แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - romulus

หน้า: [1]
1
ไม่ทราบว่ามีการจัดสร้างจริงๆหรือป่าวครับ เห็นเขาลงกันว่า ไตรมาส44 ก็อยากจะมีกับเขาบ้าง

  

ขอบพระคุณล่วงหน้า สำหรับข้อมูลและความรู้ครับผม

2
ขอบคุณมากครับผม

3
ไม่ทราบว่ารุ่นไหน ปีไหน และออกวัดไหนครับ
ด้านหลังเป็นรูป ร.5 และมีเส้นเกศา เล็บและจีวรด้วยครับ

4
ของผมก็สายสาลีโขครับ

เหรียญหลวงปู่เผือก(ขี่สิงห์) รุ่นแรกวัดสาลีโข
เหรียญรุ่น2นั่งธรรมาสน์ พิมพ์ใหญ่ปี14
นาคปรก ปี14
ชัยวัฒน์ ปี14
สีหบรรลือพิมพ์ใหญ่ ปี34
เหรียญข้าวหลามตัดหลวงปู่เอี่ยม หลังยันต์เล็ก

ตะกรุดบ้าง
ตะกรุดโทนสมเด็จพระนเรศวร รุ่น1 ปี12
ตะกรุดโทนมหาระงับ รุ่น1 ปี 23
ตะกรุดโทนมหาจักรพรรตาธิราช ปี25
ตะกรุดหัวใจอริยสัจจ์โสฬสมงคล ปี25
ตะกรุดมหาบุรุษแปดจำพวก ปี25
ตะกรุดอะระหังสุขโตภควา ปี25

เครื่องรางอื่นๆ
ถุงเงินถุงทองมหาเศรษฐี รุ่น1และ2(สร้างที่พุทธอุทยานฯ)พกติดกระเป๋าทุกวัน
แหวนนารายณ์ปราบไตรภพ ใส่บ้างไม่ใส่บ้าง
สีผึ้งนานๆทาครั้ง(กลัวหมด :095:)

5
 ความเชื่อเรื่องเบญจเพศ ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพราหมณ์ เหมือนเช่นหลายหลากความเชื่อของไทยมีได้มาจากพราหมณ์
ศาสนาพราหมณ์นั้นเขาจะแบ่งช่วงชีวิตของคนเราเป็นวัยต่างๆ คือ

๑-๘ ปี นับเป็นกุมาร

๙–๑๖ นับเป็นทารกวัย (วัยรุ่น)

๑๗–๒๕ นับเป็นมาณพ (วัยหนุ่ม)

ชายใดใช้ชีวิตมาถึงปีที่ ๒๕ ตามภาษาของคัมภีร์พฤติศาสตร์เรียก ‘ต้องเบญจเพส’
หมายถึงการเข้าถึงฝ่ายโชคและเคราะห์อันแรงกล้า ส่วนจะเป็นโชคหรือเป็นเคราะห์ก็ต้องดูว่าลงล็อกใดใน
‘เพส ๕’ อันได้แก่เทวะ มนุษย์ เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย

หากดวงตกเทวะก็ได้ลาภยศ

หากดวงตกมนุษย์ก็ปานกลางไม่ดีไม่ร้าย

หากดวงตกเดรัจฉานก็ป่วยหนัก

หากดวงตกเปรตก็ถึงตาย

หากดวงตกอสุรกายก็อาจพิกลพิการ เป็นต้น

ดูจากตรงนี้ใช่แปลว่า ๒๕ หมายถึงซวยหนัก แต่อาจเป็นเฮงระเบิดก็ได้ ทว่าพูดกันทีไร ก็จะว่าเบญจเพสคือปีซวยท่าเดียว

สรุปคือเบญจเพสเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำนายทายทัก ปีที่ ๒๕ เป็นปีแรงได้ทั้งด้านบวกหรือด้านลบ ก็ได้

ว่าตามหลักกรรมวิบาก ความจริงก็คือทุกปีคนเราก็มีเรื่องดีและไม่ดีได้ตลอดอยู่แล้ว

แล้วแต่ว่าใครทำมาอย่างไร อดีตกรรมวางแผนให้เราได้รับผลตามล็อกเวลาไว้เฉพาะตน

นั่นหมายความว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ได้ลาภทุกปี แล้วก็สุ่มเสี่ยงกับการตายได้ไม่เว้นวัน

นับแต่จันทร์ถึงอาทิตย์ ใครหยุดราชการ มัจจุราชท่านไม่หยุดด้วย

ใครเชื่อว่ามีสิทธิ์ตายเฉพาะเบญจเพส มัจจุราชท่านไม่เชื่อด้วย

เบญจเพสเป็นเพียงการช่วยกันลือ ไม่มีที่มาที่ไปแบบพุทธเอาเลย

สิ่งที่คุณควรพะวงไม่ใช่ปีเบญจเพสควรสะเดาะเคราะห์อย่างไร

แต่ควรสำรวจตรวจตราดีๆว่าทุกวันนี้ใช้ชีวิตบนวิถีบุญน้อยไปหรือเปล่าต่างหาก

ถ้าทำความดี ทำบุญทุกวัน ถึงจะต้องตาย ก็ไม่มีอะไรให้เสียใจครับ เพราะทำชีวิตให้มีที่สุดแล้ว

แล้วถ้าเกิดไม่ตาย ความดีที่ทำก็หนุนนำให้เรา สุขใจ เพราะใจสุข ทำงานทำการอะไร ก็แฮปปี้ แน่นอนครับ

Copy มานานแล้วจากเว็บไหนสักที่นะครับลืมไปแล้ว

7
canon 550D,60D,7D
lens macro 100 สักตัว

แล้วแต่งบประมาณและความชอบครับ

8
เหมือนกันกับในข่าวทั้งหลายทั้งปวงแหละครับ

แขวนพระเครื่องเกจิชื่อดังเต็มคอ โดนยิงทำไมตาย

ผมว่าทั้งนี้ทั้งนั้นสืบเนื่องมาจากผลกรรมของเราๆท่านๆทั้งหลาย มากน้อยต่างกัน

" ลูกเอ๋ย  ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด  เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง  คือ  บารมีของตน  ลงทุนไปก่อน  เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอจึงค่อยขอยืมบารมีคนอื่นมาช่วย  มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอดเพราะหนี้สิน  ในบุญบารมีที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว ... เมื่อทำบญทำกุศลได้บารมีมา  ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด  ไม่มีอะไรเหลือติดตัว... แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า  หมั่นสร้างบารมีไว้ .. แล้วฟ้าดินจะช่วยเอง..!"

" จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา  เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้....  ครั้นถึงเวลา  ทั่วฟ้าจบดิน  ก็ต้านเจ้าไม่อยู่ ... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน   เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย  จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า ..."

9
ผมก็ได้ จากหลวงพ่อพันธ์ มาอ่ะคับ
ไม่ทราบว่าหลวงพ่อพันธ์ วัดใดครับ

นำรูปด้านหลังมาให้ชมต่อครับ ช้าไปนิด





10
ไม่ทราบว่าเกจิองค์ใดปลุกเสกบ้างครับ รบกวนข้อมูลหน่อยครับ อยากเก็บบ้าง ขอบคุณครับ
เท่าที่ทราบนะครับ
พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขันธ์
หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง
หลวงพ่อเสือดำ
และศิษย์หลวงพ่อ อีกประมาณ สี่รูปครับ

ขออภัยครับ
โอ๊ย..หัวใจละลายครับ อยากได้จัง ทางวัดทำออกมาเพื่อให้เช่าบูชาหรือเปล่าครับ

ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล

ออกบูชาครับ แต่หมดแล้วครับ ภายในไม่ถึงอาทิตย์ครับ

ด้านหน้าเหรียญ ล้อพิมพ์มาจากรุ่นแรกครับ
ด้านหลังเหรียญ เป็นรูปหลวงพ่อสมภพครับ ไว้จะลงด้านหลังเพิ่มครับ

11
วันนนี้ขออณุญาติโชว์ครับผม
หลวงปู่เผือก วัดสาลีโข พิธีพุทธาภิเษก 19 สิงหาคม ๒๕๕๓ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๙
แคะกระปุกบูชามาครับ
  

12
แจ้งความก็ดีนะครับ
ถ้ากล้องจาก 7 มาถึงก็ดี หรือถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นเรื่องทะเบียนรถก็ดีนะครับ

แต่ปลอดภัยก็โอเคแล้วครับ

13
เท่าที่ทราบน่าจะเป็นพระบัวเข็มครับ..รู้สึกว่าท่านก็คือ พระอุปคุตนั่นเอง สำหรับสาเหตุที่แช่น้ำนั้น..
เท่าที่ลองหาข้อมูลมาก็พบอันนี้ครับ

การตั้งบูชาพระบัวเข็ม นิยมการตั้งบูชาบนฐานรองรับ อยู่กลางภาชนะใส่น้ำ เป็นการจำลองคล้ายกับ
ท่านจำพรรษาอยู่ในมหาสมุทร แล้วใช้ดอกมะลิลอยในน้ำบูชา และต้องตั้งต่ำกว่าพระพุทธ เนื่องจาก
เป็นพระอรหันต์ สาวกของพระพุทธเจ้า

คำบูชาพระบัวเข็ม

นโม ๓ จบ

กิจจะมาคะอุปคุตโต อะมะหาเถโร สัมพุทเธวิยาคะโต มาระรัญจะ โสอิทานิ จะมะหาเถโร
 นะมัดปะสิทตะวาปะ ถิติโกอหัง วันทามิ พาเนวะอุปคุตตัง จะมะ หาเถรัง ยังยังอุปัทธะวังชาติ
วิทังเสนติ อะเสสะโต นโมพุทธายะ พระบัวเข็มจะมะหาเถโร สัพพะลาภังภะวันตุเม อิติปิโสภะคะวา
พุทโธชัยโย ธัมโมชัยโย สังโฆชัยโย เมตตา ฉิมพาลีจะมะหา เถโร สัพพะลาภัง ตะวันตุเม ฯ
ชัยยะตัง ปัตถะพีตับภัง สามินโท โสราชาปูเชมิ ฯ

รอผู้รู้ให้ความกระจ่างอีกทีครับ



ตามนี้เลยครับ

ทางที่ดีบูชาให้ครบชุดครับ

พระสีวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายน์ ครับ

14
เอารูปมาให้ดูครับ
ใส่ข้อความจำกัดการใช้รูปนิดนึงเผื่อว่ามีคนแอบอ้างไปใช้ อิอิอิ กลัวไว้ก่อน


๑. พระพิฆเณศ ตรีมุข (๓ เศียรแบบยืน)
๒. เสือหลวงพ่อปาน รุ่น ๑๐๐ ปีเสาร์ห้า (ไม้พยุง) ด้ายสีขาวๆที่เห็นได้มาจากงานเสาร์ห้าปีนี้ครับ วันนั้นผมไปจองเสือ
๓. หนุมานจับหลักหลวงพ่อฟู รุ่น ไหว้ครู ๕๓

ส่วนสร้อยที่เห็นมีกะลาตาเดียว พญางิ้วดำและไม้มงคล (จำชื่อไม่ได้น่าจะเป็นไม้มะขามนะ) ครับ

ขอโทษนะค่ะ ที่ถามเพราะไม่รู้จริงๆ ค่ะ ขอคำตอบเพื่อเป็นความรู้นะค่ะ

ที่กลัวว่าจะมีคนเอารูปไปแอบอ้าง สามารถใช้ในเรื่องไหนได้ค่ะ เพราะก็เป็นเพียงรูปภาพพระเท่านั้น   :086:

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

น่าจะเป็นการนำรูปพระที่สวยๆไปโชว์เพื่อหลอกขายอ่ะครับ มีให้เห็นเยอะครับตามเว็บขายพระที่ระบบไม่ค่อยดี

16
ต้องขออณุญาติครับนอกเรื่องครับ

ขออนุญาตินะครับ ผมพึ่งเข้ามาใหม่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกันผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้

ตัวผมเองเป็นศิษต์สายสาลีโขครับ ยันต์ 5 แถวที่พี่ๆหาคำตอบกันนั้นคือบารมี 30 ทัศครับเขียนและใช้

ครั้งแรกโดยพระอาจารย์ ขาว รักการ ศิษต์บรรพชิตที่อยู่รับใช้หลวงพ่อ สมภพ เตชปุญโย มาตั้งแต่ยังเป็นสามเณร

ยันต์ 30 ทัศนี้จะอยู่ในเหรียญสีหบรรลือล้อมองค์หลวงปู่เผือกครับ ถ้าสักจะอยู่ด้านหลังร้อยเป็นสังวารเหนือยันต์

องค์พระสักเป็นสามแถวยาวครับ พระอาจารย์ ขาวนำมาเขียนและสักให้ศิษต์เก่าๆสายพ่อแก่ที่อยู่ทางปากเกร็ด

ปทุมธานีครับ อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิมันุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโมฯ


ลองศึกษาดีๆนะครับสายสาลีโขท่านขาวอยู่รับใช้ช่วงสามเณรจริงครับ แต่ตอนเป็นพระไม่ได้อยู่รับใช้นะครับ

17
ที่ขึ้นคอทุกวันครับ

เหรียญหลวงปู่เผือกขี่สิงห์ รุ่นแรกวัดสาลีโข
ตะกรุดโทนสมเด็จพระนเศวรมหาราช วัดสาลีโข รุ่นแรก
ตะกรุดโทนมหาระงับ พุทธอุทยานธรรมโกศล รุ่นแรก
ตะกรุดโทน มหาจักรพรรตาธิราช พุทธอุทยานธรรมโกศล
ตะกรุดหัวใจอริยสัจจ์โสฬสมงคล พุทธอุทยานธรรมโกศล
ตะกรุดหัวใจบุรุษแปดจำพวก พุทธอุทยานธรรมโกศล
ตะกรุด อรห สุคโต ภควา พุทธอุทยานธรรมโกศล

18
ท่านป่วยหนักครับ ยืนยัน

20
เพิ่มเติมนะครับ บทบูชาครู

วันทิตวา สิระสา พุทธัง เตชะยัง ธัมมัง เตชะยัง สังฆัง เตชะยัง ปวะรัง ครูบาทิยัง อหังปูเชมิ
สิบนิ้วข้า ประนมยกขึ้นเหนือเกล้าเกศา ขออาราธนาคุณครูบาอาจารย์ทั้งสิบทิศ คุณพระอาจาริยะ
ตะถาคะโต โสกะมะสะ เชตุมัตจะ มิมัตเชโต มะอะอุ สาธุโนภันเต สังโฆ
ข้าจะขอดวงวิญญาณ หลวงปู่เผือก หลวงพ่อจำปา หลวงพ่อสาลีโข หลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่า ปู่เปี่ยม
พ่อครูฤาษีนารอด พ่อครูฤาษีนารายณ์ พ่อครูฤาษีตาวัว พ่อครูฤาษีตาไฟ พ่อครูกลัยโกฎ พ่อครูฤาษีแสงอาทิตย์ พ่อครูฤาษีศรีสัมฤทธิ์ พ่อครูฤาษียอดมหามนต์ สถิตย์อยู่ในสารทิศใด จงมาประสิทธิ ข้า ด้วยนะโมพุทธายะ นะจงมาอยุ่บ่าซ้าย โมจงมาอยู่บ่าขวา พุทจงมาอยู่หูขวา ธาจงมาอยู่หูซ้าย ยะจงมาอยู่ในหัวใจข้า ด้วยพระพุทธคุณนัง คุณพระธรรมคุณนังเป็นที่พึ่ง คุณพระสังฆคุณนังเป็นที่พึ่งแก่ฝูงชนทั้งหลาย มะจงมาอยู่ในจักษุซ้าย อะจงมาอยู่ในจักษุขวา อุจงมาอยู่ทั่วสารพางค์กายแห่งตัวข้า ด้วย ครูเป็นครูตาย ครูใหม่ครุเก่า ครูพักลักจำ ขอจงมาปรกเกล้าปกกระหม่อม สิงสู่อยู่ในจักขุทวาร โสตทวาร ฆานทวาร
ชิวหาทวาร กายะทวาร มโนทวาร แห่งตัวข้า ด้วยกาลบัดเดี๋ยวนี้เทอญ

21
สวยมากเลยครับ :054: :054: :054: :054: :054: :054:
สมัยก่อนบ้านผมอยู่ที่วัดตั้งนานแต่ไม่ได้เก็บไว้เลยเสียดายมากๆครับ

ตอนนี้เหรียญ ยังมีอยู่ที่พุทธอุทยานธรรมโกศลครับ ยังไม่แพงมาก รีบเก็บก็ดีครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน

22
“สีหบรรลือ”

มหาสิงหนาทแห่งเหรียญในหลวงพ่อสาลีโข
สำนักพุทธอุทยานธรรมโกศล  ต.หน้าไม้  อ.ลาดหลุมแก้ว  จ.ปทุมธานี

วัตถุมงคลที่จารึกนามหลวงปู่เผือก  และหลวงพ่อสาลีโขให้กระฉ่อนในวงการมาตลอด  30  กว่าปี  คือ  เหรียญรุ่นแรก  รูปหลวงปู่เผือก  ประทับนั่งบนสิงหราช  หรือที่เรียกกันว่า “รุ่นขี่สิงห์”นั่นเอง
       เหรียญนี้สร้างอภินิหารและประสบการณ์ในโลกแห่งขลังอย่างไม่รู้จบ  เล่ากัน  7  วัน  7  คืนก็ไม่หมด  ขลังขนาดที่คนถูกปล้นบ้าน  โจรยิงปืนเข้าใส่แบบเผาขน  แค่ทีวีคั่น  3-4  นัด  ไม่ลั่นสักโป้ง  โจรตกใจเผ่นหนีไม่ได้อะไรติดมือไปเลย  เจ้าบ้านหายตระหนกก็แปลกใจเป็นหนักหนา  ด้วยตนไม่ได้แขวนพระหรือพกของดีอะไร  ทำไมผู้ร้ายยิงไม่ออก  สุดท้ายก็ขนหัวลุก  เพราะไปเห็นเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรก  วางอยู่บนหลังทีวี
   ขลังขนาดนั้น
ทุกวันนี้คนอยากได้  ต้องทำใจสุดๆ  เพราะหายากเหลือใจ  ราคาแพงเป็นหมื่นอีกตะหาก  มิหนำซ้ำของปลอม  ก็เหมือนซะไม่มี  ไม่จำเป็นต้องเล่นตามเขาดอก
เพราะเชื่อว่า  “หลวงพ่อเก่งขึ้นทุกวัน”
       “สีหบรรลือ”
เป็นเหรียญรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสตัดมุม สร้างขึ้นในปี พ.ศ.  2534  มีเนื้อทองคำเงิน ทองแดง วัตถุประสงค์ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อ
      1.  เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงพระคุณของหลวงปู่เผือก  และทำบุญอายุสรงน้ำ
      2.  ก่อสร้างและปฏิสังขรณ์เสนาสนะ
เหรียญสีหบรรลือ มีด้วยกัน  2  พิมพ์  คือ  พิมพ์ใหญ่ยาว  4.5  ซม.  กว้าง 4  ซม.  และพิมพ์เล็ก ยาว  3  ซม. กว้าง  2.5  ซม. ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่เผือกนั่งสมาธิเหนือกอบัว  ล้อมด้วยพระคาถาบารมี  30  ทัศ  ซ้าย-ขวา  เป็นยันต์พระภควันบดี  ข้างใต้เป็นนะทรงแผ่นดิน  เหนือศีรษะสิงหราชเป็นยันต์หัวใจเทพชุมนุม พร้อมด้วยนะปถมัง  108 ด้านหลังรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค  ให้ผลทางมหาอำนาจปราบภัยพาลทุกสิ่งรอบด้านเป็นนะปถมัง 108 ใต้ลงมาเป็นหัวใจเทพชุมนุมลงมาอีกเป็นนะฤาชา ซ้าย  เป็นรูปหนุมานถือพระขรรค์ขวาเป็นองคต  ทั้ง 2 ล้อมด้วยอักขระพระเจ้า  5  พระองค์  และธาตุ  4  ดิน น้ำ ไฟ ลม เพื่อหนุนให้มีชีวิตเป็นตัวเป็นตนขึ้นในนิมิต


ด้านหน้า


ด้านหลัง

ทั้งที่กำหนดในปี  2534  แต่ถูกนำมาแจกจ่ายในปี  2536  เพราะหลวงพ่อเข้าที่ภาวนาปลุกเสกอย่างสุดกำลังท่าน  ถึง  3  ปี  จนท่านปรารภถึงการเข้าสมาธิปลุกเสกและการจารว่า  “ไม่สะดุดเลย”
       ใครที่บ่นอยากได้เหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรกจงเบาใจเถิด ด้วยหลวงพ่อพูดถึงสีหบรรลือภายหลังการเสกว่า  “ไม่ต้องไปหาเหรียญขี่สิงห์หรอก  เอาเหรียญนี้ไปใช้แทนกันได้เลย”
       นี่คือประกาศนียบัตรโบว์แดง
        มั่นใจของท่านขนาดที่ว่ารถเบนซ์ประจำวัดที่นายทหารผู้ใหญ่ถวายมาให้หลวงพ่อใช้พร้อมกับพลขับนั้นไม่ปรากฏการเจิม  มีเพียงเหรียญสีหบรรลือ  เนื้อเงินเลี่ยมแขวนติดกระจกหน้ารถอยู่เหรียญเดียว
        ลงคนเสกมั่นใจ  คนแขวนอย่าสงสัยเลย
        เมื่อวันไหว้ครูต้นเดือนเมษายน  ศิษย์คนหนึ่งเปิดเสื้อให้ดูรอยถูกแทงที่ฟกช้ำอยู่ถึง  8  จุด  ผู้แทงที่กะเอาชีวิตเขาก็ไม่ได้สมใจ  เพราะคมมีดไม่อาจกรีดหนังเขาได้  และทั้งตัวเขามีเพียงเหรียญสีหบรรลือเนื้อทองแดงแขวนที่คออยู่เหรียญเดียว
ตั้งแต่เห็นรูปเหรียญพระคณาจารย์ทั้งหลายมา “สีหบรรลือ” ได้ชื่อว่าถูกบรรจุอักขระเลขยันต์  วิชาสำคัญๆที่เจียนสูญหายไว้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะเหรียญทองคำ และเหรียญเงิน หลวงพ่อจะใช้เวลาทำสมาธิลงเหล็กจากเขียนอักขระเรียกสูตรไปตามขั้นตอนแบบโบราณประเพณีอย่างแท้จริง  ทีละตัว...ทีละตัว...อย่างตั้งใจ
      ท่านเล่าว่า  เมื่อกำหนดจิตภาวนาสูตรนั้น พลังทั้งหมดจะมารวมอยู่ที่กลางอกเมื่อจิตนิ่ง มีกำลังถึงที่สุด ท่านก็ถ่ายปราณให้แล่นไปตามแขนและวิ่งเข้าเหล็กจารออกไปเป็นอักขระเลขยันต์ที่เขียนขึ้นยิ่งเขียนมากเท่าไรพลังยิ่งรวมตัวมาก  กระทั่งชาไปทั้งแผ่นอก  และแขนขวาจนปราศจากความรู้สึกใดๆ  ต่อเมื่อเขียนเสร็จจึงรับรู้ว่าปวดแขนและมือเหลือกำลัง

ดังนั้นเหรียญที่ท่านลงจาร  จึงไม่ได้หมายถึงมีรอยขีดเขียน  ให้ดูดีมีราคาแต่เป็นความตั้งใจจริงของครูบาอาจารย์ที่ประสงค์จะทำของให้คุ้มชีวิตผู้เลื่อมใสในท่านคุ้มได้พอๆ  กับที่ท่านคุ้มตัวเอง
      “สีหบรรลือ”  ไม่ได้มีแต่เพียงรูปสวย  หากเนื้อแท้ถูกหล่อหลอมจากแผ่นโลหะต่างชนิด  ทั้งทางทอง เงิน ทองแดง ซึ่งถูกลงพระยันต์ศักดิ์สิทธิ์บรรจุวิทยาคุณแบบเต็มสูตร จำนวนนับสิบกิโล หลอมแล้วนำมาลงอีกแล้วนำไปหลอมอีกซ้ำซ้อนเช่นนี้หลายครั้งจนดูยุ่งยาก  หากนี่คือนิสัยท่านเป็นความรับผิดชอบต่อชีวิตของศิษย์  และผู้เลื่อมใสที่จะนำไปแขวนอย่างหาได้ยาก

ขอบคุณบทความดีดีจากคุณรณธรรม ธาราพันธุ์

23
ขอบคุณมากนะครับ วัดสาลีโขเคยเห็นที่ผ่านไปปากเกร็ด ไม่รู้ว่าใช่วัดเดียวกันรึเปล่า ผ่านวันสะพานสูงด้วย  :005: 


ขอบคุณครับ    


ใช่ครับ แต่หลวงพ่อสมภพได้ย้ายออกมานานแล้วครับ

24
ขอบคุณครับสำหรับประวัติเหรียญขี่สิงห์ และเหรียญสีหบรรลือ :001:
เดี๋ยวจะเอาประวัติการสร้างเหรียญ สีหบรรลือ มาลงขอรับ

25
Posted by ศิษย์กวง


ความสงบราบเรียบของสถานปฏิบัติธรรมเล็กๆในเขตชานเมือง  คนขับรถผ่านไปมาบริเวณนั้นเมื่อมองเข้าไป จะเห็นรูปปั้นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ยืนตระหง่านอยู่ใต้ต้นโพธิ์บนเนินดิน  คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการพระเครื่องคงจะไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีความยิ่งใหญ่และสำคัญเพียงใด
แต่สำหรับคนรุ่นเก่าในวงการพระเครื่องจะรู้ว่าสถานที่แห่งนี้คือที่จำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์องค์หนึ่ง ที่มีชื่อในเรื่องของการเป็นนักไสยศาสตร์ที่รู้จริง สร้างมงคลวัตถุออกมามีประสบการณ์เป็นที่แสวงหาของคนที่ชื่นชอบในศาสตร์สายนี้
    
พระอาจารย์สมภพ เตชะปัญโญ หรือหลวงพ่อสาลีโข พระผู้มีเมตตา
พระอาจารย์สมภพ เตชะปัญโญ หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อหลวงพ่อสาลีโข เป็นเจ้าสำนัก”พุทธอุทยานธรรมโกศล”แห่งนี้ ในวันที่ผมไปกราบนมัสการท่าน ทางสำนักฯกำลังเตรียมงานจัดพิธีสวดพระนพเคราะห์ในวาระขึ้นปีใหม่ซึ่งสำนักฯได้จัดมาทุกปี ปีนี้น่าจะเป็นปีที่สี่สิบแล้ว
                สำหรับท่านที่จะเข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อสมภพ นั้น ผมขอบอกกฎระเบียบให้ทราบล่วงหน้าก่อนว่า เวลาที่จะพบท่านควรเป็นช่วงเช้าจนถึงก่อนเพล เพราะหลังจากฉันเพลแล้วหลวงพ่อต้องฉีดยาและพักผ่อน เนื่องจากท่านมีอายุเกือบจะ 70 แล้วและสุขภาพของท่านไม่ค่อยดี ส่วนสิ่งของที่ท่านต้องเตรียมมาคือธูปเทียนและดอกบัว(หากเป็นไปได้ควรจะเป็นดอกบัวสีแดง”สัตตบงกช”) หากไม่มีเครื่องสักการะพวกนี้แล้วหลวงพ่อท่านจะไม่รับแขก เคยมีนายทหารบางคนมากราบท่านโดยไม่ได้เตรียมของมาและนึกว่าท่านจะเกรงใจ ผลหรือครับท่านไล่กลับเอาดื้อๆ
                ซึ่งเรื่องเหล่านี้บางคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ ไม่เห็นจะต้องเรื่องมาก แต่สำหรับหลวงพ่อแล้วท่านให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวมาก โดยหลวงพ่อได้เมตตาเล่าให้ฟังถึงเหตุผลว่า บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง  พุทธอุทยานธรรมโกศลแห่งนี้ก็มีกฎของสำนัก หากท่านเข้ามาในสำนักก็ควรให้ความเคารพสถานที่
                “ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ บุคคลที่เข้ามาควรให้ความเคารพสถานที่ การนำดอกไม้ธูปเทียนเข้ามาบูชาพระเป็นเรื่องที่ดี สำหรับดอกบัวสีแดงหรือที่เรียกว่าสัตตบงกช เป็นความชอบส่วนตัว เนื่องจากในวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ มีสัตตบงกชขึ้นมารองรับเวลาท่านเสด็จเดิน”
                สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อเมตตาทำให้กับบุคคลที่เข้ามากราบนมัสการท่านคือ การลงทองบริเวณหน้าผากและบนฝ่ามือ
                “สิ่งที่อาตมาทำให้นี้ ถือเป็นการให้ทานโดยให้แต่สิ่งที่ดีดี อย่างทองที่ใช้ลงเป็นทอง100% ชนิดเต็มแผ่น ถ้าโยมสังเกตดูจะเห็นว่าก่อนปิดทองให้โยม อาตมาจะนำแผ่นทองมาวางไว้บนตักเป็นเคล็ดว่าทองกองบนตัก ผงที่ใช้ลงคือผงอิทธิเจและผงวิเศษเก่าของฤษี  ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ เมื่ออาตมาลงให้แล้วการรักษาให้อยู่กับตัวเป็นเรื่องที่ยาก ขึ้นอยู่กับตัวของโยมเองว่าจะรักษามันได้ไหม หากทำไม่ได้ก็อย่าลงเลย อาตมาจะพรมน้ำมนต์ให้แทนแล้วกัน”
                นี่คือความเมตตาของท่านที่มอบให้กับลูกศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่าน  สำหรับข้อห้ามหลังจากได้รับการลงทองจากท่านแล้ว ก็คือการหมั่นรักษาศีล ไม่ถ่มน้ำลายลงในโถส้วมและบนพื้นดิน ห้ามกินหรือลอดต้นมะเฟือง
                “เมื่อพูดถึงข้อห้ามเรื่องการลอดต้นมะเฟือง หรือการห้ามกินผลมะเฟือง คนสมัยนี้มักจะมีคำถามเสมอๆว่าห้ามเพราะอะไร เรื่องนี้อาตมาเคยถามหลวงพ่อจำปา นารโท วัดสาลีโขซึ่งเป็นอาจารย์ ได้อธิบายว่าต้นมะเฟืองจัดอยู่ในพืชตระกูลว่าน มีอาถรรพ์ในตัว ผลหรือยางของมะเฟืองสามารถนำมาทำยาสั่งได้ โบราณจึงได้สั่งห้ามไว้ คนโบราณนี้ฉลาดมากนะโยม สังเกตดูหนังสือหรือตำราโบราณต่างๆ หลังจากบันทึกรายละเอียดของแต่ละเรื่องแต่ละวิชา แล้ว ในตอนท้ายสุดมักจะมีการลงท้ายในลักษณะของการสาปแช่งตัวเองให้ตกนรก  เพื่อเป็นการยืนยันและเป็นหลักประกันว่าสิ่งที่บันทึกไว้นั้นเป็นเรื่องจริง”




26
Posted by ศิษย์กวง

วันนี้(10 ก.พ.  2551ไปทำบุญที่พุทธอุทยานธรรมโกศล จังหวัดปทุมธานีครับ หลวงพ่อสมภพท่านได้เมตตาเล่าประวัติของ ท่านพระครูธรรมโกศล หรือหลวงปู่เผือก ให้ลูกศิษย์ที่มากราบนมัสการท่านฟัง  อาจมีหลายท่านเคยอ่านประวัติของหลวงปู่เผือกผ่านทางสื่อต่างๆ เช่นหนังสือ หรือคำบอกเล่า ครั้งนี้ได้มีโอกาสรับฟังจากหลวงพ่อเลยขอจดบันทึกไว้เพื่อระลึกถึงความมีเมตตาของท่านครับ

หลวงปู่เผือก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 3 ค่ำ เดือนอ้าย (ปีชวด พ.ศ.2299) เป็นชาวกรุงศรีอยุธยา บิดาเป็นชาวจีนที่เดินทางเข้ามาประกอบอาชีพค้าขายในประเทศไทย ส่วนมารดาเป็นคนไทย หลวงปู่เผือกบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดพุทไธสวรรย์ สมัยนั้นความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทยมีมาก หลวงปู่เผือกท่านจึงได้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม ควบคู่ไปกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จนแตกฉานตั้งแต่เป็นสามเณรครับ

ก่อนกรุงศรีอยุธยาจะแตก โยมบิดามารดาของหลวงปู่เผือกได้อพยพหลบภัยสงครามจากรุงศรีอยุธยา หลวงปู่เผือกที่ขณะนั้นยังเป็นสามเณรได้ติดตามมาคอยดูแลโยมบิดามารดาพร้อมกลุ่มผู้อพยพ จนมาถึงบริเวณสุดแนวโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยาตรงข้ามกับเกาะเกร็ด กลุ่มผู้อพยพจึงได้ตั้งหลักแหล่งพักอาศัยทำมาหากิน ในบริเวณดังกล่าวมีสำนักสงฆ์เก่าแก่อยู่แห่งหนึ่ง สามเณรเผือกจึงได้จำพรรษาในสำนักสงฆ์นั้น ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นวัดสาลีโข ในปัจจุบันนี้

ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินได้ทรงขับไล่พม่าออกไปจากประเทศไทยได้สำเร็จและทรงตั้งกรุงธนบุรีขึ้นเป็นเมืองหลวง สามเณรเผือกจึงได้เดินทางย้อนกลับไปกรุงศรีอยุธยา เพื่อศึกษาวิชาการต่อ พออายุท่านครบบวช ท่านจึงได้เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นวัดฝ่ายอรัญวาสี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม จ.ศ. 1138 (พ.ศ.2319) ได้รับฉายาว่า ธัมมะโกศล เวลาออกพรรษาหลวงปู่เผือกท่านชอบออกธุดงควัตรเสมอ จนทำให้ท่านมีความเชี่ยวชาญด้านกรรมฐานและมีวิชาอาคมแก่กล้าเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปถึงแม้ท่านจะมีอายุไม่มากนัก (สหธรรมมิกของท่านที่มีชื่อเสียงคือ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน)

สมัยรัชการที่ 1 หลวงปู่เผือกท่านมีชื่อเสียงมากและโด่งดังเข้าไปถึงหูของบรรดาขุนนาง เจ้านายในวัง ต่างมากันมาหาท่านเพื่อขอวัตถุมงคลหรือขอให้ท่านลงอักขระ  เพื่อความเป็นมงคลหรือต้องการหนังเหนียว  ว่ากันว่าท่านทำได้ขลังนัก ทำให้มีลูกศิษย์มาขึ้นกับท่านมาก เรียกว่าในช่วงนั้นวัดสาลีโขเจริญรุ่งเรืองสุดขีด

สมัยรัชการที่ 4 หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานพระราชทินนามว่า พระครูธรรมโกศล ตำแหน่งสังฆปาโมกข์ฝ่ายอรัญวาสี แขวงนนทบุรี และเป็นเจ้าคณะเมืองนนทบุรี หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานเรือกันยาหลังคาแดง มีฝีพายเต็มอัตราเป็นเรือประจำตำแหน่งสำหรับออกตรวจคณะสงฆ์ในเขตปกครอง หลวงปู่เผือกละสังขารในสมัยรัชการที่ 4 พ.ศ.2405 สิริอายุรวม 106 ปีครับ

สมัยรัชการที่ 4 หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานพระราชทินนามว่า พระครูธรรมโกศล ตำแหน่งสังฆปาโมกข์ฝ่ายอรัญวาสี แขวงนนทบุรี และเป็นเจ้าคณะเมืองนนทบุรี หลวงปู่เผือกได้รับพระราชทานเรือกันยาหลังคาแดง มีฝีพายเต็มอัตราเป็นเรือประจำตำแหน่งสำหรับออกตรวจคณะสงฆ์ในเขตปกครอง หลวงปู่เผือกละสังขารในสมัยรัชการที่ 4 พ.ศ.2405 สิริอายุรวม 106 ปีครับ
 
ภาพปกหนังสือเล่มนี้ได้มาจากเวปไซด์ ขออภัยจำชื่อไม่ได้
 
ของฝากสำหรับคืนนี้ครับ
 อะระหัง  สุคะโต  ภะคะวา
หลวงพ่อสมภพท่านบอกว่าให้ภาวนาอย่าขาดครับ สามารถคุ้มครองและเป็นสิริมงคลกับตัวครับ
ภาพวัตถุมงคลบางส่วน(ที่จัดสร้างโดยหลวงพ่อสมภพ)

เหรียญรุ่นแรก ปี 2510 (ด้านหน้า)

เหรียญรุ่นแรก ปี 2510 (ด้านหลัง)

เหรียญฉลองอายุ 40 ปี พ.ศ.2522 (พิมพ์ใหญ่ /ด้านหน้า)

เหรียญฉลองอายุ 40 ปี พ.ศ.2522 (พิมพ์ใหญ่ /ด้านหน้า)

เหรียญสีหบรรลือ ปี 2534 (พิมพ์ใหญ่  / ด้านหน้า)

เหรียญสีหบรรลือ ปี 2534 (พิมพ์ใหญ่  / ด้านหน้า)

27
เหรียญรุ่นนี้ก็มิได้มีบล็อคเขี้ยวยาวเขี้ยวสั้น มีเขี้ยวไม่มีเขี้ยว ดังที่เขาเล่นหากันดอก มันก็มีอยู่แบบเดียวนั่นแหละครับ และเหรียญขี่สิงห์นี่ก็ไม่มีชนวนผสมด้วยนะ ท่านสั่งปั๊มมาลุ่น ๆ เลย เรียกว่าทองแดงเปล่านั่นแหละ แล้วก็เสกองค์เดียวด้วย มิได้จัดพุทธาภิเษก ท่านหอบเหรียญทั้งหมดไปปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวที่ถ้ำแก่งละว้า จ.กาญจนบุรี

เรียกว่าอยู่อย่างเสือ ไม่ขอเนื้อใครกิน
คำบอกเล่าจากพี่รณธรรม ธาราพันธุ์ ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อสมภพ

28
เหรียญรุ่นนี้ก็มิได้มีบล็อคเขี้ยวยาวเขี้ยวสั้น มีเขี้ยวไม่มีเขี้ยว ดังที่เขาเล่นหากันดอก มันก็มีอยู่แบบเดียวนั่นแหละครับ และเหรียญขี่สิงห์นี่ก็ไม่มีชนวนผสมด้วยนะ ท่านสั่งปั๊มมาลุ่น ๆ เลย เรียกว่าทองแดงเปล่านั่นแหละ แล้วก็เสกองค์เดียวด้วย มิได้จัดพุทธาภิเษก ท่านหอบเหรียญทั้งหมดไปปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวที่ถ้ำแก่งละว้า จ.กาญจนบุรี

เรียกว่าอยู่อย่างเสือ ไม่ขอเนื้อใครกิน
คำบอกเล่าจากพี่รณธรรม ธาราพันธุ์ ศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อสมภพ

29

ภาพด้านหน้าครับ


ภาพด้านหลัง

30
เีรียบเรียงโดย รณธรรม ธาราพันธุ์

เหรียญนี้หลวงพ่อเรียกว่า "เหรียญขี่สิงห์" ตามรูปแบบของเหรียญที่ท่านออกแบบเอง ด้านหน้าเป็นองค์หลวงปู่เผือก ประทับนั่งอยู่บนสิงหราชซึ่งเป็นเครื่องหมายทางมหาอำนาจ ล้อมด้วยพระคาถา "พระเจ้าห้าพระองค์คงกระพัน" และหัวใจคาถาสำคัญที่ท่านท่องบ่นเป็นประจำ ด้านหลังเป็นมหายันต์ "สาลิกาองครักษ์" ที่ท่านชำนาญมาก

ท่านไปสั่งช่างแกะบล็อคที่ร้านข้าง ๆ วัดสุทัศนฯ ซึ่งสมัยนั้น (ปีพ.ศ. ๒๕๑๒) มีต้นสมอใหญ่อยู่ใกล้ร้าน คนแกะพิมพ์ชื่อ นายเผือด ช่างทอง ตอนหลวงพ่อไปสั่งทำท่านบอกว่าให้แกะบล็อคเหรียญเป็นรูปสี่เหลี่ยม ๆ ก็คุยกันไม่เข้าใจไม่เห็นภาพดังที่หลวงพ่อต้องการสักที ท่านเลยล้วงไปในย่ามหยิบเอากลักไม้ขีดไฟพญานาคขึ้นมาให้ดูว่า เนี่ย ๆ สี่เหลี่ยมแบบเนี้ย

ข้างนายช่างก็พาซื่อ เอา ๆ สี่เหลี่ยมแบบเนี้ยก็เอาแบบเนี้ย เลยแกะพิมพ์มาใหญ่เบ้งเบ้อเริ่มเทิ่มอย่างที่เห็น ตอนท่านไปรับเหรียญท่านยังตกใจอย่างแรง ถามช่างว่า ทำไมมันใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้ ช่างก็แย้งว่า เอ้า ! ก็ท่านบอกให้แกะตามแบบกลักไม้ขีดไฟนี่ หลวงพ่อก็ว่า ให้แกะเป็นทรงสี่เหลี่ยมอย่างนั้น(โว้ย) ไม่ใช่แกะให้มีขนาดเท่ากันแบบนั้น(โว้ย)

...ไอ้ที่อยู่ในวงเล็บผมคิดว่าเป็นความในใจของท่านน่ะ...
สรุปคือ หากใครไม่มีเหรียญขี่สิงห์ จงใส่สีหบรรลือไม่ว่าจะเนื้อทองแดง เนื้อเงิน หรือเนื้อทองคำเถิด ประเสริฐแท้ทีเดียวเชียว


เหรียญก็เลยมีขนาดเบิ้มอย่างที่ทุกคนเห็น

จำนวนสร้างคือ

ทองคำทำ ๙ เหรียญ
เนื้อเงินทำ ๑๐๘ เหรียญ
ทองแดงทำ ๒,๕๑๒ เหรียญเท่าจำนวนปีพ.ศ.

เหรียญทั้งหมดตกค้างอยู่ที่วัดสาลีโขภิตารามนานพอสมควร เพราะมีขนาดใหญ่มากจนไม่มีใครอยากได้ ไม่มีใครอยากแขวน แม้จะมีประสบการณ์ฉกาจฉกรรจ์แค่ไหนแต่เวลาแขวนก็หนักใจ(หนักคอ)พอ ๆ กับความรู้สึกที่อยากใส่นั่นแล

โดยเฉพาะเหรียญทองแดงตกค้างมาจนถึงตอนที่หลวงพ่อย้ายมาอยู่พุทธอุทยานธรรมโกศลในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ และยังอยู่อย่างนั้นมาจนถึงประมาณปี ๒๕๓๐ เศษ ๆ จึงหมดไปแบบถาวร

หลวงพ่อบอกว่าเหรียญนี้ดีแค่ไหนก็ไม่มีชนวน มีดีแค่เป็นเหรียญหลวงปู่เผือกรุ่นแรก และท่านเสกเดี่ยวเองโดยนำไปเสกที่ ถ้ำแก่งละว้า จ.กาญจนบุรี เรียกว่า "บินเดี่ยว" ซึ่งถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไม่ว่าดีหรือร้าย หลวงพ่อก็รับไปเต็ม ๆ ทุกด้าน แต่ที่เคยได้ยินมานับตั้งแต่ปี ๑๒ ไม่เคยได้ยินทางด้านร้ายเลยแม้แต่เรื่องเดียว ยกเว้นเรื่องที่มีของปลอมเยอะมากและเหมือนสุด ๆ

ซึ่งครูอำพลบอกว่า นั่นถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะของปลอมต้องออกมายืนยันความสำเร็จด้วยตัวมันเอง


ต่อมาในปี ๒๕๓๔ หลวงพ่อได้สร้างเหรียญสี่เหลี่ยมขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง ให้ความสำคัญอย่างมากที่สุดทั้งรูปลักษณ์ที่ท่านออกแบบเอง กองกษาปณ์เป็นคนแกะพิมพ์และปั๊มให้ ชนวนเพียบที่สุดทั้งเนื้อทองคำ เงิน และทองแดง หลวงพ่อตั้งใจปลุกเสกมากที่สุดถึง ๓ ปีเต็ม ๆ ก่อนออกให้บูชา ท่านถวายนามเหรียญนี้ว่า

เหรียญสีหบรรลือ

และหลวงพ่อพูดกับผมว่า

"เหรียญสีหบรรลือนี่ไม่แพ้เหรียญขี่สิงห์หรอกฉันท้าได้เลย แขวนได้สบายใจ สีหบรรลือนี่ฉันใส่ชนวนลงไปมากมายเหลือเกินทุก ๆ เนื้อแต่เหรียญขี่สิงห์นั้นไม่มีชนวนเลยนะ ฉันเสกแค่พรรษาเดียว แต่เหรียญสีหบรรลือฉันเสก ๓ ปี"



31
เพิ่งเข้ามาใหม่ครับ ขออภัยที่จะบอกว่าเหรียญนี้ไม่ดีครับ 100%

32
ลายสักที่นำมาลงเป็นสายสาลีโขจริงๆ แต่เป็นอาจารย์ขาววัดบางพูดนอก สักครับ ไม่ใช่หลวงพ่อสาลีโขสักครับ

หน้า: [1]