ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมะหรรษา..........อ้อนวอนไปเถอะพระก็ช่วยไม่ได้  (อ่าน 2347 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อ้อนวอนไปเถอะพระก็ช่วยไม่ได้

บางพวกบางคนไปหลงอธิษฐาน สวดมนต์ อ้อนวอนให้พระช่วย
ศาสนาพุทธไม่ใช่ศาสนาอ้อนวอน อ้อนวอนให้คุ้มครองอย่างนั้น
อ้อนวอนให้คุ้มครองอย่างนี้ ให้ช่วยค้าขายดีอย่างนั้นอย่างนี้ มีที่ไหน

ปี ๆ หนึ่งมักจะมีคนมาถามอาตมาว่า หลวงพ่อมีของดีอะไรที่ทำให้ช่วยให้ขายของดีได้บ้าง
อาตมาต้องบอกว่า...
แหม...ทุกวันนี้อาตมาก็ต้องเคี่ยวเข็ญให้เด็ก ๆ ที่อยู่ที่วัดกับอาตมาเขาหัดขายของเลย
ต้องแนะเขา สอนเขา เราไม่มีที่ขายก็ต้องทุรนทุรายแสวงหาที่ขายดี ๆ ได้
สถานที่ตามบริษัทห้างร้านก็ขายได้ มันไม่ใช่ว่าขายได้เพราะมีของ

อาตมาไม่เคยมีของดีเลย อย่างพวกนางกวักหรือของเมตตามหานิยมอะไรอย่างนั้น ไม่ทำเลย
แต่เด็ก ๆ เขาก็ไปขายของ วันหนึ่ง ๆ ได้สี่หมื่น ห้าหมื่น ก็มี
บางวันได้ถึงเจ็ดแปดหมื่นก็เคยได้
บางวันสี่ห้าพันก็มีสรุปมันต้องดูที่ทำเล ดูคน ดูตลาด ของที่เราไปขาย
ไอ้ที่ขายได้ไม่ใช่เพราะว่ามีเครื่องรางของขลังดี

เดี๋ยวนี้มันมีถึงขนาดทำ “พระชูชก” มาขายกันแล้ว
เขาอ้างสรรพคุณว่า “พระชูชก” ใครบูชาจะได้ลาภ มีเสน่ห์ มีเมียสาว
คนมันช่างคิดอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้ ก็เลยมี “พระชูชก” รุ่นชูชกเป็นพระงกออกมา

คนเรามักไปชอบยึดติดกับอะไรทำนองนี้ ก็เลยทำให้วงการพระเครื่องเขารวยกันพอสมควร
แล้วพวกนี้ไม่ต้องเสียภาษีด้วย อันที่จริงรัฐน่าจะเก็บภาษี แล้วก็เอาเงินมาทำอย่างอื่น
เพราะคนพวกนี้ก็ร่ำรวยบนความไม่ค่อยฉลาดสักเท่าไร

ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/read0f4c.html?No=527
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ล้วนแต่เป็นคนไม่ดี

วัดเหนือ และ วัดใต้ แต่ละแห่งมีพระและเณรอาศัยอยู่ 10 กว่ารูป
พระเณรในวัดเหนือสามัคคีกันมาก การปฏิบัติบำเพ็ญก็ค่อนข้างก้าวหน้า
ส่วนพระเณรในวัดใต้ต่างก็อิจฉากัน ไม่มีความสามัคคี

พระอาจารย์ฉือหยินเจ้าอาวาสวัดใต้ รู้สึกอัปยศกับเรื่องนี้มาก และนึกชมเชยวัดเหนืออยู่ในใจ ท่านอยากจะทราบถึงสาเหตุแต่จนแล้วจนรอดก็หาสาเหตุไม่พบ วันหนึ่งเมื่อท่านไปเยี่ยมเยียนวัดเหนือ เลยถือโอกาสถามถึงปัญหานี้

เจ้าอาวาสวัดเหนือตอบเรียบ ๆ ว่า “ก็ไม่มีอะไรหรอกเพียงแต่พระเณรที่นี่ล้วนแต่เป็นคนไม่ดีต่างจึงให้กำลังใจกันสามัคคีกัน”
คำตอบสั้น ๆ เช่นนี้ แม้จะเป็นการถ่อมตน แต่ก็ไม่กระจ่างอยู่ดี

ต่อมาขณะที่เจ้าอาวาสวัดใต้ไปเยี่ยมเยียนวัดเหนือ .... ก็ได้ยินคำพูดตำหนิตนเองดังมาจากในโบสถ์อย่างไม่ตั้งใจ

“เป็นเพราะผมไม่ดีเอง ถ้าหากผมถูพื้นเร็วกว่านี้หน่อย หลวงพี่ก็คงไม่ลื่นหกล้ม” พระคนแรกกล่าว

“ไม่ ผมสะเพร่าเอง ใจร้อนเดินเร็วเกินไป ถึงได้เดินหกล้ม” พระที่ลื่นหกล้มกล่าว

“ก่อนที่หลวงพี่จะเข้ามาในโบสถ์ ถ้าผมเตือนสักคำ ก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น เป็นเพราะผมไม่ดีเอง” พระคนที่ 2กล่าว

“เอาละ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น ต้องโทษตัวผมเองที่ไม่ระมัดระวัง” พระที่หกล้มกล่าว

เจ้าอาวาสวัดใต้ตอนนี้จึงเข้าใจความหมายอันแท้จริงของคำว่า
“ล้วนแต่เป็นคนไม่ดี”


ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/readcbee.html?No=525

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
หมัดเด็ดหลวงตา

ครั้งหนึ่งมีการเทศน์ 2 ธรรมาสน์ ระหว่างพระหนุ่มซึ่งผ่านการเรียนเขียนอ่านมามาก กับพระหลวงตาที่อยู่ตามชนบท ชาวบ้านต่างสนุกสนานในการฟังการตอบปัญหาทุกครั้งของมหาหนุ่ม จนกระทั่งหลวงตาเริ่มจนมุมในคำถามและคำตอบที่มหาหนุ่มแสดงออกไป

เมื่อหลวงตาเห็นท่าจะไม่ไหว กลัวจะเสียหน้า เพราะถามอะไรมหาหนุ่มก็ตอบได้หมด ก็เริ่มคิดแผนเด็ดมาหักล้างให้ได้ เพื่อศักดิ์ศรีของหลวงตา จึงถามปัญหาไปว่า

“ท่านมหา”

“ครับผม”

“ขึ้นชื่อว่าพระ ต้องบิณฑบาตรใช่ไหม ?”

“ใช่ครับ” มหาหนุ่มตอบแบบซื่อๆ

พอมาถึงตรงนี้ หลวงตาได้จังหวะก็ตอบโต้ทันที
“แล้วพระอาทิตย์ มันไปบิณฑบาตที่ไหน”
“แล้วใครเป็นอุปัชฌาย์ให้มัน จึงเรียกว่าพระอาทิตย์”

เจอไม้นี้ มหาหนุ่มแทบลมจับ หาคำตอบเกือบไม่ได้เหมือนกัน

ให้ข้อคิด : เรื่องอย่าประมาท คนที่เราคิดว่าเขาไม่มีความรู้ บางครั้งความรู้ที่เรามีอยู่ ที่รู้จากตำรา อาจจะสู้ความรู้ที่มาจากประสบการณ์ไม่ได้


ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/read19f2.html?No=509

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
การแก้ปัญหา "เรียกสติ"


   อาจารย์เฒ่าเล่าว่า..ขึ้นชื่อว่าคนแล้ว มีแต่เรื่องยุ่ง ที่ยุ่งเพราะมันมี "ปัญหา" ที่มีปัญหาก็เพราะมันมี "ตัณหา" คนศึกษาธรรมะมักไม่ค่อยมีปัญหา แต่บ่อยครั้งต้องคอยเข้าไปแก้ปัญหาให้ผู้อื่น จึงต้องมี "สัมมาทิฐิ" ความเห็นชอบเป็นตัวนำ คือ "หาสาเหตุให้พบก่อน" แล้วจึงค่อยแก้ ไม่เช่นนั้นบางทียิ่งแก้มันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ เลยต้องไปพึ่งผีสางเทวดา เจ้าพ่อเจ้าแม่ ทำพิธีแก้กันวุ่นวายเสียเงินทองโดยใช่เหตุ ถูกหลอกลวงก็เยอะแยะ..แย่ (ซวย) ซ้ำสอง !

    คนที่มีปัญหากลุ้มใจคิดไม่ตกจะกินยาตาย ผูกคอตาย เป็นเพราะ "ขาดสติ" อารมณ์จึงครอบงำจิตใจให้คิดผิด ต้องแก้ด้วย "พุทธวิธี" เป็นอันดับแรกก็คือการ "เรียกสติ" กลับคืนมาก่อน เมื่อเริ่มมีสติมันจึงจะคุยกันรู้เรื่องหาสาเหตุได้ถูก จึงแก้ตกได้

   "พุทธวิธี" สำหรับพระในนิกายเซ็นหรือเต๋ามัก "เรียกสติ" ลูกศิษย์ที่นั่งเหม่อตามอารมณ์ด้วยการตบหลัง ตบขาแรงๆ ให้สะดุ้งตื่นจากอารมณ์..สติก็โผล่! คนอกหักบ่นเพ้อร่ำไรในความรักที่มีต่อคนรักมากมาย อาจเรียกสติด้วยการถามย้อนถาม เช่น ..เธอรักและทำดีกับเขามากใช่ไหม? (..ใช่..) เธอคบเขา 5-6 ปีใช่ไหม? (..ใช่..) แล้วเธอคบพ่อแม่ของเธอมายี่สิบกว่าปีแล้ว..เคยรักและทำดีขนาดนี้ให้ท่านบ้างหรือยังล่ะ?(..งง..) สติเริ่มโผล่..ก็เปลี่ยนเรื่อง..ชวนคุยเรื่องพ่อแม่ซะเลย..อย่างคนจะกินยาตาย ถ้าเราพอมองหรือเดาออก เราก็แกล้งชวนคุยถก

  ปัญหาว่า จะฆ่าตัวตายด้วยวิธีไหนดี..วิธีนี้ทรมานยังไง..ตายแล้ววิญญาณจะไปเจออะไรต่อ..เจอผี..พญายมหรือยมฑูต? ก็ว่าไปเรื่อยๆ..เดี๋ยวเขาจะเริ่มมองว่าเราบ้า..นี่เขาเริ่มมีสติแล้ว ! บางคนคิดมาก..บ่นว่าคิดไม่ตก..ๆ..ๆ เราอาจแหย่เล่นๆว่า.."ผม(กู) ว่า..คุณ(มึง) คิดจนตกเหวเลยไปแล้วล่ะ(ว่ะ)!" แล้วเขาอาจจะย้อนด่ากลับมาว่า "กวน.." ...ก็ลองๆ ดูจะช่วยคนบางทีก็ต้องยอมถูกด่าหน่อยถือซะว่าสร้างบารมี..สนุกดี..พอสติมาแล้วก็คุยหาสาเหตุและทางแก้ไขกันต่อไปน่ะ ...


ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/read0135.html?No=501

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
บางครั้งเราเองก็ไม่ต่างจากแมลงวันเลยนะ...

ครั้งหนึ่งขณะข้าพเจ้ากำลังให้คำปรึกษาผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความทุกข์เศร้าขนาดหนักถึงขั้นที่เปรยออกมาว่าเธอนั้นอยากตาย

แมลงวันตัวหนึ่งได้บินเข้ามาในห้องและขณะที่แมลงวันตัวนั้นพยายามที่จะบินหาทางออกจากห้องให้ได้ เจ้าแมลงวันกลับบินชนหน้าต่างครั้งแล้วครั้งเล่า และก็ตกลงมานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้อง

หลังจากนั้นไม่นานก็พยายามบินขึ้นมาอีก แล้วก็บินขึ้นมาชนหน้าต่างที่ตรงจุดเดิมๆ ทุกครั้ง

เมื่อเห็นดังนั้นทำให้ข้าพเจ้านึกถึงอาจารย์เซนสมัยต้นศตวรรษที่ ๑๙ คนหนึ่งที่ชื่อฟูไก และข้าพเจ้าก็เล่าเรื่องราวเรื่องของอาจารย์ฟูไกให้ผู้หญิงคนนั้นฟัง

มีชายผู้มั่งคั่งคนหนึ่งได้มาเยี่ยมอาจารย์ฟูไกที่วัดอันเก่าแก่และทรุดโทรมมากของท่านที่ตั้งอยู่ที่โอซากา และขณะที่ชายผู้นั้นกำลังบ่นเล่าถึงปัญหาต่าง ๆ ของตัวเอง

แมลงวันตัวหนึ่งได้บินเข้ามาในห้องและก็พยายามบินเข้าชนหน้าต่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่นเอง อาจารย์ฟูไกเฝ้ามองดูแมลงวันนั้นอย่างตั้งใจ และแสดงท่าทางออกมาราวกับว่าเหมือนไม่ได้ฟังผู้มาเยือนเลย

ชายผู้ซึ่งร่ำรวยแต่ร้อนใจเห็นดังนั้น จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชันอย่างดังว่า “ดูท่านจะสนใจเจ้าแมลงวันตัวนั้นมากเหลือเกิน”

อาจารย์ฟูไกเมื่อได้ยินดังนั้น จึงตอบว่า “ขอโทษนะ ดูเจ้าแมลงวันผู้น่าสงสารนั่นสิ ช่างน่าสงสารจริง ๆ วัดนี้เป็นที่รู้กันดีว่าอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมยิ่งนัก เพราะฉะนั้นในสภาพที่ทรุดโทรมเช่นนี้ที่แมลงวันน่าจะบินออกไปทางช่องไหนก็ได้นั้น แต่เจ้าแมลงวันตัวนี้กลับบินไปชนอยู่ที่จุดเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่นั่นเอง เหมือนกับคิดว่าตรงจุดนั้นเป็นทางออกทางเดียวที่เป็นไปได้ ถ้ามันยังทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อยๆ มันคงต้องตายแน่ๆ แต่ไม่ใช่มีแต่เจ้าแมลงวันเท่านั้นหรอกนะที่น่าสงสาร”


ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/readef6c.html?No=485

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ธรรมะกำลังภายใน

นิทานจีนเรื่องหนึ่งเล่าว่า
กระทาชายนายหนึ่งอยากเรียนวิชายิงธนู ไปหาอาจารย์สอนยิงธนูที่มีชื่อเสียงมากท่านหนึ่ง มอบตนเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาด้วย

อาจารย์บอกว่า "เอ็งยังไม่ต้องเรียนตอนนี้ขอให้เอ็งกลับบ้านก่อน ไปหาเหามาตัวหนึ่งเอาเส้นไหมผูกมันแขวนไว้
แล้วเอ็งจงนั่งเพ่งดูให้มันใหญ่ขึ้นๆ จนกว่าเอ็งจะเห็นเหามันใหญ่เท่ากำปั้นเมื่อใดแล้วค่อยมาหาข้า"

ลูกศิษย์กลับบ้านไปทำตามอาจารย์บอก ฝึกเพ่งนานเกือบสามเดือน กว่าจะมองเห็นเหาโตเท่ากำปั้น
กว่าจะได้บรรลุถึงขั้นนี้เหาก็ตายไปหลายตัว

เขากลับไปรายงานอาจารย์

อาจารย์บอกเขาว่า "เอ็งกลับไปใหม่ คราวนี้ไปเพ่งเหาที่โตเท่ากำปั้นนั้น ให้เล็กลงเท่าเดิม"

เขาพยายามอยู่เกือบสองเดือนเช่นกัน กว่าจะทำเหาให้เล็กลงเท่าตัวจริงของมัน

แล้วเขาก็กลับไปหาอาจารย์รายงานผลให้ทราบ

อาจารย์กล่าวว่า "เอ็งสามารถขยายสิ่งที่เล็กให้ใหญ่ และย่อสิ่งที่ใหญ่ให้เล็กได้ตามปรารถนานับว่าเอ็งมี "พื้นฐาน" เพียงพอแล้ว
ไม่จำเป็นต้องเรียนมาก เวลาเอ็งจะยิงธนูเอ็งก็เพียงแต่ตั้งจิตให้เป็นสมาธิขยายสิ่งที่ต้องการยิงให้มันใหญ่ขึ้นๆ แล้วก็ปล่อยลูกศรไป
แค่นี้เอ็งก็ยิงไม่พลาดแล้ว"

ดูหนังเรื่องกำลังภายในจะมีเรื่องคล้ายอย่างนี้ คือในบางครั้งศิษย์ไปฝากตัวเรียนวิทยายุทธ์จากอาจารย์ รับใช้อาจารย์อยู่เป็นเวลานาน อาจารย์ก็ไม่สอนวิทยายุทธ์ให้สักที ให้ตักน้ำบ้าง กวาดลานวัดบ้าง จนศิษย์นึกน้อยใจ หารู้ไม่ว่าอาจารย์กำลัง "วางพื้นฐาน" ให้ศิษย์

วันดีคืนดีขณะลูกศิษย์กำลังผ่าฟืนอยู่ อาจารย์ก็ย่องๆ เข้ามาข้างหลัง เอาแส้หวดหลังดังเฟี้ยว ศิษย์ไม่ทันระวังตัวก็เจ็บตัวไป

วันหลังขณะศิษย์เผลอ ก็โดนอาจารย์หวดด้วยแส้อีก คราวนี้ทำให้ศิษย์ "ตื่นตัว" ทุกเวลาคอยระมัดระวัง
ชำเลืองดูว่าอาจารย์จะย่องเข้ามาหวดหลังอีกเมื่อใด เมื่อเห็นอาจารย์กำลังย่องๆ เข้ามาศิษย์ทำทีเป็นไม่เห็น พออาจารย์ฟาดแส้ลงอย่างแรง ศิษย์ก็กระโดดหลบได้ทัน

"เออ เอ็งเก่งมาก นับว่ามีพื้นฐานเพียงพอแล้ว"
อาจารย์กล่าวชม แล้วก็สอนวิทยายุทธ์ให้

พื้นฐานนี้นับว่าจำเป็นมาก คนจะฝึกต่อยมวยต้องมีพื้นฐานสำหรับการเป็นนักมวย คนจะฝึกฟันดาบก็ต้องมีพื้นฐานสำหรับการเป็นนักฟันดาบ
จนขั้นจะทำงานเล็กๆ ไม่ว่างานอะไรก็ต้องมีพื้นฐานมาก่อนทั้งนั้น จึงจะทำงานนั้นๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

พระพุทธศาสนาสอนหลักธรรมอย่างหนึ่งเรียกว่า "พละ 4"
ผมแปลเพื่อเข้าใจง่ายว่า "กำลังภายใน"
คนจะทำอะไรให้มันสำเร็จได้จำเป็นอย่างยิ่งต้องมี "กำลังภายใน" ทั้ง 4 ประการ
ซึ่งเป็นพื้นฐานที่จำเป็น


กำลังภายใน 4 ประการนั้นคือ

1. กำลังคือปัญญา

2. กำลังคือความเพียร

3. กำลังคือความสุจริต

4. กำลังคือน้ำใจ


สรุปแล้ว ผู้ต้องการความสำเร็จในหน้าที่การงาน ต้องการความสุขในชีวิต ควรปลูกสร้าง "กำลังภายในทั้ง 4 ประการ"
คือ มีความรู้ดี-ขยัน-มือสะอาด-ไม่ขาดมนุษยสัมพันธ์

++++++++++++++++++
คอลัมน์ ธรรมะใต้ธรรมาสน์ ไต้ ตามทาง
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/readb293.html?No=484

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ลา (ไม่) โง่

     ที่จริงลานั้นไม่โง่เลย ในธรรมชาติในทุ่งหญ้าที่ม้าลาปนเปอยู่ด้วยกันเป็นฝูง ผู้นำฝูงจะต้องเป็นลาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเล็กกว่า แต่มีความสามารถมีความแข็งแรงกว่าม้ามากนัก ทั้งยังมีความสามารถเรียนรู้ได้เร็ว ตำนานโบราณของนักเดินทางจึงมีเรื่องของลากับมูเลาะห์ นัสรูดิน คนที่เหมือนกับลา มีความโง่ที่ฉลาดหลักแหลม เพียงแต่ว่าค่อนข้างจะไม่ค่อยมีจังหวะจะโคน นิทานของลากับนัสรูดินนั้นมีหลายตอน เป็นทั้งปรัชญาธรรมชาติและเป็นภูมิปัญญาโบราณ ซึ่งบางทีก็ต้องอ่านซ้ำหลายครั้งถึงจะเข้าใจ

นัสรูดินนั้นเรียนรู้โลกและความจริงทางโลกจากลา และลาก็เรียนรู้โลกของลาจากนัสรูดิน ดังนิทานที่เล่าถึงการเดินทางไปค้าขายของนัสรูดินที่ต้องเดินทางข้ามแม่น้ำ

  มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นัสรูดินนำเกลือไปขายที่เมืองจีน เขาได้นำเกลือจำนวนมากใส่กระสอบแล้วผูกกระสอบเกลือบรรทุกไว้บนหลังลา จนมันหลังแอ่นเดินแทบไม่ไหว ระหว่างเดินทางข้ามแม่น้ำที่ค่อนข้างกว้างสายหนึ่ง เกลือที่บรรทุกอยู่บนหลังลาที่เปียกชุ่มน้ำตลอดทาง ก็ค่อย ๆ ละลายจนเกือบหมด เมื่อถึงฝั่งตรงกันข้ามลามันก็รู้สึกว่าน้ำหนักที่แบกมาจนหลังแอ่นนั้นอยู่ ๆ ก็หายไป มันก็ดีใจวิ่งไปมารอบ ๆ นัสรูดินเป็นวงกลม พร้อมกับส่งเสียงร้องดัง ๆ

จนนัสรูดินทั้งอายทั้งโกรธตัวเอง และพาลไปโกรธลาด้วย คิดในใจว่า "เออ ดีแล้ว ทีใครทีมัน... วันหน้าจะได้เห็นกัน"

ในการเดินทางไปค้าขายในคราวต่อมา นัสรูดินก็ขนเอาฝ้ายมัดใหญ่บรรทุกบนหลังลาจนหลังแอ่นแทบเดินไม่ไหวอีก
พอทั้งลากับคนเดินทางมาถึงแม่น้ำและข้ามน้ำไปได้สักครู่ น้ำหนักของฝ้ายอมน้ำก็ทวีเพิ่มมากขึ้นจนลาแทบจะจมน้ำตาย นัสรูดินต้องคอยช่วยกว่าลาจะข้ามแม่น้ำและขึ้นฝั่งมาได้ ก็เหนื่อยกันทั้งคนทั้งสัตว์ เมื่อขึ้นมาได้นัสรูดินก็หัวเราะและพูดกับลาว่า

"นั่นแหละที่จะสอนให้เจ้ารู้ว่า การเดินทางข้ามแม่น้ำแต่ละครั้งได้สอนอะไรให้เรียนรู้บ้าง เห็นไหมว่าทุกครั้งที่เจ้าข้ามแม่น้ำ เจ้าย่อมได้เรียนสิ่งใหม่เสมอ อย่าโทษข้า แต่ต้องขอบใจถึงจะถูก"

และลาก็เรียนรู้จริง ๆ จนต่อมาใคร ๆ ก็รู้และกล่าวขานกันทั่วว่า นัสรูดินมีลาที่นอกจากจะไม่โง่แล้วยังชาญฉลาดยิ่งนัก
หลังจากนั้นอีกนานต่อมา มีสหายที่สนิทสนมกับนัสรูดินมากคนหนึ่งแวะมาหาเพื่อขอยืมลาที่ฉลาดตัวนั้นสักครั้ง
โชคไม่ดีที่นัสรูดินได้ข่าวล่วงหน้าก็เลยเอาลาไปล่ามและขังไว้ในห้องที่หลังบ้าน

ดังนั้นเมื่อสหายของเขามาถึงที่พักของนัสรูดินก็แปลกใจที่ไม่เห็นลาที่ปกติจะพบยืนกินหญ้าอยู่ที่ทุ่งหน้าที่พัก สหายของนัสรูดินจึงถามว่า "ข้าตั้งใจมาขอยืมลาของท่านไปทำงานสักสองสามวัน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปอยู่เสียที่ไหน ข้าถึงไม่เห็นมัน"

นัสรูดินทำหน้าเหมือนกับว่าเห็นใจที่เพื่อนต้องมาเสียเที่ยวเปล่า ๆ เขาตอบว่า"ข้าเสียใจจริง ๆ ตอนนี้ข้าไม่มีลาเสียแล้ว"

ทันทีที่นัสรูดินพูดจบเสียงร้องของลาก็ดังลั่นขึ้นมา ก็รู้อยู่แล้วว่าลานั้นมันร้องดังแค่ไหน

สหายของนัสรูดินจึงพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "แล้วนั่นเสียงอะไร ไม่ใช่เสียงร้องของลาดอกหรือ ท่านไม่น่าพูดปดว่าไม่มีลาอีกแล้ว จะไม่ให้ข้ายืมลาก็น่าจะบอกกันตรง ๆ ก็ได้"

นัสรูดินหันหน้ามาหาสหาย แล้วก็พูดถามขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า

"แล้วระหว่างข้ากับกับลาของข้า - ท่านจะเชื่อใครกันล่ะ ? "

     แล้วคุณจะเชื่อใคร ? ทำให้ระลึกถึงคำตอบที่พระพุทธเจ้าบอกแก่สานุศิษย์ของพระองค์ว่า อย่าเชื่อผู้หนึ่งผู้ใด อย่าเชื่อตามที่เขาเล่ามา อย่าเชื่อคัมภีร์หรือแม้แต่เชื่อสมณะที่เป็นครูของตนบอกเช่นนั้น แต่ต้องติดตามแสวงหาประสบการณ์ด้วยตนเอง คิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ตัวเองเท่านั้นที่เป็นสรณะที่พึ่ง ไม่ใช่พึ่งผู้อื่นหรือพึ่งระบบหนึ่งระบบใด

นิทานเซน : โดย นพ.ประสาน ต่างใจ
ที่มา
http://www.tamdee.net/sarakhun/data/readc557.html?No=479
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 มิ.ย. 2554, 10:33:05 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
วิปัสสนา

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ธรรมะหรรษา...หลากหลายเรื่องราว 36; 36;
                                             
ขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำบทความดีมากๆมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้สาระความรู้มากๆครับผม :016: :015:
 
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบคุณครับผม) :033: :033:
   
   

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณมากคะ สำหรับบทความธรรมะดีๆ อ่านแล้วได้ความรู้มากๆคะ :090: :050: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ