คำตอบเรื่องการถอนขันธ์
ปรีชา หาญอาจ
ถ้าเคยรับขันธ์มาแล้ว แต่ไม่ต้องการเป็นร่างทรงอีก ควรทำอย่างไรบ้าง ?
คำตอบ - อย่าเอาขันธ์ไปทิ้งเฉยๆ ไม่ว่าจะทิ้งลงแม่น้ำ หรือทิ้งตามต้นไม้ในวัด
เพราะแม้ขันลอยน้ำไปแล้ว แต่วิญญาณยังอยู่ในตัวคุณแหละครับ
ให้ตั้งจิตให้ดีแล้ว บอกกล่าวแก่วิญญาณตนนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้ร่างกายของเรามาตลอด หรือใช้ ขันธ์ 5 ของเรา
ซึ่งขันธ์ 5 ได้แก่ รูป (ร่างกาย) เวทนา (ความรู้สึกความสุขความทุกข์) สัญญา (ความจำ สิ่งที่ผูกพัน)
สังขาร (สภาพจิตที่ปรุงแต่งขึ้นภายหลัง) และ วิญญาณ (สภาพรู้แห่งอยตนะ)
บอกกล่าวกับเขาว่า ขอให้ร่วมมือกันสร้างความดี โดยมีเงื่อนไขต่างๆดังนี้..
- ขอให้เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา ว่า ท่าน (วิญญาณ) คือใคร? ชื่ออะไร? ตายเมื่อไหร่?
แล้วมีเหตุผลอะไรมาใช้ร่างกายเราเป็นสื่อ บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าท่านต้องการอะไรจากเราหรือท่านต้องการบอกกล่าวอะไรแก่ใคร?
และขอให้ท่านอย่าใช้พระนามของมหาเทพ มหาเทวี และเทพเจ้าระดับสูงมาแอบอ้างกับเราและผู้คนทั้งหลายอีก
เพราะมันจะเป็นบาปทั้งแก่ตัวท่าน(วิญญาณ) และตัวข้าพเจ้าเอง
(เพราะเราขอยืนยันตรงนี้อีกครั้งว่า พระพิฆเนศ พระศิวะ พระวิษณุ พระพรหม พระแม่อุมา พระแม่ลักษมี พระแม่กาลี พระแม่ทุรกา พระขันทกุมาร พระกฤษณะ พระราม พระหนุมาน พระอินทร์ พระพุทธเจ้า พระสีวลี พระอัครสาวกทั้งหลาย พระแม่กวนอิม พระสังกัจจายณ์ พระโพธิสัตว์ และเทพเทวดาชั้นสูงทั้งหลายจะไม่มีวันเข้าทรง หรือประทับทรงมนุษย์ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ไม่มีมนุษย์หน้าไหนมีสิทธิ์เป็นร่างทรงเทพชั้นสูงเลยแม้แต่คนเดียวในโลกนี้)
- ทำข้อตกลงกัน ด้วยความศานติและมีความเมตตาต่อกัน ว่าจะร่วมมือกันทำบุญ สร้างกุศล
โดยไม่มีเจตนาแอบแฝงทั้งตัวข้าพเจ้าและขอให้ท่าน (วิญญาณที่มาสิง) ได้โปรดยอมรับในข้อตกลงนี้อย่างเคร่งครัด
- จากนี้ไปจะไม่แนะนำให้ใครมารับขันธ์ต่อจากเราอีกเด็ดขาด
เพื่อไม่ให้มีร่างทรงเพิ่มขึ้น ไม่ให้วิญญาณได้มีที่เกาะเพิ่มขึ้นอีกหลายๆตน
- ตกลงกันว่าห้ามทำไสยศาสตร์ระดับต่ำอีกเด็ดขาด เช่น การเสกของ การทำให้หญิงชายรักกันหรือเลิกกัน
การยุ่งเกี่ยวกับชีวิตครอบครัวของผู้อื่นก็เป็นสิ่งต้องห้าม กรรมของคนอื่นเขา เขาต้องรับผล ใครจะเจ็บป่วย ก็ให้เขาเจ็บไป
มันเป็นกรรมของเขา เราอย่าไปตัด อย่าไปขวางทางชีวิตของเขา เขาต้องป่วย เขาต้องเจ็บ เขาต้องมีอุบัติเหตุ เพราะเขามีบาปติดตัว
เขาต้องพิการ เขาต้องตาบอด เขาต้องทรมาน มันก็เป็นการชดใช้กรรมของเขา เราอย่าไปขวางทางกรรม เพราะมันจะทำให้เราลงนรกเสียเอง
- ห้ามรับเงิน!! ห้ามทำกำไร ห้ามเกี่ยวข้องกับเงินๆทองๆเด็ดขาด
ห้ามบอกผู้มาศรัทธาว่า ให้ทำบุญตรงนี้แล้วเราจะไปทำบุญให้ หากเขาต้องการทำบุญ ให้ไปทำที่วัดเอง ห้ามรับฝากเด็ดขาด
- ปิดตำหนัก!! ถูกต้องครับ ปิดตำหนักทรงเลย เอาป้ายออก หยุดรับลูกค้า หยุดรับลูกศิษย์ (จริงๆแล้วไม่ใช่ลูกศิษย์หรอกครับ คนโดนหลอกทั้งนั้นแหละ) แต่เทวรูปเทพต่างๆอย่าทิ้งครับ มหาเทพก็คือมหาเทพ ท่านเมตตาเราเสมอ ให้ยกขึ้นหิ้งไว้บูชาเป็นส่วนตัวเหมือนเดิม หรือส่งมอบเทวรูปบางส่วนแก่ผู้ศรัทธาไปเพื่อแสดงความเมตตา
ส่วนการช่วยเหลือผู้อื่นตามที่เราได้ให้คำมั่นสัญญากับวิญญาณที่มาทรง ให้ใช้วิธีแนะนำให้คนอื่นเขาไปทำบุญ
ใครมีเคราะห์กรรมมาหาเราก็แนะนำให้เขาไปทำความดี ไปทำนุบำรุงศาสนา แนะนำให้คนอื่นเขาทำสิ่งที่ดีงามต่อสังคม เขาก็จะหมดกรรมได้ดีกว่ามาให้เราเสกนู่นเสกนี่ให้
- ตกลงกันว่าห้ามมาประทับทรงอีก อย่ามาองค์ลงแบบเจ้าพ่อเจ้าแม่ ลุยไฟ สูบบุหรี่ โวยวายสั่นๆๆๆๆ อย่างที่ผ่านมาเด็ดขาด เรายินดีร่วมมือกับท่านเพื่อทำความดี ขออย่ามาลงทรงแล้วทุบโต๊ะป๊าบๆๆ ดิ้นพราดๆ ทำน้ำลายย้อยให้คนอื่นเห็นอีก
- บวช!! เป็นทางออกที่ดีมาก (นอกจากนี้ก็เข้าป่า ปฏิบัติเป็นโยคี ถวายตัวแด่พระศิวะเทพตัวจริงหรือมหาเทพที่ศรัทธาเลยก็ยิ่งดี)
นั่งรอลูกศิษย์อยู่ที่ตำหนักทรงจะบ้าตายเอาครับ ผู้คนเห็นแล้วก็ดูถูก เราก็จะฟุ้งซ่าน สมองก็จะฝ่อลงทุกวัน
- การทำบุญ ทำทาน ทำสมาธิ ทานอาหารเจ-มังสวิรัติ เลี้ยงอาหารสัตว์จรจัด เมตตากรุณาต่อผู้คน ร่วมเป็นอาสาสมัครตามโอกาส
เป็นสิ่งที่มนุษย์เราไม่ว่าอยู่ในศาสนาไหนก็ควรปฏิบัติอยู่แล้ว ขอให้ทำดีให้มากๆ กุศลผลบุญจะนำทางให้เราไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิมแน่นอน
- หากพ้นไปสักระยะใหญ่ๆ 2-5 ปี ชีวิตดีขึ้น วิญญาณไม่มาทรงอีก รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ก็ดีแล้วครับ ทำบุญไปเรื่อยๆ
แต่หากยังไม่ดีขึ้น ให้นำขันธ์หรือพานที่รับมา ไปส่งมอบให้เจ้าอาวาสวัดไหนก็ได้ (ลองสอบถามและปรึกษาท่านดูก่อนว่าท่านเข้าใจไหม) หากเจ้าอาวาสท่านเข้าใจเรา ท่านจะรับพานไว้ ถ้าจะให้ดีให้เราบวชเลย (กรณีเป็นชาย) หรือขอเข้าบำเพ็ญภาวนา (กรณีเป็นหญิง) ในวัดนั้นเลยถือโอกาสศึกษาธรรมะไปด้วยสัก 7-10 วันหรือเป็นเดือนๆปีๆเลยก็ได้ พอออกมาแล้วก็ขออาบน้ำมนต์จากวันนั้นด้วยเพื่อความสบายใจ กลับไปบริจาคทำนุบำรุงวัดนั้นตามโอกาส เมื่อกลับมาก็ทำบุญสร้างกุศลบำเพ็ญสมาธิไปเหมือนเดิมตลอดจนชีวิตจะหาไม่ ทำได้อย่างนี้หลับสบายแน่นอนครับ
แต่เตือนไว้ก่อนว่า เจ้าอาวาสบางวัด ดันไปศึกษาวิชาไสยศาสตร์ทางเขมรมา เลี้ยงวิญญาณไว้เยอะ ก็นิยมทำพิธีรับขันธ์ครอบครูเสียยิ่งกว่าเจ้าตำหนักทรงซะอีก ก็ให้เข้าไปสอบถามก่อนและไตร่ตรองดูให้ดีๆ ว่าเจ้าอาวาสวัดนี้เชื่อถือได้ไหม
วิธีการมอบขันธ์ให้แก่เจ้าอาวาส ก็คือการไปปรึกษาท่าน เล่าให้ท่านฟังถึงสิ่งที่เราได้ทำมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ (บอกว่าไม่อยากเป็นร่างทรงแล้ว) อธิบายว่าเราไม่ทราบว่าเป็นวิญญาณสิง แล้วก็ไม่อยากเอาขันธ์ไปทิ้งขยะหรือทิ้งแม่น้ำ เราไม่สบายใจ ไม่อยากทำบาป ไม่อยากแอบอ้างเทพเจ้าชั้นสูงอีก ให้ท่านเมตตาช่วยดูแลขันธ์และวิญญาณตนนี้ให้ด้วย ถ้าท่านเข้าใจแล้วก็ยื่นขันธ์ให้ท่านรับไว้ แค่นั้นครับ แต่ถ้าเจ้าอาวาสท่านไหนบอกว่าจะต้องมีพิธีถอนขันธ์ใหญ่โตเอิกเกริก มีการจัดเครื่องเซ่นบูชาเทพเจ้ากันอีกโต๊ะใหญ่ นัดแนะดูฤกษ์ยามก่อนหลายๆวัน มีค่าครู หัวหมู เป็ดไก่ ฯลฯ นั่นก็ถูกหลอกอีกแล้วครับ อย่าไปทำตาม ดีไม่ดีซวยอีก เจอวิญญาณตัวที่สอง สาม สี่ ห้า ดันเข้ามาแทรกเบียดเข้าที่ตัวเราอีกจะรับไม่ไหว เผลอๆตายคาวัดกลายเป็นผีแถวนั้นไปเข้าทรงคนอื่นอีกก็ไม่รู้ด้วยแล้ว
ลาขันธ์โดยมอบให้แก่เจ้าอาวาสแล้ว ก็ยังจะต้องทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณตนนั้นที่เรารับขันธ์ให้เค้ามาอยู่ด้วยในตอนแรกด้วยนะครับ ให้ทำบุญไปเรื่อยๆ อุทิศผลบุญให้เขาเพื่อให้เขาได้ไปเกิด ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีๆกว่านี้ แผ่เมตตาทุกๆคืนให้วิญญาณเร่ร่อน เจ้ากรรมนายเวรและสรรพสัตว์ ใหุ้ทุกท่านอโหสิกรรมให้เรา
แต่ถ้าหากยังไม่ได้ลองทำบุญทำทานสร้างกุศลก่อน ห้ามลาขันธ์เด็ดขาด อ่านๆมาแล้วก็เอะอะตกใจกลัวก็จะลาขันธ์เลย อย่างนี้อย่าทำนะครับ ยังไม่ได้ลองทำบุญ ทำตัวเป็นคนดีจริงๆก่อนสัก 2-3 ปีก็อย่าเพิ่งด่วนเอาขันธ์ไปให้เจ้าอาวาส วิญญาณจะเล่นเอาทรมานถึงตายก็มี หรือที่ทำให้ทรมานแต่ดันไม่ตายก็มีเยอะครับ เพราะวิญญาณจะโมโหว่ารับเขามาอยู่แล้วพอไม่ต้องการก็จะเอาไปทิ้งไปขว้าง ให้เจรจาพูดคุยกันด้วยความสันติและสื่อความเมตตากรุณาต่อกันก่อน บางท่านอาจจะอยู่ด้วยกันอย่างสงบ อีกทั้งได้ร่วมมือกันสร้างกุศล เป็นเพื่อนหรือเป็นที่ปรึกษากันไปตลอดก็ได้ ถ้าเป็นลักษณะนี้ก็จบในทางที่ดีครับ
หากใครอ่านถึงตรงนี้แล้วจะบอกว่า ไอ้ห่าพวกมึงนี่ไม่รู้จริง กูนี่แหละร่างทรงของแท้!! ก็ขออย่าอ่านอีกเลยครับเว็บของเราเนี่ย ไสหัวไปที่อื่นเถอะ เราชี้ทางสว่างให้แล้วยังหยิ่งโอหัง วิญญาณมันจะกินร่างกายกินบุญที่คุณสร้างมาจนหมดตัวแหละครับ ประทับทรงไปวันๆนี่รู้ไว้เลยว่าคุณน่ะไม่ได้บุญหรอก พวกสติปัญญาไม่ค่อยมี ปกติบุญก็ไม่ค่อยทำ พอวิญญาณมาสิง มาหลอกให้คิดว่าเป็นเทพชั้นสูง ก็เสือกคิดว่าตัวเองมีบารมี เป็นพระพุทธเจ้ากลับชาติมาเกิดบ้างล่ะ เป็นมหาเทพศิวะ มหาวิษณุอันสูงศักดิ์บ้างล่ะ แท้จริงแล้วก็พวกจิตอ่อน บุญกุศลสร้างมาไม่เพียงพอ วิญญาณมันเลยสิงเอา แล้วก็เสือกไปท้าทายไปทั่ว ทำบาปทุกวันหาทางรอดไม่พ้นหรอก ใครชี้ทางสว่างให้ก็ไม่รู้จักพิจารณา ระวังจะไม่ตายดีครับ วิญญาณจะกินร่างกายและจิตใจคุณให้ทรุดโทรม ตกต่ำ หากยังไม่รู้ตัวหรือไม่พิจารณาบอกกล่าวแก่วิญญาณหรือเร่งสร้างกุศลอย่างที่เราแนะนำไปตอนต้น เชื่อเถอะว่าบั้นปลายชีวิตคุณไม่ตายดีแน่นอน
คำตอบเรื่องการถอนขันธ์
http://www.siamganesh.com/devils9.html