ผู้เขียน หัวข้อ: ยันต์รูปเสือ...มหาอำนาจ  (อ่าน 10521 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ นาย วัชรพล น้ำใจดี(###เปียกปูน###)

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 433
  • เพศ: ชาย
  • ***มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุระนารี***
    • MSN Messenger - w_nai2525@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sut.ac.th/sutweb/index.html
    • อีเมล
ยันต์รูปเสือ...มหาอำนาจ
« เมื่อ: 31 ม.ค. 2549, 03:24:28 »
ยันต์รูปเสือ...มหาอำนาจ !

 จุดประสงค์การทำผ้ายันต์ ซึ่งเดิมจะสร้างโดยใช้อักขระเลขยันต์ ไปประกอบ กับภาพองค์เทพต่างๆ ที่มีความเชื่อว่าจะบันดาลความสมบูรณ์พูนสุขแก่เราได้ เช่น ภาพพระพรหม อิศวร นารายณ์ หนุมาน นางกวัก และภาพสัตว์ที่มีพลังอำนาจในตัวของมัน เช่น เสือ ราชสีห์ ลิง กระทิง ฯลฯ

ผ้ายันต์ที่มีภาพเสือ หรือ หนุมาน หรือภาพเทพต่างๆ พระเกจิอาจารย์ จะนำเอาอักขระ เลขยันต์ มาประกอบเขียนกำกับ เพื่อให้ดูแล้วดี มีสง่า มีความขลังขึ้น พร้อมด้วยตัวคาถาอาคม เสริมเข้าไปในรูปภาพนั้น ทำให้เกิดความขลัง เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล หากมีความศรัทธา มีความเชื่อมั่นจริง พลังจิตต่างๆ ที่ได้รับการบรรจุ เจริญภาวนาด้วยสมาธิจิตชั้นสูง ย่อมมีผลพุทธคุณปรากฏ ดังที่พระเกจิอาจารย์ดังๆ ได้สร้างภาพหรือผ้ายันต์ที่เป็นรูปภาพต่างๆ

การวาดภาพเสือลงบนผ้ายันต์ของพระเกจิอาจารย์ในอดีต ซึ่งได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบันมีอยู่หลายรูป เช่น หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส (วัดบางเหี้ย) จ.สมุทรปราการ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม หลวงพ่อมี วัดพระทรง จ.เพชรบุรี หลวงพ่อวงศ์ วัดปริวาศ ยานนาวา กทม. หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ฯลฯ

วิธีการทำเสือของหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส นั้น ท่านได้นำเขี้ยวเสือมาแกะเป็นรูปเสือ หลังจากนั้น ได้ใช้ยันต์พระยาเสือลงกำกับ พร้อมกับบริกรรมพระคาถายันต์พระยาเสือ "พุทธะเสฏโฐมหานาถัง วัณณะโก สิงหะนาทะกัง พุทธะสิระสาเตเชนะ มาระเสนา ปะราเชยยัง เชยยะภะวันตุเม" เสก ๑๐๘ คาบ

ขณะวาดภาพเทวดา (องค์เทพ) หรือภาพสัตว์ต่างๆ ต้องบริกรรมภาวนาพระคาถาเรียกธาตุใหญ่ นะโมพุทธายะ ธาตุ ๔ นะมะพะทะ ต้องเรียกธาตุเหล่านั้นจำเป็นมาก พร้อมด้วยอาการ ๓๒ ไม่ว่าจะเป็นเสือ ราชสีห์ หรือหนุมาน ก็เหมือนกัน ทิ้งไม่ได้ แล้วสุดท้ายมีเป็นรูปสำเร็จแล้ว

นอกจากนี้แล้วการเบิกพระเนตร ทำอักขระเลขยันต์ หัวใจ มาเขียนในผ้ายันต์ หรือภาพที่เขียนขึ้นมาประกอบการภาวนาคาถาอาคมตามตำรา ซึ่งอาจารย์ผู้มอบหมายให้ภาวนา แต่ละพระเกจิอาจารย์ย่อมแตกต่างกันไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่ใช้หลักอย่างเดียวคือ หลักสมาธิจิต และกำหนดจิต ภาวนาให้ครบคาบที่กำหนด เช่น ๑๐๘ คาบ บูชาครูอาจารย์

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่พระเกจิอาจารย์ยุคก่อนให้ความสำคัญอยู่ไม่น้อยคือ การดูฤกษ์ยามวันให้ดี เพื่อวาดภาพหรือเสกผ้ายันต์นั้นๆ ลงไป เช่น เสือควรจะใช้วันอังคาร (ปีขาลได้ยิ่งดี) เดือน ๕ วันขมังเวท

สำหรับความเชื่อเรื่องเสือนั้น มีความเชื่อว่าเป็นสัตว์มหาอำนาจและบารมี ขณะเดียวก็มีความเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่สามารถนำโชคลาภมาสู่ผู้ที่บูชาได้เช่นกัน โดยได้รับอิทธิพลจากคติความเชื่อของชาวจีน เช่น การบูชากราบไหว้ศาลเจ้าพ่อเสือ

ส่วนความเป็นมาของการเขียนภาพสัตว์ลงในผ้ายันต์นั้น น่าจะได้อิทธิพลมาจากภาพในวรรณคดี เช่น รามเกียรติ นอกจากนี้แล้วยังเกิดจากจินตนาการว่า คงจะเป็นอย่างที่เราต้องการได้ เรื่องความปลอดภัย และการป้องกันตัว โดยคิดว่าภาพต่างๆ นั้นมีความหมาย ตามแต่จะคิดหรือแนวมโนทัศน์ เช่น ภาพเสือ ช้าง กระทิง หมู สิงห์ โดยสอดแทรกเวทมนต์คาถาบริกรรมภาวนา กลัวน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ตามที่เราต้องการ แต่เกจิจะต้องมีสมาธิจิตสูง และบวกกับคาถาพระเวทอาคมต่างๆ เสริม

ถ้าไปขณะที่ภาวนาบรรจุกระแสจิตเข้าสู่ภาพนั้นๆ ด้วยสมาธิที่แนวแน่ เป็นหนึ่งเดียวได้ ย่อมบังเกิดความขลัง เป็นที่ทราบกันอยู่แล้ว กระแสจิตของมนุษย์เรานี้ สามารถที่จะแผ่ซ่านออกไปจากร่างกายได้ จะโดยกระแสจิตที่เป็นไปโดยธรรมชาติ หรือโดยการฝึกฝน บังคับมุ่งเจตนาส่งออกไปหรือบรรจุสู่วัตถุมงคลต่างๆ ทั้งนี้ ด้วยสมาธิที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี คือ มีญาณหรืออภิญญาต่างๆ ทั้งนี้เกจิแต่ละท่านจะมีความสูงหรืออำนาจต่างๆ กัน ประกอบด้วยด้านเมตตา ด้านแคล้วคลาด และด้านคงกระพัน

ความขลังของผ้ายันต์นั้น นอกจากเกิดจากอักขระเลขยันต์แล้ว ยังเกิดจากการบริกรรมภาวนาคาถาอาคม ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ แผ่ลงบนผืนผ้า จิตนั้นให้เป็นไปทางใดก็สุดแต่ เวทมนต์คาถาที่บริกรรม ภาวนา จะโน้มน้าวให้เป็นไป

กระแสจิตของมนุษย์ที่แผ่ออกไปนี้ แบ่งออกไปได้ ๒ ประการ คือ

๑.กระแสที่เป็นไปตามธรรมชาติ โดยมิได้เจตนาจะให้เป็นไป และ ๒.กระแสที่แผ่ซ่านออกไปโดยการฝึกฝน บังคับมุ่งเจตนาส่งออกไป (ทั้งนี้ เป็นไปด้วยการหัดทำสมาธิ) ทั้งกระทำโดยตรงถึงตัว หรือกระทำโดย มโนคติ

การได้อิทธิฤทธิ์จากวิชาคาถาอาคมที่รวมตัวเป็นจิตตานุภาพ หรืออำนาจแฝงอานุภาพพระเวท วิทยาคมจะสำแดงเดช ต่อเมื่อ

๑.จิตมั่นในอานุภาพ พระเวท อักขระยันต์ต่างๆ วิทยาคมต่างๆ ให้อุดมบริบูรณ์ด้วย ฉันทะศรัทธาจริงๆ

๒.หมั่นพากเพียร ท่องบ่นศึกษาในบทมนตราให้ช่ำชองจนคล่องปาก

๓.บริกรรมคาถาแต่ละครั้ง ให้พระเวทหยั่งรากลึก แผ่ซ่านไปทั่วกายใจ มั่นคง กระทำเป็นกิจนิสัย เป็นประจำ

๔.เพ่งจิตอธิษฐานปักลงไป จะให้อิทธิฤทธิ์เกิดผลแขนงใด ให้บังเกิดและปรากฏเป็นมงคลจริงๆ จึงจะได้รับผลสมความปรารถนาที่จิตตั้งใจเอาไว้

 

คาถาบริกรรมระหว่างวาดภาพเทพและสัตว์
การวาดภาพลงบนผ้ายันต์นั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพขององค์เทพ สัตว์พาหนะของเทพ และสัตว์มหาอำนาจต่างๆ พระเกจิอาจารย์โบราณได้ภาวนาพระคาถา ดังนี้

๑.ธาตุ ๔ : นะมะพะทะ

๒.ธาตุใหญ่แม่ธาตุ : นะโมพุทธายะ

๓.ขณะวาดภาพภาวนาอาการ ๓๒ (เป็นคงกระพัน) :

เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ

นะหารู อัฏฐิ อัฏฐิมิญชัง (อัฏฐิ มิญชัง)

วักกัง หะทะยัง กิโลมะกัง ปิหะกัง

ปัปผาสัง อันตัง อันตะคุณัง

อุทะริยัง (อุทะริยัง) กะรีสัง ปิตตัง

เสมหัง ปุพโพ โลหิตัง เสโท

เมโม อัสสุ วะสา เขโฬ

สิงฆานิกา ละสิกา มุตตัง

มัตถะเก มัตถะลุงคันติ (หรือ มัตถะเกมัตถะลุงคัง)
 

*** คิดดี ทำดี พูดดี สิ่งดีๆ ต่างๆ ก็จะทำให้เราได้ดี***
     คนเราจะดีได้...ต้องทำที่ชั่วให้ดีก่อน
     ที่ดีอยู่แล้ว อย่าไปทำราย...

ออฟไลน์ NaMaPaTa

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 90
  • เพศ: ชาย
  • { ลูกหลวงพ่อบ้านแหลม }.....(((ศิษฐ์หลวงพ่อเปิ่น)))
    • MSN Messenger - SIT1802@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: ยันต์รูปเสือ...มหาอำนาจ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 12 ก.พ. 2549, 04:10:56 »
 ??? ??? ??? ???
อิติปิโสวิเสเสอิ�� � � อิเสเสพุทธะนาเมอิ
อิเมนาพุทธะตังโสอิ� � � อิโสตังพุทธะปิติอิ