว์ผู้ตกยากแสดงวิสัยของพระให้เห็นถนัดที่สุด
คุณไสย , เป็นเรื่องตลก และ ไร้สาระหรือไม่ งมงายเหมือนไดโนเสาร์ เต่าล้านปีหลงยุคหรือเปล่า
บทความนี้มีขึ้นเพื่อแนะนำ ผู้แก้คุณไสยที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาอย่างที่เรียกว่าสายตรง ของหลวงพ่ออุตตมะตรงชนิดไม่มิคดงอ ตรงทั้งหลวงพ่อเป็นผู้บวชให้ ตรงทั้งสายวิชาอาคม ตรงทั้งจรรยาบรรณผู้แก้ที่มีวิชา.
ที่มา
http://www.masteryuk.net/bb6/viewtopic.php?f=14&t=353
ทรงกลด:
เรื่องที่ 2 จากเวป pantip โดยคุณ : ชายสมบูรณ์
"แม่จะให้ผมไปรดน้ำมนต์ทำไม ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย เห็นใครเป็นอะไรก็รดน้ำมนต์ทุกที "
ผมมักจะเบี่ยงเบนการไปรดน้ำมนต์ทุกครั้งที่แม่ขอร้องให้ไปเวลารู้สึกว่าผมเป็นอะไรสักอย่างตามความคิดแก
"แม่จะบอกให้ฟังนะเราไม่ค่อยอยู่บ้านจะรู้เรื่องอะไร เมื่อวานยายเหลียวแกโดนเจ้าที่เจ้าทางเล่นงานเกือบตาย ฐานที่แกไปถางหญ้าแล้วมีดพลาดไปโดนจอมปลวกตรงนั้นพอดี เคยเห็นไหมละ จอมปลวกใหญ่ข้างบ้านแก"
ผมแต่งตัวออกจากบ้านไปกินเหล้ากับเพื่อนโดยไม่สนใจอะไรแม่นัก แม่มักเป็นแบบนี้เสมอนั้นละ
ผมกลับบ้านมาตอนดึกมากที่จริงจะบอกว่าเกือบเช้าก็ได้เพราะมันเกือบตี 5 แล้วละตอนนั้น พอเดินใกล้บ้านก็ได้ยินเสียงคนเอะอะกันใกล้ๆบ้าน ใจผมงี้หล่นไปที่ตาตุ่ม คิดว่าใครที่บ้านเป็นอะไรเข้าให้แล้ว
แต่พอเข้าไปใกล้ก้เห็นชัดเลย เด็กข้างบ้านผมนอนตายโดยมีญาติๆและคนแถวนั้นวิจารณ์ให้แซด
"มันเป็นอะไรตายละเนี้ยแม่" ผมถามแม่ แต่แม่ไม่ตอบ ไล่ให้ผมไปอาบน้ำก่อนแล้วมาคุยกัน
เอาอีกละ แม่ผมชอบทำเป็นมีลับลมคมใน
ผมอาบน้ำแล้วก็หลับยาว ตื่นอีกทีก็ เกือบ 5 โมงเย็น
ตื่นมาถามแม่ว่า "เด็กข้างบ้านเป็นอะไรตาย"
เชื่อไหมครับ แม่ผมแกไม่ตอบหรอกแต่แกกลับบอกผมว่า "เดินไปดูในบ้านหน่อยสิมันยังอยู่ครบหลังไหม"
ผมก็งง ถามว่า "ทำไมเหรอแม่"
แม่ผมก็ตอบกลับมาว่า "ก็นอนกินบ้านกินเรือนขนาดนั้น มันจะเหลืออยู่ไหมละ"
อ้าว แม่นะแม่ ผมไม่ถามแกอีก อาบน้ำเสร็จก็ออกไปกินเหล้าอีก โดนไม่สนใจเรื่องเด็กคนนั้นอีก
ก็นานเหมือนกันที่ผมไม่ได้สนใจอะไรนักเรื่องเกี่ยวกับแถวบ้าน จนวันสงกรานตปีที่แล้วนี้เอง(2547) เด็กแถวบ้านผมชื่อเก๋ ซึ่งผมก็สนิทมาตั้งแต่เขายังเด็กๆเคยเลี้ยงเขาบ้างเป็นบางครั้งคือสนิทกันมาก ตอนนี้เขาอายุครบ 20 ปีเต็มแล้ว เป็นหนุ่ม ช่วงสงกรานตเขาออกไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ คือนั่งหลังรถกะบะแล้วก็ตะเวนเล่นน้ำไปทั่ว พอกลับมาถึงบ้านคนอื่นๆก็เขาบ้านกันหมดแต่เก๋ขอนอนพักอยู่หลังรถก่อนบอกว่าเมาไปหน่อยของีบนิดนึง
แต่เขาหลับแบบไม่ตื่นมาอีกเลยจนถึงทุกวันนี้ เขาหลับแล้วก็ตายไปโดยหมอก็ไม่กล้าระบุสาเหตุตรงๆ แค่บอกว่าขาดอากาศหายใจ
ตอนนี้ละที่ผมเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเพราะอยากรู้สาเหตุที่แท้จริง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ
ผมเริ่มถามเด็กพวกที่ไปเล่นน้ำด้วยกันกับเก่ ก็ได้ความว่า เก๋ก็ไม่ได้เมามากนัก แต่คงเล่นมากไป แต่ทุกคนก็ไม่เป็นอะไร บางคนตั้งข้อสังเกตุว่ารอบๆคอเหมือนมีรอยคล้ำๆ บางคนก็บอกว่า ไอ้หนุ่ม เพื่อนมันที่ตายก่อนหน้านี้มาเอามันไปเป็นเพื่อน
แต่มีผู้ใหญ่บางคนบอกไว้ว่า มันโดนลมเพลมพัดเหมือนเพื่อนของมัน แถวบ้านเรามีคนเล่นของแน่ๆ เพราะเคยเห็นดวงไฟสีแปลกๆผ่านหน้าต่างบ้าน
เอาละยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ แต่สิ่งที่ผมคิดมากกว่าก็คือ เด็กแถวบ้านผมตายไป 2 คนติดๆ คนหนึ่ง เพิ่งย้ายมาไม่นาน อีกคนอยู่ที่นี้ตั้งแต่เกิด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้ก็คือ ทั้ง 2คนตายเหมือนกัน
เรื่องเจ้าเก๋ตายนี้ทำเอาผมลำบากไปเหมือนกันเพราะไม่กล้ากลับบ้านดึก เพราะชอบมาเรียกกินเหล้าอยู่บ่อยๆ
ผมเลยแก้ปัญหาด้วยการเมากลับเช้าไม่ก็เมาไม่กลับแทน
เรื่องนี้ก็เงียบไปนานพอดู จนเมื่ออาทิตยที่ผ่านมานี้เอง
ยายเหลียวก็เกิดล้มนอนฟุบอยู่คาจอมปลวกที่แกเคยไปถางหญ้าไว้ คราวนี้แกไม่ไหวนอนพะงาบๆพี่น้องลูกหลานมาดูใจแกเป็นครั้งสุดท้ายผมเองก็ไปดูเหมือนกันเห็นว่าแกไม่รอดแน่เพราะแกเพ้อว่าไอ้เก๋จะมารับแกแล้ว เขียนไปนี้เสียวหลังไป
แม่ผมนี้ละครับฮีโร่ตัวจริง แกไปหาคนทรงเจ้าที่หนึ่ง แล้วเขาก็บอกมาว่าถ้าเอาออกจากบ้านยายเหลียวตายแน่ ถ้าไม่อยากให้ตาย ก็ให้ยายเหลียวทำบุญเป็นพระประธาน 1 องค เขาบอกว่าบ้านที่ยายเหลียวปลูกไปขวางทางที่เขาเดินทางประจำ วันดีคืนดีก็เข้าตัว เพราะวันพระ เขาจะปล่อยให้บริวารออกมาข้างนอกบ้าง
น่าแปลกที่แม่ผมถามยังไงเขาก็ไม่บอกว่า ใครเป็นตนเล่นของ แบบนี้วันดีคืนดีก็ต้องมีคนโดนของแบบที่เรียกว่าลมเพลมพัดกันอีกแน่ๆ
หลังจากแม่ผมไปเรี่ยไรเงินมาได้บ้างก็เอาไปให้ลูกยายเหลียวไปซื้อพระขนาดหน้าตัก12นิ้วไปถวายวัด อาการแกก็หายเป็นปลิดทิ้ง แปลกนะผมยังงงกับเรื่องนี้อยู่ เพราะหลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้นก็มีคนพูดให้ฟังว่า เคยเห็นกันทั้งนั้นแต่ไม่กล้าพูด บางวันก็เห็นหมาดำตัวใหญ่บ้าง เห็นดวงไฟใหญ่ลอยช้าๆบ้าง
จบนะ
ที่มา
http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/A3270366/A3270366.html
ทรงกลด:
ลมเพ ลมพัด คืออะไร ?
อันดับแรกก็คือว่าบรรดาหมอไสยศาสตร์วิชาการเขาเรียกง่ายๆว่า มันร้อนเมื่อมันร้อนถึงเวลาถึงวาระอย่างเช่นทุกวันอังคารหรือวันเสาร์เขาจะต้องทำการปล่อยของนั้นออกไปถ้าเขาไม่ปล่อยของนั้นออกไปของนั้นจะเข้าตัวเขาเองเขาก็ต้องทำพิธีของเขาไปสิ่งทั้งหลายที่เขาปล่อยไปนี้เรียกว่า"ลมเพ-ลมพัด" ถ้าหากว่าใครมีเคราะห์กรรม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อไปถึงมันจะกระทบทำให้เกิดเสียงดังอย่างเช่นเหมือนยังกับใครสาดทรายใส่หลังคากราวไปเลย...หรือไม่ก็มีเสียงใครเคาะข้างฝาโป๊กเป๊กตุ้บตั๊บ
สมัยนี้เป็นยุคใหม่ บางท่านก็อาจจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ หรือเรื่องไม่มีอยู่จริง...แต่สําหรับผม คิดว่าเชื่อไว้ก็ดีไม่เสียหาย เพราะบางทีเราก็ได้รับรู้และหาวิธีแก้. เพราะสิ่งแบบนี้ มันอาจจะเป็นอาถรรพ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ของพวกเล่นของ และร้อนวิชา.
เพื่อนเคยเป็นไหมครับ...บางครั้งเราไปในที่แปลกๆในยามค่ำคืน แล้วรู้สึก หนาวๆ บางทีก็ขนลุก ใจหวิวๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว...ถ้ามีเด็กไปด้วย จะร้องกลัว..และไม่ค่อยยอมเดิน..หรือไปในที่ต่างๆ พอกลับมาบ้าน เด็ก งอแง ร้องไห้ไม่หยุด หรือฝันร้าย ละเมอ โหวกเหวกกลางดึก อะไรทํานองนี้..
วันนีมาด้วยวิธีแก้ อาถรรพ์ ลมเพ-ลมพัด ครับ.
(ถ้าเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน หาว่าผมเพ้อเจ้อ...อิอิ อย่าต่อว่าผมนะครับ)
การแก้มี 2 วิธี
1.ให้ไปทําบุญถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลให้ภูติ ผี วิญญาณทั้งหลายที่ตามติดตัวมา มารับส่วนกุศลนี้..และด้วยอํานาจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสงฆ์คุณ ช่วยปกป้องคุ้มครองรักษาให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลาย ทั้งปวงด้วย.
2.หาที่ข้ามเรือ ให้ได้ 3 ท่าข้ามเรือ...เมื่อนั่งเรือข้ามฟากไปแล้ว อย่านั่งเรือข้ามกลับ ถ้าจะกลับมาที่เดิม ก็นั่งรถกลับมา. ยิ่งมือได้สัมผัสกับน้ำยิ่งดีใหญ่ครับ...และในใจให้คิดถึงแม่คงคา ช่วยรับสิ่งไม่ดีไปด้วย....ยิ่งเด็กที่งอแงมากๆ...รับรองได้ ว่าหายงอแง จริงๆ.และขอบอกว่าไม่จําเป็นต้องเอามือเด็กโดนน้ำก็ได้นะครับ...เดี๋ยวจะตกน้ำ ตกท่า..เอามือเราก็พอ...
เคยอ่าน วิธีแก้มีเยอะเป็นสิบวิธีเลยครับ
ที่มา
http://sbntown.com/forum/showthread.php?t=5089
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
Go to full version