แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - chok yala

หน้า: [1]
1


ตะกรุดแร่เกาะล้านฝังกัลปังหา  พระอาจารย์เงาะ

แร่เกาะล้าน เป็นขี้เหล็กไหล ตระกูลหนึ่ง เป็นเหล็กไหลประเภท โครตเหล็กไหลงอกซึ่งเป็นเหล็กไหลชนิดรองลงมาต่างจากเหล็กไหลน้ำหนึ่ง เช่นเหล็กไหลโกฏิปี , เหล็กไหลเจ้าป่าและเหล็กไหลเพลิง ที่มีอิทธิฤทธิ์มาก และเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่ต้องใช้วิชาอาคมในการตัด ส่วนเหล็กไหลชั้นรอง เช่นแร่เกาะล้าน, เหล็กไหลงอกที่เขาอึมครึมเขากะอางค์และเหล็กไหลเมืองลอง จ.แพร่ (ตับเหล็กเมืองลอง)
แร่เกาะล้าน หรือขี้เหล็กไหล ตามความเชื่อของบรรดานักนิยมพระเครื่อง แร่สามารถงอกได้หรือขยายตัวให้โตขึ้นได้ หากเป็นแร่ที่อยู่ตามธรรมชาติแล้วมีการงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไป ก็ดูไม่น่าแปลก แต่ถ้านำแร่เกาะล้านมาเลี่ยมใส่กรอบพลาสติกอย่างมิดชิดแล้ว ปรากฎว่ายังสามารถขยายขนาดหรืองอกเพิ่มจนดันกรอบให้แตกออกมาได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่มหัสจรรย์แต่ก็เป็นเรื่องจริง การที่องค์แร่เกาะล้านจะงอกจะขยายมากเท่าไรขึ้นอยู่กับคนใช้ว่าหมั่นบูชาสวด มนต์ปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศลให้แก่โคตรแร่เกาะล้านก็จะงอกขึ้น พระอาจารย์เงาะ นำมาปลุกเสก และลงเหล็กจารเพิ่มความขลังจนเต็ม มีพุทธคุณแคล้วคลาด คงกระพัน เดินทางปลอดภัย นิรันตราย โชคลาภ โภคทรัพย์ เสน่ห์ เมตตา จารมือเต็มทั้งดอกขนาดนี้หายากครับ




ที่มา:http://www.weloveshopping.com/shop/showproduct.php?pid=14992821&shopid=196195

2
บทความ บทกวี / "ทองคำบางตะพาน"
« เมื่อ: 27 ม.ค. 2553, 07:01:46 »



ทองคำในสยามประเทศเป็นแร่ธาตุที่รู้จักกันมาแต่โบราณ เช่น ในคติความเชื่อทางจักรวาลวิทยาแบบไตรภูมิ กล่าวถึง "ชมพูทวีป" อันเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เนื่องมาจากเป็นแหล่งกำเนิดของทองคำเนื้อสีชมพูอ่อนงดงาม ซึ่งเกิดจากลูกหว้าขนาดใหญ่ในป่าหิมพานต์ ที่รู้จักกันในชื่อ "ทองชมพูนุช" จนกลายมาเป็นชื่อทวีปในความเชื่อทางศาสนา

นอกจากนี้ มีการค้นพบว่าพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร หรือหลวงพ่อทองคำสุโขทัยไตรมิตร ซึ่งได้รับการบันทึกใน "The Guinness Book of Records" ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำใหญ่ที่สุดในโลกนั้น มีปริมาตรของทองคำเรียกกันอย่างโบราณว่า "ทองเนื้อเจ็ดน้ำสองขา" เป็นต้น

อาจกล่าวได้ว่าเราพบหลักฐานการสร้างพระพุทธรูปและพระเครื่องจากทองคำแท้ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ไม่ใช่ทองแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ยิ่งในสมัยสุโขทัยยิ่งพบพระพุทธรูปทองคำมากเป็นพิเศษ

ส่วนทองคำที่มีเปอร์เซ็นต์ทองสูงมากนั้น เรามาพบภายหลังเรียกว่า "ทองคำบางตะพาน" หรือ "ทองคำบางสะพาน" จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีความงดงาม สุกปลั่ง แวววาว และที่สำคัญมีปริมาตรเนื้อทองบริสุทธิ์มากกว่าทองคำโบราณใดๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาตั้งแต่อดีต โดยจะขุดพบในเขต ต.ร่อนทอง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเฉพาะในหมู่บ้านป่าร่อน และบริเวณห้วยจังหัน จะเป็นแหล่งที่พบมากเป็นพิเศษ

มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่า ทองคำบางตะพานพบครั้งแรกในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ.2289 (จ.ศ.1181) เมื่อผู้รั้งเมืองกุยบุรีส่งทองคำร่อนเนื้อบริสุทธิ์หนัก 3 ตำลึงมาถวาย พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์ไพร่ 2,000 คน ไปทำการร่อนหาทอง เนื่องจากไม่เคยพบทองเนื้อบริสุทธิ์ถึงขนาดนี้มาก่อน จนในปี พ.ศ.2291 ผู้รั้งเมืองกุยจึงรวบรวมทองได้ถึง 90 ชั่งเศษ คิดเป็นน้ำหนัก 54 ก.ก. หรือ 3,600 บาท พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจึงมีพระราชศรัทธาถวายทองแผ่คลุมยอดมณฑปพระพุทธบาท สระบุรี ตั้งแต่ส่วนเหม (มกร) และนาคลงมา แล้วยกผู้รั้งเมืองกุยให้เป็นเจ้าเมืองกุยบุรี แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในคราวเหตุการณ์วุ่นวายตอนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง ทองดังกล่าวถูกกลุ่มจีนฮ่อเผาและลอกออกไปจนหมดสิ้น

การพบทองคำเนื้อบริสุทธิ์จนเป็นที่กล่าวขวัญในครั้งนั้นเนื่องจากว่าเราไม่เคยพบทองเนื้อเก้า หรือทองนพคุณมาก่อน จะพบอย่างมากก็เพียงทองเนื้อสี่ ทองเนื้อห้า ทองเนื้อหก ทองเนื้อเจ็ด หรือทองเนื้อแปดน้ำสองขาเท่านั้น ดังนั้น ทองเนื้อเก้าจึงจัดเป็นทองที่ไม่มีแร่ธาตุอื่นเจือปน กล่าวกันว่าใช้เพียงความร้อนเป่าเอาเศษดินออกโดยไม่ต้องใช้กระบวนการถลุงก็จะได้ทองเนื้อบริสุทธิ์ ซึ่งเรารู้จักทองคำชนิดนี้ในหลายๆ ชื่อ เช่น ทองชมพูนุช ทองนพคุณ ทองเนื้อแท้ และทองคำเลียง เป็นต้น

ในปี พ.ศ.2548 ต.บางสะพาน ถูกน้ำท่วมขนาดหนัก เมื่อน้ำลดมีผู้พบเห็นเกล็ดทองที่พัดมากับสายน้ำติดค้างอยู่ตามซอกหิน ทำให้ผู้แสวงโชคแห่กันมาร่อนทอง และชมความมหัศจรรย์ของแหล่งแร่สูงค่าที่มีมาแต่โบราณ วิธีการร่อนทองจะขุดดินแล้วนำมาขยำผสมน้ำใส่ใน "เลียง" ซึ่งทำจากไม้ขนุนก้นสอบเหมือนหมวกญวน จากนั้นก็ขยำและเอียงเลียงให้น้ำในคลองพัดพาเอาดินค่อยๆ หลุดออกไป หากโชคดีก็จะมีเศษทองติดอยู่ก้นเลียง นักท่องเที่ยวนิยมมาขอซื้อโดยให้ราคาดี เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อว่าเป็นทองเนื้อบริสุทธิ์ที่สุดแล้ว ยังมีความเชื่อว่าทองเนื้อเก้ามีคุณวิเศษจากธรรมชาติที่จะช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้กับผู้ครอบครองอีกด้วย แต่ปัจจุบันต้องระวังให้มาก เนื่องจากมีการนำทองพม่า หรือเกล็ดทองอื่นๆ มาหลอกขายนักท่องเที่ยว บางครั้งทำเป็นว่าพบในขณะทำการร่อนทองก็มี

ดังนั้น ในการจะซื้อจะหาทองบางตะพานนี้ต้องใช้ความรอบคอบและต้องดูทองโบราณให้เป็นด้วย หลักสำคัญจำไว้ให้แม่นว่า ทองโบราณจะไม่สุกปลั่งเหมือนทองชุบ คนโบราณเขาเรียกว่าทองด้าน ครับผม


ขอบคุณที่มา:คอลัมน์ พันธุ์แท้พระเครื่อง

โดย ราม วัชรประดิษฐ์

หน้า: [1]