ผู้เขียน หัวข้อ: ปกิณกธรรม : กิเลสท่วมใจ อุทกภัยท่วมโลก  (อ่าน 1589 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์)

  • *โปรดระวัง - สีลัพพตปรามาส, ๗ เดือน ๑๙ วันจะเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆไว้, ตถตา (เช่นนั้นเอง).
  • ...
  • *****
  • กระทู้: 6436
  • เพศ: ชาย
  • ผู้สอนคือผู้ลวง? ผู้เรียนคือผู้หัดที่จะลวง?
    • ดูรายละเอียด
    • เฟสบุ๊ควัดบางพระ (หลวงพ่อเปิ่น)
"ผู้มีปัญญา พึงทำเกาะที่ห้วงน้ำท่วมไม่ได้ ด้วยความขยันหมั่นเพียร ด้วยความไม่ประมาท ด้วยความระวัง และด้วยการฝึกตน"(พุทธพจน์)

   ในปัจจุบันอุทกภัยนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น กระแสน้ำทะลักเข้าใส่บ้านเรือนพังพินาศ ได้รับความเสียหายกันไปทั่ว ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ยังเกิดโศกนาฏกรรมแผ่นดินถล่มกลบมนุษย์ทั้งเป็น ภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุจากการที่ชาวโลกประพฤติผิดศีลธรรม ทั้งหลงใหลในอบายมุข ทำให้กระแสบาปทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงส่งผลให้ธรรมชาติแปรปรวนไป จนมีนักโหราศาสตร์พยากรณ์เอาไว้ว่า ถ้าไม่รีบแก้ไข โลกอาจจะถึงกาลอวสานได้

   เรื่องของโลกาพินาศ(อรรถกถากัปปสูตร,วิสุทธิมรรค) ได้มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า โลกนี้จะถูกทำลายด้วยภัย ๓ อย่าง คือ ถ้ายุคสมัยใดคนมีกิเลสตระกูลโทสะมาก จะเกิดอัคคีภัยทุกหย่อมหญ้า หากผู้คนมีราคะมาก จะเกิดอุทกภัย และถ้าคนมีโมหะมาก โลกจะเกิดวาตภัยถูกลมพายุทำลายล้าง

ไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก

   สมัยที่กัปพินาศเพราะไฟนั้น  จะมีเทวดาชั้นกามาวจรภูมิที่เรียกว่า โลกพยูหะ มาให้สติมนุษย์ โดยแปลงร่างเป็นคนนุ่งผ้าแดง ปล่อยผมเผ้ารกรุงรังร้องไห้เช็ดน้ำตา เที่ยวเดินประกาศไปว่า "ผู้นิรทุกข์ทั้งหลาย ล่วงไปแสนปีจากนี้จะสิ้นกัป โลกจะพินาศ แม่น้ำและมหาสมุทรจะเหือดแห้ง มหาปฐพี ภูเขาสิเนรุจะถล่มทลายพังพินาศตลอดถึงพรหมโลก ท่านทั้งหลายจงเจริญเมตตาพรหมวิหารธรรมต่อกันเถิด จงบำรุงมารดาบิดา และเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้มีคุณธรรมเถิด"

   เมื่อพวกมนุษย์และเทวดาได้ฟังข่าวที่น่าสะพรึงกลัวอย่างนี้แล้ว ก็เกิดความสลดสังเวชใจ กลับมีจิตเมตตา อ่อนน้อมต่อกัน ตั้งใจสั่งสมบุญกุศล แล้วไปบังเกิดในเทวโลก ส่วนทวยเทพในเทวโลกต่างไม่ประมาท บำเพ็ญภาวนาจนได้ฌาน แล้วก็ไปบังเกิดในพรหมโลก

   เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง พระอาทิตย์ดวงที่ ๒ ก็ปรากฏขึ้น ทำให้กำหนดกลางวันกลางคืนไม่ได้ เพราะโลกสว่างตลอดทั้งวัน สัตว์โลกเริ่มล้มตายกัน น้ำในลำธารเริ่มแห้งขอด ต่อจากนั้น พระอาทิตย์ดวงที่ ๓ ปรากฏขึ้น ทำให้มหานทีแห้งไปหมด และเมื่อดวงที่ ๔ ปรากฏขึ้น สระใหญ่ทั้ง ๗ ในป่าหิมพานต์ ซึ่งเป็นต้นแหล่งของมหานทีเหือดแห้งลงไปอีก ไม่ว่าจะเป็นสระอโนดาตก็แห้งหมด

   วันเวลาผ่านไปอีก พระอาทิตย์ดวงที่ ๕ ได้ปรากฏขึ้นมาอีก โลกเริ่มร้อนระอุมากขึ้น จนน้ำในมหาสมุทรไม่มีเหลืออยู่เลย ทันที่ที่พระอาทิตย์ดวงที่ ๖ เกิดขึ้น ทั่วทั้งจักรวาลมีควันพวยพุ่งขึ้นมา บรรยากาศอักแน่นไปด้วยควันมืดสนิท ครั้นดวงที่ ๗ ซึ่งเป็นดวงสุดท้ายบังเกิดขึ้น ทั่วทั้งแสนโกฏิจักรวาลมีเปลวไฟลุกโชติช่วง ภูเขาสิเนรุถูกไฟเผาไหม้ เปลวไฟลุกลามไปถึงสวรรค์ชั้นที่ ๖ ไหม้ต่อไปอีกจนถึงพรหมโลก ไปหยุดอยู่ที่พรหมโลกชั้นอาภัสสรากันเลยทีเดียว

น้ำบรรลัยกัลป์

   สมัยใดที่น้ำทำลายกัปให้พินาศ ฝนจะตกไม่หยุดจนน้ำท่วมโลก แล้วฝนน้ำกรดจะตกไปทั่วตลอดแสนโกฏิจักรวาล เมื่อแผ่นดินหรือภูเขาถูกน้ำกรด จะถูกกัดกินจนละลาย น้ำท่วมมีอานุภาพมากกว่าไฟไหม้ จะท่วมเรื่อยไปจนถึงพรหมโลกชั้นปริตรตาภา อัปปมาณาภา อาภัสสรา ปริตตสุภา อัปปมาณสุภา ถูกทำลายย่อยยับหมด

 ลมบรรลัยกัลป์

   ถ้าโลกพินาศเพราะลม จะมีอานุภาพร้ายแรงที่สุด สามารถพลิกแผ่นดินแล้วพัดให้กระจายไปในอากาศได้ ผืนแผ่นดินกว้างถึง ๑๐๐ โยชน์พังพินาศหมด แหลกละเอียดในอากาศ ลมจะหอบเอาภูเขาจักรวาล ภูเขาสิเนรุขึ้นไป แล้วซัดให้กระทบกันจนแหลกละเอียดเป็นผงธุลี แล้วยังพัดวิมานในสวรรค์ทั้งแสนโกฏิจักรวาลให้พินาศหมด มหาวาตภัยนี้จะพัดตั้งแต่ในโลกมนุษย์ไปจนถึงพรหมชั้นสุภกิณหา ไปหยุดอยู่ที่ชั้นเวหัปผลา เมื่อโลกถูกทำลาย และได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์แล้ว ทุกสิ่งในจักรวาลจะสลายไปสู่ธาตุเดิม ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นกัป ๆ ถึงจะเริ่มก่อตัวขึ้นใหม่ คือเริ่มมีโลก มีพรหมลงมาเกิด มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว มีสิ่งมีชีวิต มีสัตว์ และสิ่งต่าง ๆ ตามมาอีก มากมาย มีต้นไม้ มีภูเขาบังเกิดขึ้น

โลกยังไม่แตก

   อย่างไรก็ตาม มิใช่ว่าโลกเราจะถึงกาลอวสานในยุคนี้ เพราะตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว ยังเหลือช่วงเวลาอีกยาวนานเหลือเกิน เพราะโลกยังอยู่ในอันตรกัปที่ ๑๒ ซึ่งจะต้องมีการไขขึ้น-ไขลงตามกำลังการประพฤติกุศลและอกุศลของมนุษย์ อีกทั้งโลกจะถูกทำลายล้างก็ต่อเมื่อเลย ๖๔ อันตรกัปไปแล้ว ซึ่งเป็นเวลานานมาก จนไม่ต้องพูดถึงเรื่องโลกแตกกันเลย เพียงแต่ว่าขณะนี้เราอยู่ในช่วงกัปไขลง กิเลสมนุษย์หนาขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๑๐๐ ปี อายุมนุษย์จะลดลงเหลือ ๑ ปี อายุขัยของมนุษย์จะลดลงเรื่อยจนไปถึง ๑๐ ปี สตรีอายุ ๕ ขวบก็ตั้งครรภ์แล้ว มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ถึงขั้นเกิด “สัตถันตรกัป” คือมีอาวุธเกิดขึ้นในมือและทำลายล้างกันจนแทบหมดเผ่าพันธ์กันเลยทีเดียว ส่วนผู้ที่เห็นภัยก็หลบหลีกไปอยู่ตามป่าตามเขา

   เมื่อหมดสงครามจึงกลับมาเริ่มต้นประพฤติกุศลกรรมบถ ๑๐ ประการเหมือนเดิม ทำให้อายุเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ใหม่ จนกระทั่งอายุมนุษย์มีกำหนด ๘ หมื่นปี สตรีมีอายุ ๕๐๐ ปี จึงมีครอบครัว เวลานั้นมีความทุกข์อยู่เพียง ๓ อย่าง คือ ความหิว ความง่วง และความแก่ ผู้คนยิ่งทำความดีเพิ่มขึ้น อายุยิ่งทวีตาม จนกระทั่งมีอายุอสงไขยปี ในสมัยมนุษย์มีอายุอสงไขยปี มองเห็นความแก่ ความตายได้ยาก ความเจ็บไม่มี เลยทำให้เกิดความประมาท เวียนเป็นวัฏจักรของมนุษย์ในยุคต้นกัปใหม่ เมื่อมีกิเลสเกิดขึ้น อายุมนุษย์ก็เริ่มลดลงจนเหลือ ๘ หมื่นปี เมื่อนั้นพระศรีอริยเมตไตรย์จะเสด็จมาอุบัติขึ้นในโลก เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๕ องค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้

วิธีป้องกันน้ำท่วม

   เราจะเห็นว่า โลกจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับใจของมนุษย์นี่แหละ ถ้ามนุษย์รักษ์โลก ด้วยการประหยัดทรัพยากรโลก ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ปลูกป่า ไม่ทำให้คลองน้ำตื้นเขิน เป็นต้น โดยเฉพาะมนุษย์ ไม่ดื่มสุรา ไม่ประพฤติผิดในลูก ภรรยา หรือสามีของคนอื่น ไม่หลงใหลในอบายมุข โลกนี้ก็ยังคงสดสวย แต่ถ้ามนุษย์จิตใจขุ่นมัว ทำบาปอกุศลเห็นแก่ตัวมากเข้า ภัยพิบัติก็ย่อมลงโทษเป็นธรรมดา ตราบใดที่มนุษย์ยังประพฤติธรรม โลกก็ยังคงเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปเรื่อย ๆ ขอให้ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์โลกให้สดใส ด้วยการประพฤติธรรมในทุกรูปแบบ ทั้งทาน ศีล ภาวนา และช่วยกันทำหน้าที่กัลยาณมิตร แนะนำคนรอบข้างให้อยู่ในศีล อยู่ในธรรม นอกจากทำตัวให้รอดพ้นจากอุทกภัยแล้วต้องคิดต่อไปว่า ทำอย่างไรจะไม่ให้น้ำคือกิเลสท่วมทับใจของเรา ทำอย่างไรจึงจะสร้างเกราะแก้วป้องกันน้ำคือกิเลสท่วมใจเราได้ ใจคือแหล่งที่มั่นสุดท้ายที่ควรรักษาไว้อย่าให้น้ำคือกิเลสถาโถมเข้าโจมตี ควรทำเขื่อนหรือทำนบป้องกันตัวเต็มที่ ด้วยการหมั่นทำใจให้ผ่องใส จะได้มีสุขในปัจจุบัน แม้ละโลกก็มีสุคคติสวรรค์เป็นที่ไป.

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ที่มา :วารสาร "อยู่ในบุญ" ปีที่ ๙ ฉบับที่ ๑๐๙ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๔

เรื่องโดย : พระมหาเสถียร สุวณฺณฐิโต ป.ธ. ๙ / พระมหาวิริยะ ธมฺมสารี ป.ธ. ๙
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พ.ย. 2554, 06:31:56 โดย ปุญฺญานุสฺสติ(สิบทัศน์) »

ออฟไลน์ nok2009

  • ที่ปรึกษา
  • *****
  • กระทู้: 1672
  • เพศ: ชาย
  • แท้เทียมอาจคล้ายกันจงเชื่อมั่นในตนเอง
    • ดูรายละเอียด
สาธุ ขอบคุณท่านสิบทัศน์ที่นำบทความดีดี มาให้อ่านกันครับ ... สวัสดี :001: :001: :001:

ออฟไลน์ Faith in Buddhism

  • จตุตถะ
  • ****
  • กระทู้: 45
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆมากครับ
ผมเคยพบในหนังสือธรรมมะครับ
เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจให้หันเข้าพระพุทธศาสนาครับ

ออฟไลน์ ckbigbrown

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 1
  • เพศ: หญิง
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
 :016: ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความดีๆมีไว้แบ่งปัน :015: