แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Gearmour

หน้า: [1]
1
ด้วยความเคารพครับ
   ผมได้เห็นข้อความในเฟส ตามหาบุคคลที่ดูหมิ่น
พระสงฆ์ อ.สัก ในวัด  เรื่องของการทะเลาะปะทะกัน
ผมขออนุญาตไม่ขอกล่าวถึง อยากจะนำเรียนว่าเห็นมีอยู่ภาพหนึ่ง
ที่นำมาจาก E-cop มาโพส มาแชร์กัน ระวังจะมีความผิดในเรื่อง พรบ.
คอมพิวเตอร์  และพรบ.ข้อมูลข่าวสารนะครับ คนเรามีปากไว้ร้อง
ร้องเค้าไม่เลิกจนกว่าจะมีคนผิดขึ้นมามันจะยุ่งครับ
 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

2
ด้วยความเคารพครับ
    จากพระอาจารย์พันครับ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

3
ด้วยความเคารพครับ
  ครูสงวน เอี่ยวสวัสดิ์ ครูน้ำมันโสฬสวังหน้า สิ้นแล้ว
ที่ร.พ.ศิริราช
   ผมกำลังจะไปร.พ.
รายละเอียดอื่นจักแจ่้งให้ทราบครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

4
ธรรมะ / ซึ่งมีรอบ ๓ มีอาการ ๑๒
« เมื่อ: 27 ส.ค. 2556, 06:30:47 »

ด้วยความเคารพครับ
   เคยถามไว้นานมาแล้ว จากนี้กระทู้นี้ครับ http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=11068
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไปรับเสด็จ งานเทศน์มหาชาติเฉลิมพระเกียรติที่พุทธมณฑลมา
ดูแล้วเข้าใจง่าย จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ครับ
ขอบคุณครับ
   ขอแดงความนับถือ
Gearmour

5
ด้วยความเคารพครับ
   ฤาษีโคบุตร พระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดงครับ
(นะโม ๓ จบ) “ครูมาเร ครูมาเร นะโสนะโส โคบุตร ฦ ฦา ฤ ฤา นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ”




 พอจะมีบูชากับเค้าบ้างครับ
นำมาให้ชมเพื่อเผยแพร่กิติคุณของคุณครูบาอาจารย์
อยากบูชาอะไรเรียนเชิญที่วัดศาลาแดงครับ ถ้าที่วัดหมดรอพระอาจารย์ปุ้มท่านสร้างรุ่นใหม่
อย่าไปเช่าต่อใครเลย มันแพงเกินความเป็นจริงที่จากราคาที่ให้บูชาจากวัดครับ
ขอแสดงความนับถือ
   Gearmour

6
ด้วยความเคารพครับ
    วันพฤที่ 16 พฤษภาคม 2556
กำหนดไหว้ครู วัดท้องไทร
   เริ่มเวลา 09.00 น. เป็นต้นไปครับ
        ขออนุญาต นำภาพ เก่าสมัยหลวงปู่ดำรงขันธ์อยู่มาให้ชมกันครับ
ไหว้ครูวัดท้องไทร 30 เมษายน 2552






พิธีกลางแจ้ง ณ ลานวัดในเวลาเช้า
  หลวงปู่นำบูชาพระ  แล้วไหว้ครูกลางแจ้ง
พิธีในกุฎิของหลวงปู่


หลวงปู่ได้ทำการประสิทธิตำรา เข็มสัก มีดหมอ ให้แก่ลูกศิษย์ หนึ่งองค์
สองท่าน
 

หลวงปู่ทำมนต์ แล้วแจกจ่ายให้ลูกศิษย์  ไปให้ทุกคนในกุฎิและด้านนอก


หลังจากนั้นหลวงปู่เมตตาครอบให้ครูศิษย์
หลวงปู่ท่านว่าฉันเป็นพระไม่เป็นศิลป์หรือลิเก จึงใช้บาตรครอบ


เห็นหลวงปู่ว่ากันร้อนกันบ้า

   ปี 2553 
วันที่ 15/04/2553ไหว้ครูและสรงน้ำหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร

เวลาประมาณเก้าโมงหลวงปู่ลงมาประกอบพิธีข้างล่าง
กลางแจ้ง



อากาศร้อนมากมาย
  หลวงปู่นำกล่าวคำบูชาพระรัตนไตร
ว่าโองการ
แล้วบูชาครู


น้ำมนต์เต็มกล่องเลยครับท่าน
เสร็จจากพิธีกลางแจ้งแล้ว
ก็ขึ้นมาประกอบพิธีที่กุฎิท่านครับ


หลังจากท่านบูชาครูของท่านเสร็จแล้ว
ท่านเมตตาทำน้ำมนต์แจกจ่ายให้ลูกศิษย์
 

ท่านประสิทธิตำราให้ครับ
(มีคนขายพระบางคนในเวปหนึ่งกล่าวว่าหลวงปู่ท่านกลัวมีดหมอ เพราะท่าน
สำเร็จด้วยสิ่งลึกลับ มีน้องท่านหนึ่งนำภาพไหว้ครูปีที่แล้วไปโพสให้ชมแล้ว
แต่ถ้ายังไม่ชัดเจนภาพนี้คงให้คำตอบได้นะครับ )


   นำมาให้ชมกันอีกครั้งครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

7


ด้วยความเคารพครับ ผมได้อ่านบทความของคุณสายธาร แห่งพุทธะ ซึ่งโพสลงในเฟสบุ๊คแล้วรู้สึกว่า
  มันมีประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจในด้านนี้ เลยขออนุญาตนำมาเผยแพร่นะครับ
ผมขออนุญาตที่จะไม่ตัดทอนหรือแก้ไขใดๆในบทความนี้นะครับ หากท่านใดคิดว่ามีความไม่เหมาะสมของภาษาผมขอน้อมรับไว้คนเดียว


อาจาร์สักยันต์หรือนักสักยันต์สมัยนี้ ฟิลลิป คอลเลอร์ เจ้าพ่อการตลาดของโลกต้องชมเลยว่าพวกท่านๆๆไม่เคยมาอบรมกับกูเลยเวลากูมาเมืองไทยหนังสือกูพวกคุณๆๆท่านๆก้ไม่ได้อ่านแต่พวกท่านๆๆเอาหลักที่ผมสอนมาใช้ได้ดีเยี่ยมเลยหลักการตลาดแม่บท คือ 4P
1 PRODUCT 2.PRICE 3. PLACE 4. PROMOTION
PRODUCT ที่พวกเหล่าอาจารย์สมัยนี้ใช้ จะต้องสักลวดลายสวยก่อน มีลายยันต์ที่deatail of product ในแง่ ของ feature advantage and benefit ที่เข้ายุคสมัย เช่น ลายยันต์นี้สักแล้วหยิญเพียบ มีเสหน์ สักแล้วรวยไม่ต้องไปทำงาน แก้ฮวงจุ้ย ๆลๆ มีapplication สี หรือ option9jk'qq เช่น สีขาว สีสะท้อนแสง เรืองแสง น้ำมันดอกทอง ๆลๆ ที่หาในสามโลกแล้วไม่มีมีคนเดียวในโลก บางทีอ่านแล้วขำกลิ้ง บางคนก็มีmessage motivation ไว้ก่อน เช่น พบกับกุมารทองที่ดีที่สุดในโลก หรือตำราดีที่สุดในโลก เร็วๆๆนี้ มันจริงๆๆ
ตัวต่อมาpricing ก็มีการตั้งราคาในระดับpremuim จับตลาด กลุ่มคนclass B-A ดังนั้นราคาไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับคนกลุ่มนี้ คนกลุ่มนี้ชอบนิยาย ดังนั้นการออกวัตถุมงคลหรือสักยันต์แต่ละครั้งจะต้องมีนิยาย เรื่องของเสน่ห์ มาอันดับหนึ่งก่อน รองลงมาใส่้แล้วรวย ยิงฟันไม่เข้า คงกระพันชาตรี จะต้องมีนิยายมาประกอบว่าได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์นั้นอาจารย์นี้ ๆลๆ (จริงๆๆไม่ได้เรียนห่าอะไรมาเลย) target groupคนกลุ่มนี้มันแปลกตรงที่ว่าจะเป็นพวกข้าราชการใหญ่ๆๆทั้งนั้น รองลงมาก้พวกวัยรุ่นที่ดูแต่ข้อมูลในsocial network และที่แปลกพวกนี้ปริญญาโทเยอะ แต่คนกลุ่มนี้ก็จะไปสักยันตฺ หรือซื้อวัตถุมงคล
อีกกลยุทธ ที่สำคุัญอีกประการคือการทำเดินไปตามสายครูบาอาจารย์ที่คนในยุคก่อนนับถือ บางคนก็เคลมว่าได้เรียนกับครูบาอาจารย์โดยตรง แต่พอมีคนถามมากๆๆก้บอกว่าเรียนกับลูกศิษยือีกที่ ก้มีการไปถ่ายรูปยืนยันว่ากูมาจริงที่สำนัก ( เรียนหรือเปล่าไม่รู้แต่ที่รู้ๆๆกูถ่ายรูปคู่)ก็มีเรื่องเล่าขำๆๆ ก็ไปเห็นเฟสของบางท่านหลายเดือนก่อนยังวิ่งไปสำนักโน้น สำนักนี้ ไปถ่ายรูปใกล้ชิดกับอาจารย์ต่างๆๆ วันนี้เป็นอาจารย์ไปแล้ว เห็นมีลงรูปการเชือดและฟันทดสอบ testimonial เป็นคลิปว่าคงกระพันและเหนียวจริงๆๆ ( อยากจะลองไปทดสอบไม่รู้ว่าเขาจะอนุญาตไหม) ก็ยัง งงอยู่ว่า มันทำไปได้ไง ความรู้ทางไสยเวทย์เท่าหางอึ่ง สงสารแต่ครูอาจารย์ที่นายนี่ไปเรียน ไม่รู้เท่าทัน คนประเภทนี้ ว่ามันมาเอาตำราและเอาสายตามหลักการตลาดเลยว่าจะต้องมี reference background หรือback upเผื่อคนมาถามว่าเรียนจากไหน ก็มีข้อมูลที่แน่ มีทั้งรูปถ่ายกับอาจารย์ที่ไปเรียนและตำรา
วันนี้ขอนิทาอาจารย์สักยันต์บางท่านหน่อย เห็นสักรูปภาพสวยงามมากเลย แต่พอเห็นอักขระเลขยันต์อ่านไม่รู้เรื่อง ก็ยังสงสัยว่าตัวอาจารย์ที่มันสักมันรู้ไหมว่ะวิธีเขียนขอมมันต้องอ่อนช้อยไม่ใช่เหลี่ยมๆๆ บล็อกๆๆ ไม่รู้มันเอาวิธีเขียนอักขระเลขยันต์มาจากไหน มันใช่หลักการตลาดจริงในเรื่องตัวสินค้าคือรูปภาพต้องสวย อย่างอื่นช่างมัน บางที่ผมดูแล้วมันสักไปน่าจะอักขระวิบัติ มันจะซวยแก่คนที่ไปสัก
มาเล่าสู่กันฟังต่อ การใช้real time communication กันเยอะ บางคนเวลาไปไหนหรือไปกราบอาจารย์มันก็take a photo แล้วก็บรรยายว่าได้วิชามา วิ่งไปสำนักนี้ สำนักโน้น แล้วที่ดูแล้วขำๆๆก็คือ มันจะบอกว่ามันทำได้ มันทำสำเร็จ สิ่งนี้มันเหมือน certificate ใบรับรอง ว่ากูนี่ของริง แต่ริงๆๆก้ไม่รู้ว่ามันทำได้ไหม แต่มันได้ส่งmessage ออกไปแล้ว เด็กๆๆวัยรุ่นมันก็รับข้อความไปแล้ว พวกนี้มันเก่งจริงๆๆในการสื่อสารให้กับกลุ่มเป้าหมาย prospects บางคนก็ลงลายสักบอกfeature advantage benefit เสร็จเลย เช่น ลายสัก หรือ วัตถุมงคลนี้ ดีทางไหน ๆลๆ
วันนี้พอหอมปากหอมคอก่อน

ไว้ถ้าผู้เขียนเขียนเพิ่มจะนำมาลงครับ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

8
ด้วยความเคารพครับ
จริงๆ ผมลืมๆเรื่องนี้ไปแล้วละครับ
 แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้คุยกับพระอ.พัน
เห็นว่าท่านนำเสื้อมาจากวัดบางพระ เพื่อหาทุนประกอบ
การกุศลของท่าน
   อันเรื่องสืบเนื่องจากกระทู้นี้ครับ

อยากทราบว่ารุ่นนี้ใครสร้างครับ...!?  http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=28806.msg216688#msg216688

ซึ่งคุณบอล ผู้ดูแลเวป
ได้ตั้งกระทู้ถามผู้สร้างในเฟสแล้ว
ไม่สามารถอธิบายและชี้แจงได้ว่าสร้างเพื่อกิจอันเป็นกุศลใด
และผมได้เห็นเสื้อที่เค้าสร้างแล้วพบว่า
ขอให้ชมภาพนะครับ 

ยันต์งบน้ำอ้อย ปกติต้องเป็นตัวเลขข้าง เป็นอักขระข้าง แต่ด้วยความ........
มันกลายเป็นตัวเลขเหมือนกันไปหมด  และยันต์หงษ์คู่ใช้โปรแกรมกลับภาพเอา
 ผมรู้สึกว่ามันทำวิบัติไปหมด ทั้งเจตนา และยันต์บนเสื้อชุ่ยไปหรือเปล่า?

 ที่เอามาเตือนกัน เพราะเห็นทุกๆปีวันไหว้ครูจะมีแผงจากภายนอกมาจำหน่ายวัตถุต่างๆ หนังสือ เสื้อ ดีวีดี
ขอให้ใช้วิจารญาณ ในการเช่าหาให้หนักๆ นะครับ
เพราะว่าเค้าขายได้แล้วก็ไป

  อีกเรื่อง การเดินทางถ้าไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน
รู้หน้าไม่รู้ใจ  จะเดินทางกับเพื่อนร่วมทางแปลกหน้าหน้าระวังตัวด้วยครับ
 เราไม่มีอะไร แต่เค้ามีงานมา เราจะลำบาก

 ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

9
ด้วยความเคารพครับ
   เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
  ไม่ได้กราบพระอาจารย์พันมาครับ
อันนี้เตรียมของไป

  

เป็นอาหารสุนัข ๒๐ โล และก็วิตามิน และยาสำหรับสุนัข  น้ำขวดสำหรับงานไหว้ครู

ใครไปกราบท่านซื้อพวกเดลต้าสติ๊ก ขนมสำหรับสุนัขไปฝากสุนัขของท่านด้วยก็ดีนะครับ  



ระหว่างทางโดนเข้าไปซะ
หุหุ ไม่เป็นไรแค่ขำๆ
พึ่งเปลี่ยนป้ายขาวมาแล้วแท้ๆ

ไปถึงวัดช้ากว่ากำหนดสองชั่วโมง ถึงประมาณ สามทุ่มกว่า
ท่านเมตตาลูกศิษย์ท่าน ท่านชายเอี้ยง


ชายหนุ่มผู้สามารถ รับความเมตตาจากพระอาจารย์พันสักเก้ายอด แปดทิศ งบน้ำอ้อย ได้ในครั้งเดียว
คราวนี้มาล้อมอักขระ
นั่งคุยกับพระอาจารย์พัน เห็นท่านว่า มีคนมาขอคอมพิวเตอร์ท่านอีก
ท่านเมตตาลูกศิษย์มากมายวันที่ไป สองทุ่มลูกศิษย์ที่สักยังไม่หมดเลย
  นำเรียนท่านว่า ไหว้ครูพระอ.พฤนี้มาไม่ได้นะ เพราะว่าถ้าที่ทำงานตามตัว
อยู่ต่างจังหวัดมีอะไรกลับไม่ทัน
ท่านตอบว่ามาทำไม ให้ไปวัดใหญ่เถอะ (วัดบางพระ)
สรุปกว่าจะได้กลับออกจากวัดก็เกือบตีสอง

  ได้นั่งคุยกับท่านตัดสินใจว่าเดี้ยวต้องเปิดอีกกระทู้โพสเรื่องหนึ่ง

ว่าแต่เมื่อวันอังคาร ได้นั่งคุยกับพระอาจารย์ติ่ง เล่าให้ท่านฟัง
ท่านว่า"ให้ท่านพันรักษาตัวเอง รักษาสุขภาพด้วย"
  
  อันนี้วันนี้ บอกท่านว่าจะถวายเรือท่านนานแล่ว แต่ต้องหารถไปส่ง
วันนี้มีลูกศิษย์มานำไปให้ท่านแล้ว  

จริงๆมีใหญ่กว่านี้อีกสองลำแต่ดูท่าแล้วจะขนเอาไปลำบากต้องเป็นกระบะตอนเดียวมาเปล่าๆ  วันนี้เลยเอาสองลำนี้ไปก่อน
 เอาไว้ให้ท่านขนสัตว์เลี้ยงของท่านเวลาน้ำมา



มีข่าวสำหรับลูกศิษย์ครูสงวนนะครับ ที่ท่านป่วยอยู่ ท่านหายแล้ว แต่กำลังพักฟื้นร่างกายอยู่ ไหว้ครูปีนี้ท่านว่าท่านคงทำพิธีได้

ส่วนคุณตาจอมขมังเวทย์แห่งบางขุนเทียน (คุณตาตามไปดู) ท่านสบายดีครับ ท่านย้ายที่พักเล็กน้อย  
ขอบคุณที่อ่านจบ
 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

10
ขออนุญาตเวปวัดบางพระครับ
ด้วยความเคารพครับ ยังไม่สมบูรณ์นะครับ
แจ้งไว้เพื่อโปรดทราบว่าอย่าพึ่งไปลอกลงเวปขายของหรือเวปแฝงขายหลังไมค์เพื่อทำมาหากินเลยครับ รอให้สมบูรณ์ก่อนเดี้ยวท่านจะเสียเคดิตเปล่าๆครับ 

บันทึกชีวประวัติพระเดชพระคุณท่านพระอธิการเกษม (อั๊บ) เขมจาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท้องไทร 
ต.แหลมบัว  อ.นครชัยศรี  จ.นครปฐม  โดยผมปลัดบัฟ (Gearmour @คนรักมีด) ได้เรียบเรียงจากบันทึกของนายนรินทร์  กำบัง  โดยได้ดำเนินการจดบันทึกไว้ในขณะที่ท่านเข้ารับการรักษาอาการอาพาธเนื่องด้วยปอดอักเสบ ณ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้วเข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ วันที่เริ่มบันทึกนี้คือ วันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๒ จากคำบอกเล่าของท่านเนื่องจากนายนรินทร์ กำบัง ได้มาอยู่เฝ้าตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๒ (ล) พร้อมกับคำบอกเล่าของหลวงปู่ที่ผม(ปลัดบัฟ)ได้เคยบวชจำพรรษาอยู่
ณ วัดท้องไทร ในปี พ.ศ.๒๕๔๘  ประกอบกับคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ที่อยู่ที่หลวงท้องไทร และจากญาติของหลวงปู่  โดยบันทึกนี้ผมปลัดบัฟ (Gearmour @คนรักมีด) ได้รับมอบหมายจากพระครูปลัดขวัญชัย ลูกบุญธรรมของหลวงปู่เรียบเรียงขึ้น ครับ  (๒๐/๑๐/๕๕)
 หลวงปู่มีนามเดิมว่า
   ชื่อ เกษม  นามสกุล  ทิมมัจฉา 
   เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๖๕  ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ปีจอ
   บิดาชื่อ นายอุ๋ย  ทิมมัจฉา มารดาชื่อ นางปิว(ผิว)  ทิมมัจฉา
   บ้านเลขที่  ๔๐ หมู่ที่ ๓ ตำบลแหลมบัว  อำเภอนครชัยศรี  จังหวัดนครปฐม
    สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาชั้นปีที่ ๒ โรงเรียนวัดกลางบางแก้ว  อำเภอนครชัยศรี 
    จังหวัดนครปฐม      อาชีพเดิมเกษตรกร
ในวัยเด็ก (อ) ได้ไปพักอาศัยอยู่กับพระน้าชาย ชื่อพระเล็กที่วัดกลางบางแก้ว  อำเภอนครชัยศรี 
จังหวัดนครปฐม พระเล็กนั้น บวชที่วัดใหม่สุคนธาราม  อำเภอนครชัยศรี  จังหวัดนครปฐม และได้ย้ายไปจำพรรษา หลายวัด เช่น วัดห้วยตะโก  วัดปลักแรด  , วัดหนองบัว  , วัดกลางบางแก้ว เป็นต้น บวชเป็นพระอยู่ถึง ๑๘ พรรษา จึงลาลิกขา ออกมาใช้ชีวิต ฆราวาสมีครอบครัว  นับได้ว่าเป็นผู้ที่มีวิชา อาคมขลังคนหนึ่ง
(ก) ขณะที่พักอยู่ที่วัดกลางบางแก้ว ตอนนั้นพระพุทธวิถีนายก (หลวงปู่บุญ  ขันธโชติ) เป็นเจ้าอาวาส  (๓๐/๑๐/๕๕)ซึ่งหลวงปู่บุญนั้น  เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง หลวงปู่อั๊บเล่าว่าตอนท่านเป็นเด็กวัดอยู่กลางบางแก้วนั้นยังได้เคยรับใช้บีบนวดหลวงปู่บุญอยู่บ่อยครั้ง เพื่อนเด็กวัดรุ่นเดียวกันนั้นมีอยู่ท่านหนึ่ง ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์และได้ทำคุณประโยชน์ให้กับการศึกษาทั้งทางโลกและธรรมอย่างมากมาย คือพระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ท่านเจ้าคุณปัญญา) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พระอารามหลวงนั้นเอง (หลวงปู่อั๊บ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเวลาท่านกลับมาบ้านหลวงปู่บุญ ยังเมตตาให้ผลไม้  เช่น แอ็ปเปิ้ล ผลไม้นำมาจากต่างประเทศให้ท่านกลับไปบ้านด้วยซึ่งในสมัยก่อนนั้นหาทานลำบากมาก)  เมื่อหลวงปู่บุญ มรณภาพลงนั้นตรงกับปี พ.ศ. ๒๔๗๘ หลวงปู่อั๊บ มีอายุได้ ๑๓ ปี ได้กลับไปอยู่กับ บิดา – มารดา ที่บ้านท้องไทร (ไ) ช่วยกิจการงานบ้าน – ทำนาอย่างขยันขันแข็ง  จนอายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์  จึงได้เข้าทำการอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดทุ่งน้อย ตำบลแหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยในสมุดใบสุทธิของหลวงพ่อได้บันทึกไว้ดังนี้ .......... ลงครั้งแรกในเวปวัดบางพระ  คนรักมีด เฟสศิษยหลวงปู่ เฟสแม่พิมพา  จะนำทยอยมาลงเรื่อยๆครับ (๒๓/๑๑/๕๕)

11
หัวข้อนี้ได้ถูกย้ายไปบอร์ด ผู้ดูแลบอร์ด.

http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=28562.0

รบกวนว่าการว่างยันต์สำนักใดสำนักมัน ครูใครครูมัน เอามาถามอาจจะก่อให้เกิดวิวาทะได้

12
ด้วยความเคารพครับ
   เห็นกระทู้ยืนยันตัวตนแลัว
พูดถึงการรักษาเอกสาร
    ผมเชื่อในเกียรติของคณะกรรมการเวปนะครับ
ว่าคงไม่เอาข้อมูลไปทำอะไร เพราะว่าในหลายๆเวปใหญ่ๆ
ในประเทศไทยก็ต้องใช้สำเนาบัตรในการสมัครเวป
    อย่างไรก็ตามขอให้เริ่มที่ตนเองก่อน
ทำตามวิธีนี้ครับ




ขอบคุณมากครับ

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

13

ด้วยความเคารพครับ
     ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ครับ
วันเสาร์ที่ ๒๔ พ.ย. ๒๕๕๕ คณะศิษย์วัดบางพระ โดยพระอาจารย์อภิญญา เป็นเจ้าภาพ
ในการสวดอภิธรรม หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร
     โดยท่านได้เลือกวันเสาร์เพื่อให้่ลูกศิษย์ได้ไปร่วมงานโดยพร้อมเพียงกัน
ในการนี้ท่านมอบปัจจัยเป็นเจ้าภาพจำนวน หนึ่งหมื่นสองพันบาท และมีลูกศิษย์ท่านสมทบอีกสามร้อยบาท
ซึ่งผมได้นำไปให้กรรมการวัดท้องไทรไว้เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๕ เรียบร้อยแล้ว

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอเรียนเชิญฟังสวดพระอภิธรรมในวันและเวลาดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกัน
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
   

14
ด้วยความเคารพครับ
   ขออนุญาตเล่าเรื่องแปลกๆซักสองเรื่องครับ
เรื่องแรกเกิดขึ้นระห่างการเดินทางจากคยาไปพาราณสี
ครับ ในขณะที่พักรถและแวะกินอาหารว่างระหว่างทาง
  เป็นเวลากลางวัน  ผมได้เดินไปที่ห้องน้ำชายซึ่งอยู่นอกอาคารร้านอาหาร
มันมีป้ายบอกว่าเป็นห้องน้ำชาย
  ตอนที่จะเดินเข้าไปนั้น ผมเห็นมีคนเดินเข้าไปก่อน
พอผมเดินเข้าไป ปรากฏว่าในห้องนั้น ไม่มีใครอยู่เลย
ทั้งที่ทางเข้าออกเข้าออกได้ทางเดียว และห้องนั้นเป็นห้องสำหรับ
ยืนปัสสาวะได้อย่างเดียว
 
    เรื่องที่สอง
ตอนที่ไปเนปาลจะไปคืนสุดท้ายที่จะกลับมาเมืองไทยแล้ว
  ต้องไปพักที่ที่อยู่บนเขา ที่สามารถเห็นเทีอกเขาหิมาลัยได้
(ไม่แสวงบุญไม่ทราบไปทำไม) แต่ขอบอกว่าสวยงามมากๆ
  ห้องพักเป็นห้องเก่าๆแตสะอาดวิวสวย
แต่พอดึกมีการตัดไฟเพื่อความประหยัด
    ตอนที่เข้านอนมีห้องมีผมกับบิดา
พ่อผมท่านก็หลับตามปกติ แต่ผมกลับหลับๆตื่นๆ
ผมหลับๆเหมือนได้ยินเสียงของคนพูดคุยกัน
  จะเป็นเสียงของคุณพ่อก็ไม่ใช่
บางครั้งจะหลับก็เจอกับเสียงแปลกๆเหมือนมีคนคุยอยู่รอบห้อง
  คิดในใจว่าจะลุกขึ้นมาทะเลากันด้วยมหาเถรตำแยซักบทไหม
คิดไปคิดมานอนดีกว่าเหนื่อยขึ้นเขาทั้งวัน
  ตอนเช้ามาถามคุณพ่อคุณพ่อก็บอกว่าไม่มีอะไร
แต่น่าแปลกที่ไกด์ถามว่าหลับสบายไหมผมก็บอกเรื่องราวเค้าไปตรงๆ
เค้าตอบว่าเป็นไปได้เพราะโรงแรมเก่า
  เอาเข้าไป หรือเป็นไปได้ว่าผมไปบอกว่า สิงห์ที่อยู่ตามเมืองเก่าของพรามณ์
หน้าเหมือนท่านเทพหมูตุ๋น  (ท่านใดเล่นเฟสบุ๊คลองใส่คำว่า "ท่านเทพหมูตุ๋น ไม่กินไก่"  ดูครับ )
แล้วจะทราบว่าทราบเหมือนอะไร และผมยังพูดกับคณะว่าใครว่าแต่คนไทยไหว้ต้นไม้ ไหว้ปลัดขิก
ชาติอื่นก็ทำกัน พลางชี้ไปทางเทวสถานเหล่านั้น
   ก็แล้วแต่ครับ
นำมาเล่าสู่กันฟังขำๆ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

15
ด้วยความเคารพครับ
    ผมมีโอกาสมีวาสนา ได้ไปแสวงบุญ ณ สังเวชนียสถาน ทั้งสี่แห่ง ในประเทศอินเดียและเนปาล
โดยได้รับความเมตตาให้ไปดูแลบิดาจากผู้ใหญ่ที่เคารพ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับ  ในเรื่องของฝากขอออกตัวว่าทั้งเนื้อตัวตอนขึ้นเครื่องบินไปมีเงินไทยติดตัวเพียง ๒๐๐๐ บาทไทยเท่านั้น 
     และต้องขอบคุณท่านเวปมาสเตอร์วัดพระบางพระที่จุดประกายให้ผมมีความอยากที่จะไป  ที่ลืมไม่ได้คือหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร ซึ่งเคยกล่าวว่าท่านอยากไป  และเวลาที่ลูกศิษย์ไปอินเดีย นำวัตถุมงคลมาให้ท่านๆจะมอบให้ลูกศิษย์ไว้บูชาต่อ  ทำให้ผมอยากไปเห็นว่าที่นั้นเป็นอย่างไร
 อีกเรื่องตอนที่ไปกล้องถ่ายภาพของผมก็พังตั้งแต่งานไหว้ครูวัดบางพระ ปี ๕๕ แล้ว ภาพที่ถ่ายๆจากกล้อง BB9360 ขออนุญาตว่าไม่ใช่ช่างภาพมืออาชีพนะครับ  และข้อมูลบางส่วนผมนำมาจาก wikipedia เพราะจำที่เค้าบรรยายมาได้ไม่หมดครับ
     ขออนุญาตเริ่มเลยแล้วกันครับ ที่แรกที่เครื่องบินของการบินไทยลงคือที่คยา
(อย่าพกกล้องถ่ายภาพเข้าไปให้เค้าเห็นนะครับ เจอ ๒๐ รูปีก่อนเลย แต่ไม่เห็นไม่เป็นไร เค้าเรียกว่าอย่าโชว์กล้องตอนเข้าพอผ่านเข้าไปหยิบมาถ่ายได้ครับ)
สถานที่ไปคือที่แรกคือ"พระมหาโพธิเจดีย์" เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่สมัย พระเจ้าอโศกมหาราช4 และสร้างต่อเติมเรื่อยมาโดยกษัตริย์ชาวพุทธในอินเดีย พระองค์ต่อ ๆ มา จนกระทั่ง เมื่อกองทัพมุสลิมบุกเข้ามาโจมตีอินเดีย พุทธคยาจึงถูกปล่อยให้รกร้างไม่มีผู้คอยเฝ้าดูแล "พระมหาโพธิเจดีย์" เป็นอนุสรณ์สถานแห่งการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์ 4 เหลี่ยม




(ได้มีวาสนาแห่ผ้ารอบเจดีย์ และเปลี่ยนผ้าห่มคลุมองค์ พระพุทธเมตตา ด้วยครับ)
ภายในประดิษฐาน "พระพุทธเมตตา" พระพุทธรูปที่รอดจากการถูกทำลาย พระพุทธรูปองค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบ
ศิลปะปาละ ผมว่าท่านงามดูสง่ามีเมตตามากครับ
มาที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์บ้างครับ

ต้นแรกเป็นสหชาติกับพระพุทธเจ้า (เกิดในวันเดียวกับวันที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ) มีอายุมาได้ 352 ปี จนถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช จึงถูกทำลายโดยพระชายาของพระเจ้าอโศกมหาราช เพราะความอิจฉาที่พระเจ้าอโศกรักและหวงแหนต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้จนไม่สนใจพระนาง ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สองนั้น ปลูกโดยพระเจ้าอโศกมหาราชจากหน่อพระศรีมหาโพธิ์ต้นเดิม และมีอายุยืนมาประมาณ 871-891 ปี จนถูกทำลายในประมาณปี พ.ศ. 1143-1163 ด้วยน้ำมือของพระราชาฮินดูแห่งเบงกอลพระนามว่า ศศางกา ซึ่งพระองค์อิจฉาพระพุทธศาสนาที่มีความรุ่งเรืองมาก จึงทรงแอบนำกองทัพเข้ามาทำลายต้นโพธิ์ต้นนี้ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สามนั้นปลูกโดยพระเจ้าปูรณวรมา กษัตริย์พระองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เมารยะ และต้นที่สามนี้มีอายุยืนมากว่า 1,258-1,278 ปี จึงล้มลงในสมัยที่อินเดียเป็นอาณานิคมของอังกฤษ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นที่สี่ ที่ยังคงยืนต้นมาจนปัจจุบัน ปลูกโดยนายพลเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม เมื่อ พ.ศ. 2423

   สรุปว่าต้นโพธิ์ต้นนี้เป็นที่ต้นที่สี่นะครับ  ใบโพธิ์นี้เค้าหวงนะครับคนเฝ้า เห็นกับตาว่าผู้หญิงอินเดียเอื้อมือเด็ดหล่อนยังโดนนาบด้วยไม้พลองจากผู้ดูแล   และก็ถ้าท่านไปหวังจะไปสงบนั่งสมาธิตัวผมได้รับการรบกวนจากเจ้าถิ่นทั้งที่เป็นฆาราวาส
และห่มเหลือง(นาๆชาติ) มาสะกิดจำหน่ายใบโพธิ์บางละ นูนนี้นั้นบ้างละ  (แต่ใครอยากจะทำสมาธิหรือค้างคืนในบริเวณ"พระมหาโพธิเจดีย์"ทำได้นะครับ ถ่ายเอกสารหน้าสือเดินทาง พร้อมค่าธรรมเนียม ๑๐๐ รูปี ก็อยู่ค้างคืนได้แล้ว)

อันนี้แม่น้ำเนรัญชรา ในปัจจุบัน ที่เห็นเขาที่มีถ้ำดงคะสิริ


ต่อไปจะมาต่อ เขาดงคะสิริ กับบ้านนางสุชาดา ครับ

ขอบคุณครับ

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

16
ด้วยความเคารพครับ
   เมื่อเวลา ๐๔.๐๙ น. ของวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕
หลวงปู่อั๊บ  วัดท้องไทร ได้มรณะภาพแล้ว
  ณ. โรงพยาบาลคริสเตียนนครปฐม
         จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
   Gearmour

17
ด้วยความเคารพครับ
   ได้รับความกรุณาจากท่านเวปมาสเตอร์โทรมาถามอาการของหลวงปู่เมื่อค่ำวานนี้
และวันนี้ผมได้ไปขออนุญาตพระอาจารย์ที่วัดบางพระมาเพื่อโพสข้อความและรูปของหลวงปู่่อั๊บ
วัดท้องไทร ครับ
เรื่องอาการอาพาธของหลวงปู่อั๊บ
เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ หลวงปู่มีอาการทรุดลง กล่าวคือมีอาการบวมตามร่างกาย ตาของท่านลืมไม่ขึ้น
คณะสงฆ์จากวัดท้องไทร ได้ไปเยี่ยมท่านวันนั้นและ ในค่ำวันนั้น ได้มีการประชุม คณะกรรมการวัด ลูกหลานญาติของหลวงปู่
นายกอบต. ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านตำบลแหลมบัว เพื่อพิจารณาเรื่องการดำเนินการภายในวัด ณ กุฎิริมน้ำของหลวงปู่
โดยให้พระครูปลัดขวัญชัย ดูแลกิจการงานในวัด  แต่มิได้ หรือไม่ได้ประชุมกันถึงเรื่องการถอดเครื่องช่วยหายใจแต่อย่างใด(ถอดปลั๊ก) ที่ต้องออกมาโพสอย่างนี้เพื่อมีข่าวลือว่า จะหลวงปู่มรณะภาพแล้วบ้าง กรรมการวัด ญาติประชุมกันเพื่อจะถอดปลั๊กบ้าง จะเอาสังขารเท่ากลับวัดบ้าง ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ


     ส่วนในเรื่องที่ผมโพสเรื่องวันไหว้ครูของลูกศิษย์หลวงปู่ในวัดท้องไทร วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ในเฟส  http://www.facebook.com/MaePimpa  ขออนุญาตนำเรียนว่าทุกอย่างยังไม่นิ่ง
แต่อย่างไร
  จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
  Gearmour

18
เรื่องเล่าของผู้ชายร้ายกาจ ๒ / ๒๕๕๕
   ด้วยความเคารพครับ
          คนไทยทำบุญเฉลี่ยคนละ ๘๐๔ บาทต่อปี ซึ่งประเมินเป็นเงินสะพัดกระจายไปตามธุรกิจที่
เกี่ยวข้องได้ 3,300,000,000 บาท เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆแล่้ว พบว่า ในปี ๒๕๕๔ ประเทศไทยได้อับดับชาติใจบุญ
อันดับที่ ๙ ของโลก จาก ๑๕๓ ประเทศ และเป็นอันดับ ๑ ของโลกในแง่ของการบริจาคเพื่อการกุศล ขณะที่ในแง่ของการเป็นอาสาสมัครกลับเป็นอันดับกลางๆ ค่อนไปทางท้าย
  ที่มา หนังสือ a day 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย และ มูลนิธิช่วยเหลือการกุศลของสหรัฐอเมริกา
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

19
ด้วยความเคารพครับ ขออนุญาตเวปวัดบางพระด้วยครับ
สำหรับท่านที่ถามอาการของหลวงปู่อั๊บครับ



ผมได้ขออนุญาตหลวงปู่ถ่ายภาพและหลวงปู่ท่านได้พยักหน้าอนุญาตแล้วครับ
วันศุกร์ที่ผ่านมาผมได้ไปกราบหลวงปู่ที่รพ. ซึ่งท่านได้ย้ายได้เปลี่ยน รพ.แล้ว
ผมได้คุยกับผู้ดูแลท่าน เห็นว่าท่านมีไข้ และเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้คุยกับ อ.อั้น
ท่านบอกว่าอาการของหลวงปู่ท่านดีขึ้นครับ
ขอบคุณครับ
Gearmour

20
เรื่องเล่าของผู้ชายร้ายกาจ
  ๑/๒๕๕๕
ด้วยความเคารพครับ
     ประเทศไทยมีจำนวนพุทธศาสนิกชนประมาณ ๔๗ ล้านคน
ผลการวิจัยพบว่าชาวพุทธร้อยละ ๒๕.๑๙ ไม่เคยทำบุญตักบาตร
ร้อยละ ๑๐.๒๒ ทำบุญตักบาตรเป็นประจำ
และร้อยละ ๔๕.๒๖ ตักบาตรเฉพาะวันสำคัญทงพุทธศาสนา
           ในขณะที่กาสวดมนต์ไหว้พระ พบว่า ร้อยละ ๓๐.๖๖ สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ
ร้อยละ ๕๔.๒๖ เป็นบางครั้ง ๑๕.๐๙ ไม่เคยปฎิบัติ
เมื่อถามว่าศีลข้อใดรักษายากที่สุด ชาวพุทธร้อยละ ๓๑.๑๙ ตอบว่าศิลข้อ ๑
 ที่มา: ผลการวิจัยหัวข้อ "บทบาทของอุบาสกอุบาสิกาในการบำรุงพระพุทธศาสนา"
(มจร.) ปี พ.ศ.๒๕๔๙ - ๒๕๕๓
 และหนังสือ a day

21
ด้วยความเคารพครับ
รบกวนเวปวัดบางพระด้วยครับ
ขออนุญาตแจ้งอาการป่วยของหลวงปู่อั๊บท่าน
วันนี้ตอนเช้าหลวงปู่ต้องเจาะคอเพื่อการรักษา แล้วครับ
   แต่ท่านยังรับรู้ทุกอย่าง ไม่หลงไม่แสดงอาการเวทนาให้เห็นครับ
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

22
มีผู้ส่งมาทางบีบี อ่านแล้วชอบมากมาย
  ขออนุญาตนำมาแชร์ต่อ

วันนี้กาก้า อินคอนเสิร์ต
คนไทยเกิดกระแสดูหนักหนา
ฉันไม่ไป ฉันจะดูพ่อทำนา
พ่อเสด็จ ทุ่งหญ้า แผ่นดินไทย
พ่อเสด็จ ทุ่งหญ้า มะขามหย่อง
คนไทยจ้องดูกาก้ากันแน่นหนา
ใครจะไป เต้นแร้ง เต้นกา
ฉันไม่บ้า เพราะฉันรักพ่อหลวงไทย
พ่อประทานพื้นทุ่ง ข้าวน้ำหลาก
น้ำมามาก เกินที่จะรักไหว
ท่านเป็นพ่อ ที่ประเสริฐ ของชาวไทย
คอนเสิร์ต ใครจะมา ฉันไม่ดู



23
ด้วยความเคารพครับ
  (รบกวนพื้นที่เวปวัดบางพระด้วยครับ ขอบคุณครับ)
   เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และวันนี้ไปที่วัดบางพระมา
ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ญา เป็นอย่างมาก
ระหว่างที่รอสักยันต์ มีผู้ถามผมถึงอาการของหลวงปู่่อั๊บ
และเรื่องสักที่วัด
จึงขอแจ้งว่า
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาคณะสงฆ์ที่วัดท้องไทรไปเยี่ยม
ท่านพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู
หลังจากออกมาพักที่ห้องพิเศษแล้วครั้งหนึ่ง
   สำหรับที่วัด ขณะนี้ อ.อั้น ท่านมาอยู่ที่วัดท้องไทร
เกือบทุกวัน แต่หลักๆเป็นวันเสาร์เหมือนเดิม ถ้าอ.อั้นไม่อยู่ไปดูแลหลวงปู่
พระชาญท่านก็สักได้เหมือนกัน

  อีกเรื่อง
   ในส่วนของการลงน้ำมันของครูสงวน โสฬสวังหน้า คณะนี้
ครูหยุดพักตั้งแต่วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ถึง ๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๕
เนื่องจากสุภาพของท่าน

     ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

24
ด้วยความเคารพครับ
ขออนุญาตแจ้งความคืบหน้าอาการของหลวงปู่อั๊บ
  วันนี้ ได้เข้าไปกราบหลวงปู่ที่ รพ.
ตอนไปหมอกำลังเจาะเอาน้ำจากปอดของหลวงปู่ไปตรวจ
เจาะได้ปริมาณ ๔๐๐ ซีซี 
หลวงปู่ท่านตอนเจาะไม่มีอาการของความเจ็บปวดให้เห็นเลย
ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะทำท่าเจ็บปวดน่าดู ผิดไปจากคนอายุ๘๙ ปี
ปัจจุบัน หลวงปู่ฉันอาหารทางสายยางตั้งแต่ วันที่ ๑๗ เมษายน ที่ผ่านมา
  อาการทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ขอบคุณคณะผู้ดูแลเวปวัดบางพระ ครับ

25
  รบกวนเวปวัดบางพระด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ด้วยความเคารพครับ
     หลวงปู่อั๊บท่านมมีอาการอาพาธ ขณะท่านพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลมาพักหนึ่งแล้ว
ท่านมีอาการอ่อนเพลีย แต่โดยทั่วไปอาการไม่น่าเป็นห่วงครับ
 ความคืบหน้าเป็นประการใดจักแจ้งให้ทราบครับ
ขอแสดงความนับถือ
   Gearmour
ที่มาพึ่งมาโพสวันนี้เพราะว่าวันนี้เจอพี่น้องที่บ้านครูสงวนแล้ว
  บอกว่าผมไม่แจ้งข่าวสาร คนที่วัดแล้วไม่เจอหลวงปู่อะไรแบบนี้ครับ

26
มาดูเครื่องหมายของกองอาสารักษาดินแดนกันบ้างนะครับ



ความหมายของเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดี

ตราวชิราวุธ (พระคธา) หมายถึง พระคธา (อาวุธ) ประจำพระองค์ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) ผู้ทรงพระราชทานกำเนิดกองอาสารักษาดินแดนของประเทศไทยขึ้นเป็นครั้งแรกในนามกองเสือป่า

พื้นสีเหลือง หมายถึง สีประจำวันเสด็จพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอันเป็นศิริมงคลอย่างยิ่ง

แถบสีธงชาติ หมายถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสิ่งที่หวงแหนและเคารพบูชาของปวงชนชาวไทยทุกคน

ความว่า "ไทยต้องเป็นไทย" หมายถึง ประเทศไทยจะต้องความเป็นประเทศไทยอยู่ตลอดไป

ความว่า "อาสารักษาดินแดนสดุดี" หมายถึง ชื่อเสียงของเข็มนี้ที่จัดให้มีขึ้นเพื่อมอบให้เป็นเกียรติยศและเป็นการสดุดีแก่ผู้ที่ประกอบคุณความดี และสนับสนุนกิจการกองอาสารักษาดิแดน

การประดับเข็มอาสารักษาดินแดนสดุดี

๑. ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในเครื่องแบบให้ประดับตรงกลางกระเป๋าด้านขวา ต่ำกว่าขอบกระเป๋าประมาณ ๓ เซนติเมตร

๒. ประชาชนทั่วไป ให้ประดับที่อกเสื้อด้านขวา

๓. เข็มอาสารักษาดินแดนสดุดีขนาดย่อใช้สำหรับประดับที่ปกเสื้อด้านซ้ายหรือเน็คไทในโอกาสที่แต่งกายสากลนิยม

ขอบคุณครับ

27
ด้วยความเคารพครับ
   น่าจะเหมาะกับห้องนี้ที่สุดนะครับ
ขออัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ ความฝันอันสูงสุด เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 43 ทรงพระราชนิพนธ์ใน พ.ศ. 2514


http://www.youtube.com/watch?v=m7bONrQS2xI

ประวัติจากจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เมื่อ พ.ศ. 2512 ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาคได้รับพระราชเสาวนีย์จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เขียนบทกลอนแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีกำลังใจทำงานเพื่ออุดมคติเพื่อประเทศชาติ ออกมาเป็นกลอน 5 บท

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถโปรดให้พิมพ์บทกลอนนี้ลงในกระดาษการ์ดแผ่นเล็ก ๆ พระราชทานแก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และผู้ทำงานเพื่อประเทศชาติ เตือนสติมิให้ท้อถอยในการทำความดี ต่อมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้กราบบังคมทูลพระกรุณาขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใส่ทำนองเพลงในคำกลอน "ความฝันอันสูงสุด" ใน พ.ศ. 2514 ร้องโดย ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ
ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ
ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร
ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา
ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง
หมายผดุงยุติธรรม์อันสดใส
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด
ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่
เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ
ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย


ขอบคุณครับ
 Gearmour

28
ด้วยความเคารพครับ
ทั้งหมดเป็นภาพของคุณเด็กวัดใน โพสไว้ที่เวปคนรักมีด ผมขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว

ขออนุญาตครับ

([color="#FF0000"]ขอขอบคุณมหามิตร พี่และน้องทุกท่านที่ให้ความเมตตาแก่ผมครับ

และขอร้องท่านผู้ใดที่นำรูปไปใช้ โปรดให้เครดิตเจ้าของรูปด้วยครับ

นั่งโหลดภาพ 5 ชั่วโมงน่ะครับ)[/color]



ภาพงานพิธีพุทธาภิเษกเหรียญที่ระลึกครบรอบวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่ ปี2554

ร่น  "เจริญพร" ประกอบพิธี ณ อุโบสถ วัดท้องไทร จ.นครปฐม

วันที่ 28 กรกฎาคม 2554 ครับ









พระประธานในอุโบสถครับ





วัตถุมงคลที่เข้าพิธีอย่างเป็นทางการครับ





























29
ด้วยความเคารพครับ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ ที่ผ่านมาหลังจากพิธีที่วัดท้องไทรแล้ว
(รูปติดไว้ก่อนนะครับ) หรือถ้าอยากชม คุณเด็กวัดในนำมาลงไว้ในเวปคนรักมีดแล้วครับ
ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

ผมได้พาอดีตท่านชายผมยาวแห่งศาลายาไปกราบพระอาจารย์พัน ที่วัดโคปูน

ไปรอจนท่านหมดแขกแล้ว
   จึงเข้าไปกราบท่าน

ภารกิจของท่านหลังจากหมดลูกศิษย์ลูกหาแล้ว



กลัวลูกศิษย์หิว ต้มสมุนไพรให้ทานด้วย
   ใครที่ไปกราบท่าน อยากจะให้พวกอาหารแห้งไปถวายท่านด้วย
เป็นมาม่า เป็นลัง ก็ดี ถ้าท่านไม่ฉัน ก็มีพวกลูกศิษย์ และเด็กๆตามศูนย์เด็กเล็กที่มาขออนุเคารห์ท่านอยู่
ความเมตตาของท่านมีมากล้น ตำรวจน้ำท่วมโรงพักคอมพังก็มาขอท่าน
เหอ เหอ เหอ
    

อีกเรื่องหากท่านใดที่พอมีกำลัง ไปหาท่านถ้าแวะแม็คโค โลตัสแล้วซื้ออาหารสุนัขไปให้ได้จะดีมากๆ
ทุกครั้งที่ผมไปผมจะพยายาม นำไป ถุงใหญ่บ้าง ถุงกระสอบ บ้าง และพวกวิตามินของสัตว์
เพราะอย่างที่ทราบท่านเมตตามากมาย  จะไปไหมก็ไม่ค่อยได้ท่านห่วงสุนัขและแมวท่ี่ท่านเลี้ยงไว้
 เรื่องที่อยากขอคือ ไม่อยากให้เอาสุนัขไปถวายท่านแล้ว
เพราะว่าเอาไปแล้ว บางตัวเอาไปไม่มีวินัย ท่านสักให้ลูกศิษย์แล้ว พอเลิกยังต้องมาเก็บของเสียหนัก เบา
จากสุนัขอีก

ดูท่านชายทำ ธูปเทียน เงินกำนล บุหรี่มีแล้ว  ดอกไม้ไม่มี ท่านชายเล่น ต้นเข็มมาเลยสองกระถาง

อาจารย์ท่านเมตตาจัดให้ แบบ จัดเต็ม จัดหนัก


หมึกไม่ต้องเช็ดออก เชื่อได้ว่าสักติดทุกเม็ด


จำได้ว่าเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๖-๒๕๓๗ ไปสักกับท่าน
อยากได้เสือที่หน้าอก นำเรียนท่านว่าเอาตัวเล็กๆพอ
ท่านบอกว่าไม่ได้ เดี้ยวหลวงพ่อ (หมายถึงหลวงพ่อเปิ่น)ท่านไม่เป่าให้
ท่านชอบเสือตัวใหญ่ๆ
   ท่านเมตตาสักน้ำมันให้ ผมสลบคาเข็มเลยตอนเสร็จ
ตอนนั้น ยังไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยเลย
    แค่นี้ก่อนครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

30
ด้วยความเคารพครับ
    นำมาให้ชมครับ
พระครูปลัดขวัญชัย บุตรบุญธรรมของหลวงปู่่
เป็นผู้สร้าง ซึ่งหลายๆปีที่ผ่านมาท่านผู้ดำเนินการ
เรื่องวัตถุมงคลที่แจกในงานแสดงมุทิตาจิตคล้ายวัดเกิดหลวงปู่อั๊บท่าน

มีสามพิมพ์ เจริญพรบน เจริญพรล่าง และเหรียญข้าวหลามตัด(พิมพ์นี้ท่านผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าของพิมพ์)



   พระอาจารย์ญา ท่านว่ารุ่นนี้น่าจะดัง

   เหรียญที่นำมา ยังไม่เรียบร้อยนะครับ เดี้ยวผมจะเอาไปคืนพระปลัดท่าน
มีเนื้อทองคำ เนื้อเงินลงยา เนื้อเงิน เนื้อนวะโลหะ เนื้อทองแดง
เนื้อตะกั่ว


    เนื้อทองคำเหรียญนี้เสียดาย ปั้มออกมาไม่เต็ม
ถ้าเป็นของผมจะฉลุเฉพาะองค์หลวงปู่ออกมา คงเกือบบาททอง เพราะเหรียญสร้างกำแพงปีที่แล้วฉลุเป็นรุปหลวงปู่ออกมา
เกือบสองสลึง ซึ่งฉลุแล้วเอาขอบที่เหลือไปหลอมปั้มใหม่
 ผมรับดำเนินการไปปั้มมาใหม่


           เนื้อเงิน เหรียญนี้เป็นเนื้อพิเศษ
นำเหรียญ ตระกรุด และมวลสารเนื้อเงิน ของหลวงปู่่หลายๆรุ่นมาหลอม
แล้วเอามาปั้มเหรียญเลยกรอบ เลยทำออกมาได้ไม่กี่เหรียญ
ผมว่าจะฉลุเฉพาะองค์หลวงปู่่ไว้

ไว้มวลสารจะนำมาใช้ชม (ถ้ามีเวลา)

 อยากได้อะไรไปที่วัดนะครับ ผมไม่รับอะไรทั้งสิ้่น
จะแจกอย่างไร แจกแบบไหน  แล้วแต่ทางวัด
หน้าที่ผมรับใช้ครูบาอาจารย์เท่านั้น
 
ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

31
ด้วยความเคารพครับ


อยากทราบประวัติรุ่นข้างบนนะครับ



ข้างล่างนี้ ออกวัดหัวลำโพง ผมไปเช่ามาจากที่นั้นนะครับ




ล๊อคเก็ตคู่นี้ ผมบูชามาจากวัดโคปูน พระอ.พัน ท่านสร้างนะครับ



ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

32
ด้วยความเคารพครับ
  มีโอกาสได้ไปชม  รอบปฐมทัศน์ของ ขุนรองปลัดชู ที่สกาล่า
ในงานมี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (จำชื่อไม่ได้) แต่มีฐานะเป็นเทศบาล
ได้จัดสร้างเหรียญรุ่นนี้ขึ้นมา มีทั้งเหรียญและรูปหล่อขนาดบูชาของ ขุนรองปลัดชู
  นำรูปมาฝากกันครับ
 เห็นเจ้าหน้าที่แจ้งว่า มีเกจิอาจารย์สายอ่างทอง สิงห์บุรี ร่วมปลุกเสก

ขออนุญาตนำรูปด้านซึ่งเป็นพระพุทธขึ้นก่อนนะครับ







แล้วก็
อันนี้ผมประทับใจเพลงประกอบครับ

เพลงคนดีไม่มีวันตาย

แม้ไม่มีใครรู้ แต่เรารู้
รู้ว่าเรานั้นทำเพื่อใคร
ไม่ว่าวันพรุ่งนี้มันจะเป็นเช่นไร
ก็จะไม่เสียใจกับสิ่งที่เราได้ทำ
ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร
ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหนไม่เคยบ่นซักคำ
ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ
**จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าถึงเวลาก็ต้องไป
เหลือไว้แต่คุณงามความดี
ขอเทิดทูนศักดิ์ศรียิ่งสิ่งใด
แม้แต่ลมหายใจก็ยอมพลี
โลกยังไม่สิ้นหวัง ถ้ายังมั่นในความดี
ศรัทธาไม่เคยหน่ายหนี คนดีไม่มีวันตาย **

http://www.youtube.com/watch?v=Xo7X-P3QSzQ

http://www.youtube.com/watch?v=cNV-JOBUjQY

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

33
ด้วยความเคารพครับ
   ผมอยากให้คนไทยดูหนังเรื่องนี้ครับ

http://www.youtube.com/watch?v=OfIDXbG5yHM&feature=player_embedded#at=11

http://www.youtube.com/watch?v=dPSegB2qF7U&feature=player_embedded

http://www.youtube.com/watch?v=e_Z6IOyW60I&feature=related
น่าเสียดาย
คนที่เรียนประวัติศาสตร์ตะวันตก ได้รู้จัก สงครามระหว่างกรีกและเปอร์เซีย ณ ช่องเขาเธอโมพีลี กำลังทหารสปาต้าแห่งกรีกเพียง 300 คน
ภายใต้การนำของกษัตริย์ลีโอนิดาส ยันทัพเรือนแสนของเปอร์เซียได้ถึงสามวัน เมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล

แต่เด็กไทยสมัยนี้กลับไม่รู้จักขุนรองปลัดชู และคนกล้าชาววิเศษอีกสีร้อย

คนในหลายประเทศ ได้ดูหนังเรื่อง ๓๐๐ ได้รู้ถึงวีรกรรมของทหารกรีกสามร้อยนาย

หวังว่าคนไทยจะดูหนังเรื่องนี้บ้างนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ภาพนี้ผมไปถ่ายมา เมื่อปีที่แล้ว ณ วัดสีร้อย
เห็นมีบางเวป เริ่มเอาไปใช้กับแล้ว


 ผมลงไว้ครั้งแรกที่เวปวัดบางพระ
กระทู้นี้ครับ    http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=16154.0



ถ้าผิดกฏลบเลยนะครับ

34
ด้วยความเคารพครับ
   เดือนนี้เริ่มตั้งแต่ วันที่๕ พฤษภาคม ที่ผ่านมา
หลวงปู่อั๊บวัดท้องไทร ไหว้ครู และยังมี ของอาจารย์แก้ว
 
  ในวันพรุ่งนี้ วันที่ ๑๑ พฤษภาคม  มีไหว้ครู
ของพระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง
   และอ.อั้น ไหว้ครู จัดไหว้ครูที่บ้าน
เพื่อโปรดทราบ
    ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะเอาภาพมาให้ชมครับทั้งสองงาน
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

35
ด้วยความเคารพครับ
  ขอความเห็นครับ
แสดงได้เต็มที่ครับ












ภาพอาจจะไม่ค่อยชัดจะพยายามถ่ายมาใหม่ครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

36
บทความ บทกวี / ชุดรับมือภัยพิบัติ
« เมื่อ: 28 มี.ค. 2554, 07:51:52 »
ด้วยความเคารพครับ
   เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น (แต่ขอให้เชื่ออย่างหนึ่งนะครับ
โลกเบี้ยวๆใบนี้ยังไม่แตกหรอกครับ เรามาแค่ครึ่งทางเองครับ)
รวมถึงภัยพิบัติที่เกิดทำให้ผมนึกถึงบทความในเวปคนรักมีดขึ้นมา
ขออนุญาตมาโพสในที่นี้ครับ
ชุดรับมือภัยพิบัติ

ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง

แผ่นดินไหว น้ำท่วม และภัยพิบัติอื่นๆ สามารถสร้างความเสียหายแก่ชีวิตได้ การช่วยเหลืออาจเข้าไม่ถึง การขนส่งถูกตัดขาด และถนนอาจถูกกีดขวาง ในบางกรณี คุณอาจถูกบังคับให้อพยพ จงพร้อมที่จะรับมือสถานการ์แบบนี้ด้วย ชุดรับมือภัยพิบัติ

น้ำ
เตรียมน้ำประมาณ 4 ลิตรต่อคนต่อวัน (1 US gallon = 3.7854118 liter/ผู้แปล) เก็บน้ำไว้ในภาชนะพลาสติกเช่น ขวดน้ำเปล่า ขวดน้ำอัดลมขนาด 1.5 -2 ลิตร หลีกเลี่ยงการการใช้ภาชนะจะบุบสลายหรือแตกได้ - ขวดแก้ว กระปุก...
ใช้น้ำเพื่อสุขลักษณะ เนื่องจากน้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพของมนุษย์ เราไม่ควรที่จะอดน้ำ ดื่มน้ำอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน (1 US quart = 0.946353 liter/ผู้แปล) จนกว่าน้ำจะหมด แล้วจึงมองหาแหล่งน้ำอื่นต่อไป

อาหาร
สำรองอาหารที่เน่าเสียยากในปริมาณที่รับประทานได้อย่างน้อยสามวัน (อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง ฯลฯ/ผู้แปล) เลือกอาหารที่ไม่จำเป็นต้องแช่เย็น ปรุงให้สุก หรือต้องมีการเตรียม และเลือกอาหารที่มีขนาดเล็กและเบา ถ้าอาหารนั้นจำเป็นต้องปรุงให้สุก อย่าลืมแอลกอฮอล์กระป๋อง (Sterno เป็นเครื่องหมายการค้า ของแอลกอฮอล์แบบกระป๋องที่ใช้อุ่นอาหาร แบบเดียวกับตามงานเลี้ยงบุฟเฟ หรือ ร้านอาหาร/ผู้แปล)

ข้อเสนอแนะ
• อาหารกระป๋องพร้อมรับประทาน เช่นเนื้อ ผลไม้และผัก
• อาหารกระป๋องจำพวก น้ำผลไม้ นม ซุป(ถ้าเป็นซุปผง อย่าลืมสำรองน้ำเพิ่มเติม) เครื่องปรุงหลัก น้ำตาล เกลือ พริกไทย
• อาหารให้พลังงานสูงพวก เนยถั่ว เยลลี่ แครกเกอร์ ถั่วต่างๆ ธัญพืชอัดแท่ง เอนเนอจีบาร์(แบบที่นักกีฬาใช้/ผู้แปล)
• อาหารลดความเครียด เช่น คุ๊กกี้ ขนมหวาน ซีเรียลหวาน
• วิตามินต่างๆ
• ขวด โหล กล่องเก็บอาหาร
• เก็บอาหารเหล่านี้ในภาชนะที่หยิบฉวยได้ง่าย เช่น เป้สนาม กระเป๋ากีฬา หรือถังแบบมีฝาปิด

ชุดปฐมพยาบาล
เตรียมไว้สองชุด ชุดหนึ่งในรถและอีกชุดที่บ้าน
หนึ่งชุดประกอบด้วย
• พลาสเตอร์ปิดแผลที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วคละขนาด
• ผ้าก๊อซขนาด 2 นิ้ว (4-6 ชิ้น)
• ผ้าก๊อซขนาด 4 นิ้ว
• เทปยึดแผลสำหรับคนแพ้ง่าย
• ผ้าสามเหลี่ยม (3 ผืน)
• ผ้าพันแผลขนาด 2 นิ้ว (3 ม้วน)
• ผ้าพันแผลขนาด 3 นิ้ว
• กรรไกร
• ปากคีบ
• เข็มเย็บแผล
• กระดาษทำความสะอาดแบบเปียก (แบบที่เป็นซองหรือกระป๋องสำเร็จ/ผู้แปล)
• ยาฆ่าเชื้อ/ ยาปฏิชีวนะ
• ปรอทวัดไข้
• ไม้กดลิ้น (2 อัน)
• วาสลีนหรือสารหล่อลื่นอื่นๆ
• เข็มกลัดซ่อนปลายคละขนาด
• สบู่ก้อน/เหลวสำหรับทำความสะอาด
• ถุงมือยาง (2 คู่)
• ครีมกันแดด
• แอสไพริน หรือยาแก้ปวด
• ยาแก้ท้องเสีย
• ยาลดกรด
• ยากระตุ้นให้อาเจียน (Ipecac syrup เป็นยาที่นิยมใช้ในเด็ก โดยยามีส่วนประกอบเป็น alkaloid ที่มีคุณสมบัติกระตุ้นให้เกิดการอาเจียนคือ cephalin และ emetine โดยอาจมียานี้ที่บ้านและควรให้เด็กกินยานี้ภายใน 1 ชั่วโมงหลังกินสารพิษ

Doses
เด็ก 6-12 เดือน : 10 ml ตามด้วยน้ำหรือน้ำผลไม้ ประมาณ 15 ml/Kg
เด็ก 1ปี -12 ปี : 15-30 ml ตามด้วยน้ำหรือน้ำผลไม้ ประมาณ150-240 ml
เด็ก >12 ปี : 30-60 ml ตามด้วยน้ำหรือน้ำผลไม้ ประมาณ 240-480 ml
เมื่อกินยาแล้วเด็กจะอาเจียนภายใน 15 นาที ถ้าไม่อาเจียนให้ซ้ำอีก 1 ครั้งในขนาดเท่าเดิมภายใน 20 นาที

Indication
1. ในเด็กที่รู้ตัวดี
2. เด็กที่ อายุ เกิน 6 เดือน
3. กินสารพิษไปภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงและแนะนำให้เป็น first aid treatmentขณะอยู่ที่บ้าน ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

Contraindication
1. มีโอกาสเสี่ยงต่อการสำลักสูง
2. กินสารที่เป็นกรด ด่าง (corrosive agents), hydrocarbon หรือ กินยาที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการชักเช่น tricyclic antidepressant
3. มีอาการ Upper GI hemorrhage หรือปัญหาเลือดออกง่าย
4. มีปัญหาความดันโลหิตสูง หรือ มี Malignant cardiac arrhythmias
5. อายุต่ำกว่า 6 เดือน / คำแนะนำเพิ่มเติม http://www.rcped-thai.org/act26.html /ผู้แปล)

• ยาถ่าย/ยาระบาย
• คาร์บอนต์เม็ด ใช้ดูดซับพิษในระบบทางเดินอาหาร (ให้ใช้ตามคำแนะนำของแพทย์)
ติดต่อกาชาด โรงพยาบาล หรือสาธารณสุข ใกล้บ้านท่านเพื่อรับหนังสือคำแนะนำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

(สำหรับคาร์บอนเม็ดและยากระตุ้นให้อาเจียน ให้ใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะการกลืนสารพิษแต่ละชนิดมีการปฏิบัติต่างกัน บางชนิดต้องให้อาเจียนออกมา บางชนิดถ้าอาเจียนจะเป็นอันตรายต่อทางเดินอาหาร ฯลฯ/ผู้แปล)

อุปกรณ์และเครื่องมือ
• คู่มือเตรียมตัวรับเหตุฉุกเฉิน (SAS Survival Handbook: How to Survive in the Wild, in Any Climate, on Land or at Sea/ผู้แปลใช้เล่มนี้)
• วิทยุแบบใช้ถ่าน และถ่านสำรอง
• ที่เปิดกระป๋องแบบไม่ใช้ไฟฟ้า, มีดสารพัดประโยชน์ (Victorinox, Leatherman, etc../ผู้แปล)
• เครื่องดับเพลิงขนาดเล็ก ใช้ได้กับไฟคลาส A-B-C
( Class A rating: ใช้กับไฟขนาดเล็ก ไม้ กระดาษ ผ้า ยาง
Class B rating: ใช้กับไฟขนาดเล็ก น้ำมัน ของเหลวติดไฟ
Class C rating: ใช้กับไฟขนาดเล็ก อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังจ่ายไฟอยู่ / ผู้แปล)
• เต๊นท์สามเหลี่ยม (ลักษณะเดียวกับที่ใช้เวลาไปร.ด./ผู้แปล)
• คีม
• เทปติดของ
• เข็มทิศ
• ไม้ขีดไฟในกล่องกันน้ำ
• ฟอยล์อลูมิเนียม
• พลุสัญญาณ
• กระดาษและดินสอ
• เข็มและด้าย
• หลอดหยดยา
• ประแจ ใช้ขันปิดวาลว์ก๊าซ วาล์วน้ำ
• นกหวีด
• ผ้าพลาสติก

เสื้อผ้าและอุปกรณ์รองนอน
สำรองเสื้อผ้าและรองเท้าสำหรับผลัดเปลี่ยนอย่างน้อยหนึ่งชุดต่อหนึ่งคน
• รองเท้าบูทลุยน้ำ
• อุปกรณ์กันฝน ร่ม เสื้อฝน (ผ้าปันโจของทหาร ถือเป็นอุปกรณ์ที่ควรมี /ผู้แปล)
• ผ้าห่มหรือถุงนอน คนละหนึ่งชุด
• หมวกและถุงมือ
• ชุดชั้นในแบบเก็บความอบอุ่นได้ดี (ผ้าฝ้ายหรือขนสัตว์ แบบแนบตัว/ผู้แปล)
• แว่นกันแดด

อุปกรณ์รักษาความสะอาด
• กระดาษชำระ
• สบู่ สารทำความสะอาด
• เครื่องใช้ส่วนตัวของผู้หญิง /ผ้าอนามัย
• เครื่องใช้ส่วนตัว แชมพู สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ยาดับกลิ่นตัว หวี แปรง ลิปมัน
• เสียม พลั่ว จอบ ขนาดเล็ก เพื่อขุดหลุมถ่าย
• ถุงดำ และเชือดรัด
• ถังพลาสติกแบบมีฝา
• ยาฆ่าเชื้อโรค
• สารฟอกผ้าขาวชนิดคลอรีน

สิ่งของพิเศษ
อย่าลืมสิ่งของจำเป็นสำหรับสมาชิกในครอบครัว เช่น ทารก สตรีมีครรถ์ ผู้สูงอายุ ผู้พิการ
• ทารก
• อาหารสำหรับทารก
• ผ้าอ้อม
• ขวดนม
• นมผง
• ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น
• ผู้สูงอายุ
• ยารักษาโรคหัวใจและความดัน
• อินซูลิน
• ยาประจำตัว
• ฟันปลอม
• เครื่องหย่อนใจอื่นๆ
• หนังสือสีและสีเทียนสำหรับเด็ก
• เกมส์
• หนังสือ

เอกสารสำคัญ
เก็บเอกสารเหล่านี้ในภาชนะกันน้ำ
• พินัยกรรม กรมธรรม์ประกันภัย สัญญา โฉนด ใบหุ้นและตราสารหนี้
• หนังสือเดินทาง บัตรประกันสังคม ประวัติการฉีดวัคซีน (ประวัติการรักษาพยาบาล ถ้ามี/ผู้แปล)
• สมุดบัญชี สมุดเช็ค เลขที่บัญชีธนาคารต่างๆ
• เลขบัญชีบัตรเครดิตต่างๆ
• บัญชีทรัพย์สิน หมายเลขโทรศัพท์สำคัญ
• เอกสารของครอบครัว สูติบัตร ทะเบียนบ้าน ทะเบียนสมรส มรณะบัตร

คำแนะนำในการเก็บรักษา
เก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินนี้ไว้ในที่สะดวกและปลอดภัย ทุกคนในบ้านรู้ที่เก็บ ถ้าเป็นไปได้เก็บในที่เย็น แห้ง และไม่ถูกแสงแดด เก็บชุดอุปกรณ์ฉุกเฉินขนาดย่อมไว้ในรถ เก็บรายการต่างๆเหล่านี้ หรือกลุ่มของสิ่งของไว้ในภาชนะกันน้ำ กันอากาศเข้า เปลี่ยนน้ำและอาหารที่สำรองไว้ทุกๆ 6 เดือนเพื่อให้ใหม่อยู่เสมอ เปลี่ยนถ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าสม่ำเสมอ และสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรถึงวิธีการเก็บรักษายาและเครื่องมือแพทย์ที่ถูกต้อง

ถ้ามีตรงไหนที่แปลผิดพลาด เขียนตกหล่น หรือพิมพ์ผิด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

ผมนำมาจากที่นี้ครับ
 http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=167


ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

37
ด้วยความเคารพ
  ช่วงนี้ติดงานอบรมนะครับ
ว่างแล้วรบกวนชมกันเลยครับ











 

วันนั้นภาพกลางแจ้งไม่มีนะครับ
 เพราะว่าหนาวมากและฝนตกครับ
   


แถมครับ

38
ด้วยความเคารพครับนำมาให้ชมครับ
มวลสารดี เจตนาดี




 พิธีที่ ๑ เททองหล่อ วันอังคารที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓
โดยสมเด็จำพระวันรัติ วัดบวรนิเวศ เป็นประธานเททอง
 พิธีมหาพุทธาภิเษก วันพุธที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๔
ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศวิหาร

อัตราบูชา ท่านใดสนใจเรียนเชิญได้ที่โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภชบวรนิเวศศาลายา ในพระสังฆราชูปถัมภ์
ที่นำมาลงเพราะว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนของชุมชน  ผอ.ทำจริง สร้างคนพัฒนาคนจริง
  ทางไปโรงเรียนอยู่เส้นศาลายา - นครชัยศรี
รั้วโรงเรียนสีชมพู
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

39
ด้วยความเคารพครับ
   งดโพสความเกี่ยวกับการเมือง
และการโกรธเกลียดซึ่งกันและกัน


เราสู้ (บทเพลงพระราชนิพนธ์)

ทำนอง : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช 
คำร้อง : นายสมภพ จันทรประภา
 
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ
ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา
หน้าที่เรารักษาสืบไป

ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า
จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย
มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย

ถึงขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไม่หวั่น
จะสู้กันไม่หลบหนีหาย
สู้ตรงนี้สู้ที่นี่สู้จนตาย
ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู

บ้านเมืองเราเราต้องรักษา
อยากทำลายเชิญมาเราสู้
เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู
เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว


ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

40

ด้วยความเคารพครับ
   งานประจำปีวัดท้องไทรครับ
วันเสาร์ที่ ๒๒ อ.อั้นสักตามปกตินะครับ

นะร้อยแปดครับ

 รูปเพชรเกราะครับ วิชาหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา


ฤาษีถอดรูปถอดดวงใจ  กับบันไดแก้วครับ




 หลวงปู่กำลังประสิทธิให้กับผู้สักยันต์ครับ
 
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

41
ด้วยความเคารพครับ
   สงสัยมานานแล้ว  คำถามอาจจะเกรียนๆบ้าง
แต่ว่าเชื่อว่าคำถามนี้มีหลายๆท่านสงสัย
  บางที่ก็เป็นคนถามที่บางท่านฝากถามผมมา
ประเด็นประมาณ
ถ้านายป.
  ตื่นขึ้นมาตอนเช้าไปตลาด
ซื้อของใส่บาตร ระหว่างซื้อของในตลาด
เห็นพระยืนหลังพิงฝาพิงกำแพงรับบาตรไม่เดินรับบาตร
ให้พรโดยใช้กิริยาไม่สมควร พระเอาของใส่บาตรวนไปขาย
  เลยไม่ใส่พระพวกนั้น
นำไปใส่ให้พระที่เดินรับบาตรอยู่
แต่พอไปใส่บาตรก็เจอพระให้พรภาษาแปลกๆ (พระต่างด้าว)
ตอนใส่บาตรไม่ได้จบ ใส่ๆเลย แถมใส่เงินลงไปในยามอีก
 แต่กรวดน้ำเมื่อมาถึงที่พักแล้ว
 อยากจะถามว่าขออนุญาตแยกคำถามดังต่อไปนี้นะครับ
๑. ก่อนทำบุญบาตรตอนเช้า ต้องอาบน้ำด้วยหรือครับ ปกติล้างหน้าแปรงฟัน
  นายป.ก็ไปใส่บาตร  แต่มีคนทัก เป็นพวกหมอดู บ้าง  คนทรงบ้าง
ทักว่า ท่านใส่บาตรไม่อาบน้ำก่อน ไม่ดี  อยากทราบว่าไม่ดีตรงไหน ??
บางคนอยู่ได้เจ็ดวันไม่ต้องอาบก็ไม่มีกลิ่นตัว
๒. ระหว่างซื้อของใส่บาตร ในตลาด เห็นพระประฤติตนไม่เหมาะสม  ในใจคิดว่า
"เรากว่าจะได้เงินเดือนๆหนึ่งลำบาก ทำไมพระเหล่านี้เอาเปรียบสังคม แค่เดินยังไม่เดิน
รับบาตรไม่รู้จักพอ"  คิดแบบนี้มีปัญหาไหมครับ ??
๓. ตอนซื้อของมาแล้ว ตอนนำไปใส่บาตรไม่ได้จบ ไม่ได้ขออะไรทั้งสิ้น
คิดว่าทำเพื่อสืบพระศาสนา พระจะได้ฉันเพื่อปฏิบัติธรรม เพื่อให้เจ้ากรรมนายเวร ผู้มีคุณ
เงินที่หามาซื้อของใส่บาตรก็ไม่ได้โกงใคร  ทำไมเวลาคนอื่นจะใส่ทำไมยกจบแล้วจบอีก ??
๔. ระหว่างใส่ ใส่เงินไปด้วยบ้าง อยากทราบว่าจริงๆ แล้วตามธรรมวินัยผิดหรือไม่อย่างไร ??
๕. บางวันงานเข้า ใส่บาตรแล้วรับพร พระให้พรสำเนียงแปลกๆเดาได้ว่า พม่า เขมร
ในใจคิดระหว่างรับพร นี้พระจริงหรือเปล่า? บวชมาตามธรรมวินัย หรือ เปล่า
ตรวจสอบว่าเข้าเมืองถูกกฏหมายดีไหม  ตรงนี้มันจะได้บุญไหมนี้ ??
๖. กลับมาถึงบ้านพัก ก็กรวดน้ำ กรวดบ้าง ลืมบ้าง
แต่ทำไมมีคนบอกให้กรวดน้ำก่อนเที่ยง  ถ้ากรวดหลังเที่ยง
บุญจะไปไม่ถึงหรือ ??
๗. สงสัยมานานมากมาย ทำไมตอนซื้อของ
หรือประกอบอาหารใส่บาตร ให้ทำอาหารที่เราชอบ
หรือผู้มีพระคุณเราชอบ  อยากทราบจริง
ถ้าผมหรือผู้มีคุณผมชอบทานอาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น
  ถ้าใส่บาตรให้พระแล้ว  จะได้กินได้ทานอย่างนั้นหรือ ??
พระเป็นผู้นำสาร หรือไปรณีย์หรือ ท่องอยู่ทุกวันว่าท่านเป็นเนื้อนาบุญ
แต่ว่า ข้อนี้งง ??
๘. ผู้มีคุณของผม ครูอาจารย์ บางท่าน ท่านทำบุญสร้างโบสถ์
สร้างสารพัด โรงเรียน โรงพยาบาล แต่ไม่ได้ใส่บาตร ตอนเช้า
หรือนานๆที่จะเลี้ยงพระเพลซะที่  บางคนว่า สร้างแต่บ้านแต่เรือน
ไม่เตรียมสเบียงไว้ จริงหรือ ??
๙. ตามข้อแปด ผมใส่แทนคนเป็นได้หรือไม่ อย่างไร ??
๑๐. วันดีคืนดีได้ยินเสียงเปรต หรือ ได้กลิ่นแปลกๆ เช้ามาไปใส่บาตร
เพลไปทำสังฆทาน ถามว่า เปรตที่เราได้ยินเสียงหรือเจ้าของกลิ่นแปลก
 จะได้รับหรือไม่อย่างไร ??

วันนี้เอารบกวนแค่นี้ก่อนนะครับ
 คราวหน้าคงถามเรื่องสังฆ์ทานต่อ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

42
ด้วยความเคารพครับ
  เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ตอนเช้ามีภาระกิจต้องไปที่ว่าการอำเภอนครชัยศรี
ซึ่งปกติผมจะไม่ว่างทุกวันหยุดในช่วงนี้ พอเสร็จงานเลยไปกราบหลวงปู่อั๊บ ท่านต่อ
 พอไปถึงวัดท้องไทร ไปพบ อ.อั้นท่านบอกว่ามีอะไรจะให้
ท่านบอกว่าฝากไว้ที่วัดพักหนึ่งแล้ว ท่านว่าท่านให้ผม
  เป็นผ้ายันต์ที่พระอาจารย์พงษ์ เขียนในโบสถ์เก่าวัดบางพระ
โดยใช้ผ้าคลุมศพตายโหง เบญเพส และผ่านการอธิษฐานจิตจากหลวงพ่อเปิ่นท่าน
แล้ว


เทียบขนาดกับบีบี และแม็คสิบนัดครับ
 ถ้าใครไปบ้านอ.อั้นคงจะเคยเห็นครับ
ผมไม่ทราบว่าทำไมท่านถึงให้ผม
พรุ่งนี้จะนำไปใส่กรอบ บูชาครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

43
ด้วยความเคารพครับ
   ขออนุญาตโพสแบบเร่งด่วนก่อนไปทำงาน


  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

44
ด้วยความเคารพครับ
  ยุ่งแต่เรื่องน้ำท่วม
ตอนนี้พอมีเวลาแล้ว
  ขออนุญาตนำรูปงานกฐินวัดท้องไทรปีนี้มาให้ร่วมอนุโมทนานะครับ


แห่องค์กฐินรอบโบสถ์ครับ
หลังจากถวายกฐินแล้ว
  เจ้าภาพก็มาถวายผ้าป่ากับหลวงปู่




หลวงปู่รับผ้าป่า


ทะยอยลงภาพนะครับ

45
นำมาจากเวปคนรักมีดนะครับ
  เวปคนรักมีดเป็นเวปของคนชอบของมีคม
อาวุธโบราณ  ร่วมถือชีวิตกลางแจ้ง 
 เข้าเรื่องดีกว่าครับ
   

ยอดเงินกฐินจากชุมชนคนรักมีดถวายแด่วัดบางพระเป็นเงิน 12,800 บาทครับ


ภาพมาแล้วครับ



พี่สาราพัดกับปลัดบัฟ



แจกโบว์ติดเหรียญหน้าเสือให้กับผู้มาร่วมงานกฐิน



เตรียมตัวแห่กฐิน



ถวายเงินกฐินของกลุ่มชุมชนคนรักมีดให้กับพระอาจารย์สำอางค์ เจ้าอาวาสวัดบางพระ



ถวายของให้พระอาจารย์ญา



พระอาจารย์สำอางค์ ทอดผ้า






อันนี้รายละเอียดของกฐินเวปคนรักมีด ครับ เพื่ออนุโมทนา

อันนี้เป็นข้อความของพี่สารพัด จากเวปคนรักมีดนะครับ

จากปี 2549 ผมได้ร่วมกับชุมชนคนรักมีดของพวกเรา ดำเนินการทอดกฐินจำนวน 3 วัดดังนี้
1. วัดบางซ้ายใน จ.อยุธยา ทอดกฐินในวันที่ 22 ตุลาคม 2549 เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท
2. วัดทุ่งยายดำ จ.ฉะเชิงเทรา ทอดกฐินในวันที่ 28 ตุลาคม 2549 เป็นจำนวนเงิน 22,000 บาท
3. วัดซึ้งบน จ.จันทบุรี ทอดกฐินในวันที่ 29 ตุลาคม 2549 เป็นจำนวนเงิน 26,310 บาท

สรุป มีเงินร่วมทำบุญทอดกฐิน เป็นเงินทั้งสิ้น 68,310 บาท
ลิงค์นี้ครับ http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/...%B4%A1%B0%D4%B9

ในปี 2550 พวกเราชุมชนคนรักมีด ดำเนินการทอดกฐินกัน จำนวน 5 วัด ครับ
ดังนี้
1. วัดท้องไทร จ.นครปฐม ทำการทอดกฐินในวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม 2550 ยอดเงิน 12,799 บาท
2. วัดหลวงปู่หงษ์ สุรินทร์ ทำการทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2550 ยอดเงิน 20,799 บาท
3. วัดซึ้งบน จ.จันทบุรี ทำการทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2550 ยอดเงิน 19,999 บาท
4. วัดแก้วฟ้า จ.อยุธยา ทำการทอดกฐินในวันอาทิตย์ที 11 พฤศจิกายน 2550 ยอดเงิน 22,999 บาท
5. วัดทุ่งยายดำ จ.ฉะเชิงเทรา ทำการทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2550 ยอดเงิน 16,099 บาท
ค่าผ้าไตรและเครื่องสังฆทาน ยอดเงิน 4,393 บาท
รวมเป็นยอดเงินทำบุญ ทั้งสิ้น 97,088 บาท

ดูที่นี่ครับ http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/...?showtopic=3805
และที่นี่ครับ http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/...amp;#entry71843


ในปี 2551 พวกเราชุมชนคนรักมีด ดำเนินการทอดกฐินกันจำนวน 7 วัดครับ
วัดที่ 1 วัดเกตุมดีศรีวราราม อำเภอบางโทรัด จังหวัดสุมทรสาคร ยอดเงิน 14,650 บาท
วัดที่ 2. วัดบางซ้ายใน อำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา ยอดเงิน 14,310 บาท
วัดที่ 3. วัดสมานรัตนาราม อำเภอคลองเถื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา ยอดเงิน 22,730 บาท
วัดที่ 4. วัดซึ้งบน ตำบลซึ้ง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ยอดเงิน 20,900 บาท
วัดที่ 5. วัดเขาเจดีย์ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยอดเงิน 18,800 บาท
วัดที่ 6. วัดทุ่งยายดำ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ยอดเงิน 18,800 บาท
วัดที่ 7. วัดใหม่สุทธาวาส อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ยอดเงิน 21,020 บาท

สรุป ยอดรวมเงินทำบุญกฐิน สำหรับ ชุมชนคนรักมีดในปี 2551 เป็นเงิน 138,273 บาท
(ยอดเงินเฉพาะเงินตั้งกองกฐินรวมกับผู้สมทบเพิ่มในนามคนรักมีดครับ)
ตาม link นี้ครับ
http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/...p;mode=threaded
http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/...?showtopic=7390

ในปี 2552 พวกเราชุมชนคนรักมีด ดำเนินการทอดกฐินกัน จำนวน 4 วัดครับ
โดยมีวัดที่จะไปร่วมทอดกฐิน ดังนี้

วัดที่ 1 วัดตรอกนองบน ตำบลตรอกนอง อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี ยอดเงิน 17,020 บาท
วัดที่ 2. วัดบางซ้ายใน อำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา ยอดเงิน 18,500 บาท
วัดที่ 3. วัดทุ่งยายดำ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา ยอดเงิน 18,600 บาท
วัดที่ 4. วัดเขาเจดีย์ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ยอดเงิน 18,600 บาท

สรุป ยอดรวมเงินทำบุญกฐิน สำหรับ ชุมชนคนรักมีดในปี 2551 เป็นเงิน 80,452 บาท
(ยอดเงินเฉพาะเงินตั้งกองกฐินรวมกับผู้สมทบเพิ่มในนามคนรักมีดครับ)
ตาม link นี้ครับ
http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/...showtopic=10170

สำหรับในปี 2553 นี้
พวกเราชุมชนคนรักมีด ดำเนินการทอดกฐินกัน จำนวน 3 วัดครับ
โดยมีวัดที่จะไปร่วมทอดกฐิน ดังนี้

วัดที่ 1. วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓

วัดที่ 2. วัดเขาเจดีย์ จังหวัดนครสวรรค์
ทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

วัดที่ 3. วัดทุ่งยายดำ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทอดกฐินในวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

โดยจะรวบรวมเงินทำบุญของเพื่อนๆ เป็นก้อนเดียวกัน แล้วแบ่งเป็น 3 ส่วนเท่าๆกัน(โดยประมาณ)
แล้วนำไปทอดกฐินสามัคคีในแต่ละวัดที่มีรายชื่อครับ


ขอบคุณครับ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

46
  กำลังทำบันทึกเตือน กำนัน ผู้ใหญ่บ่้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แล้วราษฏรนะครับ
เห็นว่าเกี่ยวกับแม่น้ำท่าจีน ที่ผ่านข้างวัดบางพระ
   แต่ทุกปี หากมีน้ำหลากมา อบจ. จะมาช่วยทุกๆครั้งอยู่แล้ว ขออย่าได้กังวลครับ

เรื่อง   ขอแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำเพิ่มสูงขึ้น
เรียน   
      ด้วยได้รับแจ้งจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระพิมล ว่าจะมีปริมาณน้ำจากทุ่งตอนบนไหลหลากลงมาในระบบคลองต่างๆของโครงการฯจำนวนมากขึ้นจากอัตราเดิมเล็กน้อยประมาณ ๔๐ เซนติเมตร โดยจะขึ้นวันละประมาณ ๒ – ๕ เซนติเมตร แล้วแต่สภาพพื้นที่  จากปัจจุปันคาดว่าเป็นระยะเวลาประมาณ ๗ – ๘ วันแล้วระดับน้ำในคลองต่างๆ จะเริ่มทรงตัวและลดลงยกเว้นในแม่น้ำท่าจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แล้วทรงตัวแล้วลดลงประมาณวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งทางโครงการพระพิมลแจ้งว่าได้ดำเนินการระบายน้ำ โดยการสูบน้ำและผลักดันน้ำโดยอาคารชลประทาน และอุปกรณ์ต่างๆ ในทุกจุดที่ดำเนินการได้อย่างเต็มที่จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะเข้าสู่สภาวปกติ
      จึงเรียนมาเพื่อทราบและแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในเขตพื้นที่ทราบด้วย
            ขอแสดงความนับถือ

47
แจ้งข่าว
 วันนี้ 22/10/53
หลวงปู่อั๊บ ท่านกลับวัดแล้วนะครับ
   กลับมาพักฟื้นที่วัด
ขอบคุณครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

48
ด้วยความเคารพครับ
   อยากทราบ
กำหนดวันทอดกฐิน วัดบางพระ ประจำปี 2553 นะครับ
 
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

49
ด้วยความเคารพครับ
    ขออนุญาตแจ้งข่าวนะครับ
เมื่อวันที่ 28/09/2553 หลวงปู่เกิดอาการขาไม่มีแรง
  ทางญาติโยมจึงนิมนต์ท่ารเข้ารับการรักษาอาการอาพาธ
ที่โรงพยาบาล
  คณะแพษย์ที่ทำการรักษาจึงขอให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ซักพักหนึ่งก่อน
  ผมไปเยี่ยมท่านตอนค่ำๆ
เห็นท่านยังแข็งแรง สนทนาได้ตามปกติ
   สรุปว่าช่วงนี้ไปวัดไม่พบท่านนะครับ
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

50
ด้วยความเคารพครับ
  ขออนุญาตครับ
มีพระพุทธชินราชอินโดจีน มาให้ชมกันสามองค์ครับ
พิจารณาติชมกันได้เต็มทีครับ ว่าองค์ไหนเป็นอย่างไร
พิมพ์อะไรบ้าง

เหลื่ยมไม่เหลี่ยมไม่เกี่ยวครับ










ขอบคุณทุกความเห็นครับ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

51
ด้วยความเคารพครับ
   วันนี้นำมาให้ชมกันสามองค์นะครับ
อยากทราบว่าเป็นเนื่้อโลหะอะไรนะครับ
ยกเว้นองค์สุดท้ายได้มาตอนจากวัดบางพระ
ทุกชิ้นตอนที่ได้มาตอนที่หลวงพ่อดำรงขันธ์อยู่นะครับ
 แสดงความเห็นได้เต็มที่ครับ
ขอบคุณครับ






เค้าตอกเลขตอกโค๊ตกันในถุงเลย






ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

52
     ด้วยความเคารพครับ
มีโอกาสได้ไปศึกษาดูงานที่
  โรงเรียนวิวัตนพลเมือง ของกองพลทหารพัฒนาที่ 1
จังหวัดราชบุรี และวิทยาลัยลูกผู้ชาย
ซึ่งทำงานบำบัดผู้ติดยาเสพติด
  เห็นน้องๆ เค้าเดินแถวแล้ว
ท่องบ่นบทกลอนนี้แล้วรู้สึกว่ามันตรงใจ
เลยขอครูฝึกให้เค้าถ่ายเอกสารมาให้หนึ่งชุด
นำมาให้อ่านกันครับ

แด่...เยาวชนไทย  "คนสิ้นคิด"  
    


  พ่อทำนา  อาบแดด ถูกแผดเผา      ลูกดื่มเหล้า  ฟังเพลง  เคลื้นเคลงเหลือ
แม่ขายผัก กินข้าว เคล้ากับเกลือ      ลูกเอื้อเฟื้อ  พาสาวเที่ยว  เลี้ยวโมเต็ล
พ่อหาเงิน  ส่งลูกเรียน  เพียรอุตสาห์                ลูกติดยา  คบเพื่อนชั่ว  มั่วให้เห็น
แม่กระหาย  ดื่มน้ำคลอง  ตอนกลางเพล      ลูกทะเล้น  จิบไวน์แดง  แพงจับใจ
พ่ออดอยาก  ไม่เคยบ่น  ทนลำบาก                ลูกมัวมาก  เพศสัมพันธ์  มันฉิบหาย
แม่ทอผ้า  ปลูกหม่อน  หารายได้      ลูกหญิงชาย  เที่ยวสนุก  โรคติดตัว
พ่อสูบน้ำ  เข้าแปลงนา  ปลูกกล้าข้าว                ลูกมัวเมา  การพนัน  หมั่นหาเมีย (ผัว)
แม่หาบน้ำ  เลี้ยงเป็ดไก่  ทำสวนครัว                ลูกใจชั่ว  ใช้เงินเพลิน  เดินหลงทาง
พ่อขายวัว  ส่งควายเรียน  เวียนศีรษะ       ลูกตะกละ  กินฟาส์ทฟู้ต  พูดกว้างขวาง
แม่ปวดเมื่อย  สู้งานหนัก  ไม่ละวาง                ลูกสำอาง  ใช้ของแพง  แข่งสังคม
พ่อผอมแห้ง  เรี่ยวแรงน้อย  ด้อยอาหาร      ลูกประพฤติ  อันตพาล  ร่วมเสพสม
แม่เป็นหนี้  ดอกทบต้น  หมดอารมณ์       ลูกเขี้ยวคม  ฆ่าพ่อแม่  ก่อนแก่ตาย


  เกือบแปดสิบเปอร์เซนของผู้เข้ารับการบำบัด
มีรอยสักออกมาให้เห็นนอกเสื้อทั้งนั้น
 บางคนสักแบบเมารี เลย(สักหน้า)
   ถ้าสักสวยงามก็ไม่เป็นไรตัวใครตัวมัน
แต่สักครูบาอาจารย์น่าคิดนะครับ

 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
  

53
ด้วยความเคารพครับ
ขออภัยที่นำภาพมาลงช้าครับ
   สำหรับเพื่อนๆพี่ๆ ที่ช่วยงานที่วัดบางพระเน้นว่าช่วยงาน
ที่วัดบางพระแล้วไม่ได้
มาที่วัดท้องไทร ผมเก็บเหรียญแจกไว้ส่วนหนึ่ง
ถ้าอยากได้รบกวนแจ้งทางกลุ่มเสนห์ไว้ด้วยนะครับ
  อาจจะไม่ได้ทุกท่าน

ปีนี้คนเยอะแต่เป็นระเบียบครับ
เพราะเตรียมการมาเป็นอย่างดี
  ขอบคุณท่านผู้ใหญ่บ้าน และพี่ๆอปพร.
ภาพตอนทำบุญตอนเช้าไม่มีครับ
เพราะว่าทำงานทำหน้าที่อยู่ที่ทำงาน


แถวยาวไปถึงโรงเรียนเก่า
  ปีนี้ไม่มีการสรงน้ำหลวงปู่  แต่หลวงปู่ท่านลงมานั่งเป็นประธานในการแจกพระ
อยู่พักหนึ่งตอนแรกจะให้นั่งแค่15 นาที แต่ท่านบอกว่าท่านไหว นั่งได้เรื่อยๆ
ใครจะนิมนต์ท่านขึ้นกุฎิอย่างไรท่านก็บอกว่าไหว


  วัตถุมงคลในกล่องแดงเปิดประมูล ผู้ที่ประมูลได้ ได้รับจากมือหลวงปู่
ตั้งแต่ทำงานมาต้องมาเป็นพิธีกรงานประมูลก็งานนี้ละครับ

 ปีนี้นอกจากลิเก และหนังแล้ว ตอนกลางวัน
ยังมีการนวดแบบไทย จากโรงพยาบาลห้วยพูล มาช่วยด้วย
   รายได่้ทุกบาททุกสตางค์มอบให้วัด
มาตอนเย็นๆบ้างครับ
  มีการสรงน้ำหลวงปู่ จากญาติโยมของหลวงปู่่
ลูกศิษย์ที่เป็นพระ และฆาราวาส

ใครยืมดอกไม้เค้ามานี้เกรียนสุดๆ
แต่ขอบคุณเจ้าของดอกไม้ครับ




ช่างภาพรดคนสุดท้ายเลย

รดน้ำแสดงมุทิตาแล้ว คราวนี้หลวงปู่พรมน้ำมนต์ให้บ้าง

 

เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
เดี้ยวมาเพิ่มเติม
หากตกอะไรไปบ้่างขออภัยครับ

54
ด้วยความเคารพครับ
   เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่เช่าวัตถุมงคลแผงพระ
เพราะว่าเงินเอาไปทำบุญใส่บาตรตอนเช้าดีกว่า
 แต่สองเดือนที่ผ่านมาจิตใจไม่ดี
ทำงานที่ไม่อยากทำมาตลอด  ไม่สบายใจเวลาทำงาน
เลยไม่ได้ใส่บาตรตอนเช้าเลย
  เห็นมีผู้ประกาศให้บูชาเหรียญพ่อเที่ยง
ผมศรัธาท่านมานานแล้วคนของพ่อผมสักกับพ่อเที่ยง
แล้วคุ้มตัวได้จริง สามารถปกป้องคนอื่นได้ด้วย 
ครูบาอาจารย์ของผมก็เป็นศิษย์ของท่านพ่อเที่ยง
เลยตัดสินใจโทร ไปในที่สุด ก็ขับรถไปหาถึงที่เลย
หลังไหว้ครูที่วัดบางแวก เรียกว่าขับรถยาวข้ามสามจังหวัด
  ได้มาบูชาสมใจที่เดียวสองเหรียญ
วันนี้เจอพี่ท่านหนึ่งท่านพูดมาว่าเห็นว่าอยากได้
เลยเอาติดมาฝากอีกเหรียญโดยไม่นึกไม่ฝันรวมเป็นสามเหรียญ
  นำมาให้ชมครับ





  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
   

55
ขออนุญาตครับ
เหรียญที่จะแจกสิบสองสิงหานี้
เป็นเหรียญทองแดงนะครับ

ทองคำ เงิน นวะ ทองแดง ตะกั่ว

ทองคำ เงิน นวะ

ด้านล่างมีทองแดงลองพิมพ์  และตะกั่วนม ตะกั่วนมช่างทำไว้สองเหรียญ

รุ่นนี้ไม่ทำกะไหล่เงิน หรือทอง นะครับ
เนื้อทองคำใช้ทองที่ทำทองรูปพรรณมาหลอมทำ
ทองทำได้สิบสี่เหรียญ ๅน้ำหนักต่างกันไป
  เนื้ออื่นเดี้ยวขออนุญาตไปขอเอาบิลที่ท่านพระครูมาดูก่อน

เหรียญนวะครับ มีประมาณนี้
  ออกให้บูชาหลังงานพุทธาภิเษกเหรียญละ250บาท
มีคนตุ่นกันไปสิบเหรียญยี่สิบเหรียญยังไม่พอ
ส่วนเนื้อตระกั่วแจกหลังงานพุทธาภิเษกไปแล้ว

อันนี้เป็นชุดของผู้ร่วมสร้าง

รวมๆครับ

    เพื่อศึกษาและสะสม
ผมไม่มีอะไรแจกอะไรขายทั้งสิ้น
   แค่อยากให้ทุกอย่างในวัดท้องไทรเสร็จ
สมบูรณ์
  อยากได้อะไรไปที่วัดครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

56

อันนี้ผ้ายันต์ที่ผมทำถวายครับ
บล๊อคของท่านพระครู

ตอนตีสาม ฟ้ามืด



ของที่เสกในพิธี เหรียญแจกกลมเล็กแจกสิบสองสิงหาและผ้ายันต์


 พี่ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพปีที่แล้วท่านรับเป็นประธานให้ปีนี้ก็เหมือนเดิมท่านร่วมเป็นประธานกับท่านผู้ใหญ่บ้าน
พี่ท่านมาตั้งแต่สีสาม มาช่วยทำงาน เตรียมงาน

เตรียมอาหาร คาวหวาน

ภาพถ่ายโดยคุณชายผมยาวแห่งศาลายานะครับ

57
ด้วยความเคารพครับ
  เมื่อวานเข้าไปที่วัดท่้องไทรมา
เข้าไปกราบหลวงปู่ท่านเห็นท่านว่าท่านเหนื่อยๆอยู่
จนวันนี้ทางผู้ดูแลหลวงปู่นิมนต์ท่านเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล
 คุยกับหมอแล้วเห็นว่าจะให้ท่านอยู่พักรักษาที่ร.พ.
ในส่วนของจะกี่วันนั้น ยังไม่ทราบ
      ช่วงนี้หลวงปู่ชราภาพ เมื่อวันที่14 ที่ผ่านมาท่านก็ได้ล้ม
เพราะขาหมดแรงขณะลุกขึ้นหลังจากเดินตรวจวัด
เบื้องต้นแจ้งให้ทราบครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

58
  (ไม่มีคนซื้อไม่มีคนล่าไม่มีคนทำเสือก็ไม่ตาย)
แมวสีอะไรกับจับหนูได้เป็นใช้ได้อย่างนั้นหรือ??
ลองอ่านดูครับ
รวบอดีตครู-ลูกมือวางยาฆ่าเสือบึงฉวาก...

เอาซากไปขาย'บรรหาร'เดือด
               
รวบอดีตพ่อพิมพ์ของชาติ ชวนลูกชายกับเพื่อนอีก 2 คนรวมทั้งหมด 4 คน ตั้งแก๊งวางยาพิษฆ่าเสือโคร่งในบึงฉวาก ก่อนจะขโมยเอาซากไปขายให้พ่อค้า โปลิศตามรวบไว้ได้ 3 คน ส่วนเพื่อนลูกชายอีกคนเผ่นหนีไปได้หวุดหวิด แฉ ครั้งแรกวางยาพิษตายไป 2 ตัว แต่เอาซากออกจากกรงไม่ได้เพราะเช้าเสียก่อน พอครั้งที่ 2 วางยาพิษตายไปอีก 2 ตัว คราวนี้แบกเอาซากเสือโคร่งไปได้ 1 ตัวอีกตัวทิ้งไว้ในกรงเพราะกลัวเจ้าหน้าที่มาเจอ สุดท้ายไม่รอดเจอรวบ
   
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 พ.ค. พ.ต.อ.วีระ บุตรโพธิ์ทอง รอง ผบก.ภ.จว. สุพรรณบุรี พ.ต.อ.สุทธิ พวงพิกุล ผกก. สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมพวกร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งคนร้าย บุกลักเสือโคร่งในบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ อ.เดิมบางนางบวช ได้ผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วยนายปัญญา ศรีแจ่มดี อายุ 57 ปี อดีตข้าราช การครู อยู่บ้านเลขที่ 47 หมู่ 2 ต.ปากน้ำ อ.เดิมบางนางบวช นายณรงค์ฤทธิ์ ศรีแจ่มดี อายุ 29 ปี ลูกชายนายปัญญา นายมาโนช ดอกไม้ขาว อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 3 ต.นางบวช อ.เดิมบางนางบวช ส่วนผู้ต้องหาอีกคนที่ยังหลบหนีอยู่คือ นายพิสิษฐ์ อุดมมงคลสิทธิ์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับนายณรงค์ฤทธิ์และนายมาโนช
   
พ.ต.อ.สุทธิเปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา มีคนร้ายบุกเข้ามาวางยาพิษฆ่าเสือโคร่ง ภายในสวนสัตว์บึงฉวากตายไป 2 ตัว จากนั้นวันที่ 22 พ.ค. มีคนร้ายบุกเข้ามาวางยาพิษฆ่าเสือโคร่งตายไปอีก 2 ตัว โดยคนร้ายได้   แอบขโมยเอาซากเสือโคร่งไปด้วย 1 ตัว ทิ้งไว้ในกรง 1 ตัว เจ้าหน้าที่สวนสัตว์จึงไป แจ้งความไว้ที่ สภ.เดิมบางนางบวช เพื่อให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้าย อีกทั้งนายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อรู้ข่าวถึงกับโกรธมาก พร้อมกับบอกให้ตำรวจออกติดตามจับกุมคนร้ายมาให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากเสือเป็นสมบัติของชาวสุพรรณบุรี
   
ผกก.สส.ภ.จว.สุพรรณบุรี ระบุต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงออกหาข่าว จนพบว่านายปัญญามีพฤติกรรมค้าซากสัตว์ ประกอบกับจากการสอบถามจากเจ้าหน้าที่บึงฉวาก ระบุว่าก่อนที่เสือจะโดนวางยาพิษราว 7 วัน นายปัญญาได้เข้ามาเที่ยวที่บึงฉวาก พร้อมกับมาสอบถามรายละเอียดเวลาการให้อาหาร เสือ การเข้าเวรยามดูแลเสือของเจ้าหน้าที่ พอวันที่ 23 พ.ค. เจ้าหน้าที่เลยติดตามไปที่บ้านนายปัญญา ทำให้ทราบว่านายปัญญากับลูกชายคือนายณรงค์ฤทธิ์ พาครอบครัวไปเที่ยวที่ จ.ระยอง เจ้าหน้าที่เลยติดตามไปเพื่อจะจับกุม แต่นายปัญญาไหวตัวทัน ได้ขับรถหลบหนีไปเสียก่อน เจ้าหน้าที่เลยออกติด
ตาม จนสามารถจับกุมทั้งคู่ได้ที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
   
จากการสอบสวนนายปัญญาให้การว่า ได้ร่วมมือกับนายณรงค์ฤทธิ์ลูกชาย กับเพื่อนลูกชายอีก 2 คน คือ นายมาโนช ที่จับกุมได้แล้ว และนายพิสิษฐ์ที่ยังหลบหนีอยู่รวมทั้งหมด 4 คน แอบเข้าไปวางยาพิษ ก่อนจะขโมยซากเสือโคร่งไปขายให้กับนายสำราญ (ขอสงวนนามสกุล) พ่อค้ารับซื้อซากสัตว์ป่า โดยครั้งแรกคืนวันที่ 3 พ.ค. หลังวางยาพิษเสือไปแล้ว ปรากฏว่าเช้าเสียก่อนเลยไม่มีโอกาสเข้าไปเอาซากเสือ กระทั่ง วันที่ 22 พ.ค. ได้ย้อนกลับไปวางยาพิษเสือโคร่งตายไปอีก 2 ตัว จากนั้นใช้เลื่อยตัดกุญแจเข้าไปเอาซากเสือออกมา 1 ตัว ส่วนอีกตัวต้องทิ้งไว้ในกรง เพราะกลัวเจ้าหน้าที่จะมาตรวจเจอเนื่องจากเช้าเสียก่อน กระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่เกิดเหตุ
   
ขณะที่นายเชิงชาย แก้วพุกผา หัวหน้าศูนย์เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าบึงฉวากเปิดเผยว่า คิดไม่ถึงว่าคนร้ายจะกล้าเข้ามาลักเสือ เพราะปกติจะมีเวรยามคอยเดินตรวจตราตลอดเวลา จากการสอบถามทราบว่าคนร้ายอาศัยช่วงเช้ามืดเข้ามาลงมือ อย่างไรก็ตามจะต้องเพิ่มมาตรการการดูแลให้รัดกุมมาก กว่านี้ โดยเรื่องนี้นายบรรหารโกรธมาก แต่ ยังโชคดีที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้าย ได้เกือบยกแก๊ง.


ขอบคุณเดลินิวส์ครับ

59
http://www.youtube.com/watch?v=qtgJMOEREMw

งดความเห็นที่ก่อให้เกิดความแตกแยก

60
วัตถุมงคลของหลวงปู่ที่คนเค้าหากัน
ขอนำภาพพระพุทธขึ้นก่อนนะครับ


สมเด็จท่านทำไว้นานแล้วครับ


หล่อหน้าเสือครับ


หล่อคอน้ำเต้าครับ


ล๊อคเก็ต
วัตถุมงคลไม่ใช่ของผมนะครับผมขอถ่ายของลูกศิษย์หลวงปู่ที่วัดท้องไทรมาครับ
  อยากนำเรียนเรื่องวัตถุมงคลหลวงปู่ เล่นหาลำบาก
บางอย่างมีการทำออกใหม่
  บางอย่างออกจากโรงงานเดียวกันเลยก็มี
อยากได้อะไรไปเอาที่วัดจะดีที่สุดครับ
ของเก่าถ้าคิดว่าชัวรก็ลองดูครับ
วัตถุมงคลบางอย่างไม่ใช่ของท่านก็เอามายัด
   บางอย่างท่านเขียนท่านเองก็บอกว่าไม่ใช่ของท่าน
อันนี้ผมเห็นตามเวปนะครับ
  อีกอย่างผมไม่ใช่คนเล่นพระ
บางท่านเดินมาผมที่อำเภอ
เอาพระหลวงปู่มาให้ดู
  ผมบอกว่าไม่เป็นก็เคื่องผมกลับไป
ก่อนจบ
อันนี้

 เหรียญแจกสิบสองสิงหาปีนี้ครับ
สร้างโดย
 พระครูลูกบุญธรรมหลวงปู่ ผู้ใหญ่บ้าน อ.อั้น
พร้อมกับลูกศิษย์ท่าน

อยากได้อะไรเรียนเชิญที่วัดนะครับ
ของจริงอยู่ที่วัด
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

61
ด้วยความเคารพครับ
   เห็นเป็นประเด็นกันอยู่
       เชิญร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
ขอแสดงความนับถือ
 Gearmour

62
ด้วยความเคารพครับ
   นำภาพมาให้ชมกันครับ





ก่อนงานหลวงปู่ท่านรับแขกตามปกติ ที่วัดมีงานทำบุญสงกรานต์
เมื่อวานหลวงปู่ท่านสุภาพแข็งแรงครับ
  เมื่อวานลูกศิษย์ท่านทำนางพิมมาแจกในวันไหว้ครูด้วยครับ

63
ด้วยความเคารพครับ
   ฝากภาพไว้ให้ชมครับ
จริงๆ เมื่อวานตั้งใจไปหาพระอาจารย์พันแต่
แวะตั้งแต่วัดบางนมโค
วัดหน้าต่างนอก หน้าต่างใน
วัดโพธิ์ผักไห่ วัดสี่ร้อย
วัดมะนาวหวาน วัดไร่
และวัดโคปูน
  เบื้องต้น ตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด
ชมภาพพระอาจารย์พันไปก่อนนะครับ

เมื่อคืนออกจากวัดท่านก่อนเที่ยงคืนประมาณสองนาที
  ใครไปหาท่านนำซื้ออาหารสุนัขไปให้สุนัขที่ท่านเมตตาเลี้ยงไว้จะดีมากมายนะครับ
ไว้กลับจากงานเดี้ยวนำภาพทั้งหมดให้ชมครับ

วัดสี่ร้อย
 มีใครบ้างที่รู้ถึงวีรกรรมของขุนรองปลัดชูและชาววิเศษสี่ร้อยคน




เด็กไทยได้รับรู้เรื่องของชาวสปาตันสามร้อยคน
 แต่มีกี่คนจะรับรู้วีรกรรมของคนไทยสี่ร้อยคน

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

64
ด้วยความเคารพครับ
เริ่มที่วัดท้องไทร
เมื่อวันคืนวันศุกร์หลวงปู่ท่านไม่ได้พักผ่อนเต็มที่เนื่องจาก
มีอาการไอ
แต่ท่านมีเมตตาต่อลูกศิษย์มาขอความเมตตา
 ในวันเสาร์ที่ 20/03/2553
ท่านได้ปลุกเสกวัตถุมงคลจำนวน 3 วาระ ณ ที่กุฎิของท่าน



ช่วงเช้าชุดแรก ลูกศิษย์ท่านที่เป็นพระครู และอ.อั้น ขอความเมตตาท่านปลุกเสกวัตถุมงคล
เป็นตระกรุดเงินนางพิม  หมึกสัก ขุนแผนคนรักมีด และนางพิม เนื้อดิน

หลวงปู่ลงกระหม่อมให้ลูกศิษย์เก่าแก่ของท่านท่านหนึ่ง ท่านนี้ทำพระมาถวายหลวงปู่เสมอ
เสกที่สองสามปี ถึงนำออกมาแจก

  "ฝากด้วย  เดี้ยวพี่จะไปเที่ยวบ้านครูสงวน"
เห็นว่าวันนี้หลวงปู่ต้องเสกของอีกสอง สาม ยก
เลยนำวัตถุมงคลไปไว้ใต้กุฎิหลวงปู่แล้วต่อสายสินธุ์ห่อผ้าขาวไว้

65
ด้วยความเคารพครับ
   คืนอันวุ่นๆของผม
ทำใช้ในหมู่ลูกศิษย์ที่ศรัธาหลวงปู่อั๊บครับ




มวลสารเป็นผงพุทธคุณของหลวงปู่ เกศา เล็บ ยาจินดามณีที่หลวงปู่ทำเอง พระเนื้อตระกั่ว ตระกุดเงินหลวงปู่จารเอง
จีวรเก่าของท่าน

 หลวงปู่อั๊บ เมตตามอบมวลสาร 1
อ.อั้น  เมตตามอบมวลสาร 2
คุณปื๊ด ปู่นนท์เป็นคนดำเนินการครับ ทำได้ทั้งหมด18 อัน 2
  คุณเป้(พ่อค้า)คนรักมีดเป็นปฐมคิด 2
คุณชายผมยาวแห่งศาลายาเป็นผู้ประสานงาน 1
คนที่คุณก็รู้ว่าใคร 3
Gearmour (ทำอะไรไม่รู้) 1
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.ที่เหลือมอบให้วัดดำเนินการครับ  อยากได้เรียนเชิญที่วัดครับ 7
  
  

66
ด้วยความเคารพครับ
เริ่มแต่เช้าเลยครับ

โชคดีวาสนานำพา
  ได้เจอท่านนายธนาคารกับนายเหมือง(เด็กวัดใน)
ช่วงเช้าได้รับความเมตาจากพระอาจารย์ติ่งและพระอาจารย์ต้อยครอบเคียรให้
ครับ

ภายในกุฎิใหญ่ครับ


พ่อจี๊ดกับอ.หนวดครับ


บริเวณฤาษีหน้ากุฎิพระอาจารย์ญาครับ

67
ตามคำขอครับ
 ภาพชุดนี้ไม่ย่อไม่ตัดนะครับ
เพราะมีผู้ขอไว้ครับ



ภาพไม่หวงไม่ห้ามนะครับ ถ้าใช้ในงานเพื่อพระศาสนา
 

68
ด้วยความเคารพครับ
 จนตอนนี้ยังไม่ได้นอนเลยครับ
พี่น้อง
  ระหว่างรอเวลาไปทำงาน
ขออนุญาติเริ่มเลยครับ

เมื่อวานตอนเช้า
  ไปรับอ.อั้นจากไทรน้อยไปท้องไทร
ได้ผ้ายัตน์จูงนางเขียนมือมา
  ภาพติดไว้ก่อนนะครับ
เดี้ยวจะเอามาโพสให้

  เสร็จแล้วไปบ้านครูสงวน
ไปได้รับข่าวสารว่า วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2553
ครูไม่อยู่ไม่ทำธุระนะครับ
 
 ถึงแล้วมาดูภาพที่วัดนกกันนะครับ
 
ทำไมโหลดภาพไม่ไป
ขอรีเครื่องที่ก่อนนะครับ

69
ขออนุญาตนำภาพพระพุทธขึ้นก่อนนะครับ
อาจจะไม่ครบถ้วนเพราะรีบๆพรุ่งนี้ต้องไปรับอ.อั้นไปวัดแต่เช้า


ขุนแผนของพระอาจารย์ปุ้มครับ
 วันนี้หลังจากอบรมที่วิทยาลัยการปกครอง (ไปอบรมมาเป็นอาทิตย์)
ขากลับไปส่งพี่ๆที่องค์พระปฐมเจดีย์เสร็จก็แวะวัดท้องไทร
เค้ารื้อซุ้มหน้าประตูวัดแล้วนะครับ

เข้าไปกราบหลวงปู่มา

ภาพหลวงปู่ในอริยาบทสบายๆ
โชคดีวันนี้วันโกน
 ก็เลยได้

  ช่วงเย็นๆไม่แขกเลยได้คุยกับท่านหลายๆ เรื่อง
ท่านเมตตามากมาย
ผมถามท่านถึงนางพิมที่พระอาจารย์วัดนิมทำมาถวาย
ท่านบอกให้ไปหยิบเอาหาอย่างไรก็หาไม่เจอ เจอแต่พิมพ์เก่า
กับสีผึ้งแม่นางพิม
   แต่ในที่สุดโชคดีมากมายมีคนใจดีให้มา

นางพิมไม้แกะขนาดใหญ่อีกองค์เสร็จแล้วนะครับ
เสร็จตั้งแต่งานประจำปีของวัด

สงสัยคุณชายสุดหล่อแห่งศาลายา คงต้องทำป้ายมาเพิ่มนะครับ

หลักจากนั้นก็ไปหาพระอาจารย์ปุ้มมานะครับ

   พบพระอาจารย์เงาะท่านอยู่ด้วย
วันนี้โอกาสดีท่านจารพระขุนแผนให้ด้วย
   วันนี้ที่ตู้พบปลัดขิกรุ่นเก่าของพระอาจารย์ปุ้มนะครับ
ท่านทำไว้ตั้งแต่พรรษาที่สอง
 ขออภัยที่ไม่ลงภาพให้ชมนะครับ
   ขอบคุณครับ
ปล.พรุ่งนี้ถ้ามีโอกาสเจอกันที่วัดนกนะครับ
         

70
ด้วยความเคารพครับ
   ชมภาพกันเลยครับ
ไม่มีคำบรรยาย
เป็นภาพเมื่อเวลาห้าโมงเย็นครับ






ตามคำขอของเพื่อนๆที่โทรมาแจ้งข่าวครับ
เดี้ยวมีภาพต่อครับ

71
ด้วยความเคารพครับ
   ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่เคี้ยง(rescuer)
สำหรับความเมตตานะครับ
 
ลักษณะของแหวนเป็นรูปพระนารยณ์ทรงครุฑ ยุดนาค มี 4 กร ทรงจักรตรี คันศรและลูกศร

ด้านขวาของแหวนเป็นรูปหนุมาน

ด้านซ้ายเป็นรูปองคตผู้เป็นมหาปราบ

 เจาะโพรงบรรจุผงวิเศษของมหาฤาษี สมัยทวารวดี ขุดได้ในถ้ำพระ จ.อุทัยธานี

รอบในวงแหวนประทับตราพญาราชสีห์ผงาดในวงกลม
ก่อนสวมแหวน ตั้งนะโม 3 จบ บริกรรมภาวนาว่า “ อะระหัง สุคะโต ภะคะวา” 9 จบ
 แล้วต่อด้วยคาถาหัวใจเทพชุมนุมว่าดังนี้ “อิสะ วิระ มะสาพุทเธวา” 9 จบ แล้วจึงสวมใส่

นำมาให้ชมครับ มิได้เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจพระเครื่อง ไม่รับจัดหาวัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น
    ขอยืมคำคุณเปรี้ยว นะครับ
 ขอบคุณครับ
   Gearmour

72

สวัสดีครับพระเดชพระคุณพ่อแม่พี่น้องที่เคารพ
ชมกันเลยครับ
ล๊อคเก็ตแม่พระธรณี

ล๊อคเก็ต
 หนุมานประสานกาย



นำมาให้ชมครับ มิได้เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจพระเครื่อง ไม่รับจัดหาวัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น
    ขอยืมคำคุณเปรี้ยว นะครับ
 ขอบคุณครับ
   Gearmour

73
ด้วยความเคารพครับ
   เมื่อวานนี้
ได้พบกับเพื่อนเก่า สมันเรียนมัธยม
ไม่ได้เจอกันมานานกว่าสิบสองปี  ต้องขอบคุณ
MSN Hi5 Facebook ที่ทำให้ได้พบกับเพื่อนอีก
  จริงๆถามว่าติดต่อเพื่อนไหม คงต้องตอบว่าตั้งแต่จบมัธยมมา
ไม่ได้ติดต่อใครเลย งานเลี้ยงรุ่นก็ไม่ได้ไป เพราะงานที่ทำอยู่
    คือว่าเพื่อนได้อ่านเรื่องที่ผมเขียนไว้ในเวปคนรักมีด เกิดสนใจ
เลยแอดเอ็มมาคุยกัน  เรื่องเกี่ยวกับลงนะหน้าทอง
การสัก  พื้นฐานเพื่อนผมคนนี้เป็นคนมีความมั่นใจ เคยเป็นหลีดห้าพระเกี้ยว
กำลังศึกษาป.โท  นึกอย่างไรไม่ทราบขอให้ผมพาไปวัด หลังจากตัดสินใจจะสักอยู่
ครึ่งปี  ก็ติดต่อล่วงหน้าอยู่หนึ่งวัน โชคดีที่วันเสาร์ที่ผ่านมาอ.อั้น ท่านมีรถจากวัดท้องไทรไปรับส่ง
ผมจึงว่าง  ตอนเกือบๆบ่ายเพื่อนผมก็มารับผมที่ทำงาน ไม่รู้ว่าศาลายา มันน่าหลงตรงไหน เห็นหลงอยู่
นานหลงไปไกล  กว่ามาบ้านพักผมก็หลายเหนื่อยอยู่
ว่าแต่เพื่อนเก่าเราไม่เจอกันสิบกว่าปีก็น่าแปลกใจที่เจอ แต่เพื่อนวานให้ใครขับรถมาด้วยนี้หน้าคุ้นๆเห็นเป็นรุ่นน้อง
แต่นึกไม่ออก เราบอกว่าจะขับเองในพื้นที่ น้องเค้าบอกไม่เป็นขับเองได้

  ถ้าไม่หลงจนเสียเวลาว่าจะให้ไปกราบ
พระประธานพุทธมณฑล(พระศรีศากยทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์) ซะก่อน
  แต่ไม่เป็นไรเห็นว่าอยากไปกราบองค์พระอยู่แล้ว เลยไปวัดบางพระก่อนเลย
โดยใช้เส้นทางคลองโยง  พอไปถึงวัดบางพระ
ก็ไปที่กุฎิท่านเจ้าอาวาส ค่าบูชาพาน ลงนะหน้าทอง  ชุดเล็กยี่สิบ ชุดใหญ่หกสิบ
ปัจจัยใส่ตู้  หลังจากกราบสังขารหลวงพ่อเปิ่น แล้ว
ก็เข้าไปหาพระอาจารย์สำองค์ ให้ท่านลงนะหน้าทองให้


หลังจากนั้นแล้ว
 ผมบอกถ้าจะสักที่นี้ ค่าครูยี่สิบห้าบาท ดอกไม้ธูปเทียน บุหรี่หนึ่งซอง
เพื่อนบอกว่าจะสักนางพิม กับดำเซ็น
แต่ก็พาเพื่อนขึ้นไปกราบพระอาจารย์ญา
ตอนไปถึงคุณกุฎิท่านเจอคุณต้นน้ำ กับคุณเอ กำลังสกรีนผ้ายันต์
ทำงานให้วัดอยู่ ขออนุโมทนาด้วยครับ
เข้ากราบเรียนพระอาจารย์นำเรียนท่านว่าเพื่อนอยากได้เรื่องทางเมตตา
ท่านก็เมตตาบอกให้ไปเอาทองเปลวมาท่านจะทำให้
    ท่ายยังเมตตาให้ตระกรุดข้อมือผมมาเยอะเลย
เสร็จจากกุฎิพระอาจารย์ญาแล้ว
กราบลาท่านแล้วก็ไปที่วัดท้องไทรต่อ

74
สวัสดีครับพระเดชพระคุณพ่อแม่พี่น้องที่เคารพ
ชมกันเลยครับ
ใบหน้า ปู่วร ก้อนใบ 




อันนี้ของวันไหว้ครูพระอาจารย์หนุ่ม ปีนี้ครับ




นำมาให้ชมครับ มิได้เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจพระเครื่อง ไม่รับจัดหาวัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น
    ขอยืมคำคุณเปรี้ยว นะครับ
 ขอบคุณครับ
   Gearmour

75
สวัสดีครับพระเดชพระคุณพ่อแม่พี่น้องที่เคารพ
ชมกันเลยครับ
 อิ่น หรืออิ้น อ.เปล่ง



แต่ก่อนมีขวดเล็กสองขวด
  หายหาไม่เห็นไปขวด
 นำมาให้ชมครับ มิได้เกี่ยวข้องกับวงการธุรกิจพระเครื่อง ไม่รับจัดหาวัตถุมงคลใดๆทั้งสิ้น
    ขอยืมคำคุณเปรี้ยว นะครับ
 ขอบคุณครับ
   Gearmour

76
ด้วยความเคารพครับ
   ภาพนี้ได้จากกล้องของช่างภาพสำนักพุทธศาสนานะครับ
ภาพในกล้องผมจะนำลงต่อไปครับ


ประธานฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆาราวาสครับ



พระเถรานุเถระครับ



เดี้ยวไปวัดบางพระก่อนนะครับ
 อาจจะมาต่อครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

77
ด้วยความเคารพครับ
   รูปท่านโจรสลัด
ได้นำมาลงไว้แล้วอยู่กระทู้นี้ครับ
ในตอนเช้า
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,13919.html
ขออนุญาตเก็บตกนะครับ

พระอาจารย์ขวัญชัย ท่านเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงปู่อั๊บ
  ท่านเป็นผู้สร้างของแจกในคล้ายวันเกิดของหลวงปู่มาหลายปี
ทำให้เป็นรูปแบบมีการทำพิธีอย่างชัดเจนตัวอย่างเช่น
ในการทำพิธี ณ หอฉันท์ โดยหลวงปู่แย้มวัดสามง่าม และหลวงปู่อั๊บ
  และล่าสุดในวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา
การที่ท่านได้ตำแหน่งพระครูนั้นเพราะว่าท่านชอบช่วยเหลือวัดต่างๆ ในต่างจังหวัด
และเป็นผู้ศึกษาในทางธรรม
ตำแหน่งที่ท่านได้รับคือพระครูสังฆรักษ์  ในฐานานุกรมของพระเทพวิมลเมธี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค4 วัดโพทะเล  อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร


พระที่มาช่วยงานพระครูขวัญชัยครับ
บางองค์เป็นเจ้าอาวาส หลายองค์เป็นพระครูนะครับ

คนที่เหนื่อยในงานนี้อีกสองท่านครับ
  ท่านมหา และท่านผู้ใหญ่บ้าน
เบื้องหน้าสืบไปท่าสงสัยเรื่องวัตถุมงคลเครื่องรางของหลวงปู่
ลองถามท่านมหาดูครับ


พระราชรัตนมุนี  เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม  รองเจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
ท่านก็เมตตามาในงานครับ

รายนามพระเถรานุเถระที่เมตตามาในงาน
1.พระเทพวิมลเมธี  ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 4    วัดโพทะเล อ.โพทะเล จ.พิจิตร
2.พระราชรัตนมุนี  เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม     วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
3.พระครูสิริปุญญาภิวัตน์ เจ้าคณะอำเภอนครชัยศรี   วัดสำโรง
4. พระครูพิทักษ์โพธิ์วัฒน์ เจ้าคณะตำบลแหลมบัว   วัดศรีมหาโพธิ์
5.พระครูสิโรตณสุวรรณารักษ์ เจ้าคณะตำบลศีรษะทอง   วัดศีรษะทอง
6.พระครูสิริชัยธรรมรังสี เจ้าคณะตำบลห้วยพลู   วัดพุทธธรรมรังษี
7. พระครูมงคลสิริชัย    เจ้าอาวาสวัดกกตาล   วัดกกตาล
8.พระครูเกษม  จันทคุณ  เจ้าอาวาสวัดทุ่งน้อย   วัดทุ่งน้อย
9.พระครูสิทธิวิมล เจ้าอาวาสวัดเสถียร   วัดเสถียร
10.พระครูธรรมบาลเชน   วัดมหาธาตุ
11. พระมหาระพิน อภิชาโน   วัดโคกเขมา
12.พระสมุห์จรัญ  สุวังโส   วัดใหม่สุคนธาราม
13. พระอธิการรุ่งวินัย  ตนฺติปาโล (เจ้าอาวาส)   วัดหนองหูช้าง
14.พระมหาไพศาล     วัดกกตาล
   รายนามท่านใดผิดพลาดผมขอน้อมรับไว้เพียงผู้เดียวครับ


ที่ขาดไม่ได้
ขอบคุณพี่เคี้ยงครับ
ที่ช่วยเหลือในงานครั้งนี้
  

มาชมลายมือพระอ.พงศ์บ้างครับ


ผมตามไปวัดบางพระตอนเย็น

ทึ่งในความอึดของคุณเอ๊กซ์ครับ และนับถืออ.หนวดในวิชาและฝีเข็มเหนืออื่นใด
คือความเสียสละที่มาช่วยเหลือครูบาอาจารย์ครับ

ภาพนี้ขออนุญาตพระอาจารย์ด้วยครับ



ขอบคุณครับ
ที่ติดตาม
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour  

78
ด้วยความเคารพครับ
  เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายา 2552
    ตอนเช้ารับอ.อั้น ไปวัดท้องไทร
ภาพการเตรียมงาน รับตำแหน่งพระครูของพระอ.ขวัญ
พระลูกบุญธรรมของหลวงปู่อั๊บ ครับ



ตอนใกล้เพลผมต้องไปทำบุญวันคล้ายวันเกิดพระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง
ระหว่างทางแวะไปที่โรงหล่อแห่งในนครชัยศรี
เนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้วมีพี่ท่านหนึ่งให้เกียรติโทรมาคุยกับผม เรื่องของหลวงพ่อชื่นวัดตาอี
พี่เค้าบอกว่าเค้ากับลูกศิษย์ได้ร่วมกันหลวงรูปเหมือนหลวงพ่อชื่นวัดตาอีขึ้นมา
เลยไปถ่ายภาพมาครับ


ยังต้องโทรกลับไปหาพี่เค้าเพราะว่าไม่เคยเห็นหลวงปู่ตัวจริง
โทรไปเจอภรรยาพี่เค้าเลยทราบว่าถูกต้องถูกองค์แล้วครับ

79
ด้วยความเคารพครับ
  ชมภาพไปก่อนนะครับ
     ผมไปรับอ.อั้นไปงานที่วัดก่อนนะครับ



   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

80
มาชมกันต่อครับ


หลวงพ่อตัด วัดชายนาครับ



หลวงพ่ออุดม ครับ เห็นว่าเพื่อนเราแถวนี้พึ่งไปกราบท่านมาครับ


  หลวงปู่อั๊บ ครับท่านเอามาแจก ประมาณปี 50 ท่านเอามาจากเมืองกาจณ ที่ไปปลุกเสกมา


อันนี้สงสัยครับ  ว่าเป็นของ อ.เปล่ง บุญยืนหรือเปล่า?ครับ


องค์นี้ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดงครับ
ผมลองพิมพ์ลองเนื้อ จะทำขุนแผนคนรักมีดนะครับ
 
ฝากเรื่องขุนแผน อ.เปล่งด้วยครับ
 
 ขอบคุณครับ
Gearmour

81
ด้วยความเคารพครับ
 ขุนแผนครับ
ช่วงนี้ต้องการความเมตตา ครับ
 


 ขุนแผนหลวงปู่ทิมองค์นี้ได้ความเมตตาจากพระอาจารย์ญา ครับ
ข้างหลังคาถาปิโย


ขุนแผนหลวงปู่อั๊บ เนื้อตะกั่วองค์นี้ท่านเทเองครับ


 ขุนแผนพ่อท่านเอ็นวัดเขาราหูครับ  ได้รับความเมตตาจากหลวงพี่สิบทัศน์ครับ


 ขุนแผนพระอาจารย์เงาะครับ สหมิกธรรมของพระอาจารยปุ้มวัดศาลาแดงครับ
    เดี้ยวมาต่อครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

82
ด้วยความเคารพครับ
  ชมเลยแล้วกันนะครับ

หลวงปู่รับผ้าจากพระบุตรบุญธรรมของท่านครับ


พระปรกโพธิ์นี้ผมเห็นที่ศูนย์พระเครื่องเห็นงามดีเลย นำมาเข้าพิธีของพระอาจารย์ปุ้ม สองพิธีและนำมาให้หลวงปู่อั๊บท่านจาร
 ท่านเห็นท่านยังบอกว่าพิมพ์พระสวยดีครับ


ภาพรอยสักเก้ายอดของหลวงปู่อั๊บครับ
   นายแบบมาให้อาจารย์อั้นสักเพิ่มนะครับ


 ภาพนี้อ.อั้นสักเก้ายอดตามสูตรของวัดท้องไทรครับ



สนใจอะไรเรียนเชิญที่วัดที่เลยครับ

83
ด้วยความเคารพครับ
   ติดกันไว้นานมากมายแล้วครับ
เชือกคาดเอวหลวงพ่อหล่ำ ครับ




ไปเช่ามาจากที่วัดประมาณปี 2538 ครับ
ข้างล่างนี้หลวงพ่อหลิวครับ พระอาจารย์พันพาไปเอามาครับ


  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

84
ด้วยความเคารพครับ
 จัดบ้านที่กรุงเทพนะครับเลยค้นเจอมา


  นำมาฝากกันครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmpir

85
บทความ บทกวี / เตือนใจตนเอง
« เมื่อ: 03 พ.ย. 2552, 01:54:11 »
ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่
มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน
แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ

เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า
เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน
เจ้ามามือเปล่า เจ้าจะ เอาอะไร
เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

              ขออนุญาตเตือนใจตนเอง
     วันที่ 3 พฤศจิกายน 2552
   Gearmour

86
ด้วยความเคารพครับ
ขออนุญาตแจ้งข่าว
   เมื่อซักครู่คุยกับอ.อั้น
ท่านว่าหลวงปู่ท่านเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วครับ
  เนื่องจากแผลที่ผ่าตัด
เมื่อเช้าตอนผมไปส่งอ.อั้นที่วัด
ท่านบ่นๆว่าเจ็บแผล
 แต่ท่านก็ยังเมตตารับแขกอยู่บ้าง
    ตอนเย็นโทรไปหาอ.อั้นว่าจะไปรับท่านกลับบ้าน
ท่านว่าหลวงปู่ไปร.พ.แล้ว
คงจะอยู่ร.พ.ซักพักนะครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

87
  ด้วยเคารพครับ

       วันนี้ไปเบิกของที่จังหวัดมา
ขากลับแวะวัดท้องไทรได้ทราบว่าท่านอยู่โรงพยาบาล
เลยตามไปนมัสการหลวงปู่อั๊บที่ร.พ.มาครับ
ท่านบอกว่าจากที่ท่านไปนั่งปรกที่องค์พระปฐมเจดีย์เมื่อวาน
เมื่อคืนนอนไปไม่หลับ
  วันนี้ท่านจึงไปที่ร.พ.ทำการผ่าตัดไส้เลื่อนตอนเก้าโมง
      ตอนทีผมไปหาท่านเป็นเวลา 16.30 น.ท่านสามารถลุกนั่งคุยได้แล้วครับ
ท่านคงกลับวัดเร็วๆนี้
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
   

88
ด้วยความเคารพครับ
  เมื่อประมาณ7 วันที่ผ่านมาบ้านพี่ที่ผมเคารพท่านหนึ่งในเวปคนรักมีด แถวบางบอน
     ถูกโจรกรรม
 ถ้าพบเห็นวัตถุมงคลเหล่านี้ที่ไหน
 รบกวนช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ
0843192119











ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

89
ด้วยความเคารพครับ
   ขอบคุณเพื่อนจากคนรักมีดสำหรับภาพถ่ายครับ


ประธานกฐินปีนี้ครับ








ขอบคุณช่างภาพอีกครั้ง
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

90
ด้วยความเคารพครับ
 
 วันนี้
มีผู้หวังดีประสงค์อะไร??
   เข้ามาที่ห้องทำงานผม
"ขอโทษครับ เห็นเค้าว่าน้องไม่กลัวอะไร รบกวนรับไอ้ตัวนี้ไว้ด้วยครับ"
ตัวอะไรละครับพี่
   พอเปิดกล่องออกมา เป็นนี้เลยครับ
โดดขึ้นโต๊ะทำงานเลย

นี้เลยเกาะเก้าอี้ผมเลย
 แต่ความรู้สึกคือมันน่ารักมากมาย กับคนอื่นมันจิกแต่กับผม
มันไม่ทำอะไร ลูบหัวเล่นได้ เอาเกาะแขนได้
   จะลองเลี้ยงไว้ดูครับ แข็งแรงแล้วจะไปปล่อยไปครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
   

91
ด้วยความเคารพครับ
   เมื่อวานแวะไปวัดท้องไทรมานะครับ
ชมภาพเองครับ
แม่พิมบูชา








อันนี้วัดนิม บางแค สร้างถวายครับ







ข้างบนนี้แม่พิมแกะด้วยแสงเลเซอร์ครับ  ออกหลังออกพรรษาครับ กลางๆตุลาครับ




พิมพ์นี้พระอรุณ (อ.ลาย) สร้างถวายครับ
ทั้งหมดนี้ขอทางวัดถ่ายรูปมานะครับ
ผมไม่ใช่เจ้ากรมนางพิมนะครับ คนมีเยอะกว่าผมมีอีกเยอะครับ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

92
ด้วยความเคารพครับ
   หลวงพ่อมี หลวงพ่อพูน
ที่เก็บไว้ที่บ้านพักครับ
 
สมเด็จองค์นี้มีคราบปลวก ข้างหลังเป็นรูปหลวงพ่อหันข้างบอกชื่อหลวงพ่อบุญมีนะครับ

อันนี้หลวงพ่อพูนนะครับ
   
ผิดพลาดอย่างไรขออภัยครับ
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

93
ด้วยความเคารพครับ
   เมื่อคืน
มีเพื่อนนิรนามท่านหนึ่ง จากเวปไซค์หนึ่ง
มาคุยกับผมที่ทำงานกับบ้านพัก
  เลยขอถ่ายรูปพระและนางพิมที่ท่านพกไว้
มาให้ชมกัน
เห็นว่าเค้าเชื่อมั่นในแม่พิมมากมาย
ชมเองครับ


   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

94
ด้วยความเคาพครับ
  เหรียญของหลวงพ่อเปิ่นที่อยู่ที่บ้านพักครับ




ผิดพลาดอย่างไรขออภัยครับ
อาจจะมีต่อนะครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

95
ด้วยความเคารพครับ
   นำภาพการเตรียมงานเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2552
มาฝากก่อนนะครับ
  พรุ่งนี้จะนำภาพวันงานให้ชมครับ






   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

96
ด้วยความเคารพครับ
เอามาให้อ่านกันนะครับ
มท.เปิดกว้างคนไทยตั้ง ชื่อ-สกุล แปลก ระบุต้องไม่หยาบคาย ไม่ส่อทุจริต ยาวได้ตามชอบ เผยกลุ่มชื่อเท่”ท่านฮ่องเต้-สร้อยเหม็น-ชะรอยจุติมา-รรรรรร”ส่วนนามสกุลเก๋ “จู๋ยืนยง-ชอบนอนหงาย-กางมุ้งคอย-พรหมจารีย์พินาศ-โดนอม”

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า มีการเผยแพร่ข้อมูลไปในหมู่นักท่องเว็บไซต์ โดยผู้เผยแพร่คนหนึ่งใช้ชื่อว่า “คนมหาดไทย”เรื่อง”รวมพลคน ชื่อ-นามสกุล สุดแปลกที่มีอยู่จริงในประเทศไทย”โดยผู้เผยแพร่รายนี้อ้างว่า ได้ตรวจสอบจากงานทะเบียนราษฎร์แล้ว มีอยู่จริง ได้แก่ชื่อ สายใจ เกาะมหาสนุก, สมศักดิ์ หวังกระแทกคาง, หวังนที จู๋ยืนยง, ณรงค์ นัดใช้ปืน, กันภัย สูญสิ้นภัย, อูโน่ หลาวทอง, อธิป จู๋กระจ่าง, ศักดิพันธ์ ชอบนอนหงาย, บรรจง หนึ่งในยุทธจักร, กนกกร เม่งเวหา, รรรรรร (อ่านว่า ระ-รัน-รอน), ท่านฮ่องเต้ สมลุนาวัน, นารัตน์ พัดลม, ลำเทียน จ้องผสมพันธุ์, มนศักดิ์ กางมุ้งคอย

น.ส.ชะรอย จุติมา, แลคโตเย่น (ชื่อ), ดินทะยาน แจงใส, สร้อยเหม็น ฟางน้อย, ไพรัตน์ หม้อน้ำร้อน, ภาคภูมิ ด้วนรู้ที่, หรูหรา ออมตอง, วรุณนาโศรก จันทรคดี, หรินาท ปรปักษ์เป็นจุล, ชัยยศ พรหมจารีย์พินาศ, สงคราม ชนะราวี, นิธินัย เหินเวหา, บารมี สมาธิปัญญา, บรรพต เจ็ดพี่น้องร่วมใจ, ชาติชาญ เล่นเอาขำ, บุญศรัทธา มหามงคล, หินชนวน อโศก, บุญพอ มีเท, จันมี โถรองมูล, นนนที ปล้ำกะโทก, การหาญ โดนอม (อ่านว่า โด-นอม) อย่างไรก็ดี เจ้าของชื่อและนามสกุลแปลกบางรายอาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปแล้วในปัจจุบัน

ด้านนายสมดี คชายั่งยืน ผู้อำนวยการสำนักบริหารการทะเบียน กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า หลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อ ในปัจจุบันคือ
1.ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย หรือพระนามของพระราชินี หรือราชทินนาม
2.ต้องไม่เป็นคำหยาบหรือมีความหมายหยาบคาย
3.ต้องไม่มีเจตนาในทางทุจริต
4.ผู้ได้รับหรือเคยได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ โดยมิได้ถูกถอด จะใช้ราชทินนามตามบรรดาศักดิ์ เป็นชื่อจริง หรือชื่อรองก็ได้

“หากอยู่ในหลักเกณฑ์ เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการให้ได้ทันที ต่างจากสมัยก่อนที่มีการกำหนดว่าชื่อจะต้องมีไม่เกิน 3 พยางค์ แต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ให้เสรีภาพแก่ประชาชน ที่จะตั้งชื่อยาวเท่าใดก็ได้ อย่างช่วงที่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีการจองจดทะเบียนชื่อให้เด็ก ชื่อเด็กชาย”พันธมิตรกู้ชาติ”ก็สามารถทำได้

นายสมดีกล่าวต่อว่า ส่วน นามสกุลมีหลักเกณฑ์ คือ
1.ต้องไม่พ้องหรือมุ่งหมายให้คล้ายกับพระปรมาภิไธย พระนามของพระราชินี
2.ต้องไม่พ้องหรือมุ่งให้คล้ายกับราชทินนาม เว้นแต่เป็นราชทินนามของตน ของบุพการี หรือผู้สืบสันดาน
3.ต้องไม่ซ้ำกับชื่อสกุลพระราชทานของพระมหากษัตริย์ หรือชื่อสกุลที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว
4.ต้องไม่มีคำหรือความหมายหยาบคาย
5.มีพยัญชนะไม่เกิน 10 พยัญชนะ เว้นแต่กรณีเป็นราชทินนาม
6.ผู้ที่ไม่ได้รับพระราชทานชื่อสกุล ห้ามใช้คำว่า “ณ” นำหน้าชื่อสกุล
7.ห้ามเอานามพระมหานคร และศัพท์ที่ใช้เป็นพระปรมาภิไธยมาใช้เป็นชื่อสกุล

นอกจากนี้ยังสามารถจองชื่อสกุลที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระ สังฆราช ได้ที่กระทรวงมหาดไทย หรือ www.dopa.go.th เลือกชื่อที่ต้องการได้เลย

ส่วนเหตุที่กระทรวงมหาดไทยยินยอมให้ใช้ชื่อแปลกเป็นจำนวนมากนั้น นายสมดีกล่าวว่า อาจเป็นเพราะมีการเปิดให้ตั้งชื่อได้อย่างเสรี แต่ต้องดูว่าหยาบคายหรือไม่ อย่างกรณีการตั้งชื่อ “สร้อยเหม็น” ถือเป็นคำที่มีความหมายในตัว เพราะการแปลความหมายเป็นการแปลตามตัว ไม่ได้ผวนคำ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าสังคมรับได้ ไม่หยาบคาย เหมือนกับในอดีตที่มีชื่อ นายทองเหม็น ซึ่งอาจจะเป็นลักษณะเดียวกัน

กรณีที่ตั้งชื่อสกุล “พรหมจารีย์พินาศ” สามารถตั้งได้ เพราะเป็นคำไม่หยาบคาย แต่นายทะเบียนต้องให้คำแนะนำก่อนว่า หากตั้งไปแล้วในอนาคตมีบุตรธิดาอาจจะกระทบต่อจิตใจได้ แต่หากเจ้าตัวยังคงต้องการนายทะเบียนก็จะต้องดำเนินการให้ เพราะเจ้าตัวอาจจะต้องการตั้งเพื่อเตือนสติตัวเอง อย่างไรก็ตาม การตั้งชื่อหรือนามสกุลถือเป็นสิริมงคลแก่ตัวผู้ตั้งเอง นายทะเบียนไม่สามารถกำหนดหรือคัดค้านได้

ที่มา   http://www.cmprice.com/forum/?content=detail&wb_type_id=20&topic_id=51860


อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ
   ชื่อ - นามสกุล ถ้าพ่อแม่ให้มา ก็เป็นมงคลแล้วละครับ
   
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

97
ด้วยความเคารพครับ
  สืบเนื่องจากการค้นหนังสือเมื่อเสาร์อาทิตย์ครับ

(ชมกันครับ พิมพ์ไม่ไหวครับ)
  แต่ก่อนหลวงพ่อแลท่านสัก
อาจารย์จวงท่านจะเป็นผู้ปลุกลงเขี้ยวลงเล็บ
และสอนการปฏิบัติให้ครับ
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

98
ด้วยความเคารพครับ
  วันนี้จัดตู้หนังสือที่บ้านพักพบหนังสือเล่มนี้ครับ
เลยนำมาฝากกันครับ



  ถ้าผิดพลาดอะไรขออภัยครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

99
ด้วยความเคารพครับ
   ขอบคุณพระอาจารย์ และชาวเวปวัดบางพระครับ
ที่ให้ประกาศข่าวสาร และบันทึก
เมื่อวันจันทร์ที่7 ได้ไปนมัสการหลวงปู่อั๊บที่รพ.พร้อมอ.อั้นมาบังเอิญหมอที่ดูแลเรื่อง
ปอดเข้ามาพบหลวงปู่และแนะนำให้ทำการสอดกล้องเพื่อทำการตัดชิ้นเนื้อปอดที่มีปัญหา
ไปตรวจสอบ ก่อนที่จะรักษาเรื่องตา ซึ่งหลวงปู่ก็ได้อนุญาตให้หมอดำเนินการ
  วันอังคารที่ 8 ตอนประมาณ10.30 น. หลวงปู่ได้เข้ารับการส่องกล้อง
ผมได้เข้าไปเยี่ยมท่านในตอนเย็นหลวงปู่ท่านว่าท่านเพลียแต่ว่าไม่เป็นอะไร
อาการภายนอกไม่เจ็บไม่ไอ ไม่มีไข้
ความดันปกติ แต่ฉันได้น้อย
   สอบถามญาติที่เฝ้าไข้ท่านเรื่องผลการตรวจเนื้อที่ตัดออกมาปรากฏว่ายังไม่ทราบว่าผลจะออกมาเมื่อไร
ในส่วนของดวงตาที่มองไม่เห็นนั้น ทางแพษย์จะได้รักษาต่อไป
     พรุ่งนี้วันที่ 9/09/52
ในส่วนของผมคงจะยุ่งๆ นี้เนื่องมีคนโทรมาจองให้จดทะเบียนสมรส เปลี่ยนชื่อตัว ตั้งชื่อสกุล กันพอสมควร
แต่เห็นอ.อั้นและท่านพระครูจะเข้ามาหาท่านที่รพ.
   เบื้องต้นบันทึกไว้แค่นี้ครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.ท่านที่เอาของฝากผมไปถวายท่านและให้ไปฝากคนเฝ้าไข้ผมดำเนินการ
ให้เรียบร้อยแล้วครับ ขออนุโมทนาด้วยครับ

100
ด้วยความเคารพครับ
เพื่อท่านใดจะไปวัดท้องไทรพรุ่งนี้
   หลวงปู่อั๊บท่านอาพาธ เข้ารับการรักษาที่ร.พ.มาแล้วสองวัน
ขณะนี้กำลังพักรักษาอยู่ที่ร.พ.
   หากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไปครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล. พรุ่งนี้อ.อั้นสักตามปกติครับ

101
ด้วยเคารพครับ
วันนี้ตรวจแฟ้มอยู่นึกๆอะไรขึ้นมาได้เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง
 เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2538 ผมได้ไปสักที่วัดบางพระ
สักกับพระอาจารย์ ผมสังเกตว่าแต่ก่อนไม่ได้ใช้กระดาษทิชชูเหมือนทุกวันนี้
แต่ว่าใช้ผ้า อาจจะเป็นเศษจีวร หรือผ้าอาบ  สงบ (ผมเห็นเป็นสีเหลืองๆ) ผ้านั้นใช้เช็ดเลือดและหมึกเวลาหลังสัก แต่ผมโชคดีสักน้ำมันเลยใช้กระดาษเช็ดเอา
ที่กลับมาที่ผ้า คิดภาพนะครับจากผ้าสีเหลืองเช็ดไปเช็ดมามันกลายเป็นสีดำเพราะหมึก และก็แข็งตัวเป็นแผ่น  ผมเคยเห็นมีคนขอตัดเอาไปให้หลวงพ่อเปิ่น ท่านลงอักขระลงในแผ่นผ้าสีดำๆนั้นแล้วใช้ติดตัว  ที่นี้พระอาจารย์พันธ์เคยบอกว่าเลี่ยมให้ดีๆถ้าโดนน้ำระวังจะเหม็นเป็นศพเน่าเลย  ผมเคยได้มาแผ่นหนึ่งแต่ไม่ทราบแล้วว่านำเป็นเก็บไว้ที่ไหน ผู้ถึงเรื่องผ้าเช็ดหมึกนี้ก็แปลก สมัยที่ไปสักที่วัดพระทรงก็เหมือนกัน จะมีลุงคนหนึ่งที่คอยคุมคิวสัก  เวลาก่อนสักคุณลุงท่านจะเอาผ้าที่ให้เช็ดหมึกเอามาเช็ดหน้าเช็ดตาไม่ทราบว่าเป็นเคล็ดอะไรเหมือนกัน
 ขออนุญาตเล่าไว้แค่นี้ครับ
    ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

102
ด้วยความเคารพครับ
   พิมพ์ไว้นานแล้ว
จริงๆ ควรจะโพสตอนดึกๆ แต่ว่าต้องไป
สัมนาที่กรุงเทพ เลยรีบเอามาลงในระหว่างก่อนรอเดินทางดีกว่า

สยองช่วงเลือกตั้ง เรื่องมันนานมาแล้ว

ด้วยความเคารพครับ
วันนี้ เป็นวันที่วุ่นๆ อีกวัน ผมไม่ทราบจะทำอะไรเลยเข้ามาที่ร้านเน็ต แล้วก็ บันทึก

ก็มาเล่าต่อแล้วกันนะครับ
ไม่ทราบว่า ทุกเคยต้องทำงานกับดึกๆไหมครับ ไม่ว่าจะเป็นทีทำงานก็ดี หรือที่บ้าน ที่ห้องพัก
อย่างไรก็ตามเถิดครับ ผมมีความรู้สึกอย่างนี้หลายหน
อาจจะเป็นหวาด ระแวงไปเอง หรือว่า เป็นเรื่องจริงก็ได้
ครั้งหนึ่ง ตอนที่ผม รับราชการครั้ง แรก ช่วงนั้น มีการเลือกตั้ง ในสมัยก่อน การเลือกตั้ง ยังไม่มี กกต.
กรมการปกครอง เป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
หลายครั้งที่ ผมเคยต้องอยู่ บนที่ว่าการอำเภอ จนสว่าง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ผมรู้สึกว่า มีสิ่งผิดปกติ เกิดขึ้น
ขณะ ที่ ผมกำลังพิมพ์งานด้วยเครื่องคอม หลวงอยู่นั้น ขณะนั้นเป็นเวลา ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ผมอยู่บนที่ว่าการอำเภอคนเดียว
เวรยามอำเภอ ออกไปกองร้อยอส. ขณะที่ผมกำลังพิมพ์ๆ และก็พิมพ์ ผมรู้สึกว่าเริ่มมีอะไรที่ผิดปกติ
รอบตัวผม ผมรู้สึกว่า มีใครบางคนอยู่ด้วย ที่แน่ๆ ไม่ใช่แค่หนึ่ง
เหมือนมีสายตาหลายคู่ คอยมองผมอยู่

ผมพยามมองไปรอบๆตัว ก็ไม่พบอะไร
แต่ภาพสะท้อนจากจอคอม มันเหมือน กับมีเงาอยู่ข้างหลัง
เท่านั้นยังไม่พอ ผมได้ยินเสียงเหมือนคนมาหายใจเบาๆที่ข้างหูแถมสัมผัสถึงลมนั้นอีกต่างหาก
ด้วยความทนกลัวงานไม่เสร็จผมก็ทนทำงานต่อไป
เพราะเชื่อว่าถ้ามีอะไรมากกว่านี้ คงเจอไปแล้ว

เหตุเพราะเป็นช่วงเลือกตั้ง ทำให้ผมนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้

คนที่ชอบใช้คอมดึก ดูแล้วตัวเองด้วยนะครับ

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

Create Date : 23 มีนาคม 2549

----------------------------------------------------------------
 อันนี้ลงไว้ที่คนรักมีดครับ

 5 June 2007, 11:35 PM

ด้วยความเคารพครับ ในที่สุดผมก็เจอจนได้
สองสามวันที่ผ่านมาที่ทำงานได้เปลี่ยนโต๊ะและได้จัดภูมิทัศน์ภายในใหม่ทั้งหมด
ซึ่งเชื่อได้ว่าทุกคนที่ได้เปลี่ยนโต๊ะทำงานใหม่เก้าอี้ ผู้บริหารสุดหรู แก้วอี้รับแขกใหม่เอี่ยม คงจะพอใจ
ผมได้ย้ายที่นั่งใหม่ จากที่นั่งแถวหน้า ถูกปรับให้หัวหน้างานมานั่งแถวหลังทั้งหมด รวมถึงเปลี่ยนทิศการหันหน้าไปหมด ผมไม่ได้ถือหรือฮวงจุ้ยอะไรหรอก
แต่ก่อนที่ผมจะพิมพ์เรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ พรุ่งนี้ท่าน ผวจ. จะมาตรวจงาน นายเลยมอบหมายงานให้ผมดำเนินการ โดยท่านจะขึ้นมาตรวจในเวลา ประมาณ 21.30 น.
โดยปกติห้องทำงานฝั่งผมไม่ค่อยมีใครมาทำงานในเวลากลางคืนเนื่องจากจะปรากฏเรื่องแปลก เช่น มีเสียงแปลกๆ หรือถ้ามานอนในห้องทำงาน ก็จะมีถึงขนาดมีเด็กไว้ผมจุกมาปลุก ซึ่งได้เจอกันมาสองรายแล้วเท่าที่ยอมยืนยัน แถมยังมีเสียงเปิดตู้เหล็กอีก เสียงวิ่งเล่น
ในส่วนของตัวผม นั่งทำงานยันสว่าง หรือ ลงในเวลาตี 1-2 หรือใช้รับแขก (เพื่อน) นั่งปรึกษาพูดคุย เล่นเน็ต อดีตนักข่าวของไอทีวีท่านหนึ่งก็เคยไปเยี่ยมผมในเวลา 22.00 ? 01.00 น. มาแล้ว ผมก็เต็มที่ก็ได้ยินเสียงตู้เหล็กเปิดปิด แต่ไม่มีอะไรแปลก บางครั้งก็รู้สึกว่ามีคนอยู่ข้างหลังซึ่ง ผมว่าต่างคนต่างอยู่ แต่ที่ว่าแปลกจริงๆคือในหนึ่งตอนประมาณตี 3 นกแสกบินชนหน้าต่างเสร็จแล้วเกาะขอบหน้าต่างแล้วจ้องหน้าผม อย่างพยายามกินเลือดกินเนื้อ พอผมจะเดินไปเปิดหน้าต่างให้บินเข้ามา เพื่อจะได้จับกินซะ (เป็นการเพิ่ม MP หรือ มานา ) มันกลับบินหนีไปเสียซะ
(เรื่องจับนกแสกกินนี้ เป็นเรื่องจริงครับ
เค้าว่ามาถ้ามันมาเกาะบ้านคนป่วย ถ้าจับมันกินได้ จะเป็นการแก้เคล็คนะครับ
ต่ออายุได้อะไรแบบนี้นะครับ)
  จริงๆบ้าDotA
 มาเข้าเรื่องต่อดีกว่า
แต่ผม ผมกรรมของผม แต่คนหาว่า ผมเลี้ยงอะไรเอาไว้ อะไรอีกร้อยแปด หาว่าผมเล่นของ คนเล่นของอะไรประมาณนี้ เหอ เหอ เหอ แพะทั้งปีนะผม  (กระแสกุมารทองหลวงปู่แย้มกำลังแรง  แต่ก่อนเช่ามา ไม่ทราบก็ไว้ที่ไหนก็เอาไว้ที่ทำงาน แต่เชื่อว่าไม่ใช่เพราะว่ามีคนเค้าลือกันตั้งแต่ก่อนผมย้ายมาอีกสำหรับเรื่องนี้ น่าแปลกเดี้ยวนี้เรื่องแปลกๆกับเงียบๆไป อาจจะเป็นเพราะการจัดที่ทำงานใหม่ ทำให้สถานที่ไม่น่ากลัวอย่างเดิม)
เมื่อประมาณ สองชั่วโมงที่ผ่านมา ก่อนที่นายอำเภอจะขึ้นมาตรวจงานผมได้ยินเสียงคนมากระซิบ อยู่ที่ข้างหู ฟังจับความไม่ได้ พยายามสื่อสารแล้วแต่ไม่สำเร็จ ในความรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเพราะว่าเข็มในตัววิ่ง แต่งานก็เป็นงานก็ต้องทำให้เสร็จ ก็เลยนั่งทำงานต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้ จะ ห้าทุ่มอยู่แล้ว ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.ที่น่าตกใจกว่าคือสามีของท่านสาธารณสุขอำเภอถูกลอบยิง จนเสียชีวิตทั้งที่ ใส่เสื้อเกราะอยู่ พึ่งได้รับทราบข่าวตอนที่นายขึ้นมาตรวจงาน
---------------------------------------------

ปล.ยังติดเรื่องเก่าๆ อยู่นะครับ จะพยายามทะยอยพิมพ์แต่
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ พยายามคิดอย่างเป็นเหตุผลทำงานมากร่างกายเลยพาหลอนนะครับ
สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น
 

103
ด้วยความเคารพครับ
 อันนี้พิมพ์ไว้นานแล้ว เอาไปลงตอนปี 49
  ประโยคไหนใช้สีเขียวเป็นที่ผมเพิ่มเติมลงไปนะครับ   เพื่อลงในเวปวัดบางพระนะครับ
มาเล่าต่อนะครับ
มีผู้ถามผมว่า ทำไมไม่ทำบุญให้สิ่งลึกลับไปบ้าง
ขออนุญาตตอบว่า ยิ่งทำบุญให้ ผมทำสังฆ์ทานหลายครั้งมาก
แต่ยิ่งทำ เสียง ที่ร้องว่า เจ็บเหลือ เกิน โอย เจ็บ" อะไรประมาณนี้จะมาเรื่อยๆ
ถี่ขึ้นจะด้วยซ้ำ เมื่อว่าไปเพิ่มพลังให้เค้า  ในส่วนของคืนสุดท้าย  นำเรียนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น  นอกจากเหมือนมีเล็บมาตะกุยข้างฝา

หลังจากที่ผมย้ายออกจากบ้านหลังนั้นแล้ว
ผมได้บ้านพักใหม่ เป็นบ้านพักซีเจ็ด (บ้านพักหัวหน้ากิ่งอำเภอ)
อยู่ข้างบ้านท่านนายอำเภอเลย ผมยังแปลกใจว่าทำไหมไม่ให้ปลัดซีห้าอยู่
ทำไมนายเมตตา ให้ผมซึ่งบรรจุใหม่อยู่
บ้านพักที่ว่า เป็นบ้านไม้ สองชั้น
สองห้องน้ำ มีห้องครัว ห้องเก็บของ เรียกว่าอยู่ได้สองครอบครัวใหญ่ๆ
เลย (ตามประสาบ้านหลวง)
แต่ไม่ต้องคิดมาก แค่ผมเดินผ่านหน้าบ้านก็เข้าใจแล้ว ที่หน้าบ้าน
มีสวนหย่อมด้วย แต่มีศาลไม้ตั้งอยู่ เป็นศาลที่ผมว่างามมาก
ที่ประตูหน้า มีผ้ายันต์สีแดงรูปท้าวเวสสุวรรณ อยุ่ แบบว่าผ้ายันต์เก่าจนซีดแล้ว
ภายในบ้าน ๆไม่มีอะไรมาก แค่ ตรงไหนมีรู ไม่ว่าจะเป็นรู ตะปู หรือรูลูกปืนก็จะมีทองคำเปลวแปะไว้ที่รู ทุกรู อะไรนี้
 ไม้ตกน้ำมันทั้งนั้น ถ้าเป็นตอนนี้จากถากมาแกะนางพิมให้หมด
นายอำเภอ ท่านคิดอะไรอีกนี้
ท่านว่ามาอยู่ใกล้ๆท่านมีอะไรจะได้ช่วยกัน ตอนนั้นสถานการณ์ ไม่ค่อยดี
แต่ไม่เป็น เป็นคนรุ่นใหม่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ (ในตอนนั้น)
เอาเป็นว่าผมก็ได้มาพักที่บ้านพักหลัง บ้านใหม่นี้ดี มีมุ้งลวด อยู่ห้องหนึ่งไม่ต้องกางมุ้งนอน ผมจึงยึดห้องนั้นเป็นห้องนอน ส่วนห้องตรงข้าม เอาไว้เก็บของ
ตกกลางคืน ก็มีเรื่องแปลกอีก คือมีความรู้สึกว่า ตกดึก จะมีคนมาเดิน หรืออยู่ในห้องตรงข้ามกับห้องนอนของผม แถมรู้สึกว่า มีคนเดินขึ้นเดินลง อยู่ประจำเวลากลางคืน กระได เป็นไม้ก็เลยรู้สึกว่า มีคนเดินจริงๆ แน่ๆ
ผมลองของโดยเอาแป้ง แป้งฝุ่น ที่ ทาตัวลองโรยใส่พื้นกระได ดู ผลออกมาว่ามีเสียงเดิน แต่ไม่มีรอยเท้า แล้วใครนี้ ทำไมผมต้องเจอแต่เรื่องพวกนี้นะ

แต่โดยรวมอาการของบ้านหลังนี้ไม่หนักเท่าหลังที่แล้ว จนกระทั่ง
ผมเริ่มมี คนมาอยู่ด้วย ทุกครั้งที่เพื่อน มาพัก ตอนแรกผมนึกว่าความครึกครืนจะช่วยได้ แต่กลับ เปล่า ทุกครั้งที่มีเพื่อนมา ถ้ามีตอนกลางคืน จะมีเสียงหมาหอน
หมามันหอนจริงๆ นะครับ หอนได้เป็นแบบระบบเสียงเซอร์ราว เลย (มันมารุมหอนอยู่รอบๆบ้านเปิดประตูออกมาไล่ เดี้ยวซักพักมันก็กลับมารุมหอนอีก)
ครั้งหนึ่งกลางวันแสกๆ นั่งทานข้าวกันอยู่ ดีๆ ได้ยินเสียงคนอยุ่ในห้องน้ำข้างบน เสียงแบบอาบน้ำเป็นเรื่องเป็นราวเลย ซู่ ซู่ ผมตัดสินใจค่อยๆ ย่องขึ้นไปดู กัน พอเยียบขึ้นกระได เสียงก็หาย พอ เปิดห้องน้ำออกมา ผลคือ

พื้นแห้งสนิท ไม่มีรอยน้ำเลย เหอ เหอ เหอ

เกิดในชีวิต ก็โดนอำครั้งแรกที่บ้านหลังนั้นละครับ
ตอนนั้น ยังสวดยันทุน กับกรณี ไม่เป็น

ที่หนักสุด คือผมถูกผลักตกจากบันไดสองหน

แต่ตั้งแต่ ฝังเข็มทอง ของอาจารย์ประคอง
มา เหตุการณ์ ที่ถูกเล่น แบบถึงตัวก็ไม่มีอีก
แต่เวลามีเสียงเดิน หรือเสียงโครมคราม
จะมีอาการเจ็บบริเวณที่เข็มอยู่
ก็เป็นเรื่องน่าแปลกเหมือนกัน
(ตอนนั้นอาจารย์ประคองท่านเป็นพระอยู่วัดอิน
ไปหาท่านครั้งแรกท่านฝังเข็มให้หนึ่งเล่มใหญ่ท่านก้านวงเวียน)

แต่บ้านหลังนั้นมีเรื่องแปลกอีกอย่าง
ที่อำเภอ แถวนั้น คนเขมรจะนับถือแม่ย่า
ครั้งหนึ่งช่วงปีใหม่ ปกติข้าราชการจะกลับบ้านกับได้ (สมัยนี้ข้าราชการทุกภาคส่วนต้องเฝ้าถนน) ที่อำเภอไม่มีใครอยู่ อยู่แต่ผมอาสา อยู่
ขณะที่นอน อยู่ช่วงเย็น กำลังได้ที่เลย
(ครึ่งหลับครื่งตื่นในขณะนั้น)
มีคนแก่ นุ่งขาวห่ม ขาว มายืนที่ปลายเท้า
แล้ว พูดว่า ม฿ง ม฿ง งานกุ ม฿ง ไปด้วยนะ
ถามก็ถาม ท่าน งานไร ครับ
คนแก่ ตอบ เดี้ยว ม฿ง รู้เอง
ผมแปลกใจ บ้านเฮี้ยนขนาดนี้
ยังมีอะไรเข้ามาได้อีกหรอ

พอ วันรุ่งขึ้น ตอนผมขับรถไปซึ้อของที่ตลอดจึงได้เข้าใจ
เค้ามีงานประจำปีคนทรง ที่ตลาด มีตัวแทนภาคราชการ
ตำรวจ ทหารหลัก(ชุดเขียว) ทหารพราน(ชุดดำ)
แล้วยังขาดอำเภอ คนทรงไม่ยอมเริ่มพิธี มาทราบที่หลังว่า บอกว่า
กุ ไปบอกมันแล้ว ให้มาแทนนายอำเภอ ไอ่นี้มันประลัย คน คนอะไร
มัน มีเสือ สิงห์ กระทิง แรด อยู่กับตัว อยู่กับใครไม่ได้ร้อนตายห๋า

จนมีคหบดีท่านหนึ่ง ต้องขับรถตามผม ไปร่วมพิธี คนทรงเค้าถึงเริ่มงาน กัน
แถมมีการจะเป่าหัวให้ผม ผมไม่ยอม ให้เป่าเลยมาแช่งผมอีก ว่า
ชาตินี้ไม่ต้องมีเมีย ดูทำเข้า

นอกเรื่องมาเยอะแล้วครับ

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

Create Date : 23 มีนาคม 2549

  ปล. ณ บ้านหลังนี้ยังมีวีรกรรม
สามีของแม่หม้าย มาตามคนที่บ้านอีก
......

104
พิมพ์ไว้ประมาณ 5-6 ปีแล้วครับ แต่เอามาลงประมาณปี 2549 ในเวปแห่งหนึ่ง
ประสบการณ์ เสียว สยอง กับครั้งแรก ที่ได้.......

ด้วยความเคารพครับ
ลองเอามาเล่าดู ครับ เป็นประสบการณ์ของผมเอง
ขออนุญาต แลกเปลี่ยน ประสบการณ์
เรื่องลึกลับ แล้วกันนะครับ
เมื่อครั้งที่ ผมเข้ารับราชการ และไปดำรงตำแหน่งครั้งแรก
ที่อำเภอชายแดนชั้นสี่ แห่งหนึ่ง ซึ่งมีชายแดนติดกับเขมร
ตอนที่ รถอำเภอ รับผมเข้ามาที่ว่าการอำเภอ
ผมยังจำได้ว่าตอนที่เข้าไปอำเภอครั้งแรกนั้น
มันมีความรู้สึกว่าอะไรจะขนาดนั้น
อำเภอ ไม่มีถนนคอนกรีต ไม่มีไฟฟ้าเขียวไฟแดง
ทีสี่แยก มีลวดหนามกระโจมสูงขวางไว้ ให้รถไปได้ที่ละคัน
มีฐานทหารพราน (ชุดดำเต็มไปหมด)
ครั้งแรก ผมได้พบกับท่านนายอำเภอ เป็นการพบที่ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไร
เพราะทันที่ พบท่านผมต้องขออนุญาต ไปรับปริญญา ในวันรุ่งขึ้น
คืนแรกที่มาถึง ผมพัก กับปลัดหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษ ตอนนี้ท่านไปเป็นใหญ่เป็นโต ไปแล้ว หัวหน้าพักบ้านพักซีเจ็ด ซึ่งต่อมาท่านได้ย้ายออกไป
หลังจากที่ผมกลับมาจากรับปริญญา
ท่านนายอำเภอ ได้เมตตา ให้ผมพัก ที่บ้านพัก ซึ่งเป็นอาคาร หลัง อาคารจอดรถบรรทุกน้ำของอำเภอ แต่คำถามแรกที่ท่านถาม คือ คุณกลัวผีหรือเปล่า?
ผมตอบไปตามจริงว่าเฉยๆครับ (จริงๆ ไม่ควรตอบคำตอบแบบนี้กับนายอำเภอ นะครับ)
ผมก็ได้ไปพักที่บ้านพักที่นายจัดให้
บ้านพักหลังนี้แปลก กว่าบ้านอื่นตรงที่ ใต้ถุนจะสูง ชั้นบนเป็นที่อาศัย ชั้นล่างเปิดโล่ง ข้างบนมีห้องพักสองห้อง ห้องน้ำสองห้อง มีอยุ่ห้องจะเป็นห้องพักที่มีห้องน้ำในตัว ผมเลือกพักห้องนั้น ด้วยความเป็นบ้านที่เป็นปูน ยกพื้นสูง จะมีประตู ถึงสองชั้นกว่าจะมีคนเข้ามาถึงตัว ผมจึงมั่นในความปลอดภัยจากคน แต่บ้านนี้ จะแยกจากบ้านพักอื่นๆ อยู่ห่างอย่างโดดเดียว คืนแรกที่ผมมาพัก ผมได้จุดธูปบอกเจ้าที่ เจ้าทาง ตามธรรมเนียม (อันนี้นายอำเภอ หัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษท่านให้คำแนะนำครับ)
แต่ในคืนแรก เวลราประมาณสามทุ่มขณะที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์ อยู่นั้นทขณะที่ผมกำลังจะวาง ผมได้
ยินเสียงร้องครวญครางจับ ใจความได้ว่า "โอ้ย เจ็บ เจ็บ เหลือเกิน" อะไรประมาณนี้ เสียงนั้นดังเป็นระยะ ระยะ ตอนแรกผมนึกว่ามีคนมาแกล้ง มาลองดีอะไรแบบนี้ แต่ก็ไม่ประมาท ผมปิดไฟ เอาพิงฝา ในมือมียักษ์แคระ หูก็เฝ้า หาที่มาของเสียง จนเผลอหลับไป
ในคืนต่อๆ มาก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก แต่ผมก็ไม่ได้บอกใคร ใจคิดในแง่ดีว่ามีคนมาลอง ปลัดใหม่เท่านั้น
ช่วงที่อยู่บ้านหลังนั้น เป็นเรื่องหน้าแปลก ที่ ไม่ค่อยมีใคร ไปมาหาสู่ ผมในเวลากลางคืนซักเท่าไร
เสียงร้องแปลก ก็มารบกวน บ้าง เป็นบ้างคืน
แต่ความน่าแปลก เริ่มมีมากกว่านั้น บางคืนผมรู้สึกว่าเหมือนมีคนเอาเล็บมือ ตะกรุยข้างฝา ของอีกห้องหนึ่ง เป็นเสียงแกก แกก บ้าง
มีอยู่คืนที่จะไม่ลืมเลย เหตุการณ์ คือว่า กลางดึกคืน หนึ่ง ผมได้ยินเสียงคนเดินขึ้นมาบนบ้าน ผมรีบคว้า HK 33 ที่เบิกมาทันที (อำเภอชายแดน มีของเล่นเพียบ)
ขึ้นลำแบบเจตนาให้ได้ยินเสียง แต่เสียงขึ้นลำปืนไม่ช่วยอะไร
ผมเห็นลูกบิด ประตูขยับไปมา เหมือนจะมีอะไรพยายามเปิดเข้ามา ให้ได้ ผมต้องวิทยุ ให้อส.ที่อำเภอ มาที่บ้านพัก ให้เร็วที่สุด
ด้วยความห้าว ปน บ้า ผมตัดสินใจเปิดประตูสวนออกไป กะว่า ถ้าเห็นอะไรจะยิงทุกอย่างที่ขวางหน้า (จริงๆ ถ้ามันมาซัก 3-4 คน ผมคงโดนยิงตาย)
พอเปิดไปทุกอย่างกลับว่างเปล่า
พอ พวกพี่ๆ อส. มาถึงกับต้องเคาะประตู ให้ผมเปิดประตูล่าง
แสดงว่าไม่มีอะไรเปิดขึ้นมาได้
ผมทนกับเหตุการณ์ แปลก แบบนี้ถึง สี่ ห้าเดือน จนกระทั้ง ปลัดหัวหน้าฝ่ายกิจการพิเศษย้าย คืนนั้น งานเลี้ยง อส.ท่านหนึ่ง คุยกับผมว่า ถามจริงๆ ผมอยู่ได้อย่างไร บ้านหลังนั้น ผมถามว่าทำไม ผมได้คำตอบที่ชวนสยองว่า
" ป.รู้ไหม บ้านหลังนั้น นะ ตอนสร้างคนงาน ก่อสร้าง เป็นผู้หญิงท้อง ทาสี แล้ว ตกลงมาตาย ก่อนตาย ดิ้นแบบสุดเลย ไม่มีใครเค้าอยู่กันหรอกบ้านหลังนั้น "
ผมเองยังเคยเจอ นายให้ผมไปเรียก ป.ตอนทุ่ม หนึ่ง ผมไปตะโกนเรียก ป. แต่กลับมีเสียงผู้หญิงขานมา

เวรกรรม อส.บอกเรื่อง ผม ในคืนสุดท้ายที่ผมต้องนอนบ้านหลังนั้นซะด้วยซิ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

ปล.มีตอนต่อครับ
  เมื่อปี37
ผมสักยันต์ที่วัดบางพระแล้ว
แต่ตอนนั้นผมไม่ค่อยเชื่ออะไรพวกนี้
มนต์พาหุงยังสวดไม่จบ  แผ่เมตายังไม่ทำเลย
คงสมควรแล้วที่โดน

105
ด้วยความเคารพครับ
    เมื่อวานได้ไปงานที่วัดบางแวก
เห็นหม้อน้ำมนต์ที่ข้างพระอาจารย์ญาแล้วคุ้นๆ
  ว่าเป็นหม้อน้ำมนต์ของอ.ประคอง สมัยที่ท่านทำไว้ตอนเป็นพระ
เลยกลับไปเรือนที่กรุงเทพ
    ลองชมกันดูครับ


  อันนี้เป็นแหวนครับ

  ใส่ไว้ในหม้อน้ำมนต์นั้นละครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

106
ด้วยความเคารพครับ
 แม่นางพิม ที่ผมสร้างเพื่อถวาย/มอบให้ผู้มีพระคุณและก็แจกครับ


 ได้เห็นเศษดินที่ผสมแล้ว จากการปั้มพระเครื่องของพระอาจารย์วัดศาลาแดง
ผมเห็นแล้วเสียดาย เลยขอจากพระอาจารย์ปุ้ม
  นำมากดเป็นแม่นางพิมพ์ โดยได้รับความเมตตาจากอ.อั้น
ให้พิมพ์มากด

โดยสีดำเป็นเนื้อเหลือจากการปั้มพระ


  
อันนี้เป็นเนื้อดินไทย ผสมกับเศษดิน มวลสาร ที่ได้ปลุกเสกที่วัดศาลาแดง ในวันที่ 2 สิงหาคม 2552
และได้ทำการปลุกเสกเมื่อกดเป็นองค์แล้วที่วัดท้องไทรเมื่อวันที่ 6 สิงหาที่ผ่านมา
โดยกดได้ 49 องค์นะครับ

107
ด้วยความเคารพครับ
  ขออนุญาตนะครับ พี่น้องเวปวัดบางพระนะครับ
ชมภาพเลยครับ
เวลาประมาณตีห้า ของวันที่ 6 สิงหาคม 2552
 ณ วัดท้องไทร ตำบลแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
   

 พระ เณร ลูกศิษย์ ผู้ปกครองท้องที่ท้องถิ่น อปพร. เตรียมงานปลุกเสกวัตถุมงคลเพื่อแจกในวันที่ 12 สิงหาคม 2552
โดยมีพระลูกบุตรธรรมของท่าน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นหัวเรียวหัวแรง
   


หลวงปู่ท่านลงจากกุฏิตั้งแต่เวลาตีห้า


หลวงปู่ลงอักขระผ้ายันต์ปิดทั้งแปดทิศ 
ผ้ายันต์นี้ ทำให้อาจารย์อั้น งานเข้าตอนสองทุ่ม กว่าจะเสร็จงานก็เป็นว่าเวลาตีสีของวันรุ่งขึ้น
 เดี้ยวจะนำภาพให้ใช้ชมครับ

วัตถุมงคลของวัดครับ
   


ไม่ไหวแล้วครับ ขออนุญาตไปพักผ่อนก่อนครับ
ไม่ได้นอนมา 36 ชั่วโมงแล้วครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.หากท่านใดไปงานมา รบกวนช่วยกันโพสภาพด้วยครับ
จักขอบคุณยิ่ง

108
ด้วยความเคารพครับ
  การเตรียมงานครับ




ภาพการเตรียมงาน
  และลูกศิษย์เก่าแก่ของหลวงปู่ท่านหนึ่งนำพระมาถวายครับ
ลูกศิษย์ท่านนี้ทำแจกมาหลายรุ่นแล้วครับ
สมเด็จเล็กเนื้อตะกั่ว เหรียญใบโพธิ์


แต่อีกสามปีค่อยนำออกมาแจกนะครับ
   อันนี้
พระอาจารย์ญา วัดบางพระได้กรุณาให้ผมนำสังฆ์ทานไปถวายหลวงปู่เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมา


 ขอบคุณครับ
    ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

109
ด้วยความเคารพครับ
   ได้มานานแล้วครับ
ตั้งแต่เรียนรามกระมั่ง



   ยังติดเชือกคาดเอวอยู่นะครับ
ไว้กลับบ้านที่กรุงเทพ
จะนำมาให้ชมครับ
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

110
ด้วยความเคารพครับ
   ชมภาพกันเลยครับ
วันที่ 2 ส.ค. 2552 ณ วัดศาลาแดง

หลวงปู่ทวดที่พระอาจารย์ปุ้ม และคณะศิษย์ร่วมกันสร้างถวายวัดศาลาแดงครับ

พระกริ่งเทวันนี้ ปลุกเสกอีกครั้งวันที่ 27 กันยายน 2552 ครับ

วัตถุมงคลที่ปลุกเสกครับ มีพระหลวงปู่ทวดเนื้อโลหะ เนื้อผง ขุนแผน และเครื่องรางอื่นฯลฯ

พระอาจารย์ปุ้มเทพระกริ่งแบบเทดินไทย

111
ด้วยความเคารพครับ
  มีปริศนามาถามครับ
จะตอบแบบพุทธศาสตร์
หรือไสยศาสตร์ก็ได้ครับ ตามสะดวก
1. ลิงขึ้นต้นมะพร้าวถึงยอดแล้วลงทางไหน ??
2. ดำน้ำโผล่ขึ้นมาเห็นอะไร ??
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

112
ด้วยความเคารพครับ
   อยากทราบคำแปลของ บทสวดพระสะหัสสะนัย
อยากทราบว่า
   

113
ด้วยความเคารพครับ
ชมภาพเลยครับ





   เช่ามาประมาณปี 39-40 นะครับ
ดอกหนึ่งใช้ดอกหนึ่งเก็บ
   จริงๆ อยากแกะดูว่าข้างในเป็นอย่างไร
แต่คงจะไม่ได้เห็นอะไร
เพราะดอกที่ใช้ลุยน้ำลุยโคลนมา
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

114

"ยาวะกีวัญจะ เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง นะ สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ "
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความจริง ๔ อย่าง อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสนี้ ถ้าหากเรายังไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง โดยอาการหมุนเวียนแห่งปัญญาญาณ ครบ ๓ รอบทั้ง ๔ อย่าง รวมเป็นอาการ ๑๒ รอบ

"ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ "
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ความจริง ๔ อย่าง อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสนี้ เราได้รู้เห็นตามความเป็นจริง โดยอาการหมุนเวียนแห่งปัญญาญาณ ครบ ๓ รอบทั้ง ๔ อย่าง รวมเป็นอาการ ๑๒ รอบ ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์หมดจดแล้ว ฯ
  
  ด้วยความเคารพครับ
     รอบ 3 อาการ 12 หมายความว่าอย่างไรครับ
ขอแสดงความนับถือ
  Gearmour

116
ด้วยความเคารพครับ
   
ต่อนะครับ
  เสือตัวนี้ไม่ทราบกว่ากล่องไปอยู่ที่ใด
จำได้ว่าเจออยู่ก้นถุงมวลสารที่จะเอาไปหล่อพระ




อันนี้พร้อมกล่องครับ


   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

117
ด้วยความเคารพครับ
   วันเสาร์หนึ่งที่วัดท้องไทร
ลูกศิษย์ที่ไปมาหาสู่พระอาจารย์พันธ์บ่อยๆ
บอกกับผมว่า จารย์พันธ์ท่านฝากมาให้
  ผมถามว่าทำบุญเท่าไร
พี่เค้าไม่ตอบบอกแต่เพียงว่า
   คุยกันเอง


 จนวันนี้ยังไม่ได้ไปคุยกับท่านเลยครับ
  ว่าจะให้ท่านจารหลังให้
แล้วนำมาพกติดตัว
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

118
ด้วยความเคารพครับ
    นำมาให้ชมนะครับ





 ผมไม่ทราบว่าปีไหนนะครับ
  แต่ได้มาประมาณปี39
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

119
ด้วยความเคารพครับ

   
เช่าบนกุฎิใหญ่นานแล้วครับ จริงๆมีอีกแต่ไม่ทราบว่าอยู่ไหน
ที่เอาไปหล่อพระพุทธก็เยอะครับ
   ไว้จะเอามาลงอีกครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

120
ด้วยความเคารพครับ
   ตามคำขอครับ




  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

121
ด้วยความเคารพครับ
 ขอเริ่มที่ของวัดบางพระก่อนนะครับ
  องค์นี้หลวงปู่อั๊บ จารให้ใต้ฐานด้วยครับ
   

อันนี้เป็นลูกอมครับ

ต่อไปเป็นของหลวงพ่อไสว วัดปรีดารามนะครับ
น่าแปลก ที่เงินสามกษัตย์ พอโดนน้ำโดนเหงื่อ ก็ลอกหลุดหมด
   แต่โค๊ดใช่นะครับ  คงชุบมาไม่ดี


  ต่อไปหนุมานหลวงพ่อพูล  วัดไผ่ล้อมครับ
ดีนะครับที่เช่ามาจากวัด
  ถือว่าทำบุญกับหลวงพ่อ
ลูกอมหนุมานตอนที่ออกใหม่ 
ผมได้ชินราชอินโดจีนมาองค์
  เนื่องทางท่านสรรสามิตอำเภอ
ท่านเอ็นดูผม เลยให้ชินราชอินโดจีนมาองค์  ผมถามว่าท่านอยากพระอะไร
ท่านว่าอยากได้ลูกอมหนุมานหลวงพ่อพูล


   ไม่น่าเลยแต่ก่อนชอบหนุมาน
หนีแม่ไปสักยันต์กับหลวงพ่อแล
  ทำงานพิเศษเก็บเงินได้ก็เช่าหนุมานมาเก็บไว้ ขอเงินแม่เช่าด้วย
เรียนจบเลยต้องรับราชการเลย
  เหอ เหอ เหอ
    Gearmour

122
ด้วยความเคารพครับ



อยากถามพี่ๆเพื่อนๆว่าเป็นของที่วัดบางพระสร้างหรือเปล่า?ครับ

แต่แหวนเงินรูปเสือวงนี้ใช่แน่ๆครับ
  เหลือวงเดียว นอกนั้นผมเอาไปหลอมสร้างพระหมดแล้วครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

123
ด้วยความเคารพครับ

   เบี้ยแก้นอกครูของผมเสร็จแล้วครับ
  มีแต่เกรียนนะครับที่ทำแบบนี้
      อย่าไปทำเลยครับ
ผมว่าวุ่นวาย เหอ เหอ เหอ
แต่
จาก

เบี้ยวัดตลาดใหม่

เบื้ยเป็นเบี้ยเปลือยจริงๆ ไม่มีตะกั่วหุ้มมีแต่การอุดชันแล้วมีแผ่นตะกั่วจารอักขระติดไว้ที่ฝา

ว่าแต่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบี้ยแก้นี้

เมื่อวานได้ไปขอความเมตตาที่วัดท้องไทรและวัดกลางบางแก้ว

ทำไมเบี้ยวัดตลาดใหม่กลายเป็นแบบนี้


 
แต่ยังไม่เสร็จนะครับ คิดว่าน่าจะมีภาคต่อ





จากเบี้ยเปลื่อย วัดตลาดใหม่
  ได้ขอเมตตาจากหลวงปู่จารตระกั่วปิดท้องเบี้ยให้ (ท้องไทร)
เสร็จแล้วนำไปติดไร้ตะเข็บที่วัดกลางบางแก้วเสร็จแล้ว พระอาจารย์เจือเมตตาจารให้
  เสร็จแล้วนำไปให้พระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง จารอักขระตำหรับพ่อเที่ยงให้
     เสร็จแล้วนำมาหุ้มผ้าแดง ขาว ของครูสงวน 
แล้วถักลวดไว้ใช้ติดตัวนะครับ (ล่อฟ้าดีจริงๆ)
เหลือแต่เสกให้เต็มๆ  เหอ เหอ เหอ
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

124
ด้วยความเคารพครับ
  ชมภาพแล้วกันครับ
มันคืออะไรครับ



   ใครทราบวานบอกที่ครับ
ขอบคุณครับ
 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

125
ด้วยความเคารพครับ
  ผมมาอบรมต่างจังหวัด
เห็นมีคนโทรมาบอกว่า
 วัดศาลาแดงไฟไหม้
  ไม่ทราบว่าเรื่องเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ
ผมติดต่อใครที่วัดไม่ได้เลย
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

126
ด้วยความเคารพครับ
   ภาพไหว้วันไหว้ครูชมได้จากหนังสือ
โหรามหาเวทย์เล่มล่าสุดนะครับ
    วัตถุมงคลไหว้ครูพระอาจารย์ปุ้ม
วัดศาลาแดง
  นะครับ
    ต่อจากกระทู้นี้
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8886.0.html

ล๊อคเก็ตพระฤาษีปีนี้ครับ


อันนี้วัตถุที่แจกไหว้ครูนะครับ


   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

127
ด้วยความเคารพครับ

ประมาณปี 2544
ผมไปหาหลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง
  ท่านเมตาเขียนคาถาบูชา พระจันทร์เทวาให้ผม
เสียดายที่เดี้ยวนี้ท่านไม่อยู่แล้ว  ผมยอมรับว่าท่านเป็นพระที่เก่ง และเป็นำพระดี
มอบให้เวปวัดบางพระนะครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

128
ด้วยความเคารพครับ
   ภาพนี้
ก็จำไม่ได้นะครับ
ว่าถ่ายเมื่อไร  เชื่อว่านานเหมือนกัน
ตั้งแต่หลวงพ่อเปิ่นท่านยังดำรงขันธ์อยู่
  แต่ก่อนผมกับพระอาจารย์
เคยไปกันถึง
อ่างทอง 
    นานมากแล้ว
"จารย์ครับ นั่งสักแล้วเครียด
นั่งสักแล้วป่วย  นิมนต์ครับ"
คิดถึงวันเก่าๆ
เดี้ยวนี้ทำงานแล้ว
  กลายเป็นว่าทำอย่างที่อยากไม่ได้อีก
วัดในภาพท่านเป็นผู้ผมไปเป็นครั้งแรกครับ
ท่านเป็นผู้มีพระคุณของผมจริงๆ
ทำให้ผมได้มาสนใจทางนี้
   เหอ เหอ เหอ
มีภาพที่ถ่ายกันที่วัดปรีดาราม สมัยหลวงพ่อไสว ท่านยังดำรงขันธ์อยู่
ต้องไปค้นฟิลม์เช่นเคยครับ
    เกือบลืมรูปครับ

  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
   

129
ด้วยความเคารพครับ
   เกือบทุกครั้งที่ไปงานไหว้ครู
ผมจะพกกล้องไปด้วยทุกครั้ง
   ภาพนี้ผมพบในหนังสือเก่าของผม
ภาพนี้ผมถ่ายไว้เอง 
 จริงๆ มีภาพหลายๆปี แต่ว่าภาพเป็นฟิลม์35สี
ภาพนี้กระดาษอัดไม่ค่อยดีเคยซีดๆนะครับ
  ชมเองแล้วกันครับ

ถ้าได้กลับบ้าน ตอนขึ้นไปเรือนเก่า
แล้วเลือกฟิมล์เก่าๆ มาอัดนะครับ
  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.ในภาพนี้ปี พ.ศ.อะไรครับ ผมจำไม่ได้

130
อะไรหนอ
อะไรเอ๋ย
"สี่คนหาม สามคนแห่ หนึ่งคนนั่งแคร่ สองคนพาไป"
จะตอบแนวธรรมะ หรือแนววิชาไสยศาสตร์ก้ได้ครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour


131
ด้วยความเคารพครับ
มาช่วยหาคำตอบกันนะครับ
"เกิดมาเอาอะไรมา ตายไปเอาอะไรไป"
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

132
ด้วยความเคารพครับ
   เห็นมีคนจะทำหนังสือรวมวัตถุมงคล
พระอาจารย์เจือ วัดกลางบางแก้ว
    ตอนที่คุยกับพี่เค้าที่วัด
ผมว่าจะส่งให้
 แต่ด้วยมีภารกิจเลยไม่ได้ไปวัดกลางซักที่

นำมาให้ชมกันครับ

ท่านเขียนให้ครั้งแรกที่ไปหาท่านนะครับ
  น่าเสียดายที่เบี้ยเปลื่อยที่ท่านให้มาโดน
ลักไปเสียแล้ว
 
อันข้างล่าง
   เป็นกระดาษวิธีใช้เบี้ยแก้ รุ่นเก่า ถึงใหม่



ภาพทั้งหมดสำหรับเวปวัดบางพระ และเวปคนรักมีดเท่านั้น
กรุณาอย่าทำเรื้อนทำจังไรเอาไปใช้ประกอบการขายของ
    ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
     

133
ด้วยความเคารพครับ

ผลการออกรางวัล
งวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2552
รางวัลเลขท้าย 2 ตัว
11
....................................
    ผลการออกรางวัล
งวดวันที่ 16 พฤษภาคม 2552
รางวัลที่ 1
111411




เหรียญนี้พระอาจารย์ญาเมตตาให้มาในช่วงหลังสงกรานต์
  งวดที่แล้วมีคนเวปเพื่อนบ้านโดนเข้า (อ้างถึง http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,8627.msg80525.html#msg80525  )
แต่ส่วนตัวผมไม่เล่นครับ
   ผมไม่แน่ใจว่าสมเด็จโต หรือ หลวงปู่ภู่
เคยสอนว่า
  "เล่นมากชิบหายมาก"
ขอแสดงความนีบถือ
Gearmour


134
ด้วยความเคารพครับ
  เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เดินผ่านศูนย์พระเครื่อง
   พบฤาษีหล่อบูชาองค์หนึ่งเห็นว่างามดีเลยเปลี่ยนบูชามา  อยากทราบรายละเอียดนะครับ
ที่เปลี่ยนมาเพราะว่าชอบการออกแบบ


เห็นว่าเป็นของหลวงพ่อสมชาย อยู่ทางชัยนาท
  พิธีน่าจะดีเพราะว่าในกล่องพบถั่วงา
ที่โปรยเวลาทำพิธี
   ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

135
ด้วยความเคารพครับ
   ภาพเก่านะครับ
แต่ไม่มาก 

ลองทายดูครับไม่ยาก


อันนี้คงไม่ต้องทายครับ


คงจะทราบกันดี

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

136
ด้วยความเคารพครับ 
ภาพงานไหว้ครูพระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง
  ภาพก่อนเพล
นะครับ





ภาพจากบ้าน อ.อั้น ครับ



    ที่นี้ไม่มีวัตถุมงคลจำหน่าย ทั้งต่อหน้าและลับหลัง อยากได้อะไรเชิญที่วัด
ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

137
นะโมการะอัฏฐะกะ

 ใช้สวดต่อจากสัมพุทเธ

นะโม อะระหะโต สัมมา           สัมพุทธัสสะ มะเหสิโน
นะโม อุตตะมะธัมมัสสะ           สวากขาตัสเสวะ เตนิธะ
นะโม มะหาสังฆัสสาปิ            วิสุทธะสีละทิฏฐิโน
นะโม โอมาตยารัทธัสสะ         ระตะนัตตะยัสสะ สาธุกัง
นะโม โอมะกาตี ตัสสะ            ตัสสะวัตถุตตะยัสสะปิ
นะโม การัปปะภาเวนะ            วิคัจฉันตุ อุปัททะวา
นะโม การานุภาเวนะ               สุวัตถิ โหตุ สัพพะทา
นะโม การัสสะ เตเชนะ            วิธิมหิ โหมิ เตชะวา ฯ

(คำแปล)
     ขอนอบน้อมแต่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้แสวงหาผลอันยิ่งใหญ่
ขอนอบน้อมแด่พระธรรมอันสูงสุด ในพระศาสนานี้ ที่พระองค์ตรัสแล้ว
ขอนอบน้อมแด่พระสงฆ์หมู่ใหญ่ แด่พระรัตนตรัยที่ปรารภแล้ว ให้สำเร็จประโยชน์
ขอนอบน้อมแด่หมวดวัตถุ อันล่วงพ้นโทษต่ำช้านั้น ด้วยการประกาศการกระทำความนอบน้อม
อุปัทวะทั้งหลาย จงปราศจากไปด้วยอานุภาพแห่งการกระทำความนอบน้อม
ขอความสวัสดีจงมีทุกเมื่อ ด้วยเดชแห่งการกระทำความนอบน้อม เราจงเป็นผู้มีเดช ในมงคลพิธีเถิด


138
ด้วยความเคารพครับ
 ไหว้ครูวัดท้องไทร 30 เมษายน 2552







พิธีกลางแจ้ง ณ ลานวัดในเวลาเช้า
  หลวงปู่นำบูชาพระ  แล้วไหว้ครูกลางแจ้ง
ระหว่างพิธีเป็นไปด้วยความสงบ
 

139
ด้วยความเคารพครับ



      ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

140
ด้วยความเคารพครับ
     เมื่อช่วงสงกรานต์
ไม่ค่อยได้ไปไหนดีแต่ได้ไปรดน้ำขอพรหลวงปู่อั๊บ
พร้อมกับอาจารย์อั้นที่วัดท้องไทร
และได้ไปกราบพระอาจารย์ญา
ท่านให้วัตถุมงคลจำนวนหนึ่งเพื่อมาแจกผู้ใต้บังคับบัญชา
  ซึ่งผมได้ดำเนินการแจกให้ อส ตชต. อปพร. ที่เข้าเวรจุดตรวจสายสี่
และมหาสวัสดิ์ ไปแล้ว
สำหรับผมได้รับความเมตตาอย่างสูงจากท่านที่ให้เหรียญนี้มา
 

โดยได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์พันท่านได้จารให้ ซึ่งผมได้ไปหาท่านที่อ่างทอง
ระหว่างไปได้ไปวัดป่าเลไลยก์

เนื้อทำเก่าดีครับ เห็นว่าหลังวันที่ 19เมษายน จะบรรจุกรุให้หมด
วัดตลาดใหม่

เบื้ยเป็นเบี้ยเปลือยจริงๆ ไม่มีตะกั่วหุ้มมีแต่การอุดชันแล้วมีแผ่นตะกั่วจารอักขระติดไว้ที่ฝา
เห็นว่ามีพระอาจารย์หลายท่านเสก และเพื่อนของผมบอกว่ามีประสบการณ์
วัดลิ้นทอง
ไปนั่งคุยกับท่านเจ้าอาวาสเฉยๆครับ
กว่าจะไปหาพระอาจารย์พันก็เกือบค่ำ
  ท่านสบายดี  และเห็นว่ามีลูกศิษย์ทำล๊อคเก็ตถวายท่าน
ว่าแต่ถ้าใครไปหาท่านมีมวลสารที่สร้างพระ ก็รบกวนติดไม้ติดมือไปให้ท่านด้วย
เห็นท่านว่าท่านจะสร้างของให้คนไว้กราบไหว้บูชา

ว่าแต่ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบี้ยแก้นี้

เมื่อวานได้ไปขอความเมตตาที่วัดท้องไทรและวัดกลางบางแก้ว

ทำไมเบี้ยวัดตลาดใหม่กลายเป็นแบบนี้


 
แต่ยังไม่เสร็จนะครับ คิดว่าน่าจะมีภาคต่อ

ไปวัดกลางบางแก้ว ผู้สร้างวัตถุมงคลชุดนี้
ได้มอบพระชุดนี้ให้ผมมานะครับ
ต้องขอบคุณพี่เค้าด้วย


   ก็เบื้องต้นบันทึกไว้แค่นี้แล้วกันนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

141
บทสวดมนต์ / สัมพุทเธ
« เมื่อ: 24 เม.ย. 2552, 06:06:16 »
ด้วยความเคารพครับ
 
บทสัมพุทเธ ตอนผมบวชอยู่ที่วัด ที่วัดใช้บทนี้ต่อจากไตรสรณคมน์ แต่บางที่ใช้นมการสิทธิคาถา   หาข้อมูลมาได้ว่าโบราณใช้สัมพุทเธมาตลอด ซึ่งไม่ทราบว่าท่านผู้ใดรจนาในครั้งใด แต่ยุคที่ภาษาบาลีเฟื่องฟูครั้งเก่าก่อน ก็เห็นจะเป็นในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สัมพุทเธ นี้อาจจะรจนาในยุคนั้น พร้อมๆ กับ มงคลจักรวาฬใหญ่ มงคลจักรวาลน้อย และคาถาพาหุงก็ได้ ใจความของบทสัมพุทเธ ก็คือ นมัสการพระพุทธเจ้า ซึ่งมีจำนวนมากมายนักหนาในปางอดีต หมายความว่าในกัปป์ที่ล่วงๆ แล้วไม่รู้ว่ากี่อสงไขย มีพระพุทธเจ้าเคยมาตรัสรู้แล้วปรินิพพานไปมากล้นพ้นที่จะประมาณ เมื่อนมัสการมากๆ จะช่วยกันภัยอันตรายได้

ครั้นต่อมา การศึกษาทางพระศาสนาในยุครัตนโกสินทร์เฟื่องฟูขึ้นมา ท่านเห็นว่า บทสัมพุทเธ แต่งขึ้นตามคติข้างมหายาน  สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงได้ทรงพระนิพนธ์ นมการสิทธิคาถาขึ้นใหม่ โปรดให้ใช้แทนบทสัมพุทเธ แต่บางแห่งพระยังคงสวดสัมพุทเธอยู่  ตัวผมผมสวดสัมพุทเธ นะครับ

สัมพุทเธ อัฏฐะวีสัญจะ ทวาทะสัญจะ สะหัสสะเก
ปัญจะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง
เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง
นะมะการานุภาเวนะ หันตวา สัพเพ อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต ฯ

   ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้า 512,028 (ห้าแสนหนึ่งหมื่น สองพัน ยี่สิบแปด)พระองค์ ด้วยเศียรเกล้า  ข้าพเจ้าขอนอบน้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ ของพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น โดยเคารพด้วยด้วยอานุภาพแห่งการทำความนอบน้อม ขอจงขจัดเสียซึ่งอุปัททวะทั้งหลายทั้งปวง  ถึงแม้อันตรายเป็นอันมาก ก็จงพินาศไปโดยสิ้นเชิง

สัมพุทเธ ปัญจะปัญญา สัญจะ จะตุวีสะติสะหัสสะเก
ทะสะสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง
เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง
นะมะการานุภาเวนะ หันตวา สัพเพ อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต ฯ
  ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้า 1,024,055 (หนึ่งล้าน สองหมื่น สี่พัน ห้าสิบห้า)พระองค์ ด้วยเศียรเกล้า  ข้าพเจ้าขอนอบน้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ ของพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น โดยเคารพด้วย
   ด้วยอานุภาพแห่งการทำความนอบน้อม ขอจงขจัดเสียซึ่งอุปัททวะทั้งหลายทั้งปวง ถึงแม้อันตรายเป็นอันมาก ก็จงพินาศไปโดยสิ้นเชิง

สัมพุทเธ นะวุตตะระสะเต อัฏฐะจัตตาฬีสะสะหัสสะเก
วีสะติสะตะสะหัสสานิ นะมามิ สิระสา อะหัง
เตสัง ธัมมัญจะ สังฆัญจะ อาทะเรนะ นะมามิหัง
นะมะการานุภาเวนะ หันตวา สัพเพ อุปัททะเว
อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ อะเสสะโต ฯ
   ข้าพเจ้าขอนอบน้อมพระสัมพุทธเจ้า 2,048,109 (สองล้าน สี่หมื่น แปดพัน หนึ่งร้อยเก้า)พระองค์ ด้วยเศียรเกล้า ข้าพเจ้าขอนอบน้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ ของพระสัมพุทธเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น โดยเคารพด้วย
   ด้วยอานุภาพแห่งการทำความนอบน้อม ขอจงขจัดเสียซึ่งอุปัททวะทั้งหลายทั้งปวง ถึงแม้อันตรายเป็นอันมาก ก็จงพินาศไปโดยสิ้นเชิง

 จากมนต์พิธีหลวงครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

142
บทสวดมนต์ / กรณียเมตตสูตร
« เมื่อ: 22 เม.ย. 2552, 07:28:35 »
   ด้วยความเคารพครับ
มาสวดบทนี้กันเถิดครับ
ตำนาน กรณียเมตตสูตร  โดย  ท.ธีรานันท์

ตำนาน กรณียเมตตสูตร มีเรื่องเล่าว่า ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ มีภิกษุหมู่หนึ่ง ประมาณ ๕๐๐ รูป รับเรียนพระกรรมฐานในพุทธสำนัก แล้วทูลลาไปเจริญสมณธรรมในปัจจันตชนบทแห่งหนึ่ง เข้าพักอยู่ในป่าใหญ่

ในป่านั้นท่านว่ามีรุกขเทวดาสิงอยู่ พอพระเข้าพัก พวกเทวดาก็ต้องหนีไปอยู่ที่อื่น เพราะพระเป็นผู้ทรงศีล พวกเทวดาได้รับความลำบากมาก ต่างก็บ่นกันต่างๆ นานา เดิมก็คิดว่า พระคงจะพักสัก ๒-๓ คืน แต่พระท่านจะอยู่เจริญสมณธรรม พวกเทวดาปราถนาจะให้ท่านไปโดยอุบาย จึงแสดงภาพหลอกหลอนต่างๆ ส่งเสียงโหยหวนน่าหวาดเสียว ให้ไอ ให้จาม พระภิกษุเหล่านั้นใจไม่ปกติ หวาดกลัวอยู่ ทั้งไอ ทั้งจาม ก็พากันกลับมาเฝ้าพระพุทธองค์ กราบทูลให้ทรงทราบ

พระพุทธองค์ทรงแนะให้ภิกษุเหล่านั้นเจริญเมตตา คือ สวดกรณียเมตตสูตรแล้ว ส่งพระเหล่านั้นกลับไปอีก คราวนี้ไปถึงก็เจริญกรณียเมตตสูตร พวกเทวดาได้ฟังพระสูตรนี้แล้วเกิดเมตตาจิต ขวนขวายเพื่อความสุขของพระภิกษุเหล่านั้น พระภิกษุเหล่านั้นได้สัปปายะ เจริญสมณธรรม บรรลุอรหัตเป็นพระอรหันต์ทั่วกัน

เพราะเรื่องนี้เองเป็นเหตุ จึงมีธรรมเนียมว่า เมื่อเดินผ่านศาลเจ้าหรือศาลเทพารักษ์ หรือไม้วันบดีที่มีประชาชนนับถือบูชา คนทั้งหลายต้องกราบไหว้ แต่ถ้าเป็นพระภิกษุต้องทำสามีจิกรรมเจริญเมตตา คือต้องสวดกรณียเมตตสูตร แม้คฤหัสถ์จะเจริญเมตตาด้วยก็ได้ ยงถือเป็นธรรมเนียมอยู่บัดนี้ เรียกว่ามนต์ขับผีก็ได้   ท.ธีรานันท์
กรณียมตฺถกุสเลน ยนฺตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ
กิจกันใดอันพระอริยเจ้า บรรลุบทอันระงับกระทำแล้ว กิจนั้นอันกุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงกระทำ

สกฺโก อุชู จ สุหุชู จ
กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ และซื่อตรงดี

สุวโจ จสฺส มุทุ อนติมานี
เป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ

สนฺตุสฺสโก จ สุภโร จ
เป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย

อปฺปกิจฺโจ จ สลฺลหุกวุตฺติ
เป็นผู้มีกิจธุระน้อย ประพฤติเบากายจิต

สนฺตินฺทฺริโย จ นิปโก จ
มีอินทรีย์อันระงับแล้ว มีปัญญา

อปฺปคพฺโภ กุเลสุ อนนุคิทฺโธ ฯ
เป็นผู้ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย

น จ ขุทฺทํ สมาจเร กิญฺจ เยน วิญฺญู ปเร อุปวเทยฺยุ ํ
วิญญูชนติเตียนชนทั้งหลายอื่นได้ด้วยกรรมอันใด ไม่พึงประพฤติกรรมอันนั้นเลย (พึงแผ่ไมตรีจิตไปในสัตว์ทั้งหลายว่า)

สุขิโน วา เขมิโน โหนฺต สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา
ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีสุข มีความเกษม มีตนถึงความสุขเถิด

เย เกจิ ปาณภูตตฺถิ
สัตว์มีชีวิตทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งมีอยู่

ตสา วา ถาวรา วา อนวเสสา
ยังเป็นผู้สะดุ้งอยู่ (คือมีตัณหาอยู่) หรือเป็นผู้มั่นคง (ไม่มีตัณหา) ทั้งหมดไม่เหลือ

ทีฆา วา เย มหนฺตา วา มชฺฌิมา รสฺสกา อณุกถูลา
และสัตว์เหล่าใดมีกายยาวหรือใหญ่ ปานกลางหรือสั้น หรือผอมพี

ทิฏฺฐา วา เย จ อทิฏฺฐา
เหล่าใดที่เราเห็นแล้วหรือมิได้เห็น

เย จ ทูเร วสนฺติ อวิทูเร
เหล่าใดอยู่ในที่ไกลหรือที่ไม่ไกล

ภูตา วา สมฺภเวสี วา
ที่เกิดแล้วหรือแสวงหาภพที่เกิดก็ดี

สพฺเพ สตฺตา ภวนฺตุ สุขิตตฺตา
ขอสัตว์ทั้งปวงนั้นจงเป็นผู้มีตนถึงความสุขเถิด

น ปโร ปรํ นิกุพฺเพถ
สัตว์อื่นไม่พึงข่มเหงสัตว์อื่น

นาติมญฺเญถ กตฺถจิ นํ กิญฺจิ
อย่าพึงดูหมิ่นอะไรในที่ไรๆเลย

พฺยาโรสนา ปฏีฆสญฺญา
ไม่ควรปรารถนาทุกข์แก่กันและกันเพราะความกริ้วโกรธ

นาญฺญมญฺญสฺส ทุกฺขมิจฺเฉยฺย ฯ
และเพราะความคุมแค้น

มาตา ยถา นิยํ ปุตฺต
มารดาถนอมบุตรคนเดียวผู้เกิดในตน

อายุสา เอกปุตฺตมนุรกฺเข
แม้ด้วยยอมพร่าชีวิตได้ ฉันใด

เอวมฺปิ สพฺพภูเตสุ
กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์พึงเจริญเมตตามีในใจ

มานสมฺภาวเย อปริมาณํ
ไม่มีประมาณในสัตว์ทั้งปวงแม้ฉันนั้น

เมตฺตญฺจ สพฺพโลกสฺมึ
บุคคลพึงเจริญเมตตามีในใจไม่มีประมาณ

มานสมฺภาวเย อปริมาณํ
ไปในโลกทั้งสิ้น

อุทฺธํ อโธ จ ติริยญฺจ
ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องเฉียง

อสมฺพาธํ อเวรํ อสปตฺตํ
เป็นธรรมอันไม่คับแคบไม่มีเวร ไม่มีศัตรู

ติฏฺฐญฺจรํ นิสินฺโน วา
ผู้เจริญเมตตาจิตนั้นยืนอยู่ก็ดี เดินไปก็ดี นั่งอยู่ก็ดี

สยาโน วา ยาว ตสฺส วิคตมิทฺโธ
นอนแล้วก็ดี เป็นผู้ปราศจากความง่วงเพียงใด

เอตํ สตึ อธิฏฺเฐยฺย
ก็ตั้งสติอันนั้นไว้เพียงนั้น

พฺรหฺมเมตํ วิหารํ อิธมาหุ
บัณฑิตกล่าวกิริยาอันนี้ เป็นพรหมวิหารในพระศาสนานี้

ทิฏฺฐิญฺจ อนุปคมฺม
บุคคลที่มีเมตตา ไม่เข้าถึงทิฐิ

สีลวา ทสฺสเนน สมฺปนฺโน
เป็นผู้มีศีล ถึงพร้อมแล้วด้วยทัศนะ (คือ โสดาปัตติมรรค)

กาเมสุ วิเนยฺย เคธ
นำความหมกมุ่นในกามทั้งหลายออก

น หิ ชาตุ คพฺภเสยฺยํ ปุนเรตีติ ฯ
ย่อมไม่ถึงความนอน(เกิด)ในครรภ์อีกโดยแท้ทีเดียวแล ฯ

   อันนี้พิมพ์ให้อ่านง่ายๆ
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะ
สักโก อุชู จะ สุหุชู จะ
สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานี
สันตุสสะโก จะสุภะโร จะ
อัปปะกิจโจ จะสัลละหุกะวุตติ
สันตินทริโย จะ นิปะโก จะ


อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธ
นะจะขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุง
สุขิโน วา เขมิโน โหนตุ สัพเพ สัตตา ภุวันตุ สุขิตัตตา
เยเกจิ ปาณะภูตัตถิ
ตะสาวา ถาวะรา วา อะนะวะเสสา
ทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิมา รัสสะกา อะณุกะถูลา
ทิฏฐา วาเย จะอะทิฏฐา


เยจะ ทูเรวะสันติ อะวิทูเร
ภูตา วา สัมภะเวสี วา
สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
นะ ปะโร ปะรัง นิกุพเพถะ
นาติ มัญเญะกะ กัตถะจิ นังกิญจิ
พยาโรสะนา ปะฏีฆะสัญญา นาญญะ มัญญัสสะ ทุขะมิจเฉยยะ


มาตา ยะถา นิยัง ปุตตัง อายุสา เอกะปุตตะมะนุรักเข
เอวัมปิ สัพพะภูเตสุ มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณัง
อุทธัง อะโธ จะติริยัญจะ
อะสัมพาธัง อะเวรัง อะสะปัตตัง
ติฏฐัญจะรัง นิสินโน วา


สะยาโน วา ยาวะตัสสะ วิคะตะมิทโธ
เอตัง สะติง อะทิฏเฐยยะ
พรัหมะเมตัง วิหารัง อิธะมาหุ
ทิฏฐิญจะ อะนุปคัมมะ สีละวา
ทัสสะเนนะ สัมปันโน
กาเมสุ วิเนยยะ เคธัง  นะ หิ ชาตุ คัพภะเสยยัง ปุนะเรตีติ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

ขออนุญาตแก้ไขข้อความนะครับ ขอบคุณมากครับ

143
ด้วยความเคารพครับ
นำมาให้ชมครับ


อันนี้ไปถ่ายที่บ้านท่าน
   สมเด็จแช่น้ำมนต์ชุดนี้เป็นชุดเดียวกับที่เอาใส่กรอบไปติดหนังเสือ
ชุดแยกออกไม่ได้ อาจารย์อั้นท่านนำไปใส่ไว้ในตุ่มน้ำมนต์ของท่าน

อันนี้ตระกรุดกันงู หลวงปู่ทำให้อาจารย์อั้นครับ
  เป็นสองดอกในเส้นเดียว มีอยู่ดอกหลวงปู่จารยันต์ให้หลายอย่างเหมือนตระกรุดขนาดใหญ่
แต่ย่อลงมา
    ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

144
ด้วยควาเคารพครับ
  ขนาดของตระกรุดครับ





ข้างบนถ่ายไว้นานแล้วครับ



เมื่อเทียบกับ เร870 ลำกล้อง 14 นิ้ว
และลำกล้องขนาด20 นิ้ว




ภาพของหลวงปู่ลงตระกรุดให้กับพระรุปหนึ่ง อันนี้ต้องให้ลูกศิษย์ท่านตีตรางมาให้ครับ
   ตระกรุดใหญ่บางชุดลูกศิษย์ช่วยหลวงปู่จารก็มีครับ หลวงปู่จารหมดก็มี แต่ท่านจะถักเชือกเองครับ
แต่ก่อนที่วัดมีเครื่องช่วยม้วนตระกรุดด้วย ทำมาเพื่อม้วนขนาดฟุตหนึ่ง
(สงวนสิทธิภาพนะครับผมเอามาให้เพื่อนพี่ๆน้องๆชม
กรุณาอย่าเอาไปทำจังไรเอาไปขายของ ผมแจ้งความเป็นคดีละเมิด
คาอยู่หนึ่งรายนะครับ จะอ้างทำบุญหรือว่าปากท้องผมไม่ทราบ
ผมไม่อยากให้นิติกรว่างงานครับ)
 
อันนี้ลายมือของหลวงปู่ครับ  แต่ไม่ใช่ยันต์ของตระกรุดกันงูนะครับ
   ช่วงหลังเห็นมีคนเอามาขายกันเยอะ
อยากให้ดูดีๆนะครับ  เพราะว่าเคยเจอที่เค้าทำได้เองทั้งดอก
ระวังกันเองครับ เค้าทำมานานแล้วถักได้เหมือนหลวงปู่
วิธีใช้ตระกรุดกันงู ข้อบ่งใช้หลายข้อ วันที่เค้าห้ามจับงู และสถานที่ที่พบงู ด้วย งูบ้างตัวเป็นงูเจ้า เป็นงูมีเจ้าของ ห้ามจับ และที่สำคัญเวลา จะตีงูให้ตาย ต้องถอดตระกุดออกก่อน
   แต่อย่าเอาไปจับงูเพื่อการค้า หรือ  ล่าเพื่อความสนุกนะครับ บาปกรรมจะไปถึงหลวงปู่
อันนี้ห้ามลองทำครับ

ลองอ่านดูนะครับ ผมบันทึกไว้
  ไม่ใช่จะทำได้ทุกวัน
แต่ขอความกรุณาถ้าไม่จำเป็นอย่าทำเลยครับ



ตอนที่ผมบวช อยู่กับหลวงปู่
พระแค่เอาตระกรุดไปวนหัวงูหรือตะขาบ
มันจะอ้าปากไม่ได้ แม้เอามันไปปล่อยก็ตาม
ต้องใช้เวลาซักพักหนึ่ง กว่ามันจะอ้าปากกิน
ได้ตามปกติ บ้างตัว โดนลองโดนแกล้งมาก
ถึงขนาด อดตายก็มี หรือ มันป้องกันตัวจากสัตว์อื่น
ไม่ได้ก็มี
ที่ว่าบาปมันบาปตรงนี้
ลองอ่านกระทู้นี้ที่ลิงค์ ในเวปคนรักมีดกระทู้เก่าๆดูครับ
ที่ไม่อยากให้ใครลองเพราะมันเป็นแบบนี้
อ่านแล้วพิจารณาเองครับ เพราะคนบางคนพออ่านแล้ว
อยากทำอยากลอง เราเป็นคนคิดได้ยังไม่อยากให้ใครมาลอง สัตว์มันก็ไม่เมื่อกัน ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งนี้มีจริงทำได้จริงเวรกรรมก็มีจริง
กรรมที่ทำกับงูจะส่งถึงหลวงปู่ด้วยครับ
เวลาที่หลวงปู่ทำตระกรุดงู ท่านจะฉันอะไรไม่ค่อยได้
ยิ่งเจตนาทำเพื่อลองดูเล่นๆงูถึงตาย
งูหรือสัตว์มีพิษมันก็มีชีวิต นะครับ
พิจารณาดูดีๆ ครับ หลวงปู่เมตตาให้ทำไว้ป้องกันตัว

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour
 ปล.ข้อมูลอาจจะไม่ครบถ้วนนะครับ
รีบไปทำธุระครับ

145
ด้วยความเคารพครับ
     นำมาให้ชมกันนะครับ

อันนี้อยู่ที่ห้องพักเก่าที่ทำงาน


อันนี้ที่ผมบูชาไว้ที่เรือนเก่าที่กรุงเทพ 

อันนี้ที่บ้านพักที่ทำงาน


อันนี้บางส่วนที่เก็บไว้ที่เรือนใหม่ที่กรุงเทพ
ขอฉายซ้ำครับ
 

ที่พกติดตัวจริงๆ


อันนี้งาแกะพระลูกบุญธรรมของหลวงปู่ทำถวายเพื่อสร้างภาพวาดในโบสถ์ครับ

ชุดนี้แจกวันเกิดหลวงปู่ปี 2551 ครับ
 หลวงปู่อั๊บและหลวงปู่แย้มเสกที่หอฉันครับ
    ถ้าใครเอามาขายในเวป ถ้าเกินห้าร้อยบาทนี้เคยตัวนะครับ
ถ้าเกินควรจะเป็นรุ่นทีมีเม็ดทองแดงฝัง แต่ก็ไม่น่าเช่า  ไม่อยากเห็นคนทำทุกอย่างเป็นเงินนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

146



ด้วยความเคารพครับ
  นำมาให้ชมกันครับ
พระพุทธนวราชบพิตร องค์นี้ประจำจังหวัดที่ผมปฏิบัติงานอยู่
ที่ให้พี่ อส. อุ้มไว้เพราะไม่มีที่สมควรจะตั้งเพื่อถ่ายภาพ
  ปกติจะอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตร ใช้งานสำคัญ

ประวัติของพระพุทธนวราชบพิตร เป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริสร้างพระราชทานเป็นพระประจำจังหวัด เมื่อ พ.ศ. 2508 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ศาสตราจารย์ไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ นายช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ปั้นหุ่นพระพุทธนวราชบพิตร ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และทรงพระพุทธลักษณะด้วยพระองค์เองจนพอพระราชหฤทัยแล้ว จึงได้โปรดเกล้าให้เททองหล่อพระพุทธรูป เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2509

พระพุทธนวราชบพิตร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีขนาดหน้าตักกว้าง 23 เซนติเมตร สูง 40 เซนติเมตร ที่บัวฐานด้านหน้า บรรจุพระพิมพ์ พระสมเด็จจิตรลดา ไว้อีกองค์หนึ่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระพุทธนวราชบพิตรให้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ประดิษฐานไว้ ณ ศาลากลางจังหวัดของทุกจังหวัด และเป็นพระพุทธรูปประจำหน่วยทหาร ประดิษฐานไว้ ณ กองบัญชาการหน่วยทหาร

จังหวัดแรกที่ได้รับพระมหากรุณาพระราชทานพระพุทธนวราชบพิตร ก็คือจังหวัดหนองคาย ซึ่งได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๐

พระราชทานพระบรมราโชวาทให้คนไทยสำนึกอยู่ในความสามัคคี
พ.ศ. 2508 - 2513 ที่ฐานของพระพุทธนวราชบพิตรมีข้อความจารึกเป็นภาษาบาลีว่า ทยฺยชาติสามคฺคิยํ สติสญชานเนน โภชิสิยํ รกฺขนฺติ แปลว่า คนชาติไทยจะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี สอดคล้องกับพระบรมราโชวาทที่พระราชทานไว้ในปัจจุบัน ดังนี้

24 ธ.ค. 2550 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พระราชทานกระบี่แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศในโอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศ ความว่า ข้าพเจ้า(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)มีความยินดีที่ได้มอบกระบี่แก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ และโรงเรียนนายเรืออากาศอีกรุ่นหนึ่งขอแสดงความชื่นชมด้วยกับทุกๆคนที่ได้รับความสำเร็จ และได้รับเกียรติเป็นนายทหารของกองทัพไทยท่านทั้งหลายได้ผ่านการศึกษาจากสถาบันทางทหารของไทย และกำลังจะออกไปปฏิบัติการในตำแหน่งที่สำคัญ คือการสร้างเสริมและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ในโอกาสนี้จึงขอให้ทุกคนทำความเข้าใจให้กระจ่างว่า การจรรโลงรักษาประเทศนั้น เป็นงานส่วนรวม ไม่อยู่ในวิสัยที่บุคคลจะกระทำให้สำเร็จได้โดยลำพังตนเอง บุคคลจะทำการนี้ได้ก็โดยปลูกฝังและเสริมสร้างความร่วมมือในชาติให้เกิดทวีขึ้น ทุกคนทุกฝ่าย ทั้งทหารและพลเรือน จึงต้องรักษาความสามัคคีในชาติ รักษาความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติไว้ทุกเมื่อ อย่ายอมให้ผู้ใดสิ่งใดมาแบ่งพวกแบ่งฝ่ายคนชาติไทยเป็นอันขาด ชาติของเราจึงจะตั้งมั่นอยู่โดยอิสระเสรีมีความผาสุกสงบและเจริญมั่นคงได้ตลอดไปขออวยพรให้นายทหารใหม่ทุกนาย และทุกท่านที่มาร่วมประชุมในพิธีนี้ มีความสุขความเจริญทุกเมื่อทั่วกันสรุปได้ว่า คนชาติไทยจะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี เช่นเดียวกับคำจารึกไว้ที่ฐานพระพุทธนวราชบิตร ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2508

  ที่มาจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นำมาให้ชมกันครับ

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour


147
ด้วยความเคารพครับ
เหมือนทุกปีครับ
7 วันอันตรายมาอีกแล้วครับ
เริ่มตั้งด่านตรวจตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน - 16 เมษายน 52
ช่วงนี้อากาศร้อนและมีเรื่องแปลกๆไม่น่าจะเกิดในสังคมไทยเยอะขึ้นและ
ก็ทุกปีเหตุเดิมๆ ทะเลาวิวาท เมา อนาจาร
 ถ้าดื่มสุรา ก็อย่าขับรถนะครับ
เพราะว่า ถ้าเป่าแล้วเกิน ส่งฟ้องศาลอย่างเดียว
พร้อมระมัดระวังเรื่องการพกพาอาวุธด้วยครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

148


 ด้วยผมได้รับคัดเลือกให้เข้ารับการอบรมหลักสูตรหลักสูตรหนึ่ง  เหอ เหอ คิดซะว่าไปพักร้อนแล้วกัน

ใช้เวลาเรียน 49 วัน ณ โรงเรียนการกำลังสำรอง ค่ายธนะรัตน์  จังหวัดประจวบ
ก็อยากนำเรียนว่ากลับมาแล้วครับ  กลับมาทำงานต่อแล้วครับ


วัตถุมงคลที่ได้ระหว่างการฝึก

ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จากว่าที่นายอำเภอท่านหนึ่ง
ลูกอมหลวงพ่อตัด วัดชายนา ท่านเมตตาให้ไปแจกที่กองร้อย
เหลืออยู่ผมพอสมควร
ผมไปเที่ยวหลายๆ ที่รวมถึงที่นี้ด้วย

 หากมีเวลาส่งรูปให้ดูจะเขียนให้อ่านกันครับ 

  กราบขอบคุณพระอาจารย์ญา เมตตาผมมากในวันไหว้ครูและวัตถุมงคลที่ท่านให้ผมผมได้มอบให้เพื่อนคิดว่าเค้าจำเป็นต้องใช้ 
ขอบคุณท่านโองการยันนะรังสี  สำหรับมิตรไมตรีที่มีให้ และคำแนะนำ
ขอบคุณเพื่อนๆชาวเวปบางพระที่ทักทายในวันไหว้ครู  ผมมีเวลาน้อยลาที่ฝึกมายกพานครู เลยไม่ได้ทักทายใครหรือร่วมกิจกรรม
   สุดท้ายนี้ ผมมีของมาฝากครับ
ใน80 คน
ผมอาจจะเรียนไม่เก่งที่สุด  (หลับตลอด)  ผมอาจะไม่มีบุคลิกที่เป็นผู้นำที่ดี  (ขอตามตลอด)
ผมอาจจะไม่สามารถวิดพื้นได้เป็นร้อยที่ภายในสองนาที  วิ่งสองกิโลสี่ร้อยเมตรภายในแปดเก้านาที
แต่ผมได้หนึ่งในรางวัลสี่อย่างมาครับ



ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
 

149
ด้วยความเคารพครับ
   ขอสั้นๆนะครับ
เพราะผมกำลังฝึกอยู่ที่ปราณ จ.ประจวบ
   
วันเสาร์นี้อาจารย์อั้นท่านไปสักที่ท้องไทร ผมว่าจะไปรับท่านจากบ้านไปท้องไทร
   แต่หลวงปู่จะเป่าครอบได้หรือไม่ผมไม่ทราบ ไม่อยากให้รบกวนท่าน
ส่วนตัวผมจะลาไปยกพานที่บางพระและกราบหลวงปู่อั๊บ
    ผมมาฝึกที่นี้ตอนมายังไม่ได้ลาท่านเลย 
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

150
ด้วยความเคารพครับ อยากเห็นภาพ
รอยสักหมึกลิงตัวห้า ของหลวงพ่อแลวัดพระทรงนะครับ

 ลิงตัวห้า โลโก้ของหลวงพ่อ (ลิงประจำตัว)
   แล้วย้ายของเข้าเรือนใหม่นะครับ
  นำมาฝาก ครับ

 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

151
ด้วยความเคารพครับ
 วันนี้ย้ายของเข้าเรือนใหม่ ต่อ

 จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน   หลวงพ่อเปิ่นท่านปิดทองให้ด้วยครับ

รูปหล่อด้านขวาหลวงพ่อแล วัดพระทรง ด้านซ้าย หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
 ตอนนั้นมีตังล์แค่เช่ารูปหล่อหน้ารถมาบูชา องค์ใหญ่ๆไม่มีเงินครับ




ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

152
ด้วยความเคารพครับ
      ก็เหมือนเดิมทุกปีนะครับ
7 วันอันตรายมา เยือนอีกแล้วครับ
 จะมีการตั้งจุดตรวจจุดสกัด ตามถนนทั่วประเทศ  ตลอด 24 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 51
ถึงวันที่ 5 มกราคม 2552
    ในส่วนของตำรวจไม่แน่ว่าจะเริ่มก่อน เป็น 10 วันอันตรายหรือเปล่า?
   ก็ขอให้ระวังเรื่องการพกพาอาวุธ และการปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด
เบียร์กระป๋องเดียว หากดื่มเข้าไปไม่ถึงชั่วโมงก็เป่าไม่ผ่านแล้วครับ
      เที่ยวกันให้สนุกนะครับ
  ขอแสดงความนับถือ
   Gearmour

153
ด้วยความเคารพครับ
  ตามหัวข้อครับ






 เห็นท่านเสกนานจนมั่นใจ
จึงให้ออกบูชา
  ว่าแต่ตอนนี้ ช่วงนี้ท่านไม่อยู่วัดนะครับ
ท่านไปทำกิจของท่าน
 
  เออ ท่าศูนย์ไหน หรือคนที่เอาของท่านไปก่อน
แล้วบอกว่าออกได้แล้วจะเอาปัจจัยไปถวาย รบกวน
ถ้าอ่านเจอเอาปัจจัยไปทำบุญคืนบ้างนะครับ

พระท่านไม่ทวง แต่ผมได้ยินลูกศิษย์ท่านอื่นเค้าคุยกัน
 จะทวงให้ท่านก็ไม่ให้ทวง
 ถือว่าผมบ่นแล้วกันนะครับ

ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

154
ด้วยความเคารพครับ
   นำเรียนพระอาจารย์สำอางค์ไว้ว่าจะไป
แต่ว่าเนื่องจาก ในอำเภอขอตนเองก็มีงานแบบนี้เช่นกัน
 ต้องไปช่วยนายยกตราตั้ง ของพระครูที่วัดประจำตำบล
ชมรูปกันเลยครับ
ก่อนงานประมาณสองชั่วโมง





   เอาของไปช่วยงานลงแล้วกลับเลยครับ
ขอแสดงความนับถือ
  Gearmour

155
ด้วยความเคารพครับ


เล่มล่างสุดใบอักขระบางพระ  ด้ามท้องไทร
เล่มที่สองจากล่าง ใบและด้ามท้องไทร เล่มนี้ทำตอนบวชอยู่กับหลวงปู่อั๊บ ทำไว้สิบเล่ม
 ถวายหลวงปู่ไว้หนึ่งเล่ม ที่เหลือ ถวายพระ และลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่หมด
เล่มที่สามและสี่จากด้านล่างใบสายบางพระ



  อันนี้ของท้องไทรครับ มีดลงอักขระของท้องไทรทั้งหมด ไม่ครบนะครับ มีจารไว้ที่ด้ามที่กั่นด้วย

  อันนี้ของวัดบางพระครับ แต่ไม่ทันหลวงพ่อเปิ่น  สมัยก่อนเอามีด เอาอาวุธไปให้หลวงพ่อเปิ่นลง
ท่านเมตตาลงให้ แต่ท่านจะเตือนเรื่องบาปบุญคุณโทษ
จริงๆที่ทันหลวงพ่อเปิ่น มีแต่เป็นงาช้าง  หลวงปู่อั๊บท่านเตือนว่ามันเกินศักดิ์อย่างพึ่งใช้ ให้โตกว่านี้ก่อนจึงค่อยใช้
   วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ
อีกเรื่องพอเรียนนักธรรมไป พึ่งรู้ว่าพระสงฆ์ไม่ควรจับต้องของพวกนี้นะครับ
  วันนี้อยู่ในมือเรา เรารู้อะไรควรไม่ควร วันหน้าไม่อยู่ในมือเราแล้ว บาปกรรมจะกลับมาหาเราและครูบาอาจารย์ของเรานะครับ

และ  "ผู้ใดพกพาอาวุธไปในทางสาธาณะโดยไม่มีเหตุอันควร มีความผิดทางอาญานะครับ"
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
ปล.เรียนผู้ดูแลระบบ หากเห็นว่าไม่สมควรลบทันที่เลยครับ

156
ด้วยความเคารพครับ
   ไปหาท่านแล้วท่านจะสักให้หรือเปล่า?ผมไม่ทราบ
เข็มกับหมึกผมถวายท่านไว้หลายปีแล้ว จริงๆท่านชอบอยู่เงียบๆ
 
มีทั้งตัวเล็ก ละตัวใหญ่รูปเหมือนผ้ายันต์
   ท่านเป็นเจ้าอาวาสชื่อ พระอาจารย์นิคม
เป็นเจ้าอาวาส วัดทุ่งยายดำ
   อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา
เห็นท่านกำลังสร้างเมรุ
สร้างโบสถ์
   อยู่ครับ
 ลองไปทำบุญกับท่านดูครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour
 

157
ด้วยความเคารพครับ
      ย้ายเรือนแล้วค้นเจอเอามาถ่ายรูปไว้ครับ
ชุดเครื่องรางที่ทันหลวงพ่อเปิ่น บางส่วน

      ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

158
ด้วยความเคารพครับ
วัตถุมงคลวัดท้องไทรบางส่วนของผม
วันนี้ย้ายบ้านจากเรือนของบิดา มารดามาเรือนของตนเอง
จึงถ่ายรูปเก็บไว้นะครับ


เหรียญรุ่นหนึ่ง ผมเก็บเกือบครบทุกบล็อค ถ้าเป็นรุ่นหนึ่งสร้างครั้งแรก สึกแค่ไหนผมก็เก็บครับ
ไม่ขอแจ้งเหตุผลที่เก็บครับ

สมเด็จตะกั่วหลวงปู่เท เองครับ

เครื่องรางบางส่วนครับ ตระกรุดไม่รวมตระกรุดนางพิม
 (ขอลบรูปนี้ออกครับ)
ขนาดของตระกรุด
 ไว้มีเวลาจะนามาลงอีกครับ
และบางส่วนจะลงรายละเอียดไว้ที่เวปคนรักมีดครับ
Gearmour

159
ด้วยความเคารคพครับ
ไปวัดกลางบางแก้วมาครับ
   เดี้ยวนี้ต้องไปหาพระอาจารย์หลังสองทุ่มเป็นต้นไป
ใครไปเวลาประมาณนี้ ถ้าเอาเครื่องดื่มไปให้ ผู้มาช่วยหลวงปู่ท่านตีเบี้ย
จะดีไม่น้อยครับ

เบี้ยเปลือยและไร้ตะเข็บครับ


รวมที่เอาไปฝากเพื่อนฝากคนที่เคารพวันนี้ครับ

อันนี้พระอาจารย์เจือท่านเมตตาแจกครับ

 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

160
ด้วยความเคารพครับ
ไปหาพระอาจารย์พันมาครับ
  เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ได้ไปธุระที่สุพัน
เลยตัดสินใจไปหา
อาจารย์ที่วัดโคปูน สิงห์บุรีนะครับ
ท่านก็ยังเมตตา เหมือนเดิมครับ


  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

161
ด้วยความเคารพครับ
  มาชมกันครับ


  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

162
ด้วยความเคารพครับ
ทราบไหมครับว่าเป็นยันต์อะไร
เห็นว่าเป็นของลูกศิษย์หลวงปู่หน่าย
วัดบ้านแจ้ง

  ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

163
บทความ บทกวี / เย ธมฺมา
« เมื่อ: 24 ต.ค. 2551, 12:25:49 »
ด้วยความเคารพครับ
ที่นครปฐม มักจะพบคาถา เย ธมฺมา อยู่ตามจารึกของวัดเก่าๆ เสมอ
ผมได้อ่านบทความ ชิ้นหนึ่งรู้สึกว่ามีคุณค่าจะขอ
นำมาลงไว้ ณ ที่นี้ครับ

คาถา เย ธมฺมา

โดย เกษม ศิริสัมพันธ์
ผู้จัดการออนไลน์ ๖ กันยายน ๒๕๔๗

มักมีข้อโต้แย้งกันอยู่เสมอว่า พระพุทธศาสนา เป็น ศาสนา หรือ religion หรือ เป็นปรัชญา หรือ philosophy หรือเป็นวิถีการครองชีวิตแบบหนึ่ง a way of life

นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาในปัจจุบันของเรา อย่างท่านพุทธทาส และท่านเจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) จึงเลี่ยงมานิยมใช้คำว่า พุทธธรรม เพื่ออธิบายถึงประมวลคำสอนของพระพุทธองค์

พุทธธรรมนอกจากเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังรวมถึงความเป็นไปในพระชนม์ชีพและพระปฏิปทาของพระพุทธองค์ ซึ่งสะท้อนออกมาให้ปรากฏในพุทธธรรมอีกด้วย

พระพุทธศาสนาเป็นธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งมิได้ตั้งอยู่ในความงมงาย เพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องเป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล

ในกาลามสูตร พระพุทธองค์ทรงเทศนาสั่งสอนชาวกาลามะ แห่งเกศปุตตนิคม ในแคว้นโกศลว่า อย่าให้เชื่อถืองมงายไร้เหตุผล ด้วยเหตุต่างๆ ถึง ๑๐ ประการ รวมทั้งอย่าเชื่อเพราะนับถือว่าผู้นั้นเป็นสมณะหรือครูของตน แต่ให้เชื่อต่อเมื่อได้พิจารณาด้วยปัญญาของตนเองแล้วสิ่งใดกุศล สิ่งใดเป็นอกุศล

หลักธรรมที่สอนให้เชื่อด้วยปัญญาของตนเองนั้น ตรงกับหลักโยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นหลักวิธีคิด เป็นการพิจารณาเพื่อเข้าถึงความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย เป็นการตริตรองด้วยตนเอง ให้รู้จักสิ่งที่ดีที่ชั่ว แยกแยะได้เองว่าอะไรเป็นกุศลกรรม อะไรเป็นอกุศลกรรม

เหนือสิ่งอื่นใด จะเห็นได้ว่า พระธรรม ซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้น แต่ละเรื่องแต่ละราว ล้วนประกอบด้วยเหตุและผลสัมพันธ์กันทั้งนั้น

มีคาถาสำคัญบทหนึ่ง ซึ่งบรรยายถึงลักษณะสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลในหลักพุทธธรรมเรียกว่า คาถา "เย ธมฺมา"

ก่อนที่จะได้กล่าวถึงตัวคาถาดังกล่าวพร้อมทั้งความหมายที่สำคัญ ต้องขอเล่าเรื่องประกอบคาถาบทนี้ เป็นเรื่องนำเสียก่อน

มีเรื่องเล่ามาว่า ที่ใกล้กรุงราชคฤห์ มีหมู่บ้านพราหมณ์อยู่ ๒ หมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองได้เป็นมิตรสหายสนิทสนมกันมาช้านาน และต่างก็มีบุตรชาย หัวหน้าพราหมณ์ หมู่บ้านหนึ่ง มีบุตรชายชื่อ อุปติสสะ อีกหมู่บ้านหนึ่งหัวหน้าพราหมณ์ก็มีบุตรชายเหมือนกัน ชื่อ โกลิตะ

อุปติสสะ และ โกลิตะ ได้คบหากันเป็นเพื่อนสนิท เล่าเรียนวิชาทางลัทธิพราหมณ์มาด้วยกัน แต่ก็มีความรู้สึกว่าแนวทางสั่งสอนของสำนักพราหมณ์ต่างๆ นั้น หาใช่ทางแห่งความหลุดพ้นอย่างแท้จริงไม่

ทั้งสองคนจึงต่างออกแสวงหาศาสดา ที่สอนอมตธรรมคือธรรมที่ไม่ตาย โดยให้คำมั่นสัญญากันว่า เมื่อฝ่ายใดสามารถได้พบศาสดาที่สอนธรรมเช่นนั้นได้ก่อน ก็ต้องกลับมาบอกอีกฝ่ายหนึ่งให้ทราบด้วย จะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์พร้อมกัน

วันหนึ่ง อุปติสสะมาณพ ได้ไปพบ พระอัสสชิ ซึ่งเป็นภิกษุองค์หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ซึ่งเป็นปฐมสาวกของพระพุทธองค์

ขณะนั้นพระอัสสชิกำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ในกรุงราชคฤห์ อุปติสสะเห็นกิริยาสำรวมและสงบของพระอัสสชิ ก็เกิดความสนใจและเลื่อมใส

อุปติสสะจึงเดินตาม พระอัสสชิ จนท่านบิณฑบาตเสร็จ กลับไปฉันเรียบร้อยแล้ว จึงได้ช่อง เข้าไปถามว่า ท่านบวชกับใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน

พระอัสสชิตอบว่า พระศาสดาของท่านคือพระสมณโคดม ซึ่งอยู่ในวงศ์ศากยะ ได้เสด็จทรงผนวชจนตรัสรู้โดยพระองค์เอง

อุปติสสะ จึงถามต่อไปว่า พระสมณโคดม ศาสดาของท่าน สอนธรรมอะไรเป็นสำคัญ ขอให้แสดงธรรมะนั้นให้ฟัง

พระอัสสชิก็กล่าวถ่อมตนว่า ท่านเพิ่งเข้ามาบวช ยังไม่อาจแสดงหลักธรรมได้กว้างขวางมากนัก ได้แต่กล่าวอย่างย่อๆ อุปติสสะ ก็บอกว่าไม่ต้องแสดงหลักธรรมให้ยืดยาวเยิ่นเย้อหรอก เอาแต่แค่ใจความก็พอแล้ว!

พระอัสสชิ จึงกล่าวเป็นคาถาสั้นๆ รวมสี่บาท ความว่า :

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
เตสํ เหตุํ ตถาคโต พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ และความดับของธรรมเหล่านั้น
เอวํ วาที มหาสมโณ พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้

พระอัสสชิถ่อมตนว่าบวชใหม่ รู้น้อย แต่สามารถสรุปหัวใจของอริยสัจได้ในคาถาเพียงสี่บาทเท่านั้น แสดงว่าพระปัญจวัคคีย์รูปนี้เป็นผู้รู้จริง รู้ลึกถึงแก่นของหลักอริยสัจทีเดียว

ฝ่ายอุปติสสะ ได้ฟังคาถาที่พระอัสสชิกล่าวแล้ว ก็เกิดดวงตาเห็นธรรม มองเห็นว่า สรรพสิ่งทั้งหลายมีความเกิดเป็นธรรมดา แต่สรรพสิ่งเหล่านี้ล้วนมีความดับสูญเป็นธรรมดาเช่นกัน

อุปติสสะจึงกลับไปหาเพื่อนที่ชื่อ โกลิตะ ตามที่สัญญากันไว้ บอกเพื่อนว่าได้พบศาสดาผู้ล่วงรู้อมตธรรมแล้ว

มาณพทั้งสองจึงพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แถมยังพาบริวารของตนมีจำนวน ๒๕๐ คนไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย ทั้งหมดได้ทูลขออุปสมบท พระพุทธเจ้าก็ประทานให้อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา คืออุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธองค์

มาณพทั้งสอง รวมทั้งบริวาร เมื่อได้อุปสมบทแล้ว และได้บำเพ็ญเพียร ไม่ช้านักก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด

พระอุปติสสะ รู้จักในวงการพระพุทธศาสนาว่า พระสารีบุตร คือเรียกขานท่านตามชื่อของมารดา คือเป็นบุตรของนางสารีพราหมณี จึงชื่อว่าสารีบุตร หรือผู้เป็นบุตรของนางสารีนั่นเอง

ส่วนพระโกลิตะ ก็เช่นเดียวกันในทางพระพุทธศาสนาเรียกท่านว่า พระโมคคัลลานะ ตามชื่อของมารดาท่านเช่นกัน แปลว่าบุตรของนางโมคคัลลีพราหมณี

พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ว่า เป็นอัครสาวก พระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ทรงยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีปัญญามาก ส่วนพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย ทรงยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีฤทธิ์มาก

ในสมัยต่อมาเมื่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อย่างเช่นพระประธานในพระอุโบสถ หรือในพระวิหาร จึงนิยมสร้างรูปพระอัครสาวกทั้งคู่ ให้ยืนหรือให้นั่งอยู่สองข้างพระประธานด้วยกัน พระอัครสาวกที่สร้างขึ้นนั้นมีสองรูป คือพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ แต่ทั้งสองรูปมีร่างเหมือนกัน

การสังเกตว่าพระอัครสาวกเป็นรูปใด ก็ให้สังเกตว่าเบื้องขวาของพระประธาน คือพระสารีบุตรเถระ ส่วนด้านซ้ายของพระประธานคือพระโมคคัลลานะเถระ ต้องสังเกตด้วยว่าเมื่อเราหันหน้ากราบพระประธานนั้น ก็ต้องกลับกัน ด้านซ้ายของตัวเราคือพระสารีบุตร ส่วนด้านขวาของเราคือพระโมคคัลลานะ

ส่วนคาถา เย ธมฺมา ซึ่งพระอัสสชิ กล่าวแก่ อุปติสสะมาณพนั้น เป็นการกล่าวสรุปในหลักธรรมสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา คือ อริยสัจ

อริยสัจมีสี่ประการ ประการแรก ได้แก่ ทุกข์ ซึ่งเป็น ผล ประการที่สอง ได้แก่ สมุทัย ได้แก่ เหตุให้เกิดทุกข์ จึงเป็น เหตุ ที่ทำให้เกิด ผล คือ ทุกข์ ในประการแรก ประการที่สาม คือ นิโรธ คือความดับทุกข์ ซึ่งเป็น ผล ทำให้ทุกข์นั้นดับสิ้นไป และประการที่สี่ซึ่งเป็นประการสุดท้าย คือ มรรค เป็นข้อปฏิบัติให้เกิดความดับทุกข์ นับว่าเป็น เหตุ อีกเหมือนกัน

เมื่อนำหลักอริยสัจสี่ประการนี้ เข้ามาพิจารณาตัวคาถา เย ธมฺมา จะเป็นดังนี้

คาถาบาทที่หนึ่ง มีความว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ ก็หมายถึง ทุกข์ ซึ่งป็น ผล อันเกิดจาก เหตุ ดังกล่าว

คาถาบาทที่สอง มีความว่า พระตถาคตตรัสเหตุของธรรมเหล่านั้น นี่ก็คือเรื่อง สมุทัย ซึ่ง เหตุ เป็นอริยสัจข้อที่สอง

คาถาบาทสาม มีความว่า และความดับของธรรมเหล่านั้น ก็คือพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเรื่อง นิโรธ และ มรรค ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติอันเป็น ผล นำไปสู่ให้ถึงความดับทุกข์ในที่สุด

ส่วนคาถาบาทสุดท้าย ความว่า พระมหาสมณะมีวาทะไว้อย่างนี้ ก็คือ พระพุทธองค์ได้ ตรัสสั่งสอนไว้เช่นนี้

อันที่จริง คาถา เย ธมฺมา ซึ่งพระอัสสชิกล่าวนี้ มิได้หมายเฉพาะแต่เรื่องอริยสัจสี่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงหลักธรรมทั่วไปของพระพุทธศาสนาอีกด้วย

หลักธรรมของพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป ได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เหตุ กับ ผล ผล ที่ดีต่างๆ ล้วนเกิดจาก เหตุ ที่ดีทั้งนั้น ซึ่งจะเรียกว่า บุญ หรือกุศลกรรมก็ได้ ส่วน ผล ที่ไม่ดีต่างๆ ก็ล้วนเกิดจาก เหตุ ที่ไม่ดี คือบาป หรืออกุศลกรรมนั่นเอง

พระพุทธองค์จึงได้ทรงชี้ให้เห็นว่า เหตุ ที่ดี คือ บุญหรือกุศลกรรมย่อมมี ผล ในทางที่ดี ส่วน เหตุ ที่ไม่ดี คือ บาปหรืออกุศลกรรม ก็ย่อมมี ผล ในทางตรงข้าม

นอกจากนั้นยังตรัสชี้ เหตุคือทำความดี คือทำบุญหรือกุศลกรรม เพื่อให้เกิดผลที่ดีแก่ตัวผู้ปฏิบัติเอง ในทำนองเดียวกัน เหตุคือทำความไม่ดี คือทำบาปหรืออกุศลกรรม ก็ย่อมนำผล ร้ายมาสู่ชีวิตของผู้ปฏิบัติเองเช่นกัน

พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่ไม่ได้สอน ให้คนหวังความช่วยเหลือเอื้ออำนวยจากพลังภายนอก หรือพลังเหนือธรรมชาติ ในรูปใดๆ ก็ตาม

แต่สอนให้เชื่อมั่นในหลัก "กรรม" คือการกระทำของตนเอง ถ้าทำดี ก็ย่อมได้ผลที่ดี ตรงกันข้าม ถ้าทำชั่วทำเลว ก็ย่อมได้รับผลร้ายหรือผลไม่ดีเอง!

คาถา เย ธมฺมา ซึ่ง พระอัสสชิ กล่าวนั้น จึงเป็นการกล่าวคาถาสรุป รวมยอดของพุทธธรรมเดียว

ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงโปรดให้สลักแท่งศิลาจารึกคาถาบทนี้ไว้มากมาย ต่อมามีผู้ขุดค้นพบหลักศิลาจารึกดังกล่าวนี้อยู่ทั่วไปในชมพูทวีป แสดงว่าพระเจ้าอโศกมหาราชทรงเลื่อมใสในคาถา เย ธมฺมา บทนี้ ว่าเป็นคาถาซึ่งสรุปหัวใจพระพุทธศาสนาไว้อย่างรัดกุมทีเดียว

มีเกร็ดเล่า เมื่อก่อสร้างโรงแรมอินทรา ที่บริเวณประตูน้ำ ผู้ลงทุนได้มาปรึกษาท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่าจะสร้างศาลพระพรหมอย่างโรงแรมอื่นเขาบ้างจะดีไหม?

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้แนะนำว่า ไม่ควรสร้างเทวรูปตามลัทธิพราหมณ์ แต่ควรสร้างเป็นศาลประดิษฐานรูปธรรมจักร ที่ฐานสลัก คาถา เย ธมฺมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางพุทธศาสนาจะเหมาะสมกว่า! เชื่อว่าศาลที่มีรูปธรรมจักร และจารึกคาถาบทนี้ ก็คงยังตั้งอยู่ที่โรงแรมแห่งนั้น..


คงมีประโยชน์บ้างนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour



164
ด้วยความเคารพครับ
   นำมาจาก หนังสือคู่มือชาวพุทธ ฉบับ พูดจาภาษาวัด
ของ สนง.พระพุทธศาสนาแห่งชาติ

เกจิอาจารย์ แปลว่า อาจารย์บางท่าน อาจารย์บางพวก
    หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว  พระสาวกได้รวบรวมคำสอนของพระองค์
ไว้เป็นหมวดหมู่ เรียกว่าพระไตรปิฎก ต่อมามีภิกษุผู้เป็นนักปราชญ์ ได้แต่งหนังสือ
อธิบายข้อความที่ยากในพระไตรปิฎกให้เข้าใจง่ายขึ้น เรียกภิกษุผู้แต่งหนังสือนั้นว่า
พระอรรถกถาจารย์ บ้าง พระฏีกาจารย์ บ้าง  และในหนังสือที่แต่งนั้น มักจะมีอ้างถึงความคิด
เห็นของอาจารย์อื่นๆ ที่เห็นด้วยหรือเห็นแย้งกับผู้แต่ง เรียกอาจารย์ที่ถูกอ้างถึงนั้นว่า เกจิอาจารย์
    เกจิอาจารย์ ในปัจจุปันถูกใช้ในความหมายที่ผิดไปจากเดิมคือใช้เรียกพระที่มีอาคมขลังทางปลุกเสกหรือ
พระที่ทรงวิทยาคุณทางกรรมฐานว่า พระเกจิอาจารย์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า พระเกจิ

     ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

165
บทสวดมนต์ / บทสวดชัยน้อย
« เมื่อ: 12 ส.ค. 2551, 12:32:49 »
เบิ้องต้นแต่ละแห่งไม่ตรงกัน
   ผิดพลาดขออภัยครับ



นะโม เม พุทธะ เตชัสสา ระตะนะตะยะ ธัมมิกา
เตชะ ประสิทธิ ปะสีเทวา นารา ยะปะระเมสุรา
สิทธิ พรัหมา จะ อินทา จะ จะตุโลกา คัมภี รักขะกา
สะมุทา ภูตุง คังกา จะ สะพรัหมา ชัยยะ ประสิทธิ ภะวันตุเต

ชัยยะ ชัยยะ ธ รณี ธ รณี อุทะธิ อุทะธิ นะ ทิ นะ ที
ชัยยะ ชัยยะ คะคน ละตน ละนิสัย นิรัย สัยเสน นะ เมรุราช ชะพล น ระชี
ชัยยะ ชัยยะ คัมภี ระ โสมภี นาเคน ทะนาคี ปิ ศาจ จะ ภู ตะกาลี
ชัยยะ ชัยยะ ทุน นิมิต ตะ โรคี ชัยยะ ชัยยะ สิงคีสุทา ทา นะมุขะชา

ชัยยะ ชัยยะ วะรุณ ณะมุขะ ศาตรา ชัยยะ ชัยยะ จัม ปาทินา คะ กุละคัณโถ

ชัยยะ ชัยยะ คัชชะคน นะตุรง สุกะระภุ ชง สีหะ เพียคฑะ ทีปา
ชัยยะ ชัยยะ วะรุณ ณะมุขะ ยาตรา ชิตะ ชิตะ เสน นารี ปุนะสุทธิ น ระดี

ชัยยะ ชัยยะ สุขา สุขา ชีวี ชัยยะ ชัยยะ ธ ระณี ตะเล สะทา สุชัยยา
ชัยยะ ชัยยะ ธ ระณี สาน ติน สะทา

ชัยยะ ชัยยะ มังกะ ราชรัญญา ภะวัคเค ชัยยะ ชัยยะ วะรุณ ณะยักเข

ชัยยะ ชัยยะ รักขะเส สุระภุ ชะเตชา ชัยยะ ชัยยะ พรัหมเมณ ทะคะณา

ชัยยะ ชัยยะ ราชา ธิราช สาชชัย ชัยยะ ชัยยะ ปะฐะวิง สัพ พัง

ชัยยะ ชัยยะ อะระหันตา ปัจเจ กะพุทธะสา วัง ชัยยะ ชัยยะ มะเห สุโร หะโร หะริน เทวา

ชัยยะ ชัยยะ พรัหมา สุรักโข ชัยยะ ชัยยะ นาโค วิรุฬ หะโก วิรู ปักโข จัน ทิมา ระวิ

อินโท จะ เวนะ เตยโย จะกุเว โร วะรุโณ ปิ จะ
อัคคิ วาโย จะ ปา ชุณโห กุมาโร ธะตะรัฏฏะโก
อัฏฐา ระสะ มะหา เทวา สิทธิตา ปะสะอา ทะโย
อิสิ โน สา วะกา สัพ พา ชัย ยะ ราโม ภะวัน ตุเต
ชัยยะ ธัมโม จะ สังโฆ จะ ทะสะปาโล จะ ชัยยะ กัง
เอเต นะ ชัยยะ เต เชนะ ชัยยะ โสตถี ภะวันตุ เต
เอเตนะ พุทธะ เต เชนะ โหตุ เต ชัยยะมัง คะลัง


ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย
อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัยะตะทา พรัหมะคะนา มะเหสิโน

ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย
อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัย ยะตะทา อินทะ คะณา มะเห สิโน

ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย
อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัยยะตะทา เทวะ คะณา มะเห สิโน

ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย
อุคโฆ สะยัม โพธิ มันเฑ ปะโม ทิตา ชัยยะตะทา สุปัณณะ คะนา มะเหสิโน

ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มา รัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย
อุคโฆ สะยัม โพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตา ชัยยะตะทา นาคะ คะณา มะเหสิโน

ชัยโย ปิ พุทธัสสะ สิริมะโต อะยัง มารัสสะ จะปา ปิมะโต ปะรา ชะโย
อุคโฆ สะยัมโพธิ มัณเฑ ปะโม ทิตาชัยยะตะทา สะพรัหมะคะณา มะเหสิโน



ชะยันโต โพธิยา มูเล สัก กะยานัง นันทิ วัฑฒะโน
เอวัง ตะวัง วิชะโย โหหิ ชะยัสสุ ชะยะมัง คะเล
อะปะรา ชิตะปัลลังเก สีเส ปะฐะวิโปก ขะเร
อะภิเสเก สัพ พะพุทธานัง อัคคัปปัตโต ปะโม ทะติ
สุนักขัตตัง สุมัง คะลัง สุปะภาตัง สุหุฏ ฐิตัง

สุกขะโน สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ
ปะทักขิณัง กายะกัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง
ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณีธี เต ปะทักขิณา
ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภัณตัตเถ ปะทักขิเณ


เต อัตถะลัทธา สุขิตา วิรุฬหา พุทธะสา สะเน
อะโรคา สุขิตา โหถะ สะหะ สัพเพหิญาติภิ
สุณันตุ โภนโต เยเทวา อัสมิง ฐาเน อะธิคะตา
ฑีฆายุกา สะทา โหนตุ สุขิตา โหนตุ สัพพะทา
รักขันตุ สัพพะสัต ตานัง รักขันตุ ชินะสาสะนัง

ยา กาจิ ปัตถะนา เตสัง สัพเพ ปูเรนตุ มะโนระถา
ยุตตะกาเล ปะวัสสันตุ วัสสัง วัสสา วะราหะกา
โรคา จุปัททะวา เตสัง นิวาเรนตุ จะ สัพ พะทา
กายาสุขัง จิตติสุขัง อะระหันตุ ยะถาระหัง

อิติ จุลละชัยยะสิทธิมังคะลัง สะมันตัง

166
ด้วยความเคารพครับ
     ผมพยายามจะสวดทุกวัน
สวดเพื่อปฏิบัติตามทางสายกลาง
สวดแล้วพิจารณาเหตุ ปัจจัย
สวดพิจารณาความไม่ได้สวดเอาฤทธิ์เอาเดช

ลอกเค้ามานะครับ
สูตรแรกที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

คำแปลธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง โดยคุณ Amine post ไว้ที่ webboard

จากหนังสือ "สวดมนต์แปล" วัดจันทาราม อ.เมือง จ.อุทัยธานี หน้า 97 - 113ซึ่งค่อนข้างจะแปลละเอียดและคาดว่าจะเป็นบทสวดเต็ม มาให้ครับ .. ถ้าคัดลอกผิดไปบ้าง..ขออภัยด้วย..ผู้ใดพบเห็นกรุณาเสนอแก้ด้วยนะครับ ;
บทสวดธัมมจักกัปปวัฒนสูตร พระอานนทเถรพุทธอุปัฏฐาก ได้กล่าวแสดงต่อคณะสงฆ์ ในการทำสังคายครั้งที่ ๑ ว่าดังนี้

เอวัมเม สุตัง เอกัง สะมะยัง ภะคะวา พาราณะสิยัง วิหะระติ อิสิปะตะเน มิคะทาเยฯ
ข้าพเจ้าได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ในสมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับยับยั้งอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้เมืองพาราณสี ฯ

ตัตระ โข ภะคะวา ปัญจะวัคคิเย ภิกขู อามันเตสิ ฯ
ในกาลครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเตือนสติเหล่าภิกษุปัญจวัคคีย์ให้ตั้งใจฟังและพิจารณาตามพระดำรัสของพระองค์อย่างนี้ว่า ฯ

เทวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตไม่ควรปฏิบัติให้หนักไปในส่วนที่สุด ๒ อย่าง คือ

โย จายัง กาเมสุ กามะสุขัลลิกานุโยโค **โน (ถ้ามีการตรวจคำหยาบ..ตรงนี้ให้ออกเสียงว่า ฮีโน..นะครับ) คัมโม โปถุชชะนิโก อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต
การประพฤติปฏิบัติตนเพื่อแสวงหาความสุขอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่ารักน่าปรารถนา ซึ่งเป็นธรรมอันเลว เป็นเหตุให้ต้องมีบ้านเรือน เป็นธรรมของคนผุ้ครองเรือนผู้หนาไปด้วยกิเลส ไม่ใธรรมอันจะนำจิตใจออกจากกิเลส ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย นี่อย่างหนึ่ง

โย จายัง อัตตะกิละมะถานุโยโค ทุกโข อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต ฯ
และอีกอย่างหนึ่ง คือ การประพฤติปฏิบัติด้วยการทรมานร่างกายให้ได้รับความลำบาก ซึ่งมีแต่ทำให้ใจเป็นทุกข์ทรมานอย่างเดียว ไม่เป็นทางนำจิตใจออกจากกิเลส และไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจท้งหลาย ฯ (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เร่งหักโหมปฏิบัติธรรมจนเกินกำลัง เพื่อหวังจะได้บรรลุมรรคผลเร็ว ๆ )

เอเต เต ภิกขะเว อุโภ อันเต อะนะปะคัมมะ มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตได้รู้ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง โดยไม่เข้าไปใกล้ส่วนที่สุด ๒ อย่างนั้นแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง

จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติฯ
ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนั้น สามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อทำให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ฯ

กะตะมา จะ สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งสามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ที่ตถาคตรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่งนั้น คือการปฏิบัติอย่างไร?

อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค ฯ
ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนี้ คือ ทางนำไปสู่ความไกลจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย มี ๘ อย่าง ฯ

เสยยะถีทัง
ข้อปฏิบัติเหล่านี้คือ

- สัมมาทิฏฐิ
ปัญญาอันเห็นชอบ ( คือ เห็นอริยสัจ )

- สัมมาสังกัปโป
ความดำริชอบ ( คิดจะออกจากกาม ไม่คิดอาฆาตพยาบาท ไม่คิดเบียดเบียน )

- สัมมาวาจา
วาจาชอบ ( ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล )

- สัมมากัมมันโต
การงานชอบ ( เว้นจากการทุจริต เช่น โกงแรงงานเขาเป็นต้น และทำการงานที่ไม่มีโทษ )

- สัมมาอาชีโว
การเลี้ยงชีวิตชอบ ( หากินโดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดประเพณี )


- สัมมาวายาโม
ความเพียรชอบ ( เพียรละชั่ว ประพฤติดีเพื่อให้มีคุณธรรมประจำใจ และเพื่อให้ได้คุณธรรมสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป )

- สัมมาสะติ
การระลึกชอบ ( ระลึกนึกถึง อนุสสติ ๑๐ ประการ มีพระนิพพานเป็นที่สุด และระลึกในมหาสติปัฏฐาน ๔ )

- สัมมาสะมาธิ ฯ
การตั้งจิตไว้ชอบ ( การทำสมาธิให้อารมณ์ตั้งมั่นในอนุสสติ ๑๐ ประการนั้น ) ฯ
( หรือกล่าวโดยย่อ มรรค ๘ ประการนี้ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา )

อะยัง โข สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางเหล่านี้แล คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งสามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อทำให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ที่ตถาคตรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สภาวะเหล่านี้แลเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง คือ

- ชาติปิ ทุกขา
ความเกิดก็เป็นทุกข์

- ชะราปิ ทุกขา
เมื่อความแก่เข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- มะระณัมปิ ทุกขัง
เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุกปายาสาปิ ทุกขา
เมื่อความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ และความคับแค้นใจเกิดขึ้นมา ก็เป็นทุกข์

- อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข
เมื่อประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์

- ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจก็เป็นทุกข์

- ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
และแม้คิดปรารถนาอยากได้สิ่งใด แต่ไม่ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ก็เป็นทุกข์

- สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแล เป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ยายัง ตัณหา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้แลเป็นต้นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง

โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตระ ตัตราภินันทินี เสยยะถีทัง กามะตัณหา
คือ มีความอยากเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป และมีความกำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าปรารถนา ก็เป็นเหตุให้ใจเกิดทุกข์

ภะวะตัณหา
สิ่งใดที่ยังไม่มี ก็คิดอยากจะให้มีขึ้นมา อย่างนี้ก็ทำให้ใจเกิดทุกข์

วิภะวะตัณหา
และเมื่อมีทุกอย่างสมปรารถนาแล้ว ก็อยากจะให้ทุกอย่างคงทนอยู่ตลอดไป เมื่อมันจะต้องสลายหายไป ก็ร้อนใจไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อย่างนี้ก็ยิ่งทำให้ใจเกิดทุกข์หนักขึ้นอีก ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ จาโค ปะฏินิสสัคโค มุตติ อะนาละโย ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การดับตัณหาความอยากให้หมดไปจากใจด้วยการ ละ วาง ปล่อย และไม่คิดยินดีพัวพันอยู่กับตัณหาความอยากนั้นอีกเด็ดขาด คือ การดับทุกข์ให้หมดไปจากใจได้อย่างแท้จริง ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค เสยยะถีทัง สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติเพื่อนำกิเลสให้หมดไปจากใจนี้ มี ๘ อย่าง คือ ปัญญาเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ ความเพียรชอบ การระลึกชอบ และการตั้งจิตไว้ชอบ คือ ข้อปฏิบัติเพื่อนำใจให้หมดจากกิเลสและดับความทุกข์ได้อย่งแท้จริง ฯ

อิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ดวงตาคือ ปัญญาเห็นธรรม และการกำหนดรู้ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราอย่างนี้ว่า "ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ และความคับแค้นใจ เป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญเญยยันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหล่านี้เป็นต้น อันเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริงนั้นแล เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ตลอดเวลา" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญญาตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือ ปัญญาเห็นธรรม และการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้งและความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหล่านี้เป็นต้น อันเป็นตัวทุกข์อย่งแท้จริงนี้นั้นแล เราได้หยั่งรู้ด้วยปัญญาโดยตลอดแล้ว" ฯ

อิทัง ทุกขะสุมุทะโย อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรม และการกำหนดรู้ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่างในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้ เป็นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะหาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจ อันเป็นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เป็นสิ่งที่ต้องละให้ขาด" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะ**นันติ (ให้อ่านว่า ปะฮีนันติ..Amine) เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจ อันเป็นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เราได้ละขาดไปจากใจแล้ว" ฯ

อิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "การดับตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดนี้ให้หมดไปจากใจ คือ การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "การดับตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดนี้ให้หมดไปจากใจ คือ การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เป็นสิ่งที่ต้องทำให้แจ้งในใจตลอดเวลา" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกะตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "การดับตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดนี้ให้หมดไปจากใจ คือ การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เราได้ทำให้แจ้งในใจอยู่ตลอดเวลาแล้ว" ฯ

อิทัง ทุกขะนิโรธคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "มรรคคือทาง ๘ ประการ เป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ภาเวตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "มรรคคือทาง ๘ ประการ อันเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เป็นธรรมที่ต้องทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลา" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ภาวิตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "มรรคคือทาง ๘ ประการ อันเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เราได้ทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลาแล้ว" ฯ

ยาวะกีวัญจะ เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง นะ สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความจริง ๔ อย่าง อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสนี้ ถ้าหากเรายังไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง โดยอาการหมุนเวียนแห่งปัญญาญาณ ครบ ๓ รอบทั้ง ๔ อย่าง รวมเป็นอาการ ๑๒ รอบ
( อาการ ๑๒ รอบนี้ เรียกว่า ญาณ ๓ คือ
1. สัจจญาณ : การหยั่งรู้ให้ทราบชัดในความจริงแต่ละอย่างในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่าเป็นทุกข์แท้จริง , ตัณหาคือเหตุเกิดทุกข์แท้จริง , การดับตัณหาคือการดับทุกข์ได้แท้จริง , มรรคคือ ทาง ๘ ประการเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริง
2. กิจจญาณ : การหยั่งรู้ให้ทราบชัดว่า จะต้องทำอย่งไรกับความจริงแต่ละอย่างนั้น ว่า ตัวทุกข์ควรต้องกำหนดรู้ตลอดเวลา , ตัณหาต้องละให้ขาด , การดับตัณหาเป็นสิ่งที่ต้องทำให้แจ้งในใจตลอดเวลา , มรรค ๘ เป็นธรรมที่ต้องทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลา และ
3. กตญาณ : การหยั่งรู้ว่าได้ทำหน้าที่ทุกอย่างในความจริงแต่ละอย่างนั้นได้โดยบริบูรณ์แล้ว คือ ทุกข์รู้ด้วยปัญญาโดยตลอดแล้ว , ตัณหาได้ละขาดไปจากใจแล้ว , การดับตัณหาได้ทำให้แจ้งในใจตลอดเวลาแล้ว , มรรค ๘ ได้ทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลาแล้ว )

เนวะ ตาวาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล้าประกาศยืนยันแก่มนุษยโลก ตลอดถึงเทวโลก มารโลก พรหมโลก รวมทั้งหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้ได้รู้เพียงนั้น ว่าเราได้ตรัสรู้พร้อมยิ่งซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้โดยชอบอันยอดเยี่ยม ซึ่งไม่มีความตรัสรู้อื่นในโลกใด ๆ หรือ ของใคร ๆ จะเทียบได้ ฯ

ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ความจริง ๔ อย่ง อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสนี้ เราได้รู้เห็นตามความเป็นจริง โดยอาการหมุนเวียนแห่งปัญญาญาณ ครบ ๓ รอบทั้ง ๔ อย่าง รวมเป็นอาการ ๑๒ รอบ ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์หมดจดแล้ว ฯ

อะถาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงกล้าประกาศยืนยันแก่มนุษยโลก ตลอดถึงเทวโลก มารโลก พรหมโลก รวมทั้งหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้ได้รู้เฉพาะว่า เราได้ตรัสรู้พร้อมยิ่งซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้โดยชอบอันยอดเยี่ยม ซึ่งไม่มีความตรัสรู้อื่นในโลกใด ๆ หรือของใคร ๆ จะเทียบได้ ฯ

ญาณัญจะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อุทะปาทิ อะกุปปา เม วิมุตติ อะยะมันติมา ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ ฯ
ก็แล ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแก่เราแล้วว่า "กิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลายไม่สามารถจะกำเริบขึ้นมาได้อีกแล้ว จิตของเราได้หลุดพ้นจากกิเลสโดยวิเศษแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเราแล้ว บัดนี้ไม่มีภพเป็นที่เกิดสำหรับเราอีกแล้ว" ฯ

อิทะมะโวจะ ภะคะวา ฯ
ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงความจริง ๔ อย่างอันประเสริฐ อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสอย่างนี้แล้ว ฯ

อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง ฯ
พระภิกษุปัจจวัคคีย์เหล่านั้น ก็มีความเพลิดเพลินยินดีในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้วนั้น ฯ

อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง ภัญญะมาเน
ก็ในเมื่อขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงกล่าวแสดงความละเอียดพิศดารแห่งความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการอยู่นั่นแล

อายัสมะโต โกณทัญญัสสะ วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ "ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ" ฯ
ดวงตาคือ ปัญญาอันเห็นธรรม ซึ่งปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดแล้วแก่ท่านโกณทัญญะ ผู้มีอายุอย่างนี้ว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว สิ่งนั้น ๆ ทั้งปวง ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา" ฯ

ปะวัตติเต จะ ภะคะวะตา ธัมมะจักเก
ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงประกาศวงล้อแห่งธรรมให้เป็นไปแล้วนั่นแล

ภุมมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง
ภูมิเทวดาทั้งหลาย ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้นว่า

"เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสมินติ" ฯ
"นั่นคือ วงล้อแห่งธรรมอันยอดเยี่ยม ไม่มีอะไรเทียบได้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ซึ่งวงล้อแห่งธรรมอย่างนี้ อันสมณพราหมณ์ ตลอดถึงเทวดา มาร พรหม และใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถให้เป็นไปได้"

ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา จาตุมมะหาราชิกา เทวดา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมหาราช ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าภูมิเทวดาแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

จาตุมมะหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ตาวะติงสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์ ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

ตาวะติงสานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ยามา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นยามา ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

ยามานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ตุสิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิตได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นยามาแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

[bตุสิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา นิมมานะระตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นนิมมานรดี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิตแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

นิมมานะระตีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นนิมมานรดีแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีนัง เทวานัง สังททัง สุตวา พรัหมะกายิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง
เทพเจ้าเหล่าที่เกิดในหมู่พรหม ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัตตีแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้นว่า

"เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสมินติ" ฯ
"นั่นคือ วงล้อแห่งธรรมอันยอดเยี่ยม ไม่มีอะไรเทียบได้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ซึ่งวงล้อแห่งธรรมอย่างนี้ อันสมณพราหมณ์ ตลอดถึง เทวดา มาร พรหม และใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถให้เป็นไปได้" ฯ

อิติหะ เตนะ ขะเณนะ เตนะ มุหุตเตนะ ยาวะ พรัหมะโลกา สัทโท อัพภุคคัจฉิ ฯ
และโดยขณะเดียวเท่านั้น เสียงก็ดังขึ้นไปถึงพรหมโลกด้วยอาการอย่างนี้ ฯ

อะยัญจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิ ฯ
และเสียงนี้ได้สะท้านสะเทือนหวั่นไหว ดังสนั่นไปตลอดทิศทั้ง ๔ ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ ฯ

อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ อะติกกัมเมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง ฯ
อีกทั้งแสงสว่างอันใหญ่ยิ่งไม่มีประมาณ ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลายเสียหมด ฯ

อะถะ โข ภะคะวา อุทานัง อุทาเนสิ "อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญติ" ฯ
ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานขึ้นว่า "โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ" ฯ (อัญญาสิ : ได้รู้แล้ว)

อิติหิทัง อายัสมะโต โกณทัญญัสสะ "อัญญาโกณทัญโญ" เตววะ นามัง อะโหสีติ ฯ
เพราะเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานขึ้นมาอย่างนี้แล นามว่า "อัญญาโกณทัญญะ" นี้นั่นแหละ ได้มีแล้วแก่พระโกณทัญญะผู้มีอายุ ด้วยประการฉะนี้ แลฯ

* --------- * จบบทสวดมนต์ ธัมมจักกัปปวัฒนสูตร * --------- *

167
ด้วยความเคารพครับ
   
  ลอกมาจากบันทึกของผม
      ขี้เกียจย่อครับ

                 จังหวัดแจ้งแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งโดยกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2551 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา พร้อมได้แจ้งกำหนดเวลาที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และแนวทางปฏิบัติเพื่อให้สำนักทะเบียนท้องถิ่นทราบและดำเนินการ
      โดยให้ดำเนินการดังนี้
      1. วันลงคะแนนล่วงหน้า ณ ที่เลือกตั้งกลางของเขตเลือกตั้ง และวันลงคะแนนนอกเขตจังหวัด คือวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 23 -24 กุมภาพันธ์ 2551
      2. วันสุดท้ายที่ผู้ลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งแจ้งความประสงค์ขอลงทะเบียนการใช้สิทฺธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัด คือวันที่ 31 มกราคม 2551
      3. วันสุดท้ายที่ผู้ลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดจะแจ้งขอเปลี่ยนแปลงเพื่อกลับไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งเดิมที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง คือวันที่ 31 มกราคม 2551
      4. วันสุดท้ายที่ต้องประกาศกำหนดหน่วยเลือกตั้งและที่เลือกตั้ง (ส.ว.2) และบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (ส.ว.10)  คือวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2551
      5. วันสุดท้ายที่หนังสือที่แจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (สว.11) จะต้องส่งถึงเจ้าบ้าน คือ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2551
      6. วันสุดท้ายที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะขอเพิ่มชื่อ ? ถอนชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2551
      7. วันสุดท้ายที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะแจ้งเหตุความจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (รอบแรก) คือ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ? 1 มีนาคม 2551
                         8. วันสุดท้ายที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะแจ้งเหตุความจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง (รอบสอง) คือ 3-9 มีนาคม 2551
                         คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยมีสัญชาติไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 1 มกราคม ของปีที่มีการเลือกตั้ง คือบุคคลที่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งก่อนวันที่ 4 ธันวาคม 2550

ที่น่าสนใจอยู่ตรงนี้ครับ

      2. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ได้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดและนอกเขต
ราชอาณาจักรไว้ในคราวการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ถือว่าเป็น
ผู้ลงทะเบียนขอให้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักรในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งนี้ด้วยโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่
      
                                3. ถ้าผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนฯไว้แล้วตามข้อ 2 ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงจังหวัดที่จะใช้สิทธิเลือกตั้งจะต้องยื่นคำขอลงทะเบียนเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น ณ สำนักทะเบียนแห่งที่ตนอยู่ตามแบบ ส.ว.42 โดยจะมีผลเมื่อพ้น 30 วันนับแต่วันที่ยื่นคำขอเปลี่ยนแปลง
      โดยให้สำนักทะเบียนอำเภอดำเนินการเปิดรับลงทะเบียนขอให้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดและนอกราชอาณาจักร ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2551 ทั้งในและนอกเวลาราชการโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ โดยให้ถือปฏิบัติในการการรับลงทะเบียนฯการออกหนังสือรับการลงทะเบียนหรือเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการลงทะเบียนฯของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ยื่นคำขอทุกรายให้เสร็จภายในวันที่ 2 กุมภาพันธ์  2551  พร้อมให้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประสงค์จะใช้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตและผู้เคยลงทะเบียนขอให้สิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดหรือนอกราชาอาณาจักรไว้เมือการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 ธันวาคม 2550  และประสงค์จะเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการลงทะเบียนฯให้ยื่นคำขอลงทะเบียน ทั้งนี้ เว้นแต่กรณีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนฯเนื่องจากมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งน้อยกว่า 90 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง และต่อมาภายหลังระยะเวลาการมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านนับได้
เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน ให้ถือว่าเป็นการเพิกถอนการลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งนอกเขตจังหวัดนับแต่วันพ้นกำหนดเวลาที่เป็นเงื่อนไขดังกล่าวโดยไม่ต้องยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก


      อย่าลืมไปเลือกตั้งนะครับ

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

168
ด้วยความเคารพครับ
ด้วยผมได้รับแจ้งจากลูกหลานของ
หลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง
ว่าท่านได้ มรณะภาพเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ด้วยเหตุเส้นโลหิตในสมองแตก

ลูกหลานท่าน เข้าไปในห้องท่านพบนามบัตรของผม
สมัยทำงานอยู่แถวนั้น เลยแจ้งข่าวมา

ใครเป็นลูกศิษย์ท่านขอให้ไปเคารพศพท่านด้วย

ขอแสดงความนับถือ

Gearmour

169
ด้วยความเคารพครับ
ขอประชาสัมพันธ์ข่าวของพระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดงนะครับ
จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด


พระปิดตาปฐมเศรษฐี รุ่นแรก ของขวัญปีใหม่-พระอาจารย์ปุ้ม

คอลัมน์ ซูมโฟกัส

เอกอุ


"พระปิดตา" เป็นพระเครื่องที่มีลักษณะพิเศษ มีเอกลักษณ์แตกต่างจากพระเครื่องประเภทอื่นๆ กล่าวคือ จะมีองค์พระอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ หรือบางแห่งเพิ่มพระหัตถ์ขึ้นอีก 2 ข้าง ปิดทวารด้านล่าง ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ดังกล่าวนี้ แสดงนัยหรือแฝงปริศนาธรรมเอาไว้คือ การปิด "ทวาร" ซึ่งทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า "อายตนะ" หมายถึง แดนรับรู้ หรือที่เชื่อมต่อให้เกิดความรู้ แบ่งเป็น 2 คู่ คือ แดนรับรู้ภายใน ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

แดนรับรู้ภายนอกได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส สิ่งนึกคิด แต่โดยทั่วๆ ไป จะคุ้นเคยกับ คำว่า "ทวาร" ที่หมายถึง ประตูแห่งการเข้าออกทั้ง 9 ทาง ได้แก่ ตา 2 จมูก 2 หู 2 ปาก 1 และช่องขับถ่ายด้านหน้า ด้านหลัง อย่างละ 1 รวมเป็น 9

กล่าวกันว่า "พระปิดตา" ที่สร้างขึ้นในสมัยแรกๆ เป็นของครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐาน เพื่อใช้เป็นอุบายในการสั่งสอนธรรมสำหรับศิษย์ ให้มีสติในการรับรู้รูป กลิ่น เสียง รส สัมผัส และความนึกคิด หากการเข้าไปรับรู้อารมณ์เหล่านี้อย่างขาดความระมัดระวัง จะทำให้กิเลสเก่าที่มีอยู่เพิ่มพูน และเป็นหนทางให้กิเลสใหม่เกิดขึ้นได้อีก

เพราะฉะนั้น การปิดทวาร จึงหมายถึง การดำเนินอยู่อย่างระมัดระวังในการรับรู้อารมณ์ภายนอก อันเปรียบเสมือนของร้อนเป็นบ่อเกิดแห่งราคะ โทสะ และโมหะ ซึ่งเป็นต้นธารแห่งกิเลสทั้งหลาย

ต่อมา คติการสร้างพระปิดตาหรือพระปิดทวารนิยมแพร่หลาย ที่นิยมสร้างกันจะมี 2 ลักษณะคือ อย่างแรกเรียกว่า "พระปิดตามหาลาภ" มีลักษณะนั่งขัดสมาธิ ยกพระหัตถ์ปิดพระพักตร์ อย่างที่สองเรียกว่า "พระปิดตามหาอุด" นอกจากจะมีลักษณะนั่งขัดสมาธิ ยกพระหัตถ์ปิดพระพักตร์เช่นเดียวกันแล้ว ยังเพิ่มพระหัตถ์อีกหนึ่งคู่ ปิดด้านล่าง ซึ่งหมายถึง ช่องขับถ่ายด้านหน้าและด้านหลัง นิยมเรียกกันว่า "พระปิดทวาร 9" หรือสั้นๆ ว่า "พระปิดทวาร"

เชื่อกันว่า การสร้างให้รูปลักษณะขององค์พระมีความอวบอ้วนนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติของ "พระมหากัจจายนะ" หรือ "พระภควัมปติ" ซึ่งการที่ท่านได้รับการขนานนามว่า "ภควัมปติ" ที่มีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" เหตุเพราะว่า ท่านมีรูปกายที่งดงาม ทำให้ประชาชนทั้งหลายต่างลุ่มหลงคลั่งไคล้ในรูปลักษณ์ภายนอกของท่าน ไม่สนใจในการฟังธรรมเท่าที่ควร ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานให้สรีระร่างกายเปลี่ยนแปลง ให้มีสรีระร่างกายต่ำเตี้ย พระอุทรพลุ้ย ศีรษะใหญ่ ขาสั้น อันเป็นที่มาของ "พระสังกัจจายน์" ที่พบเห็นอยู่ในปัจจุบัน

พระมหากัจจายนะ หรือ พระภควัมปติ หรือ พระสังกัจจายน์ เป็นพระมหาเถระที่มีชื่อเป็นหนึ่งใน 80 องค์ ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องไว้เป็นพิเศษ ท่านได้รับการยกย่องให้เป็นผู้มีความสามารถในการขยายธรรมและย่อธรรมได้อย่างวิจิตรพิสดาร ดังพระธรรมเทศนาที่ท่านได้แสดงโปรดพระเจ้าจัณฑปัชโชต ตอนหนึ่งว่า

"...คนมีปัญญาถึงจะไม่มีทรัพย์ก็เป็นอยู่ได้ แต่คนมีทรัพย์ถ้าไร้ปัญญาก็เป็นอยู่ไม่ได้แน่ หูมีไว้ฟังเสียงทุกเสียง ตามีไว้ดูรูปทุกประเภท ผู้มีปัญญาไม่ควรมองข้ามสิ่งที่ได้เห็นได้ยินไปเสีย คนฉลาด ถึงมีตาดีก็ทำเหมือนคนตาบอด ถึงมีหูดีก็ทำเหมือน หูหนวก ถึงมีปัญญาก็ทำเหมือนคนใบ้ ถึงแข็งแรงก็ทำเหมือนอ่อนแอ แต่ถ้าประโยชน์เกิดขึ้น ถึงจะเจ็บป่วย นอนรอความตายก็ยังทำประโยชน์ได้..."

ด้วยความนิยมในพุทธสาวกองค์นี้ ทำให้ครูบาอาจารย์สายกัมมัฏฐาน ได้จำลองลักษณะของท่านในรูปของ "พระภควัมปติ" อันหมายถึง ผู้มีความละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า ในรูปของ "พระสังกัจจายน์" อันหมายถึง ผู้เป็นที่รักที่นิยมยินดี เต็มเปี่ยมไปด้วยลาภสักการะสรรเสริญ ในรูปของ "พระปิดตา" อันหมายถึง การปิดกั้นอาสวะกิเลส และในรูปของ "พระปิดทวาร" อันหมายถึง การป้องกันสรรพภยันตรายทั้งปวง

พระอาจารย์นคร โฆสการี หรือ พระอาจารย์ปุ้ม เกจิอาจารย์แห่งวัดศาลาแดง ผู้สืบทอดคำสอนของพระเกจิอาจารย์หลายรูป อาทิ "หลวงตาเผือด นราสโภ" แห่งวัดมะกอก ได้จัดสร้าง "พระปิดตาปฐมเศรษฐีรุ่นแรก" ซึ่งได้รับเมตตาจากพระเกจิอาจารย์และผู้มีศรัทธามอบมวลสารของพระเกจิอาจารย์ที่สะสมมาหลายยุคหลายสมัยอันเปี่ยมด้วยสรรพพุทธาคมดังเช่น ผงว่านกว่า 500 ชนิด ของหลวงปู่พรหมา เขมจาโร ผงพระเครื่องชั้นยอดต่างๆ เช่น ผงพระสมเด็จกรุบางขุนพรหม ขณะเปิดกรุ เมื่อ พ.ศ.2500, ผงพระสมเด็จจิตรลดา, ผงพระพุทธนวราชวันตบพิตร (พระพิมพ์จิตรลดา) โครงการหลวง พ.ศ.2539, ผงพระพุทธนราวันตบพิตร พ.ศ.2542, ผงหลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง, ผงหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นต้น ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ผงมหาภูติรูปทอง และผงอาถรรพ์ต่างๆ ผงมวลสารกว่า 1,000 ชนิด

พระอาจารย์ปุ้ม ได้จัดสร้าง "พระปิดตาปฐมเศรษฐีรุ่นแรก" ขึ้นด้วยศรัทธาผสมมวลสารวิเศษและมงคล กดพิมพ์ประณีตด้วยตนเอง ทุกองค์ผ่านพิธีปลุกเสกประจุพุทธวิทยาคม วิชาอาถรรพ์ ตามตำรับโบราณที่สืบทอดต่อกันมา

ฉะนั้นในดิถีขึ้นปีพุทธศักราช 2551 พระอาจารย์ปุ้ม จึงขอมอบ "พระปิดตาปฐมเศรษฐีรุ่นแรก" เป็นของขวัญสิริมงคลนำพาชีวิตพุทธศาสนิกชน ให้แคล้วคลาดปลอดภัย ร่ำรวยมั่งมี เป็นที่นิยมรักใคร่ ให้อยู่ยั่งยืนตลอดไปและตลอดไป

ผู้มีความประสงค์โปรดแจ้งความจำนงแห่งศรัทธาที่ พระอาจารย์นคร โฆสการี หรือ พระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง กุฏิสุดภวา แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 10160

หน้า 31



วันนี้ไปวัดศาลาแดงมาเห็นคน ไปที่วัดเพื่อรับ
ตกลงพระอาจารย์ปุ้ม แจกในวันที่ 1 -2 มกราคม 2551 นะครับ
และยืนยันว่า เนื้อหามวลสารดีแน่นอนครับ
พิมพ์พระในวัดศาลาแดงเองเลย
ผมเองก็ไปช่วยท่านกดพิมพ์อยู่ด้วยครับ และเห็นการผสมเนื้อทั้งหมดด้วย
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour



170
ด้วยความเคารพครับ
   ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ประวัติของหลวงปู่อั๊บ ครับ
http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=4646

   อันนี้เรื่องของยันต์แม่นางพิม ครับ
http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=1924

   เนื่องจากผมลงรูปไม่เป็นจึงของอนุญาตทำลิงค์ไปนะครับ

ขอแสดงความนับถือ
 
   Gearmour

171
ด้วยความเคารพครับ
      ในวันที่ 12 สิงหาคม 2550 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 86 ปีของ หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี
ซึ่งในงานจะมีการแสดงมุทิตาจิตต่อหลวงปู่ด้วยการสรงน้ำหลังเวลา 12.00 น.
     และอาจารย์อั้นซึ่งมาช่วยสักในทุกๆวันเสาร์ จะอยู่ในวันอาทิตย์นี้ด้วย
 รายละเอียดเพิ่มเติม ที่นี้ครับ
         http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=63&st=180
ขอแสดงนับถือ
    Gearmour


172
ด้วยความเคารพครับ
ที่นครปฐม มักจะพบคาถา เย ธมฺมา อยู่ตามจารึกของวัดเก่าๆ เสมอ
ผมได้อ่านบทความ ชิ้นหนึ่งรู้สึกว่ามีคุณค่าจะขอ
นำมาลงไว้ ณ ที่นี้ครับ

คาถา เย ธมฺมา

โดย เกษม ศิริสัมพันธ์
ผู้จัดการออนไลน์ ๖ กันยายน ๒๕๔๗

มักมีข้อโต้แย้งกันอยู่เสมอว่า พระพุทธศาสนา เป็น ศาสนา หรือ religion หรือ เป็นปรัชญา หรือ philosophy หรือเป็นวิถีการครองชีวิตแบบหนึ่ง a way of life

นักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาในปัจจุบันของเรา อย่างท่านพุทธทาส และท่านเจ้าคุณพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) จึงเลี่ยงมานิยมใช้คำว่า พุทธธรรม เพื่ออธิบายถึงประมวลคำสอนของพระพุทธองค์

พุทธธรรมนอกจากเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ยังรวมถึงความเป็นไปในพระชนม์ชีพและพระปฏิปทาของพระพุทธองค์ ซึ่งสะท้อนออกมาให้ปรากฏในพุทธธรรมอีกด้วย

พระพุทธศาสนาเป็นธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งมิได้ตั้งอยู่ในความงมงาย เพราะศรัทธาในพระพุทธศาสนา ต้องเป็นความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล

ในกาลามสูตร พระพุทธองค์ทรงเทศนาสั่งสอนชาวกาลามะ แห่งเกศปุตตนิคม ในแคว้นโกศลว่า อย่าให้เชื่อถืองมงายไร้เหตุผล ด้วยเหตุต่างๆ ถึง ๑๐ ประการ รวมทั้งอย่าเชื่อเพราะนับถือว่าผู้นั้นเป็นสมณะหรือครูของตน แต่ให้เชื่อต่อเมื่อได้พิจารณาด้วยปัญญาของตนเองแล้วสิ่งใดกุศล สิ่งใดเป็นอกุศล

หลักธรรมที่สอนให้เชื่อด้วยปัญญาของตนเองนั้น ตรงกับหลักโยนิโสมนสิการ ซึ่งเป็นหลักวิธีคิด เป็นการพิจารณาเพื่อเข้าถึงความสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย เป็นการตริตรองด้วยตนเอง ให้รู้จักสิ่งที่ดีที่ชั่ว แยกแยะได้เองว่าอะไรเป็นกุศลกรรม อะไรเป็นอกุศลกรรม

เหนือสิ่งอื่นใด จะเห็นได้ว่า พระธรรม ซึ่งเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั้น แต่ละเรื่องแต่ละราว ล้วนประกอบด้วยเหตุและผลสัมพันธ์กันทั้งนั้น

มีคาถาสำคัญบทหนึ่ง ซึ่งบรรยายถึงลักษณะสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลในหลักพุทธธรรมเรียกว่า คาถา "เย ธมฺมา"

ก่อนที่จะได้กล่าวถึงตัวคาถาดังกล่าวพร้อมทั้งความหมายที่สำคัญ ต้องขอเล่าเรื่องประกอบคาถาบทนี้ เป็นเรื่องนำเสียก่อน

มีเรื่องเล่ามาว่า ที่ใกล้กรุงราชคฤห์ มีหมู่บ้านพราหมณ์อยู่ ๒ หมู่บ้าน หัวหน้าหมู่บ้านทั้งสองได้เป็นมิตรสหายสนิทสนมกันมาช้านาน และต่างก็มีบุตรชาย หัวหน้าพราหมณ์ หมู่บ้านหนึ่ง มีบุตรชายชื่อ อุปติสสะ อีกหมู่บ้านหนึ่งหัวหน้าพราหมณ์ก็มีบุตรชายเหมือนกัน ชื่อ โกลิตะ

อุปติสสะ และ โกลิตะ ได้คบหากันเป็นเพื่อนสนิท เล่าเรียนวิชาทางลัทธิพราหมณ์มาด้วยกัน แต่ก็มีความรู้สึกว่าแนวทางสั่งสอนของสำนักพราหมณ์ต่างๆ นั้น หาใช่ทางแห่งความหลุดพ้นอย่างแท้จริงไม่

ทั้งสองคนจึงต่างออกแสวงหาศาสดา ที่สอนอมตธรรมคือธรรมที่ไม่ตาย โดยให้คำมั่นสัญญากันว่า เมื่อฝ่ายใดสามารถได้พบศาสดาที่สอนธรรมเช่นนั้นได้ก่อน ก็ต้องกลับมาบอกอีกฝ่ายหนึ่งให้ทราบด้วย จะได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์พร้อมกัน

วันหนึ่ง อุปติสสะมาณพ ได้ไปพบ พระอัสสชิ ซึ่งเป็นภิกษุองค์หนึ่งในปัญจวัคคีย์ ซึ่งเป็นปฐมสาวกของพระพุทธองค์

ขณะนั้นพระอัสสชิกำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ในกรุงราชคฤห์ อุปติสสะเห็นกิริยาสำรวมและสงบของพระอัสสชิ ก็เกิดความสนใจและเลื่อมใส

อุปติสสะจึงเดินตาม พระอัสสชิ จนท่านบิณฑบาตเสร็จ กลับไปฉันเรียบร้อยแล้ว จึงได้ช่อง เข้าไปถามว่า ท่านบวชกับใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน

พระอัสสชิตอบว่า พระศาสดาของท่านคือพระสมณโคดม ซึ่งอยู่ในวงศ์ศากยะ ได้เสด็จทรงผนวชจนตรัสรู้โดยพระองค์เอง

อุปติสสะ จึงถามต่อไปว่า พระสมณโคดม ศาสดาของท่าน สอนธรรมอะไรเป็นสำคัญ ขอให้แสดงธรรมะนั้นให้ฟัง

พระอัสสชิก็กล่าวถ่อมตนว่า ท่านเพิ่งเข้ามาบวช ยังไม่อาจแสดงหลักธรรมได้กว้างขวางมากนัก ได้แต่กล่าวอย่างย่อๆ อุปติสสะ ก็บอกว่าไม่ต้องแสดงหลักธรรมให้ยืดยาวเยิ่นเย้อหรอก เอาแต่แค่ใจความก็พอแล้ว!

พระอัสสชิ จึงกล่าวเป็นคาถาสั้นๆ รวมสี่บาท ความว่า :

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
เตสํ เหตํ ตถาคโต พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ และความดับของธรรมเหล่านั้น
เอวํ วาที มหาสมโณ พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้

พระอัสสชิถ่อมตนว่าบวชใหม่ รู้น้อย แต่สามารถสรุปหัวใจของอริยสัจได้ในคาถาเพียงสี่บาทเท่านั้น แสดงว่าพระปัญจวัคคีย์รูปนี้เป็นผู้รู้จริง รู้ลึกถึงแก่นของหลักอริยสัจทีเดียว

ฝ่ายอุปติสสะ ได้ฟังคาถาที่พระอัสสชิกล่าวแล้ว ก็เกิดดวงตาเห็นธรรม มองเห็นว่า สรรพสิ่งทั้งหลายมีความเกิดเป็นธรรมดา แต่สรรพสิ่งเหล่านี้ล้วนมีความดับสูญเป็นธรรมดาเช่นกัน

อุปติสสะจึงกลับไปหาเพื่อนที่ชื่อ โกลิตะ ตามที่สัญญากันไว้ บอกเพื่อนว่าได้พบศาสดาผู้ล่วงรู้อมตธรรมแล้ว

มาณพทั้งสองจึงพากันไปเฝ้าพระพุทธเจ้า แถมยังพาบริวารของตนมีจำนวน ๒๕๐ คนไปเฝ้าพระพุทธเจ้าด้วย ทั้งหมดได้ทูลขออุปสมบท พระพุทธเจ้าก็ประทานให้อุปสมบทด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา คืออุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธองค์

มาณพทั้งสอง รวมทั้งบริวาร เมื่อได้อุปสมบทแล้ว และได้บำเพ็ญเพียร ไม่ช้านักก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด

พระอุปติสสะ รู้จักในวงการพระพุทธศาสนาว่า พระสารีบุตร คือเรียกขานท่านตามชื่อของมารดา คือเป็นบุตรของนางสารีพราหมณี จึงชื่อว่าสารีบุตร หรือผู้เป็นบุตรของนางสารีนั่นเอง

ส่วนพระโกลิตะ ก็เช่นเดียวกันในทางพระพุทธศาสนาเรียกท่านว่า พระโมคคัลลานะ ตามชื่อของมารดาท่านเช่นกัน แปลว่าบุตรของนางโมคคัลลีพราหมณี

พระพุทธองค์ทรงยกย่องพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ ว่า เป็นอัครสาวก พระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวา ทรงยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีปัญญามาก ส่วนพระโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย ทรงยกย่องว่าเป็นเลิศในทางมีฤทธิ์มาก

ในสมัยต่อมาเมื่อสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อย่างเช่นพระประธานในพระอุโบสถ หรือในพระวิหาร จึงนิยมสร้างรูปพระอัครสาวกทั้งคู่ ให้ยืนหรือให้นั่งอยู่สองข้างพระประธานด้วยกัน พระอัครสาวกที่สร้างขึ้นนั้นมีสองรูป คือพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ แต่ทั้งสองรูปมีร่างเหมือนกัน

การสังเกตว่าพระอัครสาวกเป็นรูปใด ก็ให้สังเกตว่าเบื้องขวาของพระประธาน คือพระสารีบุตรเถระ ส่วนด้านซ้ายของพระประธานคือพระโมคคัลลานะเถระ ต้องสังเกตด้วยว่าเมื่อเราหันหน้ากราบพระประธานนั้น ก็ต้องกลับกัน ด้านซ้ายของตัวเราคือพระสารีบุตร ส่วนด้านขวาของเราคือพระโมคคัลลานะ

ส่วนคาถา เย ธมฺมา ซึ่งพระอัสสชิ กล่าวแก่ อุปติสสะมาณพนั้น เป็นการกล่าวสรุปในหลักธรรมสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา คือ อริยสัจ

อริยสัจมีสี่ประการ ประการแรก ได้แก่ ทุกข์ ซึ่งเป็น ผล ประการที่สอง ได้แก่ สมุทัย ได้แก่ เหตุให้เกิดทุกข์ จึงเป็น เหตุ ที่ทำให้เกิด ผล คือ ทุกข์ ในประการแรก ประการที่สาม คือ นิโรธ คือความดับทุกข์ ซึ่งเป็น ผล ทำให้ทุกข์นั้นดับสิ้นไป และประการที่สี่ซึ่งเป็นประการสุดท้าย คือ มรรค เป็นข้อปฏิบัติให้เกิดความดับทุกข์ นับว่าเป็น เหตุ อีกเหมือนกัน

เมื่อนำหลักอริยสัจสี่ประการนี้ เข้ามาพิจารณาตัวคาถา เย ธมฺมา จะเป็นดังนี้

คาถาบาทที่หนึ่ง มีความว่า ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ ก็หมายถึง ทุกข์ ซึ่งป็น ผล อันเกิดจาก เหตุ ดังกล่าว

คาถาบาทที่สอง มีความว่า พระตถาคตตรัสเหตุของธรรมเหล่านั้น นี่ก็คือเรื่อง สมุทัย ซึ่ง เหตุ เป็นอริยสัจข้อที่สอง

คาถาบาทสาม มีความว่า และความดับของธรรมเหล่านั้น ก็คือพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมเรื่อง นิโรธ และ มรรค ซึ่งเป็นข้อปฏิบัติอันเป็น ผล นำไปสู่ให้ถึงความดับทุกข์ในที่สุด

ส่วนคาถาบาทสุดท้าย ความว่า พระมหาสมณะมีวาทะไว้อย่างนี้ ก็คือ พระพุทธองค์ได้ ตรัสสั่งสอนไว้เช่นนี้

อันที่จริง คาถา เย ธมฺมา ซึ่งพระอัสสชิกล่าวนี้ มิได้หมายเฉพาะแต่เรื่องอริยสัจสี่เท่านั้น แต่ยังหมายถึงหลักธรรมทั่วไปของพระพุทธศาสนาอีกด้วย

หลักธรรมของพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป ได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง เหตุ กับ ผล ผล ที่ดีต่างๆ ล้วนเกิดจาก เหตุ ที่ดีทั้งนั้น ซึ่งจะเรียกว่า บุญ หรือกุศลกรรมก็ได้ ส่วน ผล ที่ไม่ดีต่างๆ ก็ล้วนเกิดจาก เหตุ ที่ไม่ดี คือบาป หรืออกุศลกรรมนั่นเอง

พระพุทธองค์จึงได้ทรงชี้ให้เห็นว่า เหตุ ที่ดี คือ บุญหรือกุศลกรรมย่อมมี ผล ในทางที่ดี ส่วน เหตุ ที่ไม่ดี คือ บาปหรืออกุศลกรรม ก็ย่อมมี ผล ในทางตรงข้าม

นอกจากนั้นยังตรัสชี้ เหตุคือทำความดี คือทำบุญหรือกุศลกรรม เพื่อให้เกิดผลที่ดีแก่ตัวผู้ปฏิบัติเอง ในทำนองเดียวกัน เหตุคือทำความไม่ดี คือทำบาปหรืออกุศลกรรม ก็ย่อมนำผล ร้ายมาสู่ชีวิตของผู้ปฏิบัติเองเช่นกัน

พระพุทธศาสนาจึงเป็นศาสนาที่ไม่ได้สอน ให้คนหวังความช่วยเหลือเอื้ออำนวยจากพลังภายนอก หรือพลังเหนือธรรมชาติ ในรูปใดๆ ก็ตาม

แต่สอนให้เชื่อมั่นในหลัก "กรรม" คือการกระทำของตนเอง ถ้าทำดี ก็ย่อมได้ผลที่ดี ตรงกันข้าม ถ้าทำชั่วทำเลว ก็ย่อมได้รับผลร้ายหรือผลไม่ดีเอง!

คาถา เย ธมฺมา ซึ่ง พระอัสสชิ กล่าวนั้น จึงเป็นการกล่าวคาถาสรุป รวมยอดของพุทธธรรมเดียว

ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงโปรดให้สลักแท่งศิลาจารึกคาถาบทนี้ไว้มากมาย ต่อมามีผู้ขุดค้นพบหลักศิลาจารึกดังกล่าวนี้อยู่ทั่วไปในชมพูทวีป แสดงว่าพระเจ้าอโศกมหาราชทรงเลื่อมใสในคาถา เย ธมฺมา บทนี้ ว่าเป็นคาถาซึ่งสรุปหัวใจพระพุทธศาสนาไว้อย่างรัดกุมทีเดียว

มีเกร็ดเล่า เมื่อก่อสร้างโรงแรมอินทรา ที่บริเวณประตูน้ำ ผู้ลงทุนได้มาปรึกษาท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่าจะสร้างศาลพระพรหมอย่างโรงแรมอื่นเขาบ้างจะดีไหม?

ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ได้แนะนำว่า ไม่ควรสร้างเทวรูปตามลัทธิพราหมณ์ แต่ควรสร้างเป็นศาลประดิษฐานรูปธรรมจักร ที่ฐานสลัก คาถา เย ธมฺมา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางพุทธศาสนาจะเหมาะสมกว่า! เชื่อว่าศาลที่มีรูปธรรมจักร และจารึกคาถาบทนี้ ก็คงยังตั้งอยู่ที่โรงแรมแห่งนั้น..


คงมีประโยชน์บ้างนะครับ  ได้ชื่อว่าเป็นคนพุทธอย่าพึ่งเป็นแต่ในข้อมูลในทะเบียนบ้าน
ทุกวันนี้ จะเป็นพราหมณ์ ไปหมดแล้ว
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour


173
ด้วยความเคารพครับ
ไม่ทราบว่ารู้จักอาจารย์นิคม ที่ท่านเคยอยู่วัดระฆัง หรือเปล่า?ครับ
ท่านเขียนผ้ายันต์ได้สวยงามมาก
และท่านสักเพชรพญาธรได้ขลัง
อยากทราบข่าวของท่านนะครับ
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

174
    ด้วยความเคารพครับ
ผมได้ยินมาหลายครั้งแล้ว แต่พึ่งได้เห็นด้วยตานี้
   ผมเห็นมีคนสักเสือครู ผมเรียกว่าเสือการ์ตูน ที่ปกติศิษย์บางพระ
สักไว้ที่หน้าอก  แต่มีคนทำแปลกๆ เอาไปสักที่น่อง ที่วัดบางพระคงไม่มีใครทำ
ศิษย์สายบางพระคงไม่มีใครสักให้   เพราะปกติพิมพ์เสือครูนี้เค้าไม่สักต่ำไม่ใช่หรอครับ
   ผมละงง   
      เรื่องความเห็นอื่นคงไม่มี ฝากไว้แค่นี้ครับ
 ขอแสดงความนับถือ
   Gearmour

175
ด้วยความเคารพครับ
อยากทราบข้อมูลนะครับ
ว่าอาจารย์ปุ้มท่านสักอะไรบ้าง
คราวที่แล้วไป เห็นว่าท่านไปปริวาส
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

176
ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง

ด้วยความเคารพครับ
ลอกเค้ามานะครับ
สูตรแรกที่พระพุทธเจ้าทรงสอน

คำแปลธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสุตตัง โดยคุณ Amine post ไว้ที่ webboard

จากหนังสือ "สวดมนต์แปล" วัดจันทาราม อ.เมือง จ.อุทัยธานี หน้า 97 - 113ซึ่งค่อนข้างจะแปลละเอียดและคาดว่าจะเป็นบทสวดเต็ม มาให้ครับ .. ถ้าคัดลอกผิดไปบ้าง..ขออภัยด้วย..ผู้ใดพบเห็นกรุณาเสนอแก้ด้วยนะครับ ;
บทสวดธัมมจักกัปปวัฒนสูตร พระอานนทเถรพุทธอุปัฏฐาก ได้กล่าวแสดงต่อคณะสงฆ์ ในการทำสังคายครั้งที่ ๑ ว่าดังนี้

เอวัมเม สุตัง เอกัง สะมะยัง ภะคะวา พาราณะสิยัง วิหะระติ อิสิปะตะเน มิคะทาเยฯ
ข้าพเจ้าได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ในสมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับยับยั้งอยู่ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันใกล้เมื
องพาราณสี ฯ

ตัตระ โข ภะคะวา ปัญจะวัคคิเย ภิกขู อามันเตสิ ฯ
ในกาลครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเตือนสติเหล่าภิกษุปัญจวัคคีย์ให้ตั้งใจฟังและพิจารณาตามพ
ระดำรัสของพระองค์อย่างนี้ว่า ฯ

เทวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรพชิตไม่ควรปฏิบัติให้หนักไปในส่วนที่สุด ๒ อย่าง คือ

โย จายัง กาเมสุ กามะสุขัลลิกานุโยโค **โน (ถ้ามีการตรวจคำหยาบ..ตรงนี้ให้ออกเสียงว่า ฮีโน..นะครับ) คัมโม โปถุชชะนิโก อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต
การประพฤติปฏิบัติตนเพื่อแสวงหาความสุขอยู่ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่ารักน่าปรารถนา ซึ่งเป็นธรรมอันเลว เป็นเหตุให้ต้องมีบ้านเรือน เป็นธรรมของคนผุ้ครองเรือนผู้หนาไปด้วยกิเลส ไม่ใธรรมอันจะนำจิตใจออกจากกิเลส ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย นี่อย่างหนึ่ง

โย จายัง อัตตะกิละมะถานุโยโค ทุกโข อะนะริโย อะนัตถะสัญหิโต ฯ
และอีกอย่างหนึ่ง คือ การประพฤติปฏิบัติด้วยการทรมานร่างกายให้ได้รับความลำบาก ซึ่งมีแต่ทำให้ใจเป็นทุกข์ทรมานอย่างเดียว ไม่เป็นทางนำจิตใจออกจากกิเลส และไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจท้งหลาย ฯ (หรืออีกนัยหนึ่งคือ เร่งหักโหมปฏิบัติธรรมจนเกินกำลัง เพื่อหวังจะได้บรรลุมรรคผลเร็ว ๆ )

เอเต เต ภิกขะเว อุโภ อันเต อะนะปะคัมมะ มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตได้รู้ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง โดยไม่เข้าไปใกล้ส่วนที่สุด ๒ อย่างนั้นแล้ว ด้วยปัญญาอันยิ่ง

จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติฯ
ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนั้น สามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อทำให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ฯ

กะตะมา จะ สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งสามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ที่ตถาคตรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่งนั้น คือการปฏิบัติอย่างไร?

อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค ฯ
ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลางนี้ คือ ทางนำไปสู่ความไกลจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย มี ๘ อย่าง ฯ

เสยยะถีทัง
ข้อปฏิบัติเหล่านี้คือ

- สัมมาทิฏฐิ
ปัญญาอันเห็นชอบ ( คือ เห็นอริยสัจ )

- สัมมาสังกัปโป
ความดำริชอบ ( คิดจะออกจากกาม ไม่คิดอาฆาตพยาบาท ไม่คิดเบียดเบียน )

- สัมมาวาจา
วาจาชอบ ( ไม่พูดโกหก ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดคำส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อเหลวไหล )

- สัมมากัมมันโต
การงานชอบ ( เว้นจากการทุจริต เช่น โกงแรงงานเขาเป็นต้น และทำการงานที่ไม่มีโทษ )

- สัมมาอาชีโว
การเลี้ยงชีวิตชอบ ( หากินโดยไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม ไม่ผิดประเพณี )


- สัมมาวายาโม
ความเพียรชอบ ( เพียรละชั่ว ประพฤติดีเพื่อให้มีคุณธรรมประจำใจ และเพื่อให้ได้คุณธรรมสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป )

- สัมมาสะติ
การระลึกชอบ ( ระลึกนึกถึง อนุสสติ ๑๐ ประการ มีพระนิพพานเป็นที่สุด และระลึกในมหาสติปัฏฐาน ๔ )

- สัมมาสะมาธิ ฯ
การตั้งจิตไว้ชอบ ( การทำสมาธิให้อารมณ์ตั้งมั่นในอนุสสติ ๑๐ ประการนั้น ) ฯ
( หรือกล่าวโดยย่อ มรรค ๘ ประการนี้ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา )

อะยัง โข สา ภิกขะเว มัชฌิมา ปะฏิปะทา ตะถาคะเตนะ อะภิสัมพุทธา จักขุกะระณี ญาณะกะระณี อุปะสะมายะ อะภิญญายะ สัมโพธายะ นิพพานายะ สังวัตตะติ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางเหล่านี้แล คือ ข้อปฏิบัติอันเป็นทางสายกลาง ซึ่งสามารถทำดวงตาคือ ปัญญา ทำญาณเครื่องรู้ ให้เป็นไปเพื่อใจสงบระงับจากกิเลส เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความรู้ดี และเพื่อทำให้กิเลสดับไปจากจิตคือเข้าสู่พระนิพพาน ที่ตถาคตรู้แล้วด้วยปัญญาอันยิ่ง ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขัง อะริยะสัจจัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สภาวะเหล่านี้แลเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง คือ

- ชาติปิ ทุกขา
ความเกิดก็เป็นทุกข์

- ชะราปิ ทุกขา
เมื่อความแก่เข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- มะระณัมปิ ทุกขัง
เมื่อความตายเข้ามาถึง ก็เป็นทุกข์

- โสกะปริเทวะทุกขะโทมะนัสสุกปายาสาปิ ทุกขา
เมื่อความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ และความคับแค้นใจเกิดขึ้นมา ก็เป็นทุกข์

- อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข
เมื่อประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ก็เป็นทุกข์

- ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข
เมื่อพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจก็เป็นทุกข์

- ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง
และแม้คิดปรารถนาอยากได้สิ่งใด แต่ไม่ได้สิ่งนั้นสมปรารถนา ก็เป็นทุกข์

- สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันธา ทุกขา ฯ
กล่าวโดยย่อแล้วก็คือ การหลงคิดว่าร่างกายเป็นของเราของเขานั่นแล เป็นตัวทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ยายัง ตัณหา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้แลเป็นต้นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่าง
แท้จริง

โปโนพภะวิกา นันทิราคะสะหะคะตา ตัตระ ตัตราภินันทินี เสยยะถีทัง กามะตัณหา
คือ มีความอยากเวียนว่ายตายเกิดอยู่ร่ำไป และมีความกำหนัดยินดีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่น่าปรารถนา ก็เป็นเหตุให้ใจเกิดทุกข์

ภะวะตัณหา
สิ่งใดที่ยังไม่มี ก็คิดอยากจะให้มีขึ้นมา อย่างนี้ก็ทำให้ใจเกิดทุกข์

วิภะวะตัณหา
และเมื่อมีทุกอย่างสมปรารถนาแล้ว ก็อยากจะให้ทุกอย่างคงทนอยู่ตลอดไป เมื่อมันจะต้องสลายหายไป ก็ร้อนใจไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น อย่างนี้ก็ยิ่งทำให้ใจเกิดทุกข์หนักขึ้นอีก ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง โย ตัสสาเยวะ ตัณหายะ อะเสสะวิราคะนิโรโธ จาโค ปะฏินิสสัคโค มุตติ อะนาละโย ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การดับตัณหาความอยากให้หมดไปจากใจด้วยการ ละ วาง ปล่อย และไม่คิดยินดีพัวพันอยู่กับตัณหาความอยากนั้นอีกเด็ดขาด คือ การดับทุกข์ให้หมดไปจากใจได้อย่างแท้จริง ฯ

อิทัง โข ปะนะ ภิกขะเว ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง อะยะเมวะ อะริโย อัฏฐังคิโก มัคโค เสยยะถีทัง สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาวาจา สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม สัมมาสะติ สัมมาสะมาธิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อปฏิบัติเพื่อนำกิเลสให้หมดไปจากใจนี้ มี ๘ อย่าง คือ ปัญญาเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ ความเพียรชอบ การระลึกชอบ และการตั้งจิตไว้ชอบ คือ ข้อปฏิบัติเพื่อนำใจให้หมดจากกิเลสและดับความทุกข์ได้อย่งแท้จริง ฯ

อิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ดวงตาคือ ปัญญาเห็นธรรม และการกำหนดรู้ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราอย่างนี้ว่า "ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความเศร้าโศก ความร่ำไรรำพัน ความเสียใจ และความคับแค้นใจ เป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญเญยยันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหล่านี้เป็นต้น อันเป็นตัวทุกข์อย่างแท้จริงนั้นแล เป็นสิ่งที่ควรกำหนดรู้ตลอดเวลา" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขัง อะริยะสัจจัง ปะริญญาตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือ ปัญญาเห็นธรรม และการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้งและความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหล่านี้เป็นต้น อันเป็นตัวทุกข์อย่งแท้จริงนี้นั้นแล เราได้หยั่งรู้ด้วยปัญญาโดยตลอดแล้ว" ฯ

อิทัง ทุกขะสุมุทะโย อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรม และการกำหนดรู้ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่างในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจนี้ เป็นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะหาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจ อันเป็นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เป็นสิ่งที่ต้องละให้ขาด" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะสะมุทะโย อะริยะสัจจัง ปะ**นันติ (ให้อ่านว่า ปะฮีนันติ..Amine) เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "ตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดที่มีอยู่ในใจ อันเป็นเหตุทำให้ใจเกิดทุกข์อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เราได้ละขาดไปจากใจแล้ว" ฯ

อิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "การดับตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดนี้ให้หมดไปจากใจ คือ การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกาตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "การดับตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดนี้ให้หมดไปจากใจ คือ การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เป็นสิ่งที่ต้องทำให้แจ้งในใจตลอดเวลา" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรโธ อะริยะสัจจัง สัจฉิกะตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วว่า "การดับตัณหาคือความอยากไม่มีสิ้นสุดนี้ให้หมดไปจากใจ คือ การดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เราได้ทำให้แจ้งในใจอยู่ตลอดเวลาแล้ว" ฯ

อิทัง ทุกขะนิโรธคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "มรรคคือทาง ๘ ประการ เป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริง" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ภาเวตัพพันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะปาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "มรรคคือทาง ๘ ประการ อันเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เป็นธรรมที่ต้องทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลา" ฯ

ตัง โข ปะนิทัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทา อะริยะสัจจัง ภาวิตันติ เม ภิกขะเว ปุพเพ อะนะนุสสุเตสุ ธัมเมสุ จักขุง อุทะาทิ ญาณัง อุทะปาทิ ปัญญา อุทะปาทิ วิชชา อุทะปาทิ อาโลโก อุทะปาทิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ดวงตาคือปัญญาเห็นธรรมและการกำหนดรู้ ความหยั่งรู้เหตุผล ตลอดถึงความรู้แจ้ง และความมีใจสว่าง ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยรู้มาก่อน ได้เกิดขึ้นในปัญญาของเราแล้วอย่างนี้ว่า "มรรคคือทาง ๘ ประการ อันเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริงนี้นั้นแล เราได้ทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลาแล้ว" ฯ

ยาวะกีวัญจะ เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง นะ สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความจริง ๔ อย่าง อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสนี้ ถ้าหากเรายังไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง โดยอาการหมุนเวียนแห่งปัญญาญาณ ครบ ๓ รอบทั้ง ๔ อย่าง รวมเป็นอาการ ๑๒ รอบ
( อาการ ๑๒ รอบนี้ เรียกว่า ญาณ ๓ คือ
1. สัจจญาณ : การหยั่งรู้ให้ทราบชัดในความจริงแต่ละอย่างในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่าเป็นทุกข์แท้จริง , ตัณหาคือเหตุเกิดทุกข์แท้จริง , การดับตัณหาคือการดับทุกข์ได้แท้จริง , มรรคคือ ทาง ๘ ประการเป็นข้อปฏิบัติให้ทุกข์ดับไปจากใจได้อย่างแท้จริง
2. กิจจญาณ : การหยั่งรู้ให้ทราบชัดว่า จะต้องทำอย่งไรกับความจริงแต่ละอย่างนั้น ว่า ตัวทุกข์ควรต้องกำหนดรู้ตลอดเวลา , ตัณหาต้องละให้ขาด , การดับตัณหาเป็นสิ่งที่ต้องทำให้แจ้งในใจตลอดเวลา , มรรค ๘ เป็นธรรมที่ต้องทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลา และ
3. กตญาณ : การหยั่งรู้ว่าได้ทำหน้าที่ทุกอย่างในความจริงแต่ละอย่างนั้นได้โดยบริบูรณ์แล้ว คือ ทุกข์รู้ด้วยปัญญาโดยตลอดแล้ว , ตัณหาได้ละขาดไปจากใจแล้ว , การดับตัณหาได้ทำให้แจ้งในใจตลอดเวลาแล้ว , มรรค ๘ ได้ทำให้มีในใจไว้ตลอดเวลาแล้ว )

เนวะ ตาวาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล้าประกาศยืนยันแก่มนุษยโลก ตลอดถึงเทวโลก มารโลก พรหมโลก รวมทั้งหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้ได้รู้เพียงนั้น ว่าเราได้ตรัสรู้พร้อมยิ่งซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้โดยชอบอันยอดเยี่ยม ซึ่งไม่มีความตรัสรู้อื่นในโลกใด ๆ หรือ ของใคร ๆ จะเทียบได้ ฯ

ยะโต จะ โข เม ภิกขะเว อิเมสุ จะตูสุ อะริยะสัจเจสุ เอวันติปะริวัฏฏัง ทวาทะสาการัง ยะถาภูตัง ญาณะทัสสะนัง สุวิสุทธัง อะโหสิ ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแล ความจริง ๔ อย่ง อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสนี้ เราได้รู้เห็นตามความเป็นจริง โดยอาการหมุนเวียนแห่งปัญญาญาณ ครบ ๓ รอบทั้ง ๔ อย่าง รวมเป็นอาการ ๑๒ รอบ ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์หมดจดแล้ว ฯ

อะถาหัง ภิกขะเว สะเทวะเก โลเก สะมาระเก สะพรัหมะเก สัสสะมะณะพราหมะณิยา ปะชายะ สะเทวะมะนุสสายะ อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง ฯ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อนั้น เราจึงกล้าประกาศยืนยันแก่มนุษยโลก ตลอดถึงเทวโลก มารโลก พรหมโลก รวมทั้งหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ให้ได้รู้เฉพาะว่า เราได้ตรัสรู้พร้อมยิ่งซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้โดยชอบอันยอดเยี่ยม ซึ่งไม่มีความตรัสรู้อื่นในโลกใด ๆ หรือของใคร ๆ จะเทียบได้ ฯ

ญาณัญจะ ปะนะ เม ทัสสะนัง อุทะปาทิ อะกุปปา เม วิมุตติ อะยะมันติมา ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ ฯ
ก็แล ปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแก่เราแล้วว่า "กิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลายไม่สามารถจะกำเริบขึ้นมาได้อีกแล้ว จิตของเราได้หลุดพ้นจากกิเลสโดยวิเศษแล้ว ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเราแล้ว บัดนี้ไม่มีภพเป็นที่เกิดสำหรับเราอีกแล้ว" ฯ

อิทะมะโวจะ ภะคะวา ฯ
ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงความจริง ๔ อย่างอันประเสริฐ อันทำให้ใจห่างไกลจากกิเลสอย่างนี้แล้ว ฯ

อัตตะมะนา ปัญจะวัคคิยา ภิกขู ภะคะวะโต ภาสิตัง อะภินันทุง ฯ
พระภิกษุปัจจวัคคีย์เหล่านั้น ก็มีความเพลิดเพลินยินดีในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้วนั้น ฯ

อิมัสมิญจะ ปะนะ เวยยากะระณัสมิง ภัญญะมาเน
ก็ในเมื่อขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงกล่าวแสดงความละเอียดพิศดารแห่งความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการอยู่นั่นแล

อายัสมะโต โกณทัญญัสสะ วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง อุทะปาทิ "ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ" ฯ
ดวงตาคือ ปัญญาอันเห็นธรรม ซึ่งปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดแล้วแก่ท่านโกณทัญญะ ผู้มีอายุอย่างนี้ว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาแล้ว สิ่งนั้น ๆ ทั้งปวง ก็ต้องดับสลายไปเป็นธรรมดา" ฯ

ปะวัตติเต จะ ภะคะวะตา ธัมมะจักเก
ก็เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงประกาศวงล้อแห่งธรรมให้เป็นไปแล้วนั่นแล

ภุมมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง
ภูมิเทวดาทั้งหลาย ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้นว่า

"เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสมินติ" ฯ
"นั่นคือ วงล้อแห่งธรรมอันยอดเยี่ยม ไม่มีอะไรเทียบได้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ซึ่งวงล้อแห่งธรรมอย่างนี้ อันสมณพราหมณ์ ตลอดถึงเทวดา มาร พรหม และใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถให้เป็นไปได้"

ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตวา จาตุมมะหาราชิกา เทวดา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมหาราช ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าภูมิเทวดาแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

จาตุมมะหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ตาวะติงสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์ ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

ตาวะติงสานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ยามา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นยามา ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นดาวดึงส์แล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

ยามานัง เทวานัง สัททัง สุตวา ตุสิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิตได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นยามาแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

[bตุสิตานัง เทวานัง สัททัง สุตวา นิมมานะระตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นนิมมานรดี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นดุสิตแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

นิมมานะระตีนัง เทวานัง สัททัง สุตวา ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ฯ
เทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัตตี ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นนิมมานรดีแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้น ฯ

ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีนัง เทวานัง สังททัง สุตวา พรัหมะกายิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง
เทพเจ้าเหล่าที่เกิดในหมู่พรหม ได้ฟังเสียงของเทพเจ้าเหล่าชั้นปรนิมมิตวสวัตตีแล้ว ก็ส่งเสียงให้บันลือลั่นขึ้นว่า

"เอตัมภะคะวะตา พาราณะสิยัง อิสิปะตะเน มิคะทาเย อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง ปะวัตติตัง อัปปะฏิวัตติยัง สะมะเณนะ วา พราหมะเณนะ วา เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมุนา วา เกนะจิ วา โลกัสมินติ" ฯ
"นั่นคือ วงล้อแห่งธรรมอันยอดเยี่ยม ไม่มีอะไรเทียบได้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณสี ซึ่งวงล้อแห่งธรรมอย่างนี้ อันสมณพราหมณ์ ตลอดถึง เทวดา มาร พรหม และใคร ๆ ในโลก ไม่สามารถให้เป็นไปได้" ฯ

อิติหะ เตนะ ขะเณนะ เตนะ มุหุตเตนะ ยาวะ พรัหมะโลกา สัทโท อัพภุคคัจฉิ ฯ
และโดยขณะเดียวเท่านั้น เสียงก็ดังขึ้นไปถึงพรหมโลกด้วยอาการอย่างนี้ ฯ

อะยัญจะ ทะสะสะหัสสี โลกะธาตุ สังกัมปิ สัมปะกัมปิ สัมปะเวธิ ฯ
และเสียงนี้ได้สะท้านสะเทือนหวั่นไหว ดังสนั่นไปตลอดทิศทั้ง ๔ ทั่วทั้งหมื่นโลกธาตุ ฯ

อัปปะมาโณ จะ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุระโหสิ อะติกกัมเมวะ เทวานัง เทวานุภาวัง ฯ
อีกทั้งแสงสว่างอันใหญ่ยิ่งไม่มีประมาณ ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลายเสียหมด ฯ

อะถะ โข ภะคะวา อุทานัง อุทาเนสิ "อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญ อัญญาสิ วะตะ โภ โกณทัญโญติ" ฯ
ในลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงเปล่งอุทานขึ้นว่า "โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ โกณทัญญะผู้เจริญได้รู้แล้วหนอ" ฯ (อัญญาสิ : ได้รู้แล้ว)

อิติหิทัง อายัสมะโต โกณทัญญัสสะ "อัญญาโกณทัญโญ" เตววะ นามัง อะโหสีติ ฯ
เพราะเหตุที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเปล่งอุทานขึ้นมาอย่างนี้แล นามว่า "อัญญาโกณทัญญะ" นี้นั่นแหละ ได้มีแล้วแก่พระโกณทัญญะผู้มีอายุ ด้วยประการฉะนี้ แลฯ

* --------- * จบบทสวดมนต์ ธัมมจักกัปปวัฒนสูตร * --------- *



177
ด้วยความเคารพครับ
ตามหาข้อมูลอาจารย์ทูล วัดบางพูดนอก
ครับ
อยากทราบว่าขณะนี้ท่านอยู่ที่วัดไหนครับ
และ ท่านยังสักพี่เพชร หรือเปล่า?
ขอแสดงความนับถือ
Gearmour

178
ด้วยความเคารพครับ
     อยากเรียนถามว่า ที่วัดบางพระมีฆาราวาสสักรูปนางพิม ด้วยหรือครับ???
มีคนแจ้งว่าที่วัดบางพระ มีฆาราวาสสักรูปนางพิม อยากทราเรียกค่าบว่ายกครูราคาเท่าไร
แล้ว อย่างไรอยากทราบความจริงครับ
   เพราะเท่าที่ทราบ ที่หลวงปู่ อนุญาตไปที่วัดบางพระ มีอาจารย์พันธ์ องค์เดียว
อยากทราบความจริงครับ
   http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=63
ขอแสดงความนับถือ
   Gearmour

หน้า: [1]