ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่โทน กนตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน ตอน ตำนานบทหนึ่งของพระเกจิจากเมืองชลบุรี  (อ่าน 8683 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ makantong

  • ฉัฏฐะ
  • *
  • กระทู้: 80
  • เพศ: ชาย
    • MSN Messenger - makantong@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล


ขอบคุณข้อจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=315324

สวัสดีครับ...บันทึกน้อยของผมตอนนี้เป็นเรื่องของพระเกจิอาจารย์ ที่สำคัญอีกองค์หนึ่งของจังหวัดชลบุรี ท่านเป็น?พระสุปฏิปันโนผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ..? คนในเมืองชลนับถือท่านมาก ท่านคือ?อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาน้อยคีรีวัน? ตำบลคลองกิ่ว อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรีครับ

ชื่อของท่านคนเมืองชลเรียกกันโดยทั่วไปว่า ?หลวงปู่โทน กนตสีโล....?จะว่าไปแล้วท่านนับว่าเป็นพระแท้ของชาวบ้านจริงๆ คือมีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายสมถะและไม่ยินดีกับลาภยศสรรเสริญใดๆครับ...

หลวงปู่โทนท่านเป็นพระที่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านตามแบบที่เราเรียกกันว่า...?สมภารวัดบ้านนอก?..

กล่าวคือผู้ที่เป็นสมภารจะต้องรับเรื่องทุกข์ร้อนได้ทุกเรื่องที่ชาวบ้านเข้ามาขอความเมตตาจากท่านช่วยสงเคราะห์ การสวดมนต์ การประกอบพิธีกรรม การอบรมสั่งสอนแสดงธรรม การนั่งปรกปลุกเสกหรืออธิษฐานจิตวัตถุมงคล ฯลฯ

ซึ่งท่านสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยมไม่มีที่ติ จนสามารถนำพาศรัทธาของชาวบ้านและผู้ที่เคารพเลื่อมใสในตัวท่าน ร่วมบุญ ร่วมกุศล ช่วยกันสร้างศาสนสถาน ถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัดเขาน้อยคีรีวัน ดังเป็นที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน...

 หลวงปู่โทน กนฺตสีโล เกิดเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๖ ตรงกับวันจันทร์ แรม ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีกุน เบญจศก จุลศักราช ๑๒๘๕ ตรงกับ ร.ศ.๑๔๒ ที่ ต.วัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โยมบิดาชื่อนายกิ่ม โยมมารดาชื่อนางแดง นามสกุล เหลืองอ่อน

โยมของท่านทั้งสองดำเนินอาชีพทางกสิกรรม  เมื่อตอนเยาว์วัยมีอายุเข้าเกณฑ์เรียนหนังสือ ท่านได้เข้าเรียนที่โรงเรียนวัดเนินสังข์ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนกระทั่งจบชั้นประถมปีที่ ๔ อันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน..

หลวงปู่โทน เข้าอุปสมบทเมื่ออายุได้ ๓๐ ปี ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๕ ณ วัดเนินสังข์สฤษฏาราม ต.ไร่หลักทอง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โดยมี?พระครูพิสิฏฐ์ศาสนคุณ? (หลวงพ่อทองหยิบ) เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ อ.พนัสนิคม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเอี่ยม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระป้อม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ทั้งสองรูปนี้อยู่ที่วัดไร่หลักทอง ท่านได้รับฉายาว่า ?กนฺตสีโล? ซึ่งแปลว่า ?ผู้มีศีลเป็นที่น่ายินดี?.?

ในส่วนของเรื่อง?จิตตานุภาพ?นั้น หลวงปู่โทน ท่านได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงซึ่งวิทยาคุณอีกองค์หนึ่ง รูปธรรมที่เราเห็นชัดเจนคือภาพของท่านที่เข้าร่วมงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งงานราษฏร์ งานหลวง โดยเฉพาะในเขตจังหวัดชลบุรีจะขาดท่านเสียมิได้เลย..

นอกเหนือไปจากวิชาอาคมด้านการปลุกเสกแล้ว ?ศาสตร์ด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับการใช้คาถาและจิต? ท่านก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางนี้โดยเฉพาะทางแพทย์แผนโบราณคือ ?การเสกน้ำมันมนต์ประสานกระดูก?..ที่ขึ้นชื่อมาก

ตลอดจนถึงการศึกษาทางไสยเวทเอาไว้ป้องกันคุณไสยซึ่งในสมัยก่อนมีกันมากไม่ว่าจะเป็นยาสั่ง เสกของเข้าท้อง ไม่ว่าจะเป็นตะปู หนังควาย หรือเส้นผม ฯลฯ?

 สมัยก่อนการจะฆ่าคนนั้น ถ้าบุคคลนั้นมีวิชาทางคุณไสยเวทชนิดนี้แล้ว ไม่ต้องใช้อาวุธ มีด อาวุธปืนใดๆ เพียงแต่เสกยาสั่ง (สั่งตาย) เสกตะปู เสกหนังควายให้เข้าไปหาผู้ที่ต้องการให้เขาตาย แล้วเสกยาสั่งเพียงแต่สั่งให้ผู้นั้นไปกินอาหารหรือผลไม้ที่ผู้เสกๆสั่งเอาไว้ แล้วผู้นั่นไปกินของที่เขาสั่งไว้ ก็ตายได้เช่นกัน

 เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถที่จะพิสูจน์สอบสวนได้เลย เนื่องจากไม่ปรากฏหลักฐานให้เห็น ไม่รู้สาเหตุแห่งการตายหาฆาตกรไม่พบ นั่นคืออำนาจของวิชาคุณไสยหลวงปู่โทนได้ศึกษาวิชานี้ทั้ง?เรียนผูกและเรียนแก้..? ทั้งนี้วิชาที่ท่านเรียนมานี้ มิได้มุ่งหมายเอาไว้ทำร้ายใครเป็นเพียง...

?ศึกษาเอาไว้เพื่อป้องกันตนเองและคอยเอาไว้ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเท่านั้น...?

 การศึกษาวิชาคาถาอาคมนี้ หลวงปู่โทนได้รับการถ่ายทอดมาจากหลวงลุงของท่าน คือ?หลวงพ่อทับ วัดหัวถนน? อำเภอพนัสนิคม หลวงพ่อทับเป็นพระสงฆ์ที่แก่กล้าด้วยคาถาอาคม มีพลังจิตที่เข้มขลัง..นอกจากนี้หลวงปู่โทน กนฺตสีโล ยังได้ฝากตัวลงเป็นศิษย์กับ?พระครูพินิจสมาจารย์?หรือที่ชาวชลบุรีในอดีตรู้จักท่านดีในนามว่า ?หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม" อ.พนัสนิคม หลวงพ่อโด่รูปนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง...โดยเฉพาะ?สีผึ้ง? ชาวเมืองชลเชื่อถือกันว่า ขมังในเรื่องเมตตา มหาเสน่ห์และค้าขาย เด็ดขาดนัก สำหรับเรื่อง?ชื่อชั้น...?ของหลวงพ่อโด่ แห่งวัดนามะตูม ถ้าจะพูดตามภาษาชาวบ้านต้องเรียกว่า ?หัวกระไดกุฎิไม่แห้ง....
?ครับศิลปะคือ?เครื่องขัดเกลาชีวิตและจิตใจ? ทำให้มนุษย์เข้าถึงธรรมชาติ.. สำหรับภิกษุสงฆ์แล้ว การออกเดินธุดงค์ คือ..?เครื่องขัดเกลาและฝึกฝนความแกร่งกล้าของจิต...?

 หลวงปู่โทนได้ออกเดินธุดงค์ไปทางภาคเหนือ เช่นเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย และเข้าสู่ประเทศพม่าเพื่อไปกราบนมัสการพระเจดีย์ชะเวดากอง..

เมื่อออกจากพม่าท่านก็ได้เดินทางย้อนกลับเข้าสู่เมืองไทย บำเพ็ญเพียรตามป่าตามถ้ำ ได้ระยะหนึ่งจากนั้นท่านได้เดินธุดงค์เข้าประเทศลาว เขมร และกลับเข้าประเทศไทย ?นับรวมเวลาที่ท่านเดินธุดงค์ทั้งสิ้น ๓๒ ปี....?

หลังจากหยุดธุดงค์ในช่วงเวลาว่างท่านมักเดินทางไปสนทนาธรรมกับ?หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง..? เนื่องจากเป็นสหธรรมิกรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน เมื่อได้สนทนากันแล้ว หลวงปู่ทิมจึงแนะนำให้มาสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นที่ ?เขาน้อย? ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี..

เขาน้อยแห่งนี้มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาสูงมีป่าไม้เบญจพันธุ์ลำต้นใหญ่ขึ้นอยู่มากมาย เป็นที่เงียบสงบ โดยหลวงปู่ทิมท่านเห็นว่าที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรมและเจริญกรรมฐานเป็นอย่างมาก

ในสมัยที่หลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้กับหลวงปู่โทนเสมอมา หลายครั้งที่ท่านเดินทางไปหาหลวงปู่ทิม ท่านจะพักค้างคืนอยู่ที่วัดละหารไร่อยู่เป็นเดือนบ้างสองเดือนบ้าง จึงจะกลับวัดเขาน้อยคีรีวัน

หลวงปู่ทิมท่านจะแนะชีวิตการปลุกเสกพระเครื่อง เครื่องรางของขลังให้กับหลวงปู่โทน อีกทั้งยังมอบพระเครื่องรุ่นต่างๆของท่านให้กับหลวงปู่โทนนำกลับไปแจกแก่ผู้ร่วมทำบุญสร้างวัดเขาน้อยคีรีวันอยู่บ่อยครั้ง..

ถ้าจะถามต่อว่าบ่อยแค่ไหน คงต้องตอบว่าบ่อยซะจนหลวงปู่โทนเองท่านก็ยังจำไม่ได้ นับเป็นความกรุณาของหลวงปู่ทิมที่มีต่อวัดเขาน้อยคีรีวันเป็นอย่างมาก สำหรับในเรื่องของวิชาคาถาอาคมต่างๆที่หลวงปู่ทิมได้แนะนำอมรมสั่งสอนให้หลวงโทนนั้น หลวงปู่โทนเคยพูดกับผู้ใกล้ชิดว่า..

 ?เมื่อนำมาปฏิบัติตามก็ได้ผล อย่างที่หลวงปู่ทิมบอกไว้ทุกประการ..?

หลวงปู่โทน ท่านได้มาอยู่ที่เขาน้อยนี้เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๒ โดย ตอนแรกท่านได้อาศัยปักกลดนั่งสมาธิภาวนา ต่อมาชาวบ้านแถบนั้นเห็นจริยาวัตรศีลปฏิบัติของท่านจึงเกิดความศรัทธาเลื่อมใส ได้ช่วยกันสร้างกุฏิไม้หลังเล็กๆขึ้นหนึ่งหลัง ถวายท่านเพื่อใช้เป็นที่เจริญสมณธรรม
จากการสร้างศรัทธาชาวบ้านที่เริ่มจากกุฎิไม้หลังเดียว ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นจนทางคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมอนุญาตให้ตั้งเป็นวัดประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา และแถลงการณ์คณะสงฆ์ตั้งชื่อเป็นวัดว่า ?วัดเขาน้อยคีรีวัน?

ซึ่งถือว่าเป็นวัดโดยถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ มีเนื้อที่ครั้งแรกทั้งหมด ๘ ไร่ ขณะนี้กำลังก่อสร้างอุโบสถเพื่อประโยชน์ในการบำเพ็ญกุศล ทำสังฆกรรมอุปสมบทแก่กุลบุตรผู้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา?.

หลวงปู่โทน กนตสีโล ท่านได้?มรณภาพด้วยอาการอันสงบเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๑? ซึ่งการจากไปของท่านได้สร้างความเสียใจให้กับลูกศิษย์และผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่านเป็นอย่างมาก อย่างไรก็แล้วแต่..

?ทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ทุกขณะจิตจึงควรกระทำแต่ความดี..?

ทุกวันนี้พระสงฆ์ของวัดเขาน้อยคีรีวันและกลุ่มลูกศิษย์ของหลวงปู่โทน ยังคงสืบสานเจตนาตามธรรมโอวาทของท่าน...

 ?พระข้างนอก พระข้างในมีให้ครบ

จะประสบโชคค่ามหาศาล

พระนอกดี แต่ข้างในใจดังมาร

พระไม่หาญ คุ้มครองปกป้องภัย....?

บันทึกน้อยของผมตอนนี้เขียนขึ้นเพื่อ?บูชาพระคุณของหลวงปู่โทน? ซึ่งส่วนตัวแล้วผมและเพื่อนๆร่วมอุดมคติได้เข้าไปกราบท่านเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น และทุกครั้งก็กินเวลาไม่นานมากเนื่องจากต้องให้เวลาหลวงปู่ท่านพักผ่อน...

 สิ้นหลวงปู่โทน เรื่องราวของคุณงามความดีและคาถาอาคมที่เคยเป็น?ลมหายใจอันมีชีวิตบทหนึ่งของพระเกจิสายชลบุรี...? จึงต้องปิดฉากลงไปอย่างน่าเสียดาย..

จะว่าไปแล้วในสังคมปัจจุบัน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามี?อุดมการณ์และแนวความคิดใหม่..?จากสังคมภายนอกที่ได้แทรกแซงเข้าไปในวิถีความเป็นอยู่ของชุมชนในอดีต...

 นัยยะตามนั้นย่อมทำให้เกิด?การปรับตัวให้เข้ากับแนวทางใหม่..? ความเชื่อในเรื่องของ?วัตถุมงคล? จึงก้าวเข้ามาเป็น?ตัวประสาน?ระหว่างความคิดเดิมคือเรื่องของ?อำนาจที่เหนือจริง?ที่ชื่อว่า ?ไสยศาสตร์? กับ?อำนาจจริง?ที่เราสามารถจับต้องได้คือ ?วิทยาศาสตร์?..

และย่อมเป็นเรื่องที่แน่นอนครับว่า...การประสานกันระหว่างวิถีเดิมของชุมชนกับแนวทางใหม่ย่อมต้องเกิด?ความคิดเห็นที่แตกต่าง...? ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่ามนุษย์....

?ว่ากันว่าชีวิตมนุษย์จะต้องอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยที่มนุษย์ไม่ใช่นายเหนือธรรมชาติ...?

ปัจจุบันวัดเขาน้อยคีรีวัน ยังคงมี?วัตถุมงคลบางส่วน?ที่หลวงปู่โทนท่านได้ปลุกเสก ด้วย?อำนาจที่เหนือจริง? ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาตามธรรมชาติของ?ผู้คงอาคม?ที่กลุ่มผู้มีคตินิยมทางนี้เรียกว่า?พระเกจิอาจารย์? ..เจตนาในการจัดสร้างเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับญาติโยมที่เข้ามาร่วมทำบุญ ไว้บูชาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ก้าวไกลไปจากความดี...ประสบการณ์คง?ไม่ต้องถาม?เพราะที่ผมเล่ามาก็พอจะ?ยืนยันความขลัง?ได้บ้างแล้ว รายได้จากการบูชานำไปก่อสร้างพระอุโบสถของวัดให้แล้วเสร็จ เพื่อพระสงฆ์จะได้ใช้ประกอบศาสนกิจและใช้เป็นสถานที่?สร้างคนให้มีคุณค่าของสังคม..?ถึงตอนนี้ผมและเพื่อนๆ ต่างพูดเข้าข้างตัวเองครับ..ว่า 

?วัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง? เป็น ?การคิดค้นขึ้นภายใต้พื้นฐานของชีวิตมนุษย์..?

ซึ่งพื้นฐานตามนัยยะข้างต้นนี้เป็น?พื้นฐาน..?ที่มีส่วนช่วยให้คนในสังคมสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบและมีความสุขมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้?

อย่างน้อยที่สุด?พื้นฐาน?อันนี้..มันก็ได้สร้างให้พวกผมดำรงไว้ซึ่ง ?คุณค่าของความเป็นมนุษย์..? ภายใต้สภาพของสังคมสมัยใหม่ที่ใครบางคนกำลังทำลายคุณค่าพื้นฐานของความเป็นมนุษย์อย่างในบ้านเมืองเราขณะนี้....สวัสดีครับ

ขอขอบพระคุณข้อมูลบางส่วนจาก?หนังสือชีวประวัติและภาพวัตถุมงคล? ที่รวบรวมขึ้นโดยคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงปู่โทน 
 

ออฟไลน์ umpawan

  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 3112
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์วัดบางพระ
    • ดูรายละเอียด
หลวงปู่โทน ถ้าจำไม่ผิดท่านดัง ควายธนู วัวกระทิงธนู หมูป่า ครับ


- ขอบคุณสำหรับรูปภาพครับ


 :089:

ออฟไลน์ mawin_14

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1210
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณครับ เป็นความรู้ที่ดีมากครับ :015:

ออฟไลน์ !!!โบ เด็กป่า!!!

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 315
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
เคยไปเมิ่อ3ปีที่แล้วที่เอาควายธนูไปให้ท่านเสก  เสกนานทีเดียวครับ
กุฏิต้องเดินขึ้นไปอีกครับ