ตราบใดความจริงเป็นสิ่งปิดบัง

ตราบใดที่ความจริง
ยังเป็นสิ่งถูกปิดบัง
ตราบนั้นอย่าได้หวัง
ว่าปัญหาจะจบไป
นิสัยมนุษย์ชน
มักชอบค้นชอบสงสัย
เมื่อรู้ประจักษ์ใจ
ก็จบกันเท่านั้นเอง
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๘ มิ.ย.๒๕๖๓

รู้แต่ทุกข์ ไม่รู้ สมุทัย

รู้แต่ทุกข์ ไม่รู้ สมุทัย
ชื่อว่าไม่ รู้จริง ทุกสิ่งสรรพ์
อย่าพึงตัด สินใจ ในเร็วพลัน
ว่าต้องเป็น อย่างนั้น หรืออย่างนี้
จะรางวัล หรือลงโทษ โกรธผู้ใด
ควรศึกษา เรื่องไว้ ให้ถ้วนถี่
ให้รู้ชัด ถึงตัว ความชั่วดี
จึงเป็นที่ สรรเสริญ จำเริญพร
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๗ มิ.ย.๒๕๖๓

ความคิดที่ต่างกัน

ความคิดที่ต่างกัน
อย่าไหวหวั่นอย่าชิงชัง
ท่านสอนให้รับฟัง
นำมาชั่งมาเปรียบกัน
เขาผิดหรือเราผิด
เป็นความคิดที่สำคัญ
สามารถจักสร้างสรรค์
สันติสุขทุกสังคม
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๖ มิ.ย.๒๕๖๓

ความหิวโทษมากล้น

จงอางที่หวงไข่
มหาภัยโบราณว่า
แต่เกิดหิวขึ้นมา
ยังตัดใจกินไข่ตน
คำนี้ท่านสอนไว้
หวังจะให้เตือนใจคน
ความหิวโทษมากล้น
ทำบาปได้ยิ่งใหญ่จริง
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๕ มิ.ย.๒๕๖๓

เศรษฐีกับขอทาน

เศรษฐีกับขอทาน
เมื่อมีการเข้าสังคม
ทำให้เกิดอารมณ์
แก่สังคมแตกต่างกัน
เศรษฐีคนรับหน้า
อยากคบหาผูกสัมพันธ์
ขอทานคนเดียจฉันท์
น้อยคนนักจักสนใจ
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๔ มิ.ย.๒๕๖๓

อำนาจวาสนา

อำนาจวาสนา
อาจนำพาไปสู่เกียรติ์
หรือสู่ความหยามเหยียด
จากมวลเหล่าชาวประชา
ใช้สร้างยุติธรรม
นั้นย่อมนำซึ่งเกียรติ์มา
ใช้สนองตัวตัณหา
ย่อมถูกด่าและเกลียดชัง
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๒ มิ.ย.๒๕๖๓

งอกงามตามเวลา

ต้นไม้จะออกผล
ต้องรอจนได้เวลา
ผลนั้นจึงออกมา
เร็วหรือช้าตามสายพันธุ์
ผลกรรมชั่วและดี
ที่คนทำลงไปนั้น
ก็เป็นเช่นเดียวกัน
คืองอกงามตามเวลา
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๑ มิ.ย.๒๕๖๓

อวิชชาตัณหาบังดวงตาบังใจ

อวิชชาบังใจไม่เห็นหลัง
ตัณหาบังดวงตาข้างหน้าไว้
ไม่รู้จะก้าวย่างไปทางไหน
จึงเวียนมาเวียนไปในที่เดิม
เกิดแล้วแก่เจ็บตายไปอย่างนี้
ทั้งมากมีปัญหาเข้ามาเสริม
โดยการทำบาปกรรมมาซ้ำเติม
ทุกข์จึงเพิ่มมากมีทวีคูณ
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๒๐ มิ.ย.๒๕๖๓

ถ้าโลกนี้ มีแต่ แค่ทองคำ

ถ้าโลกนี้ มีแต่ แค่ทองคำ
แต่ข้าวน้ำ ของกิน สิ้นสลาย
ผู้คนคง รันทด ถึงอดตาย
ทองจะมี ความหมาย ที่ไหนกัน
การดูของ หรือแม้ แต่ดูคน
ให้ดูผลแท้จริงของสิ่งนั้น
มีประโยชน์หรือไม่อย่างไรกัน
อย่าถือมั่นไปตามความนิยม
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๑๙ มิ.ย.๒๕๖๓

อันว่าน้ำธรรมดา

อันว่าน้ำธรรมดาท่านว่าเย็น
จะให้เป็นน้ำร้อนก็ทำได้
โดยการนำไปรนไว้บนไฟ
หยุดเมื่อไรน้ำนั้นกลับพลันเย็น
นิสัยคนก็เป็นเช่นน้ำนั้น
โลภโกรธหลงพากันไปหลบเร้น
การรู้ข่มด้วยธรรมจึงจำเป็น
หากว่างเว้นมักโผล่หน้าออกมาโชว์
พระเทพมหาเจติยาจารย์
จจ.นฐ. ๑๘ มิ.ย.๒๕๖๓