แม้พุทธศาสนาจะไม่สอนให้ติดยึดในชื่อเสียง แต่
ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปี มานี้ ชื่อเสียงของพระหนุ่มนาม ว.วชิรเมธี ก็ขจรขจายลือเลื่อง ในฐานะพระนักเทศน์ และพระรุ่นใหม่ที่ศึกษาธรรมะ และเดินตามรอย ท่านพุทธทาส โดยมีมุมมองความคิดทั้งในทางธรรม และทางโลก ออกมาทั้งในรูปของการพูดและงานเขียนที่น่าสนใจ
ว.วชิรเมธี ได้มาบรรยายพิเศษในงาน อุทยานรักษ์สุขภาพ
ครั้งที่ 21 ณ บ้านเจ้าพระยาวันที่ 29 กรกฎาคม 2549 โดยใช้หัวข้อธรรมบรรยาย ครั้งนี้ว่า "ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน" มีสาระน่าสนใจ "ผู้จัดการปริทรรศน์" จึงขอนำธรรมะบางตอนมาตีพิมพ์ไว้ ณ ที่นี้
ขอเจริญพรผู้สนใจธรรมะทุกๆ ท่าน ช่วงนี้สุขภาพของประเทศไทยไม่ค่อยดี สุขภาพของพ่อก็ไม่ค่อยดี เพราะฉะนั้นก็เลยตั้งใจธรรมบรรยายในวันนี้ว่า ทุกข์กระทบ ธรรมกระเทือน ก็จะชวนท่านทั้งหลายมาสำรวจว่า ทุกข์มันเกิดขึ้นที่ไหน ที่ใจใช่ไหม ถ้าสมมุติว่าประเทศมันยุ่งเหยิง ความทุกข์ของประเทศเกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นที่ไหน ที่คน คนนั้นศูนย์รวมความทุกข์มันอยู่ที่ไหน มันก็อยู่ที่ใจ เพราะฉะนั้นทุกข์ของคน ทุกข์ของประเทศ ถึงที่สุดแล้ว เหมือนที่พระพุทธเจ้าพูด เกิดที่ใจ เกิดที่ใจ ดับที่ไหน ทุกข์ในชาตินี้ จะดับชาติหน้าได้ไหม ทุกข์ที่นี่ ก็ดับมันที่นี่ คนไทยมีความเข้าใจผิดว่าปฏิบัติตามอารยมรรคชาตินี้ กะว่าหลายๆ ชาติหน้าถึงจะถึงนิพพาน ทำเหตุชาติหนึ่งแล้วไปเอาผลอีกชาติหนึ่ง จริงๆ พระพุทธเจ้าท่านเน้นว่าทำเหตุชาติไหน ก็เอามันชาตินั้น พอเราไปบอกว่าทำเหตุชาตินี้ กะนิพพานในอนาคตกาลโน้นเทอญ อย่างนี้ คนมันก็เลยเอาเถิดเจ้าล่อกับกิเลส แล้วไม่กลัวเลยกิเลส ไม่กลัวกิเลส พอไม่กลัวกิเลสแล้วเป็นยังไง ก็ไปเจอธรรมะเข้า บางครั้งธรรมะนี่ไม่จำเป็นต้องมาจากปากของพระก็ได้ มาจากปากของผู้ที่รู้ธรรมะแต่ไม่ได้บวช ได้ไหม ก็ได้ ดังนั้นถ้าเราเข้าใจแล้วเราจะเห็นว่า คนทุกข์ก็มีอยู่ทั่วไป วิธีดับทุกข์ก็มีอยู่ทั่วไป แต่คนมีปัญญาจะมองเห็น
มีคนไปถามหลวงปู่มั่นว่าไม่ได้เรียนสูง แต่ทำไมธรรมะลึก หลวงปู่มั่นก็บอกว่า ธรรมะมันก็เหมือนเส้นดินเส้นหญ้านั่นล่ะ ก็มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง คนตาดีถึงจะมองเห็น คนตาไม่ดีมองไม่เห็น คนตาถั่วเห็นแต่ผลประโยชน์นะ เขาส่งสัญญาณตั้งนานก็ไม่เห็น เพราะอะไร ผลประโยชน์มันเข้าหูเข้าตา พอทุกข์กระทบแล้วแทนที่ธรรมจะกระเทือน อะไรกระเทือน ความแค้นกระเทือน เนี่ย มนุษย์นะ ดังนั้นวันนี้จะวิเคราะห์ทุกข์ให้ฟัง เอาทั้งทุกข์ของคนและทุกข์ของประเทศ จะได้เห็นภาพรวมว่าธรรมะมันเกี่ยวข้องกับคน เกี่ยวข้องกับประเทศชาติบ้านเมือง มี คนถามอาตมาว่าวิกฤติของประเทศไทยทุกวันนี้มันวิกฤติที่ไหน บางคนบอกมันวิกฤติทางการเมือง บางคนบอกวิกฤติทางเศรษฐกิจ อาตมาบอกว่าไม่ถูกสักอย่าง มันวิกฤติที่ใจคนเท่านั้นล่ะ เห็นผิดเป็นชอบ เรื่องเดียวเท่านั้น เห็นผิดเป็นชอบ
หลวงพ่อชา ท่านเคยพูดไว้คำหนึ่ง คมมาก ลึกซึ้งมาก ท่านบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันถูกอยู่แล้ว มีแต่ใจคนไปเห็นว่ามันผิด ถูกต้องไหม ทุกอย่างมันถูกอยู่แล้ว เช่น คนทำชั่วจะถูกไล่ อย่างนี้มันถูกอยู่แล้ว ตรรกะนี้เป็นความจริงที่สุด แต่มีคนอยากลองดีกับพระพุทธเจ้า ลองทำชั่วแล้วคิดว่าจะอยู่ได้ดู มันจะจริงไหม คนที่ไปเถียงกับพระพุทธเจ้าเนี่ย ก็เหมือนคนที่เอาไข่ไปทุบหิน ไข่เนี่ย วางอยู่เฉยๆ เอาหินหล่นใส่ไข่ ไข่แตกไหม ต่อไปเอาหินวางอยู่เฉยๆ ถือไข่ไปทุบหิน ไข่แตกไหม คนที่ไปเถียงพระพุทธเจ้าจะแพ้ไหม แพ้ ไม่ยกตัวอย่างนะ เพราะฉะนั้นท่านก็เห็นอยู่แล้ว ความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ของคน เรียกว่าเป็นทุกขสัจของคน ทุกข์ของประเทศเรียกว่าเป็นทุกขสัจของสังคม กล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว เบื้องต้นท่ามกลางที่สุด ไปจากใจคน ถ้าใจมันโง่ การใช้ชีวิตโง่ ถ้าใจของคนในประเทศจำนวนมากมันโง่ ก็ทำให้ประเทศนั้นเต็มไปด้วยคนโง่ แล้วประเทศของเราก็จะติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่โง่ทั้งหลายในเวทีโลก
เขามีการจัดอันดับประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ประเทศที่เจริญที่สุดอย่างสหรัฐอเมริกา ติดอันดับที่ 150 นะ เห็นไหม แต่ประเทศที่สุขที่สุดในโลก กลับเป็นประเทศที่แทบไม่มีใครรู้จักเลย เป็นเกาะเล็กๆ แล้วประเทศไทยอยู่ที่ไหน เราเนี่ย 32 ใช่ไหม หลังเวียดนาม ถ้าไปวัดช่วงเดือนเมษาฯ เนี่ยน่าจะร้อยกว่าๆ อันดับคงร่นไปเยอะเลยนะ
แต่ถ้ามาวัดวันที่ 9 ประเทศไทยอันดับ 1 นะ 9 มิถุนาฯ ดังนั้นเราก็จะเห็นว่า เมื่อเราวัดประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลกได้ ตอนนี้เขาก็วัดนะ ประเทศที่มีความทุกข์ที่สุดในโลก เขาวัดอีกแล้ว เดี๋ยวผลก็คงจะออกมา แต่อาตมาอยากจะให้วัดอีก ประเทศที่โง่ที่สุดในโลก อยากจะให้วัดจังเลย เราจะได้รู้ตัวเอง ในวงการมหาวิทยาลัยโลกทุกปีเขาจะวัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ มหาวิทยาฮาร์วาร์ด ครองแชมป์มา 5-6 ปีซ้อน อันดับ 2 ก็ออกซ์ฟอร์ด อันดับ 3 เอ็มไอที ในเมืองไทยเราน่าจะวัด ใครโง่ที่สุดในประเทศไทย ใครหนาที่สุดในประเทศไทย อย่างนี้ ไม่ต้องวัดใช่ไหม ใครไม่รู้จักคำว่ามโนธรรม เราต้องวัดคำเหล่านี้ เพราะอะไร เพราะคำเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยเกิดความทุกข์มวลรวมประชาชาติ ใช่ไหม มันเป็น National Domestic Sufferring ตอนนี้ประเทศภูฏานน่ะ เขาวัดความสุขมวลรวมประชาชาติเป็น National Domestic Happiness แต่ประเทศไทยสนอยู่เรื่องเดียว สนอะไร จีดีพี สนจีดีพี พอสนแต่จีดีพีมันก็ ตัวนั้นน่ะเป็นตัวทุกข์เลยนะ เพราะอะไร เพราะว่าเราเคยอยู่กันอย่างมีความสุขในสังคมแบบพอเพียง พอไปวัดจีดีพี ทุกอย่างต้องขาย สมมุติคุณทำสวนทุเรียนมาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ 70 แต่นโยบายของรัฐบาลไม่สนับสนุนให้ขายทุเรียน เพราะว่าเราขายสู้ประเทศอื่นไม่ได้ เขาบอกให้คุณเลิก แล้วคุณไปขายอย่างอื่นที่มันจะขายแข่งกับคนอื่นได้ เขาจะไม่สนเลยว่าคุณจะผูกพันกับเจ้าคุณปู่ของคุณมากี่ปีกี่ชาติ ไม่สน ในวัฒนธรรมของทุนไม่สนเรื่องจิตวิญญาณ สนแต่ว่าอะไรขาย ส่งเสริม อะไรไม่ขายให้เลิก แล้วมนุษย์เรานี้มันอยู่เพื่อที่จะหาเงินเท่านั้นหรือ ใช่ไหม สมองมนุษย์มันมี 2 ซีก ซีกหนึ่งมันใช้เหตุผล ซีกหนึ่งมันใช้สุนทรียะ เรื่องจิตวิญญาณ เรื่องความดีงาม เรื่องมโนธรรม