ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม 1/5
โดย หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
แห่ง วัดอรัญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
แสดงธรรมเทศนาที่บ้านลานทอง 10 สิงหาคม 2543
โพสท์ในลานธรรมเสวนา หมวดสติปัฏฐาน ๔ กระทู้ 14576 โดย : รักษา 31 มี.ค. 48
ธมฺ โมหเว รักขติ ธรรมจารึ ธมฺโม สุจิณฺโณ สุขมาวหาติ แปลว่าพระธรรมะย่อมรักษาผู้ปฏิบัติไม่ให้ตกไปในที่ชั่ว ธรรมที่ที่ผู้ประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ ดังนี้
ต่อจากนี้ไปก็ให้พากันตั้งใจ สำรวมใจของตนให้แน่วแน่ เพื่อฟังธรรม เพราะว่า ธรรมะนี่ไม่ได้มาแต่ข้างนอก ธรรมะนี้เกิดขึ้นทางจิตใจ พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม ก็ทรงแสดงเข้าไปที่จิตใจของผู้ฟัง เพราะว่าทุกคนต้องมีบุญ ได้สั่งสมอบรมมาแต่อดีตชาติหนหลัง ถึงได้มาเกิดมาในชาตินี้ เพราะอาศัยบุญกุศลที่ตนได้บำเพ็ญมาแล้วมาเกิด ใครเป็นผู้มีบุญ ผู้ได้นับถือพุทธศาสนา ก็จึงได้มาเกิดในเมืองไทย เพราะเมืองไทยนี้บรรพบุรุษเป็นผู้นับถือพุทธศาสนา คือบรรพบุรุษได้แก่พระราชาพระมหากษัตริย์ ของไทยเราหลายชั่วกษัตริย์ ล้วนแต่นับถือพุทธศาสนา ไม่ได้นับถือศาสนาอื่น
พวกเราที่มาเกิดในเมืองไทย ผู้เป็นประชาราษฎร ก็เคยนับถือพุทธศาสนานี้มา บุญกุศลจึงดลบันดาล ให้มาเกิดในประเทศไทย ก็ให้พากันภาคภูมิใจ ว่าเราได้มาเกิดในประเทศไทย และได้มาพบพุทธศาสนา ได้ฟังคำสอนของพุทธเจ้า แล้วได้รู้จักผิดรู้จักถูก ได้เว้นจากทางผิด ดำเนินไปทางที่ถูก
ถ้าพูดเทียบเคียงกันแล้ว พุทธศาสนากับศาสนาอื่น มันตรงกันข้าม ไม่เหมือนกัน ศาสนาอื่นเขาสอนให้คนนับถือสิ่งภายนอกเป็นที่พึ่ง พุทธศาสนาทรงสั่งสอนให้คนเรา ถือ นับถือปฏิบัติภายใน คือบาปก็อยู่ที่กายวาจาใจนี้ บุญก็อยู่ที่กายวาจาใจ ไม่ได้มาแต่ข้างนอก พระพุทธเจ้าทรงสอนอย่างนี้
ดังนั้นพวกเราคนไทย ก็จึงไม่ได้อ้อนวอนไม่ได้บวงสรวง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เหมือนอย่างลัทธิอื่นศาสนาอื่นเขาทำกัน แต่ก็อาจจะมีอยู่บ้างแต่ก่อนมา เพราะว่าบางคราวน่ะพุทธศาสนาก็เสื่อมไปจากเมืองไทยก็ไม่น้อยเหมือนกันนะ พระสงฆ์องคเจ้าก็ไม่สนใจในการเรียนธรรมเรียนวินัย และการปฏิบัติธรรมวินัย จึงไม่สามารถสั่งสอนทายก ทายิกา ให้รู้ให้เข้าใจแก่นแท้ของพุทธศาสนา ดังนั้นจึงได้พากันนับถือสิ่งภายนอกเป็นที่พึ่ง เช่นสร้างศาลเจ้าขึ้นไว้ ในถนน สี่แพร่งหรือว่าสร้างศาลเจ้า เข้าไว้ในบ้านในขอบเขตบ้าน ของตนก็มี หรือว่าสร้างศาลเจ้าขึ้นในสถานที่ ที่เหมาะที่เห็นว่าเหมาะสม แล้วถึงครบรอบวันมรณภาพแห่งบรรพบุรุษ ก็ไปพากันไปบวงสรวง หมูเห็ดเป็ดไก่ อ้อนวอนขอให้วิญญาณของบรรพบุรุษนั้น ได้อยู่ได้กินเครื่องสังเวยต่างๆ แล้วก็ขอให้อำนวย ความสุขความเจริญให้ลูกหลาน เหลน โหลน ที่เกิดในภายหลัง
บางครอบครัว เมื่อได้ทำพิธีอย่างว่าแล้ว ปรากฏว่าทำการค้าการขายเจริญรุ่งเรือง ขึ้นมาได้ก็เลยเชื่อมั่นในใจว่า ก็เป็นเพราะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้แหละ อำนวยผลให้ ร่ำรวยมั่งมีศรีสุข ขึ้นมาเหตุนั้นจึงได้ ทำพิธี บวงสรวงกัน เป็นการใหญ่ อย่างเช่น บางครอบครัวที่ร่ำรวยมั่งมี เมื่อพ่อบ้านหรือแม่บ้าน เสียชีวิตลงก็ไปหาซื้อเป็ด ซื้อไก่ ซื้อหมู จะเป็นเขาฆ่าขายอยู่ตามตลาดหรือไงก็ไม่รู้ ล่ะ หรือซื้อสัตว์เป็นๆ มาแล้วมาฆ่า แล้วตั้งโต๊ะตั้งร้านหน้า ร้านวางหูเห็ด เป็ด ไก่ ยาวเหยียดเลย เท่าที่เห็นมาบางแห่งนะ แล้วเปิ้นก็นิมนต์พระไปสวดพระอภิธรรม อย่างนี้ พระก็ไม่มีโอกาส ที่จะแนะนำสั่งสอน เขาได้ เพียงแต่นิมนต์พระไปสวดอภิธรรม ให้เท่านั้นน่ะ ก็แล้วไป นี่เป็นบางแห่งนะ แล้วก็นิมนต์พระไปฉัน ไอ้อย่างนี้เรียกว่า ความเข้าใจเรื่องพุทธศาสนานั้นยังไม่ลึกซึ้งพอ
การกระทำเช่นนั้นเค้าเข้าใจว่าเป็นเรื่องของพุทธศาสนา แท้ที่จริงนี้ไม่ใช่นะ เป็นเรื่องของลัทธิศาสนาพราหมณ์ ศาสนาพราหมณ์เขาทำกันมาตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าบังเกิดโน้น ทำมาก่อนแล้ว เมื่อพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นมาในโลก พระองค์แสดงธรรม พวกเหล่านั้นไปฟังธรรม ผู้มีบุญวาสนาแก่กล้า ก็รู้สึกตัวได้ว่าการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นหนทางพ้นทุกข์ ก็สามารถละการกระทำเช่นนั้นได้ แต่บางพวกบางเหล่า ไม่ยอมไปฟังเลยก็มี ถือมั่นในลัทธิอันนั้นอยู่ จนหมดอายุสังขารก็มี แล้วบางพวกก็ไหว้พระอาทิตย์ไหว้พระจันทร์ ไหว้ต้นไม้ใหญ่ภูเขาอะไรสารพัด
เหล่านี้นะพวกเราก็คงจะได้รู้เรื่องกันมา เพราะฉะนั้นขอให้ศึกษาให้เข้าใจว่า การไหว้การกราบเช่นนั้นนะ ไม่เป็นทางพ้นทุกข์ เพราะว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านั้นนะเรามองไม่เห็นตัวเลย ไม่ทราบว่าเป็นตัวเป็นตนยังไงน่ะ ไม่มีแล้วสมมุติกันเอาเฉยๆ เชื่อโดยสมมุติ บรรพบุรุษ ได้พาทำมาอย่างนั้น แล้วก็ลูกหลาน เกิดมาในภายหลังก็ทำตาม
อันนี้พระพุทธเจ้าจึงได้ทรงสอนไว้ว่า ไม่ควรเชื่อมงคลตื่นข่าว มงคลตื่นข่าวนี้คือ เล่าลือกันมา นับถือกันมาโดยลำดับ แต่แล้วเมื่อ พิสูจน์หาความจริงน่ะไม่พบ เป็นแต่ข่าวลือ ข่าวลือว่าเจ้าองค์บุญเกิดขึ้นที่นั้นที่นี้ ผู้วิเศษเกิด ขึ้นที่นั้นที่นี้ แม้เป็นเด็กน้อยก็ยังถือว่าเป็นผู้วิเศษ พากันไปกราบไปไหว้ ไปขอพร ขอให้เด็กน้อยนั้นอวยชัยให้พร แต่ก่อนนี้น่ะมี แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่า จะห่างๆ ไป ก็เด็กน้อยนั้นมันจะรู้อะไร แต่เมื่อมีหมอโหรหรือหมออะไร ทำนายว่าเด็กคนนี้มีบุญนะ สามารถที่จะ อวยชัยให้พรแก่คนร่ำรวยมั่งมีได้ พอได้ยินหมอดูหมอเดาเขาพยากรณ์อย่างนี้นะ ก็หลั่งไหลกันไป ขอลาภขอยศอะไรต่ออะไร กันมากมาย อันนี้แหละเรียกว่ามงคลตื่นข่าว
เพราะฉะนั้นพวกเราอย่าไปตื่นเต้นกัน ไอ้กาย วาจา ใจ ของเรานี่นะ อันนี้เป็นบ่อเกิดแห่งบุญแห่งบาป ขอให้เข้าใจอย่างนั้น ความจริงน่ะเราได้ อัตตภาพร่างกายนี้มาโดยสมบูรณ์ ไม่บ้า ไม่หนวก ไม่บอด อวัยวะทุกส่วนสมบูรณ์ บริบูรณ์ดี อันนี้ได้มาด้วยบุญ เราทำบุญให้ทาน รักษาศีล ไม่เบียดเบียนคนอื่น สัตว์อื่นมาแต่ชาติก่อน บุญเหล่านั้นนำมาปฏิสนธิในท้องของมารดา อาศัยธาตุของ มารดา บิดา อยู่ แล้วบุญกุศลที่ทำมาแต่ก่อนนั้นแหนะ ก็มาตกแต่งตาหู จมูกลิ้นกาย อวัยวะน้อยใหญ่ต่างๆ ให้ ไม่พิกลพิการอะไรเลย อย่างนี้นะ นี้ละบุญนะ บุญตกแต่ง ให้ ให้พากันภาคภูมิใจว่าเราได้ อัตภาพร่างกาย คือว่าธาตุสี่ขันธ์ห้านี้มาด้วยบุญ แล้วเราก็อาศัยธาตุสี่ขันธ์ห้านี้แหละ สร้างบุญสร้างกุศล ไม่ทำบาปบาปไม่เอา
ที่มา
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_hrien/lp-hrien_13.htm