ใกล้จะออกพรรษาแล้ว...
ทบทวนแผนงานที่วางไว้ว่าจะทำในพรรษานี้
ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีตามที่ตั้งเป้าวางแผนงานไว้
ซึ่งเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของพระและญาติโยม
งานฝ่ายก่อสร้างก็สำเร็จและรุดหน้าไปเกินเป้าที่ตั้งไว้
งานฝ่ายวัตถุมงคลก็เสร็จก่อนกำหนดที่ตั้งไว้และได้เพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง
ปัจจัยค่าใช้จ่ายในงานก่อสร้างและใช้จ่ายในวัดก็ไม่มีติดขัดผ่านไปได้ด้วยดี
ส่วนกฐินพรรษานี้ก็มีผู้มาจองเป็นเจ้าภาพพระที่อยู่จำพรรษาก็จะได้รับอานิสงค์กฐิน
งานด้านการเกษตรก็ไปได้ด้วยดีต้นไม้ที่ปลูกไว้เจริญงอกงามโตขึ้นเยอะไม่เสียหาย
พืชผักที่ปลูกไว้เช่น พริก ข่า ตะไคร้ มะเขือ มะละกอ ต้นแค ต้นมะกรูด ก็ให้ผลผลิต
ส่วนพืชผักที่จะปลูกใหม่ญาติโยมได้เอารถไถมาปรับที่ยกร่องเตรียมดินเพาะต้นกล้าเรียบร้อยแล้ว
ส่วนการปฏิบัติธรรมนั้นก็ได้ทำต่อเนื่องมาตลอดไม่มีอุปสรรคและปัญหา มีความก้าวหน้าและเจริญในธรรม
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านไปด้วยดีนั้นเพราะอาศัยหลักธรรมคือ" อิทธิบาท ๔"มาเป็นแนวทางในการทำงาน
"อืทธิบาท ๔"คือทางสู่ความสำเร็จซึ่งต้องอาศัยเหตุและปัจจัย ๔ ประการคือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ฉันทะคือความพึงพอใจในสิ่งที่จะกระทำ ทำในสิ่งที่รัก ทำในสิ่งที่ชอบที่ประกอบไปด้วยกุศลผลย่อมออกมาดี
เพราะใจเรามีความพึงพอใจไม่ได้ฝืนทำ เมื่อได้ทำในสิ่งที่รักที่ชอบก็จะเกิดความเพลิดเพลิน ไม่เบื่อหน่าย
วิริยะคือความเพียรพยายามลงมือกระทำในสิ่งที่หวังและตั้งใจไว้ ฉันทะคือความพึงพอใจที่อยู่ภายในความรู้สึกนึกคิด
เป็นนามธรรม วิริยะ คือการลงมือกระทำให้ความคิดนั้นเป็นรูปธรรมขึ้นมา ไม่อยู่กับความฝันและจินตนาการ
จิตตะ คือความใส่ใจทำไปอย่างต่อเนื่องไม่ทอดทิ้งธุระเลิกล้มเสียกลางคัน อาศัยขันติความอดทนมาเป็นที่ตั้ง
ไม่ท้อแท้ท้อถอยเมื่อเจออุปสรรคหรือปัญหา ความลำบากทางกายทั้งหลาย เราก็จะไม่ทอดทิ้งในสิ่งที่เราทำอยู่
วิมังสา คือการหมั่นทบทวนใครครวญพิจารณา ดูความก้าวหน้าและความเสื่อมถอย ว่ามันมาจากสาเหตุอะไร
อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้มันเป็นเช่นนั้น คือติดตามตรวจดูผลงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น
หรือเกิดขึ้นแล้วจะได้แก้ไขให้ทันท่วงที ไม่ปล่อยให้ปัญหานั้นมันหมักหมม เป็นดินพอกหางหมูหรือบานปลาย
ลุกลามต่อไปจนเกินจะแก้ไขหากเราปล่อยทิ้งไว้นานเกินไป ซึ่งมันจะมีผลกระทบกับสิ่งอื่นๆรอบข้างได้
และอาจจะทำให้ระบบที่ตั้งไว้นั้นเสียไป เราจึงต้องใส่ใจคอยตรวจดูความแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา
นี่คือหลักธรรมที่เรียกว่า"อิทธิบาท ๔"อันเป็นองค์ประกอบนำไปสู่ความสำเร็จเป็นหลักธรรมในการทำงาน
ซึ่งใช้ได้ทั้งในทางโลกและทางธรรม อยู่ที่การนำมาปรับใช้ให้เมาะสมกับจังหวะเวลาโอกาศสถานที่และตัวบุคคล....
....กลางวันทำงานโยธากรรมฐานตามปกติ
ปรับสถานที่รอบศาลาหอพระหอธรรมนำญาติโยมช่วยกันทำงาน
คอยให้กำลังใจ ให้ญาติโยมได้เห็นหน้า พูดจาสนทนากับญาติโยมที่มาช่วยงาน
นำโยมไปปรับที่ ไถที่ เตรียมดินยกร่องที่จะปลูกผัก ชวนพระเอาต้นไม้ไปปลูกรอบวัด
ตอนเย็นญาติโยมลากลับ ก็ลงไปกวาดวิหารและลานวัด ทำกิจวัตรของสงฆ์ต่อไป
ทำวัตรสวดมนต์เย็นเสร็จก็กลับขึ้นศาลา เขียนยันต์ อักขระคาถาลงตะกรุด ไว้แจกจ่ายญาติโยม
จนถึงเที่ยงคืนจึงลงไปเดินจงกรม นั่งสมาธิ อธิษฐานจิต วัตถุมงคลในพระอุโบสถ
จนถึงเวลาประมาณตีสามกว่าๆจึงได้พักผ่อนจำวัตร นอนกำหนดกายคตาดูกายจนหลับไป
:059:แด่หลักธรรม"อิทธิบาท ๔"ที่นำมาสู่ความสำเร็จในวันนี้
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๓ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๗.๒๐ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย