ผู้เขียน หัวข้อ: สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)  (อ่าน 16926 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)

        เมื่อวานนี้ (วันพุธที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖) ได้มีโอกาสเข้าไปที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) จึงนำภาพบรรยากาศประกอบบทความที่เรียบเรียงขึ้นมาแบ่งปันเพื่อนสมาชิกกระดานสนทนาวัดบางพระให้ได้ทัศนากันครับ






        สังคมโลกในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา เทคโนโลยี ฯลฯ ที่ยกระดับการพัฒนาเพื่อสนองตอบต่อพลวัตการเปลี่ยนแปลงอย่างไร้พรมแดนจากทั่วทุกมุมโลก ประเทศไทยเองก็เช่นเดียวกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในอีก ๒ ปีข้างหน้า (พ.ศ.๒๕๕๘) ที่จะเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) การไหลบ่าทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีความหลากหลาย รวมถึงการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างเสรี จะส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจในบริบท ภารกิจของประชาคมฯ ภาษากลางในการสื่อสาร และการเตรียมความพร้อมให้กับประชากรในด้านอื่นๆ จึงมีความสำคัญยิ่งที่ควรได้รับการส่งเสริม สนับสนุนความร่วมมือจากทุกภาคฝ่ายเร่งด่วน


        แนวโน้มที่สำคัญในอนาคตนอกจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) แล้ว ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับประชากรผู้สูงอายุของไทยที่จะมีจำนวนมากขึ้นจนกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยจากข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี ๒๕๕๕ พบว่า โลกมีประชากรจำนวน ๗,๐๕๘ ล้านคน มีผู้สูงอายุที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป จำนวน ๕๖๕ ล้านคน คิดเป็นร้อยละ ๘ ในขณะที่ผู้สูงอายุของประเทศไทยมีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป มีมากถึงร้อยละ ๑๒.๕๙ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในประเทศอาเซียน (ที่มา: ไทยใกล้เข้าสังคมสูงวัย หลังพบมีคนแก่มากสุดในอาเซียน, หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฉบับวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๖) นี้จึงแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยในเวลาอีกไม่นานข้างหน้า ปัญหาของสังคมผู้สูงอายุทั้งในด้านความสัมพันธ์กับครอบครัวที่นับวันผู้สูงอายุจะถูกทอดทิ้งมากขึ้น สุขภาพร่างกายที่ร่วงโรยไปตามวัย วิทยาการทางการแพทย์การพยาบาลก็ต้องเข้ามาช่วยบริการรักษาเพิ่มขึ้น และนอกจากทางด้านกายภาพทั่วไปที่จะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้มากขึ้นแล้ว ในส่วนของสุขภาพจิตของผู้สูงอายุเองก็ต้องได้รับการฟื้นฟูให้เป็นพลังในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์จากประสบการณ์ของตน ทั้งต่อคนรอบข้างและสังคมควบคู่กันไปด้วย


        วิสัยทัศน์เกี่ยวกับสังคมไทยที่กำลังจะกลายไปเป็นสังคมผู้สูงอายุนี้มิใช่จะเพิ่งเกิดมีขึ้นแต่อย่างใด ดังตัวอย่างของ “สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)” ที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีกับพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม (เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีเปิดโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗) ที่พระองค์ได้มีพระราชประสงค์ให้ดำเนินการจัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชราขึ้น เพื่อรองรับผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง ขาดที่อยู่อาศัยและคนดูแลเอาใจใส่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี อันเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน นี้จึงแสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพด้วยสายพระเนตรอันกว้างไกล และความห่วงใยของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกรในกลุ่มผู้สูงอายุ ถือได้ว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้


        เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของ “สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)” จากเอกสารประชาสัมพันธ์ของทางสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ได้ให้รายละเอียดไว้ว่า หลังจากที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับการสร้างสถานสงเคราห์คนชรากับพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ แล้ว พระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ ร่วมกับจังหวัดนครปฐม (ซึ่งมีนายณัฏฐ์ ศรีวิหค เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมในสมัยนั้น) สภากาชาดไทย กรมประชาสงเคราะห์และเหล่ากาชาดจังหวัดนครปฐม จึงได้ร่วมกันสนองพระราชดำริดังกล่าว โดยการหาที่ดินสาธารณประโยชน์ ณ บริเวณ หมู่ที่ ๓ ตำบลวัดสำโรง อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม จำนวน ๒๔ ไร่ ๓ งาน ๙๗ ตารางวา เป็นสถานที่จัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชราขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “โครงการจัดสร้างสถานสงเคราะห์คนชรา อำเภอนครชัยศรี” และได้ร่วมกันจัดหางบประมาณในการก่อสร้างในระยะแรก เป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๘๐๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สี่ล้านแปดแสนบาทถ้วน) โดยมอบให้สำนักงานโยธาธิการจังหวัดนครปฐม เป็นผู้วางแผนผังอาคารและสถานที่ต่างๆ และดำเนินการก่อสร้าง และจังหวัดนครปฐมได้ให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารอำนวยการและกายภาพบำบัด และอาคารเรือนนอนคนชรา ขึ้นเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๙ โดยมีพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีนายวิชัย ธรรมชอบ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมในขณะนั้นเป็นประธานในพิธี ต่อมาเมื่อนายสุชาญ พงษ์เหนือ เข้ามารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม จึงได้จัดหางบประมาณในการก่อสร้างอาคารและระบบสาธารณูปโภคเพิ่มเติม โดยได้รับความร่วมมือร่วมใจจากหน่วยงานองค์การเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าในจังหวัดนครปฐมจัดทอดผ้าป่าสามัคคี และจัดกอล์ฟการกุศล เพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างสถานสงเคราะห์ดังกล่าว นอกจากนั้น ยังได้รับความเมตตาจากพระอุดมประชานาถ (หลวงพ่อเปิ่น) เจ้าอาวาสวัดบางพระ สนับสนุนค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกินการก่อสร้างดำเนินมาจนแล้วเสร็จ ใช้งบประมาณในการก่อสร้างไปเป็นจำนวนทั้งสิ้น ๑๒,๓๐๔,๓๓๖ บาท (สิบสองล้านสามแสนสี่พันสามร้อยสามสิบหกบาทถ้วน) ต่อมาเมื่อ วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๑ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานนามของสถานสงเคราะห์คนชรา อำเภอนครชัยศรี ที่จัดสร้างขึ้นใหม่นี้ว่า “สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)” และได้เริ่มรับผู้สูงอายุที่เป็นสตรี มีอายุ ๖๐ ปี ขึ้นไป ที่มีความทุกข์ยากเดือดร้อน มีฐานะยากจน ไม่มีผู้อุปการะ ไม่มีที่อยู่อาศัย หรืออยู่กับครอบครัวไม่มีความสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๑ เป็นต้นมา นอกจากนั้นยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสถานสงเคราะห์ฯ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๒ และจังหวัดนครปฐม ได้มอบสถานสงเคราะห์ ดังกล่าวให้แก่กรมประชาสงเคราะห์เพื่อดำเนินการต่อไป ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๒ เป็นต้นมา ปัจจุบันสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) เป็นหน่วยงานส่วนท้องถิ่นสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐม



        ปัจจุบันสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลากว่า ๑๐ ปี มีวัตถุประสงค์ ๕ ประการ คือ ๑. เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุที่ประสบปัญหาเดือดร้อนเนื่องจากฐานะยากจน ไม่มีผู้อุปการะเลี้ยงดู ไม่มีที่อยู่อาศัย หรือไม่มีครอบครัว ๒. เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัวผู้มีรายได้น้อย ยากจน ไม่สามารถให้การอุปการะเลี้ยงดูผู้สูงอายุได้ ๓. เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคม มิให้ผู้สูงอายุเร่ร่อน ทำความเดือดร้อนแก่สังคม ๔. ผู้สูงอายุได้คลายความวิตกกังวลว่า เมื่อชราภาพไม่สามารถประกอบอาชีพได้ ยังมีรัฐบาลให้การดูแล ๕. เพื่อเป็นการตอบแทนคุณงามความดีที่ผู้สูงอายุทำไว้เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว สำหรับการให้บริการของสถานสงเคราะห์ฯ สามารถแบ่งออกได้  ๖ ด้านหลัก คือ บริการเลี้ยงดูผู้สูงอายุ โดยจัดปัจจัย ๔ ที่จำเป็นต่อชีวิต เพื่อให้มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจในบั้นปลายชีวิตตามสมควรแก่อัตภาพ, บริการทางการแพทย์และอนามัย ด้านกายภาพบำบัด สถานสงเคราะห์ฯ จัดให้มีการทำกายภาพบำบัด ทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ ด้านการรักษาพยาบาล สถานสงเคราะห์ได้จัดกิจกรรมเสริมสร้างสุขภาพเพื่อผู้สูงวัย โดยเชิญแพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลต่างๆ มาบริการตรวจสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ ในกรณีที่เจ็บป่วยเฉพาะโรคหรือประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ด้านการอนามัย จัดให้มีเจ้าหน้าที่พยาบาลของสถานสงเคราะห์ และวิทยากรจากโรงพยาบาลต่างๆ ให้ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพอนามัยแก่ผู้สูงอายุตลอดจนเรื่องสุขาภิบาล การทำความสะอาดที่พัก ด้านการส่งเสริมสุขภาพ สถานสงเคราะห์ได้จัดกิจกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ โดยเชิญวิทยากรภายนอกเป็นผู้นำในการออกกำลังกาย, บริการอาชีวบำบัด เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมยามว่างให้เหมาะสมกับความสามารถและตามความสมัครใจ โดยเชิญวิทยากรจากภายนอกมาสอนงานประดิษฐ์ต่างๆ เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์ พรมเช็ดเท้า เป็นต้น, บริการด้านสังคมสงเคราะห์ จัดให้มีบริการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหา ฟื้นฟูและปรับสภาพในส่วนต่างๆ โดยใช้หลักวิธีการทางสังคมสงเคราะห์เฉพาะราย และกลุ่มชน, บริการด้านศาสนา ได้จัดให้ผู้สูงอายุมีโอกาสประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตามประเพณีนิยมในวันสำคัญในสถานสงเคราะห์ฯ นอกจากนี้ยังนิมนต์พระสงฆ์แสดงธรรมเทศนาเดือนละ ๑ ครั้ง และบริการด้านฌาปนกิจ ผู้สูงอายุที่ถึงแก่กรรมในสถานสงเคราะห์ และไม่มีญาติจัดการศพให้ สถานสงเคราะห์ฯ จะจัดการศพให้ และทำพิธีบังสุกุลอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี (ที่มา: เอกสารประชาสัมพันธ์สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์))


        โดยสรุปเกี่ยวกับการให้บริการในสถานสงเคราะห์ทั้ง ๖ ด้านนี้ เป็นการให้บริการเพื่ออบรมพัฒนาผู้สูงอายุทั้งทางด้านร่างกาย และทางด้านจิตใจควบคู่กันไปอย่างสมดุล สนองตอบวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสถานสงเคราะห์ฯ และเป้าหมายของการพัฒนาเตรียมความพร้อมอีกทางหนึ่ง ในการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะใกล้เข้ามาได้อย่างเหมาะสม และเพื่อความสมบูรณ์ก็ควรที่จะให้ความรัก การดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุในครอบครัวให้มีความอบอุ่น ซึ่งวิธีการอย่างหลังนี้จะเป็นรากฐานพลังความเข็มแข็งของครอบครัวในระดับสังคมให้แน่นแฟ้นมั่นคงยิ่งขึ้น ท่านใดที่มีโอกาสผ่านมาบริเวณนี้ก็สามารถแวะไปเยี่ยมเยียน ร่วมทำกิจกรรม จัดเลี้ยงอาหาร พูดคุยปฏิสัมพันธ์ หรือร่วมบริจาคเพื่อสมทบทุนเป็นสวัสดิการให้แก่ผู้สูงอายุได้ที่มูลนิธิสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) ทุกวันครับ




        ภาพบรรยากาศภายในสถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์)












































        สาสน์ทิ้งท้ายฝากไปถึงท่านผู้อ่าน (ที่ความชรากำลังปรากฏมีและเข้ามาเยือนทุกอนูวินาที)

        "เมื่อได้ยินเสียงรถวิ่งผ่าน ต่างชะเง้อว่ามีใครมาหาหรือเยี่ยมเยือนหรือเปล่า?" คุณยายอมรา วิวัฒนานนท์ อายุ ๘๖ ปี หนึ่งในผู้สูงวัยที่อาศัยอยู่ที่สถานสงเคราะห์คนชราเฉลิมราชกุมารี (หลวงพ่อเปิ่นอุปถัมภ์) จังหวัดนครปฐม บอกถึงความรู้สึก ในวันที่สังคมไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์ผู้สูงวัยถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวมากขึ้น โดยปัจจุบันคุณตาคุณยายที่สถานสงเคราะห์คนชราทั่วประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี


ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๖ เวลา ๒๑.๒๗ น.

:001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001: :001:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 มิ.ย. 2556, 09:54:26 โดย ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) »

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
เห็นแล้วคิดถึงพ่อกับแม่เลย :075: ขอบคุณท่านสิบทัศน์ครับที่นำเสนอครับอย่าลืมพระคุณพ่อแม่หาที่สุดมิได้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิ.ย. 2556, 09:10:40 โดย berm »
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ dawvan

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 24
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
 ที่มีทุกวันนี้ก็เพราะพ่อและแม่ ลูกไม่มีวันลืมพระคุณพ่อแม่ และครูบาอาจาร์ย (สัจจะว่าจาจะรักษาให้มั่น)ขอบคุณ  คุณปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)ค่ะที่นำภาพมาให้ชม