แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Kanya

หน้า: [1]
1
บทความ บทกวี / กวีเพ้อเจ้อ
« เมื่อ: 14 ม.ค. 2557, 12:38:46 »
ฤ ไร้ราก  จักมีใบ
    ฤ ไร้สาย   จักมีเสียง
    ฤ ไร้เมือง  จักมีเวียง
   ฤ ไร้เพียง จักมีพอ

2
ขอขอบคุณหลวงพี่เก่งขอรับ ที่ส่งวัตถุมงคลจากแดนใต้มาให้


3
นิทานเรื่องนี้อาจมีหลายท่านได้อ่านผ่านสายตามาบ้างแล้ว หรือแม้กระทั่งอาจเคยมีคนโพสต์ไปแล้ว

เพียงแต่กระผมคิดว่าอ่านแล้วก็น่าจะอ่านอีกได้ จึงนำมาให้อ่านขอรับ เรื่องมีอยู่ว่า


                  ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอกยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อนเพื่อเห็นแก่แม่..

                  บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้วผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
                 พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบายเมื่อมาอยู่วัดป่า   กว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือนแต่ก็นั่นแหละ  กว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กัน

               ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิดและชอบอวดรู้ ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ  วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
               เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี  ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
                 ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต!  ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูงมีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้นผิวพรรณก็ดูสะอาด สะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมดมองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตูนึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ
               กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทินนับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่ออยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจาซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง  วันๆไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้  เก็บขยะ  ซักผ้าเอง  (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอนการบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง

              เห็นแล้ว เลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัยรวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้วไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูกอีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้นและแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเองควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

                    เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำหลวงพ่อเจ้าอาวาส มานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วยท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียนอ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมาแล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ
                   เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน  คันไปทั้งตัวฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวันเดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคันแต่พวกเธอรู้ไหมเจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจหาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง  นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน  สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที  เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวันเจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า  เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร สวดมนต์เย็น  แล้ว

                 ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้นในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู  ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
                  นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อยจากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนจากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
                 เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก "อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อนขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา"โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า  หมาขี้เรื้อนของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ

สาธุ!!! จบแล้วขอรับ ตอนผมอ่านจบ ผมดีใจกับพระใหม่มากๆ ที่สามารถนำสิ่งที่หลวงพ่อพูดมาปรับปรุงแก้ไขตนเองได้
เช่นนี้จึงนับได้ว่าผู้มีการศึกษา การศึกษาทำให้เขารู้จักคิดและปรับปรุงตนเอง นี่คือจุดมุ่งหมายประการหนึ่งของการศึกษาที่ว่า
การศึกษาที่ประสบความสำเร็จต้องสามารถทำให้ผู้ที่เข้ารับการศึกษาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในทางที่ดีได้
ไม่เช่นนั้น ต่อให้มีการศึกษาสูงเพียงใด มากมายสักเพียงไหนก็ไร้ค่า คงเป็นเพียงหมาขี้เรื้อนที่ไม่รู้สาเหตุแห่งการคันของตัวเอง .... สาธุ!!!

4
ข้าว ๑ เม็ด ช่วยชาติได้อย่างเหลือเชื่อ
          ในประเทศไทย มีประชากรประมาณ ๖๔ ล้านคน หากช่วยกัน
ประหยัดข้าวเพียงคนละ ๑ เม็ด จะมีผลต่อคนทั้งประเทศอย่างไร
ชาวนาไทยจะเหน็ดเหนื่อยน้อยลง  เงินตราจะเข้าประเทศได้อีกมีมากมาย
มหาศาล หากประชาชนได้ร่วมกันทำอย่างจริงจัง
          ตัวอย่าง ขอให้ท่านพิจารณาดูให้ดี   ทั้งนี้เพื่อความหวังดีต่อ
ประเทศชาติ หรือ อาจจะให้แนวคิดแก่นักเศรษฐศาสตร์ ได้เป็นอย่างดี
          ต่อไปนี้ยกตัวอย่าง ให้ท่านพิจารณากัน
ข้าวสาร ๑ กิโลกรัม มีจำนวนนับเม็ดได้ประมาณ ๕๓๗๒๐ เม็ด
ส่วนราคา กิโลกรัมละ ๓๔ บาท (จำนวนเม็ดขึ้นอยู่กับชนิดของข้าว)
ถ้าต่อ ๑ คน เหลือข้าวสารคนละ ๑ เม็ด ต่อ ๑ มื้อ ประชากรไทย มี
จำนวนประมาณ ๖๔ ล้านคน  
          ฉะนั้น ข้าวที่กินเหลือจานแล้วทิ้งไปคนละ ๑ เม็ด ทำให้สูญเสียไปดังข้อมูลต่อไปนี้
1 มื้อ/คน/วัน   64,000,000       เม็ด   1,191.36 กก.   × 34   40,506.24 บาท
3 มื้อ/คน/วัน   192,000,000      เม็ด   3,574.08 กก.   × 34   121,518.72 บาท
90 มื้อ/คน/เดือน   5,760,000,000   เม็ด   107,222.64 กก.   × 34   3,645,569.76 บาท
1095 มื้อ/คน/ปี   70,080,000,000 เม็ด   1,304,542.07 กก.× 34   44,354,430.38 บาท

 
ไม่น่าเชื่อเลยว่า .....
เรากินข้าวเหลือมื้อละ ๑ เม็ด ใน ๑ ปี เราจะสูญเสียมากมายถึงเพียงนี้ คือ
(สี่สิบสี่ล้านสามแสนห้าหมื่นสี่พันสี่ร้อยสามสิบบาทสามสิบแปดสตางค์)
นี่ขนาดข้าวเพียงเม็ดเดียว แล้วอย่างอื่นที่เราสุรุ่ยสุร่ายไปแต่ละวัน โดยไม่ได้คิด
เรื่องการประหยัด ใช้เกินประมาณ กินเกินประมาณ สั่งกินทิ้งให้สูญเสีย อาหารใน
ตู้เย็นบูดเน่ากินไม่ได้เพราะแช่ไว้นานเกิน สิ่งเหล่านี้ ขอฝากให้ท่านคิดเป็นการ
บ้าน ว่า ท่านเป็นผู้หนึ่งหรือเปล่า ที่มีส่วนในการทำให้สูญเสียเหมือนกัน
วันนี้ ฝากไว้ให้ช่วยกัน คิด ช่วยกัน ประหยัด เพื่อประเทศชาติ.
ข้อมูลจาก Forward Mail

5
คืออยากทราบว่ามีใครเคยอ่านกะทู้คู่มือกระดานสนทนาของเวปบอร์ดมั่งคับ

6




ช่วยดูและวิจารณ์ให้หน่อยขอรับ

วัยรุ่นอยากรู้

7
ก า ร ก ร า บ ไ ห ว้ พ ร ะ พุ ท ธ รู ป
พระเทพดิลก (ระแบบ ฐิตญาโณ)
วัดบวรนิเวศวิหาร

? ปุ จ ฉ า

พุทธศาสนิกชน โง่ หรือ ฉลาด ที่ไปกราบไหว้ อิฐปูน ต้นไม้
และการกราบไหว้พระพุทธรูปจะจัดเข้าไปในประเภทบูชารูปเคารพหรือไม่ ?

ถ้าไม่...ต่างกันอย่างไร ?

? วิ สั ช น า

ความโง่หรือฉลาดของคนนั้น
ไม่วัดกันด้วยด้วยการกระทำเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
ต้องมองกันในหลายๆ ด้านด้วย
คนเรานั้นอาจฉลาดในเรื่องหนึ่ง
แต่กลับโง่อย่างหนักในอีกเรื่องหนึ่งก็ได้

ปัญหาไม่ได้บอกว่า อิฐ ปูน ต้นไม้นั้นเป็นอะไร
เป็นทรากของสถานที่สำคัญเช่น สังเวชนียสถาน
ก็แสดงว่า เขาไม่ได้ไหว้อิฐ ปูน
แต่ไหว้เพราะอาศัยอิฐ ปูน นั้น
เป็นสื่อให้น้อมรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธองค์
เช่นเดียวกับการไหว้พระพุทธรูป เจดีย์อื่นๆ

หากเป็นการไหว้ อิฐ ปูน ธรรมดา
นึกไม่ออกว่าใครจะไปไหว้ทำไม ?!?!

ถ้าว่าเป็นกรณีของพุทธปฏิมา ที่สร้างด้วยอิฐ ปูน
ในขณะไหว้ใครคิดว่าตนเองไหว้อิฐ ปูน ก็ต้องจัดว่าบรมโง่ทีเดียว !!!

พระพุทธรูป ไม่ว่าจะสร้างขึ้นด้วยอะไรก็ตาม
รวมถึงพระเจดีย์ ไม่ว่าจะเป็นธาตุเจดีย์
ธรรมเจดีย์ บริโภคเจดีย์ หรืออุเทสิกเจดีย์ก็ตาม
ล้วนแต่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระพุทธเจ้า
เวลาไหว้ ใจคนจะน้อมรำลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า
โดยอาศัยสิ่งเหล่านั้นเป็นเครื่องกระตุ้นให้ระลึกถึง

o ทำไมจึงต้องสร้างเป็นรูปวัตถุเช่นนั้น ?

เพราะพระพุทธคุณเป็นนามธรรม
โดยหลักทั่วไปแล้ว การระลึกถึงสิ่งที่เป็นนามธรรมล้วนๆ
สำหรับคนทั่วไปแล้ว ทำได้ยาก

เหมือนระลึกถึงคุณพ่อคุณแม่
หากจะมีรูปท่านอยู่ด้วยจะให้ความรู้สึกแปลก
คือให้ความซาบซึ้งมากกว่าที่คิดถึงในเชิงนามธรรมล้วนๆ

แต่เมื่อว่าตามความจริงแล้ว
คนหาได้คิดอยู่เพียงรูปถ่ายของท่านไม่
รูปถ่ายท่านเป็นเพียงสื่อให้คิดได้ดีขึ้นเท่านั้นเอง

เรื่องการกราบไหว้ พระพุทธรูป เจดีย์
ที่สร้างด้วยอะไรก็ตาม
ผู้ไหว้หาได้ติดอยู่เพียงรูปเหล่านั้นไม่
รูปเหล่านั้น จึงทำหน้าที่เป็นสื่อทางจิตใจ
เพื่อได้อาศัยรำลึกถึงพระพุทธเจ้า และพระพุทธคุณ

ด้วยเหตุนี้ การกราบไหว้พระพุทธรูป
จึงไม่เหมือนการกราบไหว้รูปเคารพ
อย่างที่พวกนับถือรูปเคารพกระทำกัน

o ทำไมจึงไม่เหมือนกัน?

เพราะพวกสร้างรูปเคารพนั้น
ผู้ที่ตนนำมาสร้างเป็นรูป ไม่ได้มีตัวตนอยู่จริง
เป็นแต่คิดฝันขึ้น บอกเล่าสืบต่อกันมา
ส่วนมากจะเกิดขึ้นจากพวกที่ต้องการประโยชน์
จากความนับถือรูปเคารพเหล่านั้นของคนทั้งหลาย
คนนับถือรูปเคารพจึงนับถือ เพราะ

?ความไม่รู้ จึงเกิดความกลัว?

การไหว้รูปเคารพ จึงเป็นการกระทำเพื่อ

๑. ประจบเอาใจรูปเคารพเหล่านั้น ไม่ให้ท่านโกรธ
๒. ต้องการอ้อนวอน บวงสรวง ให้ท่านประสิทธิ์ประสาท
สิ่งที่ตนต้องการ และพิทักษ์รักษาตน
พร้อมบุคคล ที่ตนต้องการให้รักษา

แม้ว่า บุคคลบางคน จะไหว้พระพุทธรูป
เพื่อต้องการของสิ่งที่ตนต้องการบ้าง
แต่ไม่มีลักษณะของการประจบเอาใจต่อพระพุทธรูป
เพื่อไม่ให้ท่านโกรธ อย่างที่พวกนับถือรูปเคารพกระทำกัน
พระพุทธรูป จึงไม่เหมือนกับรูปเคารพ อย่างที่คนบางคนเข้าใจ

เครดิต http://board.palungjit.com/showthread.php?t=149102

บทความนี้ขอให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่สมาชิกทุกท่านขอรับ  :054:

8
ตอนสมันผมเรียน ผมอ่านหนังสือหนักมาก เพราะตอน ม.ต้น เรียนสายศิลป์ พอ ม.ปลายได้เลื่อนมาเรียนสายวิทย์ฯ

ก้อมีคนบอกว่าอย่าไปครียดมาก ให้เดินสายกลาง พอมาทำงาน ผมก้อเหมือนบ้างาน(มั้ง) มีคนบอกอีกว่า พักๆมั่ง

ให้เดินสายกลางอีก  ส่าวนตัวผมชอบเล่นแบทมินตัน ผมก้อเล่นแบบจิงๆจังๆ คือมีเวลา ก้อเล่นมันทั้งวันจิงๆ

เพื่อนก้อบอกอย่าเล่นมาก ให้ผมเดินสายกลางอีก ตกลง "ทางสายกลาง" มันหมายถึงอะไรกันนิ

ใช่ทางเดียวกันกะ "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือป่าวนะ

9
คุณคิดยังไงกับคนที่ไม่กราบไหว้พระพุทธรูป ทุบ/ทำลายพระพุทธรูป

แลกเปลี่ยนความคิดเห็นนะครับ ไม่ขอถกเถียงจนเกิดความรุนแรง

ปัญญาชนถกด้วยเหตุผล ไม่ใช้กำลังหรือเถียงข้างๆคูๆ

ยอมรับฟังทุกความคิดเห็นที่มีเหตุผลขอรับ

10
บทความ บทกวี / ++วันวาน++
« เมื่อ: 17 ก.ย. 2549, 07:14:37 »
              หมอกบางแหละลมหนาวใบไม้พราวล่วงสู่ดิน

              เพลงรักยังยลยินหวานถวิลอยู่แสนนาน

              ที่นี่  มีนิยายที่เลือนหายไปกับกาล

              ใครจะรู้ว่าวันวานนิยายหวานเคยมีมา

              ที่นี่เคยมีรักแสนหวานนักยากจะหา

              แต่เมื่อมีกาลเวลารักที่ว่า"ก็ถูกลืม"


11
บทความ บทกวี / เป็นฉัน
« เมื่อ: 17 ก.ย. 2549, 07:03:33 »

ฉันทำ   ฉันดู   ฉันรู้    ฉันคิด

ฉันทำ   ถูกผิด   ฉันคิด   ฉันรู้

คุณมอง   คุณดู    ฉันไม่รู้   คุณคิด

คุณไม่ชอบ   คุณไม่ผิด   คุณคิด   ฉันไม่รู้

ถ้าคุณ   ดูไม่ได้   ฝืนใจ   ก็อย่าดู

ทำอะไร   เรื่องของกู   ไม่อยากดู   มึงก็ไป




12
บทความ บทกวี / คนกับควาย
« เมื่อ: 17 ก.ย. 2549, 06:57:51 »
ควาย...ทำตามคำสั่ง

คน....ทำตามความคิค

ควาย.....ไม่รู้ถูกผิด

แต่......คนคิดเป็น





หน้า: [1]