ผู้เขียน หัวข้อ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๙ ตค. ๕๔ ...  (อ่าน 1396 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ รวี สัจจะ...

  • รองประธาน
  • *****
  • กระทู้: 1137
  • รวี สัจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
    • ดูรายละเอียด
    • รวี สัจจะ สมณะไร้นาม (เคลื่อนไหวดุจสายลม)
คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๙ ตค. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบุรี
จันทร์ที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
          ฝนพรำตั้งแต่ย่ำรุ่ง จึงต้องตื่นนอนก่อนเวลาปกติ เพราะอากาศที่เริ่มจะหนาว
ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ เจริญจิตตภาวนา อธิษฐานจิต แผ่เมตตาอุทิศ
ขออโหสิกรรม ทำกิจวัตรเสร็จเวลาประมาณ ๐๔.๓๐ น. ฉันกาแฟ เพราะช่วงนี้เป็นช่วง
ที่ควบคุมปริมาณอาหาร ฉันเฉพาะผักและผลไม้ เพื่อให้กายนั้นโปร่ง จัดเตรียมสิ่งของ
ที่จะเอาติดตัวลงไปกิจนิมนต์ที่กรุงเทพฯ เพราะต้องไปเป็นเจ้าพิธีในการบวงสรวงสักการะ
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ที่ในมหาวิทยาลัย ซึ่งจะเริ่มพิธีเเช้าเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น.
ออกเดินทางจากอาศรมเวลา ๐๕.๐๐ น. ฝนพรำตลอดทาง ถึงมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ที่หัวหมาก เวลาประมาณ ๐๖.๓๘ น. จัดเตรียมเครื่องบวงสรวงสักการะพ่อขุนเสร็จตาม
เวลาที่กำหนดไว้  เสร็จพิธีที่หน้าลานพ่อขุนฯ ไปทำพิธีต่อที่ในโรงเรียนสาธิต ม.รามฯ
ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน ชกมวยการกุศล ช่วยเหลือผู้ประสพภัยน้ำท่วม ซึ่งทางสมาคม
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย เพื่อรับบริจาค
ช่วยเหลือผู้ประสพภัยน้ำท่วม เสร็จพิธีเวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น. แวะไปนั่งพักสนทนากับ
เพื่อนพ้องน้องพี่ ณ ที่ทำการของสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ข้างสนามกีฬา
จนถึงเวลาประมาณ ๑๐.๐๐ น.จึงได้เดินทางต่อไปที ซอยนวลจันทร์ ร้านกาแฟสดรำมะนา
เพราะได้นัดลูกศิษย์ไว้อีกชุดที่นั่น หลายรายด้วยกัน นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟจนถึงเวลาประมาณ
๑๕.๐๐ น. จึงได้เดินทางกลับอาศรมที่เขาเรดาร์ ระหว่างทางได้แวะไปเยี่ยมลูกศิษย์ที่เปิด
ร้านขายข้าวแกงจานละ ๑๙ บาท ที่หน้าศูนย์พินิจฯ  กลับขึ้นเขาเวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น.
ใช้เวลาที่ลงจากเขาไป ๑๒ ชั่วโมงพอดี กลับมาถึงอาศรม มีลูกศิษย์จากบ่อวินมารออยู่แล้ว
สนทนาทำธุระกันจนถึงเวลา สองทุ่ม ลูกศิษย์จึงลากลับไป....
           การปฎิบัติธรรมที่ให้เริ่มต้นจากการให้ทานนั้น ก็๋เพื่อให้เป็นพื้นฐานในการปรับจิต
ให้รู้จักคิดเสียสละ ลดละซึ่งความเห็นแก่ตัว เพื่อให้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟือเผื่อแผ่
มีพรหมวิหาร ๔ เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต จิตนั้นจะอ่อนโยนลง ไม่หยาบแข็งกระด้าง
เป็นการสร้างคุณธรรมให้แก่จิต แต่ก็ไม่ให้ไปยึดติดในทานนั้นจนเกินไป จนกลายเป็นทิฏฐิมานะ
และอัตตา โดยคิดว่าเราดี เราเด่นกว่าผู้อื่น " แม้นน้อยนิดด้วยปัจจัย แต่ยิ่งใหญ่ด้วยอานิสงส์
ถ้าจิตจำนงค์นั้นบริสุทธิ์ " ไตรสิกขา ๓ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้สำหรับประชาชนทั้งหลาย
จึงเริ่มต้นด้วย ทาน ศีล ภาวนา ซึ่งต้องปฏิบัติให้สอดคล้องต้องกัน เพื่อเป็นพื้นฐานให้เกิด
ความเจริญในธรรมที่ยิ่งขึ้นไป สู่ไตรสิกขา ๓ สำหรับบรรพชิต อันได้แก่ ศีล สมาธิและปัญญา
สมถะและวิปัสสนาในขั้นต่อไป ทานนั้นจึงเป็นพื้นฐานให้ลดละซึ่งทิฏฐิมานะและอัตตา เพราะว่า
จะได้ไม่สำคัญผิดคิดเข้าข้างตนเอง ในสิ่งที่รู้ ในสิ่งที่เห็นและในสิ่งที่ทำ จิตที่แข็งกระด้างนั้น
ก่อให้เกิดทิฏฐิมานะอัตตา ดั่งที่ได้เคยกล่าวไว้ว่า " อย่าโอ้อวดว่าเราเก่งกว่าผู้อื่น วิเศษกว่าผู้อื่น
อย่าคืดว่าเรารู้มากกว่าผู้อื่น รู้ดีกว่าผู้อื่น จะเป็นเหตุให้ก่อเกิดมานะทิฏฐิ เกิดความถือตัวถือตน "
อย่าใช้ความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่งของเรา ไปผูกยึดหรือผูกมัดผู้อื่น เพื่อให้ผู้อื่นต้องเป็นไปตาม
ความต้องการของเรา ตามความอยากของเรา เพราะเราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใคร เรามีแต่เพียง
หน้าที่ ที่ต้องทำเท่านั้น ทำหน้าที่ของเรานั้นให้สมบูรณ์ เต็มกำลังความรู้ ความสามารถของเรา
ผลจะเป็นเช่นไรเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่เคยได้กระทำมา " ทุกอย่างนั้นจึงต้องเริ่มต้นที่เจตนา
อันบริสุทธิ์ ในการคิดและทำ.....
                           เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
                               รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๒๘ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี
ใช่หวังจะดังเด่น  จึงมาเป็นสมณะ
เพียงหวังจะลดละ  ซึ่งมานะและอัตตา
เร่ร่อนและรอนแรม ไปแต่งแต้มแสวงหา
สัญจรร่อนเร่มา  ผ่านร้อยป่าและภูดอย
ลาภยศและสรรเสริญ  ถ้าหลงเพลินจิตเสื่อมถอย
พาใจให้เลื่อนลอย  จิตเสื่อมถอยคุณธรรม
       ปณิธานในการปฏิบัติธรรม

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๙ ตค. ๕๔ ...
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 10 ต.ค. 2554, 05:26:42 »
กราบนมัสการท่านพระอาจารย์ :054:


อ้างถึง
การปฎิบัติธรรมที่ให้เริ่มต้นจากการให้ทานนั้น ก็๋เพื่อให้เป็นพื้นฐานในการปรับจิต
ให้รู้จักคิดเสียสละ ลดละซึ่งความเห็นแก่ตัว เพื่อให้มีจิตใจโอบอ้อมอารี เอื้อเฟือเผื่อแผ่
มีพรหมวิหาร ๔ เป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต จิตนั้นจะอ่อนโยนลง ไม่หยาบแข็งกระด้าง
เป็นการสร้างคุณธรรมให้แก่จิต แต่ก็ไม่ให้ไปยึดติดในทานนั้นจนเกินไป จนกลายเป็นทิฏฐิมานะ
และอัตตา โดยคิดว่าเราดี เราเด่นกว่าผู้อื่น " แม้นน้อยนิดด้วยปัจจัย แต่ยิ่งใหญ่ด้วยอานิสงส์
ถ้าจิตจำนงค์นั้นบริสุทธิ์ "

ทำบุญทำทานแล้วใจเป็นสุขดีครับ :002:
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ