กระดานสนทนาวัดบางพระ

ถูกต้อง แล้วครับ  เขี้ยวเสือกรวง

สมัยก่อน เขาจะใช้คู่กับ เขี้ยวหมูตัน

หลวงน้า ผมมี คู่เลย  ผมไปขอตั้งหลายหน ไม่ยอมให้ผมซ๊ะกะที  ท่านบอก ว่า เขี้ยวเสือ ให้ไม่ใด้จริงๆ เป็นของเพื่อน ตั้งแต่รุ่นๆ เอาเขี้ยวหมูตัน ไปแล้วกัน

นี่ว่า จะไปคืน ให้เพื่อนก่อนจะมารณภาพ  เพื่อนให้มา ตั้งแต่ รุ่นๆ  คืนเขาไปเถอะ เขาจะใด้ ไปให้ลูกหลานเขาใช้  ถ้าเองอยากใด้จริงๆ ลองไปขอเขาดูน๊ะ

และแล้ว ผมก็ใด้มาแค่ เขี้ยวหมูตัน แล้วผมก็ไปเข้า พิธี เสาร์ห้า มา สองครั้งแล้ว ตั้งแต่ สมัย หลวงพ่อเปิ่น ยังไม่ มรณภาพ   เหลืออย่างเดียว ยังไม่ใด้ เลี่ยมแขวน เท่านั้นเอง

 

ดีครับ เขี้ยวเสือกลวง ถือว่าเป็นทนสิทธิ์ มีดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ของประเภทนี้ก็อาทิเช่น เขี้ยวหมูป่าตัน , งากำจัด , งากำจาย , งากระเด็น ฯลฯ สุดยอดครับท่าน 

อยากถามว่า เขี้ยวเสือกลวงดีกว่าเขี้ยวเสือทั่วไปยังไงเหรอครับ

คือผมไม่รู้นะ  ขอบคุณครับ   แล้วมีการดูเขี้ยวเสือกลวงดูเหมือนเขี้ยวเสือทั่วไปมั้ย

อ้างจาก: Hanu-Marn_Neverdie ที่ 22 ม.ค. 2552, 01:29:37

อยากถามว่า เขี้ยวเสือกลวงดีกว่าเขี้ยวเสือทั่วไปยังไงเหรอครับ

คือผมไม่รู้นะ  ขอบคุณครับ   แล้วมีการดูเขี้ยวเสือกลวงดูเหมือนเขี้ยวเสือทั่วไปมั้ย

เขี้ยวเสือปกธรรมดาทั่วๆไปจะตันหน่ะครับ เขี้ยวเสือกลวงจึงเป็นของหายาก วิธีการดูกระผมก็ไม่ค่อยทราบเหมือนกันครับ 

ถูกต้องแล้วครับ เขี้ยวเสือ ทั่วๆไป จะตันหมดครับ แต่พอเจอที่ กรวง ก็ถือว่า ของแปลก เสือมีอำนาจ จึงนำมา ปลุกเศกเป็น เครื่องรางของขลัง นั่นละครับ

แต่จะต่างจาก เขี้ยวหมูป่า ทั่วๆไป  จะกรวง  แต่พอมาเจอ เขี้ยวหมูตัน ก็เลยเป็นของแปลก  ก็เอากันมา ปลุกเศก เป็นเครื่องราง ของขลัง

สมัยก่อน  เขาจะใช้ ควบคู่กันครับ   มหาอำนาจ ดีนักแล

เขี้ยวหมูตัน ยังดูยากกว่า  เขี้ยวเสือกรวงครับ   ต้องให้ตันจริงๆครับ เขี้ยวหมู ที่เขานำมาทำเครื่องราง

ส่วนเขี้ยวเสือกรวง ก็อย่างที่เห็นนั่นละครับ จะเป็นโพรง กรวงๆ นั่นละครับ เขาเรียกกันว่า เขี้ยวเสือกรวง  ผมเห็นมาทั้งสองอย่างแล้วครับ  แต่ผมคง บารมีไม่ถึง

ใด้ครอบครองแค่ เขี้ยวหมูตัน ครับ 

งาช้าง คือ ของทนสิทธิ์อย่างหนึ่ง ที่มีคุณวิเศษอยู่ในตัว เพราะช้างเป็นสัตว์ใหญ่(มีศักดิ์เป็นถึง เจ้าป่า) และ ที่สำคัญ พระพุทธองค์ ท่านเคยเสวยชาติ เป็นพญาช้างเผือก

งากำจัด คืองาช้างที่หักออกมาในขณะที่ ช้างยังมีชีวิตอยู่... ซึ่งเป็นเรื่องที่มีโอกาสเกิดยากมาก โบราณท่านจึงถือว่าเป็นของทนสิทธ์ ส่วนใหญ่ที่เราเห็นจะเกิดตอนที่ช้างตกมัน เป็นสัด....ไล่อาละวาด.... ส่วนใหญ่ที่เราพบเห็นจะหักคาอยู่กับต้นไม้..ซึ่งแต่ละชิ้นก็ไม่ใหญ่โตอะไร นัก...เพราะอย่างดีก็หักแค่ปลาย

งากำจาย คือ ช้างสองเชื่อกเข้าห้ำหั่นต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นใหญ่(จ่าโขง) สู้กันจนงาหักแตกกระจาย

ความแตกต่างของงากำจัด /งากำจาย กับ งาตาย(งาจากช้างที่ล้มแล้วเลื่อยออกมา)

งากำจัด /งากำจาย ...เนื้อจะฉ่ำใส เหมือนมีน้ำหล่อเลี้ยง.... เพราะงานั้นหักในขณะที่งานั้นยังมีน้ำแห่งชีวิต

ต่างจาก งาตาย ที่เห็นวางขายกันอยู่ทั่วไป(ตามร้านเครื่องประดับ) งาจะขาวซีด ดูไม่มีชีวิตชีวา

ขอขอบคุณเวปที่มาของข้อมูลครับ http://www.b.yimwhan.com/board/show.php?user=jakong&topic=74&Cate=8