ผู้เขียน หัวข้อ: คนดวงขาด  (อ่าน 2661 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
คนดวงขาด
« เมื่อ: 02 ส.ค. 2554, 10:44:27 »
คนดวงขาด

"เมธิชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อคนเมา ขับรถ

สงกรานต์ปีนี้ทำให้ผมนึกถึงสงกรานต์ปีก่อน โดยเฉพาะเรื่องราวสยดสยองของอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้คนบาดเจ็บล้มตายปีละหลายร้อยหลายพัน...ไม่นึกว่าจะต้องประสบกับญาติมิตรตัวเองมาก่อนเลย

คำขวัญต่างๆ ล้วนออกมาปลุกเร้าให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดมากยิ่งขึ้นทุกๆ ปี

"ดื่มแล้วขับ ถูกจับแน่"

"ดื่มไม่ขับ-ขับไม่ซิ่ง"

เคยเห็นคำขวัญทำนองนี้ที่ต่างจังหวัด กระทบใจสุดๆ

"ขับคะนอง-จองโลง!!"

เรื่องสยองขวัญวันสงกรานต์เกิดกับ "พี่แพ็ต" เพื่อนบ้านผมที่คลองประปา บางซื่อนี่เองครับ

พี่แพ็ตเป็นหนุ่มใหญ่ อาชีพรับราชการทั้งผัวทั้งเมีย นิสัยดี อารมณ์รื่นเริงคุยสนุก ข้อเสียอย่างเดียวของพี่แพ็ตคือชอบดื่มเหล้าขนาดหนัก ถึงจะไม่ดื่มตอนกลางวันจนเสียงาน แต่ตกเย็นเป็นร่ำสุราจนน่ากลัวใจ

ยิ่งรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดด้วยแล้ว พี่แพ็ตกระหน่ำเหล้าชนิดไม่ยับยั้งจริงๆ เอ้า!

คนเมาขับรถก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่พี่แพ็ตขับซิ่งชนิดบ้าระห่ำ ผมเคยนั่งด้วยหนเดียวเข็ดจนตาย ถึงแม้พี่แพ็ตจะยืนยันว่าตั้งแต่ขับรถมาสิบกว่าปี ยังไม่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงแม้ครั้งเดียวก็ตาม

เขาว่าพวกคอเหล้ามักจะมีเพื่อนฝูงมาก คงจะเป็นความจริงนะครับ เพราะเห็นพี่แพ็ตมีเพื่อนมากมายเหลือเกิน ขนาดผมอยู่บ้านรั้วติดกันยังรู้จักไม่หมด!

ระยะหลังๆ สังเกตว่าร่างกายของพี่แพ็ตชักจะอ่อนแอลง หรือเพราะดื่มหนักกว่าเดิมก็ไม่ทราบแน่ชัด บางคืนขับมาจอดหน้าบ้านแล้วขับรถเข้าประตูไม่ได้ ต้องทิ้งรถแล้วเดินโซเซเข้าไป บางคืนก็หลับผล็อยคาพวงมาลัย...เมียมาปลุกบ้าง หลับไปจนสว่างบ้าง ถึงจะไม่เกิดอุบัติเหตุก็น่าห่วงใยเต็มที

ผมเคยเตือน "เมาไม่ขับ" เป็นดีที่สุด ถ้าไม่นั่งแท็กซี่ก็ให้เพื่อนฝูงที่ไม่เมาขับให้ เมื่อถึงบ้านก็มีเพื่อนที่ขับรถตามมารับโชเฟอร์จำเป็นกลับไปด้วยก็จะดีมากๆ

พี่แพ็ตก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง จนกระทั่งเหตุร้ายอุบัติขึ้นมา!

สงกรานต์ปีนั้น ผมกับพี่แพ็ตไม่ได้ออกไปเที่ยวต่างจังหวัด ก็เหมือนกับทุกปีน่ะแหละครับ คือเราไม่ชอบไปเที่ยวหน้าเทศกาล ไม่อยากแย่งกันใช้ถนน แย่งกันอยู่ แย่งกันกิน...แต่หลายๆ คนก็ชอบ บอกว่าไปเที่ยวทั้งทีไม่ได้แย่งอยู่แย่งกินก็ไม่สนุกน่ะซี

ผมอยู่บ้านกับครอบครัวจริงๆ แต่พี่แพ็ตไม่มีโอกาสเพราะเพื่อนมาก ต้องไปดื่มกับคนนั้น ต้องไปเฮกับคนนี้ จนถึงวันหยุดสุดท้ายแกบอกผมว่า เรามาฉลองสงกรานต์กันที่บ้านดีกว่า! แต่ไม่วายมีเพื่อนพี่แพ็ตมาหาอีกสามคน รถยนต์หนึ่งคัน

ยินดีต้อนรับเต็มที่ ทั้งเหล้าและกับแกล้มเหลือเฟือ เมียพี่แพ็ตก็นำอาหารมาเพิ่มเติม...ทำท่าว่าจะเมาให้หมดสติอยู่ที่บ้านนั่นแหละ รุ่งขึ้นก็ไปทำงานแล้ว

ราวสองทุ่มเศษก็มีเพื่อนโทร.มาตามพี่แพ็ต บอกว่านัดไว้จะไปฉลองกันที่ร้านซีฟู้ดริมแม่น้ำบางปะกง เพื่อนอีกสามคนก็นึกขึ้นได้...พี่แพ็ตเลยต้องขอตัวไปพบเพื่อน ผมบอกให้นั่งรถเพื่อนไปเลย แต่พี่แพ็ตบอกว่าเอารถไปดีกว่า อยากกลับจะได้กลับทันที

ผมย้ำให้เพื่อนที่ชื่อโจ้ช่วยขับรถให้ พี่แพ็ตก็หัวเราะ โบกมือล่ำลา...

คืนนั้นผมใจคอหงุดหงิดวุ่นวายบอกไม่ถูก กว่าจะขึ้นนอนก็ราวห้าทุ่ม...ฝันเห็นพี่แพ็ตขับรถตะบึงมาในความมืดน่ากลัว เสียงโครมสนั่น! เล่นเอาสะดุ้งตื่น...เมื่อลุกไปดูที่หน้าต่างก็เห็นพี่แพ็ตเดินโซซัดโซเซเข้าบ้าน

ก่อนจะลับตา ดูเหมือนแกจะหันมาเงยหน้ามองผมในแสงไฟเยือกเย็น...

รุ่งขึ้นก็ได้ข่าวว่าพี่แพ็ตเกิดอุบัติเหตุตอนขากลับ รถพุ่งชนเสาไฟคอหักตายคาที่กับเพื่อนชื่อโจ้...พี่แพ็ตเมามากจนนอนอยู่เบาะหลัง โจ้ต่างหากล่ะครับที่เป็นคนขับน่ะ...ไม่รู้ว่าผีพี่แพ็ตมองผมอย่างตัดพ้อหรือเปล่า? ที่แน่ๆ คือขนหัวลุกครับ!


ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV5TURVMU13PT0=
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 ส.ค. 2554, 10:51:26 โดย ทรงกลด »
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนดวงขาด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 02 ส.ค. 2554, 10:47:24 »
สิ้นเสียงซอ

"บุญนำ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากถนนแปลงนาม

ผมเป็นเด็กเยาวราชมาแต่อ้อนแต่ออก ใครเป็นนักกินนักเที่ยวขอเชิญได้เลย รับรองว่าไชน่าทาวน์มีต้อนรับทุกอย่าง โดยเฉพาะเป็นชุมทางอาหารจานเด็ดของกรุงเทพฯ ก็ว่าได้ครับ...ข้อสำคัญคือผีดุอีกต่างหาก!

อ้าว? พูดจริงๆ นะครับ ย่านนี้เป็นศูนย์สินค้าขาเข้ามาเกือบร้อยปี มีผู้คนล้มตายทับถมกันนับไม่ถ้วน ทั้งประสบอุบัติเหตุจากรถราขวักไขว่ ทั้งกลุ้มอกกลุ้มใจจนเบื่อโลกเลยผูกคอตาย ยิงตัวตาย กระโดดน้ำตาย รุ่งขึ้นก็ลอยตุ๊บป่องๆ มีทั้งนั้นแหละ

ไหนจะเคยมีอั้งยี่, มาเฟีย ที่เคยโด่งดังในอดีตอีกล่ะ

ต่อมาเปลี่ยนรูปแบบที่มีทั้งเจ้าถิ่นกับคนมีสี ผลประโยชน์อื้อซ่า มีการคุมบ่อน คุมซ่อง รีดไถสารพัดรูปแบบ...การฆ่าฟันจนมีคนล้มตายมากมายก็เช่นกัน!

ยิ่งตอนกลางคืน เสียงวงมโหรีสีซอตามตึกเก่าๆ ทั้งน่าเพลิดเพลินกับชวนให้เยือกเย็นวังเวงใจเอาการ

คนเป่าปี่สีซอที่ว่ามักเป็นคนแก่ๆ ที่รักธรรมชาติและเสียงเพลง ส่วนพวกหนุ่มๆ สาวๆ รุ่นหลังน่ะหันไปหาดนตรีวัยรุ่นประเภทเกากีตาร์ ขย่มกลองเอามันส์มา 20-30 ปีแล้ว แต่ไม่ใช่กลองแบบโรงงิ้วนะครับ คนละเรื่องกันเลย

ทำไมถึงชวนให้เยือกเย็นน่าวังเวงใจล่ะ?

เสียงปี่เสียงซอ รวมทั้งเสียงพิณ โดยเฉพาะพิณดอกเหมย หรือ "เช้ง อิ๋ม" เป็นพิณชาวแต้จิ๋ว รูปร่างหยักๆ เหมือนดอกไม้ไงครับ ถึงได้ชื่อว่า พิณดอกเหมย คนเล่นเก่งๆ ฟังแล้วซาบซ่านสะท้านทรวงจริงๆ เอ้า!

ซอเอ้อหูคล้ายๆ กับซอด้วง ที่มีทั้งหน้าซอแบบ 6 เหลี่ยม 8 เหลี่ยม หรือแบบหน้ากลม เสียงแหลมสูงโหยหวนไปถึงหัวใจ บางทีก็ทำให้ขนลุกขนชันได้ง่ายๆ

บางวันมีเพื่อนรุ่นพี่พาไปเที่ยวถนนแปลงนามที่ทะลุออกเจริญกรุงได้ ตรงหัวมุมมีร้านขายใบชา ทั้งแบบใส่กระป๋องและใส่ถุง แถมมียานัตถุ์ขายอีกต่างหาก...เป็นยานัตถุ์ฝรั่ง ทั้งอังกฤษ, ฝรั่งเศส, สเปน มีหมด ราคาขวดละหลายร้อยหลายพันบาท พวกคอยานัตถุ์เขาเอามาแตะโคนนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ แล้วสูดดมกันอย่างมีความสุข

สมัยนั้นในซอยแปลงนามมีร้านตะเกียงอยู่หลายเจ้า ทั้งตะเกียงหลอด ตะเกียงรั้ว ตะเกียงลาน ตะเกียงเจ้าพายุมีทั้งนั้น ลูกค้าเข้าๆ ออกๆ เป็นประจำ มีทั้งมาซื้อตะเกียงไปใช้ ทั้งหิ้วตะเกียงมาซ่อม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ...หลายๆ คนดูท่าทางเสี่ยมาซื้อตะเกียงเก่าๆ ไปสะสมกันครับ...เกิดมาเพิ่งเคยรู้เคยเห็นว่ามีคน "เล่นตะเกียง" กันจริงๆ จังๆ มากมายเอาการ

อ้อ! ในซอยนี้มีร้านข้าวต้มกุ๊ยแบบโบราณด้วย เป็นห้องแถวคูหาเดียว มีกระดานแผ่นยาวทอดไปถึงหลังร้านเลย ให้คนกินนั่งหันหน้าเข้าหาโต๊ะยาว นั่งพุ้ยข้าวต้มใส่ปากตามสบาย แถมมีเก้าอี้เตี้ยๆ ให้รองนั่งอีกต่างหาก

แถวหน้าร้านข้าวต้มมีร้านชำอับๆ ทึบๆ ชอบกล มีตาแป๊ะหนวดยาวเคราขาวนั่งซดน้ำชา สีซอเอ้อหูหน้ากลมเสียงหวานซึ้งเชียว แต่บางทีก็ฟังดูเศร้าๆ โหยหวนเยือกเย็นจับใจ

บางทีเราผ่านไปแวะฟังเหมือนคนอื่นๆ เพราะเสียงซอไม่โฉ่งฉ่างบาดหูเร้าใจเหมือนเสียงปี่เสียงกลอง ฟังแล้วเย็นใจดีแท้ อาแปะแกไม่สนใจไยดีใคร ก้มหน้าก้มตาสีซออย่างเพลิดเพลินคล้ายจะกล่อมตัวเองมากกว่า

จบเพลงก็หยุดพักจิบน้ำชา พูดคุยกับคนคุ้นๆ หน้ากัน ไม่ช้าก็เริ่มต้นเพลงใหม่ บางคนเดินจากไป คนใหม่ก็เข้ามายืนฟังแทนจนมืดค่ำไม่รู้ตัว

วันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อเราไปเที่ยวสวนกวางตุ้ง เดินกลับมาทางซอยแปลงนามราวสามทุ่ม มึนเมาเล็กน้อย...เห็นร้านชำปิดเงียบเชียบ ข้างในดับไฟมืดเพราะอาแปะหลับไม่ตื่นตลอดกาล ลูกหลานนำศพไปทำพิธีที่วัดตามประเพณี

จู่ๆ เสียงซอเอ้อหูก็กรีดแหลมเข้ามากระทบหู ผมกับเจ้าหน่ำชะงักกึก ตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้างหันมองสบตากัน ก่อนจะจ้ำอ้าวเป็นควายหายไปออกเยาวราช...ตั้งแต่นั้นมาเราไม่ยอมผ่านไปตอนกลางคืนอีกเลย

กลัวจะเห็นอาแปะแกมานั่งสีซอที่หน้าร้านน่ะซี มีหวังขนหัวลุก หัวใจล่มสลายกันพอดี!

ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV3TURVMU13PT0=

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนดวงขาด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 02 ส.ค. 2554, 10:55:53 »
ทัวร์นรก

"นายหนุ่ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกบนถนนกำแพงเพชร 6

ผมเคยเล่าเรื่องโดนผีหลอกที่นิคมรถไฟ ก.ม.11 มา สองครั้ง ทั้งเห็นลุงม้วน คนขับตุ๊กตุ๊ก มาซดยาดองที่หน้าเพิงชุมชนภักดีตอนเย็น ทั้งที่แกนอนตายแหงแก๋อยู่ที่วัดเสมียนนารีแล้ว แต่ผมไม่รู้มาก่อน...กับเรื่องหนุ่มสาวเกี่ยวก้อยเข้าไปนั่งจู๋จี๋กันที่โต๊ะม้าหินใต้ร่มไทรตอนดึก พอผมกับเพื่อนตามไปดูเพราะเจ้าหงหาว่าผมตาฝาด...

อ้าว? หนุ่มสาวที่หันมามองน่ะไม่ยักมีหน้าตาหรอกแฮะ!

วันต่อมา เจ้าหงพาผมเลยไปชุมชนพัฒนา อยู่ถัดสามแยกรถไฟไปนิดเดียว...บ้านช่องแออัดยัดเยียดไม่แพ้ชุมชนภักดี ตอนเย็นๆ มีผู้คนมานั่งๆ นอนๆ รับลมกันคึกคัก

อารามกลัวผีทำให้ไม่อยากไปแถวนั้นกลางค่ำกลางคืน แต่วัยหนุ่มคะนองอย่างพวกเรามักลืมง่าย รักสนุก ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา ยิ่งตอนกลางคืนมีแสงสีสวยๆ งามๆ ล่อตาล่อใจ จะว่าเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟก็คงไม่ผิดหรอกครับ

วันดีคืนร้ายก็โดนผีหลอกเข้าอีกจนได้!

คืนนั้นตรงกับวันเสาร์ เราสามคนนัดแนะกันไปเที่ยวผับที่หน้าอ.ต.ก. จุดนัดพบก็ที่หน้าชุมชนภักดีตามเคย พอเจ้าหงรับเจ้าตี๋ซ้อนท้ายมาแถวหน้าเพิงยาดองพวกเราก็เลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟไปออกถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวขวาผ่านอู่รถทัวร์ที่คงวิ่งสายอีสานโดยเฉพาะ เห็นมีแต่ป้ายว่าไปขอนแก่น, อุดรฯ, หนองคาย, เลย, นครพนม ฯลฯ จอดอยู่เป็นสิบๆ คัน ผมเคยแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่หน้าอู่ ยอมรับว่าอร่อยติดลิ้นเอาการ

คราวนี้บึ่งรวดเดียวไปร้านขาประจำที่มี "น้องสวย" สาวเสิร์ฟอวบอึ๋มเป็นอาหารตาของเสือหนุ่มและสิงห์เฒ่า ถือว่าเป็นกับแกล้มชนิดวิเศษ...ซดเหล้าอุ่นเครื่องกันที่นั่นไปก่อน คืนนั้นคุณเธอสวมเสื้อรัดรูปคอกว้าง เจ้าตี๋มองเห็นเนินอกขาวผ่องเบียดเสียดกันเป็นร่องลึกก็ทำท่าเหมือนจะรากเลือดลงแดงซะให้ได้

อ้าว? เจ้าหงดันมีเรื่องผีในรถทัวร์มาเล่าให้ฟังอีกแล้วซีครับ!

แถวสถานีขนส่งหมอชิต 2 แยกไปถนนกำแพงเพชรนั่นแหละ ตอนดึกๆ มีคนเห็นรถทัวร์แล่นผ่านไปช้าๆ เปิดไฟสว่างโร่ ผู้โดยสารนั่งตัวแข็งทื่อหันมามอง... หน้าตามีแต่เลือดแดงเถือก แถมเหวอะหวะน่าสยด สยองสิ้นดี

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนผีหลอกเต็มเปา คนที่เห็นน่ะขี่มอเตอร์ไซค์อย่างพวกเราร้องจ๊าก...รถเผ่นพรวดตกถนนลงไปแอ้งแม้งอยู่ในพงหญ้า ไม่แข้งขาหักก็ถือว่าบุญแล้ว

เจ้าตี๋มีอุปนิสัยกลัวผีสุดๆ สังกัดบริษัทตาแหกเหมือนผม ละสายตาจากหน้าอกหน้าใจมหึมาของน้องสวย หันมาคำรามว่ามึงจะเล่าเรื่องผีไปหาสามง่ามอะไรวะ?

เจ้าหงยักคิ้วตอบหน้าตาเฉยว่า...กูเล่าเพื่อเบรกอารมณ์มึงไงล่ะ! เห็นจ้องส้มโอสองลูกของน้องสวยจนนัยน์ตาหวิดถลนออกมานอกเบ้าแน่ะ! เจ้าตี๋เลยยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปมองบั้นท้ายงอนงามของน้องสวยที่กำลังเดินยักคิ้วผ่านไป คว้า เหล้ามาซดฮวบใหญ่

ราว 4 ทุ่มเราก็ย้อนไปทางหน้าอ.ต.ก.ฝั่งตรงข้ามมีผับดังๆ หลายแห่ง ลูกค้าส่วนมากเป็นวัยรุ่น แต่เราไปหาความสุขไม่ได้ไปหาเรื่องก็เลยไม่เคยเกิดปัญหาอะไรซักที...จนกระทั่งขากลับตอนตีหนึ่งเศษ...

ต้องยอมรับว่าค่อนข้างมึนกันตามสมควร ร้องเตือนกันว่าขับรถช้านิด ระวังเอาไว้หน่อย ถึงทางกลับไม่มีด่านก็เถอะ อย่าประมาทเป็นดีที่สุด!

ลมเย็นๆ ที่พัดวูบเข้าปะทะทำให้หูตาสว่างขึ้น จนใกล้จะถึงทางลัดข้ามทางรถไฟเข้าชุมชนภักดี ผมเหลือบไปทางอู่รถทัวร์เหมือนมีอะไรดลใจ

แสงไฟสะดุดตาชอบกล ร้ายก๋วยเตี๋ยวไก่ปิดเงียบ แต่มีรถทัวร์คันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน เปิดไฟสว่างทั้งคัน เห็นผู้โดยสารนั่งอยู่เต็ม...ที่นี่ไม่ใช่สถานีขนส่งนี่นา แถมไม่ใช่ทางผ่านอีกต่างหาก...ผมเรียกเจ้าหงที่ตีคู่กันมาด้านใน ก่อนจะชะลอรถลงโดยไม่รู้ตัว

นรกเป็นพยาน! ผู้โดยสารริมหน้าต่างทุกคนหันหน้ามาทางเราเป็นจุดเดียวกัน...ดูแน่นิ่ง เยือกเย็น เลือดเปรอะ นัยน์ตาเบิกถลน...ผมแว่วเสียงเพื่อนทั้งสองคนด่าทอเต็มสองหูอื้ออึง ตามด้วยเสียงเร่งเครื่องสนั่น เคล้ากับเสียงหัวเราะแหบโหยดังไล่หลังเขย่าขวัญสิ้นดี

เจ้าหงเลี้ยวพรวด ส่วนผมห้อตะบึงไปข้างหน้าด้วยความตกใจจนลืมตัว

ตอนนั้นไม่มีใครห่วงใครนอกจากตัวเอง! ผมกลับไปนอนจับไข้อยู่ 3 วัน เพื่อนทั้งสองก็มีอาการปางตายพอๆ กัน...ไม่ช็อกตายคาที่ก็นับว่าเป็นบุญกุศลแล้วละครับ!

ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEzTURVMU13PT0=
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02 ส.ค. 2554, 10:56:24 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คนดวงขาด
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 02 ส.ค. 2554, 11:31:58 »
หลากหลายเรื่อง...ผี - วิญญาณ 11; 11;
                                         
ขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำเรื่อง ผึ-วิญญาณ มาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
                                                                                                                                             
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณมากครับ) :033: :033:

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ