ผู้เขียน หัวข้อ: การรักษาศีล ๘ และโทษของอาหารมื้อเย็น  (อ่าน 1973 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นายธรรมะ

  • ดีชั่วอยู่ที่ตัวทํา สูงต่ำอยู่ที่ทําตัว
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 615
  • เพศ: ชาย
  • เหนื่อย ได้แต่อย่า ท้อ
    • ดูรายละเอียด
การรักษาศีล ๘ และโทษของอาหารมื้อเย็น



ถาม : ถ้าเกิดถือศีลแปดแล้วข้อ ๖, ๗, ๘ นี่พร่องเล็กน้อย กับถือศีลห้าแล้วสมบูรณ์อย่างนี้ อันไหนกำไรกว่ากัน ?

ตอบ : ศีลแปดกำไรกว่า เพราะบกพร่องเล็กน้อยก็จริง แต่ส่วนดีมีมากกว่า ศีลแปดคุมศีลห้าอยู่แล้ว มากกว่าอยู่แล้ว จริงๆ ศีลแปดมีเก้าข้อนะ นัจจะคีตะวาฯ กับมาลาคันธะฯ สองข้อนี้เขารวบเป็นข้อเดียว ค่อยๆ ทำไปเดี๋ยวเกิดความเคยชินก็จะทรงตัวไปได้เอง

ถาม : ตรงข้อแปดนะคะ ที่อุจจาสะยะนะฯ เวลาที่เรานอน นอนเป็นที่นอนนุ่ม ถ้าอย่างเราปวดหลังละคะ เรานอนกับพื้นธรรมดาแล้วเราปวดหลัง ?

ตอบ : นอนไปเถอะ หนาสักคืบหนึ่งก็ได้ ที่นอนสูงที่นอนใหญ่ภายในยัดด้วยนุ่นและสำลี เขาหมายความตามอรรถกถาท่านบอกว่าคืบหนึ่ง คืบหนึ่งสมัยก่อนคือ ๑๒ นิ้ว เป็นฟุตเลย จริงๆ แล้วที่ท่านห้าม เพราะท่านกลัวว่าจะติดสัมผัส คือว่าถึงเวลาแล้วจะติดเย็นติดร้อน อ่อนแข็งอะไรนั่น ไม่ได้ก็ดิ้นรนต้องให้ได้มา จิตใจก็จะไปฟุ้งซ่านถึงตรงจุดนั้น ถ้าไม่ติดเรารู้อยู่ว่าร่างกายของเราเจ็บป่วยอยู่ ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราอ้างขึ้นมาเพื่อที่จะติดสุขตรงนั้น ก็นอนไปเถอะ

ถาม : อย่างนั้นเราก็สามารถอย่างเช่นว่า สมาทานศีลแปดตั้งแต่เช้าถึงเย็น แล้วเย็นเป็นคนที่ต้องกินข้าวทุกมื้อ แล้วก็ต้องกินข้าวเย็น ก็คือลาแล้วก็กินข้าวได้ ?

ตอบ : อ๋อ..ไม่ต้องลาหรอก อนุญาตให้กินได้เลย รักษาเป็นเวลายังดีกว่าไม่รักษาเลย

ถาม : แล้วก็สมาทานศีล ?

ตอบ : สมัยก่อนเคยเป็นอย่างนี้อยู่ช่วงหนึ่ง คือมาไล่ไปไล่มาเสร็จ เอ๊ะ..ของเรานี่ศีลแปดชัดๆ เพียงแต่เสียเวลาไปกินข้าวเย็นอยู่สิบนาทีแค่นั้นเอง เลยตัดสินใจไม่กินตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ก็เป็นอันว่าจบ แม้แต่ประเภทที่ว่าวินาที สองวินาทีก็ได้ เพราะว่า อานุภาพของศีลแปดสูงกว่าศีลห้ามาก อานิสงส์มากกว่า รักษาขนาดนั้นของเรานี่ ถ้ายังไม่ละอาหารเย็น เท่ากับว่าเราขาดแค่ครู่เดียวในแต่ละวัน

ถาม : ไม่ต้องลาใช่ไหมคะ ?

ตอบ : ไม่ต้องลาหรอก ถึงเวลาก็ขออนุญาตกินครู่หนึ่ง แล้วก็ไม่ต้องสมาทานใหม่หรอก เรารู้อยู่แล้วว่าเป็นอย่างไรก็งดเว้นต่อไป

ถาม : ถ้าเราไม่ได้สมาทานศีล เราไม่ได้ตั้งใจรักษาศีล แต่บังเอิญที่นอนที่บ้านก็ไม่หนา ข้าวก็กินครู่เดียว ทีวีเสียไม่ได้ดูอะไรแบบนี้ ?

ตอบ : กุศลไม่มี

ถาม : ค่ะ...ผลไม่มี ?

ตอบ : ขาดเจตนา คือ ตัวตั้งใจ ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจละ ผลบุญไม่มี

ถาม : ถึงแม้มันจะตรงตามนั้นก็ตาม ?

ตอบ : ก็ท่านบอกแล้วเจตนาหัง ภิกขเว ปุญญังวทามิ ต้องเจตนาคือตั้งใจ ถึงจะเป็นบุญ

ถาม : ถ้าตั้งใจละ คือปวดท้องเพราะหิว ?

ตอบ : แล้วสิ่งที่ท่านอนุญาตให้กินได้ ให้ฉันได้ก็เยอะแยะไป เพียงแต่ว่าเราคิดที่จะกินข้าวท่าเดียว

ถาม : แล้วอย่างบางคนไม่กินข้าวแต่กินนมเยอะๆ ?

ตอบ : ท่านให้รู้จักประมาณในการกิน มีอยู่คนหนึ่ง รู้สึกว่าจะเป็นลูกศิษย์อาจารย์โอ๋ ? (อาจารย์บุปผชาติ พงษ์ประดิษฐ์) เจ้านั่นรักษาศีลแปด กำหนดเอาว่า เวลากินข้าวมื้อสุดท้ายคือบ่ายสอง ตั้งแต่เช้าถึงบ่ายสองเขาฟาดไปสิบกว่าหน ถ้าอย่างนั้นคุณรักษาศีลห้าดีกว่า ไม่เปลืองมาก ท่านให้มีโภชเน มัตตัญญุตา คือรู้จักประมาณในการกิน

ตัวโทษของการกินอาหารเย็น จะลำบากอยู่อย่างหนึ่ง คือว่าพอถึงเวลาแล้ว เลือดทั้งหมดจะวิ่งลงไปที่กระเพาะ เพื่อไปย่อยอาหาร โบราณท่านให้ใช้คำว่าไฟธาตุ พร้อมที่จะสันดาปเพื่อเผาผลาญอาหาร

ตอนที่เลือดวิ่งลงไปที่กระเพาะ สมองจะมึนเพราะเลือดเลี้ยงอยู่น้อย จะหลับท่าเดียว ทำให้การภาวนาทุกอย่างไม่ได้อย่างที่เราต้องการ เพราะว่าร่างกายอยู่ในสภาพที่หนักไปด้วยอาหาร ในเมื่อหนักไปด้วยอาหาร การภาวนาก็ไม่คล่องตัว เลือดลมไม่ปลอดโปร่ง จะทำให้เสียผลตรงนี้ แต่ว่าคนทั่วๆ ไปถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะงดเว้นได้จริงๆ ตั้งใจรักษาศีลห้าก็ไปนิพพานได้จ้ะ


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔


นายธรรมะ
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก เว็บบอร์ดพลังจิตด้วยครับ

ที่มา : http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=1046
[shake]ศรัทธา ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ ศรัทธา เพื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีความ ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมเกิด ปาฏิหาริย์[/shake]

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: การรักษาศีล ๘ และโทษของอาหารมื้อเย็น
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 23 ก.ค. 2554, 08:46:54 »
[youtube=425,350]O00ZN_p25Is[/youtube]
ที่มา
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ