ผู้เขียน หัวข้อ: พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาก่อน  (อ่าน 2778 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาก่อน
วันพุธ ที่ 22 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น 

   พระไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ได้บรรยายธรรมในรายการวิทยุแห่งหนึ่งว่าด้วยชีวิตและงาน ที่ช่วงหลังตั้งแต่ พ.ศ.2547 เน้นการอบรมเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทางสำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะได้เรียบเรียง ตัดต่อและจัดทำหนังสือ “พรุ่งนี้หรือชาติหน้า ไม่มีใครรู้ว่า อะไรจะมาก่อน” มีเนื้อหาหลากหลาย เน้นหนักเรื่องการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความตาย ซึ่งเป็นความจริงอย่างหนึ่งที่ผู้คนไม่อยากนึกถึง ทั้งที่ความตายเกิดกับเราได้ทุกเวลา
   
   ตอนหนึ่ง พระไพศาล บรรยายว่า สนใจเรื่องความตายมานานแล้ว เหมือนคนทั่วไปที่คิดถึงเรื่องความตาย จิตใจก็หวั่นไหว ในช่วงปลายปี 2518 ได้มีโอกาสไปอยู่ที่อำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นช่วงที่ยังมีการสู้รบจะได้ยินเสียงปืนใหญ่ เสียงระเบิด มีคนถูกยิงตายอยู่บ่อย ๆ จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า ถ้าเราจะต้องตายจะทำใจยอมรับกับมันได้หรือไม่ พอมาบวชเป็นพระก็คุ้นกับความตาย เพราะพระพุทธศาสนาพูดถึงบ่อยมากเรื่องความไม่เที่ยงของชีวิต พูดถึงความตาย ต่อมาได้อ่านหนังสือชื่อ เดอะ ทิเบแทน บุ้ก ออฟ ลิฟวิง แอนด์ดายอิง (The Tibatan Book of Living and Dyiing) ของโซเกียล รินโปเช นักบวชชาวทิเบต โดยหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงภาวะใกล้ตายและก่อนตาย อาตมาได้รับประโยชน์เป็นส่วนตัวในเรื่องนี้อย่างมาก ส่วนคนอ่านก็ได้รับประโยชน์อย่างที่คาดไม่ถึง เช่นการช่วยให้ผู้ป่วยตายอย่างสงบ ให้ความสำคัญกับการปลดเปลื้องสิ่งค้างคาใจ ช่วยให้เขาปล่อยวางให้หมด
   
  ทางทิเบตเชื่อว่า คนแม้ตายแล้วก็ยังสามารถหลุดพ้นเข้าสู่นิพพานได้ หากได้ฟังธรรมเป็นเครื่องเตือนใจให้ประจักษ์ถึงจิตเดิมแท้ โดยพระไพศาลยกตัวอย่างหลายรายที่คนใกล้ตายซึ่งยังมีความกังวล อาจทุรนทุราย แต่เมื่อมีญาติ หรือคนใกล้ชิดพูดให้สติ ก็ปล่อยวางและสิ้นใจอย่างสงบได้
   
  ความในหนังสืออีกตอนหนึ่งระบุว่า การระลึกถึงความตายนั้นพุทธศาสนาเรียกว่าการเจริญมรณสติ เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ เพราะคือการพิจารณาหรือเตือนตนให้ระลึกถึงความจริงว่า ความตายต้องเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน แต่จะเกิดเมื่อไรไม่รู้ อาจเป็นเดือนหน้า พรุ่งนี้  วันนี้ หรือคืนนี้ก็ได้ มีภาษิตทิเบต บอกว่า “ระหว่างชาติหน้ากับพรุ่งนี้ ไม่มีใครรู้หรอกว่าอะไรจะมาก่อน” อาตมาก็ไม่รู้ ทุกท่านก็ไม่รู้ อย่าคิดว่าพรุ่งนี้จะมาก่อนชาติหน้าเสมอไป เพราะสำหรับหลายคนพ้นจากวันนี้ไปแล้วก็เป็นชาติหน้าเลย ไม่มีพรุ่งนี้สำหรับเขา
   
สาระจากหนังสือเล่มนี้ ให้ข้อคิดที่ดีสำหรับทุกคนได้ตระหนักว่า จะประมาทกับการดำเนินชีวิตไม่ได้ เพราะเราอาจไม่มีชีวิตอยู่ถึงพรุ่งนี้
   
  แต่สำหรับคนที่มิได้ฝึกศึกษามาก่อน มองความตายเป็นเรื่องน่าเกลียด น่ากลัว ควรหลีกเลี่ยง คงยากจะยอมรับกับเรื่องนี้  ทั้งยังมองได้ว่าจะขัดกับความมุ่งมั่นพัฒนาตนและกิจการเพื่อความก้าวหน้า โดยนัยนี้ เราได้ตั้งประเด็นนมัสการกราบเรียนถาม พระไพศาล ได้คำตอบว่า การเตรียมใจรับมือกับความตาย กับการพัฒนาตนและกิจการ ไปด้วยกันได้
   
ในเรื่องการพัฒนาตนนั้น ถ้าหมายถึงการพัฒนาจิตใจ อันนี้ได้ประโยชน์โดยตรงอยู่แล้วจากการเตรียมใจเผชิญความตาย
   
พระไพศาลกล่าวว่าหากตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเป็นนิจ ก็จะทำให้ไม่ใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่จะทำงานด้วยความตั้งใจ เพราะรู้ว่ามีเวลาในโลกนี้จำกัด (ไม่เอาเวลาไปเที่ยวเตร่ สนุกสนาน รวมทั้ง ไม่คิดจะโกงหรือคอร์รัปชั่นเพราะรู้ว่าเป็นบาปที่จะส่งผลต่อตนเอง ทำให้ตายไม่สงบ) ขณะเดียวกันก็จะพยายามทำงานไม่ให้คั่งค้าง เพื่อไม่ให้เป็นห่วงหรือภาระแก่จิตใจ รวมทั้งรู้จักปล่อยวาง เวลาเจออุปสรรคหรือความขัดแย้งระหว่างทำงาน เพราะไม่รู้จะทะเลาะกันไปทำไมเนื่องจากอีกไม่นานก็ต้องตายจากกัน
   
“การยึดมั่นถือมั่นกับการทำงานและความสำเร็จบ่อยครั้ง กลับบั่นทอนจิตใจและร่างกาย จนเป็นอุปสรรคต่อการทำงานด้วยซ้ำ การเตรียมใจพร้อมรับความตายจะช่วยให้ปล่อยวางได้มากขึ้น ทำให้ทำงานได้อย่างมีความสุข และสามารถประสบความสำเร็จได้ง่าย”
   
การเตรียมใจรับมือกับวาระสุดท้ายจึงไม่ใช่เรื่องน่าหวาดวิตก
   
เพราะนี่คือการพัฒนาจิตใจให้บรรลุความดีอีกขั้น.

อุเปกชินทรีย์
ที่มา
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=146518&categoryID=671
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาก่อน
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 22 มิ.ย. 2554, 07:57:03 »
ชาติหน้ามีจริงหรือ ?
หลวงพ่อชา สุภัทโท

คัดลอกจาก http://www.wfb-hq.org/specth2.htm

   " จะต้องให้รู้ด้วยตนเอง ธรรมะที่แท้จริงเหมือนรสของแอ๊ปเปิ้ล เรื่องรสของแอ๊ปเปิ้ล เราฟังดูเฉยๆก็ไม่รู้ จะไม่รู้ว่ามันหวานหรือมันเปรี้ยวอย่างไร? นอกจากเราลองชิมแอ๊ปเปิ้ลนั้นแล้ว นั่นแหละ... จึงจะรู้แจ้งว่า รสของมันเป็นอย่างไร? อร่อยไหม? ไม่ต้องไปถามใครอีกแล้ว ปัญหามันจบที่ตรงนั้นเอง "
ครั้งหนึ่งมีคนกลุ่มหนึ่งมาถามปัญหาท่านอาจารย์ชา (หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี) เรื่องชาติหน้าภพหน้า เขาสงสัยว่า คนตายแล้วเกิดหรือไม่?

ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ ชาติหน้ามีจริงไหม?
ท่านอาจารย์ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ?
ผู้ถาม : เชื่อ
ท่านอาจารย์ชา : ถ้าเชื่อ......คุณก็โง่
ผู้ถาม : คนตายแล้วเกิดไหม?
ท่านอาจารย์ชา : จะเชื่อไหมล่ะ? ถ้าเชื่อ......คุณโง่หรือฉลาด?

แล้วท่านจึงสอนต่อไปว่า
หลายคนมาถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม? ถ้าเชื่อคุณก็โง่ เพราะอะไร ก็เพราะมันไม่มีหลักฐาน-พยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้ ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป ที่นี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามี พาผมไปดูหน่อยได้ไหม? เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้ เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

ที่นี้ ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม? อาตมาก็ถามว่า พรุ่งนี้มีไหม? ถ้ามีพาไปดูได้ไหม? อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้เป็นของที่จะหยิบยกเอามาเป็น วัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องไปถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้จัก เรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม? ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร? นี้คือสิ่งที่เราจะต้องรู้ และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวาน นี้เสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว

ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง

คนหนึ่งพูดว่า : กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด
ท่านอาจารย์ชา : นั่นแหละยิ่งดี กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป

ในครั้งพุทธกาล สมัยที่พระพุทธเจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ มีพราหมณ์คนหนึ่งมีความสงสัยว่า คนตายแล้วไปไหน? คนตายแล้วเกิดหรือไม่? ถ้าพระองค์ตอบได้ก็จะมาบวชด้วย แต่ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ตอบ แกก็จะไม่บวช แกว่าของแกอย่างนั้น พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า มันเป็นเรื่องอะไรของฉันเล่า พราหมณ์จะบวชหรือไม่บวช นั่นเป็นเรื่องของพราหมณ์ ไม่ใช่เรื่องของฉัน พระองค์ตรัสว่า

ถ้าตราบใดที่พราหมณ์ยังมีความเห็นว่า มีคนเกิดหรือมีคนตาย คนตายแล้วเกิดหรือคนตายแล้วไม่เกิด ถ้าพราหมณ์ยังมีความเห็นอยู่อย่างนี้ พราหมณ์ก็จะเป็นทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายกัลป์ ทางที่ถูกนั้น พราหมณ์จะต้องถอนลูกศรออกเสียบัดนี้

พระพุทธเจ้าท่านว่า ความจริงแล้วไม่มีใครเกิด ไม่มีใครตาย พราหมณ์คนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง และจนกว่าแกจะได้ เรียนรู้เรื่อง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เข้าใจถ่องแท้เสียแล้วนั่นแหละ จึงจะเข้าใจคำพูดของพระองค์ได้ นั่นจึงจะเรียกว่า การรู้เห็นตามความเป็นจริงด้วยปัญญา เป็นการเชื่อด้วยปัญญา
พระพุทธเจ้าสอนอย่างนี้ ไม่ได้สอนว่า ให้เชื่อว่าคนตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด ชาติหน้ามีหรือไม่มี อย่างนั่นไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่เชื่อ จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ จะถือเอาเป็นหลักเกณฑ์ไม่ได้ ดังนั้น ที่คุณถามว่า ชาติหน้ามีไหมนั้น

อาตมาจึงถามคุณว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะเชื่อไหม? ถ้าเชื่อ โง่หรือฉลาด? อย่างนี้เข้าใจไหม? ให้เอาไปคิดดูเป็นการบ้านนะ.

ที่มา
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_41.htm

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: พรุ่งนี้หรือชาติหน้าอะไรจะมาก่อน
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 22 มิ.ย. 2554, 08:16:37 »
ขอบคุณมากคะ สำหรับบทความธรรมะดีๆ อ่านแล้วได้ความรู้มากๆคะ :090: :050: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ