กระดานสนทนาวัดบางพระ

หมวด บทสวดมนต์ และ คาถา => บทสวดมนต์ และ คาถา => บทสวดมนต์ => ข้อความที่เริ่มโดย: porvfc ที่ 28 มิ.ย. 2552, 06:48:22

หัวข้อ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: porvfc ที่ 28 มิ.ย. 2552, 06:48:22
ครั้งหนึ่งของลูกผู้ชาย
บทสวดขานนาค
วิธีบรรพชาอุปสมบท
แบบอุกาสะ(พร้อมคำแปล)
(http://img43.imageshack.us/img43/8170/4a46f29144828.gif)
วิธีบรรพชาอุปสมบทแบบอุกาสะ
พร้อมคำแปล
นาครับผ้าไตรจากบิดามารดา หรือผู้ปกครองแล้ว เข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ในท่ามกลางสงฆ์ ถวายผ้าไตรและเครื่องสักการะแด่พระอุปัชฌาย์แล้ว กราบด้วยเบญจางค์ประดิษฐ์ ๓ ครั้ง พระอุปัชฌาย์ตรวจดูผ้าไตรจีวรแล้วมอบให้นาคประคองไว้บนแขนทั้งสองข้าง ต่อจากนั้นนาคพึงตั้งใจกล่าวคำขอขมาโทษและคำขอบรรพชาสืบไป
คำขอขมาโทษ
อุกาสะ  วันทามิ  ภันเต                                   ขอโอกาสข้าพเจ้าขอไหว้ขอรับ
สัพพัง  อะปะราธัง  ขะมะถะเม  ภันเต                   ท่านขอรับ ขอท่านจงยกโทษทั้งปวงแก่ข้าพเจ้า
มะยา  กะตัง  ปุญญัง  สามินาอะนุโมทิตัพพัง           บุญที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ใต้เท้าพึงอนุโมทนา
สามินา  กะตัง  ปุญญัง  มัยหังทาตัพพัง                  บุญที่ใต้เท้ากระทำแล้ว พึงให้แก่ข้าพเจ้า
สาธุ                                                          ขอจงสำเร็จ
สาธุ                                                          ขอจงสำเร็จ
อนุโมทามิ                                                    ข้าพเจ้าขออนุโมทนา
คำขอบรรพชา
อุกาสะ  การุญญัง  กัตวา                                  ขอโอกาส ขอท่านกระทำความกรุณาแล้ว 
ปัพพัชชัง  เทถะ  เม  ภันเต                                จงให้การบรรพชา แก่ข้าพเจ้าเถิด ขอรับ
อะหัง  ภันเต  ปัพพัชชัง  ยาจามิ                          ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอการบรรพชา
ทุติยัมปิ  อะหัง  ภันเต   ปัพพังชัง ยาจามิ                ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอการบรรพชาแม้ครั้งที่ ๒
ตะติยัมปิ  อะหัน  ภันเต  ปัพพังชัง ยาจามิ               ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอการบรรพชาแม้คร้งที่ ๓
สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ   ขอท่านโปรดเอ็นดู รับผ้ากาสาวะ(ย้อมน้ำฝาด) นี้แล้ว
อิมัง กาสาวัง คะเหตวา                                     จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด ขอรับ
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต                                        เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน
อะนุกัมปัง อุปาทายะ                                        เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง
สัพพะทุกขะนิสสะระณะ                                     ขอท่านโปรดเอ็นดู รับผ้า
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ                             กาสาวะ(ย้อมน้ำฝาด) นี้แล้ว
อิมัง กาสาวัง คะเหตวา                                      จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด ขอรับ
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต                                        เพื่อกระทำให้เจ้งพระนิพพาน
อะนุกัมปัง อุปาทายะ                                        เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง
สัพพะทุกขะนิสสะระณะ                                    ขอท่านโปรดเอ็นดู รับผ้า
นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ                           กาสาวะ(ย้อมน้ำฝาด) นี้แล้ว
อิมัง กาสาวัง คะเหตวา                                จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด ขอรับ
ปัพพาเชถะ มัง ภันเต                                       เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน
อะนุกัมปัง อุปาทายะ                                    เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง

จบตรงนี้แล้ว นาคพร้อมน้อมถวายผ้าไตรแด่พระอุปัชฌาย์ อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อไปว่า
สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ
ขอท่านโปรดเอ็นดู ให้ผ้ากาสาวะนี้แล้ว จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด
เอตัง กาสาวัง ทัตวา ปัพพาเชถะ มัง ภันเต อะนุกัมปัง อุปาทายะ
ขอรับ เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง
สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ
ขอท่านโปรดเอ็นดู ให้ผ้ากาสาวะนี้แล้ว จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด
เอตัง กาสาวัง ทัตวา ปัพพาเชถะ มัง ภันเต อะนุกัมปัง อุปาทายะ
ขอรับ เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง
สัพพะทุกขะนิสสะระณะ นิพพานะ สัจฉิกะระณัตถายะ
ขอท่านโปรดเอ็นดู ให้ผ้ากาสาวะนี้แล้ว จงให้ข้าพเจ้าบรรพชาเถิด
เอตัง กาสาวัง ทัตวา ปัพพาเชถะ มัง ภันเต อะนุกัมปัง อุปาทายะ
ขอรับ เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน เป็นเครื่องสลัดทุกข์ทั้งปวง

จบแล้วกราบ ๓ ครั้ง นั่งพับเพียบประนมมือ คอยฟังโอวาทจากพระอุปัชฌาย์ ต่อไป
นาคพึงน้อมถวายผ้าไตรแด่พระอุปัชฌาย์อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อไปว่า

พระอุปัชฌาย์ จะสอนให้นาคเข้าใจหลักการย่อๆ ดังนี้

๑.สอนให้เห็นว่าการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นยากนัก
๒.สอนให้รู้ว่าการเกิดมาพบพระพุทธศาสนาและเป็นสัมมาทิฏฐินั้นก็ยากยิ่ง
๓.สอนให้รู้ว่าการมีชีวิตเป็นอยู่นี้ก็ยากยิ่ง
๔.สอนให้รู้พระคุณ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
๕.สอนให้รู้อานิสงส์ของการบวช
๖.สอนให้รู้จักรักษาใจด้วยการเรียนกัมมัฏฐาน
เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ                 ตะโจ ทันตา นะขา โลมา เกสา
         เมื่อสอนกัมมัฏฐานเสร็จแล้ว พระอุปัชฌาย์เอาผ้าอังสะคล้องบ่าให้ นาคพึงยื่นแขนขวาออกมา และก้มศีรษะลงเพื่อสะดวกแก่การคล้องผ้าอังสะ แล้วพระอุปัชย์สอนให้นุ่งห่มเป็นปริมณฑลเรียบร้อยแล้ว สั่งให้ภิกษุผู้สามารถออกไปช่วยนุ่งห่มให้ นาคพึงถอยออกไปข้างผนังโบสถ์หรือหลังพระประธาน ตามแต่จะเห็นว่าเหมาะสม พึงนุ่งห่มให้เรียบร้อยเสร็จแล้วเข้าไปขอสรณะและศีลกับพระอาจารย์ต่อไป
         พระอาจารย์กราบพระประธาน ๓ ครั้ง แล้วไปนั่ง ณ อาสนะที่จัดไว้ นาคเข้าไปหาพระอาจารย์ ถวายเครื่องสักการะ กราบ ๓ ครั้ง แล้วนั่งคุกเข่าประนมมือกล่าวคำขอขมาโทษ ดังนี้
คำขอขมาโทษ
อุกาสะ วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอโอกาสข้าพเจ้าขอไหว้ ขอรับ ท่านขอรับ ขอท่านจงยกโทษทั้งปวงแก่ข้าพเจ้า
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อนุโมทิตัพพัง
บุญที่ข้าพเจ้ากระทำแล้ว ใต้เท้าพึงอนุโมทนา
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
บุญที่ใต้เท้ากระทำแล้ว พึงให้แก่ข้าพเจ้า
สาธุ
ขอจงสำเร็จ
สาธุ
ขอจงสำเร็จ
อะนุโมทามิ
ข้าพเจ้าขออนุโมทนา
คำขอไตรสรณคมน์และศีล
อุกาสะ การุญญัง กัตวา ติสะระเณนะ สะหะ สีลานิ เทถะ เม ภันเต
ขอโอกาสขอท่านกระทำความกรุณาแล้ว จงให้ศีลทั้งหลายพร้อมสรณะ ๓ แก่ข้าพเจ้าเถิด ขอรับ
อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
ท่านขอรับข้าพเจ้าขอสรณะและศีล
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ  
ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอสรณะและศีล แม้ครั้งที่ ๒
ตะติยัมปิ อะหัง ภันเต สะระณะสีลัง ยาจามิ
ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอสรณะและศีล แม้ครั้งที่ ๓



เมื่อกล่าวคำขอไตรสรณคมน์และศีลจบแล้ว ต่อจากนั้นพึงตั้งใจว่าตาม พระอาจารย์กล่าวนำ นะโม ๓ จบ แล้วนาคว่าตาม ดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ 
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ  
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอาจารย์ว่า...
ยะมะหัง วะทามิ ตัง วะเทหิ                  เราว่าคำใด เธอจงว่าตามคำนั้น
นาคกล่าวรับคำว่า...
อามะ ภันเต                                   ขอรับกระผม

พระอาจารย์พึงให้สรณคมน์ นาคพึงว่าตามทีละตอน ดังนี้
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ                     ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ
ธังมัง สะระณัง คัจฉามิ                      ข้าพเจ้าขอถือพระธรรมเป็นสรณะ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ                     ข้าพเจ้าขอถือพระสงฆ์เป็นสรณะ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ            ข้าพเจ้าขอถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ครั้งที่ ๒
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ              ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ ครั้งที่ ๒
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ            ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ ครั้งที่ ๒
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ           ข้าพเจ้าขอถือพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ครั้งที่ ๒
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ           ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ ครั้งที่ ๒
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ           ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ ครั้งที่ ๒

พระอาจารย์กล่าวว่า
ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง                      ไตรสรณคมน์จบแล้ว

นาคพึงขานรับว่า
อามะ ภันเต                                               ขอรับกระผม

เมื่อสามเณรได้รับสรณคมน์จบแล้ว จะต้องตั้งใจสมาทานรักษาศีล ๑๐ ประการต่อไป พระอาจารย์พึงกล่าวนำให้สามเณรกล่าวสมาทานศีล ๑๐ ประการ โดยกล่าวนำและกล่าวสมาทานตามไปเป็นตอนๆ ดังนี้
ศีล ๑๐

ปาณาติปาตา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการฆ่าสัตว์
อะทินนาทานา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการลักทรัพย์
อะพรัหมะจะริยา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากความประพฤติไม่ประเสริฐ
มุสาวาทา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการพูดเท็จ
สุราเมระยะมัชชะ ปะมาทัฏฐานา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
วิกาละโภชะนา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการบริโภคอาหาร ในเวลาวิกาล (คั้งแต่เวลาเที่ยงวัน จนถึงอรุณขึ้น)
นัจจะคีตะวา ทิตะวิสู กะทัสสะนา เวระมรีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการฟ้อน การขับ การประโคม และการดูการเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศล
มาลาคันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะณะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการทัดทรงประดับตกแต่งร่างกายด้วยระเบียบดอกไม้และเครื่องลูบไล้
อุจจะสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมณีสิกขาปะทัง สิมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการนั่ง การนอนบนที่นั่งที่นอนใหญ่
ชาตะรูปะระชะตะ ปฏิคคะหะณา เวระมณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือ เจตนาเครื่องงดเว้นจากการรับทองและเงิน

พระอาจารย์พึงว่าบทสรุป สามเณรว่าตาม ๓ จบ ดังต่อไปนี้
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบททั้ง ๑๐ ข้อนี้
อิมินา ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบททั้ง ๑๐ ข้อนี้
อิมานิ ทะสะ สิกขาปะทานิ สะมาทิยามิ
ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบททั้ง ๑๐ ข้อนี้



เมื่อสามเณรกล่าวบทสรุปศีลจบแล้ว พึงกราบพระอาจารย์ ๑ ครั้ง แล้วประนมมือ กล่าวขอขมาโทษ ดังนี้

วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ข้าพเจ้าขอไหว้ ขอรับ ท่านขอรับ ขอท่านจงยกโทษทั้งปวง แก่ข้าพเจ้า
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
บุญที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วใต้เท้า พึงอนุโมทนา
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
บุญที่ใต้เท้ากระทำแล้ว พึงให้แก่ข้าพเจ้า
สาธุ
ขอจงสำเร็จ
สาธุ
ขอจงสำเร็จ
อะนุโมทามิ
ข้าพเจ้า ขออนุโมทนา


เมื่อสามเณรกล่าวคำขอขมาโทษจบแล้ว พึงกราบพระอาจารย์ ๓ ครั้ง แล้วพึงนั่งประนมมือกล่าวขอขมาโทษ ดังนี้
คำขอขมาโทษ
อุกาสะ วันทามิ ภันเต สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
ขอโอกาส ข้าพเจ้าขอไหว้ ขอรับ ท่านขอรับ ขอท่านจงยกโทษทั้งปวง แก่ข้าพเจ้า
มะยา กะตัง ปุญญัง สามินา อะนุโมทิตัพพัง
บุญที่ข้าพเจ้ากระทำแล้วใต้เท้า พึงอนุโมทนา
สามินา กะตัง ปุญญัง มัยหัง ทาตัพพัง
บุญที่ใต้เท้ากระทำแล้ว พึงให้แก่ข้าพเจ้า
สาธุ
ขอจงสำเร็จ
สาธุ
ขอจงสำเร็จ
อะนุโมทามิ
ข้าพเจ้า ขออนุโมทนา


คำขอนิสัย
อุกาสะ การุญญัง กัตวา
ขอโอกาส ขอท่านกระทำความกรุณาแล้ว
นิสสะยัง เทถะ เม ภันเต
ขอจงให้นิสัย แก่ข้าพเจ้าเถิด ขอรับ
อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอนิสัย
ทุติยัมปิ อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอนิสัย แม้ครั้งที่ ๒
ตะติ ยัมปิ อะหัง ภันเต นิสสะยัง ยาจามิ
ท่านขอรับ ข้าพเจ้าขอนิสัย แม้ครั้งที่ ๓
อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ
ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าขอรับ
อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ
ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าขอรับ
อุปัชฌาโย เม ภันเต โหหิ
ขอท่านจงเป็นพระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าขอรับ

พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า
ปะฏิรูปัง                                              สมควร
สามเณรพึงกล่าวรับว่า
อุกาสะ สัมปะฏิจฉามิ                                ขอโอกาส ข้าพเจ้าขอน้อมรับ
พระอุปัชฌาย์กล่าว
โอปายิกัง                                                 ชอบด้วยอุบาย
สามเณรพึงกล่าวรับ
สัมปะฏิจฉามิ                                           ข้าพเจ้าขอน้อมรับ
พระอุปัชฌาย์กล่าวว่า
ปาสาทิเกนะ สัมปาเทหิ                              เธอจงยังสัมมาปฏิบัติให้ถึงพร้อมด้วยอาการที่น่าเลื่อมใส
สามเณรพึงกล่าวว่า
สัมปะฏิจฉามิ                                            ข้าพเจ้าขอน้อมรับ

ต่อแต่นั้น สามเณรพึงกล่าวคำรับเป็นภารธุระของกันและกัน สืบต่อไป ดังนี้

อัชชะตัคเคทานิ เถโร มัยหัง ภาโร                 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พระเถระเป็นภาระของข้าพเจ้า
อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร                                 แม้ข้าพเจ้าก็เป็นภาระของพระเถระ
อัชชะตัคเคทานิ เถโร มัยหัง ภาโร                 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พระเถระเป็นภาระของข้าพเจ้า
อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร                                 แม้ข้าพเจ้าก็เป็นภาระของพระเถระ
อัชชะตัคเคทานิ เถโร มัยหัง ภาโร                 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พระเถระเป็นภาระของข้าพเจ้า
อะหัมปิ เถรัสสะ ภาโร                                 แม้ข้าพเจ้าก็เป็นภาระของพระเถระ

เมื่อกล่าวจบแล้ว กราบ ๓ ครั้ง ต่อจากนั้นพระอุปัชฌาย์จะสอนให้เข้าใจความหมายในการขอนิสัย และบอกสมณบริขารแต่สามเณรสืบต่อไป
คำบอกสมณบริขาร
พระอุปัชฌาย์ว่า
ปะฐะมัง อุปัชฌัง คาหาเปตัพโพ อุปัชฌัง คาหาเปตวา ปัตตะจีวะรัง อาจิกขิตัพพันติ (อิทัง อุปะสัมปะทาย ปุริมะกิจจัง ภะคะวะตา วุตตัง ตันทานิ มะยา เต อุปัชฌาเยนะ อะนุกาตัพพัง โหติ ตันเต สักกัจจัง โสตัพพัง
พึงให้สามเณรถืออุปัชฌาย์ก่อน ครั้นให้สามเณรถืออุปัชฌาย์แล้ว พึงบอกบาตรและจีวร นี้คือกิจเบื้องต้นแห่งการอุปสมบท พระผู้พระภาคเจ้าตรัสไว้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ จะพึงกระทำตาม ด้วยการบอกกิจเบื้องต้น แห่งการอุปสมบทนั้น เธอพึงตั้งใจฟัง ด้วยความเคารพ

สามเณรกล่าวรับว่า
อามะ ภันเต                                   ขอรับกระผม
พระอุปัชฌาย์บอกว่า
อะยันเต ปัตโต                                นี้คือบาตรของเธอ
สามเณรพึงกล่าวรับว่า
อามะ ภันเต                                        ขอรับกระผม
พระอุปัชฌาย์บอกว่า
อะยัง สังฆาฏิ                                  นี้ผ้าสังฆาฏิ (ผ้าทาบ) ของเธอ
สามเณรพึงกล่าวรับว่า
อามะ ภันเต                                          ขอรับกระผม
พระอุปัชฌาย์บอกว่า
อะยัง อุตตะราสังโค                            นี้ผ้าอุตตราสงค์ (ผ้าห่ม) ของเธอ
สามเณรพึงกล่าวรับว่า
อามะ ภันเต                                      ขอรับกระผม
พระอุปัชฌาย์บอกว่า
อะยัง อันตะระวาสะโก                        นี้คือผ้าอันตรวาสก (ผ้านุ่ง) ของเธอ
สามเณรพึงกล่าวรับว่า
อามะ ภันเต                                       ขอรับกระผม
พระอุปัชฌาย์บอกให้ออกไปข้างนอกว่า
คัจฉะ อะมุมหิ โอกาเส ติฏฐาหิ            เธอจงไปยืน ณ โอกาสโน้น
ลำดับนั้น พระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์พึงนั่งคุกเข่ากราบพระรัตนตรัย ๓ ครั้ง แล้วตั้งนะโม ๕ ชั้น ๓ จบ และกราบ ๑ ครั้ง นั่งพับเพียบผินหน้าเข้าหากัน ประนมมือสวดกรรมวาจา สมมติตนเป็นผู้สอนซ้อมอุปสัมปทาเปกข์ ดังนี้
กรรมวาจาสมมติตนเพื่อสอนซ้อม
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ นาโค อายัสมะโต ติสสัสสะ อุปะสัมปะทาเปกโข ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง อะหัง นาคัง อะนุสาเสยยัง
ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า นาคเป็นอุปสัมปทาเปกขะของ ท่านติสสะ ถ้าความพรั่งพร้อมของสงฆ์ ถึงที่แล้ว ข้าพเจ้าพึงสอนซ้อมนาค
แต่นั้นพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ พึงลุกออกจากที่ประชุมสงฆ์ไปยืน ณ อาสนะที่ปูลาดไว้ ซึ่งจะต้องอยู่นอกหัตถบาส (อย่างน้อย ๑๒ ศอก) พึงสวดสอนซ้อมอุปสัมปทาเปกข์ ดังนี้
คำสอนซ้อม
สุณะสิ นาคะ อะยันเต สัจจะกาโล ภูตะกาโล ยัง ชาตัง ตัง สังฆะมัชเฌ ปุจฉันเต
สันตัง อัตถีติ วัตตัพพัง อะสันตัง นัตถีติ วัตตัพพัง มา โข วิตถาสิ
มา โข มังกุ อะโหสิ เอวันตัง ปุจฉิสสันติ สันติ  เต เอวะรูปา  อาพาธา
ฟังนะ เจ้านาค นี้เป็นกาลสัตย์ กาลจริงของเธอ เมื่อท่านถามใน ท่ามกลางสงฆ์ ถึงสิ่งอันเกิดแล้ว
มีอยู่ พึงบอกว่า มี   ไม่มี  พึงบอกว่า ไม่มี   เธออย่าสะทกสะท้านเลย เธออย่าได้เป็นผู้เก้อเลย ภิกษุทั้งหลาย จักถามเธออย่างนี้ มีไหม?  อาพาธเห็นปานนี้ของเธอ คือ...


พระอาจารย์ถาม
กุฎฐัง                                 โรคเรื้อน
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
นัตถิ ภันเต                       ไม่มี ขอรับ
พระอาจารย์ถาม
คัณโฑ                             โรคฝี
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
นัตถิ ภันเต                       ไม่มี ขอรับ
พระอาจารย์ถาม
กิลาโส                                โรคกลาก
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
นัตถิ ภันเต                       ไม่มี ขอรับ
พระอาจารย์ถาม
โสโส                                  โรคมองคร่อ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
นัตถิ ภันเต                       ไม่มี ขอรับ
พระอาจารย์ถาม
อะปะมาโร                           โรคลมบ้าหมู
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
นัตถิ ภันเต                        ไม่มี ขอรับ
พระอาจารย์ถาม
มะนุสโสสิ                            เธอเป็นมนุษย์หรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                         ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
ปุริโสสิ                                เป็นชายหรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                         ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
ภุชิสโสสิ                             เป็นไทหรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                        ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
อะนะโณสิ                           ไม่มีหนี้สินหรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                         ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
นะสิ ราชะภะโฏ                    มิใช่ราชภัฏ(ข้าราชการ)หรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                          ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
อะนุญญาโตสิ มาตาปิตูหิ       บิดามารดา อนุญาตแล้วหรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                          ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
ปะริปุณณะวีสะติวัสโสสิ          มีอายุครบ ๒๐ ปีแล้วหรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                         ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
ปะริปุณณันเต ปัตตะจีวะรัง      บาตรจีวรของเธอมีครบแล้วหรือ
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อามะ ภันเต                        ขอรับกระผม
พระอาจารย์ถาม
กินนาโมสิ                           เธอชื่ออะไร
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อะหัง ภันเต (ชื่อเรา)   นามะ   ข้าพเจ้าชื่อ......ขอรับ
พระอาจารย์ถาม
โก นาม เต อุปัชฌาโย         พระอุปัชฌาย์ของเธอชื่ออะไร? (ในพระไตรปิฎกเป็น โกนาโม เต อุปัชฌาโย)
อุปสัมปทาเปกข์กล่าวตอบ
อุปัชฌาโย เม ภันเต อายัสมา(ชื่อพระอุปัชฌาย์)ถาโร นามะ   พระอุปัชฌาย์ของข้าพเจ้าชื่อว่า......ขอรับ

ครั้นแล้ว พระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์พึงกลับเข้าไป ณ ที่ประชุมสงฆ์ นั่งคุกเข่ากราบพระรัตนตรัย ๑ ครั้ง แล้วนั่งพับเพียบประนมมือสวดกรรมวาจา เรียกอุปสัมปทาเปกข์เข้าหมู่สงฆ์ ดังนี้

กรรมวาจาเรียกอุปสัมปทาเปกข์เข้าหมู่สงฆ์

สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ นาโค อายัสมะโต ติสสัสสะ อุปะสัมปะทาเปกโข
ท่านขอรับ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า นาคเป็นอุปสัมปทาเปกขะ ของท่านติสสะ
อะนุสิฏโฐ โส มะยา ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง นาโค อาคัจเฉยยะ

นาคนั้น ข้าพเจ้าสอนซ้อมแล้ว ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว ขอนาค พึงเข้ามาได้


พระกรรมวาจาจารย์พึงกวักมือเรียกอุปสัมปทาเปกข์ เข้ามาว่า

อาคัจฉาหิ                เธอจงเข้ามา

อุปสัมปทาเปกข์พึงเดินประนมมือเข้านั่งคุกเข่า ประนมมือท้ายหมู่สงฆ์ไหว้พระสงฆ์แล้วกล่าวคำขออุปสมบท

คำขออุปสมบท
สังฆัมภันเต อุปะสัมปะทัง ยาจามิ  
ข้าพเจ้าขออุปสมบทกะสงฆ์ ขอรับ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปัง อุปาทายะ
ขอสงฆ์โปรดเอ็นดู ยกข้าพเจ้าขึ้นเถิด ขอรับ
ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
ข้าพเจ้าขออุปสมบทกะสงฆ์ เป็นครั้งที่ ๒ ขอรับ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปัง อุปาทายะ
ขอสงฆ์โปรดเอ็นดู ยกข้าพเจ้าขึ้นเถิด ขอรับ
ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง อุปะสัมปะทัง ยาจามิ
ข้าพเจ้าขออุปสมบทกะสงฆ์ เป็นครั้งที่ ๓  ขอรับ
อุลลุมปะตุ มัง ภันเต สังโฆ อะนุกัมปัง อุปาทายะ
ขอสงฆ์โปรดเอ็นดู ยกข้าพเจ้าขึ้นเถิด ขอรับ

(ข้อมูลจาก หนังสือครั้งหนึ่งของลูกผู้ชาย โดย ท่าน ว.วชิรเมธี และภาพบางส่วนจาก http://kkeng.multiply.comและ glitter.posjung.com)
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์กวาง~ ที่ 28 มิ.ย. 2552, 07:04:15
ขอบคุณพี่ปอร์มากค่ะ

ขอบคุณสำหรับภาพด้วยค่ะที่หามาให้เราได้ชมกัน
เป็นภาพที่หาชมได้ยากค่ะ

ส่วนบทสวดและคำแปลนี่..พิมพ์เองเลยรึเปล่าคะเห็นบอกว่านำมาจากหนังสือ
ยาวมาก.....
ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับความตั้งใจที่จะนำมาให้ชาวเว็บบอร์ดได้รู้ :001:
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: porvfc ที่ 28 มิ.ย. 2552, 07:09:16
บทสวดที่เอามาลงนี่ พอดีวันก่อนไปอ่านเจอในหนังสือ "ครั้งหนึ่งของลูกผู้ชาย"  แต่เป็นบทสวดที่เต็มรูปแบบของวัดมาบจันทร์ พอดีช่วงนี้ใกล้เข้าพรรษาแล้วคนจะมีคนอุปสมบทกานเยอะ ก้อเลยเอามาฝากพี่ๆน้องๆในเว๊บอ่าค่ะ แต่พิมพ์เอง มันก้อเลยออกมาเป็นแบบนี้แหละค่ะ อาจจะไม่ค่อยจะสวยงาม แต่เต็มใจและตั้งใจเอามาฝากจริงๆนะคะ  :114:
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: ชลาพุชะ ที่ 28 มิ.ย. 2552, 07:12:32
ขอบคุณมากๆเลย ครับท่านปอ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: nutagul ที่ 28 มิ.ย. 2552, 09:15:26
 ขอบคุณครับ ทำให้คิดถืงตอนที่ผมบวชเลยครับเป็นช่วงที่สงบและสุขใจมาก ก็เป็นครั้งหนึ่งของลูกผู้ชายด้วยครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) ที่ 28 มิ.ย. 2552, 09:28:29
ขอบคุณพี่ปอร์มากๆนะครับ ที่มาติวซ้อมให้เก่ง อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ ตั้งใจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ  

สาธุ สาธุ อะนุโมทามิ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: ICELAND ที่ 28 มิ.ย. 2552, 09:35:43
สาธุ :114: สาธุ :114: สาธุ :114: กราบอนุโมทนาบุญครั้งยิ่งใหญ่นี้ด้วยครับ
บ้านหาดเสี้ยว นี่อยู่จังหวัดสุโขทัย หรือเปล่าครับ :062:
ขอบคุณที่นำภาพสวยๆๆมาให้ชมครับ :089:
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: mawin_14 ที่ 28 มิ.ย. 2552, 11:44:55
ภาพสวยครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: derbyrock ที่ 03 ก.ค. 2552, 10:25:01
ขอบคุณครับ ข้อมูลเป็นประโยช์นกับอีกหลายๆคนเลยครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: to ที่ 03 ก.ค. 2552, 10:45:31
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: chatsmm ที่ 03 ก.ค. 2552, 12:11:58
ได้ความรู้เกี่ยวกับประเพณีการแห่ช้างบวชนาคของชาวไทยพวน ..........ขอบคุณครับท่าน
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: arada ที่ 03 ก.ค. 2552, 12:40:26
สาธุ

ขอบคุณมากครับ ครั้งหนึ่งของลูกผู้ชชายจริง

และขอบคุณที่นำความรู้ดีๆมาเผื่อแผ่ครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: ~เสน่ห์ack01~ ที่ 03 ก.ค. 2552, 03:15:38
ขอบคุณที่นำบทกล่าวคำขออุปสมบทมาฝากกันนะครับ... :016:
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞ ที่ 03 ก.ค. 2552, 03:29:46
กราบอนุโมทนาบุญกับพี่ปอร์จังด้วยนะครับ

เห็นได้ข่าวแว่วๆว่าจะบวชปีหน้าหรอครับ   :095: :095:

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: vespa1985 ที่ 01 ต.ค. 2552, 05:14:21
ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: ตอบ: ครั้งหนึ่ง..ของลูกผู้ชาย
เริ่มหัวข้อโดย: gottkung ที่ 02 ต.ค. 2552, 12:31:32
ขอบคุณพี่ปอร์มากครับสำหรับรูปภาพและคำแปลบทสวดมนต์ต่างๆ
ได้ความรู้มากครับ