ตถตาอาศรม ริมฝั่งโขง
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓
รอยทาง... วันปวารณาเข้าพรรษาปี๒๕๕๓ ได้ผ่านไป ทุกอย่างก็ผ่านไปตามปกติ
เฉกเช่นทุกวันที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะว่าในพรรษานี้มีแต่พระมหาเถระเป็นส่วนใหญ่
ที่มาอยู่จำพรรษาด้วยกัน ซ่งในพรรษานี้ มีพระปวารณาอยู่ร่วมจำพรรษาด้วยกัน ๙ รูป
เป็นพระมหาเถระ ๖ รูป พระเถระ ๑ รูป พระมัชฌิมะ ๑ รูปและมีพระนวกะเพียง ๑ รูป
ซึ่งพระทั้งหมดนี้เป็นสหธรรมิกด้วยกันทั้งนั้น รู้จักกันมาเป็นเวลานานเคยร่วมงานกันมา
จึงไม่มีปัญหาในการดูแลและปกครอง เพราะทุกท่านรู้หน้าที่และบทบาทของตนเอง
ส่วนเรื่องการสอนธรรมะนั้น ไม่ต้องสอนกันเพราะทุกท่านเป็นผู้ผ่านการศึกษาและปฏิบัติธรรม
กันมาทุกท่าน มีเพียงหน้าที่ในการดูแลอำนวยความสะดวกต่อเพื่อนสหธรรมิกเท่านั้น
รอยธรรม...ทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จแล้ว ก็ร่วมกันปวารณาเข้าพรรษาในพระอุโบสถ
ตั้งสัจจะอธิษฐาน เพื่อสร้างสัจจะบารมีและอธิษฐานบารมี ว่าในพรรษานี้จะปฏิบัติธรรม
ถือธุดงควัตร... ถือเที่ยวบิณฑบาตรเป็นวัตร...ถือนั่งฉันอาสนะเดียวเป็นวัตร สมาทาน
ธุดงค์ ๒ ข้อและเพิ่มการอธิษฐานอีกข้อหนึ่งก็คืองดงานนอนพักผ่อนตอนกลางวัน
ตลอดฤดูพรรษา นี้คือสิ่งที่ตั้งใจอธิษฐานไว้ในพรรษานี้...
คืนสู่ความเป็นสามัญ
อดีต โดดเด่น โด่งดัง ความหลัง แห่งยุค สมัย
เมื่อวัน เวลา ผ่านไป จึงได้ รับรู้ ความจริง
สิ่งที่ เคยคิด ว่าสุข กลับทุกข์ ไปเสีย ทุกสิ่ง
มายา หาใช่ ความจริง จิตนิ่ง รู้ได้ ด้วยธรรม
ฝึกฝน เจริญ สติ ทิฏฐิ ทำให้ ใฝ่ต่ำ
ละบาป ละชั่ว ที่ทำ น้อมนำ จิตสู่ สัมมา
เดินตาม แนวทาง แห่งมรรค ตามหลัก ของศาสนา
ฝึกฝน จนเกิด ปัญญา กลับมา อยู่กับ ตัวตน
ดูกาย ดูจิต คิดใหม่ คิดไป หาเหตุ และผล
ลดละ อัตตา ตัวตน เริ่มต้น ที่กาย และใจ
สูงสุด คืนสู่ สามัญ คำนั้น คุณค่า ยิ่งใหญ่
สิ่งที่ จะให้ เป็นไป ทำได้ โดยลด อัตตา
................................................
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๗.๑๒ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายขอบประเทศไทย