กระดานสนทนาวัดบางพระ
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
กระดานสนทนา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานสนทนาวัดบางพระ
»
หมวด เส้นทางสายบุญ
»
เส้นทางสายบุญตามภาคต่างๆ ของไทย และเส้นทางสายบุญในต่างประเทศ
»
เส้นทางสายบุญภาคกลางและภาคตะวันตก
»
วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร (อ่าน 10467 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ธรรมะรักโข
มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
อัฏฐมะ
กระทู้: 749
เพศ:
ผู้รักษาธรรม
วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
เมื่อ:
11 ธ.ค. 2552, 03:48:40 »
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร
(หลวงพ่อทองคำ)
วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพฯ
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือ หลวงพ่อทองคำ
เป็นพระพุทธรูปทองคำที่ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสส์บุ๊ก พ.ศ.๒๕๓๔
(THE GUINNESS BOOK OF WORLD RECORDS 1991)
ว่าเป็น พระพุทธรูปทองคำแท้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
มีมูลค่าสูงกว่า ๒๑ ล้านปอนด์ แต่คุณค่าแห่งพลังศรัทธา
ในจิตใจของพุทธศาสนิกชนนั้น มูลค่าใดๆ ก็มิอาจจะเทียบเทียมได้
ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ ณ พระวิหาร วัดไตรมิตรวิทยาราม
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ในพระอิริยาบถนั่งสมาธิราบ
พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางเหนือพระชานุ
ปลายพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี หน้าตักกว้าง ๖ ศอก ๕ นิ้ว หรือมากกว่า ๒.๕๐ เมตร
ความสูงจากพระเกตุมาลาถึงฐานทับเกษตร (ฐานที่รองรับพระพุทธรูป)
๗ ศอก ๑ คืบ ๙ นิ้ว หรือประมาณ ๓.๐๔ เมตร ๑๐ ฟุต
มีน้ำหนักประมาณ ๕.๕ ตัน หรือ ๕,๕๐๐ กิโลกรัม
นักประวัติศาสตร์ชี้ว่า เป็น พระพุทธรูปทอง ในวิหารวัดมหาธาตุ กรุงสุโขทัย
ที่อ้างถึงในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
บรรทัดที่ ๒๓-๒๗ มีข้อความปรากฏดังนี้
กลางเมืองสุโขทัย มีพิหาร มีพระพุทธรูปทอง มีพระอัฏฐารส มีพระพุทธรูป
มีพระพุทธรูปอันใหญ่ มีพระพุทธรูปอันราม มีพิหารอันใหญ่ มีพิหารอันราม
ข้อความดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในสมัยสุโขทัยมีการก่อสร้างพระวิหาร
พระพุทธรูปปูนปั้น โลหะ และทองคำ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง
ดังปรากฏเป็นหลักฐานประติมากรรมสมัยสุโขทัยที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
จึงสันนิษฐานได้ว่า
หลวงพ่อทองคำน่าจะถือกำเนิดในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ก่อนปี พ.ศ.๑๘๒๖ อันเป็นพุทธศักราชที่ทรงประดิษฐ์ตัวอักษรไทย
หากนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันปี พ.ศ.๒๕๕๐
ในสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑
ทรงมีพระบรมราชโองการให้อัญเชิญพระพุทธรูปตามวัดร้างต่างๆ
ที่สุโขทัยมาประดิษฐานไว้ที่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์
รวมจำนวนได้ ๑,๒๔๘ องค์ รวมทั้ง หลวงพ่อทองคำ ด้วย
ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในสภาพพอกปูนปั้นหุ้มทั้งองค์ ดูเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นธรรมดา
ต่อมาปี พ.ศ.๒๓๔๔ ได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธาน
ใน วัดพระยาไกร หรือวัดโชตินาราม อันเป็นวัดที่
พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน ไกรฤกษ์) สร้างถวายเป็นพระอารามหลวง
ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ.๒๔๗๕
ต่อมา วัดพระยาไกรชำรุดทรุดโทรม บริษัทอีสต์เอเซียติกได้มาขอเช่า
จัดสร้างโรงเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชำรุดทรุดโทรม
ของวัดออกจนเหลือแต่พระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่
ขณะนั้น วัดสามจีน หรือที่ต่อมาเป็น วัดไตรมิตรวิทยาราม แห่งนี้
กำลังบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ และเห็นว่าจะทิ้งพระพุทธรูปไว้เช่นนั้น
ไม่เหมาะสม จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๗๘
เล่ากันว่าอาจจะด้วยปาฏิหาริย์ที่หลวงพ่อทองคำท่านคงจะเลือกประดิษฐานอยู่ที่นี่
เพราะมีหลายครั้งที่วัดวาอารามในต่างจังหวัดได้ทำการขอพระพุทธรูป
จากวัดต่างๆ ในส่วนกลางมาหลายครั้ง และองค์หลวงพ่อทองคำก็ได้ถูกยกให้
ทางวัดต่างๆ หลายครั้งเช่นกัน แต่ก็ไม่มีวัดไหนอัญเชิญไปสักที
บางวัดตัดสินใจรับที่จะอัญเชิญไปแล้ว แต่ในที่สุดก็ติดปัญหาต่างๆ จนมิได้อัญเชิญไป
การก่อสร้างใช้เวลาถึง ๒๐ ปี จึงแล้วเสร็จในวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๘
ทางวัดได้ประกอบพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปปูนปั้นองค์นี้ขึ้นไปประดิษฐาน
บนพระวิหารที่สร้างขึ้นใหม่ ขณะทำการโยกย้ายอัญเชิญองค์พระซึ่งมีน้ำหนักมาก
ก็เกิดอุบัติเหตุ เชือกลวดสะลิงที่ยกองค์พระลอยขึ้นจากพื้นเกิดขาด
องค์พระตกกระแทกพื้น ขณะนั้นเป็นช่วงค่ำและฝนตกหนัก การอัญเชิญหยุดชะงักลง
ตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น พระวิสุทธาธิบดี (ไสว ฐิตวีโร) เจ้าอาวาส
ขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็น พระวีรธรรมมุนี ได้มาตรวจตราดูองค์พระ
สังเกตเห็นปูนตรงพระอุระแตกเป็นรูกว้าง มองเห็นเนื้อทองคำจับตา
เมื่อกะเทาะปูนและลอกรักที่หุ้มออก พบว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์
ที่มีพระพุทธลักษณะงดงามสุกปลั่งขนาดใหญ่มหึมาเช่นที่เห็นในปัจจุบัน
และยังพบ กุญแจกล ซ่อนอยู่บริเวณฐานทับเกษตร ที่สามารถใช้ไขถอด
หรือแยกองค์พระออกได้เป็น ๙ ส่วนด้วยกัน อันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทย
ที่ทำไว้เพื่อให้สะดวกในการเคลื่อนย้ายได้เมื่อยามจำเป็น
และยังมีทองคำเนื้อเดียวกันบางส่วนสำรองไว้ที่ใต้ฐานองค์พระ
เพื่อไว้สำหรับเชื่อมต่อเมื่อประกอบให้เป็นเนื้อเดียวกัน
นับเป็นความรอบคอบของบรรพบุรุษผู้สร้างเป็นอย่างยิ่ง
ทางวัดจึงได้ถอดหรือแยกองค์พระออกเป็นสี่ส่วน แล้วอัญเชิญขึ้นไป
ประดิษฐานบนพระวิหาร แรกๆ เรียกว่า พระสุโขทัยไตรมิตร
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร ตามลักษณะของพระพุทธรูป
แต่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกพระองค์นี้ว่า หลวงพ่อทองคำ มาจนปัจจุบัน
หลวงพ่อทองคำ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยเชื้อสายจีน
ที่อาศัยอยู่แถวเยาวราชมาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ ยังเป็นเอกลักษณ์อันยิ่งใหญ่เคียงคู่ชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีนอีกด้วย
หลวงพ่อทองคำ มีพระพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก
สมดังที่ได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นรูปแบบของศิลปกรรมสุโขทัยยุครุ่งเรือง
ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความวิจิตรอ่อนช้อยกว่าสกุลช่างยุคใด
ขนาดและน้ำหนักทองคำขององค์หลวงพ่อสะท้อนความสามารถอันฉลาดลุ่มลึก
ของฝีมือช่าง ทั้งด้านการออกแบบ ศิลปกรรม การปั้นหล่อ
เป็นหนึ่งในมรดกทางอารยธรรมล้ำค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาคู่ผืนแผ่นดินไทย
แบบจำลอง พระมหามณฑป วัดไตรมิตรวิทยาราม สถานที่ประดิษฐาน
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร แห่งใหม่ หลังจากสร้างเสร็จสมบูรณ์
พระอุโบสถวัดไตรมิตรวิทยาราม
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก...http://www.agalico.com
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
aeara
ฉัฏฐะ
กระทู้: 32
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #1 เมื่อ:
11 ธ.ค. 2552, 03:54:21 »
คิดถึงบรรยากาศเก่าๆจัง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
job@love
เด็กวัด
กระทู้: 793
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #2 เมื่อ:
11 ธ.ค. 2552, 04:26:49 »
กราบพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากรด้วยตวามเคารพ
หลวงพ่อทองคำผ่านสงครามผ่านร้อน-หนาว มา700กว่าปี
เหมาะสมแล้วที่สร้างพระมหามณฑป ประดิษฐาน หลวงพ่อทองคำ
เห็นว่าสร้างแล้วเสร็จเกือบ 100%
ยังไม่มีโอกาศขึ้นไปเลย
ปล. คิดถึง ต.ว. 100ปี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
"สุญญตา"
"มีชีวิตโดยไม่มีตัวตน หรือ การมีตัวตนซึ่งมิใช่ตน"
รุท หมัดหนักครับ
สัตตมะ
กระทู้: 2312
เพศ:
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #3 เมื่อ:
11 ธ.ค. 2552, 06:40:54 »
วัดสวยงามมากครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
รักและศรัทธา
job@love
เด็กวัด
กระทู้: 793
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #4 เมื่อ:
16 ธ.ค. 2552, 09:28:40 »
ขออณุญาติ ท่านธรรมะรักโข ครับ
จากการสอบถาม พระสงฆ์ที่วัดไตรมิตรมาครับ
จะมีพิธีสมโภชพระมหามณฑป เร็วๆนี้
เห็นท่านบอกวันที่ 24 ( 28;ลืมถามเดือนครับ)
คาดว่าจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบและเยี่ยมชมได้ในช่วงตรุษจีน 2553
ภาพสดขณะเตรียมความพร้อมวันที่15 ธันวาคม 2552(กล้องมือถือ)
ภาพวันที่22 กันยายน 2551(เวปพลังจิต)
ภาพวันที่22 กันยายน 2551(เวปพลังจิต)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
ธรรมะรักโข
มีสติ...กำหนดรู้...อยู่ที่จิต
อัฏฐมะ
กระทู้: 749
เพศ:
ผู้รักษาธรรม
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #5 เมื่อ:
16 ธ.ค. 2552, 10:25:59 »
ขอขอบคุณ...ท่าน job@love ที่นำข่าวอัพเดทมาฝาก ขอโมทนาสาธุ...ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
~เสน่ห์ack01~
ผู้คุมกฎ
กระทู้: 5330
เพศ:
" ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก"
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #6 เมื่อ:
16 ธ.ค. 2552, 11:49:04 »
ขอบคุณท่านจ๊อบครับสำหรับข่าวล่าสุด
ช่วงปีใหม่ไปไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือแล้ว
อาจได้ไปกราบท่านครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
ทำบุญ วันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
วันอาทิตย์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
yout
อัฏฐมะ
กระทู้: 1742
เพศ:
ตอบ: วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร
«
ตอบกลับ #7 เมื่อ:
16 ธ.ค. 2552, 12:10:45 »
ขอบคุณครับที่นำมาให้ชมครับ..........
.................
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
ส่งหัวข้อนี้
พิมพ์
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
กระดานสนทนาวัดบางพระ
»
หมวด เส้นทางสายบุญ
»
เส้นทางสายบุญตามภาคต่างๆ ของไทย และเส้นทางสายบุญในต่างประเทศ
»
เส้นทางสายบุญภาคกลางและภาคตะวันตก
»
วัดไตรมิตรวิทยาราม กรุงเทพมหานคร