คนที่เขาคิดว่าตัวเขาเป็นปราชญ์
เป็นผู้ฉลาดในทางโลก มีความรู้ความสามารถ
เป็นครูบาอาจารย์ เป็นนักวิชาการทางโลก
มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เป็นทีรู้จักของคนทั่วไปนั้น
เมื่อเข้าสู่ทางธรรมต้องถอดวางให้หมดเสียก่อน
เพราะส่วนใหญ่เมื่อมาศึกษาธรรมะแล้วก็เป็นได้เพียงนักวิจารน์ธรรม
เพราะชื่อเสียงและศักดิ์ศรี อัตตามันมาบังอยู่ จึงทำให้ไม่รู้สภาวะธรรมที่แท้จริง
คนฉลาดกับคนมีปัญญานั้นแตกต่างกัน ภาษาโลกและภาษาธรรมความหมายต่างกัน
ความฉลาดและมีปัญญาทางโลกนั้นวัดกันด้วยไอคิวสมอง
แต่ความฉลาดและปัญญาทางธรรมนั้นรู้กันที่ใครมีสติและสัมปชัญญะมากกว่ากัน
ปัญญาทางโลกนั้นรอบรู้ในเรื่องนอกกายและการจำได้หมายรู้
ส่วนปัญญาทางธรรมคือรอบรู้ในกองสังขาร รู้กาย รู้จิต รู้ความคิด รู้การกระทำ
มีองค์แห่งคุณธรรมหิริโอตัปปะ ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปคุ้มครองอยู่
ความหมายของศัพย์ในภาษาโลกและภาษาธรรมจึงแตกต่างกัน
ฉะนั้น เพียงแต่ศึกษาธรรมะในเชิงปริยัติ ก็อย่าคิดว่าเข้าใจหมดแล้ว รู้หมดแล้ว
เพราะการเข้าใจโดยการตีความ การวิภาค วิจารน์ธรรม
โดยเอาอัตตาของตนเข้าไปวิเคราะห์ธรรมนั้นยังไม่ถูกต้อง
อย่าพยายามตีความขยายความเพื่อรองรับและเข้าข้างความคิดของตนเอง
การศึกษาและการปฏิบัติธรรมนั้น มีหลักที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้
ต้องทำตามหลักศึกษาตามหลัก ตามลำดับขั้นตอนไป
ซึ่งธรรมะทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะไม่มีการขัดแย้งกัน
แต่จะสงเคราะห์และอนุเคราะห์ซึ่งกันและกัน เป็นเหตุและผลซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้น เราต้องปรับความรู้ความเข้าใจของเราเข้าสู่หลักธรรม
ไม่ใช่ตีความขยายความหลักธรรมให้มารองรับความคิดเห็นของเรา
สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น สิ่งที่เข้าใจ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมของพระพุทธเจ้า
ไม่มีการขัดแย้งกัน สงเคราะห์กันได้กับธรรมทุกหมวดหมู่
สิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็น สิ่งที่เข้าใจ นั้นจึงถูกต้องตามหลักธรรม....
:059:แด่ความเห็นในทางธรรมที่แตกต่างกัน
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๒ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๒๓.๔๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย