กุฏิทรงไทยชายน้ำวัดบางพระ นครชัยศรี
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔
น้องๆขึ้นไปรับที่บนเขาเพื่อลงมางานไหว้ครูที่วัดบางพระตั้งแต่ตอนเช้า
ลงมาฉันข้าวที่รามอินทรา นัดหมายสมาชิกเพื่อจะเดินทางมาร่วมงานไหว้ครูพร้อมกัน
มาถึงวัดบางพระเวลาประมาณ ๑๕.๐๐ น. มาพักที่กุฏิทรงไทยริมน้ำกับหลวงพี่เว็บ
พอจะมีเวลาว่างเพราะลูกศิษย์ยังไม่มากัน จึงมีเวลาที่จะเขียนบทความบทกวี...
มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง
(กลอน ๙ ) คิดว่าใช่ อาจไม่ใช่ อย่างที่คิด
ถูกหรือผิด ใครตัดสิน ในปัญหา
ความคิดเห็น ที่เป็นไป ตามอัตตา
ใช่จะว่า สิ่งที่เห็น นั้นเป็นจริง
เมื่อเห็นธรรม ก็จะเห็น ความเป็นโลก
สุขหรือโศก นั้นมีใน สรรพสิ่ง
เมื่อเห็นโลก และเห็นธรรม ตามความจริง
สรรพสิ่ง นั้นล้วนเป็น " ตถตา "
ตถตา คือแบบว่า เป็นเช่นนั้น
ล้วนผูกพัน ก่อกำเนิด เกิดปัญหา
มีเหตุผล และปัจจัย มีที่มา
ก็เพราะว่า มันเป็น เช่นนั้นเอง
สรรพสิ่ง ล้วนมีกรรม นั้นกำหนด
ไปตามบท กฏแห่งกรรม ที่เหมาะเหมง
ดีหรือชั่ว ตัวเรารู้ ด้วยตนเอง
อย่าอวดเก่ง และอวดรู้ ไม่สู้ดี
เพราะศักดิ์ศรี คือที่มา ของมานะ
เมื่อเป็นพระ ควรลดละ เรื่องศักดิ์ศรี
ถอนมานะ ละอัตตา อย่าให้มี
เป็นสิ่งที่ สมณะ ควรกระทำ
โลกทัศน์ นำไปสู่ ชีวทัศน์
ควรฝึกหัด มองให้เห็น ความเหลื่อมล้ำ
เพราะทุกอย่าง นั้นมันเป็น เรื่องของกรรม
คิดแล้วทำ ทำให้เห็น "ตถตา "
ทุกสิ่งอย่าง มันก็เป็น ไปเช่นนั้น
กรรมจัดสรรค์ ให้เป็นไป ตามเนื้อหา
เกิดจากกรรม ที่กระทำ นั้นนำมา
ทุกชีวา ไปตามบท กฏแห่งกรรม
ความเหลื่อมล้ำ เกิดจากกรรม นั้นกำหนด
นี้คือกฏ ธรรมชาติ อันลึกล้ำ
พระไตรลักษณ์ นั้นคือหลัก สัจจธรรม
กฏแห่งกรรม มันจึงเป็น เช่นนั้นเอง....
ด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๖.๒๖ น. ณ กุฏิทรงไทยชายน้ำ วัดบางพระ นครชัยศรี