ปกติแล้วมนุษย์เราทุกคนมักจะคุ้นเคยกับคำว่า ?ทุกข์? ด้วยกันทั้งสิ้น จนดูเหมือนว่าความทุกข์นั้นจะกลายเป็น ? มิตรในเรือน เพื่อนในใจ? ของมนุษย์แต่ละคนด้วยซ้ำไป
นิยามของคำว่า ความทุกข์ ก็คือ สิ่งที่ทนได้ยาก
สิ่งที่กายสังขารทนได้ความเจากจนเกิดทุกข์ เช่น ความเจ็บป่วย ความอดอยากยากจน ความหิวโหยความง่วงเหงาหาวนอน และความอ่อนแอไม่แข็งแรง เป็นต้น ส่วนสิ่งที่จิตใจทนได้ยากจนเกิดทุกข์เช่น ความโกรธ ความโศกเศร้าเสียใจ ความผิดหวัง อาฆาต ความไม่เข้าใจ และความอิจฉาริษยา ความทุกข์ทั้งหลายที่กล่าวนั้นมีโอกาสแห่งการเกิดสูงมากจนยากที่จะป้องกันหรือเ­หลี่ยงหลบมันได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือ แม้ทุกข์จะเริ่มที่กายแต่สุดท้ายใจก็มักจะพลอยทุกข์ไปตามกายด้วยเสมอ
เมื่อรู้ว่าทุกข์ที่ตรงไหนเราก็ต้องแก้ไขที่ตรงนั้นโดยทำความเข้าใจ ?ความจริงที่แท้จริง?ว่าหากมีใครสักคนแสดงออกหรือกระทำสิ่งใดๆที่ไม่ถูกต้องต่อ­ตัวเราจนทำให้เกิดความทุกข์ที่ในใจและกระบวนการที่จะดับความทุกข์นั้นก็คือ
1.คนที่เป็นผู้กระทำต่อเราเป็นเพียง ผู้สร้างเงื่อนไข ให้เราเท่านั้น เราต้องยอมรับให้ได้ว่าในสังคมมนุษย์อื่นๆล้วนเป็นผู้สร้างเงื่อนไขให้กับเราได­้ทั้งสิ้น มีทั้งด้านบวกคือการคิดดี ทำดี พูดดีต่อเรา และด้านลบก็เป็นพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามอยู่ทุกเวลา หากคนอื่นหยิบยื่นเงื่อนไขด้านบวกให้เราก็จะไม่มีปัญหาเพราะเราสุขใจใช่หรือไม่ แต่ถ้าใครสักคนหยิบยื่นเงื่อนไขด้านลบที่เราไม่ชอบใจมาให้ เราก็จะเกิดทุกข์ใจขึ้นมาทัน
2.เหตุแห่งทุกข์ในใจก็คือ จิตของเราเอง ไม่ใช่ใครอื่น มนุษย์เราทุกคนเวลาเกิดทุกข์จากการกระทำของคนอื่นมักจะคิดเหมือนกันก็คือ โทษคนอื่นว่าเป็นสาเหตุแห่งความทุกข์ของตนทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการคิดเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง แท้แล้วคนอื่นคือผู้สร้างเงื่อนไขแต่จิตใจเราต่างหากที่มันก่อร่างสร้างรูปของท­ุกข์ขึ้นมาเอง ถ้าใครทำไม่ดีต่อเรา หากจิตใจเรา วางเฉย ด้วยการ รับรู้แต่ไม่รับเอา คือรับรู้ว่าเขาสร้างเงื่อนไขด้านลบที่เราไม่ชอบใจมาให้ โดยที่เราจะไม่สั่นไหวอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของจิตใจไปทางด้านลบตามเงื่อนไขที­่เขาหยิบยื่นมาให้เสียอย่างความทุกข์ในใจมันก็จะไม่เกิดขึ้นมาดังที่กล่าวมนี้น­่าจะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า ตัวการอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ใจหรือสุขใจไม่ใช่ใครอื่นหรอก จิตใจเรานี่เอง?.ใช่หรือไม่
3.ถ้าต้องการปลดเปลืองความทุกข์หรือดับทุกข์ จะต้องกระทำที่จิตใจตนเองเท่านั้นถ้าต้องการดับทุกข์ที่ในใจเราต้องใช้สติปัญญา­เข้าถึงความจริงที่แท้ที่กล่าวมาทั้ง 3 ประการให้กระจ่างเสียก่อนสิ่งที่ว่ายากก็จะกลายเป็นง่ายไปในทันที
ความทุกข์ทั้งปวง เป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา
เพราะว่าเราก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่สำคัญคือ เราจะต้องเข้าถึงการใช้สิ่งที่เรียกว่า สติปัญญา ของสมองของตนให้จงได้ เพื่อสร้างความแตกต่างจากสัตว์โลกทั้งหลายนั่นเอง เราจึงถูกกำหนดให้เป็นผู้สร้างเงื่อนไขและผู้รับเงื่อนไขทั้งด้านลบและด้านบวกก­ับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันชั่วชีวิตเพราะเงื่อนไขทั้งหลายคือ บททดสอบทั้งสติปัญญาและจิตสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์เงื่อนไขทั้งหลายชวนให้มนุษย์­แต่ละคน ต้องขบคิดต้องพิจารณาเพื่อการตัดสินใจและแก้ไขกันในระหว่างวันซึ่งมีทั้งปมปัญห­าตั้งแต่เล็กๆน้อยๆไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆจึงไม่มีมนุษย์คนไหนที่ตั้งแต่เกิดจนตายไ­ม่เคยเผชิญกับปัญหาใดๆในชีวิต
ดังนั้นหากเรามีความรู้สึกว่า ปัญหาที่เรียกว่า ความทุกข์ มันเข้ามาเยี่ยมเยียนชีวิตประจำวันของเราค่อนข้างมากให้คิดเสียว่าเรากำลังโชคด­ีกว่าคนอื่นที่มีเงื่อนไขยากๆมากมายที่คุณจะได้ใช้มายกระดับสติปัญญา เพื่อพัฒนาความฉลาดของเรา และท้ายสุดนี้เมื่อใดที่เรากำลังเผชิญปัญหา ก็จงอย่าทุกข์ใจ ให้รีบใช้โอกาสนั้นค้นหาสติปัญญาให้พบจะดีกว่า
?ความทุกข์ซึ่งเป็นแขกที่เรามิได้รับเชิญ แต่มันก็พร้อมที่จะเข้ามาเป็นแขกในชีวิตเราได้ทุกวันเวลาตลอดชั่วชีวิตนี้ โดยที่เราจะไม่สามารถปฏิเสธหรือหลบเลี่ยงมันได้เลย?
? ถ้าเราไม่ปฏิเสธความทุกข์ เราจะไม่ทุกข์ ถ้าเรายอมรับความจริงของความทุกข์นั้นได้ เราก็จะอยู่กับความทุกข์นั้นอย่างมีความสุข?
? บางครั้งเราก็รู้สึกโกธร แต่ความโกธรของเราส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เจ็บที่ตัวแต่เจ็บที่กายแต่เป็นเพราะว่าเร­าเจ็บที่หัวใจของเราต่างหาก?
? คำว่า ? ยอม? คนที่ไม่รู้จักคำนี้มักจะเป็นทุกข์เสมอ ชีวิตในแต่ละวันที่ผันผ่านจึงหาความราบรื่น หรือราบเรียบกับคนอื่นไม่ได้?
? ถ้าเรามีสุขสุดๆแล้ว เราต้องไม่หลงระเริง ถ้าเราสุขแล้ว เราต้องไม่ลืมตัว เพราะว่าเดี๋ยวก็มีทุกข์ตามมา นี่เป็นเรื่องธรรมดา?
..................................................................
"การรู้ซึ้งคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ในวันนี้คือสิ่งที่สำคัญ ขอให้ความทุกข์ที่ผ่านมาแล้ว...เป็นบทเรียนอันมีค่าที่จะทำให้เราเติบโตอย่างคน­ที่รู้เท่าทันความทุกข์" [/size]
จาก เว๊ปธรรมะสวัสดี..........