แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - tom2007

หน้า: [1]
1
พระกิตติศักดิ์ กิตติสุขิตโต อายุ 36 ปี พระเลขาหลวงพ่อสาคร เปิดเผยว่า หลวงพ่อสาคร อายุ 75 พรรษา ป่วยด้วยโรคถุงลมโป่งพองเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมาโดยตลอด ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ก.ย. หลวงพ่อได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ มีลูกศิษย์แจ้งมาว่าหลวงพ่อสาครได้มรณภาพเมื่อเวลา 00.45น. วันเดียวกันนี้ โดยจะเคลื่อนศพออกจากโรงพยาบาลมาถึงวัดหนองกรับเวลา 14.00น. นี้ และมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ก.ย. ซึ่งพระราชสิทธินายก เจ้าคณะจังหวัดจะมาเป็นประธาน โดยจะสวดอภิธรรมคืนนี้เป็นคืนแรกไปจนถึงวันที่ 26 ก.ย.นี้ รวม 9 คืน และเก็บศพไว้ที่วัด 100 วันเพื่อให้ญาติโยมและลูกศิษย์เข้ากราบไหว้ร่างท่านหลวงพ่อสาคร หลังจากนั้นจะประชุมหารือว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ข้อมูลจาก ชมรมพระเครื่องหลวงพ่อสาคร หลวงพ่อสิน ระยอง

2
ผมอยากทราบประวัติของสองเหรียญนี้นะครับและเหรียญสองเหรียญนี้แท้ไหมครับ










รบกวนศิษย์พี่ทุกท่านหน่อยนะครับ

3
สรงน้ำพระวัดบางพระปีนี้ (2554) วันที่เท่าไหรคัรบ

4
ช่วยฟันธงหน่อยครับ รบกวนด้วยนะครับ(ประวัติของเหรียญด้วยนะครับ)


ขอบคุณครับ

5

 

   หลวงปู่บุญ โสภโณ   (พระครูโสภณพัฒนาภิรม)

วัดทุ่งเหียง  ต.หมอนนาง  อ.พนัสนิคม  จ.ชลบุรี

วิชาเข้มขลัง   พลังศักดิ์สิทธิ์  บุญฤทธิ์บารมี

หลวงปู่บุญ โสภโณ  หรือนามตามสมณศักดิ์ พระครูโสภณพัฒนาภิรม เจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง อายุ 79 ปี 58 พรรษา เป็นพระเกจิแห่งยุคอีกองค์หนึ่งที่มีวัตรปฏิบัติงดงาม   มีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้   มีสมาธิจิตใจอันแน่วแน่เด็ดเดี่ยวมั่นคง วัตถุมงคลของท่านที่สร้างแต่ละครั้งครา ล้วนได้รับความนิยมด้วยแรงศรัทธาและประสบการณ์ ทั้งด้านเมตตาค้าขาย  คงกระพันชาตรี ทวีโชคโภคทรัพย์

หลวงปู่บุญ โสภโณ เป็นพระเถระที่เจริญด้วนพรหมวิหารธรรม  สั่งสมสร้างบุญญาบารมีอันกว้างไกลไม่มีประมาณ   ตั้งแต่พื้นราบฝั่งตะวันออกจรดภูผาป่าดอยขุนเขาทางภาคเหนือที่ท่านรับอุปการะเด็กน้อยผู้ด้อยโอกาสชาวไทยภูเขา  ให้มีโอกาสได้รับการศึกษาจนสำเร็จการศึกษาไปแล้วว่ากว่าสองพันราย

          สร้างบุคคลากรให้แก่พระพุทธศาสนา  ทั้งด้านปริยัติและปฏิบัติ  ทั้งพระภิกษุและสามเณรหลายร้อยรูป

นี่คือประจักษ์พยานที่เป็น”รูปธรรมสัมผัสได้” แห่งจิตอันเป็นบุญเป็นกุศลของ

หลวงปู่บุญ โสภโณ   ประกอบกับองค์ความรู้จากการเล่าเรียนวิทยาคมกับพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิชาอาคมขมังชื่อดังในอดีตร่วมร้อยรูป    

หลวงปู่บุญ โสภโณ  เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2474 ที่บ้านหนองม่วง อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี    ท่านเป็นผู้สนใจในด้านพุทธศาสนาและการศึกษาธรรมมาแต่เยาว์

           เมื่ออายุ 20 ปีครบบวชท่านได้เข้าบรรพชาอุปสมบทสู่ร่มเงาแห่งผ้ากาสาวพัสตร์ โดยมี หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม พระเกจิดังในยุคนั้น เป็นอุปปัชฌาจารย์ และมีหลวงพ่อห่อ พระหมอต่อกระดูกเป็นพระคู่สวด        

บูรพาจารย์ผู้ประสิทธิ์วิทยา

หลวงปู่บุญ ในสมณะเพศนอกจากสนใจการศึกษาข้ออรรถข้อธรรม  การเจริญสมาธิภาวนาตามพุทธวิธีแล้ว ท่านยังสนใจศึกษาวิชาอาคมการสักเสกเลขยันต์ต่าง ๆ อีกด้วย    

เมื่อมีโอกาสหลวงปู่บุญจะเดินทางไปเรียนวิชากับครูอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณทั้งสายบรรพชิตและสายฆราวาสหลายท่าน อาทิ

หลวงปู่เส็ง วัดประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ผู้สร้างเหรียญโภคทรัพย์ นางกวักอันโด่งดัง  

พระครูสังวรกิตติคุณ ( หลวงพ่อเอีย ) วัดบ้านด่าน  อ. ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี  ศิษย์สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า  ชัยนาท

หลวงพ่อคล้าย จันทสุวัณโณ วัดสวนขัน  นครศรีธรรมราช ผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์เคยกล่าวกับพระอาจารย์บุญเมื่อไปกราบนมัสการที่ปักษ์ใต้ว่า “ ดีจังฮู้ ...ขลังเหม็ด”  หมายถึง  “ ดีจัง... เสกอะไรขลังหมด ”

หลวงพ่อคง สุวัณโณ  วัดวังสรรพรส  จันทบุรี เกจิอาจารย์ดังฝั่งตะวันออก ได้ศึกษาวิชาเสือสมิงมหาอำนาจ (ซึ่งต่อมาท่านก็ได้สร้างวัตถุมงคลของขลัง หนังเสือโคร่ง อาทิ ตะกรุดหนังเสือโคร่ง เสือกระโจนเรียกทรัพย์)

ขุนนครเขต     ท่านขุนผู้นี้มีนิวาสสถานอยู่เกาะสีชัง  ชลบุรี  ด้วยความเป็นจองขมังเวทย์ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม  กล่าวกันว่าท่านมีหญิงที่ผ่านเข้ามาในชีวิต 150 คน ท่านมีวิชาอาคมมหาเสน่ห์  โดยเฉพาะวิชาการเรียกสุตรลบผงปถมังตำหรับโบราณขนานเอก   และหลวงปู่บุญก็ได้ตำราวิชาการลบผงปถมังตำหรับนี้สืบมา(ซึ่งต่อมาได้นำผงปถมังสูตรขุนนครเขตมาเป็นมวลสารสร้างวัตถุมงคล รุ่น ไตรมาส 2551 โดยเฉพาะพระขุนแผน พระปิดตา )

ครั้งเป็นพระภิกษุหนุ่ม หลวงปู่บุญเคยไปพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆษิตาราม ต้นตำหรับพระสมเด็จวัดระฆังฯ จักรพรรดิพระเครื่อง  โดยไปพักอยู่กับกับหลวงปู่นาค วัดระฆัง  ได้มีโอกาสเรียนวิชากับหลวงปู่หิน โดยเฉพาะการเขียนสูตรลบผงพุทธคุณ    

ครานั้นท่านได้รับเมตตาจากพระเถระผู้ใหญ่มอบทั้งพระสมเด็จหลวงปู่หินและผงสมเด็จวัดระฆัง พร้อมด้วยสูตรการเขียนและลบผงตำหรับเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี ) อีกด้วย

ตามรอยหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์

เมื่อครั้งอดีตเจ้าคุณจรัญ วัดอินทร์ ฯ  เป็นสามเณรได้รับ ผงหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี จากหลวงพ่อถัน (ผู้สร้าง พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์) มาค่อนบาตร และต่อมาได้ตกทอดมายังหลวงพ่อบ๊วย วัดเครือวัลย์    

กาลต่อมาหลวงปู่บุญมีความศรัทธาใน”หลวงพ่อแก้ว” วัดเครือวัลย์ ซึ่งถือเป็นสุดยอดพระควัมปติพระปิดตาอันดับหนึ่งของเมืองไทย  ได้เพียรพยายามศึกษาวิชาการสร้างพระตามตำหรับการสร้างหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์   นับเป็นโชควาสนาที่หลวงพ่อบ๊วย วัดเครือวัลย์  เมตตามอบผงเก่าหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ต้นตำหรับขนานแท้และดั้งเดิมมาให้  ซึ่งหลวงปู่บุญได้เก็บรักษามาอย่างดี  กระทั้งปี 2551  ทางวัดทุ่งเหียง ได้จัดสร้าง พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว พิมพ์นิยมหลังแบบ รุ่น ไตรมาส 2551  ท่านได้นำผงเก่านี้มาเป็นส่วนผสม ( อ.เปี๊ยก ปากน้ำ นักนิยมพระเครื่องอาวุโส  เคยสัมภาษณ์หลวงปู่บุญ โสณในรายการทีวี “มรดกฅนไทย” สรุปได้ว่าหลวงปู่บุญเปรียบเสมือนวิทยาทายาทรูปสุดท้ายสายหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ )

พระอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่หลวงปู่บุญมีความใกล้ชิดคือ หลวงปู่เปี่ยม อดีตเจ้าอาวาสวัดทุ่งเหียง ศิษย์ในสายหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา  หลวงปู่บุญได้รับการถ่ายทอดวิชาเข้มอาคมขลังจากหลวงปู่เปี่ยมและรับภารธุระดูแลงานวัดวาอารามจากครูอาจารย์ด้วยความเอาใจใส่

ครบศาสตร์ ครบสูตร เข้มที่เสก ขลังที่สุด

สรรพวิชาอาคม เวทย์มนต์คาถา เคล็ดวิชาการสร้างพระเครื่อง ของขลังที่หลวงปู่บุญ โสภโณ  เรียนมาจากพระคณาจารย์แต่ละองค์   ท่านล้วนเป็นผู้ทรงวิทยาคุณ  และแต่ละพระบุพพาจารย์ท่านได้เมตตาถ่ายทอดวิทยาคมด้วยความเต็มใจเต็มที่

 พร้อมกันนี้หลวงปู่บุญท่านยังเป็นคลังปัญญาแห่งตำรับตำราสายต่าง ๆ อาทิ สายวัดประดู่โรงธรรม ตักศิลาทางไสยเวทย์แห่งอยุธยา  ตำรามหาเวทย์มหายันต์สายวัดพระญาติ    สายวัดปากคลองมะขามเฒ่า  สายวัดระฆังโฆษิตาราม  สายล้านช้าง  สายนครวัดนครธม ฯลฯ  

หลวงปู่บุญท่านมีความรู้ ความสามารถในวิชาวิทยาคมที่เรียนมา อย่างแตกฉานอาทิ การเรียกสูตรลบผงศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ   การจารอักขระ  เลขยันต์  การปลุกเสกวัตถุมงคลที่ท่านเน้นว่าต้องทำให้“ครบศาสตร์ ครบสูตร เข้มที่เสก ขลังที่สุด”

นอกจากการเรียนวิชาอาคมอันเป็นภาคทฤษฎีแล้ว   ในภาคปฏิบัติหลวงปู่บุญได้นำวิชาอาคมต่างๆ มาใช้เพื่อสงเคราะห์ผู้ศรัทธา  ทั้งในด้านพุทธมนต์โอสถแขนงต่าง ๆ ซึ่งหลวงปู่บุญเป็นเกจิอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพร แพทย์แผนไทย เภสัชโบราณ ช่วยเหลือผู้เจ็บไข้ได้ป่วยมามาก   ด้านอาคมขลังก็เป็นที่ประจักษ์ การแก้อาถรรพ์  การดูทำเลที่อยู่อาศัย  การทำนายทายทักก็เป็นที่เลื่องลือ  

ด้านการสร้างวัตถุมงคล พระเครื่อง ของขลัง เริ่มจากทำแจกจ่ายกันในหมู่คณะศิษย์คณะศรัทธา  แต่ด้วยประสบการณ์ความเข้มขลังที่เล่าลือกันไป  ทั้งด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี โดยเฉพาะประเภท “ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า” ทั้งตะกรุด ทั้งเหรียญ ทั้งพระเครื่อง  เล่นเอาวิ่งหากันจ้าละหวั่น  ( ของรุ่นแรกของท่านราคาหลักหลายพันยันหลักหมื่นก็ยังหาของยาก )  

ด้านเมตตาค้าขาย  บรรดาพ่อค้าแม่ขายในตลาดพนัสฯ ตลาดเมืองชลฯทราบกันดีว่า

“ของดีหลวงพ่อบุญ วัดทุ่งเหียง”นั้นคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการประกอบกิจการให้ ซื้อง่ายขายคล่อง

หลวงปู่บุญ  ท่านมีความรู้พื้นฐานด้านสมุนไพร  ว่านยาต่าง ๆ สามารถดูลักษณะบอกสรรพคุณได้  ดังนั้นเมื่อท่านสร้างพระเครื่องของขลัง  ท่านจึงนำวิชาความรู้เหล่านี้มาสะสมมวลสาร  อาทิ ว่านสมุนไพรชนิดต่าง ๆ นับร้อยชนิด  กาฝากชนิดต่าง ๆ  เกสร 108  

มวลสารศักดิ์สิทธิ์  ทั้งที่ท่านสะสมไว้มีเป็นจำนวนมาก อาทิ ผงหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์  ผงวัดระฆังฯ  ผงปถมัง (สูตรขุนนครเขต)  ผงพุทธคุณจากสำนักต่างๆ ผงพรายกุมาร ผงอิทธิเจ

ตรีนิสิงเห ผงยาจินดามณี(ตำหรับวัดกลางบางแก้ว) ผงมวลสารจากหลวงปู่ชื่น วัดตาอี (ที่เคยมาร่วมปลุกเสกที่วัดทุ่งเหียง เมื่อปี 25 ) แร่เกาะล้าน  แร่บางไผ่  ดินกากยายักษ์ ดินขุยปู (จากใต้ฐานหลวงพ่อโต วัดบางพลี)  มวลสารจากปราสาทนครวัด นครธม  ฯลฯ หากนับรวมกันแล้วทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่าสามร้อยรายการ !!!

หลวงปู่ผู้เมตตา  

นอกจากหลวงปู่บุญท่านมีครูบาอาจารย์ดี วิชาเข้มขลัง พลังศักดิ์สิทธิ์ บุญฤทธิ์บารมีแล้ว ท่านยังเจริญด้วยพรหมวิหารธรรมโดยเฉพาะด้านเมตตามากที่สุดด้วย

เมื่อปี 2529 ท่านจาริกธุดงค์ไปทางภาคเหนือ  บนดอยสูงอาทิ ดอยปางอุ๋ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่  ซึ่งเป็นท้องถิ่นทุรกันดาร   ชาวเขาอยู่กันแบบตามมีตามเกิด  เด็กชาวเขาขาดโอกาสทางการศึกษา  ส่วนใหญ่อยู่อย่างยากจนเยาวชนไม่มีอนาคตที่แน่นอน  

ด้วยจิตที่เปี่ยมด้วยเมตตา   ท่านได้เห็นสภาพทุกเวทนาของผู้ยากไร้  ขาดปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพ  ถูกสังคมทอดทิ้ง พูดเขียนอ่านภาษาไทยได้บ้างไม่ได้บ้าง(ทั้งๆ ที่เกิดและอาศัยอยู่บนแผ่นดินไทย)

    ชาวเขาสมัยนั้นนับถือภูติผี  ยังไม่รู้จักพระพุทธศาสนา  หลวงปู่บุญท่านได้ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา  ให้รู้จักสวดมนต์ไหว้พระ  รู้จักการเรียนเขียนอ่านภาษาไทย  ให้การสงเคราะห์เครื่องอุปโภคบริโภค เวชภัฑ์ยารักษาโรค

ชาวเขาจึงศรัทธาท่านในฐานะหลวงปู่ผู้เมตตา  เป็นผู้ให้การช่วยเหลือ  เป็นผู้ให้แสงสว่างแก่ชีวิต   ชาวเขาเผ่าต่าง ๆ โดยเฉพาะ “ม้ง” ทะยอยเข้ามานับถือพระพุทธศาสนาเพิ่มมากขึ้น  ชาวเขาที่มีบุตรชายก็นำมาขอบวชเป็นสามเณรเพื่อได้มีโอกาสเล่าเรียนเขียนอ่านภาษาไทย ศึกษาพระปริยัติธรรม

เพื่อความสะดวกในการอุปการะให้การศึกษาสงเคราะห์  ท่านได้นำเด็กชาวเขาเดินทางมาอุปการะเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือที่วัดทุ่งเหียง อ.พนัสนิคม  จ.ชลบุรี จากเด็กชาวเขาจำนวนไม่กี่สิบ  เพิ่มเป็นจำนวนร้อย  และหลาย ๆ ร้อยคนในที่สุด

 หลวงปู่บุญจึงได้ตั้งโรงเรียนพระปริยติธรรมและทุนนิธิฯที่วัดทุ่งเหียงเพื่ออุปการะเลี้ยงเด็กชาวเขาเหล่านี้ที่ผลัดเปลี่ยนรุ่นต่อ ๆ มาไม่ขาดสาย  จากชาวเขาชาวดอยจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก กำแพงเพชร ฯลฯ  

ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมา  ท่านสร้างโอกาสสร้างชีวิตใหม่ให้กับเด็กผู้ยากไร้  ให้มีการศึกษา มีอนาคต อ่านเขียนเรียนหนังสือไทย จนกระทั่งสำเร็จการศึกษาระดับมัธยม  ระดับอาชีวะ จนถึงระดับอุดมศึกษาประมาณ 2,000 กว่าราย  โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทน  ท่านเลี้ยงเหมือนลูกเหมือนหลาน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี  เป็นคนดีของสังคม เป็นบุคลากรที่อุดมของประเทศชาติ

ปัจจุบันมีเด็กอยู่ในความดูแลหลวงปู่บุญ ร่วม 400 คน มีสามเณรอีก 80 รูป  รายจ่ายค่าอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เครื่องเขียนแบบเรียน  หลวงปู่รับภาระทั้งหมด !!!

 หลวงปู่บุญ โสภโณท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมาก  เพื่อเลี้ยงเด็กเหล่านั้นด้วยเมตตา หลวงปู่กล่าวว่า......อีกไม่นานท่านก็ตายแล้วความดีต้องรีบทำ ท่านยอมอดดีกว่าให้เด็ก ๆ เหล่านี้อด ……..


6
ประวัติความเป็นมา วัดม่วง
 
เดิมทีวัดม่วงเป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปี พ.ศ. ๒๒๓๐ ณ. แขวงเมืองวิเศษชาญ ซึ่งเคยได้เป็นเมืองหน้าด่าน ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๐ กรุงศรีอยุธยาได้เสียกรุงให้แก่พม่า พม่าได้เผาผลาญบ้านเมือง วัดวาอาราม และพระพุทธรูปไปเป็นจำนวนมาก สิ่งที่หลงเหลืออยู่ คือ ซากปรักหักพังของวัดวาอาราม และพระพุทธรูป ที่อยู่บนเนินมีต้นไม้ใหญ่จำนวนมาก
 
เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ท่านพระคูวิบูลอาจารคุณ ( หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) ได้มาปักกลดธุงดงค์เห็นว่าบริเวณนี้เคยเป็นวัดร้าง จึงน่าปฏิบัติธรรม แต่ขณะปฏิบัติธรรม ได้ปรากฏนิมิต เห็นองค์หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง มาบอกว่าให้ท่านได้ช่วยก่อสร้างวัดม่วงขึ้นมาใหม่ เพราะท่านพระครู เป็นผู้มีบารมี ที่สามารถจะก่อสร้างบูรณะวัดม่วง ขึ้นมาใหม่ได้ด้วย ผู้ที่เคยอาศัยในสมัยก่อนได้มาเกิด และจะมาช่วยท่านแล้ว และในบริเวณวัดร้างนี้จะมีศิลาขาว และศิลาแดงอยู่ คือ องค์ของหลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง นั้นเอง ซึ่งต่อมาท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการปั้นองค์พระครอบศิลาขาว และศิลาแดงไว้ โดยเรียกนามว่า หลวงปู่ขาว และหลวงปู่แดง จนถึงปัจจุบันนี้
 
ในปีพ.ศ. ๒๕๒๖ ท่านพระครูวิบูลอาจารคุณ ได้มีการเริ่มบูรณะและได้สร้างเสนาสนะต่าง ๆ ขึ้น โดยได้รับการบริจาค ทั้งเงินทำบุญ และทำบุญด้วยแรงงาน ร่วมกันดำเนินงานในการก่อสร้าง
 
จนกระทั้งวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มีการประกาศยกฐานะให้วัดม่วง ซึ่งเคยเป็นวัดร้างให้เป็นวัดที่มีพระสงฆ์
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้มีการแต่งตั้งท่านพระครูวิบูลอาจารคุณเป็นเจ้าอาวาสวัดม่วง ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ. อ่างทอง
เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ แห่งราชจักรี ได้ทรงพระราชทานวิสุงคามสีมาให้แก่วัดม่วง เป็นต้นมา
 
ในปีพ.ศ. ๒๕๓๔ ท่านพระวิบูลอาจารคุณ ได้ร่วมพลังจิตอธิฐาน ร่วมกับประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั่วประเทศ ได้สมทบทุนสร้างพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อน้อมถวาย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ ๙ และราชวงศ์จักรี มีพระนามว่า พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ มีหน้าตักกว้าง ๖๒ ม. สูง ๙๓ ม. มูลค่าในการก่อสร้าง ๑๐๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ( หนึ่งร้อยหกล้านบาท )
 
เมื่อวันเสาร์ที่ ๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ( วันแรม ๑ ค่ำา เดือน ๔ ) ปีมะเมีย เวลา ๙.๐๐ น. ได้วางศิลาฤกษ์ โดยสมเด็จพระโฆษาจารย์ วัดสุวรรณดาราม กทม. เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูวิบูลอาจารคุณ (หลวงพ่อเกษม อาจารสุโภ ) เป็นประธานฝ่ายดำเนินการก่อสร้าง และหาทุน และให้กฤษ์การก่อสร้างได้ดำเนินมา จนสำเร็จใน ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ ( วันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ ) รวมเป็นเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น ๑๖ ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ - ๒๕๕๐

 
วัดม่วง
บ้านหัวตะพาน หมู่ที่ 6 ตำบลหัวตะพาน
อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
 





7
มีใครพอทราบประวัติเหรีญนี้กัยตะกรุดมั่งครับเป็นของปู่ผมครับห้อยอยู่พวงเดี๋ยวกับตะกรุดสามห่วงหลวงพ่อเต๋ครับ






ตระกรุดสามห่วงหลวงปู่เต๋


8
เมื่อวานนี้ไปวัดมาครับและได้ความเมตตาจากหลวงพี่แป๊วครับ


9
ผมนำพระสีสะแลงแงงใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์แล้วนั้งทับจะเป็นไรหรือป่าวครับ

10
พรุ้นี้ที่วัดบางพระเริ่มเวียนเทียนกี่โมงครับ

11
สงกรานต์ปีนี้วันสรงน้ำพระวัดบางพระวันที่เท่าไหร่ครับ

12
ผมจะซื้อหมึกไปถวายหลวงพี่ครับไม่ทราบว่าหาซื้อได้ที่ไหนครับ

13
ถ้าเราลงนะหน้าทองที่วัดบางพระแล้วเราสามรถไปลงนะหน้าทองที่วัดอื่นๆได้อีกไหมครับ

14
ได้มาตอนปีใหม่นี่เอง







15
พ่อคูณขอปีใหม่ให้สามัคคีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
หลวงพ่อคูณให้พรปีใหม่.
หลวงพ่อคูณเตือนสติคนไทยขับรถปีใหม่อย่าประมาท - คึกคะนอง ระวังตายโหง พร้อมอวยพรปีใหม่อยากเห็นคนไทยมีความรักความสามัคคี จงรักภักดี ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รักกันเพื่อให้ชาติอยู่รอด ด้านตำรวจทางหลวงเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชม.


วันที่ 27 ธ.ค.2552 ประชาชนทั้งชาวจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงจากต่างจังหวัดกว่า 2,000 คน เดินทางมากราบนมัสการ พระเทพพิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เพื่อขอพรในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 2553 โดยหลวงพ่อคูณได้เคาะหัวให้พรในเวลา 11.00 น. และกล่าวอวยพรปีใหม่ถึงประชาชนชาวไทยทั่วประเทศว่า "ใกล้จะเปลี่ยน พ.ศ.ใหม่แล้ว อายุของคนก็แก่ไปตามวันตามเวลาเหมือนกันทุกวัน เพราะฉะนั้น จะให้ความสามัคคีกันอยู่เสมอต้นเสมอปลายตลอดปีตลอดชาติ อย่าไปแตกความสามัคคีกันเดอลูกหลานเด้อ ถ้าแตกสามัคคีกันแล้ว ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ก็อยู่ไม่ได้ ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์จะอยู่ได้ก็เพราะลูกหลานรักกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่คิดจะแตกจะแยกกัน บ้านเมืองอยู่ดีกินดี สบายจิตใจกันทั้ง 2 ทาง

นอกจากนี้ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่จะมีประชาชนใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก หลวงพ่อคูณฯ จึงได้กล่าวเตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนนว่า เรื่องขับรถ เขาบอกว่าอย่าประมาท "อัปมาเทนะ สัมปาเทถะ" ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาท จะถึงพร้อมเถิด อย่าประมาทเด้อลูกหลานเด้อ อย่าอยู่ในคึกคะนอง ความคึกคะนองคือความพินาศ ความประมาทคือความตายโหง อย่าทำเด้อ ขับรถก็ให้มีสติปัญญา อย่ารีบร้อนไปไหนช้าๆปลอดภัยดี ถ้าอยู่ในคึกคะนอง ไม่ปลอดภัย เพราะฉะนั้นอย่าไปใช้ความคึกคะนอง ต่อไปช้าๆมาช้าๆก็ถึง ไม่ต้องรีบร้อนไปไหน ทำให้เรียบร้อนถึงจะมีอายุยืน ถ้าไปมาคึกคะนองวิ่งกันอย่างไม่คิดชีวิตชีวาเดียวก็ตาย เพราะฉะนั้นค่อยเป็นค่อยไปสบายใจดีเด้อลูกหลานเด้อ.... กูก็บอกมึงได้แค่นี้แหละ

หลวงพ่อคูณ ยังกล่าวย้ำอีกว่า หากคนไทยไม่แตกไม่แยกกัน คนไทยด้วยกันก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขความสามัคคีกัน ทั่วบ้านทั่วแผ่นดิน มันก็มีแค่นี้ หากไปแตกเหล่าแตกก๊กกันแตกหมู่แตกพวกกันแล้วก็ฉิบหายเท่านั้น ให้เป็นไม่ได้ คนไทยเรารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่แล้วไม่คิดแตกไม่คิดแยกกันด๊อก ถ้าคิดแตกคิดแยกกันเมื่อใด บ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้ ฉิบหายบรรลัย ดังนั้นอย่าแตกอย่าแยกกัน

พ.ต.ท.พัฒนศักดิ์ ยี่สารพัฒน์ สว.ส.ทล.1 กก.6 บก.ทล. นครราชสีมา เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมดูแลแก้ไขปัญหาสภาพจราจรที่คับคั่ง บนทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ว่า ในพื้นที่รับผิดชอบ ตลอดระยะทาง 213 กิโลเมตร ว่า ได้สินธิกำลัง จนท.ตำรวจ ในพื้นที่ และอาสาสมัครกู้ภัยฮุก.31 มาร่วมตั้งจุดบริการประชาชน จำนวน 13 แห่ง บริเวณจุดทางร่วม ทางแยกสำคัญ ตลอดระยะเวลา 24 ชั่วโมง โดยจะบริการจัดเตรียมจุดที่พักรถชั่วคราว สอบถามเส้นทางลัดเพื่อหลีกเลี่ยงการปัญหาจราจรติดขัดในเส้นทางหลัก ซึ่งมีบริการน้ำเย็น เครื่องดื่มชูกำลัง และยังมีการจัดเตรียมน้ำดื่มปลุกเสก โดยพระเทพวิทยาคมเถร หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จำนวน 20,000 ขวด พิเศษในปีนี้มีการแจกผ้ายันต์ปลุกเสกหลวงพ่อคูณ ฯ เตือนสติ จำนวน 5,000 ผืน ให้แก่ผู้ใช้รถสัญจรบนท้องถนน ในการขับขี่ยานพาหนะ ซึ่งหลวงพ่อคูณ ฯ เน้นอย่าไม่ประมาทในการใช้รถใช้ถนน
ที่มา:www.sanook.com

16
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ยันต์นะ
« เมื่อ: 24 ธ.ค. 2552, 06:53:19 »
ยันต์นะมีพุทธคุณด้านไหนครับ

17
หลวงพี่แป๋วท่านเมตตาให้มาเมื่อเย็นนี้ครับ

18
เสือขนพองหรือเสือหากิน พระอาจารย์สุพจน์ วัดศรีทรงธรรม นครสวรรค์











20
สวนตัวผมเองถ้าไม่วัดตะเคียน(นนทบุรี) ก็ที่เกาะลอย อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีครับ

21
ผมบูชามาจากวัดถ้ำเสือครับ





22
ผมพึ่งได้มาครับ
1นี่ใช้เหรีญ สก. ป่าวครับ






2 เหรีญนี้ใครทราบประวัติมั่งครับ









23
ใครทราบประวัติการสร้างเหรีญนี้มั่งครับ







24
รบกวนพี่ๆๆช่วยพิจารณาด้วยครับว่าดีไหมครับ




26
อยากทราบว่าตะกรุดดำเซ็นกับนางพิมสามารถคล้องรวมกับตะกรุดของอาจารย์อืนได้ไหม (ที่เอวนะครับ)

27
อยากทราบว่าตะกรุดดำเซ็นและนางพิมสามารถคล้องเอวได้ไหมครับ

28


อยากทราบวิธีบูชาครับ เห็นกระทู้เก่าๆบอกว่าให้ใช้เหล้าขาวทา ผมอยากไปใส่กรอบแขวนคอถ้าเวลาทาเหล้าขาวจะทาที่กรอบได้ไหมหรือต้องเจาะรูด้วยครับ

29
ด้วยความเคารพครับผมบูชามาจากร้านที่โรบินสันบางรักครับ มีวัตถุมงคลของหลวงปู่อั๊บและหลวงปู่เจือเพียบเลยครับ
1นางพิมครับ ราคา (150 บาท)
รบกวนพี่ๆๆหน่อยครับว่าดีหรือไม่ครับ และสร้างประมาณปีอะไร








30

   หลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗ ปีชวด แม่ชื่อต้า พ่อชื่อเพชร ชลสาคร บ้านเกิดอยู่ที่บ้านปากนคร ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช  มีพี่น้อง ๗ คน   เมื่ออายุได้ ๕ ขวบ แม่และพ่อซึ่งเคยเป็นพระธุดงค์ที่เก่างทางสมถกรรมฐาน มีวิชาอาคมแก่กล้าได้บังคับให้นั่งสมาธิอยู่เสมอ   เมื่ออายุได้ ๖ ขวบก็กำพร้าแม่ นึกอยากจะบวชแต่พ่อไม่อนุญาติเนื่อจากสุขภาพของพ่อไม่ค่อยแข็งแรงจึงต้องรับภาระในการเลี้ยงดูครอบครัว   อายุ ๘ ขวบได้เรียนโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์และพุทธศาสตร์   อายุ ๙ ขวบเรียนพระไตรปิฏกทีวัดมหาธาติวรวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเรียนเพิ่มเติมที่วัดนารีประดิษฐ์อีก

            ต่อไปนี้เป็นคำบอกเล่าจากหลวงพ่อจำเนียร สีลเสฏโฐ เกี่ยวกับประวัติของท่านและความเป็นมาของวัดถ้ำเสือ จ.กระบี่ ซึ่งเรียบเรียงมาจากหนังสือทิพย์ ชุดผู้มีญาณวิเศษ ๑

            พออาตมาอายุสิบกว่าปีเรียนวิทยาศาสตร์ เอาทุกรูปแบบคนนับถือกันมากก็ตอนอายุ ๘-๑๐ ขวบนี่เองจับโจรก็เคยจับ ต่อสู้กับอัธพาลมาก็มากมาย สมัยเป็นเด็กเคยทำมาหลายอย่างที่ทำให้คนรู้จัก แต่ทั้งหมดก็ได้มาจากความรู้ที่ได้เรียนมา

รอดตาย ๓ ครั้ง
            ช่างที่อาตมาเป็นชาวประมงนั้นอยู่ในระหว่างอายุ ๑๐-๑๘ ปี ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอด คือรับได้อับปางจมลงทะเลถึง ๓ ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกอาตนมรู้ตัวว่าเรือจะต้องจมเพราะว่าลมแรงดูคลื่นก็รู้ มดบ้าง แมลงบ้างบอกเหตุให้ก่อน ในขณะที่อาตมารุ้ว่าเรือต้องจมแน่นั้นบอกเพื่อนก็ไม่เชื่อ อาตมาจึงเอาเชือกมาผูกไว้กับเรือ และกระเป๋าข้าวของบางอย่างก็ต้องผูกให้เรียบร้อยหมด ได้เตรียมทุกอย่างแล้วก็มีธงทุ่นลอยเตรียมไว้พร้อม ทั้งก้อนหินเพื่อที่จะได้ทิ้งเครื่องหมายไว้เมื่อเรือจม จะได้กลับมาเอาของได้ หลังจากนั้นก็เกิดลมแรงคลื่นใหญ่พาเรือจมจริง ๆ พอจะจมอาตมาก็ผูกตัวเองด้วยเชือกไว้กับเรือแล้วก็ผูกให้เพื่อนด้วย เพื่อนก็พลอยรอดตามไปด้วยทั้ง ๓ ครั้ง ครั้งแรกต้องลอยคออยู่กลางทะเล ๕ ชั่วโมง ได้มีเรือมาช่วยชีวิตไว้ ครั้งสองได้กู้เรือขึ้นเองโดยมีเพื่อนอีก ๓ คนช่วยกันวิดน้ำออกจากเรือ ครั้งที่สามต้องลอยคออยู่ในทะเลท่ามกลางพายุใหญ่ทีพัดกระหน่ำรุนแรงตลอดทั้งคืนจึงถึงเที่ยงวันอีกครึ่งวันจึงกู้เรือขึ้นได้เพราะมีเรืออื่นมาช่วย อาตมาไม่ประมาทตั้งแต่เล็ก ๆ ไม่ไว้ใจเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเสมอ

ให้พรบวชไม่สึก
            ต่อมาอาตมาได้ทราบกิตติศัพท์เกี่ยวกับศีลาจารวัตรอันงดงามของ พ่อท่านคล้าย จันทสุวัณโณ ( วัดพระธาตุน้อย ตำบลช้างกลาง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ) หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า หลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ ครั้งนั้นอาตมารู้ข่าวว่าพ่อท่านคล้ายมาที่บ้านเขาธง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อกิจในการสงเคราะห์ญาติโยม อาตมาก็ดีใจเป็นอย่างมาก ได้ตระเตรียมและเรี่ยไรเครื่องบริโภคต่างๆ มีกะปิ ปลา กุ้ง เป็นอันมาก รวบรวมเอาไปถวายท่านให้เป็นทาน  เมื่ออาตมาไปถึงก็ได้ถวายของไทยทานแก่ท่าน แล้วขอพร แล้วก็ขอชานหมากมา ซึ่งได้ขอพรจากท่านว่า " หลวงพ่อครับ…ให้พรผมบวชไม่สึกนะ ให้มีธรรมะชั้นสูง " แล้วท่านก็ให้พร และให้ชานหมากมาแจกกัน ปรากฏว่าช่วงระยะไม่ถึงปี ชานหมากนั้นกลับกลายเป็นเหล็ก ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังมีความแข็งแกร่งมาก จนสามารถขีดหินเป็นร่องรอยได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง เพราะตามธรรมดาแล้วชานหมากนั้น หากทิ้งไว้นานก็จะแห้งกรอบและอ่อน ไม่น่าจะแข็งและกลายสี กลายสภาพเป็นธาตุเหล็กได้เลย นับว่าเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติอย่างหนึ่ง จากเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้อาตมาศรัทธาหลวงพ่อคล้ายตั้งแต่อายุยังน้อยเรื่อยมา

พ่อตายจึงได้บวช
            ต่อมาเมื่ออาตมาอายุได้ ๑๙ ปี พ่อก็ตายไปด้วยโรคเจ็บออด ๆ แอด ๆ มีหลายโรคแทรกซ้อนตามวัยชรา พอปีต่อมาตรงกับ พ.ศ.๒๕๐๐ อาตมาก็ไปเกณฑ์ทหาร แต่ไม่ถูกเกณฑ์ก็ได้โอกาสจะบวชเพราะอายุ ๒๐ ปีแล้ว และประกอบกับพ่อตายตายแล้วจึงมีสิทธิ์จะชวชได้ตามที่พ่อเคยบอกไว้ ก่อนที่อาตมาจได้บวชนั้น หากรู้ว่ามีพระธุดงค์มาก็เข้าไปหาทันทีเพื่อสอบถามเรื่องการเดินธุดงค์และวิธีปฏิบัติ ทั้งยังถามเรื่องของขลัง ถามเรื่องวิธีปัดกวาด ทำให้อาตมาได้ธรรมะและแนววิธีการต่าง ๆ มาและได้จำมาปฎิบัติในภายหลังเมื่อมีโอกาส เมื่อตั้งใจจะบวชแน่นอนแล้วได้ตั้งความคิดไว้ว่า เงินได้เท่าไหร่ก็จ่ายแจกให้หมดไม่เอาความร่ำรวยไว้ มีเรือ ๒๓ ลำ ลูกน้องทั้งหมด ๒๐ คน ได้เท่าไหร่ก็จ่ายแจกคนจนให้อะไรเขาหมดเลยไม่มีเหลืออะไรสักอย่าง เราไม่อยู่เป็นฆราวาสแล้ว ไม่สึกเด็ดขาด อาตมาบวชที่วัดนารีประดิษฐ์ ต.ท่าไร่ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ท่านพระครูกาเดิม วัดบูรณาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูประดิษฐ์สุวรรณวัตร เป็นพระกรรมวาจารย์

พบพระอาจารย์ธัมมธโรภิกขุ
            เมื่ออยู่วัดนารีประดิษฐ์ครบ ๗ ปี ตามที่ได้อธิษฐานไว้ก็กราบลาจากวัดนารีประดิษฐ์ไปอยู่วัดท้าวโคตร ซึ่งต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น วัดชายนา ตอนนั้นเป็นสำนักวิปัสนากรรมฐาน พระอาจารย์ใหญ่ผู้ทำการอบรมสั่งสอนสำนักนี้คือ ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรภิกขุ (แป้น ชาวเวียง) ในระยะนั้นท่านธัมมธโรเพิ่งจะสร้างวัดร้างชายนาให้สำเร็จเป็นวัดขึ้นมาใหม่ ๆ (ขณะนี้ท่านธัมมธโรมาสร้างวัดไทรงามอันโด่งดังอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี)
            ที่สำนักวิปัสสนากรรมฐานวัดท้าวโคตรนี้ ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรสอนแบบมหาสติปัฎฐาน๔ สายสุขวิปัสสโกตัดทิ้งเรื่องนิมิตในสมาธิ เรื่องโอภาสแสงสว่าง เรื่องอะไรต่ออะไรที่เป็นวิปัสสนูกิเลสทิ้งหมดเลย ไม่เอาอภิญญาฤทธิ์เดชอะไรทั้งสิ้น ไม่ต้องเอาการเห็นผีสางเทวดา เอามรรคผลนิพพานล้วน ๆ บริสุทธิ์อย่างเดียวเรียกว่าการปฏิบัติแบบ ปัญญาวิมุตติ "ท่านจำเนียรปฎิบัติกรรมฐานมาบ้างแล้วหรือยัง" พระอาจารย์ธัมมธโรถามอาตมาก็กราบเรียนให้ท่านทราบว่าตั้งแต่บวชมา ๗ ปีแล้ว ก็เจริญกรรมฐานมาเรื่อย ทำทั้งแบบสมถวิธีเจือปนกับวิปัสสนา และทำแบบยุบหนอพองหนอ ตามแนววัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์  "ท่านจำเนียรมีความรู้ทางด้านไสยศาสตร์บ้างหรือเปล่า?" ท่านอาจารย์ธัมมธโรซักอีก อาตมาก็กราบเรียนให้ท่านทราบตามตรงไม่ปิดบังเลยว่าเคยศึกษาไสยศาสตร์ตั้งแต่อายุ ๖ ขวบเศษ ฝึกนั่งสมาธิเรียนโหราศาสตร์และแพทย์แผนโบราณโดยมีพ่อสอนให้เพราะพ่อเคยเป็นพระธุดงค์ อาตมาเปิดเผยอย่างละเอียดละออหมดทำให้ท่านธัมมธโรภิกขุพอใจมาก แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่าสมัยที่ท่านเป็นฆราวาสหนุ่มก็ไปเรียนวิชาอาคมกับเพื่อนๆ ด้วยเหมือนกัน มีการลงอักขระยันต์ตามเนื้อตัว และเรียกคาถาอาคมต่าง ๆ การสักยันต์ทางหนังเหนียวอยู่ยง เมื่อท่านสักยันต์เสร็จก็มีการลองของกันทันทีสด ๆ ร้อน ๆ ต่อหน้าอาจารย์เลย คือฟันด้วยมีดดาบบ้าง แทงบ้าง มีดแหลมบ้าง เชือดเฉือนด้วยมีด จนกระทั่งอายุ ๑๘ ปีเศษ ได้บวชเป็นสามเณร เมื่อบวชเรียนแล้วก็เลิกทางไสยศาสตร์ หันมาปฎิบัติทางพุทธศาสนา "วิชาทางอาคมไสยเวทย์หนังเหนียว อยู่ยงคงประพัน เป็นวิชาของศาสนาพราหมณ์ ซึ่งขัดขวางการปฎิบัติวิปัสสนา ถ้าท่านจำเนียรจะอยู่ปฎิบัติวิปัสสนาที่สำนักของผมจะต้องปล่อยวางเรื่องไสยเวทย์วิทยาคมให้หมดจึงจะเรียนปฎิบัติปัสสนาได้ผล ท่านจำเนียรเลิกได้ใหมละ? อาตมานั่งคิดอยู่นานเพราะถ้าทิ้งหมดเลยก็แปลว่าเลิกสงเคราะห์ช่วยเหลือศรัทธาญาติโยม คือไสยศาสตร์เป็นวิชที่สงเคราะห์ชาวบ้านได้ตามที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว นั่งคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ตัดสินใจกราบเรียนท่านไปว่า "ผมคงเลิกวิชาไสยศาสตร์ไม่ได้ครับท่าน" ท่านพระอาจารย์ธัมมธโรพอใจ ท่านสอนมหาสติปัฎฐาน๔ อธิบายละเอียดมาก มรรค๔ ก็สอนละเอียดลึกซึ้งน่าอัศจรรย์ อาตมาศรัทธามากยกให้ท่านเก่งจริง ๆ อาตมาเรียนทั้งภาควิชาการและการปฎิบัติควบคู่กันไป แต่หนักไปทางปฎิบัติ
            พรรษาแรกที่วัดชายนา อาตมาปฎิบัติสติปัฎฐานอย่างเอาจริงเอาจรัง อาศัยมีพื้นฐานทางสมาธิมาแล้ว จิตใจจึงควบคุมง่ายไม่ฟุ้งซ่าน ครั้นเมื่อมาเจริญสติก็สามารถใช้สติคุมจิตได้ตามแนวมหาสติปัฎฐานได้ง่ายขึ้น การเจริญสติปัฎฐานในพรรษานี้ได้ผลดีมาก
            ในขณะนั้น พระอาจารย์วิชัย เขมิโย แห่งวัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย ได้ธุดงค์ไปหาความรู้ทางภาคใต้ ได้ฟังอาตมาบรรยายสติปัฎฐาน๔ ในคืนนั้นจนหมดที่วัดชายนา ก็ซึ้งในธรรมะนั้นมาก พระอาจารย์วิชัยได้นำไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัดนานถึง ๒ ปีเศษที่วัดนี้ จึงได้ออกไปธุดงค์ต่อไปทางภาคอีสานและภาคเหนือ จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๑๖ ได้อยู่ปฎิบัติที่ถ้ำผาจม และสร้างวัดขึ้นที่นั่นจนปัจจุบัน




31
อยากทราบประวัติของแต่ละเหรีญครับ (ช่วยพิจารณาด้วยครับ)










32
อายกทราบประวัติแต่ละรุ่นครับและช่วยพิจารณาด้วยนะครับขอบคุณครับ






33
ช่วยพิจารณาด้วยครับรบกวนด้วยนะครับ








34
อยากทราบประวัติของเหรียญรุ่นนี้ครับ




37
shack.us/img237/3253/20090504carpark0131.jpg[/img]7.imageshack.us/img147/8994/20090504carpark0137.jpg[/img]

38
คือปู่ผมมีตะกรุดสามห่วงของหลวงพ่อเต๋ปู่บอกว่าท่านรับมาจากมือหลวงพ่อเต๋แต่ตอนนี้ด้ายที่ถักไว้เริ่มขาดปรากฎว่าข้างในเป็นหนังเสือจารอยากทราบว่าตะกรุดรุ่นนี้เรียกว่ารุ่นอะไร (วันหน้าผมจะเอารูปมาให้ดูครับแล้วตอนนี้อาผมให้พี่ชายผมไปแล้ว)

39
เมื่อไหร่พี่โจรสลัดกับคุณสิบทิศจะกลับมาครับ

40
ผมอยากได้ตะกรุด  3  ห่วงหลวงปู่แย้มไว้บูชาไม่ทราบว่าที่ไหนมีบ้างที่วัดยังมีอยู่หรือป่าว

41
รบกวนหน่อยนะครับพี่ๆๆ  ผมอยากทราบว่ายันต์สายบางพระมีรูปราหูอมจันทร์ครับ แล้วพุทธคุณด้านไหนครับ
(ป.ล. พี่โจรสลัดหายไปไหนหรอเงียบจังครับพี่)
ขอขอคุณครับ
toom2007

42
ผมอยากสักครับช่วยแนะนำหนอ่ยสิครับว่าควรสักรูปอะไรบ้าง (อยากได้แบบเมตตามหาเสน่ห์ มหาอุต คงกระพัน)
ขอขอบคุณครัย

43
ใครรู้ทางไปวัดสามง่าม (หลวงพ่อเต๋) มั่งครับ ผมไปไม่ถูก

หน้า: [1]