:059:ท้องนา.....
กลับมามีชีวิตชีวาในหน้าฝน
แผ่นดินที่เคยแห้งแล้งจนแตกระแหง
กลับชุ่มชื่นเพราะฝนที่ตกลงมา
ชาวนาเริ่มหว่านไถและปักดำ
กุ้งหอยปูปลากบเขียดก็กลับมา
ข้าวกล้าแตกกอเขียวขจี...
:069:ต้นไม้.....
เรียงรายอยู่ตามรายทางและคันนา
จากที่เคยเหี่ยวเฉาเพราะขาดน้ำ
สลัดใบร่วงหล่นจนหมดต้น
ก็แตกใบรุ่นใหม่สีสดใสออกมา
มองดูเพลินตาสบายใจได้อารมณ์
กลิ่นหอมละไมของดอกไม้รุ่นใหม่โชยมา
:059:สายฝน........
หล่นร่วงลงมาจากฟ้าสู่ดิน
ชุบฟื้นชีวินให้แก่ท้องนาและป่าไม้
ที่ใกล้จะแห้งเหี่ยวตายให้คืนมา
ข้าวกล้าและป่าไม้ได้งอกงาม
เสียงรถไถนา เสียงปลา เสียงกบเขียด
เสียงเพลงแห่งท้องทุ่งดังแว่วมา
:053:คนจัญจร......
ได้หยุดพักผ่อนหลังจากการเดินทาง
ได้มีเวลาว่างที่จะทบทวนครวญคิด
สรุปชีวิตของการเดินทางที่ผ่านมา
มีเข้าพรรษาก็เพราะมีหน้าฝน
ได้เวลาที่คนสัญจรหยุดเดินทาง
ชาวนาชาวไร่ได้เวลาไถหว่าน
ทุกอย่างหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล.........
...ท้องนา...ต้นไม้..สายฝน...คนสัญจร...
ทุกชีวิตล้วนผูกพันธ์กัน.....
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
:016:แด่ธรรมชาติของชนบทไทย
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๑๕.๒๗ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย