แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - เด็กนอกวัด

หน้า: [1]
1
ยังไม่มีเลยครับ 05; พี่มีแล้วขอชมบ้างนะครับ :054:

2



ปีนี้ตรงกับ "ปีขาล" หรือ "ปีเสือ" ส่งผลให้วัตถุมงคล และเครื่องรางของขลังในรูปแบบ "เสือ" ได้รับความนิยมอย่างมาก จนกระทั่งมีการจัดสร้างออกมาหลายรุ่น หลายสำนัก โดยเฉพาะพระเกจิอาจารย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้ ต่างตอบสนองศรัทธาศิษยานุศิษย์ด้วยการสร้างเครื่องรางรูปลักษณ์เสือ เพื่อให้นำไปสวมใส่ พกพา และบูชาเป็นสิริมงคลตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล เหมือนเช่นเกจิอาจารย์ดังในอดีตหลายท่านนิยมสร้างกันเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวบ้าน

มีวัดอยู่วัดหนึ่ง ซึ่งแม้จะไม่ได้สืบสานตำนานการสร้างเครื่องรางของขลังประเภท "เสือ" มา แต่ก็สร้างความฮือฮาได้เป็นประวัติการณ์ นั่นคือ วัดตะเคียน ถ.พระราม 5 (นครอินทร์) ต.บางคูเวียง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี วัดดีที่มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังนาม "พระครูปิยนนทคุณ หรือ หลวงปู่แย้ม ปิยวัณโณ" พระเถระอาวุโสรูปหนึ่งของเมืองนนท์ยุคปัจจุบัน

หลวงปู่ท่านมีชื่อเสียงทางตะกรุดที่นำไปสวมใส่ให้สุนัขแล้วเกิดประสบการณ์เหนือคำบรรยาย เมื่อไม่มีใครสามารถทำร้ายมันได้ด้วยอาวุธปืน จนเป็นที่มาของ "ตะกรุดคอหมา" ในหมู่สานุศิษย์ หลังจากนั้นท่านได้เริ่มสร้างเครื่องราง "เสือ" ก็ก่อเกิดอภินิหารในการสร้างครั้งแรกรุ่นแรก ถึงขนาด "ปืนแตก" ยิงไม่ออก จนเป็นที่มาของคำว่า "เสือปืนแตก" ส่งผลให้กลายเป็นเครื่องรางของขลังที่มีความนิยมในอันดับต้นๆ โดยถึงปัจจุบันท่านสร้างออกมาแล้วรวม 5 รุ่น
 


โดยเฉพาะรุ่น 5 ล่าสุดได้สร้างปรากฏการณ์อย่างเกินคาดหมาย ผู้คนแห่บูชาชนิดมืดฟ้ามัวดินในช่วงเทศกาลตรุษจีนวันที่ 12-13-14 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งทางวัดจัดพิธีปลุกเสกอย่างเข้มขลังด้วยพลังพระคาถาพุทธาคมของพระเกจิอาจารย์ยอดนิยมแห่งยุค นำโดย หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี, หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.พระนครศรีอยุธยา, หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว จ.พระนครศรีอยุธยา, หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ จ.นนทบุรี โดยมี พระธรรมรัตนดิลก เจ้าคณะภาค 4 วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ เป็นประธานจุดเทียนชัย ท่ามกลางคลื่นชนผู้เลื่อมใสในหลวงปู่แย้ม และศิษย์สายตรงจำนวนมากเข้าร่วมพิธี

หลังจากพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ 12 ก.พ.เสร็จสิ้น ภาพที่ได้เห็นคือการยื้อแย่งกันบูชาเสือรุ่น 5 อย่างจ้าละหวั่น แม้ทางวัดจะจัดระเบียบจัดคิวอย่างไรก็ไม่สามารถต้านทานความต้องการของลูกศิษย์ลูกหาได้ หลังจากนั้นในวันเสาร์ที่ 13 ก.พ. 2553 ซึ่งมีพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาตามตำราของหลวงปู่แย้ม ก็ยิ่งเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ดั้นด้นมาจากหลายแห่ง ส่งผลให้การจราจรติดขัดตั้งแต่ยูเทิร์นใต้สะพาน ผ่านปากทางเข้าวัดไปจนถึงลานวัด โดยเฉพาะในวัดเต็มไปด้วยรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ คาดคะเนแล้วเพียงวันนี้วันเดียวมีคนมาร่วมงานไม่ต่ำกว่าหมื่นคน จนทำให้ลานวัดกว้างๆ ดูแคบลงทันที
 


ที่สำคัญ ตั้งแต่เช้ายันเย็น จนไปถึงช่วงดึก ผู้คนยังคงคึกคักไม่หยุด เพราะนอกจากต้องการมารับแจกฟรี!!แล้ว ยังต้องการมาบูชาเสือรุ่น 5 อีกครั้ง หลังจากผิดหวังไปเมื่อวันแรก ด้วยกระแสความศรัทธาครั้งนี้ ทำให้มีชื่อเรียกขานกันว่า "เสือวัดแตก"

อาจจะมีคำถามว่า ทำไมเสือหลวงปู่แย้ม จึงได้รับความนิยมมากมาย? คำตอบง่ายๆ ที่หลายๆ คนบอกคือ "ประสบการณ์ดี" บ้างก็บอกว่า ศรัทธาในหลวงปู่แย้ม ท่านเป็นพระปฏิบัติดี ทำสิ่งใดก็มีความขลัง ดังนั้น ไม่ว่าท่านสร้างรุ่นไหนจะสะสมไว้หมด เพราะเชื่อว่า ในอนาคตจะเป็นของหายาก ไม่ต้องไปตามเช่าหาด้วยราคาที่สูงกว่าปัจจุบัน

พระครูสมุห์สงบ กิตติญาโณ พระเลขาฯ หลวงปู่แย้ม ซึ่งถือว่ามีบทบาทในการสร้างและปลุกเสกเสือทุกรุ่นของวัดตะเคียน เปิดใจว่า ปัจจัยที่ได้จากการบูชาเสือรุ่น 1-5 ทางวัดนำไปใช้เป็นทุนทรัพย์สร้างวัดเป็นหลัก เนื่องจากมีโครงการสำคัญๆ รออยู่อีกมาก ซึ่งการสร้างทุกครั้งได้รับความเห็นชอบจากหลวงปู่แย้ม โดยท่านจะอธิษฐานจิตให้เป็นปฐมฤกษ์ เนื่องจากกายสังขารไม่ทนทานต่อการไปนั่งปรกร่วมกับสหธรรมิก ส่วนเรื่องประสบการณ์ต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่กับความเชื่อความศรัทธา และบารมีของผู้บูชาแต่ละคน หลวงปู่แย้มท่านไม่ได้มุ่งเน้นให้ยึดติดแต่อย่างใด จุดมุ่งหมายของท่านคือการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อวัดและชาวบ้าน เปรียบเสมือนการคืนกำไรให้ชุมชน ที่ได้ช่วยเหลือเจือจานพระสงฆ์สามเณรในวัดสืบต่อกันมาตามยุคสมัย

สำหรับนักสะสมที่นิยม "เสือรุ่น 5" ยังมีโอกาสร่วมบุญบูชา แต่อย่าชักช้าเด็ดขาดเพราะอาจจะหมดจากวัดในเร็วๆ นี้ ซึ่งเสือรุ่นนี้ นับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงบารมีที่ไม่เสื่อมคลายของหลวงปู่แย้มอีกครั้ง ตลอด 3 วันดังกล่าวมา มียอดเงินเข้าวัดนับล้านบาท ซึ่งล้วนมาจากคำว่า "ศรัทธา" อย่างแท้จริง


ขอบคุณข้อมูลและจาก
วันที่ 03 มีนาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 19 ฉบับที่ 7034 ข่าวสดรายวัน
หน้า 32
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNekF6TURNMU13PT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB3TXc9PQ==

 


3



คมชัดลึก : "งานไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น" หรือ "พระอุดมประชานาถ" อดีตเจ้าอาวาสวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ที่ลูกศิษย์ขนานนามให้เป็น "เทพเจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำนครชัยศรี" จะทำกันทุกปีในวันเสาร์ของเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนมีนาคม


 สาเหตุที่ทำพิธีกันในวันเสาร์ บูรพาจารย์กล่าวไว้ว่า วันเสาร์เป็นวันที่แข็งที่สุด พิธีการอันใดที่วัดจัดขึ้นในวันนี้ จะมีกฤตยานุภาพเข้มแข็งมาก วันบูชาครูเป็นวันที่เสมือนหนึ่งเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีน้อมระลึกเคารพนับถือบุญคุณของบูรพาจารย์ ครูบาอาจารย์ คณาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ วิชาไสยเวท คาถาอาคม คัมภีร์ต่างๆ ให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งมั่นกระทำแต่ความดี โดยปีนี้จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๓๙ น.

 อย่างไรก็ตาม แม้หลวงพ่อเปิ่นจะมรณภาพไปแล้ว ๘ ปี (เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๕ เวลา ๑๐.๕๕ น. อายุ ๗๙ ปี ๕๔) แต่พระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ยังคงสืบทอดการสักยันต์ตามตำราของหลวงพ่อเปิ่นไว้อย่างสมบูรณ์

 ในวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่น ถือเป็นวันชุมนุมลูกศิษย์นับหมื่นคน จากทั่วทุกสารทิศ ยังคงแห่ร่วมพิธีไหว้ครูกันเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการระลึกถึงครูบาอาจารย์เป็นสำคัญ

 ปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง ที่น่าสนใจในวันไหว้ครู คือศิษย์คนใดสักยันต์รูปสัตว์ชนิดใดก็จะแสดงอาการของสัตว์ชนิดนั้นๆ ตลอดช่วงพิธีไหว้ครู ซึ่งเป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเป็นอย่างยิ่ง

 ลานโล่งด้านหน้ารูปหล่อหลวงพ่อเปิ่น เบียดเสียดยัดเยียด นำพานดอกไม้มาบูชาครู ส่วนภายในวงสายสิญจน์ ผู้คนนั่งเบียดเสียดแออัดกันเต็มสนามรอบสายสิญจน์ที่ดูแคบไปถนัดใจ มองนอกวงสายสิญจน์ ผู้คนมามุงแออัดทั้ง ๔ ด้าน ต่างรอคอยด้วยใจอันจดจ่อต่อพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์

 ครั้นได้ฤกษ์ พิธีเริ่มขึ้นเวลา ๐๙.๓๙ น. พระครูอนุกูลพิศาลกิจ หรือหลวงพ่อสำอาง เจ้าอาวาสวัดบางพระ ได้เดินผ่านหมู่ลูกศิษย์ที่พนมมือกราบไหว้ตลอดระยะทาง จนขึ้นสู่ปะรำพิธี หมู่ลูกศิษย์ที่อยู่ในวงสายสิญจน์ บางคนก็เกิดอาการที่เรียกว่า "ของขึ้น"

 คนที่ของขึ้น ส่วนใหญ่มักเกิดแก่คนที่มีความเลื่อมใส จิตใจตั้งมั่นยึดมั่นในครูบาอาจารย์ อ่อนไหวง่าย เมื่อหลับตาระลึกถึงครูบาอาจารย์ท่าน พวกที่สักอักขระที่เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น สักรูปเสือเผ่น ก็กางเล็บกระโดดโจนทะยานวิ่งเข้าหาหลวงพ่อหน้าปะรำพิธี


 ขณะที่หลวงพ่อเริ่มทำการบวงสรวง จุดธูปเทียน บูชาครู บูรพาจารย์ ผู้ที่สักเป็นรูปหนุมานก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาเข้าหา ที่สักหมูป่าก็แผดเสียงร้องก้อง วิ่งเข้าหาหลวงพ่อ บนพื้นดินก็มีคนคลานเลื้อยเหมือนปลาไหล

 ที่น่าแปลกก็คือ ภายหลังจบพิธี ไม่พบร่องรอยบาดแผล ถลอก หรือเลือดตกยางออกให้เห็นเลย  บางคนของขึ้น ก็ทำท่าทางยกมือเหมือนถือไม้เท้าเดินกระย่องกระแย่ง ลักษณะเหมือนฤาษี   ตอนนี้โกลาหลไปหมด คนที่นั่งในวงสายสิญจน์ต่างก็แตกตื่นลุกหนีคนที่ของขึ้น ต้องคอยหลบหลีกพวกที่ของขึ้น วิ่งเข้าหาปะรำพิธีกันอลหม่าน

 ภายในสนามรอบสายสิญจน์ คนที่ของขึ้นต่างก็วิ่งเข้าหาหน้าปะรำพิธี แต่ก็มีพวกลูกศิษย์ที่จิตใจแข็ง ไม่เกิดอาการของขึ้น หลายคนช่วยกันจับคนที่ของขึ้นที่มีกำลังวังชามากมาย ที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน

 วิธีแก้ของขึ้น ก็โดยการใช้ ๒ มือ ตบที่หูเบาๆ หรือใช้มือลูบหน้าตรงจมูก หรือยกขาให้สูงกว่าตัว การไม่ให้ของขึ้นจะเตือนสติให้หายใจลึกๆ ให้ลืมตา ไม่ให้หลับตา

 เคยถามคนที่ของขึ้นว่า รู้สึกยังไง เขาก็ตอบว่า ระหว่างหลับตาอยู่ในภวังค์ สติวูบไปอย่างไม่รู้สึกตัวว่า ตัวเองทำอะไรไปบ้าง

 สำหรับอาการของขึ้นในวันไหว้ครูนั้น พระอาจารย์อภิญญา คนุตฺตโม หรือหลวงพี่ญา อธิบายว่า เกิดจากจิตและศรัทธาของผู้สักยันต์ พวกที่สักอักขระที่เป็นรูปลักษณ์ต่างๆ เช่น สักรูปเสือเผ่น ก็กางเล็บกระโดดโจนทะยานวิ่งเข้าหาหลวงพ่อหน้าปะรำพิธี ขณะที่หลวงพ่อเริ่มบวงสรวง จุดธูปเทียนบูชาครูบูรพาจารย์ ผู้ที่สักเป็นรูปหนุมานก็กระโดดโลดเต้นตีลังกาเข้าหา ที่สักหมูป่าก็แผดเสียงร้องก้อง วิ่งเข้าหาหลวงพ่อ บนพื้นดินก็มีคนคลานเลื้อยเหมือนปลาไหล

 ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า อาการของขึ้นมีทั้งขึ้นจริงและขึ้นตามเพื่อน รายที่ขึ้นตามเพื่อน เพราะถ้าไม่ขึ้นอาจจะคิดไปเองว่าไม่ขลัง จึงต้องทำแกล้งบ้าง รายที่แกล้งขึ้นจะสังเกตได้ง่ายๆ คือ ขึ้นบ่อยครั้งมากเกินไป

 อาการของขึ้นมากที่สุด น่าจะเป็นเสือเผ่น รองลงมาเป็นฤาษี (พ่อแก่) หนุมาน ลิงลม หมูทองแดง และปลาไหล ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีคนสักยันต์รูปเสือเผ่นมากกว่าสัตว์อื่นๆ

 ส่วนจำนวนลูกศิษย์ที่มาสักยันต์เพิ่มขึ้น มีเหตุปัจจัยหลายอย่าง อาทิ คนในสังคมปัจจุบันขาดกำลังใจ และเชื่อว่า อักขระเลขยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นสามารถช่วยบรรเทาทุกข์ได้

 รวมทั้งการเสนอข่าวของสื่อมวลชน คำเล่าขานของคนรุ่นก่อนๆ และการคมนาคมที่สะดวกขึ้น  บางวันมีคนมาตั้งแต่ ๖ โมงเช้า สักยันต์ไปจนถึงมืดค่ำก็มี ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ อาจจะเป็นร้อยคน เหตุที่คนสักมากขึ้น สภาพสังคมขาดที่พึ่งทางใจ สักแล้วจะทำให้ชีวิตดีขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเมตตามหานิยม คุ้มครองให้เกิดความปลอดภัย

 หลวงพี่ญา พูดไว้อย่างน่าคิดว่า "ใครที่สักยันต์จากสำนักวัดบางพระ ใช่ว่าสักไปแล้วจะขลัง มีพุทธเข้มขลังเสมอไป ทั้งนี้ ต้องยึดหลักปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ ๑.ศีล ๕ อย่าให้ขาด โดยเฉพาะข้อ ๓ ห้ามผิดลูกเขาเมียเขา เที่ยวซ่องโสเภณี ใครผิดข้อนี้ข้อเดียว พุทธคุณของยันต์ไม่แสดงปาฏิหาริย์  นอกจากนี้แล้ว ยังมีข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์อีก คือ ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกินน้ำเต้า มะเฟือง และ ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว


 อุปเท่ห์ของผู้ที่สักยันต์ จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณ อย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว"
ขอบคุณภาพและข้อมูลโดย
0 เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู 0
0 ภาพ ประเสริฐ เทพศรี 0[/color]

http://www.komchadluek.net/detail/20100301/50358/เสือขึ้นปีเสือวันไหว้ครูหลวงพ่อเปิ่นปี๕๓.html

4
ชาวตรังตื่น พบวัตถุโบราณ ที่ถ้ำเขาสาย (ไทยรัฐ)




          คาดเป็นเครื่องปั้นดินเผาในยุคก่อนพุทธกาล มีอายุประมาณ 3,000 - 4,000 ปี ส่วนพระดินดิบที่พบน่าจะอยู่ในยุคสมัยอาณาจักรศรีวิชัยประมาณ 1,300 ปี...

          ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตรัง วานนี้ (24 ก.พ.) ภายหลังเกิดกระแสข่าวเรื่องการขุดค้นพบวัตถุโบราณภายในถ้ำเขาสาย ม.3 ต.บางดี อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งล่าสุดทางนักโบราณคดีจากสำนักศิลปากรที่ 15 จ.ภูเก็ต ได้เดินทางมาเก็บตัวอย่างสิ่งของที่พบไปเก็บรักษาไว้ที่สำนักศิลปากรที่ 15 ภายหลังเกิดกระแสข่าวดังกล่าวปรากฏว่ามีชาวบ้านที่ทราบข่าว ทยอยเดินทางเข้าไปยังถ้ำเขาสายกันอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบ จากการเข้าตรวจสอบในพื้นที่พบว่าบริเวณรอบ ๆ ภูเขาสาย อยู่ในความดูแลของสำนักสงฆ์เขาสาย มีพระจำพรรษาอยู่ 3 รูป ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถูกประกาศโดยกรมศิลปากร ให้เป็นโบราณสถาน

          พระประสิทธิ์ อาริโย หัวหน้าสำนักสงฆ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาขณะที่กำลังปีนขึ้นไปสำรวจถ้ำบนภูเขา เพื่อจะหาที่จำพรรษา กระทั่งไปเจอถ้ำ ๆ หนึ่งบนยอดเขา จึงลองเข้าไปสำรวจดู ก็พบกับชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผา เป็นหม้อ 3 ขา ในสภาพแตกหัก และยังมีเศษชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผาที่แตกกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวน มาก จากนั้นจึงทำการสำรวจเข้าไปอีก ก็พบกับพระพิมพ์ดินดิบ ทั้งที่มีสภาพสมบูรณ์ และแตกหักอีกเป็นจำนวนมาก

          หัวหน้าสำนักสงฆ์เขาสาย  กล่าวต่อว่า นอกจากเศษชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผา และพระแล้วยังพบเศษชิ้นส่วนกระดูก ซึ่งเชื่อว่าเป็นกระดูกสัตว์อีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงซากเปลือกหอยโบราณ ตนจึงแจ้งไปยัง อบต.บางดี ให้เข้ามาตรวจสอบ จากนั้นจึงแจ้งไปยังสำนักศิลปากรที่ 15 ก่อนที่เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากร จะเดินทางมาตรวจสอบ และยืนยันว่าเศษเครื่องปั้นดินเผาที่พบ เป็นเครื่องปั้นดินเผาในยุคก่อนพุทธกาล มีอายุประมาณ 3,000-4,000 ปี ส่วนพระดินดิบที่พบ เป็นพระที่มีการสร้างในยุคสมัยอาณาจักรศรีวิชัย ราวพุทธศตวรรษที่ 13-18 หรือประมาณ 1,300 ปีมาแล้ว

          ด้าน พระครูสุกิจวิธาน เจ้าคณะอำเภอวังวิเศษ จ.ตรัง ที่เดินทางมาชมวัตถุโบราณที่พบที่ถ้ำเขาสาย กล่าวว่า จากการสอบถามประวัติของถ้ำเขาสายจากคนเฒ่าคนแก่ในยุคก่อนหน้านี้ เชื่อว่าพื้นที่ตรงนี้เดิมในอดีต น่าจะเป็นชุมชนใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีความเชื่อมโยงกับโบราณสถานหลายแห่ง เช่นวัดถ้ำเขาปินะ โดยในอดีตเคยเป็นที่ประทับชั่วคราวของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 และเป็นถ้ำที่อยู่ไม่ไกลกัน

          ส่วน ร.อ.บุณยฤทธิ์ ฉายสุวรรณ นักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 15 จ.ภูเก็ต กล่าวว่า การค้นพบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากชิ้นส่วนที่พบค่อนข้างที่จะมีความสมบูรณ์ โดยสามารถตอบได้ว่าการค้นพบในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 ยุคสมัยด้วยกัน หม้อสามขานั้นจะอยู่ในช่วงสมัยก่อนประวัติศาสตร์ 3,000 - 4,000 ปี และการค้นพบพระพิมพ์ดินดิบ ถือว่าเป็นช่วงที่มีความเชื่อในเรื่องของศาสนา น่าจะอยู่ในช่วงสมัยศรีวิชัย ราวพุทธศตวรรษ 13-18 โดยการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้ง 2 สมัยในบริเวณสถานที่เดียวกัน พอจะบ่งบอกได้ว่าในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาก่อน ทั้งนี้เส้นทางแห่งนี้น่าจะเป็นเส้นทางต่อเชื่อมทะเลอันดามันไปยังอ่าวไทย หรือเป็นทางผ่านไปยังจังหวัดต่าง ๆ หรืออาจจะเป็นจุดพักของมนุษย์ในช่วงเดินทาง

          ร.อ.บุณยฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ทราบว่าการค้นพบหม้อสามขานั้น ได้มีการค้นพบในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และสุพรรณบุรี บริเวณเหล่านั้นเป็นพื้นที่ราบ แต่การค้นพบที่ จ.ตรัง นั้นเป็นพื้นที่เนินเขาและอยู่ภายในถ้ำ ดังนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าในอดีต น่าจะมีการติดต่อแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน และหม้อสามขา อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ก็เป็นได้ และตนเชื่อว่าถ้ำภูเขาสาย น่าจะเป็นแหล่งโบราณคดีที่สำคัญของชาติ จึงขอความร่วมมือไปยังประชาชน นักท่องเที่ยว และผู้นำท้องถิ่นให้ช่วยกันดูแลรักษา และห้ามมิให้เข้าไปขุดถ้ำดังกล่าว เพราะจะทำให้หลักฐานทางโบราณคดีเสียหายได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายทั้งจำและปรับ


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ไทยรัฐ

5





คมชัดลึก :วัดประดู่ (พระอารามหลวง) ต.วัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นวัดเก่าแก่ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จประพาสต้นทางชลมารค มาที่วัดนี้ สมัยที่ หลวงปู่แจ้ง เป็นเจ้าอาวาส ทรงมีพระราชศรัทธาเลื่อมใสในหลวงปู่แจ้งมาก และได้ถวายสิ่งของต่างๆ ให้แก่หลวงปู่ เช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ปิ่นโต สลกบาตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้สร้าง พิพิธภัณฑ์พระราชศรัทธา ร.๕ และได้เก็บรักษาสิ่งของเหล่านี้ไว้เป็นอย่างดี


  นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานหุ่นรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์ใน จ.สมุทรสงคราม หลายท่านด้วยกัน อาทิ หลวงพ่ออ้น วัดบางจาก หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม สมเด็จพระธีรญาณมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เจ้าคณะภาค ๑

 หุ่นรูปเหมือนพระเกจิอาจารย์เหล่านี้สร้างด้วย "ดินสอพอง" โดยหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันเป็นผู้ปั้นขึ้นเอง นับเป็นหุ่นรูปเหมือนที่ใช้วัสดุในการสร้างไม่เหมือนกับที่อื่นใด

 นอกจากหุ่นปั้นดินสอพองแล้ว ในพิพิธภัณฑ์ยังมีพระรูปเหมือนรัชกาลที่ ๕ แกะสลักจากไม้หอม ซึ่งผู้ที่เข้าภายในพิพิธภัณฑ์จะได้กลิ่นหอมตามธรรมชาติของเนื้อไม้อบอวลตลอดเวลา

 กล่าวสำหรับ หลวงปู่แจ้ง อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งกล้าสามารถมาก จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วลุ่มน้ำแม่กลอง ลูกศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียง คือ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว จ.กาญจนบุรี ผู้ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่แจ้งอย่างครบถ้วน
 
 ในสมัยต่อมา หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ได้เดินทางไปขอเรียนวิชาอาคมของ หลวงปู่แจ้ง จาก หลวงปู่ยิ้ม อีกทอดหนึ่ง (สมัยนั้นลูกศิษย์สำคัญอีกท่านหนึ่งของหลวงปู่ยิ้ม ก็คือ หลวงปู่เปลี่ยน วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) จ.กาญจนบุรี)

 กล่าวโดยสรุป วิชาอาคมของสายหลวงปู่แจ้ง กำเนิดขึ้นที่ จ.สมุทรสงคราม (หลวงปู่แจ้ง วัดประดู่) ไปสู่ จ.กาญจนบุรี (หลวงปู่ยิ้ม  วัดหนองบัว) แล้วได้ย้อนกลับมาสู่ จ.
สมุทรสงคราม (หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ) อีกครั้งหนึ่ง และได้มีสืบทอดสู่พระเกจิอาจารย์เมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ตามลำดับมาอีกหลายท่าน

 หนึ่งในนั้นก็คือ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ ศิษย์เอกของหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ  และผู้ที่ได้รับการสืบทอดวิชาอาคมเหล่านี้จากหลวงพ่อหยอด ก็คือ หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาสประดู่รูปปัจจุบันนี่เอง (ตำราเล่มหนึ่งของหลวงปู่แจ้ง ระบุ พ.ศ.๒๔๖๐ เขียนโดยพระแจง ปัจจุบันได้ตกทอดมาถึงหลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์)

 นอกจากนี้ หลวงพ่อสุรศักดิ์ ยังได้เรียนวิชาการทำปลัดขิก (ท่านเรียกว่า “เจ้าทะเล”) โดยเรียนมาจาก อาจารย์เส่ง ซึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อบุศย์ วัดพรหมวิหาร จ.เพชรบุรี (หลวงพ่อบุศย์ เป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อโศก วัดปากคลอง) หลวงพ่อจึงมีวิชาการทำตะกรุดมหาปราบ และตะกรุดลูกอมหัวใจโลกธาตุ ตะกรุดหลวงปู่ใจ ด้ายไหมเจ็ดสี ฯลฯ อย่างครบถ้วน

 ขณะเดียวกัน ยามที่มีเวลาว่าง หลวงพ่อสุรศักดิ์มักจะเดินทางไปรับใช้ หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ในการทำ เบี้ยแก้ อีกด้วย โดยท่านจะเป็นผู้บรรจุปรอท และลงเหล็กจารกำกับบนแผ่นตะกั่วที่หุ้มเบี้ยแก้ โดยทำมาหลายปีแล้ว จวบจนหลวงปู่เจือมรณภาพเมื่อไม่นานมานี้

 หลวงพ่อสุรศักดิ์ เป็นศิษย์สายตรงของ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสาคร ก่อนที่จะก้าวไกลมาจนทุกวันนี้ รวมทั้งยังมีอาจารย์ที่เป็นฆราวาสอีกหลายท่าน เรื่องของวิชาอาคม และการสร้างวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ท่านจึงมีความสามารถในทุกด้าน

 แต่ที่ผ่านๆ มา วัตถุมงคลทุกรุ่นที่หลวงพ่อสุรศักดิ์ ได้สร้างออกมาในนามของวัดประดู่นั้น ล้วนเป็นรูปเคารพของหลวงปู่แจ้ง และรูปเคารพอื่นๆ ยังไม่เคยสร้างรูปเคารพของตัวท่านเองมาก่อนเลย ทั้งๆ ที่มีลูกศิษย์ลูกหาเรียกร้องกันอย่างมากมาย

 จึงไม่น่าแปลกใจ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๓ นี้เอง ทางวัดได้มีประกาศการจัดสร้าง เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อสุรศักดิ์ ขึ้นมาเพียงวันเดียว บรรดาลูกศิษย์จากทั่วทุกสารทิศ ซึ่งได้ทราบข่าวล่วงหน้ามาแล้ว จึงแห่กันมาจองจนเหรียญหมดในวันเดียว

 จำนวนเหรียญที่สร้าง เนื้อทองผสม ๓ หมื่นเหรียญ เนื้อเงิน ๒,๕๕๓ เหรียญ เฉพาะเนื้อทองคำ สร้างเท่าจำนวนสั่งจอง โดยเปิดรับจองจนถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๓ มีผู้สั่งจองทั้งสิ้น ๔๔๙ เหรียญ (เหรียญละ ๒.๕ หมื่นบาท)

 เหรียญรุ่นแรกนี้หลวงพ่อจะประกอบพิธีปลุกเสกในวันเสาร์ที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๓ (วันเสาร์ห้า) วัตถุประสงค์ เพื่อรวบรวมทุนทรัพย์มุงหลังคากระเบื้องกุฏิสงฆ์

 หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนขึ้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูพิศาลจริยาภิรม เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒


ขอบคุณภาพและข้อมูล
0 แล่ม จันท์พิศาโล 0
คมชัดลึกด้วยครับ :054:
 


6
งามครับ เดี๋ยวว่าจะถ่ายภาพ ทองแดง และทองแดงผิวไฟ ทองแดงเล็กแจกวันงาน ให้ชมครับ :017:

7
ขอบคุณสำหรับภาพครับrastafa  ถ้ามีภาพเสือรุ่นนี้นำมาให้ชมด้วยนะครับ :015:

8
คมชัดลึก :พิษณุโลกกรุแตกวัดสุดสวาสดิ์ ขุดเจอพระนางพญาสมัยอยุธยาตอนกลางใต้ฐานพระประธานพร้อมสังฆโลก

 เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ก.พ.53 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าที่วัดสุดสวาสดิ์ ต.บ้านคลอง อ.เมือง จ.พิษณุโลก มีการรื้อศาลาหลังเก่าเพื่อสร้างใหม่ มีการขุดพบกรุพระนางพญาจำนวนมาก จึงเดินทางไปตรวจสอบ  พบว่าที่ภายในบริเวณวัดมีชาวบ้านจำนวนมากแห่กันมาขุดค้นหากรุพระกันตั้งแต่ตี5 โดยมีรถแบ็กโฮขุดรื้อถอนซากศาลาออกจากพื้นดิน ตลอดเวลามีชาวบ้านคุ้ยเขี่ยกองดิน พบพระเครื่องเนื้อดินเผากระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มามุงดูต่างเข้ายื้อแย่งชิงเอาไปเป็นของตัวเองจำนวนมาก ต่อมาทางวัดได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาดูแลความสงบ เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาแย่งกรุพระของทางวัด ซึ่งก่อนหน้ามีชาวบ้านมาขุดคุ้ยได้พระไปนับพันองค์

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพที่ขุดพบกรุพระเครื่องครั้งนี้ รถแบ็กโฮขุดลึกประมาณ 3 เมตร วัตถุลักษณะเป็นโอ่งหรือไหโบราณสภาพที่แตกไปครึ่งหนึ่ง เนื่องจากถูกรถแบ็กโฮขุดไปโดนในช่วงแรก ปรากฏว่าพบกรุพระเครื่องบรรจุอยู่ข้างใน จึงได้ใช้เสียมเสาะรอบข้างเพื่อนำเอาขึ้นมาในลักษณะเหมือนเดิม แต่สภาพแตกไปแล้วครึ่งโอ่ง

 พระครูประภัศร์โสตถิคุณ เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า ก่อนหน้าทางวัดต้องการจะสร้างศาลาหลังใหม่ เนื่องจากหลังเดิมที่รื้อถอนอยู่ในสภาพทรุดโทรม เพราะเป็นศาลาดินเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ช่วงหลังมีการเทพื้นปูนแทนของเก่า จึงใช้ได้ต่อมาอีกหลายสิบปี แต่หลังจากนั้นศาลาเริ่มเสื่อมโทรมตามสภาพ จึงได้ทำการรื้อทิ้งเพื่อจะวางรากฐานสร้างหลังใหม่แทน หลังจากนั้นได้ว่าจ้างรถแบ็กโฮมาทำการขุดพื้นปูนซีเมนต์ และขุดเสาที่ฝังอยู่ใต้ดินก่อน แต่ปรากฏว่าระหว่างที่รถแบ็กโฮขุดดินมาเททิ้งมีพระติดมาจำนวนหนึ่ง จึงได้สั่งให้คนขับแบ็กโฮขุดเปิดหน้าดินเป็นบริเวณกว้างลึกลงไปประมาณ 3 เมตร พบพระบรรจุอยู่ในไหโบราณขนาดใหญ่มีพระนางพญาบรรจุอยู่เต็ม เป็นพระนางพญากรุวัดสุดสวาทที่เคยแตกเมื่อร่วม 100 ปีที่ผ่านมา เพราะสภาพพระและภาชนะที่บรรจุอยู่ในสภาพที่เปื่อยยุ่ย

 ด้านนายพลายลน ศรีเมือง กำนันตำบลบ้านคลอง กล่าวว่า หลังจากที่วัดได้เริ่มรื้อถอนศาลหลังเก่า ตนได้เข้ามาดูแลความเรียบร้อย ซึ่งได้ทำการรื้อถอนศาลามาแล้วสองวัน วันแรกไม่พบกรุพระเครื่องแต่อย่างไหน แต่ช่วงวันที่สองขณะที่รถแบ็กโฮขุดดินขึ้นมา ปรากฏว่าพระครูประภัศร์โสตถิคุณ เจ้าอาวาสวัด เห็นพระเครื่องติดมากับดินพร้อมกันด้วย จึงได้ขุดลงไปจนพบภาชนะบรรจุพระจำนวนมาก พร้อมภาชะกระเบื้องน่าจะเป็นสังฆโลก ส่วนศาลาหลังดังกล่าวปลูกสร้างมานานแล้วตั้งแต่ตนยังไม่เกิด เป็นศาลาดิน ช่วงหลังมีการปรับปรุงเทพื้นคอนกกรีต พร้อมกับนำพระประธานมาตั้งไว้กราบบูชา ซึ่งเป็นรูปปั้นหลวงงปู่โง่น และรูปปั้นสมเด็จพุทธจารย์โตพรมรังสี แต่ไม่มีการนำพระมาฝังเอาไว้ ซึ่งกระพระที่ขุดพบเป็นพระนางพญากรุวัดสุดสวาสดิ์เนื้อดินเก่า อายุน่าจะเกิน 100 ปี ตอนนี้ทางวัดและคณะกรรมการเตรียมจะนำออกมาให้บูชา เพื่อนำรายได้มาสร้างศาลาหลังใหม่

 ขณะที่อาจารย์ไพบูลย์ ปาณะดิษ ผู้รอบรู้พระเครื่อง พระบูชาไทย จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า เท่าที่ตนมาพิสูจน์กรุแตกที่วัดสุดสวาสดิ์ นั้นของจริง ไหที่บรรจุพระนางพญากรุนี้อายุประมาณ 400 ปี โดยสังเกตุจากเนื้อไห ที่ถูกฝังดินมานาน จนเกิดการออกซิเดชั่นของเนื้อไหจนมี 2 ชั้น คาดว่าถูกฝังในอายุสมัยอยุธยาตอนกลาง ยุคที่สมเด็จพระนเรศวรเคยสร้างพระขุนแผน กรุบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี แต่พระนางพญาสุดสวาสดิ์ที่เห็นนี้ ประชาชนทั่วไปเป็นคนสร้าง จึงไม่นิยมเก็บไว้ตามบ้านเรือน ยุคนั้นเขาสร้าง 1 ธรรมขันธ์ หรือ 84 , 000 องค์ ฝังไว้ในวัด ซึ่งพระนางพญาสุดสวาสดิ์ก็ถูกฝังไว้ใต้ศาลานั่นเอง ฉะนั้นเนื้อดินพระนางพญาย่อมถูกสร้างสมัยอยุธยาตอนกลางๆเช่นกัน
 

ขอบคุณข้อมูลจาก www.komchadluek.net

9
ฝังพลอยฝังตะกกรุดน่าบูชามากครับ :015:

10
กุมารดำ   ยอด เฮี้ยน เห็นผู้สร้างมวลสาร เกิน1000 อีก 25; 25; 25;



ลายมืออาจารย์ผู้สร้างสุดสวย และเข้มขลังcolor]

03; 04; 03;



ส่วนตัวเงียบ หรือเพราะเลื้ยงไว้ เป้นกองร้อย เลยไม่รู้องค์ไหนแสดงฤทธิ์38;
 11; 11; 11;

11
ขอบคุณพี่หอมเชียงครับ


12
อนุโมธนากับพี่ๆๆทุกคนด้วยครับ  :054:

13
จารรูปหล่อ รุ่น เพิ่มสุข ปี43


14
-ขอบคุณ ครับหลวงพ่อเพิ่ม ท่านถือของมั่นมาก :054: :054: :054:

15
หลับตา (OST.ฝัน หวาน อาย จูบ)
เพลง หลับตา

ขับร้องโดย   August
คำร้อง / ทำนอง  วรุตม์  พสุธาดล
เรียบเรียง   วรุตม์  พสุธาดล

หลับตาลงนะ นะคนดี    ขอให้เวลานี้เธอหลับและพักผ่อน
กล่อมด้วยเพลงแห่งรัก ให้เธอนอน แค่เพียงก่อนที่ฟ้าจะสาง…
หลับตาลงนะ  นะคนดี   ไม่มีอะไรที่ต้องห่วงแม้ซักอย่าง
สิ่งที่เคยแบกไว้ ให้เธอวาง  ให้โลกผ่านดั่งเพียงฝันไป

*หากเพียงเธอได้รู้ว่าเธอนั้นสำคัญแค่ไหน หากเพียงเธอได้รู้ว่ามีคนรักเธอมากมาย
หากเพียงเธอได้รู้ ว่าเขานั้นยอมทำสิ่งใด เพื่อให้เธอได้พบกับความสุขใจ
เธอคงไม่ต้องดิ้นรนไม่ต้องกังวลอะไรให้วุ่นวาย
คงไม่ต้องเหนื่อยใจหาใครต่อใครช่วยทำให้ทุกข์คลาย
เพียงแค่คนหนึ่งคนที่ยอมหมดจนแม้ลมสุดท้าย ... แค่ให้เธอได้รู้

(ซ้ำ *)

หลับตาลงนะ นะคนดี  สิ้นสุดลงตรงนี้หนทางที่แสนไกล
แค่เธอจับมือฉัน และเชื่อใจ  รักยิ่งใหญ่จะไปถึงเธอ



ลองฟังดู
http://www.you2play.com/player/media_type,song/id,4274/


17











*น้อมกราบหลวงปู่เจือ ขอให้หลวงปู่พักให้สบายนะครับ*

18
--------------------------------------------------------------------------------
ลิงค์คลิปVDOงานรดน้ำหลวงปู่เจือ
http://www.komchadluek.net/detail/20091229/43138/หลวงปู่เจือเกจิดังแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรีมรณภาพ.html#source_video

ขอบคุณข้อมูลจาก www.komchadluek.net

19
ลิงค์คลิปVDOงานรดน้ำหลวงปู่เจือ
http://www.komchadluek.net/detail/20091229/43138/หลวงปู่เจือเกจิดังแห่งลุ่มน้ำนครชัยศรีมรณภาพ.html#source_video

ขอบคุณข้อมูลจาก www.komchadluek.net

20
ภาพหาชมยากนำมาให้ชมด้วย ความอาลัยหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว ระหว่างจารสด เบี้ยแก้ อีกหนึ่งเอกลักษณ์ ของ หลวงปู่วัดกลางบางแก้ว




*นำมาให้ชมด้วยความอาลัยในหลวงปู่อย่างสุดหัวใจ* :054: :054: :054:

23
สมเด็จแต่ละท่านแจ่มๆกันทั้งนั้น :015:

24
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ  :054: :054: :054:

ขอให้ได้ปัจจัยครบตามวัตถุประสงค์โดยเร็ว 17;

25
แต่ละวันผ่านมาด้วยความยากลำบาก ขอบน้อมสักการะหลวงโด่งครับ :114: :054: :054: :054:

26
ดูแล้วหลวงปู่ ท่านปลื้มมาก ขออนุโมทนาผู้ที่ ถวายด้วยครับ  :054: :054: :054:

27
ขอบคุณหลวงโด่งมากครับ ที่ให้ความรู้ :054: :054: :054:

ตำหนักที่วัดราชบพิธ เยี่ยมจริงๆๆ ไม่มีสระหรือพยัญชนะ เสียเลย :015:

28
เหรียญสวย+พิธีขลัง+ยอดเกจิที่ร่วมเสก = ควรหามาครอบครองให้ได้ :015:

29
ขอบคุณท่านเอ็มมาก ที่นำบทความอันเป็นความรู้มาลง :015:

30
น้อมกราบสักการะหลวงพ่อปาน :089: :054: :054: :054:

31
สักได้งดงามมาก + คนถูกสักก็ใจมากครับ :015:

ว่าแต่ใช้ลิ้นสาริกากล่อม..สาว บทไหนบอกกันบ้างครับ :002:

32
รอติดตาม  มหากาพย์เรื่องใหม่ อย่างตั้งใจครับ :054:

33
อ่านสนุกดีครับ แถมมีได้ธรรมะอีกตั้งหาก :053:

34
กราบขอบพระคุณหลวงโด่งมากครับ :054:

35
ขอบคุณสำหรับบรรยากาศ :015:

37
ขอบคุณที่ถ่ายภาพมาให้ชม
ละเอียดคมชัด ทุกองค์เลย :015:


ขอทราบรายละเอียดปิดตาเมฆสิทธิ์ หน่อยครับสร้างปีไหน :054:

38
ถ่ายภาพได้บรรยากาศดีมาก :053:

น้อมกราบ หลวงพ่อจง หลงพ่อพูน หลวงพ่อแม้น ด้วยครับ :054:

39
รอยจารกระเป๋าจาก 3พระเกจิ สุดยอด ไม่สามารถหาซื้อได้จากทีใดเยี่ยมมากๆๆ :015:

41
ชอบขุนแผนหลวงปู่อั๊บ เนื้อตะกั่วองค์นี้ท่านเทเอง มากครับ

42
เหรียญสวยมากครับ พี่เจมส์  :015:

หลวงพ่อคูณกำลังมาแรง :054:

43
อยากทราบว่าจะบูชาเศียรพระพิราพของทั้งสองที่ ได้ที่ไหนขอรับ และอยากทราบราคาบูชาด้วยครับ (ผมศรัทธาในองค์พ่อท่านมากครับ)

ที่วัด บางพระน่าจะมีอยู่ ตรงกุฎิใหญ่  :015:

44
งดงามมาก หลวงพ่อวัดบ้านแหลมศักดิ์สิทธิ์นัก :054:
 

45
เสื้อยันต์+รอยจารคาถามหาอุด เยี่ยมมากท่านพี่ :015:


ชอบยันต์พระนารายณ์จัง :025:

46
ท่านเด็กนอกวัดครับ..องค์นี้ได้มายังไงครับ...ผมดูแล้วไม่เข้าตาเลยครับ.... :058:
.


ร้านพระแห่งหนึ่ง บนห้าง ย่านธนบุรี ร้านเดียวกับหลังนางกวัก ปี20 อะครับ สงสัยงานนี้โดนแน่นครับ :075: :075: :075:

47
 ขอให้หลวงพี่มีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะครับ :054:

48
ได้พระเกจิเก่งๆมากมาย  :015:

ได้กุมารขี่เสือมาหลายองค์เลย สุดยอด :053:

49
จากหนังสือเล่มแดงดูคล้ายปี34  ใช่หรือไม่ หรือทำเสริมรุ่นหลัง หรือปล่าวครับ :054:


51
เหรียญแบบนี้ หลวงพี่ญา ท่านก็สร้างออกมาใหม่ ปีนี้เอง ไม่รู้ท่านเริ่มแจกแล้วหรือยัง


ต้องให้ท่านปูดำ นำมาให้ชมหน่อยครับ :054:

52
งามครับพระกริ่งรุ่นแรก เนื้อเงินด้วย เยี่ยมมากครับ :015:

53
ขอบคุณพี่amazing ที่ให้ความรู้ครับ :054:

ข้อคิดแม้ศูนย์พระบนห้างใหญ่ก็ยังปลอมได้



54
ช่วยดูรูปหล่อหลวงพ่อขนาดบูชา หน่อยครับ สร้างปีไหน





55
สวยงามพร้อมกล่องเดิม เยี่ยมมากครับ  :015:

56
ช่วยดูเหรียญหลังนางกวัก หน่อยครับ แท้ไหม เห็นคอหลวงพ่อท่านไม่พอก อะครับ :054:







57
รอยสักงดงาม หาชมได้ยาก ขอบคุณท่านก๊อดที่นำมาให้ชม :015:

58
ขอบคุณสำหรับ ภาพบรรยายกาศเมืองเหนือ และขัอมูล ภาพประกอบแก้วโปงข่ามโดยละเอียด :054:

59

อันนี้เห็นบอกว่าเป็นไหลดำเหมือนกัน ตอนที่กำไว้ในมือจะรู้สึกเย็นๆที่ฝ่ามือ แต่ไม่ถึงกับขนลุกนะ    :050:

ได้มาจากไหน ขอรายละเอียด หน่อยครับ  :054:

61
ภาพหาชมยากขอบคุณ พี่ เจมส์มากครับ :054:

62
ลองดูในกระทู้เก่าๆ ครับมีคนถาม คนตอบโดยละเอียดแล้วครับ

63
เสื่อมครับ วัตถุมงคล อยู่บ้าน ตัวเรา กินเหล้า อยู่นอกบ้าน ก็ยังเสื่อม (เป็นคำพูดของหลวงปู่เองเลย) ลองสอบถามพี่ที่เคยไปกราบดูได้ :050:

64
หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ของท่านดีจริงแต่รักษายาก ทานเหล้า ที เสื่อมคาหิ้งเลย :075:

66
ขอบพระคุณที่แจ้งข่าวเรื่องตะกรุดหนังเสือดาวมากครับ


ขออนุโมธนาด้วย ครับ   

67
ขอบคุณท่านโจที่จัดกิจกรรมดีๆ :053:

ยินดีกับผู้โชคดีด้วยครับ :015:

68




ชาวบ้านตื่นไหลดำน้ำพี้แห่บูชาเชื่อแคล้วคลาดปลอดภัย (ไทยรัฐ)

          ชาวบ้านอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน ตื่น ไหลดำน้ำพี้ แห่ขอบูชาเชื่อ ช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย และให้โชคลาภ ...

          เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 52 เวลา 10.00 น. ได้มีชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศที่อยุ่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ไปจนถึงจังหวัดแพร่และจังหวัดน่านจำนวนมาก ได้เดินทางมายังบ้านของนายฟุ้ง เชื้อนพคุณ อายุ 65 ปี เลขที่ 43/1 บ้านน้ำพี้ หมู่ 1ต.น้ำพี้ อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ อดีตช่างตีเหล็กน้ำพี้  เพื่อขอบูชาไหลดำหรือไหลน้ำพี้ ซึ่งตั้งโชว์อยู่ในตู้กระจกบริเวณหน้าบ้านไม้ชั้นเดี่ยวโดยมีนางจำรัส เชื้อนพคุณอายุ 62 ปีภรรยาของนายฟุ้ง เป็นผู้ดูแลจากการเปิดเผยของ นายฟุ้ง กล่าวว่า "ไหลดำนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล แต่ยังไม่ถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้แพร่หลายออกไป ไหลดำนอกจากจะช่วยในเรื่องของความแคล้วคลาดปลอดภัย สิ่งเร้นลับที่ชั่วร้ายเวทมนต์อวิชารวมไปถึงมนต์ดำทุกชนิด ยังป้องกันภูติผีปีศาจ ป้องกันคุณไสย์และคงกระพันชาตรีแล้ว ยังสามารถแก้โรคร้อนวิชา สำหรับคนที่เคร่งเครียดต่อการเรียนวิชาทางไสยศาสตร์จนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง แก้พิษจากสัตว์หลายประเภท อาทิ ผึ้ง แตน ตะขาบ แมงป่อง งูมีพิษ ปลากระเบน และแง่งปลาดุกที่ปักเข้าตามลำตัว"

          ไหลดำถือเป็นธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์ชนิดเดียวกับเหล็กไหล ผู้ที่มีไว้ครอบครองต้องเข้าถึงด้วยพลังอำนาจจิตที่บริสุทธิ์ของตนเองจากผลบุญกุศลที่ได้สร้างเอาไว้ หากใครที่คิดชั่วร้าย แม้มีไหลดำติดตัวเอาไว้ใช่ว่าจะป้องกันภัยให้กับตนเองได้ในยามคับขัน ในเรื่องโชคลาภก็จะไม่บังเกิด การที่คนเราจะนำไหลดำสิ่งของชนิดนี้มาใช้ได้ จิตของผู้ครอบครองกับไหลดำจะต้องสื่อถึงกันหรือเข้าถึงกันได้ สังเกต ง่ายๆถ้าต้องการสัมผัส ไหลดำ ให้ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างวางบนก้อนไหลดำหากสื่อถึงกันได้จริงเส้นขนบนแขนทั้ง สองข้างจะตั้งลุกชันขึ้นมาทันที นี้คือพลังอำนาจที่เข้าถึงกันได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถือศีล คนธรรมดาก็เข้าถึงได้ ขอให้ทุกคนมีจิตที่แน่วแน่ไม่แปรปรวน

          สำหรับตนแล้วรู้จักคำว่าไหลดำจากการที่ทางวัดน้ำพี้ ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ได้มีการนำวัตถุชนิดนี้เข้ามาทำพิธีในพิธีสวดภาณยักษ์เมื่อกว่า 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อช่วยขับไล่เสนียดจัญไร ภูมิผีปีศาจที่อาศัยอยู่ในร่างคนรวมถึงผู้ที่โดนคุณไสย์ สืบทราบว่าแหล่งแร่ไหลดำนั้นมีแหล่งอยู่ที่บริเวณถ้ำผาแดงและด้านหลังบ่อ เหล็กน้ำพี้ จึงไปสืบเสาะค้นหามาเมื่อได้แล้วก็ลองผิดลองถูกในวิชาที่ได้เรียนรู้จากครู บาอาจารย์ กระทำเป็นผลสำเร็จสามารถทำไหลดำมาได้ถึงปัจจุบันนี้ หลายคนในหมู่บ้านทราบข่าวต่างก็มีความต้องการอยากจะทำไหลดำแบบที่ตนเองทำ ก็พยายามสืบเสาะค้นหาวิธีการทำและขั้นตอนต่าง ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ไหลดำใช่ว่าทุกคนจะทำได้เสมอไปเหมือนการทำแร่เหล็กน้ำพี้

          เหตุที่ทำไม่ได้เพราะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากกว่าเหล็กน้ำพี้โดยเฉพาะการเข้าถึงธาตุ ที่ศักดิ์สิทธิ์การสื่อถึงในตัวธาตุกายสิทธิ์ของไหลดำ ขนาดตนเองเคยสอนวิธีการทำไหลดำให้กับลูกหลานคนในครอบครัวเพื่อเป็นการสืบทอด ต่อก็ยังไม่สามารถทำได้เลยเมื่อจิตใจของผู้กระทำสื่อเข้าไม่ถึงถ้าได้หิน หรือธาตุไหลดำนี้มาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำไปก็มีแต่จะเกิดการแตกหักหลายคนต้องนำหินหรือธาตุไหลดำมาวางตั้งทิ้งเอา ไว้ที่หน้าบ้านหรือภายในบ้านทิ้งเอาไว้เฉย ๆ

          นายฟุ้ง อดีตช่างตีเหล็กน้ำพี้ ปัจจุบันเป็นเจ้าของแร่ไหลดำ ที่มีแห่งเดียวในจังหวัดอุตรดิตถ์และแห่งเดียวในหมู่บ้านของบ้านน้ำพี้ กล่าวว่าไหลดำที่มีรูปร่างกลมและมีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 2-3.5 เซนติเมตร นี้ทางร้านของเรามีจำหน่ายในราคาเม็ดละตั้งแต่ 30 บาทจนถึงราคาเม็ดละ 300 บาทนอกเหนือจากจะมีติดตัวไว้เพื่อป้องกันภัยต่างๆแล้ว ยังมีการนำมาทำเป็นเครื่องประดับที่สวยงามติดตัวได้อีกโดยนำธาตุไหลดำนำมา ตกแต่งเป็นเครื่องประดับร่วมกับคริสตัลให้เป็นประเภทสร้อยคอซึ่งจากการสัง เกตุของผู้สื่อข่าวพบว่ามีก้อนหินแร่ไหลดำอยู่ด้วยกันประมาณกว่า 10 ก้อน มีหลายขนาดน้ำหนักตั้งแต่ประมาณ 0.3 กรัม ถึงขนาดก้อนใหญ่น้ำหนัก 20 กิโลกรัมวางอยู่ข้างบ้านติดกับเสาต้นไม้สักที่ใช้ทำเพิงกันสาดบริเวณหน้า บ้าน วางเรียงซ้อนกันอยู่ ก้อนหินดังกล่าวเป็นเหมือนก้อนหินทั่วไป

          นอกจากนี้นายฟุ้งยังได้เชิญชวนผู้สื่อข่าว ได้ชมวิธีการทำไหลดำจากก้อนหินแร่ไหลดำที่บริเวณด้านหลังของบ้านของตนเอง ซึ่งตั้งถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่ผลิตไหลดำพบว่า มีการนำก้อนหินที่มีลักษณะผิวด้านนอกมีเป็นสีขาววางไว้บนเหล็กรูปร่างคล้ายรางรถไปยาวประมาณ 40 เซ็นติเมตรและนำหัวตัดแก๊สจุดไฟให้มีความร้อนสูง นำมาเผาหรือรนก้อนหินดังกล่าวเมื่อก้อนหินดังดังกล่าวที่อ้างว่าเป็นแร่ไหล ดำหรือไหลน้ำพี้ เมื่อโดนความร้อนสูงก็จะเปลี่ยนสีเกิดเป็นสีดำแทน เมื่อใช้ความร้อนของไฟเผาต่อไปอีกก็จะกลายเป็นของเหลวมีสีดำไหลย้อยลงมายัง แผ่นเหล็กที่ถูกวางรองรับไว้ด้านล่างเมื่อของเหลวที่มีสีดำโดนความเย็นจึง เกาะตัวรวมกันเป็นก้อนกลมเหมือนก้อนนิลสีดำที่ถูกเจียรนัยแล้ว ลักษณะผิวของธาตุไหลดำนี้จะมีความมันแวววาวเหมือนกระจกจะมองเห็นภาพเงาของตน เองอยู่ภายในนั้นด้วยหลายคนที่เห็นกรรมวิธีทำต่างก็ทึ่งกับธาตุหินดังกล่าว ซึ่งก้อนหินชนิดนี้ข้างนอกดูเป็นก้อนหินธรรมดาทั่วไปเปลือกผิวข้างนอกก็ยัง ดูปกติเหมือนก้อนหินทั่วไปไม่มีการเปลี่ยนแปลง หลังมีการใช้ไฟเผาที่บริเวณก้อนหินที่เปลือกหินดังกล่าวจะเปลี่ยนสีทันที ด้านนางสุภาภรณ์ เหล่าสกุล อายุ 48 ปี ประธานกรรมการผู้จัดการ NSP เคเบิ้ลทีวี จังหวัดแพร่ กล่าวว่า เชื่อในเรื่องของไหลดำหรือไหลน้ำพี้จากบรรพบุรุษปู่ย่า ตายายพยายามสืบเสาะค้นหา เนื่องจากทราบว่าเป็นแร่ที่ศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าเหล็กไหล เพียงแต่เหล็กไหลเราเคยได้ยินต่อ ๆ กันมาเท่านั้น

          ส่วนไหลดำสามารถจับและสัมผัสของจริงได้ที่บ้านน้ำพี้ เชื่อในเรื่องของพุทธานุภาพพลังอำนาจที่สถิตย์อยู่ภายใน ทั้งในเรื่องของการป้องกันคุณไสย์และให้โชคลาภ ช่วยคุ้มครองในสิ่งต่าง ๆ ล่าสุดถูกลอตเตอรี่ รางวัลเลขท้าย 2 ตัวติดต่อกัน 2 งวดแล้วหลังจากที่นำไปบูชา ทั้งนี้ตนเองยังได้นำธาตุไหลดำไปแจกจ่ายให้กับญาติพี่น้องที่ต่างจังหวัดโดย เฉพาะญาติๆที่เป็นข้าราชการตำรวจและทหารซึ่งชาวบ้านที่มาท่องเที่ยวที่บ้าน น้ำพี้ ได้เห็นการทำธาตุไหลดำและได้รู้ถึงสรรพคุณในด้านการแก้และป้องกันคุณไสย ได้แห่ซื้อธาตุไหลดำชนิดดังกล่าวไปเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปฝากเพื่อนและญาติพี่น้องที่เป็นข้าราชการตำรวจ ทหาร หลายคนมีญาติปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ จ.ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ซึ่งทุกคนเชื่อว่าธาตุไหลดำดังกล่าวที่ซื้อไปบูชาจะทำให้เกิดความปลอดภัยจาก คมกระสุนและลูกระเบิด รวมถึงนำติดตัวไว้เพื่อเป็นวัตถุมงคลให้เกิดความแคล้วคลาดปลอดภัย แถมยังมีโชคลาภ



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐ


69
วัดบางพระ และ Wat Bird ครับ :027:

70
งดงาม และดูเข้มแข็งมาก เชือกหลวงพ่อหล่ำ สมัยนั้น ท่านถักเองเลย :015:

71
หายาก และสวยงาม มีเอกลักษณ์  :015:

ส่วนล็อกเก็ตอันสุดท้าย น่าจะมีเจ้าของไปแล้ว :095:

72
งดงามและสมบูรณ์มาก ตัวหนังสือที่ซองใส่ยัง
ไม่หลุดเลย เยี่ยมมาก :015:

73
ของดี ข้อมูลแน่น :015:


ว่าแต่พี่อ.พ.ป.ร อาวุธคงไม่กลัว แต่ถ้าตกน้ำคง หนักแย่ :002:

74
งามแลเข้มแข็งมาก :015: ช่างยั่วกิเลสดีแท้ 15;

75
สวยงาม แถมท่านหลวงพ่อเปิ่นอีก เยี่ยมมากครับพี่ :054:

76
ขอบคุณภาพที่งดงามและละเอียดมาก  :015:

แถมได้ของดีมาเพียบเลย สุดยอด25;

77
  วันที่18/11/2552 ได้พาคุณพ่อ ไปกราบ พระครูสุจิตตาภรณ์ (อ.เจต) วัดนก  ท่านเต็มเปรี่ยมไป ด้วยตบะบารมี มากและมีเมตตา กรุณา อย่างยิ่งยวด ดูได้จาก ถาวรวัตถุที่วัดนกได้เป็นอย่างดี ไม่ เจดีย์อันสง่างาม โบสถ์2ชั้นที่สง่างดงามมาก เป็นต้น
 ท่านได้เมตตา ลงนะหน้าทองและเป่ากระหม่อม ให้คุณพ่อ และท่านได้ให้ ล็อกเก็ตมาด้วย :054:

 



  หลังจากนั้นได้เดินมาจะกลับ พ่อถามว่า พระครูสุจิตตาภรณ์ (อ.เจต) ท่านเรียนกับใครทำไมลงทองได้ ขลังนัก รู้สึกหนักศรีษะและขนตั้งชันอยู่นานขนาดเดินจะมาก็ยังสัมผัส ได้ถึงบารมี :054:

78
ขอบคุณพี่ bmrongmuang แต่ละเหรียญ งาม อย่างมีคุณ คับ :015:

79
อนิจจา วต สังขารา[/size][/color][/color]

80
ภาพหาชมยาก ข้อมูลแน่น เยี่ยมมาก :015:

81
งามครับ เหรียญเสื้อเกราะประสบการณ์ดี อีกรุ่น :015:

82
น่าไปมากมาย ได้ไปกราบหลวงพ่อคูณด้วย :054:

86
คิดก่อนทำ มองดูผล ระยะยาวๆ ชั่งน้ำหนัก ผลได้ ผลเสีย :027:

89
ยันต์ของหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร  สุดยอดมาก  :054:

อาจารย์อั้น  ใจดี  มาก สงสัยงานนี้ ต้องตามรอยพี่เอ็กส สะแล้ว :015:


ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้หลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร  มีสุขภาพแข็งแรงโดยไว :054: :054: :054:

90


ประวัติ พระพิราพ" เรามารู้จักกันเถอะ...


หากเอ่ยถึง "พระพิราพ" เชื่อว่าคงมีไม่มากคนนักที่จะคุ้นเคยกับชื่อนี้... แต่กับคนในวงการนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์แล้ว ชื่อ "พระพิราพ" ถือเป็นชื่อที่มีความสำคัญ เป็นที่เคารพบูชาอย่างสูง และถือเป็นครูคนหนึ่ง ซึ่งคนที่ได้มีโอกาสไปชมการแสดงละคร ในโรงละครแห่งชาติ หรือเคยร่วมในพิธีครอบครูก็คงจะได้เห็นว่า ก่อนที่จะแสดงนั้นจะต้องมีการบูชาครู ซึ่งก็จะมีทั้งพระพิฆเนศ พระฤาษี พระปรคนธรรพ และครูท่านอื่นๆ อีกมาก รวมไปถึง "พระพิราพ" ซึ่งอยู่ในรูปของหัวโขนให้บรรดาศิษย์ได้เคารพกัน

"พระพิราพ" เป็นใคร มาจากไหน และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อวงการนาฏศิลป์และดนตรี?? ตรงนี้มีคำตอบว่า พระพิราพ คือปางหนึ่งของพระศิวะ เป็นปางที่ดุร้าย เหมือนกับพระอุมาที่มีปางเจ้าแม่กาลี พระพิราพถือเป็นเทพเจ้าแห่งความตายและสงคราม แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นผู้ให้ชีวิตและปัดเป่าโรคภัยได้

ส่วนเหตุที่ว่า ทำไมจึงนับถือพระพิราพว่าเป็นครูในวงการนาฏศิลป์และดนตรีนั้น เริ่มมาจากในประเทศอินเดีย ซึ่งถือว่าพระพิราพ หรือพระไภรวะนี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับนาฏศิลป์ เพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิดท่ารำที่เรียกว่า "วิจิตรตาณฑวะ" ซึ่งเป็นท่ารำท่าหนึ่งใน 108 ท่ารำของพระศิวะ ดังนั้นจึงถือว่าท่านเป็น "นาฏราช" ที่หมู่นาฏศิลป์อินเดียให้ความเคารพเกรงกลัว เพราะถือเป็นเทพที่บันดาลความเป็นความตายได้
ส่วนในประเทศไทย ซึ่งได้รับอิทธิพลหลายๆ อย่างมาจากประเทศอินเดียนั้น ก็ได้มีการนับถือพระพิราพกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีหลักฐานแน่ชัดในสมัยรัชกาลที่ 4 ในตำราไหว้ครูฉบับของครูเกษ (พระราม) ซึ่งมี เพลงหน้าพาทย์พระพิราพเต็มองค์ที่ใช้ประกอบพิธีไหว้ครู เพลงหน้าพาทย์พระพิราพเต็มองค์นี้ถือว่าเป็นเพลงที่มีความสำคัญมาก เพราะผู้ที่จะเรียนได้ จะต้องผ่านการเรียนหน้าพาทย์ชั้นต้น ชั้นกลาง และชั้นสูง รวมทั้งต้องมีอายุ 30 ปีขึ้นไป และผ่านการอุปสมบทมาแล้วด้วย

นอกจากเพลงพระพิราพแล้ว ก็ยังมีการรำพระพิราพเต็มองค์ ซึ่งพระยานัฏกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต) เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 และสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งเพลงและท่ารำพระพิราพเต็มองค์นี้ ถือเป็นการบรรเลงและร่ายรำประกอบอากัปกิริยาของพระพิราพ ซึ่งเป็นอสูรเทพ เป็นภาคที่ดุร้ายของพระศิวะ ไม่ใช่เป็นเพียงอสูรธรรมดาๆ แต่ถือเป็นเทพ ดังนั้น เพลงหน้าพาทย์และท่ารำพระพิราพเต็มองค์นี้ จึงถือว่าเป็นสิ่งที่สูงสุดในวงการดนตรีและนาฏศิลป์ จะแสดงเฉพาะในงานสำคัญๆ เท่านั้น :054:


เครื่องสังเวยพระพิราพ

สำหรับบูชาพระพิราพวันแรก
1 ไข่ไก่ดิบ 5 ฟอง
2 ข้าวตอก 1 ถ้วยชา
3 น้ำผึ้ง    1 ถ้วยชา
4 ดอกไม้,พวงมาลัย รวมกันให้ได้ 3 สีขึ้นไป

คำสวดบูชาองค์พระพิราพ ที่คัดจาก สมุดพระตำรา พิธีไหว้ครู และ พิธีครอบโขน ละคร ของ พระยานัฏการุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต)

๏ อิมัง พุทธัง องค์พระพิราพัง ขอเอหิจงมา
ธัมมัง องค์พระพิราพัง ขอเอหิจงมา
สังฆัง องค์พระพิราพัง ขอเอหิจงมา
พุทโธ สิทธิฤทธิ ธัมโม สิทธิฤทธิ สังโฆ สิทธิฤทธิ
สุขะ สุขะ ไชยะ ไชยะ ลาภะ ลาภะ
สัพพะธัมมานัง ประสิทธิเม ประสิทธิเต
พุทโธ สวัสดีมีไชย ธัมโม สวัสดีมีไชย สังโฆ สวัสดีมีไชย
อิมัง ปทีปัง สุรังคันธัง อธิฏฐามิ ฯ








91
พอดีว่ามีคนเอางั่งของหลวงปู่ฤทธิ์ แต่ตาไม่แดงนะคับยังงัยก็ให้ผู้รู้ดูให้หน่อยคับขอบคุงคับ

ของแท้100%แต่พลอยหลุดครับลองบนดู่ถ้่าสมหวังค่อยฝังพลอยให้พ่อเขา ส่วนผ้ายันต์ติดเรทเกรงว่าจะไม่เหมาะสม

92
ผ้ายันต์กำเนิดนารายณ์ หลวงพ่อไสว


94
ของดีขุนแผนมหาเสน่ห์เมืองปทุม




95
:054:หาได้ที่ไหนครับ :054:
ได้มาจากหลวงพี่ญาครับ   :054:


แป้งเสกใช้ได้ท้งผู้หญิง และผู้ชาย นะครับ  แบบว่า ผัดหน้าไปหาสาว  :077:

96
แป้งเสกมหานิยม มหาละลวย อีกหนึ่งของดีที่ควรหาไว้ มีจำนวนจำกัดนะครับ :015: :015:







97
กราบขอบพระคุณพี่คนรักษ์พระมากเลยครับ ที่ให้ความรู้ :054:










พอดีผมได้มาในราคาถูกแบบงงๆ เหรียญสวยมากๆ เหมือนเหรียญ สรงน้ำนวะหน้าทองเลย :054:


98





พระครูสุภัททาจารคุณ (หลวงพ่อสิน ภทฺทาจาโร) เจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

0 ชาติภูมิหลวงพ่อสิน 0
หลวงพ่อสิน ภทฺทาจาโร อายุ ๗๖ ปี พรรษา ๕๓ ชื่อเดิม นายสิน สุขมาก เกิดวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๔๗๑ ปีมะโรง ณ ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง บิดา นายเซี้ย สุขมาก มารดา นางจัน สุขมาก อาชีพ ทำนา อายุ ๒๐ ปี ได้เข้าราชการทหารเกณฑ์เป็นระยะเวลา ๒ ปี
อายุ ๒๔ ปี ได้เข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๔๙๔ เวลา ๑๕.๓๐ น. ณ วัดละหารไร่ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง โดยมี พระครูวิจิตรธรรมานุวัต (หลวงพ่อรัตน์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการเพ่ง สาสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูเกลี้ยง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สังกัดมหานิกาย ได้รับฉายา "ภทฺทาจาโร"

พระครูสุภัททาจารคุณ (หลวงพ่อสิน ภทฺทาจาโร) เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เพ่ง สาสโน อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ และหลวงพ่อรัตน์ วัดหนองกระบอก ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก เจ้าตำรับแพะเมตตาอันลือลั่นแห่งเมืองระยอง
        วัดละหารใหญ่ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับวัดละหารไร่ ดังนั้น หลวงพ่อสินจึงมีโอกาสไปกราบนมัสการ และรับใช้หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เจ้าตำรับพระขุนแผนพรายกุมาร อยู่เสมอในสมัยที่หลวงปู่ทิมยังมีชีวิตอยู่
         หลวงพ่อสินเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างสมถะ เรียบง่าย ไม่ยึดติดใน ลาภยศสรรเสริญใดๆ ท่านมักจะพร่ำสอนญาติโยมที่เข้ามากราบไหว้เสมอๆ ว่า
     "คนเราจะมีความสุขสงบในสังคมได้ ต้องถือศีล ๕ เพราะทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้น ภัยเวรต่างๆ ได้ แต่ที่พวกเรารู้สึกว่าทำได้ยาก หรือขัดกับชีวิตประจำวัน เป็นเพราะตาใจ ของเรามันบอดแสง หรือเจ้ากรรมนายเวรมาบังจิตบังใจเรา"
     พร้อมกันนี้ ท่านได้อนุญาต ให้สัมภาษณ์แบบ "คม ชัด ลึก" ดังนี้
* วัตถุมงคลมีความสำคัญต่อคนเราอย่างไร?
* สำคัญสิโยม สำคัญที่อาตมาว่ามันก็อยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคนนั่นแหละ ใครที่เชื่อ ใครที่ศรัทธาในสิ่งของนั้นๆ ก็จะเกิดเป็นสิริมงคล ทำให้มีความเชื่อมั่น ทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จได้ง่าย พอไปเจอปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็จะไม่ย่อท้อ เมื่อมั่นใจว่าวัตถุมงคลเป็นสิ่งที่จะนำพาไปสู่ชัยชนะได้มันก็จะทำให้เขามีกำลังใจในการทำหน้าที่อย่างมุ่งมั่น สิ่งที่ว่าแพ้ก็จะกลับมาชนะได้อีกครั้งเหมือนกัน
* ความอยู่ยงคงกระพัน กับหนังเหนียวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ?
* เครื่องรางของขลังเหล่านี้ก็เป็นความเชื่อเหมือนกัน ใครเชื่อมั่นว่ามีเครื่องรางอันนี้แล้วทำให้จิตใจเกิดมาเพื่อเป็นนักสู้ก็เป็นดังพลังให้กับคนเหล่านั้น แต่เครื่องรางเหล่านี้เมื่อมีดี ก็ต้องมีเสีย หากคนเรานำไปใช้ในทางที่ผิด ด้วยการไปรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แบบนี้อาตมาคิดว่าเป็นความเชื่อที่ผิด ไม่ก่อประโยชน์อันใดให้กับตัวเองเลย เรียกว่าเป็นการสร้างบาปมากกว่า
* จริงๆ คนเราจะรอดตายได้ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งวัตถุมงคลเพียงอย่างเดียว?
* ใช่ซิ!...มีวัตถุมงคลไม่บูชา ไม่ศรัทธาแบบนี้ก็ไม่รอด โยมไม่เห็นเหรอ มีคนแขวนพระติดตัวกันเยอะแยะ พอถูกยิงเท่านั้น ก็ตายกันหมด บางคนแขวนพระเป็นสิบองค์ก็ยังตายเลย (หัวเราะ) และตามความเป็นจริง ถ้าถามว่า วัตถุมงคลมีประโยชน์ต่อชาวโลกไหม อาตมาก็คิดว่ามันมีอยู่ในตัวแล้ว แต่อยู่ที่ว่าคนเราไปยึดถือในความดี หรือไปยึดถือในทางที่ผิด เบียดเบียนคนอื่น แบบนี้ก็ใช้ไม่ได้
* หลวงพ่อไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกบ่อยไหมครับ?
* อาตมาก็มีเวลาไปร่วมงานปลุกเสกอยู่บ่อยครั้ง ส่วนใหญ่ที่ไปก็จะพบกันเป็นประจำก็คือ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดเม้าสุขา ตอนนี้ท่านก็มรณภาพไปแล้ว พระเทพคุณาธาร เจ้าคณะ จ.ระยอง หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว หลวงพ่อแจ่ม วัดเขาสำเภาทอง หลวงพ่อดำ วัดเขาพูลทอง หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว และก็ยังมีพระอีกหลายรูปที่มาร่วมพิธีปลุกเสกกันเป็นประจำ
* นอกจากนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีอยู่จริงไหมครับ ?
* มีจริง ดูจากคนที่ประสบอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วไม่ตาย ไม่เป็นอะไรเลย แม้บางคนจะเถียงว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่มีตัวตน แต่ในความหมายของอาตมาคิดว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องของจิตใจ เป็นเรื่องของการสร้างคุณงามความดี กรรมที่เป็นทั้งดีและไม่ดี สร้างบารมีให้กับตัวเอง จึงประกอบเข้าด้วยกันให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือปาฏิหาริย์ตามที่หลายคนเข้าใจ
* แสดงว่าปาฏิหาริย์มีจริงสิครับ?
* ก็มีจริงสิ ปาฏิหาริย์ที่อาตมาว่านั้นมันเกิดจากจิตที่นิ่งสงบไร้สิ่งปรุงแต่ง ซึ่งความสุขก็เกิดจากจิตสงบ อาจกล่าวได้ว่า เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมนุษย์ จิตเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดของร่างกายและจิตใจ เป็นผู้นำ ส่วนร่างกายเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของจิต อุปมาดังม้ากับคนขี่ หากว่าผู้ขี่คุมบังเหียนบังคับม้าด้วยความชำนาญ ก็จะเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น
     หากว่าผู้ขี่ม้าไม่ได้รับการฝึกอย่างชำนิชำนาญ หรือตั้งอยู่ในความประมาทเกินไปก็จะพลาดท่าตกม้า หรือเดินทางไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้ฉันใดก็ฉันนั้น ความสุขอันเกิดจากจิตสงบ เป็นความสุขที่ซื้อหามาได้ราคาถูกที่สุด แต่กลับมีคุณค่ามหาศาลยิ่งกว่าสมบัติพัสถานใดๆ ทั้งสิ้น ความสุขของจิตที่แท้จริงจะเกิดขึ้นกับบุคคลที่หมั่นฝึกฝนหรืออบรมจิตอยู่เสมอนั้น คือ เจริญสมาธิเป็นประจำ
* เมื่อครั้งหลวงพ่อออกบวชใหม่ๆ ได้ไปเดินธุดงค์บ้างไหมครับ?
* อาตมาก็ออกเดินธุดงค์ไปทั่วเหมือนกัน ในป่าก็ไป ที่ไหนเขาว่าดีก็ไปทั้งนั้น การไปในคราวธุดงค์ ไม่ได้ไปเพื่อค้นหาอะไร เพียงต้องการความสงบความวิเวก ที่ไม่มีอะไรวุ่นวาย การเดินจึงเด
   ินไปเรื่อยๆ ไม่มีเป้าหมายชัดเจน แต่การเดินธุดงค์ ก็ไม่ได้ไปนานเท่าไร ก็ต้องกลับมายังวัด แล้วก็ได้มาเรียน วิชาต่างๆ จากพระอธิการเพ่ง สาสโน อดีตเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ เพราะท่านก็ได้เรียน วิชามาจากหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่เช่นกัน
* ระหว่างเดินธุดงค์เคยเจอผีไหมครับ?
อาตมายังไม่เคยเจอผีเลย (หัวเราะ)
* อ้าว! แล้วจริงๆ ผีมีจริงหรือเปล่าครับ?
จะว่าไปแล้วมันก็คือวิญญาณที่อยู่ในตัวเรานั่นแหละ จังหวะที่อาตมานั่งปฏิบัติธรรมกรรมฐานพวกวิญญาณเหล่านี้ก็จะมารบกวนอยู่เป็นประจำ พวกนี้ก็จะวนเวียนไปเรื่อยๆ คนเราเมื่อตายกันแล้วถ้าทำบุญมาน้อย ประกอบกับมีกรรมไม่ดีเยอะ สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้วิญญาณเร่ร่อนอยู่บริเวณนั้น เหมือนกับไม่มีที่ไปนั่นแหละ
* แสดงว่าการทำบุญให้กับคนตายโหงก็เป็นการปลดปล่อยดวงวิญญาณได้ใช่ไหมครับ?
อาตมาคิดว่านั่นก็เป็นความเชื่อกันว่า การถอนศพ มันก็คือการถอนดวงวิญญาณของผู้ตายให้ออกจากจุดนั้นๆ โดยเขาเชื่อกันว่า เมื่อคนเราตายจากอุบัติเหตุ หรือไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ณ ที่ใด วิญญาณของผู้ตายก็จะติดอยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นการตายโหง ก็จำเป็นต้องทำพิธีถอนเสียก่อน วิญญาณของผู้ตายจึงจะไปจากที่นั้น ดังนั้นเมื่อจะนำศพออกไปฝังหรือเผาจึงต้องถอนให้วิญญาณไปกับศพด้วย จะได้ไปผุดไปเกิด ไม่หลอกหลอนอยู่ที่บริเวณนั้น ปัจจุบันพิธีถอนวิญญาณของคนตายยังมีให้เห็นอยู่ทั่วไป เมื่อมีคนตายจากอุบัติเหตุรถชนบนท้องถนน ญาติจะนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีสวดถอน และนำธงกระดาษมาปักในสะตวง ๔ อันวางไว้ตรงจุดที่เกิดอุบัติเหตุนั้น
* วิญญาณกับหลักธรรมเกี่ยวข้องกันอย่างไรครับ?
ปัญหานี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีทัศนะเกี่ยวกับกายและจิตเป็นพุทธดำรัสว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ จะพึงเบื่อหน่าย คล้ายยินดีหรือหลุดพ้นในร่างกายอันประกอบด้วยมหาภูตทั้ง ๔ นี้ (ย่อมเป็นไปได้) นั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่า ความเจริญ ความเสื่อม การเกิด หรือการตายของร่างกายอันประกอบด้วยมหาภูต ๔ นี้ ย่อมปรากฏ (ฉะนั้น) ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ จึงเบื่อหน่าย คลายความยินดีหรือหลุดพ้นในร่างกายนั้นได้" "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติใดที่เรียกกันว่าจิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง การที่ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ จะพึงเบื่อหน่าย คลายความยินดีหรือหลุดพ้นในธรรมชาตินั้น (ย่อมเป็นไปไม่ได้) นั้นเพราะเหตุไร เพราะเหตุว่าธรรมชาตินั้น ปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้รวบรัดถือไว้ด้วยตัณหา ยึดถือด้วยทิฐิว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา ดังนี้ มาตลอดกาลช้านาน ฉะนั้นปุถุชนผู้มิได้เรียนรู้ จึงไม่อาจจะเบื่อหน่าย คลายความยินดี หลุดพ้นในธรรมชาตินั้นได้เลย
* แล้ววิญญาณคืออะไรกันแน่?
     อาตมาก็อยากจะอธิบายให้ฟังว่า วิญญาณจริงๆ มันก็คือ "ธาตุรู้" วิญญาณในเบญจขันธ์หมายถึง วิญญาณรู้จากของ ๒ อย่างกระทบกัน เช่น ตากับรูปกระทบกัน เกิดภูมิรู้ขึ้น เรียกว่า จักขุวิญญาณ เสียงกับหูกระทบกัน เกิดภูมิรู้ขึ้น เรียกว่า โสตวิญญาณ กลิ่นกับจมูกกระทบกัน เกิดภูมิรู้ เรียกว่า ฆานวิญญาณ
     ลิ้นกับรสกระทบกัน เกิดภูมิรู้ เรียกว่า ชิวหาวิญญาณ กายกับสิ่งสัมผัสกระทบกัน เกิดภูมิรู้ขึ้นเรียกว่า กายวิญญาณ จิตนึกคิดอารมณ์เกิดภูมิรู้ขึ้น เรียกว่า มโนวิญญาณ อันเป็นวิญญาณในขันธ์ ๕ ทีนี้วิญญาณในปฏิจจสมุปบาท หมายถึง ปฏิสมาธิวิญญาณ คือ วิญญาณรู้ผุด รู้เกิด และวิญญาณคนเราจะไปสู่ยังภพภูมิที่ดีได้ก็จะต้องทำบุญกันไว้มากๆ
* แล้วภพภูมิที่ว่าจะดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับอะไรครับ?
อาตมาจะยกตัวอย่างให้เห็นกันก็คือ ภพภูมิ ของ สัตว์เดรัจฉาน ภพนี้คือ โลกของเดรัจฉานทั้งหลาย หรือ เรียกว่า "เดรัจฉานภูมิ" ปริศนาธรรม ของภพนี้ ก็คือ โมหะ คือ โง่ หลง งมงาย มีสติปัญญา ต่ำต้อย เยี่ยงสัตว์เลื้อยคลาน หรือ สัตว์ตระกูลต่ำ ทั้งหลายความหมายในภาษาธรรม ของเดรัจฉานนี้ เท่ากับ ความโง่ของคน ไม่ศึกษา ไม่ฝึกฝน ปล่อยให้ชีวิต ขาดสติปัญญา อยู่ไปวันๆ อย่างที่กล่าวเป็น ภาษาชาวบ้าน ว่า กิน ขี้ นอน สืบพันธุ์ หรือ เสพเมถุน
     อย่างสัญชาตญาณ ของสัตว์ทั่วไป มีความกลัวภัยอยู่เสมอ เพราะไม่มีสติปัญญา ที่จะรู้ได้ว่าอะไรควรจะกลัว หรือ ไม่ควรกลัว พระพุทธเจ้า เสด็จลงมาโปรดเดรัจฉานภูมิ เหมือนกัน แต่แม้ว่าพระองค์จะมีพระเมตตาแสดงธรรม ล้ำลึกเพียงใด จิตของเดรัจฉาน พอใจ หรือ จมดิ่ง อยู่กับความเป็นเดรัจฉาน อย่างไม่เปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับสติ และปัญญาด้วย
* คนทั่วๆ ไปจะรู้ได้อย่างไรว่า ชาติหน้าจะเกิดเป็นอะไรครับ?
เรื่องนี้อาตมาบอกไม่ได้ แต่ให้รู้เพียงว่าทำบุญเอาไว้มากๆ ก็จะได้เกิดมาเป็นคน ส่วนคนที่ทำบุญบ้างทำบาปบ้างคนพวกนี้ก็จะเกิดมาเป็นคนได้อีกต้องไปชดใช้กรรมเก่าที่ไม่ดีให้หมดก่อน ถึงจะเกิดมาเป็นคนได้อีก คนที่จนในชาตินี้ก็เป็นเพราะบุญเก่าที่ทำมันน้อย แต่คนที่รวยในชาตินี้เป็นเพราะว่าชาติที่แล้วเขาทำบุญมาเยอะ ดังนั้น ใครอยากรวยอย่าหวังแต่เล่นหวย จงเร่งทำกรรมดีสร้างกุศลเพื่อให้เป็นกุศลไปถึงภพหน้านั่นแหละโยม
* ส่วนตัวหลวงพ่อเองคิดเอาไว้หรือยังว่าจะเกิดไปเป็นอะไร?
อาตมายังไม่ได้คิดเลย เรื่องแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวรกรรมของอาตมาด้วย จะบอกให้รู้กันเลยก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถตอบได้ เพราะอาตมาก็ไม่รู้ว่าคุณงามความดีที่ทำเอาไว้มันดีมากพอหรือยัง
* ตอนนี้อายุก็มากขึ้น จะอยู่ถึง ๑๐๐ ปีไหมครับ?
อาตมาว่าแล้วแต่เวรกรรม ร่างกายของเรามันไม่เที่ยง เราต้องมีชีวิตอยู่กันแบบปลงๆ จะไปบอกว่า ต้องตายหรือมีอายุเป็นร้อยปีคงไม่ได้ ตอนนี้อยู่แน่ๆ แต่ตอนนั้นไม่รู้จะอยู่หรือเปล่า (หัวเราะ)
* หลักธรรมอะไรที่หลวงพ่อให้กับญาติโยมที่มาทำบุญในวัดละหารใหญ่ครับ?
     อาตมาก็ย้ำเตือนให้กับพวกเขาอย่าไปยึดติดกับเงินทอง แต่ขอให้ยึดอยู่ในศีล ๕ แม้ว่าจะถือศีลได้ไม่ทั้งหมด หากได้เพียงบางส่วนก็ถือว่าเป็นคนที่อยู่ในศีลในธรรมเหมือนกัน ศีล ๕ เป็นศีลที่ทำให้สังคมสงบสุข ปิดกั้นภัยเวรแก่ผู้รักษาศีล ที่พวกเรารู้สึกว่ารักษายากขัดกับชีวิตประจำวัน นั่นเป็นเพราะตาใจของเรามันบอดแสง หรือเจ้ากรรมนายเวรมาบังจิตบังใจเรา ไม่ยอมให้ลุถึงซึ่งความดี
     หลายคนกว่าจะถึงดีมีสุข เจ้ากรรมนายเวรเคยดลจิตให้คิดผิด พูดผิด ทำก็ผิด ต้องตกระกำลำบากมามาก เหตุเพราะเราทำเขาไว้นี่ เขาจองเวรเราก็ลำบาก จะรักษาศีล ๕ให้ถึงความดี ก็ทำไม่ได้สักที กาย วาจา ใจ ก็เป็นเรื่องสำคัญถ้าคิดไม่ดีก็จะเป็นทุกข์ ดังนั้น การทำความดีให้อยู่ในศีล ๕ ชาตินี้ชีวิตก็จะมีแต่ความสุข


ขอขอบคุณข้อมูลจาก คมชัดลึก 

99
สวยทั้งคนและพระเลยครับ :015:

100
ชูชก ชาติต่อมาก็คือพระเทวทัตได้ทำอะนันตริยะกรรมคือทำให้พระพุทธเจ้าฮ้อเลือด เลยโดนธรณีสูบ แต่ก่อนขาดใจได้สวดอิตปิโส ทำให้หลังจากพ้นจากขุมนรก จะบังเกิดเป็นพระปัจพุทธเจ้า

พุทธคุณ

ชูชก ดี่ทั้งค้าขาย เมตตา เจรจา เป็นเยี่ยม

ข้อเสียก็มีพอสมควร คือ ถ้าอาธนาถึงจุด จะไม่ราศี ใบหน้าหมองคล้ำ คนมักจะดูถูกว่ามีเงินหรือเปล่า และจะใบหน้าดูแก่กว่าอายุจริง ไม่ค่อยมีแรง     เหมือนคนแก่

ชูชกที่ได้รับความนิยม 1หลวงพ่อรอด วัดวังน้ำวน 2 หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม  3.หลวงพ่อแย้มวัดสามง่าม 4.หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย 5.หลวงพ่อแล วัดพระทรง 6.หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ 7.หลวงพ่อสิน วัดละหารไร่ใหญ่ (จากประสบการณ์ส่วนตัว)

*ไฟร์ภาพโดนไวรัสแก้หายแล้วจะนำรูปให้ชม*
                  

101
ดูจากภาพน่าจะแท้ครับ มีโค้ดชัดเจนดีครับ
ที่ผมได้ไม่มีโค๊ตตรงเลข5 แต่ปิดทองเฉพาะตัวหมูสวยมากครับ เหมือนหน้าทองคำเลยครับ ไว้ถ่ายภาพไห้ชม ตอนนี้ไฟล์รูป โดนไวรัสมาครับ :054:

ถ้ามีเยอะ แบ่งมาทางนี้ด้วยนะครับ ท่านชิน :002:

ผมยังเด็กเพิ่งหัดสะสมวัตถุมงคลมาไม่กี่ปีความรู้ยังน้อยวัตถุก็มีเล็กน้อย อยู่เลย ครับพี่ที สมาชิกเว็บในนี้มีหลายๆๆท่านมีความรู้มาก ของหลักๆก็แยะลองดูครับ :015:

102
พอดีไปเจอ
เหรียญหมู แปดเหลี่ยม ปี2541 เนื้อ ทองแดง  ปิดทองที่ตัวหมู




กล่องเหมือนในรูปเลยครับ(VISON PLASTIC)




แต่ด้านหลังเหมือนในรูปทุกประการแต่ไม่มีโค๊ตตรงเลข5จะปลอมไหมครับ หรือ เหรียญแท้แต่ปะทองให้สวยเฉยๆ



*รูปแทนจากGoogle

103
ขอบคุณพี่หอมเชียงสำหรับความรู้ดีๆครับ อ่านทั้ง2ภาคทำให้อยากได้พระท่ากระดานหลวงพ่อนาถโขเลยครับ :054:

104
ขอบคุณพี่หอมเชียงสำหรับความรู้ดีๆครับ :054:

105


วัตถุโบราณที่ถูกสร้างสรรค์ให้เป็นรูปอวัยวะเพศชายนั้น เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะที่ผู้คนนิยมสักการะบูชากันตั้งแต่อดีตโบราณตราบจนปัจจุบันนี้ด้วยความเคารพศรัทธากันอย่างกว้างขวาง

"ศิวลึงค์"เป็นเสมือนรูปเคารพแทนพระองค์ ที่มีปรากฏอยู่ในเทวสถานทุกแห่ง และก็มีธรรมเนียมประเพณีที่จะจัดพิธีกรรม เพื่อบูชาศิวลึงค์นี้โดยเฉพาะอีกด้วย

จึงกล่าวได้ว่าสัญลักษณ์ของพระศิวะมหาเทพนี้ค่อนข้างจะแตกต่างกับมหาเทพองค์อื่นๆตรงที่มีสัยลักษณ์แทนพระองค์เป็นรูปอวัยวะเพศชาย ที่ดูค่อนข้างจะพิสดารมิใช่น้อยและชวนให้ฉงนสงสัยในความเป็นมาแห่งสัญลักษณ์นี้

กำเนิดของศิวลึงค์นั้นปรากฏเป็นเรื่องราวที่ค่อนข้างจะแปลกแยกแตกต่างกันออกไป ตามแต่ละคัมภีร์ แต่ละในศาสนาต่าง ๆทางคติพราหมณ์ซึ่งบางตำราก็กล่าวว่าองค์พระศิวะนั้นทรงตั้งพระทัยที่จะประทานรูปศิวลึงค์หรือรูปเคารพที่เป็นรูปอวัยวะเพศชายที่ให้กับสาวกทั้งหลาย ทั้งปวงของพระองค์ได้สักการะบูชาแทนพระองค์



ซึ่งการที่ประทานรูปเคารพเช่นนี้ ก็เนื่องมาจากในงานบูชาตรีมูรติ หรือมหาเทพทั้ง 3 ซึ่งประกอบไปด้วยพระพรหม พระวิษณุและพระศิวะ ที่จะต้องแสดงพระวรกายให้สาวกได้เห็นเป็นบุญตา

ซึ่งพระพรหมก็จะปรากฏพระวรกายออกมาในรูปลักษณ์ที่มี 4 พักตร์ 4 กร ส่วนพระวิษณุก็จะปรากฏพระวรกายมาในรูปลักษณ์ที่เป็นมหาเทพมี 1 พระพักตร์ 2 พระกร แต่สำหรับพระศิวะนั้นทรงปรากฏพระวรกายในรูปกายที่แปลกแหวกแนวสักหน่อย คือไม่ปรากฏออกมาเป็นรูปองค์เทพโดยตรงแต่กลับแสดงพระวรกายให้ปรากฏออกมาเป็นรูปอวัยวะเพศชาย ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชายไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือมหาเทพนั่นเอง

ดังนั้นหลังจากงานพิธีกรรมบูชาเทพตรีมูรติ หรือมหาเทพทั้ง 3 พระองค์นี้แล้ว บรรดาสาวกก็ได้สร้างศาลรูปเคารพเทพตรีมูรติทั้ง 3 ตามที่ตนเห็น ซึ่งก็คงจะหมายถึงว่าได้สร้างรูปเคารพเทพตรีมูรติทั้ง 3 ตามที่ตนเห็น ซึ่งก็คงจะหมายถึงว่าได้สร้างรูปเคารพพระพรหมเป็นรูปที่มี 4 พักตร์ 4 กร และสร้างรูปเคารพพระนารายณ์เป็นรูปมหาเทพผู้งดงามมี 1 พระพักตร์ 2 พระกร และสำหรับพระศิวะนั้นสาวกก็ได้สร้างรูปเคารพให้เป็นรูปอวัยวะเพศชายตามที่พวกตนได้พบเห็นปรากฏแก่สายตา อันเป็นรูปจำลองเป็นสัญลักษณ์แทนพระศิวะนั่นเอง

ในคัมภีร์โบราณอีกเล่มหนึ่งนั้นได้บันทึกไว้ว่า ในวันหนึ่งพระศิวะกำลังร่วมภิรมย์เสพสมกับพระแม่อุมาอัครมเหสีอย่างแสนสุขสันต์ในวิมารของพระองค์บนเขาไกรลาส แต่การเสพสมภิรมย์รักนี้ มิได้กระทำกันในห้องบรรทมส่วนพระมิได้กระทำกันในห้องบรรทมส่วนพระองค์แต่อย่างใด การสมสู่ชู้ชื่นครั้นนี้ พระศิวะและพระแม่อุมาทรงกระทำกันกลางท้องพระโรงเลยทีเดียว ดังนั้นบังเอิญเมื่อพวกทวยเทพทั้งปวงที่กำลังจะมาเข้าเฝ้าพระศิวะ ได้พบเห็นเข้าก็จึงรู้สึกว่าพระศิวะนั้นกระทำการอันไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง

หากทรงกระทำกันในห้องบรรทมส่วนพระองค์ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องผิดแปลกแต่อย่างใด แต่หน้าท้องพระโรงนั้นเป็นที่เปรียบเสมือนห้องรับแขก ที่ย่อมจะต้องมีผู้คนผ่านเข้าออกได้เสมอ และเมื่อทวยเทพผ่านพบเห็นเข้าว่าองค์พระศิวะที่เป็นถึงมหาเทพผู้เป็นใหญ่แห่งเขาไกนลาส กำลังเสพสังวาสกับอัครมเหสีอย่างประเจิดประเจ้อกลางท้องพระโรงเช่นนั้นจึงพากันรังเกียจเดียดฉันและเสื่อมศรัทธาในองค์พระศิวะเป็นอย่างมาก

บรรดาทวยเทพจึงได้พากันเย้ยหยันและหมดสิ้นความนับถือ ยำเกรงในองค์มหาเทพ ต่างก็พากันยืนดูแล้วก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเห็นเป็นเรื่องที่น่าสมเพชไป ด้วยเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น พระศิวะให้ทรงอัปยศอดสู่ในพระทัยเป็นยิ่งนัก และประกอบกับความโกรธกริ้ว พระศิวะจึงทรงได้ประกาศว่าอวัยวะเพศของพระองค์นี้แหละ จะเป็นเสมือนสัญลักษณ์และตัวแทนของพระองค์ ที่บรรดามนุษย์และเทพเทวะทั้งปวง จะต้องกราบไหว้บูชาถ้าต้องการความสุขและความสำเร็จอันงดงามในชีวิต

และอวัยวะเพศหรือศิวลึงค์นั้น ก็จะมีดวงตามหาศาลล้อมรอบศิวลึงค์ถึง 1,000 ดวงตา เพื่อจะได้สามารถมองเห็นได้เด่นชัดในทุกทิศทุกทาง โดยดวงพระทัยและดวงพระวิญญาณขององค์พระศิวะจะสถิตอยู่ด้วย เพื่อคุ้มครองและอำนวยพรให้กับผู้ที่สักการะบูชาศิวลึงค์นั้น เมื่อได้ทรงแล่นถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์มาในขณะที่กำลังเกิดความกริ้วและความอัปยศเป็นที่สุดนั้น ถ้อยคำอันศักดิ์สิทธิ์จึงได้บังเกิดสัมฤทธิ์ผลเป็นจริง




นับจากนั้นไม่ว่าจะเป็นบรรดามนุษย์ ดาบส ฤาษี หรือแม้แต่ทวยเทพบนสรวงสวรรค์ชั้นต่างๆเองก็ยังนิยมสักการะบูชา ศิวลึงค์หรือรูปเคารพที่เป็นอวัยวะเพศชาย อันเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของพระศิวะ

เรื่องราวการกำเนิดศิวลึงค์ในบางคัมภีร์นั้น ก็กล่าวแตกต่างออกไป โดยเล่าว่าพระศิวะนั้นค่อยข้างจะมีพระอารมณ์ทางราคะค่อยข้างสูง และโปรดที่จะเสพสังวาสกับพระแม่อุมาอัครมเหสีและพระชายาองค์อื่นอีก ในทุกวี่วันเลยทีเดียว จนเป็นที่รู้กันทั่วไปในเหล่าเทพเทวะทั้งปวง

ดังนั้นบรรดาศิษยานุศิษย์หรือผู้ที่ศรัทธาในองค์พระศิวะมหาเทพ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือทวยเทพ ที่เคารพเลื่อมใสองค์พระศิวะ จึงได้คิดประดิษฐ์วัตถุบูชาขึ้นมา โดยหวังให้เป็นสัญลักษณ์แทนองค์พระศิวะ การสรรค์สร้างรูปอวัยวะเพศหรือศิวลึงค์ จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมา ซึ่งผู้ที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นคนแรกที่คิดประดิษฐ์รูปเคารพศิวลึงค์นี้เป็นนักบวชฮินดู ที่ได้พบความสุข ความสำเร็จและความรุ่งเรื่องในชีวิตมาก หลังจากที่ได้สร้างรูปศิวลึงค์แล้วทำพิธีกราบไหว้บูชาเป็นประจำ

ดังนั้นบรรดาศิษยานุศิษย์หรือชาวบ้านทั่วไป จึงได้เริ่มทำรูปเคารพเป็นรูปศิวลึงค์กันบ้างและก็ทำการสักการะบูชากันเป็นที่กว้างขวางแพร่หลายต่อหลายต่อไป จนเกิดเป็นลัทธิการบูชาศิวลึงค์ขึ้นจริงจังในยุคต่อๆมา




ในอินเดียตอนใต้จะมีการประกอบพิธีสักการะบูชาศิวลึงค์กันอย่างจริงจัง โดยจัดทำกันในเมืองที่อยู่บนยอดเขาโดยจัดเป็นประจำทุกปีเรียกกันว่าเทศกาลบูชาศิวลึงค์โยนีหรือเทศกาล KAETIKAI หรือเทศกาล SATURNALIT เทศกาลทั้ง 2 นี้ จะทำพิธีกันค่อนข้างใหญ่โตเป็นพิเศษ มีงานเฉลิมฉลองกันอย่างครึกครื้นสนุกสนาน

เครื่องบวงสรวงที่จะใช้ในพิธีกรรมนี้ก็ประกอบด้วยน้ำนมสดและพวงมาลัยดอกไม้สดเป็นพิเศษ นอกจากนั้นก็ยังมีเครื่องประกอบพิธีดังนี้

- ดอกไม้เหลือง
- ดอกไม้แดง
- ข้าวตอก
- ใบมะตูม
- หญ้าคา
- มูลโค
- มะพร้าวอ่อน
- เมล็ดธัญพืชต่าง ๆเช่น ข้าวโพดแห้ง เมล็ดข้าวแห้ง
- ธูปหอมและเทียนหอม

ในเทศกาลนี้จะมีการตั้งรูปศิวลึงค์อยู่ ณ เทวสถานกลางเมือง เมื่อมีการเฉลิมฉลองและถวายเครื่องบวงสรวงบูชาเรียบร้อยแล้ว จะมีการสวดมนต์สรรเสริญบูชาพระศิวะและศิวลึงค์ด้วย การจัดเทศกาลเพื่อสักการะบูชาศิวลึงค์ด้วยความเคารพ เลื่อมใสศรัทธาอย่างสูงนี้ บรรดาชาวบ้าน ชาวเมือง นิยมกระทำพิธีเพื่อขอพรให้เกิดความสุขและความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะความอุดมสมบูรณ์ในการกระทำพืชไร่ ซึ่งสังคมของชาวอินเดียตอนใต้นั้นนิยมทำอาชีพเกษตรกรรมกันเป็นส่วนใหญ่มีการปลูกพืชไร่กันทั่วไป ดังนั้นการขอให้เกิดความอุดมสมบูรณ์แก่การเพาะปลูกที่กระทำอยู่นั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

การประกอบพิธีเพื่อบูชาศิวลึงค์ นอกจากที่ในอินเดียตอนใต้นี้แล้ว ทุกหนทุกแห่งทั่วไผก็จะมีลักษณะการบูชาที่คล้ายคลึงกันในส่วนของการเทน้ำนมสดราดลงไปในศิวลึงค์

โดยความบริสุทธิ์ของน้ำนมนั้นเปรียบเสมือนการให้กำเนิดผลผลิตอันอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
แต่ก็มีบางแห่งที่นอกจากจะใช้นมสดราดรดบนศิวลึงค์แล้ว ยังนิยมใช้ฝุ่นสีแดงมาแต้มทาที่ยอดปลายของศิวลึงค์ เพื่อแทนความหมายของการกำเนิดใหม่แห่งชีวิตใหม่นั่นเอง

ในการสักการะบูชาศิวลึงค์นั้น ยังมีความเชื่ออีกว่าหากบวงสรวงสังเวยด้วยศิวลึงค์ชนิดใดก็จะได้รับพรที่องค์พระศิวะมหาเทพจะประทานให้แตกต่างกันออกไป ดังเช่น

หากนำมูลโคมาสร้างสรรค์ปั้นแต่งเป็นศิวลึงค์ แล้วทำการบวงสรวงบูชาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตลอดชีวิต มีอายุยืนไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บใด ๆเลย

หากนำเอาดินจากบริเวณริมแม่น้ำมาสร้างสรรค์บรรจงปั้นแต่งเป็นศิวลึงค์ แล้วทำการบวงสรวงบูชาเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงตลอดชีวิต มีอายุยืนไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บใดๆเลย

หากนำเอาดินจากบริเวณริมแม่น้ำมาสร้างสรรค์บรรจงปั้นเป็นศิวลึงค์แล้วบวงสรวงบูชาด้วยความเคารพเสมอไป ก็จะทำให้บุคคลผู้นั้นเกิดความร่ำรวยมั่งคั่ง มีทรัพย์สินเป็นที่ดินมหาศาลเลยทีเดียว

หากนำเอาเมล็ดข้าวทั้งดิบและสุก มาสร้างสรรค์บรรจงประดิษฐ์เป็นศิวลึงค์แล้วทำการสักการะบูชา จะทำให้บุคคลนั้นหรือครอบครัวนั้น มีความสมบูรณ์พูลสุข มีข้าวปลาอาหารกินโดยบริบูรณ์ หรือทำกิจกรรมการค้าเกี่ยวกับอาหาร ก็จะมั่งคั่ง ร่ำรวยและรุ่งเรืองเป็นแน่แท้

หากนำเอาทองคำบริสุทธิ์มาสร้างสรรค์ ปั้นประดิษฐ์เป็นศิวลึงค์ แล้วทำการบวงสรวงบูชาเสมอไป ก็จะทำให้บุคคลนั้นมีความมั่นคง ร่ำรวยในระดับเศรษฐีตลอดชีวิต

หากนำไม้จันทร์มาสร้างเป็นศิวลึงค์แล้วบูชา ก็จะทำให้ผู้นั้นมีความสุขสันต์หรรษามิสร่างคลาย
หากนำเมล็ดรุทรรากษ์สร้างเป็นศิวลึงค์แล้วบูชาก็จะทำให้ผุ้นั้นมีความรอบรู้ศิลปวิทยาการทั้งปวง

ในคัมภีร์อินเดียโบราณนั้น กล่าวไว้ว่าศิวลึงค์นั้นมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่สร้าง
ลึงค์แบ่งตามหลักของนักปราชญ์อินเดียโบราณแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ

จลลิงค คือลึงค์ที่เคลื่อนไหวได้หรือสั่นไหวได้
อจลลิงค คือลึงค์ที่เคลื่อนที่ไม่ได้

ลึงค์ที่ทำจากแก้ว เรียกว่า รัตนชะ
ลึงค์ที่ทำจากหิน เรียกว่า ไศละชะ
ลึงค์ที่ทำจากดิน เรียกว่ามรินมยะ
ลึงค์ที่ทำจากไม้ เรียกว่า มารุชะ
ลึงค์ที่ทำจากโลหะ เรียกว่า โลหชะ
ลึงค์ที่ทำขึ้นเฉพาะกิจตามวาระโอกาสต่างๆ เรียกว่า กษณิกลิงค

107
ขอบคุณมากครับกวางสำหรับบทความโดนใจ :053:

การมองโลกในแง่ดียอมทำให้ คิดดี+ทำดี= ได้รับสิ่งดีๆๆ

ในแง่จิตวิทยาการมองโลกในแง่บวกดีที่สุด คือ ตัวเราดี คนอื่นดี :015:

108
สวย+เก่าหายาก ชอบคุณครับที่นำมาให้ชม :054:

109
น่าสนใจหามาไว้บนผิวหนังยิ่งนัก :015:

ยังไงเด็กลำปาง
นำยันต์เมตตา+วัตถุมงคลทางเหนือให้ชมอีกนะครับ :015:

ช่วงนี้ชอบเหนือๆขาวเนียนดี

110
เห็นของพี่หอมเชียงแต่ละชิ้นต้องบอกว่า สวย+มีระดับ+น่าเป็นเจ้าของยิ่งนัก :016: :025: :015:
สวยมีระดับหายากกว่า สวยแต่มีระดับมากมายนัก

เอามามาให้ให้ชมแต่ละที่ได้แต่น้ำลายไหล 20;เหมือนแนะนำให้รู้จักกะ พอลล่า ได้แต่มอง  :075:
เหอๆ เรามันบุญน้อยได้มอง แต่ยังไงก็ขอบคุณพี่หอมเชียงมากครับ ที่ทำให้รู้ว่านางฟ้า มีอยู่จริง :054:

111
ตระกรุดหลวงพ่อสุวรรณยิงไม่เข้า

ดาบหนังเหนียวแขวนตะกรุดยิงไม่เข้า
ดาบตำรวจล่อซื้อยาบ้า ถูกคนร้ายใช้ปืนลูกซองกระหน่ำยิง ระยะห่าง 5 เมตร แค่ฟกช้ำ 40 จุด ส่วนเพื่อนบาดเจ็บ เจ้าตัวเชื่อเป็นเพราะบารมีตะกรุดหลวงพ่อสุวรรณ เกจิชื่อดังเมืองอ่างทอง ทำให้แคล้วคลาด

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 1 ส.ค.50 เจ้าหน้าที่ตำรวจ นปพ.ภ.จว.อ่างทอง ปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สืบทราบว่านายจักรพงศ์ แดงบุญเรือน อายุ 23 ปี อยู่บ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง ลักลอบจำหน่ายยาบ้า จึงได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 400 เม็ด มูลค่า 54,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ได้นัดให้มารับส่งยาบ้า ที่บริเวณถนนคันคลองชลประทาน หลังสำนักงานที่ดิน ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง

เมื่อถึงเวลานัดหมายนายจักรพงศ์ได้ขับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว หมายเลขทะเบียน บป 9696 กทม.เข้ามา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับยาบ้าก็ได้แสดงตัวเข้าจับกุม แต่นายจักรพงศ์พยายามขัดขืนและชักอาวุธปืนลูกซองขึ้นมายิงต่อสู้ ทำให้เกิดการยิงปะทะกัน จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ประกอบด้วย ด.ต.ขวัญใจ ฝั้นถา และ จ.ส.ต.บรรจง หมายหอมกลาง ผบ.หมู่ นปพ.ภ.จว.อ่างทอง ปฏิบัติหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ก่อนคนร้ายจะขับรถยนต์หลบหนี เข้าไปที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในวัดท้องคุ้ง หมู่ 8 ต.โพสะ อ.เมือง จ.อ่างทอง จากนั้นนายจักรพงศ์ได้วิ่งลงจากรถและพยายามว่ายน้ำหลบหนีไปฝั่งตรงข้าม แต่คนร้ายได้หมดแรงและจมหายไปกลางแม่น้ำ โดยเจ้าหน้าที่พยายามค้นหานานกว่า 3 ชม. แต่ก็ไม่พบตัวคนร้าย

ต่อมา พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พ.ต.อ.รวีโรจน์ กองกันภัย ผกก.สภ.อ.เมือง จ.อ่างทอง ได้เดินทางเข้าเยี่ยม ด.ต.ขวัญใจ และ จ.ส.ต.บรรจง โดย จ.ส.ต.บรรจง ถูกยิงเข้าที่บริเวณจมูกและแขนซ้ายบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วน ด.ต.ขวัญใจ ได้รับบาดเจ็บเพียงฟกช้ำตามร่างกายประมาณ 40 จุด และไม่พบบาดแผลแต่อย่างใด

ด.ต.ขวัญใจ เปิดเผยว่า ตนได้ทำการล่อซื้อยาบ้าจากนายจักรพงศ์จำนวน 400 เม็ด เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงตัวจับกุม นายจักรพงศ์ได้ชักอาวุธปืนลูกซองยิงเข้าใส่ในระยะห่างประมาณ 5 เมตร ตนถูกยิงเข้าที่บริเวณลำตัว ก่อนที่ล้มลงกองกับพื้น ขณะนั้นตนคิดว่าคงต้องเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อพบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บ จึงได้ชักอาวุธปืนยิงต่อสู้ โดยยิงเข้าไปที่ยางรถยนต์ของคนร้าย จนยางแตกเพื่อสกัดการหลบหนี อย่างไรก็ตามที่ตนรอดชีวิตมาได้ในครั้งนี้ อาจเป็นเพราะบารมีของตะกรุดโทนหลวงพ่อสุวรรณ เจ้าอาวาสวัดยาง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ที่พกติดตัวเป็นประจำ ทำให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายต่างๆ มาได้
โดย บ้านเมืองออนไลน์

112

หลวงพ่อสุวรรณ ธีรสัทโธ" แห่งวัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง พระเกจิอาจารย์เจ้าตำรับตะกรุดโทน ได้รับการยกย่องว่าเป็นเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้า เอกอุด้านวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

ได้รับสมญานามจากคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสศรัทธาว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งแดนวีรชนใจกล้า"

อัตโนประวัติ เกิดในสกุล บัวสรวง เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2487 ที่บ้านทับยา ต.บ้านไร่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายอินและนางก้อย บัวสรวง ประกอบอาชีพกสิกรรมและค้าขาย

ในช่วงวัยเยาว์ จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านไร่ ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ

ย่างเข้าวัยหนุ่ม ได้ประกอบอาชีพเป็นตัวแทนขายเคมีภัณฑ์ตามที่ญาติแนะนำ

กระทั่งอายุ 42 ปี เกิดความเบื่อหน่ายทางโลกและต้องการบวชทดแทนคุณบุพการี จึงเข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดคำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมีพระครูเกษมจริยคุณ เจ้าคณะอำเภอเมืองอ่างทอง เจ้าอาวาสวัดไทรย์ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูโฆสิษโชติคุณ เจ้าอาวาสวัดคำหยาด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดบุญยัง เขมปัญโญ วัดขุนอินทประมูล เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่ออุปสมบท ได้อยู่จำพรรษาที่วัดคำหยาด สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก และออกท่องธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศ ครั้งหนึ่งมีโอกาสไปพำนักที่วัดพรหมประกาสิต (ถ้ำสามพี่น้อง) ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปฏิบัติกัมมัฏฐานบำเพ็ญเพียร

เมื่อปฏิบัติธรรมสมหวัง จึงเดินทางมาจำพรรษาที่วัดคำหยาด ศึกษาร่ำเรียนสรรพวิทยาคมสายหลวงพ่อแป้น วัดบ้านไร่, หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี พระเกจิดัง ได้ถ่ายทอดวิชาให้อย่างครบถ้วน

พ.ศ.2535 คณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง ได้มอบหมายให้ท่านบูรณปฏิสังขรณ์วัดยาง ต.ห้วยไผ่ อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ตั้งอยู่ริมคลองห้วยไผ่ฝั่งตรงข้ามวัดโพธิ์เก้าต้น และอนุสรณ์สถานค่ายบางระจัน อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

วัดยางถูกทิ้งร้างมาตั้งแต่สมัยศึกบางระจัน เสนาสนะที่หลงเหลือมีเพียงวิหารฐานอ่อนโค้งอยู่ในสภาพปรักหักพัง ไม่มีหลังคา

หลวงพ่อสุวรรณ ได้จัดสร้างตะกรุดเมตตามหานิยม แคล้วคลาดคงกระพัน เพื่อให้บูชารวบรวมจตุปัจจัย จนสามารถก่อสร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ กุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ อนุสรณ์สถานวีรชนไทยใจกล้า เป็นต้น

หลวงพ่อสุวรรณ เป็นที่ยอมรับและศรัทธาของคณะศิษยานุศิษย์ เชื่อกันว่าท่านมีคาถาอาคมทรงพุทธคุณครอบจักรวาล โดยเฉพาะด้านเมตตามหานิยม และด้านมหาอำนาจปกป้องผองภัยสารพัด

วัตถุมงคลของท่าน ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากประชาชน เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักร วาล โดดเด่นหลายด้าน ที่ได้รับความนิยม คือตะกรุดที่ปรากฏปาฏิหาริย์แก่ผู้บูชา เอกลักษณ์เฉพาะสร้างตามตำราพิชัยสงคราม ยันต์จารมือธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ (นะ มะ พะ ทะ) และยันต์ถอด (ทะ พะ มะ นะ) จึงเท่ากับ 16 ตาราง คือ ยันต์พระเจ้า 16 พระองค์

มียันต์อัครสาวกซ้ายขวา (ซ้าย อุมิ อะมิ) (ขวา นะมะ นะอา) และยันต์ถอด รวมทั้งยันต์แคล้วคลาด (สะ รา คา มิ) และยันต์ถอด จึงเป็นเจ้าตำรับตะกรุดโทนแห่งยุค

นอกจากนี้ วัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมยังมีเหรียญเสมา เหรียญมหาบารมี รูปหล่อเหมือน

หลวงพ่อสุวรรณ ย้ำอยู่เสมอว่า วัตถุมงคลทั้งหลายล้วนเข้มแข็งด้วยอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ

การเข้ากราบไหว้ขอพรจากหลวงพ่อสุวรรณ ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันหมด ไม่มีผู้ใดกีดกัน และท่านมักจะนำวิชาความรู้ด้านวิทยาคมเป็น กุศโลบายในการอบรมสั่งสอนศีลธรรมแก่ประชา ชนทั่วไป โดยให้ยึดหลักธรรมคำสั่งสอนตามแนว ทางพระพุทธศาสนา

เป็นวิถีสำคัญในการประพฤติปฏิบัติตน

ขอบคุณ ข้อมูล ข่าวสด :054:

115





ล๊อกเก็ตรูปใข่ หลวงปู่เจือ ปิยสีโล พื้นหลังสีทอง  พิมพ์ใหญ่ พระเครื่องที่หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้วปลุกเสกในรุ่นไตรมาส ปี 50  จัดสร้างขึ้นในปี 2550

ด้านหน้าเป็นรูปหลวงปู่เจือครึ่งองค์ ส่วนด้านหลังอุดด้วยผงปูนของพระประธานในโบสถ์ พร้อมจาร และฝังด้วยแผ่นทองเหลืองซึ่งตอกโค้ตไว้กันทำปลอม

*ข้อสังเกตุอย่างหนึ่งก็คือ ปูนพระประธานในโบสถ์ที่ใช้อุดด้านหลังของล็อกเก็ตนี้จะมีรอยร้าวของปูนปรากฏให้เห็นอยู่ทุกองค์ครับ เนื่องจากการหดตัวของปูนที่เกิดขึ้นเมื่อปูนแห้งตัวลงครับ

116
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ***/\***
« เมื่อ: 22 พ.ค. 2552, 11:41:07 »
ประทับใจมากครับ :054:

117
ประทับใจกระทู้นี้มากๆๆครับ  :016:

118
ขอบคุณท่านเก่งครับ ...

...ก็ตามที่ผมนำเสนอตั้งแต่กระทุ้คราวก่อนแหละครับ ว่าสิ่งที่แขวนอยุ่มันไม่ได้ใช่สิ่งที่ล่อให้ฟ้ามาผ่า

มันเป็นแค่สื่อตัวนำไฟฟ้าตามปกติทั่วไปเท่านั้น โอกาสที่จะเกิดเหตุแบบนี้แทบไม่มีเลย...



....ปล.. ผมก็จบวิศวกรรมไฟฟ้านะคร๊าบ...
[/quo














เชื่อท่านเอ็กส์เถอะ ครับอย่าดันทุรังเลย ว่าแต่เรียนจบยัง 37;


ลองอ่านดู :059:
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,9189.0.html


119
เหรียญรุ่นแรก ของหลวงปู่ฤทธิ์ที่ออกวัดชลประทานราชดำริ






*ลงให้ชมเป็นวิทยาทาน อย่างเดียว ห้ามซื้อและไม่ขาย  *

120
สงสัยต้องไปหามาบ้างแล้ว จะได้ชนะยักษ์มารบ้าง :015:

123
หลวงปู่เจือ ท่านเป็นพระดี รูปหล่อสวยมากครับ :054:

125
น่าเป็นเจ้าของมากครับ :054:

127
ช่วงนี้ใครจะไปกราบหลวงปู่แย้ม ขอให้เกรงใจหลวงปู่กันหน่อยนะครับ อย่าหวังเอาแต่ได้นะครับ ลายละเอียดตามนี้ครับ  :069:

http://www.pantown.com/board.php?id=34549&area=3&name=board4&topic=327&action=view



ลองดูกระทู้นี้บ้างนะครับ :059:

http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,9170.0.html

129
ใช่ของขึ้นครับ :016:

130
แต่ละองค์พุทธคุณล้วนยอดเยี่ยม โดยเฉพราะ  หลวงปู่เจือ :016:

131
เดี๋ยวอีกหน่อยก็เต็มหลังแน่น ท่าน  :016:

132
เรื่องเขี้ยว งา ต้องยกให้ท่านlevis  :015:

134
เหรียญรุ่นแรกนี้ทำออกมาขณะที่หลวงปู่แย้มท่านอายุ 60 พรรษา และเป็นรองเจ้าอาวาสในขณะนั้น

มีเรื่องเล่าอยู่ว่า คณะลูกศิษย์ที่ได้จัดสร้างเหรียญให้หลวงปู่แย้มในครั้งนั้น ไม่ได้บอกกล่าวหลวงปู่แย้มให้ทราบก่อนล่วงหน้า แต่ได้ทำออกมาและถวายหลวงปู่แย้มเลย  ซึ่งหลวงปู่ท่านโกรธมาก เพราะท่านมีความรู้สึกว่าเป็นการมองข้าม หลวงพ่อเต๋ ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านและยังมีชีวิตอยู่ จึงได้เตะกล่องที่ใส่เหรียญท่านออกจากุฎิจนกระจัดกระจาย

ต่อมาหลวงพ่อเต๋ท่านทราบเรื่อง ก็ให้บรรดาลูกศิษย์เหล่านั้น ไปเก็บเหรียญของหลวงปู่มา แล้วหลวงพ่อเต๋ท่านก็อธิษฐานจิตให้ด้วยความที่ท่านเมตตาและรักหลวงปู่แย้มที่เป็นลูกศิษย์ของท่าน ก่อนที่ตัวท่านเองจะเรียกหลวงปู่แย้มมาอธิษฐานจิตอีกทีหนึ่ง ดังนั้นเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่แย้มนั้น หลวงพ่อเต๋และหลวงปู่แย้ม ได้ร่วมอธิษฐานจิตร่วมกัน :054:





135
รู้ ทำเป็น ไม่รู้                       รู้ ทำเป็น รู้

ไม่รู้ ทำเป็น รู้                      ไม่รู้ ทำเป็น ไม่รู้

ผู้ที่สูงกว่า ย่อมมองผู้ที่ ต่ำกว่าออก

ผู้ที่สูง ย่อมมองผู้ที่อยู่ สูงออก

ผู้ที่ต่ำกว่า ย่อมมองผู้ที่ สูงกว่าไม่ออก


อย่าทำตัวเป็นเหมือน กบในกระลาคิดว่ายิ่งใหญ่คับฟ้า พอกระลาแตกก็ เป็นแค่เศษละอองของฟ้า


อย่าทำตัวเป็นเหมือน น้ำเต็มแก้ว เพราะ จะไม่สามารถรับรู้ว่า น้ำใหม่ดี และมากมายเพียงใด :114:


*คิดจะเป็นผู้บริหาร ต้อง อ่านกลยุทธ์ 37ชุนวู สามก๊ก ไม่อย่างนั้น ก็แค่เป็น คนแก่ๆในเก้าอี้ ตัวใหญ่ เท่านั้น*

136
ทางการแพทย์ คิดว่าท่าน สติไม่ดีกินเข้าไปเอง ใครจะเพี้ยนขนาดกินตะปู 2นิ้ว ไปตั้ง หลายอัน ติดคอแน่น :003:

137
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: ฤาษี
« เมื่อ: 20 พ.ค. 2552, 04:00:43 »
ลายมืออาจารย์หนวด งามยิ่งนัก :015:

138
หลวงปู่แย้มวัด สามง่ามท่านเกิดวันที่ 5 มกราคม ปีเถาะ
หลวงปู่แย้มวัด ตะเคียนท่านเกิดวันที่ 11 พฤษภาคม ปีมะโรง



139
ได้มาตอนที่รอคิวเป่าตอนนั้นทั้งพักฉันน้ำชา ผมนวดท่านอยู่แล้วถามท่านว่ามีคาถาอาราธนาวัตถุมงคลไหม ท่านก็ส่งใบนี้มาให้แล้วบอกว่า มึงท่องให้ได้นะถึงจะขลังแล้ว ท่านก็หัวเราะ  :054:
 









*โปรดเซพเก็บไว้ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ แก่ผู้ชมเว็บ วัดบางพระบ้างนะครับ :114:*

143






*ช่วงนี้หลวงปู่ แย้มวัดสามง่ามไม่ค่อยสบาย ใครจะไปบูชาวัตถุมงคล ลองโทรสอบถามก่อนนะครับว่าท่านเรียกให้อีกครั้งไหวไหม จะได้ไม่เสียความรู้สึก*

144
วัดสังฆทานบรรยากาศดีมากครับ :016:
อนุโมธนาด้วยนะครับกวาง :054:

145
ฝีมืออ.หนวดงามยิ่งนัก สมแล้วที่ ท่านสักมานาน :054:

146
ยอดเยี่ยมทั้ง เนื้อหา ทั้งภาพ เมฆและ ต่ายเลยนะครับ

147
ขอบคุณเมฆมากครับ ข้อมูลแน่นๆแถมตระกรุดของจริงอีกเยี่ยมมากครับ :015:

148
ขอร่วมด้วยครับ :054:








เหรียญนี้เป็นเหรียญแท้ครับ มีอยู่สามชนิดครับ(เท่าที่ผมเห็นมานะครับ) คือ ทองแดง เงิน แบบถมยาเคลือบพาลสติกมีหลายสีเท่าที่เห็นมี สีแดง สีเขียว สีทอง ออกเมื่อ วันที่ที่10 ธค 2525 รุ่นมีการลองยิงที่นอกวัดลูกปืนไม่ออกสักเม็ด เรื่องอื่นๆมีอีกมากเรื่องทางรถก็มีครับ คือผมให้เหรียญทองแดงให้เพื่อนไปใช้ เพื่อนผมก็ไปให้ลูกชายของเขาใช้ วันหนึ่งลูกชายซิ่งมอเตอร์ไซร์ชนกับปิ๊กอับอย่างแรงรถมอเตอร์ไซร์พังทั้งคัน แบบไม่หน้าเชื่อว่าจะรอด มีแต่แผลถลอกนิดเดีวยเสื้อผ้าขาดหมดบาดเจ็บเล็กน้อยครับ เหรียญหลวงพ่อหายในที่เกิดเหตุ ยังมีอีกเยอะครับ 31; 31; 31


เชื่อพี่yout เต็มร้อยเลยคับเหรียญนี้บังไฟได้ (กันลูกปืน)เพราะเคยถ่ยถ่ายมาแล้วยังไงก็มีด :089: 


ตามลิงค์นี้เลยครับ
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,6676.0.html

149
[

ตะกรุดแบบนี้ มักจะเรียกกันเองว่า ตะกรุดตอกโค๊ดกระโดดครับ  ตามธรรมดาแล้ววัดไม่ได้ตั้งชื่อรุ่นนั้นรุ่นนี้ 

แต่จะเรียกกันตามเหตุการณ์บ้าง เช่น ตะกรุดวันเพ็ญ ตะกรุดเสาร์ห้า  ตะกรุดเตา

ตะกรุดชุดตอดโค๊ดกระโดดในภาพเป็นตะกรุดแจกในช่วงปี ๔๘  ซึ่งตอนนั้นทางวัดกำลังซ่อมแซมอุโบสถ 

ใครไปวัดก็ได้รับแจกคนละหลายๆดอก  ถ้าใครทำบุญช่วยซ่อมโบสถ์ ๑๐๐ บาท ก็จะได้ตะกรุดหนึ่งดอก

เคยคุยกันว่า ตะกรุดที่มีไว้ให้คนทำบุญซ่อมโบสถ์กับที่หลวงพ่อกำลังนั่งแจก ต่างกันตรงไหน

คำตอบคือ  ตะกรุดไม่ต่าง แต่ต่างกันตรงที่ ถ้ามาที่ตู้บูชาวัตถุมงคล ทำบุญ ๑๐๐ ก็ได้ตะกรุดไป  ถ้าเข้าไปหาหลวงพ่อ ก็ได้รับฟรีๆ

ซึ่งตะกรุดจะมีทั้งแบบจารใน ไม่มีจารนอก และมีจารนอก จารใน  ทุกดอกหลวงพ่อไม่ได้จารเอง ไม่ได้ม้วนเอง ครับ


ตะกรุดชุดนี้ต้องถือว่้าเป็นชุดที่มีประสบการณ์มากที่สุด  ทำให้ทุกคนรู้จักหลวงพ่อตัด วัดชายนาครับผม

[/quot


ชัดเจนมากครับเมฆ :016:

150
ยอดเยี่ยมมากครับ :054:

151
งามมากครับ :016:

153
เดี๋ยวช่วงมึดๆ จะนำรายละเอียดเปรียบเทียบ ของแท้ ของปลอมพิมพ์ใหญ่และเล็ก จำนวนการสร้างแบบละเอียดมาให้ ชม ครับ :054:

154



หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ "หลวงปู่ทิม
อิสริโก" อดีตเกจิอาจารย์ ชื่อดังแห่งวัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ
"ขุนแผนผงพรายกุมาร" อันลือลั่นสนั่นวงการ พระเครื่อง
ได้เมตตาให้สัมภาษณ์พิเศษ ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก" เกี่ยวกับการ
สืบทอด วิชาคาถาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่ทิม ตลอดจนการสร้างศาสนวัตถุ
โดยเฉพาะ "พิพิธภัณฑ์ยันต์" แห่งแรก และแห่งเดียว ในเมืองไทย
เชิญติดตามอ่าน กันได้โดยพลัน...
ไม่ทราบว่า หลวงพ่อไปร่ำเรียนวิชากับ "หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่"
ได้อย่างไรครับ?
อาตมาเป็นคนที่นี่ (บ้านหนองกรับ อ.บ้านค่าย
อยู่ห่างจากวัดระหารไร่ประมาณ 10 กิโลเมตร) ไปหาท่านครั้งแรก
ตอนนั้นอาตมาอายุประมาณ 15 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยม
ก็เข้าไปอยู่ที่วัดระหารไร่ ไปกินนอนที่วัดเลย ไปรับใช้หลวงปู่ทิม
โดยได้ขออนุญาตจากทางบ้านแล้ว
ตอนนั้น หลวงพ่อรู้ได้อย่างไรว่าหลวงปู่ทิมมีวิชาคาถาอาคมแก่กล้า
เพราะหลวงปู่ทิมก็เพิ่งมีชื่อเสียงในช่วงที่ชราภาพมากแล้ว ซึ่งตอนที่
หลวงพ่อได้เจอท่าน ตอนนั้น หลวงปู่ทิมก็ยังไม่แก่เท่าไหร่ ใช่มั้ยครับ
อาตมาก็ดูจากที่ท่านปฏิบัติ อาตมาดู และเห็น เรื่องอย่างนี้
มันขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณ ของแต่ละคน
เมื่อตอนที่หลวงพ่อได้พบกับ "หลวงปู่ทิม" ครั้งแรก ตอนนั้นหลวงพ่อ
รู้สึกอย่างไรบ้างครับ?
ท่านปฏิบัติดี อาตมาเห็นแล้วก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา
มีความรู้สึกว่าหลวงปู่ทิม ไม่ใช่พระธรรมดา
จึงได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน โดยโยมพ่อกับโยมแม่ได้
ถวายอาตมาให้เป็น "บุตรบุญธรรม" ของหลวงปู่ทิม จากนั้น จะขออะไร
จะเรียนอะไร ก็จะได้ทั้งหมด
เพราะปกติท่านจะไม่ค่อยถ่ายทอดวิชาให้กับใคร
ทำไม "หลวงปู่ทิม" จึงไม่ค่อยยอมถ่ายทอดวิชาให้ใครง่ายๆ ล่ะครับ
ท่านกลัวว่าเมื่อถ่ายทอดวิชาให้คนที่เรียนไปแล้ว กลัวไม่เอาไปใช้จริง
สมัยนั้น คงจะมีผู้คนมาขอเรียนวิชากับหลวงปู่ทิมเยอะสิครับ
ก็เยอะ แต่หลวงปู่ท่านจะดูลักษณะคนด้วยว่า ใครจริงจังจะศึกษา
คาถาอาคมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าเรียนไปแล้วไม่เอาจริงไม่มีความสนใจ
และไม่เอาไปใช้ มันทำให้เสียเวลาในการแนะนำหรือสอน ท่านก็จะหมดกำลังใจ
คือ การที่ท่านจะท่องจำนั้นไม่ไหวแล้ว
หรือบางครั้งเรียนไปแล้วไม่เอาไปใช้
ก็ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงกับอาจารย์ผู้สอนไปด้วย ดังนั้น ท่านจะดูคน
ถ้าคนไหนจะเอาจริงๆ ก็ต้องมีความเพียรจริงๆ
นานมั้ยครับหลวงพ่อ กว่าที่หลวงปู่ทิมจะยอมถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อ?
ไม่นาน เพราะว่า ท่านดูจากลักษณะว่า มีแววเอาจริง
มีแววอย่างไรครับ?
ท่านคงเห็นว่าอาตมาเอาจริง และมุ่งมั่น โดยให้อาตมาไปเขียนผ้ายันต์มา 1
บททุกวัน และก็บอกว่าให้ไปท่องจำ โดยจะต้องจำให้ได้
พอท่องจำได้แล้วก็มาท่องให้ท่านฟัง
จากนั้น ทำอย่างไรต่อครับ?
เมื่อเขียนบทที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เริ่มเขียนบทที่ 2
พอเขียนเสร็จแล้วก็มาทบทวนท่องให้ท่านฟังอีก ท่องจนกว่าจะจำได้
ท่านก็จะให้ท่องจำทุกบท ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 4-5 ปี
หลวงพ่อทำแบบนี้อยู่กี่ปีครับ
จำไม่ค่อยได้ แต่รู้ว่านานหลายปีเลยทีเดียว
ซึ่งตรงนี้ทำให้อาตมาจำคาถาได้เยอะ และทำให้อาตมาจำได้ดี
แต่คาถามีอยู่เยอะมาก ก็จำได้ไม่ได้ทั้งหมดหรอก
มันมากมายกว่าที่เราจะจำได้ จึงได้มีการซิกแซก
อาจารย์เลยท้าพูดกันง่ายๆ เลย
ทำอย่างไรครับหลวงพ่อ
พออาจารย์เผลอเราก็แอบเอาตำราเข้าห้องเลย เพราะเรารู้ว่า
ตำราเล่มไหนเราเขียนไปแล้ว เราก็จะไม่ เขียนซ้ำ จะเอาหยิบไปวางไว้เอง
ท่านไม่รู้หรอก เราก็เขียน เล่มต่อไปอีก พออาจารย์เผลอ
เราก็เอาไปไว้ที่เดิม แล้วเอาเล่มใหม่ มาเขียนต่ออีก
แต่สิ่งที่เราเรียน และท่องจำ มาทั้งหมดนั้น เราเข้าใจทุกอย่างแล้ว
พออาจารย์รู้ ท่านก็ถามว่าเอาตำราไปใช่ไหม
เนื่องจากแกสังเกตจากกองที่ตั้งหนังสือ มันไม่เรียงกัน
เราก็ยอมรับว่าใช่ แต่ก็ได้บอกท่านว่า ตำราที่เรียนกับอาจารย์
ด้วยวิธีการท่องจำอย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะมีมากมายเหลือเกิน
จึงต้องลอก จากอาจารย์เก็บไว้ ท่านก็ไม่โกรธ
เพราะว่าท่านเข้าใจว่าเราเอาไปก็ต้องได้ใช้ ในที่สุด ท่านก็บอกว่า
ท่านก็เรียนมาแบบนี้เหมือนกัน (หัวเราะ) ถ้าอย่างนั้น
เราก็ตีจบไปเลยว่า เราไม่ผิด (หัวเราะ)
แล้วหลวงปู่ทิม ท่านไปเล่าเรียนวิชามาจากที่ไหนครับ?
หลวงปู่สิม วัดบ้านซ่อง อำเภอวันทอง จังหวัดชลบุรี
ที่เป็นศิษย์สายเดียวกับหลวงปู่ทิมก็มี หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม
และหลวงปู่ม่น วัดเนินตาหมาก
หลวงปู่ทิมเคยพูดถึงเรื่องอภินิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ
ให้หลวงพ่อฟัง บ้างมั้ยครับ
อันนี้ ท่านไม่เคยพูดให้ฟังเลย
แล้วหลวงพ่อไม่ถามหลวงปู่ทิมบ้างเลยหรือครับ ว่าวิชาคาถาอาคมต่างๆ
ที่เรียนมานี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ อย่างไร?
อาตมาก็ถามเหมือนกัน แต่ท่านไม่บอก ท่านบอกว่าก็ทำไปแล้วจะรู้เอง
ขอให้ฝึกจิตใจของตัวเองไปให้สงบ เดี๋ยวก็รู้เอง คนอื่นจะรู้ด้วยไม่ได้
นอกจากตัวเอง
แล้วหลวงพ่อเคยเห็น "อภินิหาร" ของหลวงปู่ทิมบ้างไหมครับ?
ไม่เคยมีนะ เห็นท่านเป็นพระธรรมดาๆ รูปหนึ่งเท่านั้น
และท่านก็เป็นพระเงียบๆ แต่ก็พอคุยได้เหมือนกัน จริงๆ
จะว่าไม่มีในเรื่องอภินิหารเลยก็ไม่ใช่นะ ก็มีเหมือนกัน
มีอภินิหารอย่างไรครับหลวงพ่อ?
ตอนนั้นเป็นเวลากลางวัน ประมาณบ่ายโมง แกเอาผ้าพาดบ่าไปสรงน้ำ
สมัยก่อนวัดระหารไร่จะมีบึง และเป็นป่าเยอะ ไม่เหมือนปัจจุบัน
แกก็ไปนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เราก็จะเข้าไปคุยด้วย
เพราะเห็นว่าท่านนั่งตากลมอยู่คนเดียว
จากนั้นก็ได้นั่งคุยกันไปคุยกันมาตามอัธยาศัย
คุยกันเป็นชั่วโมงเหมือนกัน แล้วแกก็หยุดคุย จากนั้น
แกก็เอามือแหย่ลงไปในน้ำแล้วก็ดีด 2-3 ครั้ง
ครู่เดียวปลาก็วิ่งมาเป็นฝูงเลย
ปลาวิ่งมาหาหลวงปู่ทิมเป็นฝูงเลยเหรอครับ
ปลาหลายชนิดได้ว่ายมาหาแกนั่นแหละ อาตมาไม่ว่าอะไร ก็นั่งดูเฉยๆ
ท่านก็ดีดอีก ปลาก็วิ่งเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก
ด้านหน้าที่มีแต่ปลาทั้งนั้น ท่านก็ไม่ว่าอะไรเฉยอย่างเดียว
เสร็จแล้วสักพักก็ขึ้นไปบนศาลา อาตมาก็ไม่ได้ถามอะไรท่านในตอนนั้น
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 อาทิตย์ อาตมาจึงได้เข้าไปนั่งพูดคุย
กับท่านด้านนอกกุฏิ ระหว่างคุยไปคุยมา พอได้จังหวะดี เห็นแกอารมณ์ดี
ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงได้ถามท่านว่า
"หลวงพ่อวันที่ฉันได้นั่งคุยกับหลวงพ่อ อยู่ริมบึงวันนั้น
เพราะเหตุใดปลาถึงวิ่งมาหาได้?" ท่านก็บอกว่า "มันมาดูเรามั้ง"
ท่านก็ว่าอย่างนั้น (หัวเราะ) อาตมาก็ถามท่านต่อว่า
ผมก็เดินมาหลายครั้ง แต่ไม่เห็นปลามันวิ่งมาดูเลย
ผมว่าหลวงพ่อต้องมีอะไรสักอย่าง เมื่อคุยไปคุยมาท่าน
ก็ว่าไม่มีอะไรหรอก แต่เราก็ตื้ออยู่นาน เมื่อถามไปถามมา ก็บอกว่ามี
มีอะไรครับ
ก็มีคาถา เป็นคาถาเรียกงูเรียกปลา จากนั้นก็คุยเรื่องอื่นต่อไป
เพราะรู้แล้วว่ามีแน่ จากนั้น พออาตมาบวชมาได้ 2-3 พรรษา
ก็ได้ขอวิชานี้กับท่าน ขอนับสิบครั้งเห็นจะได้ แต่ก็ไม่ให้
ทำไมหลวงปู่ทิมจึงไม่ยอมถ่ายทอดวิชานี้ให้หลวงพ่อล่ะครับ?
เพราะว่าคงหวงวิชา แต่ที่ขอแล้วก็เฉย ถ้าแกตอบว่า อย่าเอาเลย
เราก็คงไม่ตอแยแน่ จนในที่สุด เมื่อแกใกล้จะมรณภาพ แกถึงบอกว่า
วิชานี้อย่าเอาเลย ขอให้ติดตัวแกไป
เพราะอะไรครับหลวงพ่อ
ถ้าคนเอาไปใช้ไม่มีสัจจะ ก็จะอันตรายมาก
เพราะวิชานี้ไม่ได้ใช้เรียกปลาเท่านั้น สัตว์ทุกชนิด ถ้าตั้งใจจะเอา
ก็จะได้ทุกอย่าง แม้แต่คนก็สามารถเรียกมาได้ ถือเป็นคาถาที่อันตราย
เพราะถ้านำใช้ไปในทางไม่ดี ก็อันตรายมาก สาเหตุนี้
ท่านจึงไม่ยอมให้ใครเลย
แกบอกว่าอย่าเอาเลย แต่อย่างอื่นแกให้ทุกอย่าง จริงๆ
เราเสียดายก็เสียดาย แต่แกบอกอย่าเอาเลย พอตกกลางคืนก็เอาอีกนะ
ถามแกว่า ไอ้วิชาที่ว่านี้มันเป็นอย่างไร
ผมอยากรู้วิชาที่ดีมันว่าอย่างไร ถึงผมได้ ผมก็ไม่เอาไปใช้หรอก
และจะไม่ให้ใครด้วย แกก็บอกว่า คนเราเอาแน่นอนที่ไหนได้
อนิจจังของคนไม่แน่นอน ในยามถูกใจก็ดี ในยามไม่ถูกใจก็ดี
แสดงว่าหลวงปู่ทิมกลัวจะมีคนนำคาถานี้ไปใช้ในทางไม่ชอบ?
ใช่ อาจมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูกไม่ต้อง ความมุ่งหมายของแกรู้
ฉันก็แทงใจแกถูก (หัวเราะ) ถ้าให้ฉันแล้วเรื่องของเรื่อง คือ
แกกลัวฉันจะสึก และมันมีเขียนไว้ในสมุดข่อย แกก็ทำลายทิ้งไป แต่เราเห็น
ก็หยิบเอามาต่อกัน ผิดบ้าง ถูกบ้างแต่ก็อ่านไม่รู้เรื่อง
แต่ฉันสันนิษฐานว่า คาถานี้ ไม่น่าจะเกิน 5 คำ
แล้วพระ "ขุนแผนผงพรายกุมาร" ล่ะครับ หลวงปู่ทิมท่านทำอย่างไรครับ?
ขุนแผนนี้ท่านได้มาสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2517
ช่วงก่อนที่แกจะมรณภาพไม่กี่ปี ที่ทำก็เพราะมีไวยาวัจกรของวัด
แกก็คิดว่าจะทำขุนแผน จึงไปปรึกษากับหลวงปู่จะทำอย่างไรดี แกก็ไม่บอก
กลุ่มพวกนี้ก็หัวใสอยู่แล้ว
ก็ไปเอาแบบที่จะสร้างขุนแผนมาให้ท่านดูว่าควรสร้างแบบไหนดี
แบบนี้ได้ไหม แบบนั้นได้ไหม ในที่สุดก็จึงได้สร้างขุนแผนขึ้นมา
เพื่อจะได้นำเงินมาก่อสร้างบำรุงวัด เนื่องจาก
เมื่อก่อนบริเวณวัดแห่งนี้เป็นป่าทั้งนั้น
หลวงปู่ทิมเป็นคนบอกให้ใช้ "ผงพรายกุมาร" มาทำใช่มั้ยครับ
ไม่ใช่ แต่มาจากลูกศิษย์ อันนี้ ก็ได้ปรึกษาหารือกันแล้ว
ว่าจะทำอย่างนี้ อย่างนี้นะ แล้วก็นำไปปรึกษาหารือกับหลวงปู่ทิม
ว่าจะทำได้ไหม แกก็บอกว่าได้ ถ้ามีความสามารถทำมาได้ แกก็ทำให้ได้
พวกลูกศิษย์ก็จึงไปจัดหากันมา เพราะคนตายสมัยนั้นเขาจะเอาฝังดิน
ไม่เหมือนสมัยนี้ที่ไม่มีการฝังแล้ว โยมปูน
สัปเหร่อของวัดในสมัยนั้นก็เป็นคนไปเอาผงพรายกุมารมา ก็จะเป็น "ลิ้น"
กับ "เส้นผม" ของเด็กที่อยู่ในท้องแม่ที่ตายท้องกลม
แต่ไม่ได้เอาหัวกะโหลกอะไร
ลูกศิษย์เป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยใช่ไหมครับ?
ลูกศิษย์จัดการเอง โดยท่านไม่ได้บอก พวกนั้นได้ไปขุดหากันมา
อย่างเส้นผมก็จะเอามาซอย ส่วนลิ้นก็จะเอาไปย่างแล้ว เอามาบด ให้ละเอียด
แล้วก็เอามาให้ท่าน ซึ่งทางท่านก็มีส่วนผสมอยู่แล้ว
เมื่อเอามาผสมกันแล้ว ก็ทำการปลุกเสก
ที่จริง พลังจิตของท่านที่มีเจตนาเป็นกุศลแรง เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องใส่ผงพรายกุมาร แต่ถ้ามีการใส่ผงพรายกุมารนี้ลงไป
เขาบอกว่าถ้าทำอะไรผิดแหวกแนว คนใหม่ๆ มันชอบ มันก็เชื่อ เป็นอุปทานไป
ตอนนั้น หลวงปู่ทิมปลุกเสกขุนแผนผงพรายกุมาร นานแค่ไหนครับ?
ท่านปลุกเสกคนเดียว ประมาณ 1 อาทิตย์เศษๆ แล้วเขาก็เอาออกมาใช้กัน
วิชาการสร้างขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม
ก็ตกทอดมาถึงหลวงพ่อด้วยใช่มั้ยครับ?
อาตมาก็ได้เรียนกับท่านมา และได้มาแบบท่านไม่ได้หวงเลย
อาตมาไม่ได้อย่างเดียว คือ คาถาที่เรียกปลาเท่านั้นแหละ
อย่างผงพรายกุมาร อาตมาก็ได้จากท่านมาบางส่วน
ก็ขอท่านไว้หลังจากที่ท่านทำพิธีปลุกเสก เพราะตอนนั้น
อาตมาก็ช่วยเขาทำอยู่ด้วย แต่ก็ได้มานิดเดียว ค่อนๆ ตลับยาหม่องเล็กๆ
พออาตมาสร้างพระขุนแผน ก็เอาผงพรายกุมารที่ได้มาใส่เป็นเชื้อ
แล้วก็จะหาผงอย่างอื่นเอามาผสมกัน
วิชาเหล่านี้ นอกจากจะมีดีตามความเชื่อของแต่ละคนแล้ว
จะมีผลที่ไม่ดีอะไรบ้างมั้ยครับ?
อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก บอกได้เลยว่าไม่ดี
ถ้าสมมติว่าเราทำให้ใครใช้ หากเราบังคับมันไม่อยู่ ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย
เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ฉันเรียนมาก็จริง แต่ตัวฉันไม่เอานะ
เข้ากับผี ไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรืออะไร
หลวงพ่อก็ทำได้ แต่ไม่ทำ
ทำได้ เนื่องจากวิชาเหล่านี้เรียนมาทั้งนั้น แต่ไม่ทำ
อะไรที่เกี่ยวกับผีเป็นไม่เอา จะเป็นสีผึ้ง หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่เอา
มันจะเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้ เพราะถ้าทำไม่ดี คนๆ
นั้นอาจถึงขั้นวิปริต เสียสติไปเลย
ส่วนพระขุนแผน พวกผงพรายกุมารนั้น ต้องเรียกว่าคนทำ คือ
หลวงปู่ทิมท่านเก่ง ท่านบังคับอยู่เลย ท่านเสกบังคับไว้เสร็จเลย ฉะนั้น
คนที่จะทำต่อไป ถ้าไม่แน่จริงอย่าไปทำ มันเป็นอันตรายถือว่าเล่นกับผีนะ
เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเลย
แล้วคาถาที่หลวงปู่ทิมเสกบังคับเอาไว้ ไม่มีเสื่อมบ้างหรือครับ
มันไม่เสื่อมหรอก เหมือนโบราณเขาว่าไว้ว่า ถ้าทำได้แน่จริง ดีจริงๆ
มันไม่เสื่อมหรอก เช่นเดียวกับเพชรที่ตกไปในตม
เอาขึ้นมาล้างมันก็คือเพชร ไม่เสื่อมหรอก
ได้ข่าวว่า ตอนนี้ หลวงพ่อกำลังจะสร้าง "พิพิธภัณฑ์ยันต์"
ขึ้นมาที่วัดหนองกรับ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรครับ?
ก็จะสร้างเป็นอาคาร 3 ชั้น ชั้นล่างก็จะเป็นกุฏิ
ไว้ต้อนรับญาติโยมที่เดินทางมาทำบุญที่วัด ชั้น 2 ก็จะทำเป็นพิพิธภัณฑ์
ส่วนชั้น 3 จะใช้เป็นที่เก็บวัตถุมงคลต่างๆ ที่ได้ปลุกเสกแล้ว
พิพิธภัณฑ์นี้จะใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปีได้ อาตมาคาดว่า
เดือนพฤษภาคมปีนี้จะเสร็จสมบูรณ์
พิพิธภัณฑ์ที่ว่านี้ เมื่อเสร็จแล้วจะเป็นแบบไหนครับ?
จะทำเป็นที่เก็บเฉพาะ "ยันต์" เท่านั้น
จะเป็นยันต์ขนาดใหญ่ที่ดูแล้วสวยงาม เป็นยันต์ที่อาตมาเขียนเองทั้งหมด
ส่วนใหญก็เป็นยันต์ที่ได้เรียนมาจากหลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ ก็มียันต์
หนุมาน ยันต์ชูชก และเป็นยันต์พวกดาวเดือน ฯลฯ ยันต์ต่างๆ
ก็จะมีอยู่ในตำรา ลอกจากตำราแล้วเอาไปปั้นติดผนังเลย
และคิดว่าถ้าปั้นจะแลดูขลังกว่า จะนูนออกมาสวยกว่า
โดยจะมีการเขียนตัวหนังสือออกมาก่อน
แล้วเอามาแกะตัวหนังสือทำแม่พิมพ์เลย แล้วเทเป็นตัวๆ ไปเลย ก ข ค ง จ ธ
ท น ฯลฯ ไอ้เส้นยันต์เราก็เทเป็นร่องๆ ไป ประมาณ 40 ซม. หรือ 30 ซม.
การเขียนยันต์ หลวงพ่อเรียนจากหลวงปู่ทิมท่านเดียวเลยเหรอครับ
อาตมาก็ไปเรียนกับอาจารย์เรียง อยู่ที่กรมศิลปากรด้วย
ก็ไปเรียนกับท่านตั้งแต่อายุประมาณ 15 ปี สมัยนั้น
ท่านอาจารย์เรียงมาทำงานอยู่แถวชลบุรี
ท่านก็เริ่มให้ฝึกตั้งแต่การแกะสลักไม้ หลังจากนั้นก็ได้ฝึกเขียนยันต์
ส่วนใหญ่จะให้หัดเขียนเป็นลายไทย พวกลายกนกต่าง ๆ
ก็เรียนอยู่กับอาจารย์เรียง ประมาณ 5 ปีเห็นจะได้
ก็เป็นพื้นฐานในการเขียนยันต์ต่างๆ ในเวลาต่อมา
เครื่องรางของขลังต่างๆ มีประโยชน์อย่างไรบ้างครับหลวงพ่อ
ให้เป็นพุทธานุสติ ให้มีการระลึกถึงสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ คือพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์ ให้ระลึกนึกถึงคุณงามความดี
ไอ้ประโยชน์ของเขามันมองไม่เห็น แต่กรณีฉุกเฉิน
มันก็สามารถทำให้เราแคล้วคลาดจากอันตรายต่างๆ ไปได้
หรือบางครั้งจากหนักก็ให้เป็นเบาได้ เรื่องแบบนี้พูดยาก
ขึ้นอยู่กับความเชื่อ หรือคนต้องประสบเอง
ในทางกลับกัน เครื่องรางของขลังต่างๆ มีโทษบ้างมั้ยครับ
ถ้านำไปใช้ในสิ่งที่ผิด ก็จะเกิดโทษ เช่น คนที่ได้เครื่องรางของขลัง
ไปแล้วคิดว่าตัวเอง ดีแล้ว เหนียวแล้ว คงกระพันแล้ว ก็เกิดความประมาท
บางทีก็ไปหาเรื่องหาราวคนอื่น อย่างนี้ก็เป็นโทษ แต่ถ้าคนเรา
เอาเครื่องราง ของขลังเอาไปใช้อย่างไม่ประมาท เอาไว้คุ้มครองตัวเอง
เอาไว้เป็นที่ระลึก เป็นพุทธานุสติ คงไม่มีปัญหา
ทีมข่าวพระเครื่อง "คม ชัด ลึก"
(เน้นคำพูด-ตัวใหญ่)พระขุนแผนผงพรายกุมารนั้น ถ้าไม่แน่จริง อย่าไปทำ
มันเป็นอันตราย ถือว่าเล่นกับผีนะ เดี๋ยวเสกบังคับไม่ได้ ก็ยุ่งเเลย
อะไรที่เกี่ยวกับผี มันไม่ดีหรอก เพราะถ้าคนทำ เสกบังคับมันไม่อยู่
ไอ้คนใช้ก็จะอันตราย"

หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่
จังหวัดระยองเป็นเกจิที่ประชาชนกำลังให้ความนิยมสูงสุดอยู่ในขณะนี้ท่านเป็นพระที่มีศิลลาจารวัตรงดงามและ

มีพุทธาคมอันแก่กล้าไม่ว่าจะเป็นด้านคงกระพันชาตรี เมตตามหานิยม มหาลาภแคล้วคลาด
ซึ่งปรากฏได้ประจักษ์มาแล้วในผู้ที่เคารพนับถือและมีวัตถุมงคลของ
ลป.ทิมไว้บูชาซึ่งในปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงปู่เป็นที่เสาะแสวงหากันมากทั้งประชาชนทั่วไปและบุคคลในวงกา

รพระเครื่อง
ผู้ที่มีอยู่ต่างก็หวงแหนเพราะประสบการณ์ที่ประสบมาด้วยตัวเองจึงทำให้เกิดแรงศรัทธาอันสูงสุด
แม้ลป.ทิมจะล้วงลับไปแล้ว แต่ความศักดิ์ก็ยังคงอยู่ ความศรัทธาจากประชาชนมิได้ลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด
เมื่อครั้งที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่มีลูกศิษย์ลูกหาหลวงปู่หลายท่านได้ถามหลวงปู่ว่า?หลวงปู่ครับ
เมื่อสิ้นหลวงปู่แล้วพวกกระผมจะพึ่งพิงพระรูปใดได้บ้าง?หลวงปู่ทิมได้ชี้ไปที่พระหนุ่มรูปหนึ่ง
ซึ่งในวันนั้นได้มาปฏิบัติหลวงปู่อยู่ด้วย?โน่น ท่านสาคร เขาเรียนของไว้เยอะ
ท่านสาครที่หลวงปู่พูดถึง ก็คือหลวงพ่อสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับศิษย์เอกหลวงปู่ทิม
ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมไว้จนหมดสิ้น
พระครูมนูญธรรมวัตรหรือหลวงพ่อสาครศิษย์เอกผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงปู่ทิม อิสริโก
เป็นผู้ฝักใฝ่ในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กๆ
นามเดิมว่า สาครไพสาลี เกิดในกระกูลชาวไร่-ชาวนา เมื่อวันอังคาร แรม ๙ ค่ำ เดือน ๓ ตรงกับวันที่ ๓
กุมภาพันธ์ ๒๔๘๑ ซึ่งตรงตามคติโบราณที่ว่าบุคคลนั้นจะมีความพิเศษอยู่ในตัว
หากถือปฏิบัติก็จะพบกับความสำเร็จเจริญยิ่งๆขึ้นไปหากร้ายก็จะร้ายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และบุคคลที่เกิด

ในราศีนี้จิตจะฝักใฝ่ด้านไสยศาสตร์เวทย์มนต์คาถา
โยมบิดาชื่อ นายกุ โยมมารดาชื่อนางนิด หลวงพ่อสาครเกิดที่บ้านท้ายทุ่ง หมู่สอง๒ ต.หนองกรับ อ.บ้านค่าย
(บ้านท้ายทุ่งแห่งนี้เป็นสถานที่เดียวกับบ้านเกิดของลป.ทิม)
หลวงพ่อสาครมีพี่น้องทั้งหมด๒คนคือ

๑.นางอยู่ ไพสาลี
๒.หลวงพ่อสาคร
หลวงพ่อสาครได้เข้าศึกษาเบื้องต้นในชั้นประถมปีที่ ๑
เมื่ออายุได้๕ปีที่โรงเรียนวัดหนองกรับจนจบชั้นประถมปีที่๔ เมื่อพ.ศ. ๒๔๙๐
ได้ออกมาช่วยโยมบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำนาและเมื่อมีเวลาว่างก็จะออกเดินทางไปบ้านละหารไร่
เพื่อศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับโยมหล่อและโยมทัต ซึ่งทั้งสองถือว่าเป็นผู้เรืองวิชาอาคมในสมัยนั้น
และเข้าปฏิบัติหลวงปู่ทิมอยู่เป็นนิจ
ซึ่งนับว่าเป็นศิษย์รุ่นเยาว์ที่หลวงปู่ให้ความเมตตาเรียกใช้อยู่เสมอด้วยนิสัยและความสนใจด้านไสยศาสตร์ม

าแต่เด็กและโตขึ้นจึงเป็นคนหนุ่มที่มีวิชาอาคมติดตัวแต่ก็ได้ใช้วิชาที่ได้ร่ำเรียนมาไปทำร้ายใครกลับมีแต

่ช่วยเหลือเพื่อนๆรุ่นเดียวกันมาตลอด
เมื่ออายุครบ ๒๐ปี
โยมมารดาและญาติพี่น้องจึงได้ร่วมกันจัดพิธีอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุที่วัดหนองกรับเมื่อวันพุธที่ ๔
มิถุนายน ๒๕๐๑
โดยมีพระครูจันทโรทัย(หลวงพ่อดิ่ง)เป็นพระอุปัชฌายะเป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระอธิการเคียง


วัดไผ่ล้อมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า?
มนูญโญ?เมื่ออุปสมบทแล้วได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดละหารไร่และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ลป.ทิมเพื่อศึกษาพระธรรม

วินัยและพุทธาคมจากหลวงปู่ทิมอย่างจริงจังจึงได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่ทิมจนหมดสิ้นโดยมิไ

ด้ปิดบังแต่อย่างใดเรียกได้ว่าเรียนได้กระจ่างชัดรู้จริงสามารถปฏิบัติได้
เมื่อมีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมที่เรียนแล้วด้วยใจรักในด้านนี้จึงได้เสาะแสวงหาศึกษาวิชาอาคมจากลพ.เพ่ง
สาสโน วัดละหารใหญ่ ซึ่งหลวงพ่อเพ่งรูปนี้เดิมเป็นมหาดเล็กในเสด็จเตี่ยกรมหลวงชุมพรเขตดุดมศักดิ์ฯ
จึงได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงปู่ศุข
วัดปากคลองมะขามเฒ่ามีวิชาด้านคงกระพันธ์เป็นเยี่ยมเขียนอักขระลงบนแผ่นตะกั่วเพียงตัวเดียวให้คนทดลองยิง

ก็ยิงไม่ออกเมื่อหลวงพ่อสาครได้ศึกษาวิชาอาคมจากหลวงพ่อเพ่งเป็นอย่างดีแล้ว
ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่ทิมให้ไปศึกษาวิชาจากหลวงปู่หิน
วัดหนองสนมซึ่งหลวงพ่อสาครก็ได้รับความเมตตาจากหลวงปู่หินถ่ายทอดวิชาให้เป็นอย่างดีหลังจากศึกษาวิชาอาคม

จากหลวงปู่หินแล้วหลวงพ่อสาสรก็เดินทางไปศึกษาวิชากับหลวงปู่โสม วัดบ้านช่อง อ.พานทอง
จ.ชลบุรีซึ่งเป็นพระที่มีวิชาอาคมแก่กล้าอีกองค์หนึ่งของภาคตะวันออกหลวงพ่อสาครก็ได้ศึกษาจนกระทั่งจบกระ

บวนท่า ด้วยนิสัยใฝ่รู้หมั่นศึกษา
หลวงพ่อสาครได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมจากบรรดาเกจิอาจารย์ต่างๆอีกหลายองค์ อาทิ
พ. ศ. ๒๕๐๓ ได้เดินทางไปศึกษากับอาจารย์เชียงคำ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า
พ.ศ. ๒๕๐๖ ศึกษากับอาจารย์สิน วัดนาวัง อ.บางละมุง ชลบุรี
พ.ศ. ๒๕๑๘ เดินทางไปศึกษากับอาจารย์สุพจน์ ที่ประเทศเขมร
พ.ศ. ๒๕๒๓ ศึกษากับพระอาจารย์สุมล คำเสียง ที่จังหวัดศรีษะเกษ
พ.ศ. ๒๕๒๕ ศึกษากับหลวงพ่อบุญเย็น วัดแจ้งนอก จ.นครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๒๖ ศึกษากับหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา
พ.ศ. ๒๕๒๗ ศึกษากับหลวงพ่ออาคม วัดดาวนิมิตร จ.เพชรบูรณ์
พ.ศ. ๒๕๒๘ ศึกษากับหลวงพ่อบึม วัดปราสาทกิน จ.ปราจีนบุรี
ฯลฯ
หลวงพ่อสาครยังได้ศึกษากับเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ต่างๆอีกหลายท่านทั้งพระภิกษุและฆราวาส


ในปีพ.ศ. ๒๕๐๘ พระครูเกลี้ยงธรรมถีโยเจ้าอาวาสลำดับที่๙วัดหนองกรับได้มรณภาพลง
ทายกทายิกาชาวบ้านหนองกรับได้เดินทางไปหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่เพื่ออาราธนาหลวงพ่อสาคร มนูญโญ
ให้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับ หลวงปู่ทิมได้อนุญาต
หลวงพ่อสาครจึงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ถึงแม้ว่าท่านจะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองกรับก็มิได้ทอดทิ้งหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์ยังคงเดินทางไปกราบนมั

สการดูแลหลวงปู่อยู่เสมอจนกระทั่งหลวงปู่ทิมได้มรณภาพลงในปี๒๕๑๘หลวงพ่อสาครก็เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ในก

ารจัดบำเพ็ญกุศลศพหลวงปู่ทิมอย่างเต็มที่สมกับที่เป็นศิษย์ก้นกุฏิอย่างแท้จริงจนบรรดาลูกศิษย์ลูกหาอื่นๆ

ของหลวงปู่ทิมกล่าวยกย่องชมเชยหลวงพ่อสาครกันทั่ว
หลวงพ่อสาครนอกจากจะสนใจศึกษาวิชาอาคมต่างๆแล้วท่านก็มิได้ทอดทิ้งในด้านการศึกษาพระธรรมวินัย
และเมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหนองกรับซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า๒๐๐ปีและเคยถูกไฟไหม้เผากุฏิเสนา

สงฆ์จนวอดวายท่านก็มิได้ดูดายเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสก็ได้บูรณะและสร้างเสนาสนะใหม่ขึ้นมาเพื่อให้ภิกษุสงฆ์

สามเณรและพุทธศาสนิกชนได้ใช้ปฏิบัติศาสนกิจต่อไปด้วย
ความสามารถพิเศษของหลวงพ่ออีกอย่างหนึ่งคือมีความชำนาญในด้านปฏิมากรรมและวิจิตรศิลป์
การแกะสลัก,การปั้นลวดลายและวาดภาพฝาผนังตลอดจนการลงรักปิดทอง
ท่านจึงได้ลงมือบูรณะและก่อสร้างเสนาสนะถาวรวัตถุต่างๆด้วยตัวท่านเอง
ในปีพ.ศ.๒๕๒๔ ได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท
?พระครูมนูญธรรมวัตร?หลวงพ่อสาครได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.๒๕๐๘
มีด้วยกันสองพิมพ์พิมพ์แรกเป็นสมเด็จรัศมีมีเนื้อผงใบลานเก่าสีดำหลวงพ่อได้นำใส่บาตรแล้วเผาไฟทำให้มีเนื

้อแกร่งและอีกพิมพ์หนึ่งเป็นรูปปั้นหลวงปู่ทิมเนื้อผงใบลานสีดำเนื้อเดียวกับสมเด็จพิมพ์รัศมี
หลวงพ่อสาครได้นำออกมาแจกแก่ญาติโยมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ในงานทอดผ้าป่า
พระชุดนี้ได้ก่ออภินิหารอย่างมากมายช่วยคุ้มครองชีวิตแก่ผู้นำติดตัวมาแล้วหลายราย
ต่อมาในปี๒๕๒๔หลวงพ่อสาครได้นำผงปัถมัง,ผงอิทธิเจที่ท่านเขียนเลขยันต์อักขระต่างๆ
,ผงของของหลวงปู่.ทิม,ผงอิทธิเจหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่,ผงปัดตลอดอาจารย์ภูเมือง,ผงพุทธคุณหลวงพ่อสิม
วัดถ้ำผาปล่อง,ผงพุทธคุณครูบาคำหล้า จ.เชียงใหม่,ผงพุทธคุณอาจารย์มั่น,ผงวิเศษหลวงพ่อจง
วัดหน้าต่างนอกและผงของเกจิอาจารย์ต่างๆที่หลวงพ่อได้ไปศึกษามาหลวงพ่อสาครได้นำผงเหล่านี้มาสร้างเป็นสมเ

ด็จพุทธนิมิตซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดหนองกรับหลังจากสร้างออกมาแล้วก็เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งเมื

่อทหารนาวิกโยธินนายหนึ่งได้เหยียบกับระเบิดจนตัวลอยละลิ่วเมื่อเพื่อนๆวิ่งไปดูทหารคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย

ในคอคล้องสมเด็จพุทธนิมิตองค์เดียวเท่านั้นจึงยกโขยงมาขอสมเด็จพุทธนิมิตจากหลวงพ่อไปเป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้นหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกหลายพิมพ์ซึ่งก็ล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้นจนทำให้วัตถุมงคลเหล

่านี้หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
ในปีเดียวกัน(๒๕๒๔)หลวงพ่อสาครได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท
หลวงพ่อได้สร้างเหรียญปิดตารุ่นฉลองสมศักดิ์ขึ้นด้านหลังเป็นยันต์ห้าเหรียญรุ่นนี้เป็นที่โจษขานกันมาอีก

รุ่นหนึ่งในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดระยองเหราะทำให้มีฐานะดีขึ้นมาทุกวันนี้เพราะเหรียญปิดตาหลวงพ่อสา

ครนี่แหละ

หลวงพ่อสาครนับว่าเป็นที่เจริญรอยตามคณาจารย์โดยแท้ด้วยศิลลาจารวัตรที่งดงามอีกรูปหนึ่งท่านเป็นพระที่สม

ถะที่มากด้วยพระธรรมวินัยมีอาคมอันแก่กล้า
หลวงพ่อสาคร มนูญโญ วัดหนองกรับนับว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกรูปหนึ่งที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ
ท่านเป็นพระผู้สืบสานอาคมจากหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์มิขาดตกบกพร่อง

*จากหนังสือเนื่องในวาระครบ๕รอบหลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ*


155
สวยครับ ตอกโค๊คข้างใต้เลขสวยซะด้วยครับ


คุณ tumลองหามาใช้ดูซิ ครับไก่ หลวงพ่อไสว ทำมาหากินเก่ง โชคลาภดี แถมพ่วง เมตตาแรงๆๆด้วยนะท่าน :015:

156
มีตัว นะ มหาเสนห์พ่วงมาให้ด้วย สวยงามแท้ๆครับ พ่อขุนแผนแสนเสนห์
ว่าแต่องค์แรกชื่อรุ่นว่า รุ่นเด็ด เลยเหรอครับท่าน

องค์ แรกชื่อรุ่น ทอดผ้าป่าครับ ที่บอกว่าเด็ด รุ่นนี้เป็นที่นิยมในวงการ และมีในรายการประกวดพระบ่อย และตามที่บอกขั้นตอนต้น :054:


ท่านชินชอบสายเสน่ห์จริงๆนะครับ

อิอิ

ท่านเส้าหลินก็ ใช่ย่อย ทั้งสายพระและฆารวาส เก่งๆๆทั้งนั้น :016:

157
ขอบคุณสำหรับภาพสวยๆๆน่าเที่ยวมากครับ :015:

159
หลวงพี่ญาท่านเป็นพระที่มีจิตเมตตาใจดีมากครับ :054:

160
องค์แรกรุ่นทอดผ้าป่า ปี46 รุ่นนี้เจตนาการสร้างดี พิธีดี จำนวนชัดเจน :016:



หลังหลวงพ่อสาครท่านจารนะเสน่ห์หาให้ครับ





องค์ที่สอง รุ่นบารมีคู่ รุ่นนี้เจตนาการสร้างดี พิธีดีโดยปลุกเสกร่วมกันสององค์คือ หลวงพ่อสาครวัดหนองกรับ และ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัครจำนวนชัดเจน มีเกสาหลวงพ่อสาคร กับหลวงพ่อฟู และผงอิธิเจ จำนวนมาก :016: :025: :015:




หลังหลวงพ่อสาครท่านจารนะเสน่ห์หาให้ครับ







163
ขอบคุณสำหรับภาพและข้อมูลมากครับ :054:

164
เก่ามากได้ใจจิงๆๆครับ :054:จาร108สุดยอด แล้วตระกรุดดอกใหญ่ ตรงกลางไม่ทราบคือตระกรุดอะไรครับ :054:

165
นอกจากเมตตายัง ดี ทางโชคลาภ การเสี่ยงโชค กับคน10พลาด2 เสี่ยงโชคแบบมีเครื่องจักรไม่ค่อยชัวร์ 100ปากว่าไม่เท่าลองใช้เองครับ :016:

166
น้อมกราบหลวงปู่ความเมตตาที่หลวงปู่ มีให้กระผมชาตินี้ไม่มีวันลืม :054: :054: :054:

167
หมูหลวงพ่อไสว วัดปรีดารามงามมากครับ  :054: :054: :054:

168
สุดยอด ทั้งตระกรุดและความรู้ครับเมฆ :016:

169
น้อมกราบหลวงพ่อสุรศักดิ์ อติสักโข แห่งวัดประดู่  :054:
ว่าแต่ตะกรุดมหาระงับปราบหงสา จะสร้างอีกครั้งรอถึง12ปีเลยหรอ :075:

170
งามมากครับ ทั้งหลวงพ่อบัวเข็มและขุนแผน ว่าแต่ที่วัดยังมีไหมครับ :054:

171
สวย ครับได้มาจนได้นะครับ ราคาแรงโครต  .......ที่นี้ก็รู้และใช่ปะครับ พวกผมไม่รู้เรื่อง เรื่องโทรศัพอะ   :075:

เอามาจนได้นะพี่สุดยอด...แต่โทรศัพท์ผมไม่รู้นะพี่ :009:


รู้อยู่แล้วว่าน้องๆไม่ได้ แต่จำไม่ว่าวางบนโต๊ะหรือทำตกตอนไหน รูปหล่อพอรับได้ แต่เหรียญบวก+100%คิดตั้งนานของเพิ่งออก :075: :075: :075:

172
ขอถามว่าได้มาแถวไหนจะได้หาวัดได้ง่ายขึ้น :054:

173
ช่วยกันอวยพรหลวงพี่ติ่งกันมากหน่อยนะครับ ผมว่าจะพิมพ์คำอวยพรในกระทู้นี้ถวายหลวงพี่ติ่งครับ   :114:

174
สวยงามๆๆ.....ทุกหน้าเลยครับ :015:

175
ขออารธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก จนดลบันดาล ให้หลวงพี่ติ่ง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง หายจากโรคภัยทั้งหลาย
เอ!!! หลวงพี่อายุ เท่าไรแล้ว  :054: :054: :054:

พรุ่งนี้ลองถามท่านดูเผื่อได้เลขเด็ด :003:

176
วันนี้ ไปวัดกลางบางแก้วมาได้บูชา รูปหล่อ เหรียญสรงน้ำ 84ปี หลวงเจือ และได้พบพี่น้อง สุดหล่อในเว็บด้วย :002: ระหว่างดูวัตถุมงคลอยู่ซักพักหนึ่งมือถือเจ้ากรรมดันหาย  :070: หายตั้งนานก็ไม่เจอสุดท้าย ได้อธิฐานบอกหลวงปู่เจือ หลวงปู่ครับวันนี้ผมมางานวัดเกิดหลวงปู่งานมงคลของหลวงปู่ บูชาวัตถุมงคลไปหลายบาท แล้วอย่าให้เสียเงินอีกเลยขอให้ได้คืนด้วยนะครับ
             :054:







สักพักปาฏิหาริย์ ก็มีจริงเจอโทรศัพท์ตกอยู่ข้างรถโดยไม่มีคนเอาไป ทั้งที่คนผ่านไปมาแยะมากๆ:073:หลวงปู่ศักด์สิทธิ์จริงๆขอได้กราบรับ


178
ขอบคุณสำหรับภาพข่าวมากครับ ทั้ง3 ท่านเลย :054:

179
สุขสันต์วันเกิดหลวงพี่ขอให้หลวงพี่มีสุขภาพแข็งแรงมีความสุขมากๆนะครับ :054:




180
หลวงปู่เต๋ สุดยอดเเล้วครับ พ่อผมเคยไปรับกับมือเลย รับมาตะกรุด3ห่วง เเละ ขุนเเผนตาไก่ ครับ

พ่อบอกว่า ตอนนั้นหลวงปู่เเย้มยังหนุ่ม  ๆ เลยครับ  :016: :015:

ถ่ายรูปให้ชมบ้างนะครับ

 
สวยครับ ด้านหลังมีหนังเสือด้วย ขอบคุณครับท่าน
เหรียญออกปีไหนเหรอครับ ชอบเก็บข้อมูลครับ...อิอิ

ปี2507 องค์นี้ผงอุดเดิมหนังเสือเดิม เช่าหาระวัง ของตกแต่งด้วยนะครับ :054:

181
ตลับยาหม่องผงใบลานนี้สร้างปี 2507





182
กราบนมัสการหลวงพ่อตัด ครับ :054:

183
ขอบคุณพี่นนท์ ที่นำมาให้ชมชุดใหญ่ เด็ดๆ ทั้งนั้น ชอบเหรียญหลวงพ่อพวง วัดพระนอน มากมายครับ :016:

184
กราบหลวงพี่ญา และพระอาจารย์ทั้ง2แห่งวัดโพธิ์เผือก :054:

ว่าแต่เดี๋ยวนี้เรียบร้อย น่ารักมากมาย ทั้ง3องค์เลยนะ :007:

185
ว้าว หลวงพ่อแลจารเองด้วย ของดีจริงๆครับ 9ดอก มงคลมาก ขลัง ชอบๆ

ไม่ทราบว่าเคยตลี่ตะกรุดออกมาดูบ้างมั้ยครับท่านครับ

ไม่กล้าคลี่อะครับ เดี๋ยวเสื่อม ใช้ไม่ได้ยิ่งหลวงพ่อแลไม่อยู่แล้วด้วยครับ :054:


สุดยอดครับ  :052: ของผมก็มีของหลวงพ่อเปิ่นครับ ตะกรุดเก้าดอก เช่าจากวัด :052:ประมาณปี 35-36 ไม่แน่ใจครับ ถักเชือกสีขาวครับ


ยังไงถ่ายรูปให้ชมบ้างนะครับ :054:

187









*พุทธคุณดี มากครับ ลองหามาห้อยดูแล้วจะรู้ว่าดีเพียงใด :054:*

188
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆครับ

189
หลวงปู่เจือ ท่านเป็น พระดีมีจิตเมตตายิ่งนัก ท่านลำบากทำเบี้ยให้ สาธุชน จนเช้า เกือบทุกวัน

คนใจบาปยังเอาเงินท่านไปอีก :070:

191
ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชม :053:

192
รูปแบบเหรียญ สวยงามมาก รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ความหมายดีมากครับ :016:

193
หาของแท้ยากไหมครับ  ถ้าจะเอามาแขวนซักองค์นี่  :092:
ลองดูไม่น่ายากครับ :054:

เอ่อ ว่าแต่ชิน  ช่วงนี้เราไม่ค่อยฮอตเลยแฮะ สงสัยต้องขอยืมของดีมั่งล่ะมั้งเนี่ย   :095:

ระดับท่านโจ้ไม่ต้องใช่ก็ฮอตอยู่แล้ว :015:




194
แหมๆๆ เกลี้ยงเกลา เงาสวย กว่าของเราเยอะเลยแฮะชิน  อย่าเผลอเชียวนะ อิ อิ  :095:
วางบนพานเฉยๆๆของผมก็ดำครับ :054:




195
หายไปนานเลยนะพี่nontaburi ไปหลงพลังที่ไหนเปล่า :001:

พระศาสดาองค์นี้งามมากมากๆครับตา จมูก ปากชัดเจนเยี่ยมมากครับ :054:

196
พระผงพิมพ์นั่งโต๊ะ เป็นพระชุดที่หลวงพ่อชอบและภูมิใจมาก  หลวงพ่อตั้งใจสร้างเต็มที่

เนื่องจากมวลสารเน้นว่านต่างๆ มากมาย พระพิมพ์นี้ จึงมีสรรพคุณของว่านในการดูดพิษอีกด้วย

ชาวบ้านแถววัด หากถูกแมงป่องหรือตะขาบกัด ก็จะอาราธนาพระฝนกันน้ำมะนาว ระงับพิษ หายปวดจาดบาดแผลได้ชะงัดนัก

เป็นของที่ที่วัดสร้างเอง  ปลุกเสกเต็มที่ครับ  ไม่มีกระแส และไม่เคยต้องเชียร์ครับ  ศิษย์หลวงพ่อเก็บกันเงียบหมดแล้ว



ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจากท่านอชิตตะมากๆครับ :054:

197
รบกวนด้วยครับ สมเด็จปรกโพธิ์ชุดนี้ เวลาเช่า เช่าเป็นชุดอย่างนี้เลยใช่มั้ยครับ มีกล่องเข้าชุดสวยงามขนาดนี้

รูปเพิ่มเติมครับ


198
พระแม่ธรณีรุ่นเดียวของหลวงพ่อเปิ่นจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาวัดนกปี2545และเป็นการปลุกเสกครั้งสุดท้ายของหลวงพ่อเปิ่น :054:








รายนามพระเกจิที่ร่วมปลุกเสก(เท่าผมทราบ)

1.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
2.หลวงพ่อทิม วัดพระขาว
3.หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร
4.หลวงพ่อลำใย วัดทุ่งลาดหญ้า
5.หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม
6.หลวงพ่อทอง วัดสามปลี้ม


*ถ้าใครคิดว่าอ่านแล้วได้เป็นประโยชน์ได้ความรู้ช่วยกดขอบคุณเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ  :054:*

199


ความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่ธรณี

การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับพระแม่ธรณีหรือพระธรณี จะไม่มีผู้ใดได้ค้นคว้าเรื่องราวไว้มากนัก จึงผูกพันความเชื่อระหว่างศาสนาฮินดูและพุทธศาสนา แยกเป็น 2 ลักษณะ คือ

1. ลักษณะที่นำความเชื่อมาจากสิ่งมหัศจรรย์บังเกิดขึ้นเหนือธรรมชาติที่มิอาจจะหาคำอธิบายได้ จากปรากฎการณ์ที่เร้นลับ ตลอดจนการเล่าขานสืบต่อจนกลายเป็นวัฒนธรรมของท้องถิ่น และความเชื่อถือผูกให้เป็นเทพเทวา เมื่อกระทำสิ่งที่ขัดหรือผิดต่อความเชื่อมักจะมีความรู้สึกว่า ถูกฟ้าดินลงโทษและชีวิตไม่สามารถดำรงต่อไปอย่างผาสุข หรือจะรู้สึกว่าผิดบาปต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะเป็นสิ่งไม่มีตัวตน เช่น พื้นพิภพ , ธรณี, พื้นดิน เป็นต้น

2. ลักษณะที่กล่าวอ้างความเชื่อจาก เทศน์มหาชาติ พุทธประวัติ ปฐมสมโพธกถา เกี่ยวกับตำนานเทพ เทวดาต่าง ๆ มีเป็นรูปลักษณ์ เห็นเป็นรูปร่างของเทพ ปรากฏกายเป็นสตรี

จากลักษณะความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่ธรณี ซึ่งเป็นลักษณะความคิด ความเชื่อ จากหนังสือนิตยสารชวนรู้เขียนโดย อาจารย์ฤดีรัตน์ กายราศ จากกองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ เรื่องพระคงคา พระธรณี แม่โพสพ เทวดา ในวัฒนธรรมไทยได้ค้นคว้าเกี่ยวกับพระแม่ธรณีได้ชัดเจน จึงขออนุญาตอ้างอิงและนำบทความของท่านมาบางตอนเพื่อได้เห็นภาพลักษณ์ของพระแม่ธรณี ซึ่งท่านได้นำลักษณะของเทวานุสาวรีย์พระแม่ธรณีการประปานครหลวง มากล่าวและเขียนถึงภาพลักษณ์ได้ชัดเจนดังนี้

?ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ทางธรรมชาติอันน่ามหัศจรรย์ที่บังเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มนุษย์แต่โบราณกาลไม่สามารถทราบหรืออธิบายได้ด้วยปัญญาและเหตุผล จึงเข้าใจว่าเกิดจากฤทธิ์และอำนาจของผีสางเทวดาที่จะบันดาลให้ทั้งคุณและโทษ ประกอบกับธรรมชาติของมนุษย์ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจเพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้อง คุ้มครอง จึงเกิดคติความเชื่อว่า หากมีการบนบานศาลกล่าวเซ่นไหว้บูชาแล้ว ก็จะพ้นจากความทุกข์ยากลำบากเดือดร้อน ด้วยความเชื่อดังนี้เมื่อปฏิบัติสืบเนื่องกันมาเป็นเวลาช้านาน ก็ได้เข้าไปครอบงำอยู่ในความนึกคิดและจิตใจของคนในชาติ ในสังคมอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กลายเป็นมูลฐานแห่งวัฒนธรรมจารีตประเพณี เกิดเป็นพิธีรีตองต่าง ๆ ที่มนุษย์ในยุคสมัยต่อมาได้ปรับปรุงให้ประณีตงดงามขึ้น เพื่อสัมฤทธิ์ผลแห่งความเป็นสวัสดิมงคลในการดำเนินชีวิต เทวดาในวัฒนธรรมไทยก็เป็นมรดกจากสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนการทำมาหากินของคนไทยและเป็นที่น่าสังเกตว่าเทวดาที่คอยเอื้อเฟื้อดูแลทุกข์สุขของมวลมนุษย์ มักจะเป็นเทวดาผู้หญิงเสียเป็นส่วนใหญ่ ?

พระธรณี ตามคติความเชื่อของชาวฮินดูให้ความเคารพนับถือว่าแผ่นดินเป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งทั้งปวงในโลกเปรียบเสมือนมารดาผู้ให้กำเนิดหล่อเลี้ยงโลกและแผ่นดิน จึงได้รับยกย่องว่าเป็นเทพจากธรรมชาติองค์หนึ่งเป็นเพศหญิง เรียกนามว่า ?ธรณิธริตริ? แปลว่าผู้ค้ำจุนพระธรณี แม้จะมิค่อยมีรูปเคารพอย่างแพร่หลายเช่นเทพองค์อื่นแต่ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมิใช่น้อย เพราะถือกันว่าพระธรณีสถิตย์อยู่ตามที่ต่าง ๆ ทุกหนทุกแห่ง จะทำการบูชาด้วย ข้าว ผลไม้ และนมด้วยการวางไว้บนก้อนหิน หรือประพรมลงบนพื้นดิน บางแห่งใช้เหล้าเป็นการสังเวยก็มี นอกจากนี้ชาวฮินดูยังมีการขอขมาลาโทษเมื่อจะวางเท้าลงบนพื้นดินก่อนจะลุกขึ้นในตอนเช้า วัวหรือควายที่มีลูกก่อนที่จะให้ลูกกินนมครั้งแรก เจ้าของจะปล่อยน้ำนมของแม่วัวลงบนพื้นดินเสียก่อนทุกครั้งไป ถ้าเป็นพวกชาวนาก็จะขอให้พระธรณีช่วยคุ้มครองผืนนาและวัวควาย แม้ในพระเวทก็มีการขอร้องต่อพระธรณ๊ให้ช่วยพิทักษ์คุ้มครองวิญญาณของคนตาย และต่อมาได้นับถือว่าเป็นเทพแห่งไร่นาด้วย ในแคว้นปัญจาบเชื่อกันว่าพระธรณีจะนอนหลับเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ของทุก ๆ เดือนชาวไร่ชาวนาจะหยุดไม่ทำงานในระยะนี้

เทพแห่งแผ่นดินหรือพระธรณี ไม่ค่อยมีเรื่องราวประวัติความเป็นมาปรากฏมากมายดังเช่นเทพองค์อื่น หรือมีก็สับสน เช่น บางแห่งว่าพระธรณีมีโอรสกับพระนารายณ์องค์หนึ่งคือพระอังคาร บางแห่งว่าพระอังคารเป็นโอรสของพระศิวะกับพระธรณี หรือในคติพราหมณ์พบเพียงว่าเป็นชายาของพระธุรวะหรือดาวเหนือ

 


คติความเชื่อเรื่องพระธรณีได้เผยแพร่มาสู่ไทย ก็เนื่องจากอิทธิพลคัมภีร์พระพุทธศาสนาเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ในพิธีกรรมต่าง ๆ อาทิเช่น พิธีการก่อนไปจับช้างก็มีการกล่าวบูชาพระธรณีเช่นกัน แต่ความเชื่อถือเกี่ยวกับพระธรณีในไทยก็มิได้เป็นที่แพร่หลายนัก และมีความเชื่อเช่นเดียวกับทางอินเดียว่าเป็นเพศหญิงนามพระธรณีมีปรากฎในวรรณคดีไทยหลายเรื่อง อาทิเช่น หนังสือเทศน์มหาชาติปฐมสมโพธิกถา ลิลิตตะเลงพ่าย เป็นต้น มีนามเรียกแตกต่างกันไปเช่น นางพระธรณี พระแม่วสุนธราพสุธา แปลในความหมายเดียวกันว่า ผู้ทรงไว้ซึ่งทรัพย์สมบัติหมายถึงแผ่นดินนั่นเอง สำหรับชาวไทยทั่วไปจะเรียกกันติดปากว่า แม่พระธรณีบ้าง พระแม่ธรณีบ้าง ตามความนิยม

จากเรื่องราวของพระธรณี แสดงให้เห็นว่าเป็นเทพที่รักสงบอยู่เงียบ ๆ จึงไม่ใคร่มีเรื่องราวอะไรในโลก เฝ้าแต่เลี้ยงโลกประดุจแม่เลี้ยงลูก คอยรับรู้การทำบุญกุศลของมนุษย์โลก ด้วยการใช้มวยผมรองรับน้ำจากการกรวดน้ำเสมือนกับเป็นอรูปกะ คือไม่มีตัวตนแต่เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหรือมีผู้ร้องขอจึงจะปรากฏรูปขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง

พระธรณีเป็นเทวดาผู้หญิงที่มีสรีระรูปร่างใหญ่หากแต่อ่อนช้อย งดงามพระฉวีสีดำ พระพักตร์รูปไข่ มวยพระเกศายาวสลวยสีเขียวชอุ่มเหมือนกลุ่มเมฆ พระเนตรสีเหมือนดอกบัวสายคือสีน้ำเงิน พระชงฆ์เรียว พระพาหาดุจงวงไอยรา นิ้วพระหัตถ์เรียวเหมือนลำเทียน มีพระทัยเยือกเย็นไม่หวั่นไหว พระพักตร์ยิ้มละมัยอยู่เสมอ

ภาพเขียนรูปนางพระธรณีที่ถือกันว่างดงามเป็นพิเศษ คือภาพที่ฝาผนังด้านหน้าพระประธานในพระอุโบสถวัดชมภูเวก จังหวัดนนทบุรี ส่วนภาพปั้นหล่อนางพระธรณีในศิลปะไทยที่มีปรากฏอยู่จะทำเป็นรูปหญิงสาว มีรูปร่างอวบใหญ่ ล่ำสันอย่างได้สัดส่วน มีความงามประดุจเทพธิดา นั่งในท่าคุกเข่า แต่ยกเข่าขวาขึ้นสูงกว่าเข่าซ้าย บางแห่งสร้างให้อยู่ในท่ายืน แต่ที่เหมือนกันก็คือมวยผมปล่อยยาว มือขวายกข้ามศีรษะไปจับไว้ที่โคนมวยผม ส่วนมือซ้ายจับมวยผมแสดงท่ากำลังบิดให้สายน้ำไหลออกมาจากมวยผมนั้น ส่วนเครื่องทรงไม่มีแบบแผนที่แน่นอนตายตัว ตามแต่จินตนาการของผู้สร้าง บางแห่งสวมพัตราภรณ์เฉพาะช่วงล่าง แต่บางแห่งทั้งนุ่งผ้าจีบและห่มสไบอย่างสวยงาม ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์มีกรอบหน้าและจอนหูเป็นต้น

สำหรับเทวานุสาวรีย์พระแม่ธรณีในการประปานครหลวงจะมีรูปทรงแตกต่างจากรูปปั้นทั่วไป คือมีลักษณะรูปทรงสง่างาม ลำแขน องค์เอวเรียวงดงาม พระฉวีสีดำ พระพักตร์รูปไข่ มวยพระเกศายาว พระเนตรรีใหญ่คมเหลือบมองพื้นพสุธา วงหน้ารีเรียวพระโอษฐ์ยิ้มละไม เหมือนรูปภาพพระแม่ธรณีที่ฝาผนังด้านหน้าพระอุโบสถวัดชมภูเวก จังหวัดนนทบุรี

ส่วนลักษณะตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนา จากตำนานเกี่ยวกับเทวดา มาร พรหม และจากพระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรสเรื่องปฐมสมโพธิกถาตอนมารวิชัยปริวรรต ได้กล่าวถึงพระแม่ธรณีที่ปรากฎขึ้นมาในช่วงที่สำคัญที่สุดของพระพุทธเจ้าคือ ก่อนการตรัสรู้ ได้เป็นพยานสำคัญในการปราบมารทั้งหลายทั้งปวง ดังความละเอียดต่อไปนี้



?แต่ในชาติอาตมะเป็นพระยาเวสสันดรชาติเดียวนั้น ก็ได้บำเพ็ญทานบารมีถึงบริจาคนางมัทรีเป็นอวสาน พื้นพสุธาก็กัมปนาการถึง 7 ครั้ง แลกาลบัดนี้ อาตมะนั่งเหนืออปราชิตบัลลังก์อาสน์ หมู่มารอริราชมาแวดล้อมยุทธการเป็นไฉนแผ่นพสุธาธารจึงดุษณีภาพอยู่ฉะนี้ แลพระยามารอ้างบริษัทแห่งตนให้เป็นกฏสักขีขานคำมุสา แลพื้นปฐพีอันปราศจากเจตนาได้สดับคำอาตมะในครั้งนี้จงรับเป็นสักขีพยานแห่งข้า แล้วเหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาอันประดับด้วยจักรลักษณะอันงามดุจงวงไอยรารุ่งเรืองด้วยพระนขามีพรรณอันแดงดุจแก้วประพาฬออกจากห้องแห่งจีวร ครุวนาดุจวิชุลดาในอัมพรอันออกจากระหว่างห้องแห่งรัตวลาหก ยกพระดัชนีชี้เฉพาะพื้นมหินทรา จึงออกพระวาจาประกาศแก่นางพระธรณีว่า ดูก่อนวนิดาดลนารี ตั้งแต่อาตมะบำเพ็ญพระสมภารบารมีมาตราบเท่าถึงอัตภาพเป็นพระเวสสันดรราช ได้เสียสละบุตรทานบริจาคแลสัตตสดกมหาทานสมณะพราหมณาจารย์ผู้ใดผู้หนึ่ง ซึ่งจะกระทำเป็นสักขีพยานในที่นี้ก็มิได้ มีแต่พสุนธารนารีนี้แลรู้เห็นเป็นพยานอันใหญ่ยิ่ง เป็นไฉนท่านจึงนิ่งมิได้เป็นพยานอาตมาในกาลบัดนี้

ในขณะนั้น นางพสุนธรีวนิดาก็มิอาจดำรงกายาอยู่ได้ ด้วยโพธิสมภารานุภาพยิ่งใหญ่แห่งพระมหาสัตว์ ก็อุบัติบันดาลเป็นรูปนารี ผุดขึ้นจากพื้นปฐพียืนประดิษฐานเฉพาะพระพุทธังกุรราช เหมือนดุจร้องประกาศกราบทูลพระกรุณาว่าข้าแต่พระมหาบุรุษราช ข้าพระบาททราบซึ่งสมภารบารมีที่พระองค์สั่งสมอบรมบำเพ็ญมา



แต่น้ำทักษิโณทกตกลงชุ่มอยู่ในเกศาข้าพระพุทธเจ้านี้ ก็มากกว่ามากประมาณมิได้ ข้าพระองค์จะบิดกระแสใสสินโธทกให้ตกไหลหลั่งลง จงเห็นประจักษ์แก่นัยนาในครานี้ แลนางพระธรณีก็บิดน้ำในโมลีแห่งตน อันว่ากระแสชลก็หลั่งไหลออกจากเกศโมลีแห่งนางพสุนธรีเป็นท่อธารมหามหรรณพ นองท่วมไปในประเทศที่ทั้งปวงประดุจห้องมหาสาครสมุทร พระผู้เป็นเจ้ารักขิตาจารย์จึงกล่าวสารพระคาถาอรรถาธิบายความก็เหมือนนัยกล่าวแล้วแต่หลัง

ครั้งนั้น หมู่มารเสนาทั้งหลายมิอาจดำรงกายอยู่ได้ ก็ลอยไปตามกระแสน้ำปลาตนาการไปสิ้น ส่วนคิรีเมขลคชินทรที่นั่งทรงองค์พระยาวัสวดีก็มีบาทาอันพลาดมิอาจตั้งกายตรงอยู่ได้ ก็ลอยตามชลธารไปตราบเท่าถึงมหาสาคร อันว่าระเบียบแห่งฉัตรธวัชจามรทั้งหลาย ก็ทักทบท่าวทำลายล้มลงเกลื่อนกลาดและพระยามาราธิราชได้ทัศนาการเห็นมหัศจรรย์ ดังนั้น ก็บันดาลจิตพิศวงครั่นคร้ามขามพระเดชพระคุณเป็นอันมาก พระคันถรจนาจารย์จึงกล่าวพระคาถาสรรเสริญคุณานุภาพโพธิสัตว์อรรถาธิบายความก็ซ้ำหนหลัง

ครั้งนั้นมหาปฐพีก็ป่วนปั่นปานประหนึ่งว่าจักรแห่งนายช่างหม้อบันลือศัพท์นฤนาทหวาดไหวสะเทือนสะท้าน เบื้องบนอากาศก็นฤโฆษนาการ เสียงมหาเมฆครืนครั่นปิ่มปานจะทำลายภูผาทั้งหลาย มีสัตตภัณฑ์บรรพต เป็นต้น ก็วิจลจลาการขานทรัพย์สำเนียงกึกก้องทั่วทั้งท้องจักรวาล ก็บันดาลโกลาหลทั่วสกลดังสะท้าน ปานดุจเสียงป่าไผ่อันไหม้ด้วยเปลวอัคคี ทั้งเทวทุนทุภีกลองสวรรค์ก็บันลือลั่นไปเอง เสียงครืนเครงดุจวีหิลาชอันสาดทิ้ง ถูกกระเบื้องอันเรืองโรจน์ร้อนในกองอัคนี การอัสนีบาตก็ประหารลงเปรี้ยง ๆ เพียงพื้นแผ่นปฐพีจะพังภาคดังห่าฝน ถ่านเพลิงตกต้องพสุธาดลดำเกิงแสงสว่างหมู่มารทั้งหลายต่าง ๆ ตระหนกตกประหม่า กลัวพระเดชานุภาพแพ้พ่าย แตกขจัดขจายหนีไปในทิศานุทิศทั้งปวงมิได้เศษ แลพระยามาราธิราชก็กลัวพระเดชบารมี ปราศจากที่พึ่งที่พำนักซ่อนเร้นให้พ้นภัยหฤทัย ท้อระทดสลดสังเวชจึงออกพระโอษฐ์สรรเสริญพระเดชพระคุณพระมหาบุรุษราชว่า ดังอาตมาจินตนาการอันว่าผลทานศีลสรรพบารมีแห่งพระสิทธัตถกุมารนี้ ปรากฏอาจให้บังเกิดมหิทธฤทธิ์สำเร็จกิจมโนรถปรารถนาทุกประการ มีพระกมลเบิกบานแผ่ไปด้วยประสาทโสมนัส จึงทิ้งเสียซึ่งสรรพาวุธประนมหัตถ์ทั้ง 2,000 อัญชลีกรนมัสการ ก็กล่าวสารพระคาถาว่า นโม เต ปุริสาชญญ เป็นอาทิ อรรถาธิบายความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ปุริสาชาไนยชาติเป็นอุดมบุรุษราชในโลกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายวันทนาการชุลีพร้อมด้วยทวารทั้ง 3 คือกายวจีมโนประณามประณตในบทบงกชยุคลบาท บุคคลผู้ใดในมนุษย์โลกธาตุกับทั้งเทวโลก ที่จะปูนเปรียบประเสริฐเสมอพระองค์คงเทียมเทียบนั้นมิได้มี พระองค์ได้ตรัสเป็นพระศรีสรรเพชญ์เสร็จแจ้งจตุราริยสัจจ์ศาสดาจารย์มีพระเดชครอบงำชำนะหมู่มาร เป็นปิ่นปราชญ์ฉลาดในอนุสัยแห่งสรรพสัตวโลกจะข้ามขนนิกรเวไนย์ให้พ้นจตุรโอฆกันดารบรรลุฝั่งฟากอมฤตมหานฤพานอันเกษมสุขปราศจากสังสารทุกข์ในครั้งนี้ แลพระยาวัสวดีมารโถมนาการพระคุณพระมหาบุรุษราชด้วยจิตประสาทเลื่อมใส ผลกุศลนั้นจะตกแต่งให้ได้ตรัสแก่พระปัจเจกโพธิญาณในอนาคตกาลภายหน้า เมื่อพระยามารกล่าวสัมภาวนากถาสรรเสริญคุณพระโพธิสัตว์ แล้วก็นิวัตตนาการสู่สกลฐานเทวพิภพ?

จึงสรุปความเชื่อทั้ง 2 ลักษณะ คือ พระแม่ธรณีเป็นอรูปกะคือไม่มีรูปกาย เช่นเดียวกับพระแม่คงคา ซึ่งชาวฮินดูจะทำการสักการะได้ทุกสถานที่ เมื่อต้องการความช่วยเหลือก็อ้างเรียกได้ทุกเวลา ส่วนความเชื่ออีกลักษณะหนึ่งที่ทางศาสนาพุทธได้เชื่อตามพุทธประวัติ ที่พระแม่ธรณีได้มีพระคุณต่อพระพุทธเจ้าก่อนการตรัสรู้ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น พระแม่ธรณีมีรูปกายผุดขึ้นมาจากพื้นปฐพีเป็นองค์ที่มีภาพเป็นนิมิตรเป็นรูปสตรีที่ทางพุทธได้กำหนดพระนามของพระแม่ธรณี คือ?นางพสุนธรี? ซึ่งเป็นองค์ตามลักษณะของรูปร่างตามพระแม่ธรณีบีบมวยผมจะประดิษฐานอยู่ใต้แท่นฐานพระพุทธเจ้า ?ปางปราบมาร? และเมื่อเกิดมหาปฐพีป่วนปั่น ด้วยอิทธิฤทธิ์ของพระแม่ธรณีบีบมวยผมน้ำมาท่วมท้นหมู่มาร มีทั้งฝนตกและน้ำท่วม และ ?ปางนาคปรก? หรือเรียกว่า ?พระอนันตชินราช? ชึ่งมีพญานาคได้มาแผ่ปกบังฝนและขดตัวยกชูบัลลังก์ขึ้นสูงจากน้ำที่ท่วมท้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน จึงมีรูปภาพที่ตามผนังพระอุโบสถวัดต่าง ๆ ตรงข้ามกับพระประธาน พระแม่ธรณีจึงเป็นเทพผู้อุปถัมภ์พระพุทธเจ้าการบูชาจึงดูได้จากภาพพระแม่ธรณีที่ทูนบัลลังก์พระพุทธองค์สูงเหนือเศียร เป็นต้น

ธรณีนี่นี้เป็นพยานความศักดิ์สิทธิ์ของแม่โลก

พระแม่ธรณี เป็นเทพฝ่ายหญิงที่ผูกพันอยู่กับศาสนาพุทธ และคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน ทั้งที่พระแม่ธรณีนั้นเคยเป็นเทพของศานาพราหมณ์ ? ฮินดูเคยกล่าวถึงมาก่อนเพียงแต่พระแม่พระองค์นี้ไม่ได้สร้างรูปเคารพให้เป็นที่เอิกเกริกอย่างเมืองไทย ส่วนใหญ่ถือเอาดินก้อนหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาแทน ? พระแม่ธรณี ? เท่านั้น ความยิ่งใหญ่ของท่านนั้นแทบไม่ต้องบรรยายถึง เพราะเหย้าเรือน ตึกรามบ้านช่อง ห้องหอเวียงวัง พร้อมด้วยสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนั้นตั้งอยู่บนพระวรกายของท่าน เพียงแต่ท่านไม่ได้ปรากฏรูปกายเป็นเรือนร่างให้เราสัมผัสมองเห็นด้วยตาเท่านั้นเอง

คนไทยเองสร้างรูปของพระนางในลักษณะบีบมวยผม เป็นจินตนาการที่จำลองเอาจากพุทธประวัติ ตอนพระพุทธเจ้าผจญมารมาสร้างรูปไว้สักการบูชา ปางอื่นๆ ด้วยอิริยาบถยืนก็มี แต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่ากับการนั่งพับเพียบเท่านั้นเอง

ความจริงแล้ว ซึ่งพระแม่ธรณีนั้นเข้าใจง่ายที่สุด ไม่ต้องอธบายมากทั้ง ๆ ที่ท่านเองก็มีชื่อเรียกอื่นเหมือนกัน อาทิ พระศรีวสุนธรา , พระปฤถิวี , พระภูมิเทวี , ธฤตริ , พสุนธร , พสุนธรี

สถานภาพของพระแม่นั้นโสด ปราศจากการครองคู่กับพระสวามี !!!

แต่ตามวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนอินเดียนั้น มักไม่ยอมให้ผู้หญิงอยู่เป็นโสด เพราะผู้หญิงที่ปราศจากคู่ครองหนึ่ง หรือ สามีตายหนึ่ง มักจะถูกประณามหยามเหยียด ดูหมิ่นดูแคลนกันไปต่าง ๆ ดังนั้น ... ในยุคแรก ๆ นั้นก็เลยไม่มีการจัดคู่ให้กับแม่ธรณี , พระแม่คงคา ซึ่งมีสถานภาพโสดด้วยกันทั้งคู่ ตำนานว่า กาลก่อนนั้น พระลักษมี , พระสรัสวดี , พระธรณี , พระคงคา นั้นร่วมอยู่ในครอบครัวเดียวกับพระวิษณุเทพ ด้วยเหตุที่มีเรื่องวิวาทกันบ่อย ๆ ตามประสาเมียทั้งหลาย พระวิษณุเทพก็เลยต้องทำหน้าที่แจกจ่ายเมียแจกพระคงคาให้กับพระศิวะ และจะยกพระปฤถิวีให้กับเทวดาองค์หนึ่ง ทำให้นางเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจก็เลยอธิษฐานขอลงมาใช้ชีวิตบนโลก ไม่อยากหาความสำราญบนสวรรค์อีกต่อไป

ทุกวันนี้พระแม่ธรณีแทบจะหมดความสำคัญในศาสนาพราหมณ์ ? ฮินดู มีหลงเหลืออยู่บ้างก็คือ ชาวฮินดูบางคนให้ความเคารพด้วยการเอาฝ่ามือแตะพื้นธรณีขึ้นมาแตะหน้าผากเพื่อแสดงว่ายังเคารพอยู่เท่านั้นเอง หรือบางคนหลังตื่นนอนก่อนเอาเท้าแตะพื้นก็จะกล่าวคำขอขมาลาโทษ เทพชั้นรองหลายคนที่ลดบทบาทบนสวรรค์ก็เลยมาสมาทานเอาพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นพระพรหม พระอินทร์ พระแม่ธรณี เป็นต้น ผู้เฒ่าผู้แก่มักจะสอนเด็กว่า ห้ามเหยียบธรณีประตู !!

จะด้วยเชื่อว่า พระแม่ธรณีสถิตอยู่ตรงนั้น หรือเพราะไม่อยากให้เด็กสะดุดประตูก็แล้วแต่ ก็แสดงว่าพระแม่ธรณีนั้นเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ค่อนข้างมาก

นมราดพื้นบูชาแม่ธรณี

อินเดียโบราณ คนซึ่งมีอาชีพทำปศุสัตว์ ก็จะแสดงความเคารพแม่องค์นี้ด้วยวิธีการหนึ่งเหมือนกันคือ เมื่อแม่วัวสาวท้องแรกหลังคลอด และก่อนที่จะให้ลูกวัวได้กินนมจากเต้า คนเลี้ยงจะรีดนมลงพื้นเพื่อบูชาพระแม่ธรณี หรือบางแห่งก็จะตั้งเครื่องสังเวยที่พื้นดิน บูขาด้วยข้าว ผลไม้และนมสด และเอานมนั้นเทราดไปบนพื้น

เพราะการเทราดบนพื้นดินถือเป็นการบูชาแม่ธรณี ตามคติโบราณของคนอินเดียเรื่องพระแม่ธรณีเป็นเพียงแค่เรื่องเครื่องเคียงของเทวนิยมฮินดูเท่านั้น ไม่ได้แสดงบทบาทที่ชัดเจนเหมือนเทพเจ้า เริ่มต้นในสมัยสร้างโลกได้กล่าวถึงพรปฤถิวีที่จมอยู่ใต้น้ำ หลังน้ำท่วมโลกด้วยความทุกข์ทรมานจนพระวิษณุเทพอวตารเป็นหมาป่าไปงัดเอาโลกที่จมอยู่ใต้น้ำ

ขึ้นมาตั้งอยู่ดังเดิมเพื่อให้สรรพสิ่งในโลกได้ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งพระนางปฤถิวียังทำหน้าที่รับฝาก

ของวิเศษแบบไม่มีดอกเบี้ยอีกด้วย เช่นพระชนกของนางสีดา ฝากลูกใส่ผอบฝังดินไว้จนลูกโตเป็นสาว หรือพระศิวะฝากรัตนธนูเพื่อถวายพระราม อวตารปางหนึ่งของพระวิษณุเทพ


ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน

เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง

เราผิดท่านประหาร เราชอบ

เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้ คืนสนอง


*ถ้าใครคิดว่าอ่านแล้วได้เป็นประโยชน์ได้ความรู้ช่วยกดขอบคุณเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ :054:*

200
บทความประทับใจมากๆครับ :016: :054: :015:

ให้ข้อคิดดีมาก ในการดำเนินชีวิตค่อยๆทำอย่างระเอียดรอบครอบ ดีกว่าผิดพลาดทีหลัง หรือสักแต่ทำแต่ไม่มีคุณภาพ :015:

201
สวยเยี่ยมมากครับนายตะกรุด :016:


โอ้ว ท่านตะกรุด หาได้อย่างไรนี่ สุดยอดจริงๆครับ 2224 3ตัวหน้างวดที่ผ่านมาเต็มๆ เยี่ยมสุดยอดครับ  :053: :015:

แถม3ตัวตรง  ๖๕๔  :015:

204
ตระกรุดหล่อโบราณรุ่นล่าสุด เนื้อเดียวกับที่หล่อหลวงพ่อองค์ใหญ่



หลวงปู่เรียกตระกรุดให้


205
นำรูปหลวงพ่อสืบมาให้ชมท่านเรียกให้นานมากประมาณเกือบ20นาที ท่านบอกเรียกทั้งทีต้องเรียกเชิญครูบาอาจารย์ให้ครบ:054:


207
ขุนแผนรุ่นแรก หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม เนื้อเดียวกับกุมารรุ่นแรก หลวงพ่อสร้างแจกทหารที่ไปรบสงครามอินโดจีน ล้วนรอดตายกับมาพร้อมประสบการณ์มากมาย พุทธคุณ คงกระพัน แคล้วคลาดเมตตา  :015:






208
อาจารย์ประโยชน์ อยู่ที่ไหน ท่านสักอะไรบ้างครับ :054:

209
สวยครับ แล้ว ท่านชอบองค์ไหนมากที่สุดครับ เอาที่ขึ้นคอบ่อยๆ


ชอบทุกองค์แล้วแต่โอกาส พี่ศักดาลองหามาห้อยดูครับเมตตาแรงมากท่านเมฆการันตี :016:

211
 
:054:รำลึกถึงหลวงพ่อตัด วัดชายนา ถึงแม้ท่านจะจากไปแต่สาธุชนทั่วแผ่นดินยังมีหลวงพ่ออยู่ในใจเสมอ     :054:

พระผงรูปเหมือนนั่งขาโต๊ะรุ่นแรก  เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2518 แต่แจกอย่างเป็นทางการในปี 2525 งานปิดทองฝังลูกนิมิต จำนวนการสร้าง 100000 องค์ แค่บิ่นหักแตกชำรุดไปเสียเยอะ รวมทั้งได้เก็บลงกรุไว้เรื่อยมาและนำ้ำมาเป็นมวลสาร ผสมพระในรุ่นหลังๆ ด้วยครับ พุทธคุณครบทุกด้าน เน้นพุทธคุณครบเครื่องต้องรุ่นนี้ล่ะครับ  :016:






212
กราบหลวงพ่อตัด ด้วยความอาลัยท่านคงไปสบายแล้วครับ :054:

213
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อคิดดีๆๆ :054:

214
รุ่น1 จำปีที่สร้างไม่ได้แน่นชัด

รุ่น2 ประมาณปี48

*ขุนแผนทั้ง2รุ่นสร้างที่วัดชายนา วัดเป็นผู้สร้างเอง ส่วนตอนนี้หลวงพ่อเพิ่งเสียของก็เลยบวกเต็มที*

ส่วนรายละเอียดลึกๆต้องให้ท่านอชิตตะครับท่านเป็นสายตรง :054:

215
ต่างครับเบี้ยไร้ตะเข็บ ชันที่อุดปรอทไว้ไม่มีโอกาสรั่วไหลออก ถ้าชันและปรอทที่อุดไหลออกคาถาอาคมที่บรรจุจะไม่สมบูรณ์ เบี้ยไร้ตะเข็บตียากกว่า :002:

216
รำลึกถึงหลวงพ่อตัด วัดชายนา ถึงแม้ท่านจะจากไปแต่สาธุชนทั่วแผ่นดินยังมีหลวงพ่ออยู่ในใจเสมอ :054:   :054:

รุ่น1เนิ้อแดง รุ่น2เนื้อดำ รุ่น2เนื้อพิเศษผสมเพชรหน้าทั่ง










218
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆๆและเป็นประโยชน์ครับ :054:

220
สวยงามครับท่าน ขนาด7นิ้ว เห็นมีรอยเจิมด้วย หลวงปู่ท่านเจิมให้ใช่มั้ยครับ
[/quot

ใช่ครับหลวงปู่ท่านเมตตามากครับ :054:




ใต้ฐานครับ


221
ขอขอบคุณโจ้มากครับสำหรับภาพที่มีคุณค่าครับ :054:

222










ขอขอบคุณภาพจากเว็บมาสเตอร์วัดบางพระด้วยครับ :054:

ลิงค์การปลุกเสก
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,6199.0.html

224
คนละอย่างครับของคุณนกแบบมีตะเข็บ  :054:

225
ขอบคุณคุณปอร์ คุณเก่งมากครับ :054:

227
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: 23 พ.ค. 2552
« เมื่อ: 06 พ.ค. 2552, 02:54:05 »
กราบนมัสการหลวงปู่ทิม :054:

ขอบพระคุณสำหรับข่าวสาร :054:
 

228
ขอบคุณมากครับชอบ :002:

229
ขอบคุณมากครับ ทำให้ทราบเรื่อง เบี้ยแก้ขึ้นมากเลยครับ :054:

231
ขอกราบนมัสการหลวงพ่อเปิ่นครับ :054: :054: :054:

233
ขอบคุณมากสำหรับบทความ  :054:

ถ้าท่านใดมีคุณแม่อยู่ก็แสดงความกตัญญซะตั้งวันนี้เถอะครับ ก่อนที่จะสาย กาลเวลาไม่สามารถย้อนกลับมาได้นะครับ :114:

234
ขอไว้อาลัยแด่หลวงพ่อตัดด้วยครับ :054:

235
ขอกราบ  :054:หลวงพ่อตัด วัดชายนา ด้วยความอาลัยอย่างยิ่งครับ :054: :054:

236
ขอให้กำลังใจท่านเว็บมาสเตอร์และทีมงานทุกท่านครับ การทำงานต้องมีบ้างอุปสรรค แต่อย่าท้อนะครับ :114:

บารมีครูบาอาจารย์คุ้มครองครับ ยังไงเว็บบอร์ดวัดบางพระ ยังคงอยู่คู่กับวัดบางพระตราบนานเท่านานครับ :054:

237
หลวงตาเปรื่องท่านเก่งครับ ทำปิตตา ตะกรุดเองหมดเลย หายากครับ :054:

239
ขอน้อมกราบหลวงพี่ติ่ง ผู้มีจิตเมตตาอย่างยิ่ง :054:

ขอบคุณพี่นนท์ กับคุณปอร์  porvfc(สิบทัศน์)ด้วยครับ :053:

240
ครบเซ็ตเลยเยี่ยมครับ :015:

241
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ :016:

242
ขอบคุณสำหรับภาพข่าวมากครับ :054:

243
ขอบพระคุณพี่หนึ่งมากครับที่นำบทความดีๆ มาให้ความรู้และแนะนำ น้องๆเสมอ :054:

244
กราบขอบพระคุณพี่หนึ่งมากครับ :054: :054: :054:

ตัวอย่างผ้ายันต์ที่พี่หนึ่งมอบให้วันไหว้ครู





วัตถุมงคลที่ได้รับจากพี่หนึ่งล้วนยอดเยี่ยมมากครับในทุกทางครับ

1.พิธีพุทธาพิเศก ที่ยอดเยี่ยม

2.พระเครื่อง วัตถุมงคล การจัดสร้างที่ยอดเยี่ยม

3.ตัวผู้มอบที่มีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตากรุณาต่อศิษย์น้อง ลูก หลาน เป็นอย่างยิ่งยวด

4.ตัวผู้มอบเป็นผู้เพียบพร้อมทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ บารมีทั้งทางโลกและทางธรรม หาผู้เพียบพร้อม
   และยอดเยี่ยมในพ.ศ2552 นี้ยากเต็มที

 :016:ดังนั้นวัตถุมงคลที่หนึ่งมอบให้จึงยอดเยี่ยมทุกทางครับ :015:

245
สวยงามมากครับพี่ชิน 

ไม่ทราบว่าจะบูชาได้ที่ไหนครับ :003:

ลองดูตามแผงหน้าวัดน่าจะมี 36;

246
หลวงปู่ทวดปี2543 ของหลวงพ่อเปิ่น เนื้อดินกากยายักษ์ยังมีมีว่านต่างๆมากมาย
หลวงพ่อเปิ่นท่านแจกเป็นที่ระลึกในการบริจาคทรัพย์ระฆังใหญ่



บารมีหลวงปู่ทวด+บารมีหลวงพ่อเปิ่น แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตราย หายห่วง  :016:


เนื้อดินกากยายักษ์และว่านต่างๆ มีพุทธมากมาย ทั้งแคล้วคลาด ปลอดภัยอันตราย ดีเยี่ยม :015:











247
ยอดเยี่ยมทุกท่านเลย  :016:ขอบคุณที่นำของดีมาให้ ชม :054:

248
ธรรมมะดี ประทับใจ ขอบคุณครับ ต้นน้ำ :054:

250
ดูเก่ามากๆ น่าจะเป็น ของกรุทางสุพรรณ ครับ

ยินดีด้วยนะครับที่มีของดีติดตัว :053:

251
ยันต์เกราะเพชร ของ หลวงพ่อปาน สุดยอดมากครับ  :016:

ผ้ายันต์เก่า+สวยมากๆครับ :053:

252
ยินดีกับท่านเอ็กส์ด้วยครับ ที่ได้เกศาหลวงพ่อเปิ่นไว้บูชา :054:

253
ไม่น้อยหรอกครับ มีหลายชิ้นสวยๆทั้งนั้น :053: วัตถุมงคลหลวงพ่อเปิ่นเพียง ชิ้นเดียวก็คุ้มครองชีวิตได้ครับ :054:

254
หลวงปู่ทวดรุ่น1 ของหลวงพ่อเปิ่นนี้  จัดในสร้างในปี 2540 เนื้อยาจินดามณี

บารมีหลวงปู่ทวด+บารมีหลวงพ่อเปิ่น แคล้วคลาดปลอดภัยอันตราย หายห่วง  :054:


ยาจินดามณี พุทธคุณดีทาง เมตตา โชคลาภ วาสนา  :016:







255
เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี  จัดสร้าง ราวปี 2493







หลวงพ่อเปิ่นได้มาศึกษาวิชากับหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ตั้งแต่ยังหนุ่มก่อนเกณฑ์ทหาร ในช่วงที่ครอบครัวย้ายไปตั้งรกรากอยู่สุพรรณ  :054:


ขอน้อมกราบสักการะหลวงพ่อแดง วัดทุ่งคอก ด้วยครับ :054: :054:

256
ขอบคุณ เมฆ สำหรับ รูปภาพและเนื้อหาที่ดี ครับ :054:

257
ขอน้อมกราบหลวงปู่เปิ่น ด้วยความอาลัยยิ่งครับ :054:

258
หลวงพ่อเปิ่น รุ่น รวยซะให้เข็ด ชื่อ รุ่นนี้เป็น มหามงคลยิ่งนัก


มวลสารก็สุดยอดเต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณ ที่โดดเด่นไปทาง ด้านโชคลาภ มีทั้งผงพุทธคุณและเศษธนบัตรจำนวนมาก :015:



ด้านหน้า
เป็นรูปหลวงพ่อเปิ่น ยิ้ม ด้วยความเมตตายิ่งนัก :054:




ด้านหลัง
ได้บรรจุ ยันต์พญาเต่าเรือน ที่มีพุทธคุณ ด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภยิ่งนัก :054:



259
จิ้งจก พระอาจารย์ญา สวยงาม+ขลังมากๆๆครับ :054:

260
เสืองดงามมากแถมถ่ายรูปสวยอีกนะครับ :015:

261
ขอแสดงความเสียใจกับพี่นนท์และครอบครัวที่ได้สูญเสียคุณยายด้วยครับ :054:

262
เจ้าแม่กวนอิม หลวงพ่อเปิ่น รุ่นสร้างโรงเรียน ปี2533

บารมีเจ้าแม่กวนอิม+บารมีหลวงพ่อเปิ่น ท่านช่วยลูกศิษย์เสมอ :054:






263
สวยงามและเก่าเนื้อโลหะ+ทองที่ร่อนบอกถึงอายุเป็นอย่างดี พระนารายณ์ทรงโค หายากมากครับ :053:

264
ยอดเยี่ยม ทั้งพระและข้อมูลเลยครับ :053:

265
กลิ่น เนื้อยาอ่อนมากแล้ว ครับขนาด องค์ สีเข้มซึ่งสร้าง หลัง ส่วนสีอ่อนสร้างนานกว่าเนื้อ แห้งสนิท กลิ่น หายหมดแล้วครับ :054:

266
พระหลวงพ่อเปิ่น พิมพ์นี้ จัดสร้างโดย หลวงพี่ญา แห่งวัดบางพระ ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าสุดยอดมากๆเรียกว่าดีครบทุกด้าน
ดีใน มวลสาร เป็นเนื้อชานหมากหลวงพ่อทิม วัดพระขาว และผงพุทธคุณต่างๆอีกมากมาก

ดีนอก หลวงพี่ญาท่านได้ ให้หลวงปู่ทิม เสกที่ กุฏิ 1 พรรษา และยังมาปลุกเสกที่วัดบางพระอีก โดย คณาจารย์ต่างๆของวัดบางพระ

รูปทรงด้านหน้า ซึ่งเป็นลพ.เปิ่นออกธุดงค์ เปรียญเสมือน ลพเดินติดตามไป กับลูกศิษย์ทุกที่ ไม่ว่าจะพบกับอันตรายก็จะประสบแต่โชคลาภ




รูปทรงด้านหลัง
ได้ บรรจุ ยันต์ที่ยอดเยี่ยม สาริกา เมตตามหานิยม เสือ ตบะคงกระพัน  ปลาตะเพียน สัญลักษณ์อีก หนึ่งอย่างของลป ทิม ซึ่ง เมตตาค้า ค้าขาย ดีมาก และยันต์พุฒซ้อน สัญลักษณ์อีก หนึ่งอย่างของ ลป เปิ่น ซึ่งเป็นยันต์ที่ท่าน นำมาใช้ในการลงนะหน้าทองให้แก่ลูกศิษย์





ขอบอกว่าใครมีหลวงพ่อเปิ่น พิมพ์ธุดงค์ ใช้อยู่สุดยอด :016:

ขอกราบขอบพระคุณ หลวงพี่ญา ทั้งพระและข้อมูลด้วยครับ :054:


267
ยาจินดามณีของวัดบางพระมีประวัติการสืบทอดต่อกันมานานตั้งหลวงปู่หิม ซึ่ง เป็นสหสมิกธรรมกับหลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว
พระทั้ง3องค์ทันหลวงพ่อเปิ่น หมดครับ ส่วนรายละเอียด ต้องรบกวนพี่หอมเชียง พี่อแมซิ่งด้วยครับ :114:











268
ชินคะ..

ขอสงวนสิทธิ์...กรุณาใช้ถ้อยคำสุภาพนะคะ... ขอบคุณค่ะ


ชิน ไม่ต้องโชว์มากค่ะ....

นำ...ขุนแผนหลวงปู่ทิม องค์สีขาวที่อยู่หน้ารถ.. มาให้ด้วยจร้า....ด่วนหน่อยนะจ๊ะ ใจร้อนรน...

วันนั้นลืมเอาลงจากรถแหน่ะค่ะ... แหม........:009:

ปล. วันนั้นเราไป..ดูพระ-เช่าพระกันที่เดอะมอลล์บางแคกันไง...แหมๆๆๆๆๆ ทำลืม... (ว่าจะไม่มาโพสให้แล้วเชียว แต่โพสทวงพระมะเปงไรม้างงงงงง 555)





อยากได้ของคนอื่นก็พูดดีๆๆอย่ามาใช้วิธีสกปรก

269
ถ้อยคำผมสุภาพเสมออย่าบ้าอำนาจแก้ไขบิดเบือนข้อมูลคนอื่นนะครับ

270
ชิน ไม่ต้องโชว์มากค่ะ....

นำ...ขุนแผนหลวงปู่ทิม องค์สีขาวที่อยู่หน้ารถ.. มาให้ด้วยจร้า....ด่วนหน่อยนะจ๊ะ ใจร้อนรน...

วันนั้นลืมเอาลงจากรถแหน่ะค่ะ... แหม........:009:

ปล. วันนั้นเราไป..ดูพระ-เช่าพระกันที่เดอะมอลล์บางแคกันไง...แหมๆๆๆๆๆ ทำลืม... (ว่าจะไม่มาโพสให้แล้วเชียว แต่โพสทวงพระมะเปงไรม้างงงงงง 555)





271
ชิน ไม่ต้องโชว์มากค่ะ....

นำ...ขุนแผนหลวงปู่ทิม องค์สีขาวที่อยู่หน้ารถ.. มาให้ด้วยจร้า....ด่วนหน่อยนะจ๊ะ ใจร้อนรน...

วันนั้นลืมเอาลงจากรถแหน่ะค่ะ... แหม........:009:

ปล. วันนั้นเราไป..ดูพระ-เช่าพระกันที่เดอะมอลล์บางแคกันไง...แหมๆๆๆๆๆ ทำลืม... (ว่าจะไม่มาโพสให้แล้วเชียว แต่โพสทวงพระมะเปงไรม้างงงงงง 555)





272
ขอขอบคุณทุกคำอวยพร... สะท้อนถึงความอบอุ่นที่ ยากนัก จะหาจากที่ใด...ได้....

ที่นี่....บ้านบางพระ หลังนี้ มีแต่ความปรารถนาดีจาก พ่อ พี่ น้อง... มาตลอด...

วันเกิดครั้งนี้... มันชื่นฉ่ำใจไงไม่รู้บอกไม่ถูก.... แบบว่าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต จริงๆ นะคะ...


ขอบคุณอชิตะ ที่กรุณาให้เกียรติมาโพสประกาศให้พี่สาวคนนี้... สร้างความเอิกเกริก...แบบไม่รู้เนื้อ รู้ตัว...

ขอบคุณพี่น้องทุกคน..ขออนุญาตินับจำนวนเก็บรายชื่อเอาไว้.. (เผื่อไว้แจกของขวัญดีกว่า...แต่ขอคิดหน่อยว่าจะเป็นอะไร 555) ...


ส่วน 'ชิน' (เด็กนอกวัด) นั้น... ถือให้วันนี้ ยุติการประชดประชัน งอน โกรธ ฯลฯ เสียทีค่ะ...หันมาให้เกียรติกันดีกว่าค่ะ....

สงสารสาวๆ ในบ้านบางพระของเรานะคะ... (สีผึ้งที่จะเอามาวันอาทิตย์...เขาไม่เอาแล้วนะคะ...) :008:

เอาเป็นว่า...ผู้หญิงคนนี้..ไม่ติดใจอะไร...ให้อภัยในทุกๆ เรื่อง...ที่ผ่านมาก็แล้วกันค่ะ...ขอบคุณค่ะ...
:009:



273
ชิน ไม่ต้องโชว์มากค่ะ....

นำ...ขุนแผนหลวงปู่ทิม องค์สีขาวที่อยู่หน้ารถ.. มาให้ด้วยจร้า....ด่วนหน่อยนะจ๊ะ ใจร้อนรน...

วันนั้นลืมเอาลงจากรถแหน่ะค่ะ... แหม........:009:



ปล. วันนั้นเราไป..ดูพระ-เช่าพระกันที่เดอะมอลล์บางแคกันไง...แหมๆๆๆๆๆ ทำลืม... (ว่าจะไม่มาโพสให้แล้วเชียว แต่โพสทวงพระมะเปงไรม้างงงงงง 555)


ไม่มีทางผิดแน่นอนคะ คอนเฟิร์ม ชินคนนี้ คนเดียวในดวงใจ  :009:

274
สวยทุกเล่มเลยครับ :053:

275
บทความประทับใจมากครับต้นน้ำ :053:

276
สวยมาครับทั้งเหรียญ รูปหล่อน่าสนใจมาก ขอบคุณน้องก็อดที่นำของดีมาให้ชม :016:

277
ขอบคุณพี่พีชมากต่อไปจะได้ใช้ได้แรงเต็ม100%ละ 03;

ห้อยเหรียญเทพรำลึก เทพรำจวนด้วยไง+2แรง

278
4.ขุนแผนเคลือบขาว ตะกรุดเงิน3ดอก ปี2545 ปีทั้งหมด3สี น้ำเงิน เหลือง ขาว










279
บารมีพระนาง มากสมกับไปผู้สร้าง พระรอด พระคง พระเปิม พระลี้ สุดยอดครับ :054:

280
ในศาสตร์ของคนจีน หรือคนไทยเชื้อสายจีน มีหลักความเชื่อ ข้อหนึ่ง คือ คนที่มีดวงชะตาชงกัน

หรือเวลาไปงานศพแล้วเราเป็นคนที่ชงกับงานศพ กลับมาแล้ว ปวดหัวตัวร้อน ไม่สบาย เหงาๆ ซึมๆ

มีหลวงปู่รูปหนึ่ง อายุของท่านนับถือวันนี้ก็ ๙๙ ปี ย่าง ศตวรรษ พอดิบพอดี  แต่สุขภาพร่างกายยังแข็งแรง

ท่านคือ หลวงปู่โต๊ะ พระผู้สละชีวิตทางโลก เกิดใหม่ในเพศสมณะ 

ได้เคยไปกราบหลวงปู่หลายครั้งด้วยกัน  สอบถามได้ความว่า ท่านบวชเมื่อตอนอายุ ๙๐ ปี  ก็เรียกว่าบวชมา เกือบจะสี่สิบพรรษา

หลวงปู่มีดีหลายอย่าง ที่ท่านทำแจกประจำ คือ ตะกรุดกันชง ลงอักขระคาถาเกือบ ๖๐ ตัว

ตะกรุดกันชง เด่นทางกันชงกับสิ่งที่เรามองไม่เห็นหรืออะไรที่เราแพ้ทาง 

เป็นตะกรุดขนาดตะกรุดลูกอม ของหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ  จารลงบนแผ่นอลูมิเนียม เล็กๆ น่าใช้ครับ

ได้สนทนากับหลวงปู่แล้วสนุกมาก ท่านเป็นพระซื่อๆ ตรงๆ น่าเลื่อมใส คุยเสียงดังแต่ใจดี

ท่านบอกว่า เคยมีคนเอาตะกรุดท่านไปลองยิง ออกเหมือนกัน  ไม่ได้ทำมากันปืนนะ อย่าไปอวดดีกับใครเขา

ท่านเล่าของท่านเองชนิดว่า  "ของข้าทำได้แค่ไหน ข้าก็บอกแค่นั้น" 

ที่เด็ดสุด คือก่อนจะมาบวชท่านมีภรรยามาแล้วหลายคน  ..แหล่มซิครับ 

จะเหลือเหรอ เข้าถ้ำเสือแล้วอย่างนั้นก็ต้องได้ลูกเสือออกมา..... อ้อนจนท่านให้มา ยกพานดอกไม้ขอคาถาเลยอ่ะครับ

ที่ว่าเด็ดก็เพราะคาถาของท่านไม่ใช่แค่ทำให้หญิงรัก แต่ทำให้พ่อตา เอ๊ย พ่อแม่ผู้หญิงรักเราด้วย

ท่นบอกว่า ทำตัวดีๆ เป็นคนดีมีงานทำ พ่อแม่เขาต้องให้โอกาสเรา แต่ถ้ายังยากก็ลองเอาคาถาไปใช้ดู 

โฮ๊ะๆ โฮ๊ะๆ  เมตตาดึงดูดเมตตาจริงๆ ครับพี่น้อง











ท่านชื่ออะไรอยู่ที่ไหนครับเมฆ :016:

281
แจม    เห็นว่าไดถ่ายรูปกะคนดังด้วยนิ :002:


282
เยี่ยมครับได้ไปงานไหว้ด้วยเพิ่มพลังให้ลูกๆด้วย 36;

283
เยี่ยมมากครับ อ.ปุ้มท่านเป็น พระที่มีอาธยาศัยดีมากใจ ดีมากครับท่านมีความรู้หลากหลายที่ สำคัญจำหน่ายวัตถุมงคลราคาไม่แพงไม่ค้ากำไรเกินควรตีหัวเขาบ้านเหมือนบ้างที่เห็นคนศรัทธาก็เอาความศรัทธาของชาวบ้านมาหากินคนเก่งมีมากมายนะครับ :015:

284
ผมนับถือหลวงพ่อฤาษีลิงดำมากครับ ท่านเก่งมากครับโยเฉพาะยันต์เกาะเพชร แต่ที่อยากได้มากก็สมเด็จองค์ปฐมอะครับ ขอบคุณ۞เณรน้อยเส้าหลิน۞มากครับ  :054:


285
สวยและขลังมากครับ ยังไงอย่าลืมให้ หญ้า+น้ำ วัวด้วยนะ :017:

286
จัดเป็นของดีราคาพอเอี้อมไหวอีกชุดครับ :053:

287
สวยมาก ขลังมากครับพ่อไสวสุดยอด  :016: :053: :015:

288
เยี่ยมมากครับ :053:อยากไปมั่ง 15;

289
3.พลายเดียวปี51 รวมมวสสารไว้หลายรุ่น









*ถ้าใครมีขุนแผนหลวงปู่ทิม ช่วยลงรูปรายละเอียดการจัดสร้าง ประสบการณ์ เผยแพร่เป็นวิทยาทานด้วยนะครับ :054: *

290
ขึ้นจากกรุปี2536 ที่โบสถ์เก่าลงสอบถามรายละเอียดที่วัดได้ครับ มีภาพกรุตอนที่เจอครับ



291
ของผมได้มาจากลุงคนนึงในอยุทยาท่านบอกได้มาจากกรุไหนจำไม่ได้ได้มานานแล้วเลยกดผมไป300ได้มาปี40-41แพงใช้ได้ต่อมาปี49-50เดินท่าพระจันโอ้วขุนแผนเหมือนที่กรูหาวัดอยู่เลย พิมพ์เดียวกันเลย เนื้อนี้ใช่เลย :070:ถามองละเท่าไหร่30เดินออกมาหน่อย25 เลยบอกไปว่าที่บ้านมีละ 16;




**ข้อคิดแม้จะเป็นพระบ้านก้เก็ได้ดังนั้นจึงควรศึกษาหาความรู้เสมอ**



292
ขอบอกท่านโจ้ตามตรงเก็ ท่าพระจัน :073: ครับเพราะผมก็โดนมาเดี๋ยวถ่ายรูปให้ดู :015:

293
ขุนแผนหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ไม่มีพรายไม่มีผีแน่นนอนแบบว่าผมนอนคนเดียวกลัวผีมาก และเต็มเปี่ยมไปด้วยพุทธคุณ เช่น ยันต์หลังขุนแผนทั้ง2องค์นี้ก็คือ พุทธคุณห้อง ปิ ในอิติปิโสรัตนมาลานั้นเอง :017:

294
2.ขุนแผนเนื้อชานหมาก+ฝังตะกรุดทอง+พลอย พ.ศ2548 องค์นี้มีประสบการณ์ตอนนั้นปี2549ช่วงต้นปีผมได้ให้ขุนแผนองค์นี้พ่อไปใส่ตอนนั้น(กรอบสแตนเลส)เนื่องจากพ่อบอกไม่มีขุนแผนหลวงปู่ทิมเลย อยากได้ตัวกระผมตัดใจอยู่นาน แล้วปี2550ช่วงกลางปีผมได้ถามพ่อว่าขุนแผนปู่ทิมไปไหนท่านไม่รู้เก็บไว้ไหนหาไม่เจอ :067:ผมก็ถามท่านอยู่ตลอดขุนแผนไปไหนคำตอบที่ได้รับเหมือนเดิม :070:จนเมื่อปีที่แล้ว2551ช่วงต้นปีผมก็ไปศึกษางานกับลูกน้องพ่อคนนึงเขาบอกว่าพ่อได้ให้พระไว้หลายองค์แต่เขาได้เอาไปแจกคนงานไปหมดแล้ว :093:ลูกน้องประมาณว่าไม่นับถือพระไม่ห้อยพระหลังจากนั้น ผมได้คุยกับคนงานบอกได้รับแจกพระมาขุนแผนองค์ซึ่งเก็บไว้เฉยๆๆผมเล่าเรื่องราวต่างๆ และได้ขอพระคืนซึ่งเขาก็ให้มา 15;







จากเรื่องนี้ทำให้ผมเข้าใจในเรื่องที่ว่าของสิ่งไหนที่เป็นของเราก็ยอมเป็นของเราชัดขึ้น

295
1.ขุนแผน8รอบเนื้อชานหมาก+ฝังตะกรุดทอง พ.ศ2552 ขออินกระแสกระเขาหน่อย :009: ชานหมากเป็นสัญลักษณ์ของหลวงปู่ทิม มีประสบการณ์มากมายทั้งในด้านเมตตามหานิยมและโชคลาภ ดังนั้นขุนแผนเนื้อชานหมากจึงเป็นที่นิยมและเสาะหาของลูกศิษย์มากที่สุด :016:








296
สุขสันต์วันเกิดมีความสุขมากๆนะครับ :114:


297
หลวงพ่อพุทท่านเก่งมาก ทั้ง วัว และราหู ตอนนี้อยากได้ขุนแผนซะแล้ว 37;

298


สองเกจิที่อยู่ในใจศิษย์เสมอ







ขอกราบหลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่อทิมครับ :054:

299
อ้างจาก: ack01 link=topic=7883.msg69262#msg69262 date=1 36;2 36;37995833
ในสายวัดสามง่าม พี่เรานี่แน่นอนจริงๆ :016:


ผมไม่แน่นหรอกครับท่านอาศัยฟลุกมากกว่าครับ 36;


โอ้ว ขอรายละเอียดเพิ่มเติมหน่อยครับท่านเด็กนอกวัด ของผมไปบูชาประมาณปี 49 หรือ 50 ไม่แน่ใจครับ เป็นแบบนี้เหมือนกันครับ แช่น้ำหมาก สุดยอดเลยครับ เพิ่งทราบเหมือนกันครับ ปลื้มเลย ขอบคุณข้อมูลครับ  :054:


สีอย่างนี้ทำปีเดียวจำไม่ได้เหมือนกันว่าปีไหนจำได้แต่ตอนทิดต่อบวชอยู่ เนื่องจาก ปีนั้นรักที่วัดหมด หลวงพี่ต่อ ท่าน จึงได้ถามหลวงปู่ใช้อะไรดีไปไปมามาตอนนั้นพระต่อได้ทำลูกอมชานหมากเป้นปีแรกด้วย จึงมีความคิดที่จะนำตะกรุดแช่น้ำหมาก แต่ทำอยู่ปีเดียวขั้นตอนทำใช้เวลาและยุ่งยากมากกว่าทารัก จึงไม่ได้ทำออกมาอีก ดังนั้นน้องเก่งจึงได้ของดีไว้ในครอบครอง*หมายถึงตะกรุดนะครับ :002:ยังไงก็นำรูปมาให้ชมกันบ้างนะครับ 36;


301
ตระกรุดสามห่วง แช่น้ำหมากท่านทำแบบอยู่เพียงปีเดียว แข็ง+ขลังมาก หมากท่านเสกตลอดก่อนนำมาทำตะกรุดท่านเสกอยู่นาน **ผู้ให้ข้อมูลทิดต่อ**






302
งามขนาดครับท่าน ช่วยแถลงไขถึงพุทธคุณด้วยครับท่าน  :002:
เมตตามหาเสน่ห์ ขอบอกอีกอย่างว่าล็อกเก็ตสวยมากๆๆ ส่วนรายละเอียดที่ฝังด้านหลัง ต้องให้ อชิตตะ มาบอกอีกที ว่าเป็นอะไรฟังแล้วอาจต้องรีบหา :017:

อยากได้มั้งจัง . . .  :005:

ที่วัดน่าจะยังพอมี :016:

303
ขอดูรูปหน่อยครับเดี๋ยวช่วยบอกให้ :017:

305
ขุนแผนหน้าตะโพนสุดยอด :053:พวงนั้นเคยให้หลวงปู่ท่านจับขึ้นมาพลิกซ้าย ขวาดู และผมก็บอกหลวงปู่ขุนแผนตะโพน หลวงพ่อแช่มครับท่านก็บอกพ่อแช่มเคยมาที่วัดบ่อยท่านเก่ง :054:

306
กราบหลวงปู่ด้วยความอาลัยครับ :054:

ไปฟังสวดหลวงปู่ที่วัด พระขาวเป็นการแสดงความกตัญญูด้วยกันนะครับ

307
หลวงปู่ทิมได้เมตตาจารนางกวักและวัตถุมงคลต่างๆให้และวันนั้นได้ทำบุญกับหลวงปู่
หลวงปู่:บอกแม่นางกวักนี้ดีนะโชคลาภดีท่านจารยันต์ไปตั้งหลายอย่าง
เด็กนอกวัด :ครับ
หลวงปู่:และท่านได้หยิบเหรียญกลมที่มีปลาตะเพียนล้อมรอบ
หลวงปู่:และบอกว่าเหรียญนี้ดีนะมีปลาตะเพียนตั้ง26ตัวหากินดี
เด็กนอกวัด :ให้ท่านลงกะหม่อมและกราบลา

ปรากฏว่างวดนั้นออก62จริงๆๆ



***แต่จากวันนี้จะคงหลวงปู่ไม่มีอีกแล้ว ที่จารวัตถุมงคลที่จะมาบอกแนะนำอย่างงี้อีกแล้ว ใครว่างเชิญไปฟังสวดหลวงปู่ทิมกันนะครับเป็นการแสดงความกตัญญระลึกถึงหลวงปู่กันนะครับ :054: :054:

308
คำตอบก็คือ พระเกี้ยวนาง อ.ปุ้มนั้นไง[/color






309
หลวงพ่ออวยพร มีแบบจารเต็มแผ่นท่านเต็มใจทำก็เลยลงซะเต็มแผ่น :002:






แผ่นเงินจารยันต์บัวบังของใครก็น่าจะเดากันออกอ.ท่านฝังตะกรุด+เข็ม จิงไหมJob :095:






310
ขอกราบหลวงปู่ด้วยความอาลัยอย่างยิ่งครับ :054:

311
ตะกรุดใบลาน หลวงพ่อมี วัดมารวิชัยได้บูชามาช่วงปี39 ตอนกราบหลวงปู่ครั้งแรกที่วัด พุทธคุณหายห่วง เร็วแรง ดุจขับรถ R34 เลยครับ  รูปลักษณะภายนอกใบลานจารอักขระหุ้มตะกรุดทองแดงอีกทีข้อมูลการสร้าง อย่างไรต้องรบกวนท่าน000 ช่วยตอบหน่อยนะครับ 15;




312
ขอบคุณโจ้มากครับยังหาไม่คบเหมือนกัน :054:

313
โอ้วท่าเมฆสุดยอดหลวงพ่อผินะ ผมรู้จักแค่ ปลัดหัวชะมด ดาว โยนี เม็ดพญาเทครัวเพี่เคยได้ยินขอรูปแบบ3Dหน่อยนะ 15;

314
เจ้าคารมแบบนี้สาวถึงตรึมสลับรางแทบไม่ทัน :053:

315
มีอยู่แค่นี้ครับ..น้ำมันสาริกาตัวผู้ตัวเมีย ไม่มีวัตถุของพรายเจอปน(กัวผีมากครับท่าน 11;)...

ดียังไงไม่ทราบไม่ได้เจอกับตัวเอง...

..แต่ท่านโจรสลัดขี่มอไซด์ไปเจอด่านตำรวจตรวจใบขับขี่ด่านใหญ่...

..หมวกไม่ใส่ ใบขับขี่ไม่พก...

..ตำรวจไล่ผ่านด่านไปเฉยเลยครับ เหอะๆ 36;..



ของเค้าดีจริง :053:


316
สุดยอดมากครับทั้งท่านเปรี้ยวน้องก็อด :016:ขอบคุณสำหรับภาพครับ  :054:นางพิมมากมายแบบบูชาทาทองสวยมากครับ ที่ชอบมากอีกองค์เนื้อพลอยกระดูแยะดีครับเป็นก้อนๆเลย :053:

317
ได้ครับไม่มีปัญหาผมยังทำเบี้ยเป็นพวงกุญแจรถเลย :016:

318
ขอบคุณน้องก็อดมาก :053:สงสัยงานนี้ต้องไปวัดทองซักที่

319
สุดยอดครับตะกรุดดอกนี้   สงสัยถ้าจะเอาติดตัวคงต้องพาดเอาไว้แน่

แล้วหลวงปู่ไม่สบายเหรอครับท่านชิน    ขอให้หลวงปู่หายไวๆนะครับ :114:

ใช่ครับน้องหนุมาน ยังไม่ค่อยแข็งแรงครับ :054:

320
ที่วัดบางพระผมมั่นใจปลอดภัย100%เนื่องจากเข็มที่สักแช่แอลกอฮอล์ก่อนนำมาสัก ที่ตวงหมึก/ตวงน้ำมันเปลี่ยนทุกครั้ง :015:

321
เหรียญหลวงพ่อไสว นั่งตะกรุดพิสมรได้ทั้งหลวงพ่อไสว แถมยังได้ตะกรุดพิสมรด้วยแบบ2In1 :016:






322
เยี่ยมครับท่าน แถมคาถาด้วย:053:

323
ถ่ายภาพมาให้ท่านอชิตะ ช่วยพิจารณาครับ ว่าจะใช่ของหลวงปุ่หยิบ หรือเปล่า..

...ยาวประมาณ 5.5 นิ้ว ตามที่ท่านอชิตะบอกไว้เลยครับ...ได้มา 5 ปีแล้วครับ ไม่ค่อยได้ใช้หนักเกิน













ฝากเสื้อยันต์ของหลวงปุ่หยิบให้ชมกันครับ..ไม่เคยใช้เหมือนกันครับ(ไม่รุ้จะใส่ไปไหน 11;)









ผมว่า ใช่ นะครับพี่เอ๊ก ยุคแรกๆด้วยซิ  ได้เต็มครับ +๑ จัดไป

ถ้าไม่ชอบบอกได้นะพี่ ยินดีน้อมรับตะกรุดดอกนี้  :005: :005:

ส่วนเสื้อยันต์ แรงเกิ๊น  มีหงส์ด้วย  บาตาบาดใจ จริงๆ

หงส์แดง แรงดีครับ

หงส์ทองก็ ..... กึ่มๆ    :004: :004:
36; 36;
[/quo




ยินดีกะน้องเอ็กส์ได้รู้ที่มา  อย่างว่าของดียอมเคียงคู่กับน้องที่แสนดี :016:

324
ขอบคุณน้องก็อดที่นำของแปลกมาให้ชมครับ :053:

325
หลวงพ่อหร่ำ วัดกร่าง ปทุมธานี ท่านเกิดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2415 





ตรงกับวันจันทร์ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 7 ปีวอก ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 6 คน บิดาชื่อ นายแอบ มารดาชื่อนางเผือน ครั้งเมื่อวัยเยาว์ท่านได้ศึกษาภาษาไทย และภาษาบาลีจนแตกฉานกับพระอธิการนอมที่วัดกร่าง หลังจากนั้นจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรจนอายุครบอุปสมบท ก็ได้ที่บ้านบางกระบือ ตำบลสามโคก จังหวัดปทุมธานี  เมื่ออายุได้ 17 ปี ท่านก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดกร่าง และต่อมาเมื่ออายุครบบวชท่านก็อุปสมบทที่วัดกร่าง โดยมีพระอธิการหิน วัดสวนมะม่วง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการนอม วัดกร่างเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า "เกสโร" เมื่อบวชแล้วท่านก็ได้ศึกษาหาความรู้ต่างๆ จากพระอธิการหิน วัดสวนมะม่วง ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ และกับพระอธิการนอม อดีตเจ้าอาวาสวัดกร่าง

ครั้นต่อมาเมื่อพระอธิการนอม มรณภาพลง พระอธิการกันต์ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน แต่อยู่มาไม่นานเท่าไร พระอธิการกันต์ท่านก็ลาสิกขาบทไป คณะกรรมการวัดและชาวบ้านต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าควรนิมนต์หลวงพ่อหร่ำท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาส จึงได้นิมนต์หลวงพ่อหร่ำท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสสืบแทน
หลวงพ่อหร่ำ เกสโร ท่านเป็นลูกศิษย์พระอธิการนอมและด้รับถ่ายทอกวิชาทั้งภาษาไทยและภาษาบาลี ตลอดจนพระเวทมนต์คาถาและวิชาไสยศาสตร์จนหมดสิ้น พระอธิการนอมซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อหร่ำ เกสโรนี้ ท่านเป็นพระมอญและเป็นที่นับถือเคารพและศรัทธาจากหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ จังหวัดอยุธยา และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก จังหวัดอยุธยา ซึ่งท่านได้เคยเดินทางมาศึกษาวิชาจากพระอธิการนอมนี้ด้วยเสมอ

หลวงพ่อหร่ำท่านเป็นพระที่ชาวบ้านเคารพเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมากใครเป็นอะไร เจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปให้ท่านช่วยรักษา ท่านก็จะกรุณาเมตตารักษาให้จนหายดี โดยใช้สมุนไพรต่างๆ ซึ่งท่านมีความรู้ความชำนาญอย่างยิ่ง นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ไปให้ท่านช่วยทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมอาบรดให้ สำเร็จสมประสงค์ทุกรายไป ส่วนในเรื่องวัตถุมงคลนั้นท่านก็ได้สร้างไว้ให้แก่ศิษย์หลายอย่าง เช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ รูปกระดาษ พระเนื้อดินเผาพิมพ์พระขุนแผนใบพุทรา พระพิมพ์เม็ดน้อยหน่า เป็นต้น

นอกจากนี้ก็ยังมีเหรียญอีกสองรุ่น คือเหรียญรุ่นแรกสร้างในปี พ.ศ. 2469 เนื่องในโอกาสพิธีกวนข้าวทิพย์ โดยการนำของพระมหาแหวน ได้ปรึกษาหารือและขออนุญาตจัดสร้างเพื่อสมนาคุณแด่ผู้เสียสละทรัพย์ทำบุญสร้างศาลาโรงธรรม จำนวนที่จัดสร้างเนื้อเงิน 80 เหรียญ เนื้อทองแดง 1,000 เหรียญ มีทั้งชนิดกาไหล่ทอง กาไหล่เงิน และแบบธรรมดา ส่วนเหรียญรุ่นสองนั้น คณะกรรมการวัดขออนุญาตจัดสร้างเพื่อแจกให้กับผู้มีจิตศรัทธาในการทำบุญปฏิสังขรณ์พระอุโบสถในปี พ.ศ. 2499 จำนวนทั้งสิ้น 5,000 เหรียญ

 ส่วนในวันนี้ผมจะนำรูปพระขุนแผนใบพุทรา เนื้อดินเผามาให้ชมกันครับ องค์พระอาจจะไม่สวยงามนัก เนื้อเป็นเนื้อดินเผาผสมกรวดทราย เนื้อค่อนข้างหยาบ แต่พุทธคุณนั้นเป็นเลิศครับ ดีครบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ครับ ชาวสามโคกรู้ดี เรียกว่าขุนแผนแห่งเมืองปทุมฯ ครับ ชาวบ้านแถบนั้นต่างก็หวงแหนครับ จึงไม่ค่อยได้พบเห็นกันนักครับ

ขุนแผน




ขุนแผนใบพุทรา




สาธุหลวงพ่อหล่ำ วัดกร่างด้วยอานิสงที่นำประวัติหลวงพ่อมาเผยแพร่ ขอให้ได้ขุนแผนใบพุทราแท้ๆ สวยๆๆซักองค์นะครับ 17;

326
ทำตามนี้ของอยู่แน่นนอนครับ :016:


327
ของท่านเมฆแยะมากมายรูปหล่อของเสน่ห์เพียบอย่างนี้ดูแลสุขภาพบ้างนะครับ  ไข่ลวก ซุบไก่ :114:

328
ขอบคุณพี่หอมเชียงมากครับ :054:

329
แนะนำมั่งสิตรับว่าขวดไหนของใครมีส่วนประสมอะไรบ้าง ที่สำคัญขวดไหนอ็อกเทนแรงสูงบ้าง :003:

331
ข้อมูลเพิ่มเติม
ตระกรุดดอกนี้หลวงปุ่เป็นจารเองทุกดอกไม่อนุญาติให้ใครจารแทน และทักเชีอกเองด้วยเป็นเชือกแบบตะกรุดกันงูเวลาทักห้ามอ้าปากหรือพูดคุยกับใครถ้าท่านใดสนใจรองสอบถามที่วัดดูนะครับ แต่ต้องอีกซักพักเนื่องจากช่วงนี้หลวงปู่ป่วยจึงงดทำตระกรุดกันงู
:017:

333
ได้มานิดหน่อยจาก2บ่อนี้








334
ตะกรุด ใหญ่ ยาว ขลัง เป็นของหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทร พุทธคุณหลาย กันงู กันคุณไสย ยาวมากถึง60 ซม/24นิ้ว







335
ดูเข้มขลังมากทำบุญแพงไหมครับ :016:

336
จับผ่าศพหากุมารทองเร่ขายหลักล้าน


แก๊งหมอลำซิ่งสะกิดวิญญาณซื้อขายทางเน็ต
               





ตะลึง"หมอลำซิ่ง"บ้าไสยศาสตร์ยกพวกบุกป่าช้าพังโลงศพสาวตายทั้งกลม ทำพิธีสะกดวิญญาณใช้เทียนลนคางผู้ตายเพื่อเอาน้ำมันพราย และผ่าท้องศพนำกุมารทองออกมา คาดว่าต้องการนำไปเป็นเครื่องรางของขลัง ให้มีโชคลาภเมตตามหานิยม หรืออาจนำไปขายในตลาดมืดซึ่งมีการรับซื้อทางอินเทอร์เน็ตในราคาหลักล้าน เผยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนสิงคโปร์และมาเลย์  ที่มีความเชื่อว่ากุมารทองทำให้การค้าขายรุ่ง เรือง ตำรวจตะครุบตัวได้ 1 คน ส่วนหัวโจก  ยังหลบหนี
 
เมื่อเวลา 15.45 น. วันที่  18 มี.ค. พ.ต.อ.ไผ่พนา เพ็ชรเย็น ผกก.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ได้รับการประสานงาน ขอให้ทำการสืบสวนคดีศพถูกผ่าท้องขโมยลูก กรอกหายไป จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนของ สภ.น้ำพอง ประกอบด้วย พ.ต.ต.สมใจ รักษ์ศิลป์ สว.สป. และ พ.ต.ต.ประสิทธิ์ ปลื้มสุด สว.สส. นำกำลังออกหาข่าวจนสามารถรู้เบาะแสแน่ชัดว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร
 
พ.ต.อ.ไผ่พนา กล่าวต่อไปว่า เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 19 ก.พ. 52 ได้มีกลุ่มคนร้าย 5 คน ประกอบด้วย นายฉลามพล ชาภูวงษ์ อายุ 20 ปี นายสุรจิตร วงษ์ชัยยา อายุ 22 ปี นายอ๊อด ไม่ทราบนามสกุล อายุ 17 ปี นายมิว ไม่ทราบนามสกุล อายุ 20 ปี และนายพัทยา ตาแสง อายุ 22 ปี ขี่รถ จยย. 2 คัน เข้าไปจอดหน้าบ้าน นางบันดี ไกรเลิศ เลขที่ 29/1 หมู่ 6 ต.หนองกุง อ.น้ำพอง จากนั้นนายฉลามพล ซึ่งคุ้นเคยกับเจ้าของบ้าน ได้เดินเข้าไปขอยืมเคียวเกี่ยวข้าวและข้าวสารจาก นางบันดี แล้วนางบันดีได้สอบถามว่าจะเอาไปทำอะไร แต่ได้รับคำตอบจากผู้ยืม ว่าเอามาเลยไม่ต้องถาม
 
เมื่อนายฉลามพล ได้สิ่งของตามประสงค์แล้ว ก็เดินทางเข้าไปในบริเวณวัดอิสาณ ต.ท่ากระเสริม ตรงเข้าไปยังสถานที่บรรจุศพของนางสวย (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคลมชัก ขณะตั้งท้องได้ 4 เดือน จากนั้นนายสุรจิต ได้ทุบซีเมนต์ที่ทำบล็อกสำหรับเก็บโลงศพ และนายฉลามพลได้ทำพิธีเรียกสะกดวิญญาณศพ โดยใช้เทียนไขลนไปที่ปลายคางผู้ตาย เพื่อทำน้ำมันพราย หลังเสร็จจากการทำน้ำมันพราย ก็ได้นำเคียวผ่าท้องศพ นำทารกที่ตายในครรภ์ของนางสวย หรือ ?กุมารทอง? ออกมาไว้ในย่าม แล้วใช้ใบมะพร้าวและใบกล้วยมาปิดสถานที่เก็บศพ ก่อนแยกย้ายหลบหนี
 
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายสุรจิตร ไว้ได้ และแจ้งดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนพรรคพวกที่เหลือยังอยู่ระหว่างการหลบหนี จากการสอบสวนนายสุรจิตรให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุพวกตนนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่บ้านหนองนกเขียน จากนั้น นายฉลามพลซึ่งเป็นอาจารย์ทางไสยศาสตร์ได้ชักชวนให้ไปหาของดีที่วัดอิสาณ ก่อนแยกย้ายกันหลบหนี
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายฉลามพลมีอาชีพเป็นหมอลำซิ่งออกแสดงตามงานต่าง ๆ ส่วนการลนน้ำมันพรายและผ่าท้องศพนำกุมารทอง ออกไปนั้น คาดว่าคงต้องการนำมาเป็นเครื่องรางของขลังในการประกอบพิธียกครูของคณะหมอลำ เพื่อเรียกให้คนดูมาดูเยอะ ๆ และให้มีโชคลาภเมตตามหานิยม หรืออาจนำไปขายในตลาดมืดซึ่งมีการรับซื้อทางอินเทอร์เน็ต ในราคาหลักล้านบาท โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าชาวสิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้ามีกุมารทองจะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรือง
 
ทางด้านนายหนุ่ม (นามสมมุติ) อายุ 25 ปี สามีของนางสวย ผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากคนร้ายย่องมาผ่าท้องภรรยา วันแรกก็เข้ามาเข้าฝันว่า ลูกของเราเป็นผู้ชายหน้าตาน่ารัก ตอนนี้ตนคิดถึงลูก อยากได้ลูกกลับคืนมา ขอให้ติดตามลูกกลับคืนมาให้ด้วย และในฝันภรรยายังบ่นว่าร้อนที่คาง ทรมานมาก จึงได้แจ้งให้แม่ยายทราบ จากนั้นจึงได้ประสานให้ตำรวจดำเนินคดีและได้เผาศพภรรยาไปเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังจากนี้ไปตนจะบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับภรรยาและลูก ส่วนเรื่องการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ.

อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



337
ขอบคุณสำหรับข้อมูล ไปกราบมาวันที่1/1/2552 นานเปิดให้สักการะองค์จริงที :015:


339
ขอบคุณอชิตตะสำหรับข้อมูล สงสัยต้องไปหามาใช้บ้างซะแล้ว :114:

340
ดอกแรกถักจระเข้ขบฟัน เป็นตะกรุดมหาปราบ หรือ มหาโจร ของหลวงพ่อคง  วัดวังฯ จันทบุรี    ตามตำราว่าไว้เช่นเดียวกับยันต์แม่ทัพ

คือ ตะกรุด ๑ ดอก คุ้มกันภัยคนได้นับสิบ

ดอกที่ ๒ ตะกรุด มหาระงับ พอก ด้วยใบไม้รู้นอน ๗ อย่าง เช่น ใบระงับ ใบสมี ใบลูกใต้ใบ ใบไมยราพ ใบชุมเห็ด ใบกะะเฉด ใบก้ามปู

จารมือด้วยบัยนต์มหาระงับ ยันต์อิติปิโส ๘ ทิศ บารมี ๓๐ ทัศ  เป็นตะกรุดที่สร้างเพียง ๖๐ กว่าดอก ปลุกเสก ๓ เดือน

ดอกที่ ๓ และ ๔ ตะกรุดคู่ชีวิตครับ  เป็นตะกรุดยันต์คู่ชีวิต พระเจ้า ๑๖ พระองค์ ยันต์กันบาตรแตก ยันต์นะหน้าทอง มหาอุด ยันต์ตรี ฯลฯ

เคยมีผู้ทดสอบตัดรุ้งขาด ต่อหน้าคนมากมาย

ตะกรุดจารมือ เป็นตะกรุดที่มีเสน่ห์น่าเก็บ น่าบูชาครับ ชอบเป็นการส่วนตัว  :005: :005:

ที่วัดยังพอมีไหม :015:

341
คำตอบจากหลวงปู่แย้มเที่ยงวันนี้นะครับ ต้องถามตอบกันพักนึงท่านแก่มากแล้วฟังไม่ค่อยได้ยิน
สรุปคือ
"มันไม่เกี่ยวกันนะ คนละเรื่อง บูชาให้ดีๆ" คือคำตอบจากหลวงปู่ และท่านก็เป่าและจารกระหม่อมให้ สาธุ



ทำตามใบฝอยอะครับแน่นนอน :015:

ได้บูชาอะไรมาบ้างครับ :114:

342
หล่อแบบ พี่ซิน
ยังใช้ของเสน่ห์อีกเหรอครับ
ได้ข่าว จะแต่ง  จริงอ๊ะ เป่า



ยังหาคนแต่งด้วยไม่ได้เลยอะครับ 05;

ไปมาเมื่อไรนี่ชิน ยังมีติดตู้อยู่มั้ยเอ่ย  บอกกล่าวกันที

สี่ผึ่งพอมีแต่เรียบหน่อยก็ดีเพราะบางคนเช่า5ตลับ10ตลับนานๆๆสร้างที :016:


343
ชุดนี้เด็ดมากมีตระกรุดที่หลวงปู่จารมือเองทุกดอก

สีผึ่งชุดนี้ทำจากสีผึ่งเทียนชัยแท้ๆ เสกมาเป็นระยะเวลาพอสมควร :054:








344
คาถาอาคม / ตอบ: มนต์พระเพทยาธร
« เมื่อ: 18 มี.ค. 2552, 05:40:06 »
คาถาบทนี้เอาจากวัดบางพูดนอกใช่ไหมครับ :114:

345
รับทราบ ครับ 

346
ขอบคุณพี่หอมเชียงกับคุณลุงแมทซิ่งที่นำปลัดหลวงพ่อไสวมาให้ชมยอมรับว่าปลัดหลวงพ่อไสวคบเครื่องมาก ทั้งเมตตามหาเสน่ห์ชัดเจนมากคงกระพันก็ใช่ย่อย และขอยอมรับหายากมากโดยฉะเพราะเนื่องาตัวใหญ่ๆอย่างข้างบน :054:




เห็นโคมไฟสีเหลืองเครื่องจารไฟฟ้าสีดำยิ่งคิดถึงหลวงพ่อ
สาธุหลวงพ่อมาโปรดลูกบ้างนะครับ :054:

347
เนื่องในวันพฤหัสที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2552 วันคล้ายวันเกิดหลวงพ่อสำอางค์ ปภสฺสโร? เจ้าอาวาสวัดบางพระ จังหวัดนครปฐม

ซึ่งมีสมาชิกไปร่วมงานได้บ้างไม่ได้บ้างส่วนกระผมไปร่วมงานไม่ได้จึงขออวยพร หลวงพ่อสำอางค์ ผ่านกระทู้นี้เลยนะครับ

ขออำนวนาจสิ่งศักดิ์ทั้งสากลโลก และหลวงพ่อเปิ่นช่วยอวยพร ให้หลวงพ่อสำอางค์มีสุขภาพแข็งแรงเป็นที่เคราพสืบต่อไปนานๆครับ
:054:




348
สาว ม.พ. ส.ป. บ.ร. ส.ว. น่ารักทั้งน๊านน

แถมให้พี่เมฆ ซ.ต  อ.ส.ค ร.ช น่ารักผมยาวดูดีเรียบร้อย(ส่วนใหญ่) :114:

349
สวยมากครับปัจจุบันจะเหลือไหมนี่ :053:

350
รูปหล่อรุ่นแรกที่รักหวงแหนมากและพกติดตัวประจำ







351
ประวัติ โดยสังเขป หลวงพ่อสำอางค์ วัดบางพระ จ.นครปฐม



1.ชื่อ

พระครูอนุกูลพิศาลกิจ ฉายา ปภสฺสโร อายุ55 พรรษา 35
วิทยฐานะ น.ธเอก วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดบางพระ

2.สถานะเดิม
ชื่อ สำอางค์ นามสกุล ปานอำพันธ์
เกิด ปีมะเส็ง วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ 2496
บิดาชื่อ นาย ฉาย มารดาชื่อ นางปลั่ง   บ้าน่เลขที่ 25 ม.2
ต.บางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

3.บรรพชา/อุปสมบท
ปีฉลู วันที่ 15 กรกฏาคม พ.ศ2516
ณ.วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

พระอุปัชณาย์
พระครูสุพจน์ สุทนฺโต วัดละมุด ต.วัดละมุด อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
                 (ภายหลังได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็น พระครูสุพจน์วราภรน์)

พระกรรมวาจาจารย์ พระใบฏีกาเปิ่น ฐิตคุโณ วัดโคกเขมา ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
 (ภายหลังได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็น พระอุดมประชานาถ)

พระอนุสาวนาจารย์ พระเสริม ภทฺทาจาโร วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม.

4.วิทยฐานะ
  พ.ศ2508 สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
  พ.ศ2528 สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษา วัดบางพระ สำนักเรียนคณะจังหวัดนครปฐม
การศึกษาพิเศษ ภาษาขอมไทย พิมพ์ดีด
ความชำนาญการ ด้านนวกรรม

5.งานปกครอง
พ.ศ2523 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์
พ.ศ2523 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองเจ้าอาวาส วัดบางพระ
พ.ศ2545ได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาส วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
พ.ศ2545ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส วัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม
[/color]

6.สมณศักดิ์

พ.ศ2533ได้รับแต่งตั้งเป็นฐานานุกรม"พระสมุห์"ของพระครูสิริชัยคณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอคณะนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
พ.ศ2536ได้รับแต่งตั้งเป็นฐานานุกรม"พระครูใบฏีกา"ของพระวิสุทธิวงศาจารย์ พระราชาคณะ เจ้าคณะรองชั้นหิรัณยบัตร
เจ้าคณะภาค14 วัดเทพธิดา กรุงเทพมหานคร
พ.ศ2543ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ เป็น พระครูสัญญาบัตรรองเจ้าอาวาสชั้นราษฎร์ ในราชทินนาม ที่พระครูอนุกูลพิศาลกิจ


ท่านมีจิตใจที่เป็นกุศลสร้างสาธาณะประโยชน์มากมาย



352
ฤาษีจินดามณี อีกหนึ่งเอกลักษณ์วัดกลางบางแก้ว






เห็นรูปนี้ยังไม่ลง



353
เอาพอหอมปากหอมคอก่อนนะครับ  จะรอชุดใหญ่นะครับยังไงขอเหวัชระหน้าหลังด้วยนะครับ :016:

354
เยี่ยมครับอยากได้ขุนแผนหาที่ไหนได้ครับ :016:

355
ขออนุญาติ... แจมภาพประกอบงานครอบเศียรสักเล็กน้อย..

พานนี้เป็นเงินบริจาคจากพี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระ

บันทึกภาพไว้ก่อนเงินจะล้นพาน... เราเลยต้องเปลี่ยนพานใหม่ใหญ่กว่าเดิมค่ะ.. :009:

ปล. พี่ชิน ท่าจะโดนของ หน้างี้ดำปื้ดเลย.. แต่ยิ้มแก้มปริเลยนะคะ ดีใจตังอยู่ครบ เอ้ย.. ดีใจที่เงินบริจาคมากมาย...เพื่อ ลพ. ญา นะเนี่ย...
:009:

 หน้างี้ดำปื้ดเลย.. สงสัยโดนน้ำมันพรายป้ายอะครับ :075: :075: หลวงพี่ญาช่วยหาของทางแก้ให้หน่อยนะตรับท่านอาจารย์ :054:


ขอบคุณพี่หอมเชียงรูปถ่ายสวยมากทุกรูปเลยครับ :054:

356
ประดำ108 นเรศวรปราบหงศา เนื้อยาจินดามณี



รูปหล่อปี่2551 ใครมีชุดนี้ช่วยแกะนาคปรกออกด้วยนะครับหลวงปู่บอกว่าพระสงฆ์ไม่สมควรนั่งครอมพระพุทธ :054:





นางกวักขนาดบูชา







357
เดินป่าหรือเข้าป่า ไม่มีหรอกครับ ที่จะไ่ม่หลง เจ้าหน้าที่เองยังหลงเลย อาศัยว่า มีวิทยุสื่อสารและGPS

อันตรายร้อยแปด ที่สำคัญที่สุด คือใจของเราเอง เดินป่า ไ้ด้อะไรมากมาย จะได้เห็นใจกันว่าเพื่อนแท้แค่ไหนก็ตอนหลงป่านี่ละครับ

ป่าเขาใหญ่ ยังมีอะไรที่คาดไม่ถึงอีกเยอะ  


ท่านรอดมาได้ก็ดีใจครับ  เดินไปถึงทุ่งงูเหลือมไม่ธรรมดาเลย  ถ้าไม่ใช่ว่าเป็นพระเป็นคนธรรมดา ผมว่าเรียบร้อยไปแล้ว

ผมชอบเดินป่า   :005: :005:

เที่ยวป่าบ่อยมากไม่ดีนะเมฆ แต่อย่าไปป่าเดียวกันละอันตราย :095:

358
รูปสวยขอบคุณครับ :016:

359
ขอบคุณพี่หอมเชียงมากครับชุดนี้เด็ดมากภาพสวยมากครับ :016:ท่านปีโป้ ของขึ้นตอนครอบแรงใช้ได้เลย36;

ชอบรูปนี้มากหลวงพี่ญาลุก 03;


360
ดีครับกลุ่มสมาชิกที่นับตามจำนวนการตั้งตอบกระทู้ จะได้มีกำลังใจในการตั้งตอบกระทู้มากขึ้น :016:

361
ขอบพระคุณอาจารย์หลวงพี่ญาที่รักที่สละเวลาเหนี่อยเพื่อสมาชิก  :114::054:

362
ไหว้ครูบูรพาจารย์ / ตอบ: **ไหว้ครู**
« เมื่อ: 08 มี.ค. 2552, 08:26:30 »
กราบนมัสการหลวงพ่อเปิ่นครับ :054:

365
ขอขอบคุณหลวงพี่ญาที่สละเวลาครอบเศียรมอบแผ่นยันต์หอมเชียง  ขอบคุณพี่amazing2511ที่ได้มอบเม็ดยาจินดามณี

ขอขอบคุณโจ้และพี่หอมเชียงที่ได้มอบรูปหลวงพ่อเปิ่นเป็นที่ระลึก    ขอขอบคุณพี่โองการที่ให้คำปรึกษาคำแนะนำในกิจกรรม


ขอขอบคุณสมาชิกทุกที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีถ้าขาดตกบกพร่องยังไงกระผมเด็กวัดขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วย ปีหน้าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ :054:

366
ขอขอบคุณหลวงพี่ญาที่สละเวลาครอบเศียรมอบแผ่นยันต์หอมเชียง  ขอบคุณพี่amazing2511ที่ได้มอบเม็ดยาจินดามณี

ขอขอบคุณโจ้และพี่หอมเชียงที่ได้มอบรูปหลวงพ่อเปิ่นเป็นที่ระลึก    ขอขอบคุณพี่โองการที่ให้คำปรึกษาคำแนะนำในกิจกรรม


ขอขอบคุณสมาชิกทุกที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีถ้าขาดตกบกพร่องยังไงกระผมเด็กวัดขออภัยมาณ.ที่นี้ด้วย ปีหน้าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้. :054:

368
ขอบคุณพี่หอมเชียงและพี่อแมทซิ่งมากที่มีเมตตามอบของที่ระลึกแกสมาชิก  :054:

รูปสวยมากครับและมีคุณค่า+จีวรข้างหลังขอบอกว่างามอย่างมีคุณค่า :016: :025: :015:

370
 เห็นด้วย ให้มีห้องสนทนา   เพื่อให้พูดคุยสื่อสารกันได้ง่ายและสะดวก แต่ถ้ามีโปรแกรมเห็นภาพแบบMSN

จะได้เห็นความสวย ความหล่อกันทั่วหน้าว่า สาวน้อย สาวมาก หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ใครจะสวยกว่ากัน ใครหล่อกว่ากัน:007:

371
สวยมากทุกองค์เลยครับ :053:

372
คิวออกแล้วครับ
                                                                                           


                                                                                    PM มาเวลา

69.Ball 02                                                              เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๐๐:๑๗
70.Ball 02 
71..PAE.                                                                      วันนี้ เวลา ๐๙:๒๑:๐๘
72.seata                                                                     วันนี้ เวลา ๑๑:๕๐:๓๘


ขอปิดรับลงชื่อแล้วนะครับ เพราะว่าในวันไหว้ครู จะมีเหล่าลูกศิษย์ มากันเป็นจำนวนมาก

อาจจะดำเนินงานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควรมากนะ และที่สำคัญที่สุด

เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนพระอาจารย์ท่านมากจนเกินไป และศิษย์ท่านอื่นๆด้วย

จึงขอปิดลงชื่อแต่เพียงเท่านี้  ขอบคุณมากครับ
 

373
ขอปิดรับลงชื่อแล้วนะครับ เพราะว่าในวันไหว้ครู จะมีเหล่าลูกศิษย์ มากันเป็นจำนวนมาก

อาจจะดำเนินงานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควรมากนะ และที่สำคัญที่สุด

เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนพระอาจารย์ท่านมากจนเกินไป และศิษย์ท่านอื่นๆด้วย

จึงขอปิดลงชื่อแต่เพียงเท่านี้  ขอบคุณมากครับ

375
คิวเต็มยังครับ อยากไปมากครับ ต้น พระงาม ( ต้น)  ช่วยแนะนำด้วยนะครับ


ยังครับถ้าอยากร่วมกิจกรรมก็PMมานะครับ 36;

377

มาช่วยยืนยันค่ะ ตามที่ท่านเอ็กซ์แจ้งไว้  รักใคร่ชอบพอ แบ่งปันกัน จริงไหมค่ะท่านพี่เด็กนอกวัด 555+ และยังไงก็อย่าลืมซื้อขนมมาฝาก สาวสวยพนักงานขับรถด้วยนะคะ  36;
  

...ครับ พี่เด็กนอกวัด ซื้อขนมเลี้ยงพลขับของผมด้วยนะครับ  14;...

...ซื้อเยอะๆนะครับ ผมกะท่านโจรสลัดจะกินด้วย หุหุ..

ได้เลยจัดให้แถม ข้าวกะ น้ำด้วย 36;
เอารูปมาฝากให้พี่เด็กนอกวัดชมครับ (ห้ามถามหา ของไม่มีแล้ว ให้ดูให้อยากเฉยๆ หุหุ)

ผ้ายันต์แม่นางพิม ขนาดกระดาษA4 เขียนมือ โดยหลวงพี่ขวัญ ลูกบุญธรรมหลวงปู่อั๊บ ครับ





มีลายมือหลวงปู่จารให้ด้วยครับ





แม่นางพิม พิมพ์จิ๋ว (เท่าเหรียญบาท) มวลสารเน้นทางเมตตาเป็นพิเศษ



ด้านหลังฝังตะกรุดเงิน จารยันต์นะหน้าตะโพน




...จากการที่มีPMติดต่อขอบูชา ขอแบ่งเช่าแม่นางพิมต่อจากผม หรือ ติดต่อให้ผมเป็นธุระจัดหาแม่นางพิมให้..

..ขอเรียนเพื่อนๆทุกท่านให้ทราบว่า ตัวกระผมเอง มิได้ทำการค้าขายเกี่ยวกับวัตถุมงคล..

..สนใจวัตถุมงคลของวัดท้องไทร เรียนเชิญบูชาที่วัดเพื่อทำบุญร่วมกับหลวงปู่อั๊บ ได้เลยครับ..


..แต่ PM ที่ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องวัตถุมงคล ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คำปรึกษาเท่าที่ทราบครับ 36;..




มาช่วยยืนยันค่ะ ตามที่ท่าไว้  รักใคร่ชอบพอ แบ่งปันกัน จริงไหมค่ะท่านพี่เด็กนอกวัด 555+ และยังไงก็อย่าลืมซื้อขนมมาฝาก สาวสวยพนักงานขับรถด้วยนะคะ  นเอ็กซ์แจ้ง 36;

กินอะไรบอกมาเดี๋ยวจัดให้อยากกินอะไรบอกมาได้ครับสำหรับคนขับเจ้าเสน่ห์04;

379
.ค่าอาหารมื้อ 200 บาทนั้นรวมน้ำและอาหาร เฉลี่ยทั้งหมดทุกคนถ้าเงินเหลือจะถามทุกคนว่า
รับคืนหรือจะบริจาคเป็นทุนอาหารเด็กนักเรียน หรือซื้ออาหารแมวเป็นการบริจาคทาน

380
คิวออกแล้วครับ
                                                                                           


                                                                                               PM มาเวลา.


53.กระต่ายป่า                                                                    เมื่อวานนี้ เวลา ๑๐:๕๕:๕๐
54.LAT-TAT                                                                    เมื่อวานนี้ เวลา ๑๐:๒๗:๒๔
55.LAT-TAT   
56.แบงค์ตลาดพลู                                                              เมื่อวานนี้ เวลา ๑๕:๒๖:๔๗                                 
57. khing09                                                                        วันนี้ เวลา ๑๑:๑๕:๐๐
58. ปราณจิต...                                                                       วันนี้ เวลา ๑๓:๑๕:๐๐
59....ปราณจิต...
60น้องสาลิกา                                                                         วันนี้ เวลา ๑๓:๕๒:๔๓
61.น้องสาริกา
62. minivet27                                                                     วันนี้ เวลา ๑๔:๐๒:๒๐
63.โยม ซ.สายหยุด                                                                 วันนี้ เวลา ๑๗:๒๔:๓๔
64.โยม ซ.สายหยุด 
65.โยม ซ.สายหยุด 
66.โยม ซ.สายหยุด
67.โยม ซ.สายหยุด
68.โยม ซ.สายหยุด


***บ้างคนพาเพื่อนมาด้วยเลยมีชื่อซ้ำ  พี่ท่านใดยังไม่PM ถือว่ายังไม่ได้ลงทะเบียนนะครับ***

381
วันเสาร์ยังมีท่านลืมไปแล้วหรอ 36;

382
ขออนุญาติ แจมด้วยครับ 
เหรียญโภคทรัพย์หลวงพ่อไสว วัดปรีดารามที่รักขอผม03;







ถ่ายพระเลี่ยมพลาสติกถ่ายยากจริงๆ

383
แล้วของที่ระลึกจะได้ตอนช่วงเช้า(ครอบเศียร)

หรือว่ามิตติ้งอ่ะคะ

เพราะช่วงเย็นคงอยู่ด้วยไม่ได้

(ติดรถคนข้างบ้านมาน่ะค่ะ) :001:


แจกตอนเช้าครับเพราะบ้างคนก็ไม่ได้ร่วมงานตอนเย็น
:058: ขอไปด้วยครับ ยังทันมั้ยครับ  :067:

ทันครับ

[***ของแจกอีกหนึ่งอย่างคือเม็ดยาจินดามณีเป็นที่ระลึกท่านละ 1 เม็ด สร้างเมื่อปี 2543(ท่านหลวงพ่อเปิ่นเสกแน่นนอน) โดยหลวงพี่ญาเป็นผู้จัดสร้าง
ต้องขอขอบพระคุณท่านรองประธานพี่ amazing2511 มาณ. ที่นี้ด้วยครับ***
[/font]

384
คิวออกแล้วครับ
                                                                                           


                                                                                    PM มาเวลา



48.prathomsak                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๑๙:๕๐:๐๑
49.prathomsak
50.porvfc                                                                     เมื่อวานนี้ เวลา ๒๑:๔๖:๑๒
51.pinig                                                                          วันนี้ เวลา ๐๐:๑๒:๐๘
52.cho presley                                                                วันนี้ เวลา ๐๘:๔๓:๐๖




***จะปิดลงทะเบียนวันที่  6/03/2552   เวลา13.00 น  ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไม่สามารถร่วมกิจกรรม ได้รับแผ่นยันต์หอมเชียงนะครับและอาจจะไม่ได้รับของที่ระลึกเพิ่มเติมแต่ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร***

386
สวยมากตรับแถมหายากมาก :053:

387
เห็นภาพก็ตกใจ ไม่ทันได้อ่านข้อความ ก็คิดว่าเค้าไปโดนอะไรมาเจ็บมากมาย อุบัติเหตุรึเปล่า ที่ไหนได้
รอยสักน้ำมัน ดูไม่ออก แต่ก็ยอมรับนะ ทนได้เต็มหลังเลยอ่ะ เป็นบุญแล้วนะค่ะเนี่ย

[/quote

หลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตามากครับ :016:

389
ดูก่อนว่าคิดค่าตัวแพงเปล่า 36;

390
ของร่วมด้วยคนคับ แต่ pm ไปไม่ได้คับยังไงช่วยติดต่อกลับด้วยนะคับ

084-8463954 ชื่อ เอ็ม ขอบคุณคับ
ได้รับPmพร้อมลงทะเบียนให้แล้วครับ :017:

คิวออกแล้วครับ
                                                                                           


                                                                                    PM มาเวลา


44.phituux                                                                   วันนี้ เวลา ๐๗:๓๙:๒๗
45.phituux   
46.phituux   
47.m_surat                                                                  วันนี้ เวลา ๑๔:๑๓:๐๖


***จะปิดลงทะเบียนวันที่  6/03/2552   เวลา13.00 น  ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไม่สามารถร่วมกิจกรรม ได้รับแผ่นยันต์หอมเชียงนะครับและอาจจะไม่ได้รับของที่ระลึกเพิ่มเติมแต่ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร***

391
พอมีบ้างครับ






ไม่ได้ถ่ายก็หลายครั้งครับ


กราบขอบพระคุณหลวงปู่ที่เมตตาผมเสมอ :054:

392
ขอบคุณมากพี่หอมเชียง :054: อยากให้พี่หอมเชียงแนะนำเทคนิคการถ่ายภาพสักวันนะครับ :054:

393
โจรขมังเวทย์[ :095:/size]

394
คิวออกแล้วครับ
                                                                                           


                                                                                    PM มาเวลา



40.tee_lowrider                                                                    เมื่อวานนี้ เวลา ๒๑:๓๘:๐๔
41.berth1999                                                                       เมื่อวานนี้ เวลา ๒๑:๕๙:๓๔
42.Oat                                                                                     วันนี้ เวลา ๑๕:๒๒:๕๔
43.Oat     




91ack01
92.ack01
93.ack01



***จะปิดลงทะเบียนวันที่  6/03/2552   เวลา13.00 น  ผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนไม่สามารถร่วมกิจกรรม และไม่ได้รับแผ่นยันต์หอมเชียงนะครับ***

395
สงสัยหลังจากงานไหว้ครู คงต้องจัดงานมอเตอร์โชว์ของชาวบางพระอีกงานแล้วล่ะ
น่าจะให้ น้าที นำทีมนะเนี่ย ดูท่าทางจะถนัด  25; 25; 16; 13;
ไม่ว่าจะเป็นจักรยานไม่มีล้อของท่านเอ็มเพื่อนท่านสิบทัศน์น่ะ ก็ยกมาโชว์กันให้เด็ดไปเลย
น่าสนุกดีนะ
 31; 25;
เด็กนอกวัด   สนใจอยากจะจัดอีกมั๊ยล่ะ   24;


รถสวยทั้งสองคนเลยนะครับทั้งไดแมนชั่น ทั้งแอลติม่า :052:  กะจะทำสติกเกอร์ BP CLUB ช่วยกันออกแบบใครมีไอเดียเด็ดลองโพสมาดูกันนะครับ :114:

396
กระจกลดการสะท้อนซื้อได้แถวไหนครับราคาประมาณเท่าไหร่ดรับ  :053:

397
ครูบาอาจารย์คุ้มครองครับ  :054:

398
สวยมากครับ :053:แต่ที่ผมชอบมากก็พระซุ้มเรือนแก้วมหาเศรษฐีครับ :016:

399
สวยและยาวมาก สุดยอดครับ :016:

400
สวยแถม+ท่องคาถาแม่นอีกตั้งหากอย่างนี้ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จะไปไหนเสีย 11;

401
คิวออกแล้วครับ

                                                                                                    PM มาเวลา



35.chatsmm                                                                             วันนี้ เวลา ๐๗:๓๓:๒๘
36.St.Pipo                                                                                 วันนี้ เวลา ๑๑:๕๙:๒๐
37.ลูกพ่อขุน                                                                                 วันนี้ เวลา ๑๒:๒๙:๕๔
38.วายุละภะ                                                                                  วันนี้ เวลา ๑๔:๓๘:๓๒
39.ชลาพุชะ                                                                                   วันนี้ เวลา ๑๔:๕๒:๒๕


94TTTUTTT                                                                      วันนี้ เวลา ๐๐:๐๓:๔๘
95.TTTUTTT 
96.TTTUTTT 
97..~♣~โจรสลัด~♣~
98.~♣~โจรสลัด~♣~
99.เปรี้ยวปี้ด
100.ack01


***บ้างคนพาเพื่อนมาด้วยเลยมีชื่อซ้ำ  พี่ท่านใดยังไม่PM ถือว่ายังไม่ได้ลงทะเบียนนะครับ***


402
:069: :069:    ไปดว้ยใด้มัยคะแต่ยังไม่รู้กี่คนคะแต่บอกใด้ว่าอาจ 2-5 คนคะ    เพราะมีลูกๆ 2คนคะแต่กัลวแกโดนลูกหลงคะ :075: :075:

ได้ครับผมถ้ายังช่วยรีบส่งPmมาหาผมด้วยนะครับ


**รบกวนพี่ๆครับถ้าโพสในกระทู้แล้วอย่าส่งลืมส่งPmมาหาผมด้วยนะครับไม่อย่างจะถือว่าไม่ได้ลงทะเบียนนะครับ
**

403
น้าชินคับ..ตรงลำดับที่ 99 ใส่ชื่อเปรี้ยวปี๊ดไปเลยก็ได้คับน้า... 02;

เอ...ว่าแต่ท่านโจรสลัด พาสาวที่ไหนไปด้วยน้อ หุหุ..
แม่บ้านท่านโจรเขา 08;

404
   ตะกรุดช้างผสมโขลง
      (พญาเทครัว)

   ชายเห็นชายรักใจแทบขาด หญิงเห็นหญิงรักแทบขาดใจ :009:

ตำนานแห่งความล้ำค่าที่มากด้วยปฏิหารย์ และประสบการณ์



อำนาจบารมีแห่งเขี้ยวแก้วประกาศิตของ 'หลวงปู่กาหลง เตชวัณโณ' ที่ประสิทธิ์ลงสู่เครื่องรางของขลัง จนมีพุทธคุณเข้มขลัง เลื่องลือไปทั้งแผ่นดิน!


ในใบฝอยว่า...ถ้าจะให้รักเรา..ทั้งครัวเรือน..ให้เอาตะกรุดนี้แช่ในตุ่มน้ำให้กิน จะรักเราทั้งบ้าน :009: ... ยังมะเคยลองเลย :009:



คนเล่นของตัวจริง 11; ตะกรุดสวยนะเจ้าของท่าจะน่าเสน่ห์แรง :053:



405
ลำดับคิว
                                                                                           เวลาPm


21.nutagul                                                                เมื่อวานนี้ เวลา ๑๘:๒๙:๓๙
22.Chaiwat Prasurin                                                  เมื่อวานนี้ เวลา ๒๑:๑๙:๕๗
23.Chaiwat Prasurin     
24.KwAnG                                                                เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๔๓:๓๓
25.mawin_14                                                            วันนี้ เวลา ๐๐:๐๒:๐๘
26.Hanu-Marn_Neverdie                                             วันนี้ เวลา ๐๕:๒๕:๓๖
27.[= Jo_o* =]                                                          วันนี้ เวลา ๐๘:๔๓:๓๓
28.tuytan                                                                   วันนี้ เวลา ๐๙:๔๐:๕๓
29.tuytan
30.tuytan
31.tuytan
32.tuytan
33.kaitip                                                                      วันนี้ เวลา ๑๐:๑๖:๒๒
34.noptoyo                                                                 วันนี้ เวลา ๑๓:๒๐:๐๑



97..~♣~โจรสลัด~♣~
98.~♣~โจรสลัด~♣~
99.ack01
100.ack01
***บ้างคนพาเพื่อนมาด้วยเลยมีชื่อซ้ำ  พี่ท่านใดยังไม่PM ถือว่ายังไม่ได้ลงทะเบียนนะครับ***

406
สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดมีความสุขมากๆนะท่าน





407
เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาได้คุยกับหลวงพี่ญา ว่าถ้าสมาชิกจะพาครอบครัว เพื่อนมา รวมพิธีได้เลยท่านยินดี ท่านอยากให้คนมาร่วมพิธีให้มากที่สุด

ในเรื่องของที่ระลึกผู้มาได้ทุกคนแน่นนอนครับ

ส่วนเรื่องทองเปลวแท้100%ผมนายชินยินดีจัดหาให้เพื่อหลวงพ่อเปิ่น เพื่อครูบาอาจารย์และพี่น้องสมาชิกเต็มที่ครับ
 36;

408
แก้ให้แล้วนะครับ

เป็นการจำกัดสมาชิกทั้งบอร์ดครับ เพื่อป้องกันการ Spam Pm ครับ จะทำให้ Host ทำงานหนักครับ

เกรงใจคุณต่อ เจ้าของ Host ให้เราเผาแบนวิด (Bandwidth) เดือนหนึ่งก็เกือบ 100 G ฟรีๆอะครับ

ขอบคุณมากครับ :054:

409
คิวออกแล้วครับ
                                                                                    PM มาเวลา


1. santa                                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๑๓:๔๔:๔๒ .
2.<<<เอ็มไร่ขิง>>>                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๑๔:๔๔:๒๔
3.นายต้นน้ำ                                                                         เมื่อวานนี้ เวลา ๑๕:๐๐:๑๒
4.nontaburi                                                                       เมื่อวานนี้ เวลา ๑๖:๒๙:๕๘
5.nutagul                                                                           เมื่อวานนี้ เวลา ๒๐:๕๕:๒๐
6.Chotipat                                                                          เมื่อวานนี้ เวลา ๒๑:๕๐:๑๘
7Chotipat                                                                                                                                                       8 .สิบทัศน์                                                                            เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๒๗:๒๘
9.หอมเชียง                                                                           เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๕๗:๓๑
10.thong.yong                                                                    เมื่อวานนี้ เวลา ๒๒:๕๗:๕๒
11.Pujchong                                                                       เมื่อวานนี้ เวลา ๒๓:๓๑:๐๙
12.Pujchong   
13.Pujchong 
14.noppkun                                                                        วันนี้ เวลา ๐๐:๒๔:๐๗
15.tom(u-Like)                                                                   วันนี้ เวลา ๐๐:๓๐:๔๘
16.DEKDOY                                                                         วันนี้ เวลา ๐๙:๕๓:๕๖
17.gottkung                                                                        วันนี้ เวลา ๑๑:๕๐:๒๔
18.kaitip                                                                              วันนี้ เวลา ๑๒:๐๔:๐๔
19.seaghost                                                                        วันนี้ เวลา ๑๓:๒๒:๔๙
20.Noname                                                                         วันนี้ เวลา ๑๓:๒๕:๔๗


98.~♣~โจรสลัด~♣~
99.ack01
100.ack01

***บ้างคนพาเพื่อนมาด้วยเลยมีชื่อซ้ำ  พี่ท่านใดยังไม่PM ถือว่ายังไม่ได้ลงทะเบียนนะครับ***

410
วิธีการส่งPM
1.คลิกที่ชื่อสมาชิกที่จะส่ง

2.คลิกที่ส่งข้อความส่วนตัวไปหาสมาชิกผู้นี้.


3.พิมพ์ชื่อ   เบอร์มือถือ 081-83*****
            a. ตกลงร่วมทั้งสองงาน


ส่งมาหาผมเด็กนอกวัด 

411
ผมส่งPMตอบกลับผู้ร่วมงานไม่ได้ครับ

ถูกจำกัดช.ม1ส่งได้แค่10ข้อความ ช่วยปลดล็อกให้ผมด้วยครับ


412
หลอกใครไปส่งไม่ได้ทำงัยค่ะ T^T

อุตสาห์เลื่อนไปปฏิบัติธรรมเสาร์นี้แทน

อยากกกกกกไปปปปปปปปปปด้วยยยยยยยย

 :070: :070: :070: :070: :070: :070:
ร้านหมูกระทะอาป๋า  ใกล้ท่ารถตู้ไม่ต้องห่วงครับ :015:

อยากร่วมโครงการจัง แต่ไปถึงวัดไม่เคยเร็วกว่า 9 โมงเช้าซ๊ะที ไม่กล้าลงทะเบียนดักสมาชิกท่านอื่น 42;

ตื่นเช้าขึ้นซักปีนะท่านberth
 :017:

413
สวยมากครับ :053:หายากทีเดียวครับ

414
ตามเพื่อนต้น ครับ  ไป ครับ  (ขอร่วมงานช่วงเช้าอย่างเดียว ครับ)


เอ็มไร่ขิง เบอร์โทร PM ไปไม่ได้ ครับ โดนบล็อค เหอะๆๆๆ


แก้ให้น้องเอ็มแล้วนะครับ 36;


โพสลงกระทู้แล้วโปรดPmหาผมเพื่อลงทะเบียนและจัดคิวด้วยนะครับ

415
จากการโหวตเสียงจากพี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระในการ?นัดรวมพล ชาวเว็บบอร์ดบางพระ? เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับความสนใจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงพลังความสามัคคีอันยิ่งใหญ่จากบารมีหลวงพ่อเปิ่นและอัธยาศัย เป็นมิตร ของพวกเราชาวเว็บบอร์ดบางพระ http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,7043.0.html

ในขณะเดียวกัน ความเมตตาตอบรับจากหลวงพี่ญา ที่มิเคยย่อท้อปฏิเสธความเหนื่อยยากใดๆ เลยแม้แต่น้อย.. เพียงเพื่อศิษยานุศิษย์ทุกท่านมีความสุขกันถ้วนหน้า?. เมื่อผม ?เด็กนอกวัด? เข้าไปนำเสนอโครงการนี้กับท่านเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา?

การรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระนั้น ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เว็บไซท์วัดบางพระ เกิดขึ้น
จึงได้ริเริ่ม ?งานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ? ทั้งนี้เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้น ผมจึงแบ่งกำหนดการเป็น 2 ส่วน ดังนี้

1. กำหนดการ ?รวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (ครอบเศียรฤาษี+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง) ครั้งที่ 1?
วันที่      เสาร์ที่ 7 มีนาคม 2552
เวลา      07.00 น. - 08.50 น.
สถานที่    กุฎิหลวงพี่ญา

07:00 น.   พี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระ รวมพล พูดคุย ตามอัธยาศัย
พบกันที่ ?เขื่อนริมน้ำหน้าข้างกุฏิใหญ่? เตรียมตัวเข้าพิธี

07:20 น.   พี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระ ทยอยเข้าพิธีครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง ณ. กุฎิ
หลวงพี่ญา โดยเรียงลำดับแถว ตามหมายเลขคิว จากการประกาศทางเว็บบอร์ดอย่างเป็นทางการ
รับวัตถุมงคลที่ระลึก  จาก เด็กนอกวัด (ชิน)
08:50 น.   เสร็จพิธีครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง โดย หลวงพี่ญา
      พี่น้องชาวเว็บบอร์ด พูดคุย ตามอัธยาศัย

09:00 น.   พี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระ แยกย้ายร่วมพิธีไหว้ครูตามปกติ

11.00 น.   เสร็จพิธีไหว้ครูของวัดบางพระ
      
พักผ่อนตามอัธยาศัย

2. กำหนดการ ?รวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (อาหารเย็น) ครั้งที่ 1?
วันที่      เสาร์ที่ 7 มีนาคม 2552
เวลา      12.00 น.- 17.00 น.
สถานที่       ร้านหมูกะทะอาป๋า ริมทางรถไฟ ท่านา

12.00 น.   พี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระ พบปะกันอีกครั้ง
                              ( สรุปจำนวนคน-สถานที่ -วิธีการเดินทาง)

17:00 น.   ร่วมรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ณ. ร้านหมูกระทะ  อาป๋า ริมทางรถไฟ ท่านา

      (กำหนดค่าใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาท/ท่าน โดยช่วยกันออกค่าใช้จ่ายตามจำนวนคนที่ไป)

                                เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ


A. ข้อตกลงการลงทะเบียนเพื่อร่วมงาน ?รวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ(ครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง) ครั้งที่ 1? ?   รวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (ครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง) ครั้งที่ 1? ขอสงวนสิทธ์เฉพาะ สมาชิกเว็บบอร์ดวัดบางพระที่ลงทะเบียนล่วงหน้าแล้วเท่านั้น
?   ค่าครูพิธีครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง ครั้งนี้ชาวเว็บบอร์ดบางพระทำบุญตามกำลังศรัทธา
?   กรุณาตรงต่อเวลา

วิธีการลงทะเบียน
?   โพส ชื่อเล่นลงในกระทู้  และ PM เบอร์มือถือ ถึง เด็กนอกวัด

หมายเหตุ : การ ?โพส ชื่อเล่น? นั้น เพื่อความสะดวกในการตอบรับ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดเพราะชื่อแฝงบางท่านอาจเป็นภาษา สำนวน ที่คาดเดายาก เช่น godkung อาจเรียกภาษาไทยว่า กอดกุ้ง หรือ ก๊อดกุง เป็นต้น

วิธีการรับบัตรคิว
?   เมื่อท่านทำการโพสชื่อในกระทู้ +ส่งPM ถึงเด็กนอกวัดเรียบร้อยแล้ว ท่านจะได้รับ PM ตอบรับยืนยันการลงทะเบียน ให้ถือว่าการลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์
?   เราจะทำการประกาศรายชื่อพร้อมระบุหมายเลขคิวให้ทราบทุกวัน?
 
หมายเหตุ:  จำนวนจำกัดเพียง 100 คนเท่านั้น
B. ข้อตกลงการลงทะเบียนเพื่อร่วม ?งานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (อาหารเย็น) ครั้งที่ 1??   ?รวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (อาหารเย็น) ครั้งที่ 1? เป็นการสังสรรค์ของชาวเว็บบอร์ดบางพระ  ด้วยการรับประทานอาหารเย็นกันอย่างบรรยากาศง่ายๆ เป็นกันเอง  เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น
?   เฉพาะชาวเว็บบอร์ดบางพระที่ตกลงร่วมกันออกค่าอาหาร เพื่อสนับสนุนให้ทุกคนมีโอกาสรู้จักกันมากขึ้น

หมายเหตุ :   - งานอาหารเย็นขึ้นอยู่กับความสมัครใจของชาวเว็บบอร์ดบางพระ
- ท่านที่สนใจ สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าด้วยการโพสข้อความต่อจากกระทู้นี้


ตัวอย่างการโพสข้อความในกระทู้ เพื่อลงทะเบียนล่วงหน้า (อาหารเย็น)
      
1. เด็กนอกวัด         ชื่อ ชิน    a. ตกลงร่วมทั้งสองงาน

a. ตกลงร่วมทั้งสองงาน
b. ตกลง งานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (ครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง) ครั้งที่ 1
C. ตกลงร่วมงานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (อาหารเย็น) ครั้งที่ 1
ดังนั้น ท่านที่สนใจลงทะเบียนลำดับต่อไป กรุณาโพสข้อความต่อ ดังนี้

2.  Cho Presley      ชื่อ  โชว    b. ตกลง งานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (ครอบเศียร+ลงนะมหาเสน่ห์+สาลิกาลิ้นทอง) ครั้งที่ 1
ดังนั้น ท่านที่สนใจลงทะเบียนลำดับต่อไป จะโพสข้อความต่อไป ดังนี้
3. Ack01   ชื่อ น้องเอ็กส์ C. ตกลงร่วมงานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ (อาหารเย็น) ครั้งที่ 1 ตัวอย่างการโพสข้อความใน PM เพื่อลงทะเบียนร่วมงานรวมพลชาวเว็บบอร์ดบางพระ

1. เด็กนอกวัด         ชื่อ ชิน    เบอร์มือถือ 081-8300-808
            a. ตกลงร่วมทั้งสองงาน


ขอเชิญลงทะเบียนได้เลยครับ!

ทองที่เสกและจารด้วยหลวงพี่ญา วัดบางพระ





และหลวงปู่อั๊บ วัดท้องไทรเมตตาเสกให้อีกเที่ยว












ของที่ระลึกแผ่นยันต์หอมเชียง












416
ยังไม่ครบเลยพี่ท่านขาดสกีนพ่อเต่ อยู่ครับ รอราคาเหมาะสมอยู่ครับ   :003:

417
เก็บตก

ยันต์พระสีฯ มีดี ที่ ขอ โพสต์โดย อชิตะ





หุหุ เห็นพี่น้อง ชาวหมู่บ้าน มียันต์พระสีฯกันแทบทั้งนั้น ลองเอามาแบ่งปันกันบ้าง
เป็นผ้ายันต์ เขียนมือ ครับ มี ๒ ผืน ท่านที่เขียน คนละท่านกัน
ใครๆ ก็รู้ ว่า ผูกขาหาสาว สุดยอด แต่ผูกไม่ถนัด ใช้วิธีบอกเอามือวนๆ แล้ว อธิษฐาน ถือเคล็ดว่า โดนเนื้อเราแล้ว ก็โอเคนะ ใช้ได้ผลสมกิตติศักดิ์ อันเลื่องลือ




ความคิดเห็นที่ 1
ตามมาด้วย พี่พระสีฯ เนื้อดิน บ้างก็ว่า มีผงกระดูกพราย ทำครั้งเดียว ปลุกเสก ๙ พฤหัส หรือไงนี่ละ แต่ พิมพ์ มี ๓ พิมพ์ สังเกตจาก บล็อคด้านหลัง ของผม เค้าเรียกว่า พิมพ์ ๓ นะ ใช้แค่ชิ้นเดียว อีกชิ้นสะสม หรือแบ่งปัน คนที่รักของทางนี้





ผืนนี้ เด็ดสุด เล็กดี รสเด็ด เป็น ผ้าห่อศพเด็กตาย เอามาทิ้งที่วัด ก็เลยทำพลี ให้น้องเค้าไปเกิดดีๆ ส่วนผ้า แบบนี้ มีเหรอจะรอด ทำพระสีฯ ซิครับ พี่น้อง ผืนนี้ แรงสุด ชอบแหย่ เล่น ประจำ





ตามสูตร ครับ ไม่กราบหลวงปู่แย้ม ต้องพกพี่พระสีฯไปให้ หลวงปู่เสกให้ ทุก ครั้ง อิอิ

  ที่มาhttp://www.bbznet.com/scripts/view.php?user=kataamulet&board=2&id=165&c=1&order=lastpost


ผมมีแค่อย่างละ1องค์เองครับแบ่งให้ใครไม่ได้ขอโทษด้วยครับ 11;

418
นอนที่โรงแรมแบมบูอินท์ จะรำคาญเสียงรูดม่านเอาด้วยนะพี่เนอะ หุหุ..

..นอนวัดปลอดภัย ผีไม่หลอกครับ..

สงสัยศิษย์น้องเราจะใช้บริการบ่อยๆ ของเสน่ห์ยิ่งเต็มตัวอยู่ 11;

419
กำหนดการอย่างเป็นทางการจะออกพรุ่ง22/02/2552  รับรองว่าประทับใจในกิจกรรมและของแจกแน่นนอนครับ

420
อ้าว นายชิน มีทั้งผ้ายันต์และเนื้อดินอยู่แล้ว ไม่มีประสบการณ์บ้างหร๋อ 17; 37;
พูดถึง....น่าจะมาเป็นขบวนนะเนี่ย :047: 18; 31;
ของดีนะค่ะ ขนาดน้องลิงน้อยยังไม่มี พระสีสะแลงแงง ยังเหนื่อยเลย  :090: 08; 37; 30; 31;


[/quote]


ผมใช้ทางคุ้มครองดูแลจากภัยที่มองไม่เห็นเหมือนหุ่นพยนต์ครับคือเป็นคนกลัวผีนอนคนเดียวอะครับ 09;  ไม่เหมือนน้องลิงน้องที่มีอยู่ตอนนี้ก็แจ่มอยู่ล่ะ    ทั้ง ตะกรุดแม่นางพิม ตะกรุดยันต์หนีบ ยันต์แก้วหน้าม้า แล้วก็ลายสักจากบางพระ เดี๋ยวมีโอกาสจะไปหามาครอบครองอีก   

จะเป็นคาสโนวี่หรือครับนี่ก็เหมาหมดหาดใหญ่จดเพชรบุรีแล้วนิครับ 37;



เด็กนอกวัด 555 :043: :043: :043:

421
เด็กนอกวัด เราว่า นายมาอยู่ในวัดดีมั๊ย
ของดีๆ เยอะนะ


ให้ผมอยู่นอกวัดดีกว่าครับจะได้ไปหลายๆที่ได้มาของดีมาให้ชมแยะๆไง 36;



พี่ ดนว. อันนี้มันคือไร...? หัว? หน้าผาก ?

พี่ย่อรูปใหม่...ใหญ่ๆหน่อย แล้วส่งมาให้ดูหน่อยนะ!..มังดูไม่รู้เรื่องอ่ะ.. แต่ท่าทางสวยค่ะ




หัวเสือลายเมฆทั้งหัว พับ เลื่ยมพลาสติกครับ 31;
 ที่ชอบหัวเสือทั้งหัวเนื่องจากถ้าเอาแค่หน้าผากบางคนก็จะสงสัยว่าใช่หรอก็เลยเล่นทั้งหัว มีจมูก ตา หูครบ 09;

423
ใครมีประสบการณ์ ของพ่อ แม่พระสีสะแลงแงง ของวัดสามง่ามบ้างครับ
ทั้งผ้ายันต์และเนื้อดินเลยนะครับ


424
สวยมากครับ :053:ไม่ทราบของสำนักไหน

425
สาธุหลวงพ่อเปิ่นช่วยบอกเจ้าของพระองค์ปัจจุบันหน่อยครับว่า ให้กระผมลูกชินห้อยเถอะครับสาธุ :054: 17;

426
พระของขวัญนั่งเสือซุ้มมหาเศรษฐี พิมพ์เล็ก เนื้อเงิน 






.พญาเสือหมอบ และ พญาเสือนั่ง รุ่น 1.


แถม




ขอให้รวยโคตรๆ  เป็นอาเสี่ยไปทุกภพทุกชาติเลย  อิอิ ขอให้เป็นอาเสี่ยจริงๆเถอะสาธุ 17;

427
003



004


ขุนแผนองค์นี้(003)สวยจริงๆครับ สุดยอด :015: :054:
แต่ไม่ใช่ของหลวงปู่หิ่มอย่างที่คุณเด็กนอกวัดเข้าใจนะครับ องค์นี้เป็นของหลวงพ่อเปิ่น ออกที่วัดโคกเขมานะครับ เป็นเนื้อผงขาวซึ่งจะหายากกว่าเนื้อดินอีกนะครับเมตตามหาเสน่ห์สุดๆครับขอบอก

ขอบคุณท่านหอมเชียงมากครับ :054:

428
สวยงามมากครับ :053:พระอาจารย์เดช  วัดป่าบง อยู่จังหวัดอะไรครับ

430
ชอบ003 ขุนแผนปู่หิมที่สุดเลย :016: หูตากระพริบบอกว่าจะมาอยู่กับเด็กนอกวัด :095:เจ้าของเดิมคงไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้จริงไหม 31;

431
ยันต์เมตตาต่างๆเช่น จิ้งจก บัวบังใบ กวาง ม้าเสพนาง เป็นต้น :016:

432
น่าสนใจครับแต่ว่าผมยังไม่ได้สั่งเสื้อ คงจะไปไม่ได้ ใช่มะครับ   น่าเสียดายจัง

งานนี้ไม่เกี่ยวกับแบบเสื้อครับขอแค่คุณเป็นสมาชิกเว็บวัดบางพระ ลงชื่อ1ใน100ก็มีสิทธิ์ร่วมกิจกรรมแล้วครับ 30;

433
โหดูเค้าโพสดิ

เด็กติดรถ

เป็นน้องชายไม่ได้เป็นเด็กติดรถ

พี่โชวเขาบอกมาอย่างงี้ 05;

434
ขอบคุณพี่น้องชาวเว็บบอร์ดบางพระทุกท่าน ที่นำเสนอความคิดเห็น และตอบรับ
ขณะนี้ยังไม่ถึง 24 ชั้วโมง มีพี่น้องแสดงความสนใจ จำนวน 23 คน...แล้วครับ?.

ผมขอสรุปจำนวนคนที่สนใจ (เฉพาะวันนี้) ดังนี้ ครับ


1.   nutagul
2.   นายตะกรุด (เด็กติดรถพี่โชว)
3.   kaitip
4.   ~♣~โจรสลัด~♣~  (วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกให้ ผมถือว่า สนใจไปด้วยละกัน)
5.   Thongkam  
6.   เทพสายขาว
7.   <<<เอ็มไร่ขิง>>>
8.   cho presley
9.   minivet27 B
10.   oB'32>
11.   sony  
12.   นายต้นน้ำ
13.   tum72  
14.   อชิตะ   (แค่ทักทายพี่โชวที่ไม่ฉบายเฉยๆ ผมถือว่า สนใจไปด้วยละกัน)
15.   noppkun
16.   Ogofmayas
17.   DEKDOY
18.   Chotipat  
19.   NeW
20.   `ก๊วยlจ๋J
21.   ชลาพุชะ  
22.   TTTUTTT
23.   jiaranai

รายงานความคืบหน้า ครั้งที่ 1

ผมได้ยกหูคุยกับหลวงพี่ญาแล้วครับ
ข่าวดี...คือ...หลวงพี่ญาเมตตา 3 รายการดังนี้ ครับ
มีการประกอบพิธีพิเศษเบื้องต้นดังนี้

?   ครอบเศียรพ่อแก่
?   ลงนะเมตตามหาเสน่ห์
?   ลง สาริกาลิ้นทอง
ซึ่ง3อย่างนี้ถือว่าพิเศษมาก
โดย3อย่างนี้ลงพร้อมกันเลย
โดยกระผมเด็กนอกวัดจะบริจาคทองคำเปลว100%คัดแผ่นเต็ม



ส่วนค่าครูนั้นแล้วแต่จะทำบุญ โดยส่วนหนึ่ง จะทำบุญเป็นเจ้าภาพสวด หลวงพ่อเปิ่น

พี่น้องท่านใดสนใจ?. เชิญแสดงความคิดเห็นต่อได้เลยครับขอจำกัดจำนวนไม่เกิน100คน พรุ่งนี้จะมานับต่อครับ!

435
อาจจะรวมกันแถวแพริมน้ำซึ่งตรงนั้นไม่ค่อยมีคนมากนักหรืออาจจะหาที่รวมพลจุดอื่นทีคนไม่มากนักเพราะช่วงบ่ายคนส่วนหนึ่งก็กลับไปแล้วพอสมควร


วิธีแก้ ปัญหาเรื่องสถานที่กิน
1.ถ้าไม่สะดวกไปข้างนอกก้อเรียกเรียกมาก้อได้ อาจจะเป็นโต๊ะจีน หรือ สั่งกับข้าวมาก็ไม่ยาก
2.ต้องออกห่างจากตัววัดไป (สำหรับคนไม่มีรถ)พี่น้องชาวเวปมีน้ำใจกันอยู่แล้วไปด้วยกันคงไม่น่ามีปัญหา


เหนืออื่นใดต้องรวมตัวและมีคนรวมกิจกรรมพอสมควร และเดี๋ยวรายละเอียดจะปรึกษาหลวงพี่ญาก่อน

ยังไงใครจะมารวมก็ช่วยลงขื่อกันด้วยนะครับ 36;



436
เหอะๆ ตรงหน้าผากใครได้ไป หรอคับ


อยู่ที่ผมครับ :054:



แหม...สาวๆแย่งกันจีบของจากพี่เด็กนอกวัดน่าดูเลย เหอะๆ..
..เนื้อหอมนะเนี่ย.. 14;


...แม่นางพิมเนื้อว่าน ท่าทางจะแรงเอาเรื่อง...


จะเสียของนะท่าน

437
ผมว่าน่าจะมีการจัดรวมพลชาวเวปวัดบางพระผมถ้าท่านใดมีความดิดอะไรช่วยกันเสนอความคิดกันมานะครับ 02;


1.ความส่วนตัวผมน่าจะจัดวันที่7/03/2552 เนื่องจากวันไหว้ครูมีสมาชิกรวมตัวกันมากน่าจะรวมตัวช่วงบ่ายได้พอสมควร


2.วันอาทิตย์ที่8/03/2552 วันหยุด


.ใครอยากให้กิจกรรมนี้เกิดช่วยโพส และช่วยกันแนะนำกันด้วยนะครับ

438
สวยนะท่าน ว่าแต่กินยาแก้อักแสบด้วย :095:

439
ไม่จริงลูบได้แต่ห้ามค่อม :095:


ว่าผมยังไม่มีคนทา โลชั่น ไห้เลยเศร้า 05;

ไม่จริงม้าง..ขาวตี๋ขนาดนี้

..กลัวจะสับรางไม่ทันล่ะสิครับท่านศิษย์พี่ หุหุ..



..ตามตำราของวัด หรือสำนักที่สัก เค้าห้ามไว้แค่ไหน ก็ทำไปแค่นั้นแหละครับ..

..คิดมากไปก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันเลย มานั่งระวังตัวอยู่อย่างเดียว..



ระดับศิษย์น้องเอ็กส์ก็หล่อพอตัวยังไงพาศิษย์พี่ หาคนทาโลชั่น ทาแผลบ้างนะท่าน 09;

440
วิธีป้อง แบบง่ายๆให้แฟนใส่ผ้าอนามัยแบบกลางคืน เวลานอนก็จบไม่เลอะSure :016:

441

อันที่จริงแล้ว หล่อทั้งคู่แหละค่ะ.. หล่อคนละแบบ..คนละสไตล์..
เพื่อความยุติธรรม...ไม่ควรใช้ของสิเหน่เกินพิกัด..เด่วองศาความร้อนแรงจะพุ่งถึงขีดสุดแบบหยุดไม่อยู่...

ข้อแนะนำ: ควรนำของเสน่ห์ :008:ที่ว่า...มาเมตตาพี่โชวทางนี้ดีกว่าค่ะ...
  :009:



[/quote]

ทั้งหล่อ ทั้งสวยกันถ้วนหน้า ส่งเมตตามาให้น้องเปรี้ยวทั้งหมดดีกว่ามั้ยคะ  08;  ขอบคุณศิษย์พี่ทุกท่านล่วงหน้าเลยแล้วกันนะค๊า  21;
[/quote]


สาวๆทั้งสองนางของก็มากมายปราบหนุ่มๆคามืออยู่ทั้งนางพิม ดำเซ็น ขุนแผนไม่รู้กี่หลวงพ่อ ลงนะหน้าทองจนหน้าขึ้นเงา ทั้งกุมารวิ่งเรียกหนุ่มๆๆ

สีผึ่งเวลาโกหกผู้ชายจะได้เชื่อว่าพูดจริง ทั้งสักยันต์เมตตาเต็มตัว ของดีอีกเต็มหิ้ง  แถมน้ำมันพลายป้ายให้หลงจนถอนตัวไม่ขึ้น               เหอเหนื่อยกับสาวๆที่มีเล่นของขลังจริงๆๆ
11; 11;

442
ไม่จริงลูบได้แต่ห้ามค่อม :095:


ว่าผมยังไม่มีคนทา โลชั่น ไห้เลยเศร้า 05;

443
เก่ามากๆครับหาวัดไม่ได้   :053: ได้มาจากที่ไหนลองหาตามแหล่งที่ได้มาน่าจะง่ายกว่า

444
เก่ามากครับแต่ไม่เคยเห็นหน้าหลวงพ่อเลย :054:

445
สวยมากครับ :016:

446
มีแต่คนหล่อคนสวยแถมทั้งมีเสน่ห์ร้อนแรงจากอักขระและเครื่องรางอันเข้มขลังกันทั้งนั้น  08;

447
ขอบคุณท่านโองการฯ  สวยมากสงสัยต้องหยอดกระปุกรอ :003:

448
หล่อนะเนี่ยตัวจริงพี่ชิน แบบนี้ไม่ต้องใช้แล้ว ของสเน่ห์อ่ะ..



..แจกน้องเอ็กซ์ให้หมด  16;...


..ขอบคุณมากนะครับพี่สำหรับหนังเสือไฟ จะเก็บรักษาไว้อย่างดีเลยครับ..

..เดี๋ยวจะไปใส่หลอดตะกรุดเงินเลย เหอะๆ..
[/quote]



ขอบคุณครับผมไม่หล่อหรอครับ   ขอชมบ้างนะท่าน :017:

449
ดีใจที่ได้เจอท่านเอ็กส์กับท่านโจรนะครับ 30;

ครับ ยินดีเช่นกันครับ ไว้โอกาสหน้าเราคงได้เจอกันอีก ขอบคุณครับ ที่ดีใจ  :095:

สงสัยเห็นทีคราวหน้าต้องต้องหลบโจรเดี๋ยวโดนปล้น :095:

450
ดีใจที่ได้เจอท่านเอ็กส์กับท่านโจรนะครับ 30;






451
ได้ในไปเสกที่วัดสะพานสูงด้วยรวมทั้งพระเกจิเหล่านี้.
ถ่ายรูปหมู่ต่อหน้ารูปหลวงปู่เอี่ยม ปฐมนาม



ในโบสถ์วัดสะพานสูง












หนังสือแท้ ทั้งตัวนำมาตัด จารยันต์โสฬสมงคลเต็มสูบ แถม เสกในกุฎิเป็นเดือน










452
หนังเสืออักขระสายวัดสะพานสูง โดยหลวงตาเปรื่อง วัดบางจาก จ.นนทบุรี

เสกหนังเสือไฟก่อนนำมาตัดทำตะกรุด





จารกำกับก่อนนำมาตัดทำตะกรุด


จารด้วยตนเอง อย่างตั้งใจ








จารเสร็จเสกทีละชิ้นอย่างตั้งใจก่อนนำไปเข้าพิธีใหญ่




453
ยินดีด้วยครับ สวยงามมาก :016: :025: :015:

454
บทความโดนใจมาก :016:


วิธีการแก้กรรมเรื่องต่างๆ
 
 
ครอบครัวมีแต่ปัญหา
 
  เกิดจากกรรม (สิ่งใดสิ่งหนึ่งดังนี้)  
    1.เคยทำแท้งไหม
2.ไม่ทำบุญให้บรรพบุรุษไหม
3.ไม่เข้าใจครอบครัว สามี ลูกหรือเปล่า
4.เคยผิดศัลกาเม ในชาติก่อนและชาตินี้ไหม
5.ทำผิดต่อเจ้าที่เจ้าทางไหม
วิธีแก้กรรม
  1.นิมนต์พระเลี้ยง ทำบุญบ้าน วันเกิด สวดชะยันโต ขอพร ประพรมน้ำมนต์ให้ครอบครัว อยู่เย็นเป็นสุข และถวายสังฆทานสวดอุทิศให้ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้อโหสิกรรมและช่วยครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
2.ไปถวายผ้าบังสุกุลอุทิศให้บรรพบุรุษให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขหรือทำบุญให้บรรพบุรุษให้ได้รับกุศล
3.เคยบอกรักสามีและลูกบ้างไหม ทำซะ จะทำให้เขาเข้าใจมากขึ้นว่าเรารัก
4.สวดมนต์ทุกวันเกิดตนเอง ขอพรเทพประจำตัวให้คุ้มครองครอบครัวให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข
5.กราบไหว้เจ้าที่เจ้าทางด้วย อาหารคาวหวานชุดใหญ่ แก่พระภูมิเจ้าที่ให้ได้รับและขอพรให้อำนวยโชคลาภความร่มเย็นเป็นสุขให้ครอบครัวท่าน

กรรม....เสียเงินตลอด
  เกิดจากกรรม
    1.เคยเอาเงินเขามาในชาติอดีตแล้วไม่คืน
2.ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยแพง
3.โกงคนในชาติปัจจุบัน
4.ทำแท้ง
5.ยุยงให้คนเสียเงิน โดยรู้ว่าผิดก็ให้ทำ
วิธีแก้กรรม
  1.พยายามทำบุญอุทิศส่วนกุศล ทุกวันเกิด ให้ผู้ที่เคยล่วงเกินกันมาตั้งแต่อดีตชาติปัจจุบันชาติ ให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2.หากมีคนที่ล่วงเกินยังมีชีวิตอยู่ หาเงินไปคืนและขออโหสิกรรมซะเพื่อชีวิตเราจะได้ดีขึ้นต่อไป
3.ตักบาตร วันโกนอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรและวิญญาณเด็กที่ตามมาให้ได้รับกุศล และเปิดทางให้ชีวิตดีขึ้น
4.ทำกุศลกับผู้มีพระคุณและช่วยคนไว้ เพื่อยามทุกข์ยากจะได้มีคนมาเหลียวแล และดูแลเราบ้าง
5.สวดมนต์ทุกวันเกิด และแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
    
กรรมต้องสะเดาะเคราะห์
  เกิดจากกรรม
    เมื่อตนเองเข้าเสวยอาบุที่ไม่ดี ก็จะประสบเคราะห์ร้าย เช่น ป่วยหนัก อุบัติเหตุ เสียเงิน จึงต้องสะเดาะเคราะห์ดังนี้
กรรมจาก 1.ชอบทำร้ายคนต่ำกว่าให้ทุกข์ทรมาน
2.ป่วยหนัก ซ่าสัตว์ไว้ ผิดศีลข้อ 1  
วิธีแก้กรรม
  1.กินเจ 7 วัน อุทิศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายที่เคยทำไว้ตั้งแต่อดีตชาติปัจจุบันชาติ
2.ตักบาตรให้ครบตามปีที่เข้าเสวยอายุ
3.ไหว้พระให้ครบ 7 วัน 7 วา ล้างเคราะห์ได้
4.ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ตามกำลังวันเกิดตนเอง จนครบ 1 ปี เคราะห์จะกลายเป็นดี
5.ขอพรพระที่ตนนับถือ ไปที่วัด ไปขอพรท่านให้พ้นเคราะห์พ้นโศกและช่วยให้ชีวิตก็จะดีขึ้น


กรรมคู่ไม่ดี
  เกิดจากกรรม
    1.เคยเป็นชู้กับผู้อื่นไว้ ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
2.ทำร้ายจิตใจคู่ตนเองไว้
3.ทำร้ายร่างกายโดยตนเองอยากทำ เพราะหึงหวงให้เขาเจ็บปวด
4.ผิดศีลกาเม
5.ยุยงผู้อื่นให้เลิกกัน
วิธีแก้กรรม
  1.ตั้งสัจจะว่าจะไม่แย่งผัวคนอื่น มาเป็นของตนเอง
2.หมั่นถวายเทียนคู่ในวันเกิดตนเองปีละครั้ง ขอเสริมดวงชีวิตคู่ให้พบแสงสว่างในชีวิตคู่ที่ดี โดยไปกับแผนและอธิษฐานขอพร
3.ถวายสังฆทานในวันเกิด เพื่อขอพรให้สมหวังด้านชีวิตคู่ และอุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรและคู่ชีวิตที่เคยล่วงเกินไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติให้ได้รับกุศล และอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
4.บริจาคทรัพย์ให้กับคู่ตางงานในงานแต่งงาน เพื่อส่งเสริมให้เขาสมหวังในความรัก และตนเองก็จะได้บุญต่อไป
5.ไกล่เกลี่ยคู่สามี-ภรรยา ที่ทะเลาะกันแยกทางกัน ให้มารู้สึกดีต่อกัน จะได้บุญด้านธรรมทางด้านชีวิตคู่


กรรมเป็นเมียน้อย
  เกิดจากกรรม
    1.เคยผิดลูกผิดเมียเขามาในชาติก่อน
2.ผิดศีลกาเม
3.เคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาว่ากี่ภพก็ขอให้ได้ใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน

เมียน้อยมี 3 ประเภท
1.เมียน้อย ผัวดี ช่วยเหลือ เกิดจากเคยทำบุญใหญ่ ช่วยเหลือคนและครอบครัวมามาก และอธิษฐานจิตมาเจอกัน แม้ไม่ได้เป็นเมีย 1 แต่เป็นเมีย 2 ที่ถูกต้อง เพราะกุศลนำพามาเจอ จึงทำให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ผิด ไม่บาป
2.เมียน้อย ผัวร้าง แต่ไม่หยุดที่เขา ทำให้เป็นโดยขำยอมเพราะกรรมเก่าที่เคยทำไว้ จึงต้องรับภาระเพราะทั้งรัก ทั้งเจ็บ กรรมนี้อยู่ในการเคยขืนใจเขาไว้ แต่พอมาชาตินี้จึงต้องตกอยู่ในภาระจำยอมเจ็บ เพราะรักเขา
3.เมียเก็บ ผัวบังคับ แต่ส่งเสีย เกิดจากกรรมที่เคยผิดลูกผิดเมียเขาไว้ จึงต้องทุกข์ใจ แต่สบายกาย
วิธีแก้กรรม
  1.ทำบุญสังฆทานสด ในวันเกิดตนเอง เดือนละครั้ง เพื่ออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติและวิญญาณที่ตามมาให้ได้รับกุศลและอโหสิกรรม
2.ถือศีล 5 ให้ได้ 1 ปี ต่อ 1 เดือน จะทำให้ชีวิตดีขึ้น
3.ถวายธงคู่ อธิษฐานจิตขอให้ชีวิตคู่ที่ดีขึ้น
3.บวชชีพราหมณ์ ปีละ 1 ครั้ง 3 วัน อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยล่วงเกินให้ได้รับกุศลและเปิดทางให้ชีวิตคู่ดีขึ้น
5.ร่วมเป็นเจ้าภาพ งานแต่ง เพื่อชีวิตตนจะดีขึ้น  

  กรรม ทุกข์ใจเพราะญาติพี่น้องและสามี
  เกิดจากกรรม
    1.เคยลำเอียง ไร้คุณธรรมในด้านครอบครัวไว้ก่อน
2.เคยเอารัดเอาเปรียบคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดไว้ในชาติอดีตและชาติปัจจุบัน
3.เคยทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกในอดีตชาติ
วิธีแก้กรรม
  1.ต้องบวชชีพราหมณ์ เพราะเมื่อเกิดอีกภพชีวิตจะได้ดีมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะกุศลของการบวช ปฏิบัติธรรมทำให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม และตนเองได้พบสิ่งที่มีกุศลมากขึ้น
2.ยึดพรหมวิหาร 4 มี เมตตา กรุณ มุทิตา อุเบกขา จะทำให้ชีวิตมีความเมตตา และไม่ลำเอียงเอารัดเอาเปรียบคนใกล้ชิด ทำให้วิถีชีวิตมีคนนับถือและพ้นจากความทุกข์ในเรื่องญาติพี่น้องยุ่งเกี่ยวได้
3.นำพระคู่บ้านคู่เมืองเข้าสักการะที่บ้าน และสวดมนต์ขอพรให้ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข
    
 กรรมเป็นอัมพฤกษ์  
  เกิดจากกรรม
    1.ฆ่าสัตว์
2.ทรมานสัตว์
3.ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
วิธีแก้กรรม
  1.ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติรวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2.ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม
3.ถวายยาเข้าวัด หรือช่วยเหลือคนป่วย
    
กรรมเป็นมะเร็ง  
  เกิดจากกรรม
    1.เคยฆ่าสัตว์ หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงฆ่าสัตว์มาก่อน จึงส่งผลให้มีสุขภาพที่รักษาไม่ได้
2.มีจิตใจเหี้ยมโหดมาตั้งแต่อดีตชาติ โดยสั่งฆ่าคนและทำร้ายคนให้เจ็บปางตาย
3.ทำแท้งมากมาย
4.เบียดเบียนเงินคนมากมาย บนความทุกข์คนอื่นในอดีตชาติ
วิธีแก้กรรม
  1.ต้องทำบุญใหญ่อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร และบวชชีพราหมณ์ 1 เดือน เพื่อส่งกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรม
2.สร้างพระถวายให้เจ้ากรรมนายเวร
3.ให้มาสัมผัสจิตกับพระแม่อุมาเทวีโดยตรง
    กรรมลูกไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
  เกิดจากกรรม
    1.ทำแท้ง
2.เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
3.ลูกดื้อมากๆอาจจะเพราะเขามาจากภพภมิที่สูงกว่าเรา
วิธีแก้กรรม
  1.บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง
2.พาลูกไปหาหลวงปู่ ให้เทศน์สอน
3.ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

กรรมเกิดมาไม่สวย  
  เกิดจากกรรม
    1.ทำอะไรลวก ๆ กับพระ พ่อแม่
2.ชอบว่าผู้อื่น และทำร้ายสัตว์
3.ถวายดอกไม้แห้ง-เหี่ยว
แก้วิบากกรรม
  1.หมั่นถวาย ดอกไม้หอม พวงมาลัย ไม่เวียนต่อพระพุทธรูป พระภิกษุสงฆ์ เทพด้วยกิริยาที่ตั้งใจ
2.ไม่ลบหลู่ ผู้มีพระคุณ รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์
3.บริจาคน้ำมันตะเกียง ขอแสงสว่างด้านความงาม

กรรมมีกลิ่นตัวเหม็นตลอด  
  เกิดจากกรรม
    1.ชาติก่อนชอบดูถูก คนอื่น
2.ชาติก่อนชอบคิดอิจฉาริษยาผู้อื่น
วิธีแก้วิบากกรรม
  1.ต้องรู้จัก เห็นผู้อื่นได้ดี พลอยยินดีไปด้วย
2.หมั่นถวายของหอม ดอกไม้ไม่ให้ขาด
กรรมเกิดมาโง่
  เกิดจากกรรม
    1.ดูถูกผู้ที่หมั่นหาความรู้ และชักชวนไปทำผิด
2.ไม่ขยันหมั่นเพียรศึกษาหาความรู้ แต่ทำตัวมั่วสุมในทางผิด
แก้วิบากกรรม
  1.หมั่นทำบุญด้านหนังสือธรรมมะ หรือพิมพ์บทสวดมนต์แจก
2.ให้ถวาย หลอดไฟฟ้า เพราะกุศลจะส่งผลให้ตนเองมีปัญญาแจ้งแดงตลอดในงานนั้น ถวายในวันเกิดข้างขึ้น 7-15 ค่ำ เจริญขึ้น
3.หมั่นสวดมนต์ทุกวัน
4.หมั่นกตัญญูต่อความถูกต้อง และมีวิริยะมากขึ้น
    
กรรมมีบริวารไม่ดี  
  เกิดจากกรรม
    1.ไม่กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และคนใกล้ชิดในชาติก่อน
2.เคยให้ร้ายคนอื่นไว้ก่อน เมื่ออดีตชาติ
3.ไม่ช่วยเหลือส่วนรวม
แก้วิบากกรรม
  1.หมั่นทำบุญโดย ให้ทาน กับบุคคลที่ใกล้ตัว และหมั่นชักชวนบุคคลอื่นทำบุญร่วมกัน เกิดชาตินั้นฉันใดจะมีบริวารมากมาย
2.ให้ร่วมทำบุญด้าน บวชนาคหมู่ หรือสามเณรภาคฤดูร้อน จะทำให้พ้นทุกข์และมีบริวารที่ดี อยู่ในศีลธรรม
3.หมั่นกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ
    
กรรมให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง  
  เกิดจากกรรม
    1.ฆ่าสัตว์ไว้เยอะ
2.เห็นคนเป็นอันตราย ก็พลอยสมน้ำหน้า
3.จิตใจอาฆาต คอยแช่งบุคคลอื่นเสมอ
4.ทำแท้ง ฆ่าคนมาก่อน
แก้วิบากกรรม
  1.สร้างประตูวัด ป้องกันอันตรายให้ตนเอง ทำวันเกิดตนเองจะทำให้แคล้วคลาดอันตรายได้
2.มีหิริ โอตัปปะ ในจิตใจ
3.สวดมนต์คาถาป้องกันภัย 10 ทิศ ทุกวันเกิด 3 จบ
4.ตักบาตรทุกวันเกิด อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรให้อโหสิกรรม
    
กรรมเจอแต่คนเอาเปรียบ  
  เกิดจากกรรม
    1.เคยเบียดเบียนเงินพ่อแม่ไว้ในอดีตชาติ
2.เคยโกงคนไว้ในอดีตชาติ
3.ขโมยเงินครอบครัวมาใช้
แก้วิบากกรรม
  1.หมั่นยึดถือศีล 5 ให้มั่น
2.ไม่ดื่มเหล้า ทำให้ขาดสติ โดนโกงง่าย
3.หมั่นสวดมนต์ อธิษฐานบารมีด้านขอพรให้พบเจอคนดี ๆ เข้ามาในชีวิต
กรรมไม่มีลาภลอย  
  เกิดจากกรรม
    1.ไม่เคยทำบุญเกินจิตที่ตั้งไว้ และเวลาบริจาคเสียดายทรัพย์ทั้งทั้งที่ตนมรเงินมากมาย เกิดความตระหนี่แบบไม่ให้ทานอย่างเต็มใจ
2.ไม่ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ และยังอยากโลภได้เงินมาก ๆ โดยมิชอบ
แก้วิบากกรรม
  1.ตั้งจิตทำบุญ ทำกุศลด้วยความบริสุทธิ์ใจ และตั้งมั่นที่จะช่วยเหลือศาสนาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
2.หมั่นทำบุญใหญ่ ขอพรด้านลาภลอย
3.ให้ฝังลูกนิมิตร ปีละครั้ง อธิษฐานขอพรจะทำให้สมหวังในจิตที่ขอ
    
ใครได้รับกรรมอะไรลองแก้ไขตามนี้ดู 03;



455
เศร้าจัง... ต้องไปสักยันต์เพื่อลืมเธอ..  :065:


ลืมหนุ่มคนไหนครับ ถ้าสักเพื่อลืมเธอป่านนี้คงเต็มตัวแล้วสินะ 11;

456
พี่เก็บหนังสือไฟลงมหาโสฬสมงคลเต็มสูบไว้ให้น้องเอ็กส์สุดเลิฟ1ชิ้น ติดต่อมาหลังไมล์ได้เลย 02;

457
ไม่ใช่เศรษฐีนวะโกฏิครับเป็นเหวัชระครับ
พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐี

เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความร่ำรวย เงิน ทอง โภคสมบัติ และเป็นสัญลักษณ์

แห่งตัวแทนของท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่านในสมัยพุทธกา ล มหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน

ได้เป็นพุทธอุปัฎฐากขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ า และยังเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่อง

จากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า

"เป็นผู้เลิศในการทำบุญและเป็นยอดแห่งมหาเศรษฐีทั้งป วง"

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน มีรายนามดังนี้

1.ธนัญชัยมหาเศรษฐี

2.ยัสสะมหาเศรษฐี

3.สุมนะมหาเศรษฐี

4.ชฏิสัสสะมหาเศรษฐี

5.อนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี

6.เมณฑกะมหาเศรษฐี

7.โชติกะมหาเศรษฐี

8.สุมังคละมหาเศรษฐี

9.มหาอุบาสิกาวิสาขา (พระนางวิสาขา)

ท่านมหาเศรษฐีทั้งเก้าท่าน ล้วนแต่เป็นพระอริยโสดาบันทั้งสิ้น กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งคุณธรรม

ความดีงาม พระมหาเศรษฐีนวโกฏิ มีตำนานเล่าขานในราชอาณาจักรล้านช้างโบราณว่า

ในยุคหนึ่งได้เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ฝนไม่ตกเจ็ดปี เกิดทุกข์เข็ญ ความเดือดร้อน

ตลอดทั้งเกิดโรคอหิวาตกโรค ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก ในเวลาต่อมา

ได้มีพระอรัญญวาสี (พระผู้อยู่ในป่า) ผู้ทรงคุณในทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน

ได้มาบอกให้เจ้าพญาผู้ครองราชอาณาจักรว่า

"ให้พากันสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ พระเก้าเศรษฐีขึ้นมาทำการสักการบูชาเสียแล้วเหตุ

เภทภัยทั้งหลาย จะระงับดับไป"

พระอรัญญวาสี ยังได้บอกเคล็ดและวิธีการต่างๆ ตลอดถึงฤกษ์ยามอันเป็นมงคล

สำหรับใช้ในการจัดสร้างพระมหาเศรษฐีนวโกฏิเจ้าพญาผู้ ครองราชอาณาจักร

ได้ทำตามวิธีการนั้น ไม่นานปรากฏผล เรื่องเลวร้ายต่างๆ ได้เกิดระงับดับไปตามที่

พระอรัญญวาสีองค์นั้นได้บอกไว้ทุกประการ ตลอดทั้งเกิดความอุดมสมบูรณ์

ด้วยข้าวปลาอาหาร ร่มเย็นเป็นสุขด้วยเหตุนี้ ประชาชนแห่งราชอาณาจักรล้านช้างโบราณ
จึงนิยมจัดสร้างและบูชาสักการะองค์พระมหาเศรษฐีนวโกฏ ิ นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา





458
ถึงพี่เด็กนอกวัด ครับ ..... หากผมเคยล่วงเกินอะไรพี่ไป และเรื่องที่ผ่านมาจะผิดหรือไม่ผิด ... ผมขอโทษนะครับ ขอโทษตรงนี้ให้พี่น้องได้เห็น
ผมเด็กกว่า อาจไม่มีสมองคิดไปล่วงเกินพี่ ..ผมก็ขอโทษด้วยนะครับ .... จากจริงใจ  :054:








ไม่เป็นไรครับ :012:

459
"Love"

Love,
is more than what I have.
Love,
is more than what you are.
Love,
takes me where I've never been.
Love,
takes me where I am today.
Love,
is what I am with you.



เดือนแห่งรักพักใจในปีนี้
คงไม่มีเธอข้างอย่างที่หวัง
ค่ำคืนผ่านทิ้งฉันไว้ไร้กำลัง
คงอยู่ยังร่างกายไร้วิญญาณ

มองฟ้างามความฝันพลันบรรเจิด
ทุกสิ่งเกิดแต่จบลงคงเพียงสาร
ทุกอย่างผ่านไปเพียงพร้อมกาล
เพียงคอยวานสายลมดูแลเธอ

จะหลบลี้ หนีรัก พักเร่ร่อน
ความดีกร่อน แตกไป ไกลล้นเหลือ
ดีไม่ได้ จะยอมชั่ว คนเป็นเบือ
ไปเป็นเสือ เป็นโจร บนเรือเก

เป็นโจรแล้ว แคล้วคลาด จากความรัก
จะยอมปัก ตั้งมั่น ไม่หันเห
จะยอมเลว เร่ร่อน ด้วยร้อยเล่ห์
หลบเสน่ห์ ความรัก จักคอยตาม

จะหลีกลี้ หนีไป ให้พ้นหน้า
จะหลบตา หนีไป ไกลความหวาม
จะหลบหลีก ปลีกไป ไม่มากความ
ทุกโมงยาม หลีกรัก ปักชีวัน



อาจไม่ได้เป็นคนแสนดี ขี้อ้อน
อาจไม่ได้เป็นคนไหวอ่อน อุ่นหวาน
แค่อยากให้เธอรักฉันไปนานๆ
จึงต้องมีนืทานมาเล่าขานเพื่อเธอ
มีนิทานชื่อว่า love story
แต่งด้วยบทกวี อิ่มอุ่นไหวเพ้อ
เล่าเรื่องสู่หัวใจฉัน..สู่หัวใจเธอ
เล่าเรื่องว่ารักเสมอ และ รักเธอ อย่างแท้จริง


แด่ทุกคนในบอร์ดคนครับจากใจเด็กนอกวัด







ชีวิตเด็กนอกวัดเป็นแบบนี้



460
เวลาพกพา มัดไว้ที่หน้าอก และท้อง  หรือ มัดเอาไว้กลางหลัง (ดีนะที่เขามีสักยันต์ ไม่งันต้องพกอย่างว่าจริงๆ :005: :005:)


แค่บ้างส่วนเอง 05;






ถ้ามีปัญญาซื้อแค่ตัว2ตัวก็คงต้องทำตามนั้น แต่บังเอิญมีหลายตัวทำตะกรุด ไม่รู้กี่ดอก พกเป็นแผ่นหลายหลายมือบ้าง ถวายวัดบ้างยังเหลืออีกเป็นฝูง :005:

เห็นแล้ว นึกถึง คำสอนครับ เสือตายไปแล้ว หนังยังมีค่า มีราคา

คนเราตายไปแล้ว มีอะไรเหลือไว้บ้าง นอกจากความดี และ ........  นั้นละ นะครับ

สรุป คือ เสือทำดีสู้คนไม่ได้  แต่หนังเสือสวยครับ   

ทำตระกรุดลงอักขระให้หลวงพ่อท่านช่วยส่งวิณญาณไปในภพภูมิที่ดีขึ้นไปการสร้างกุศลไปในตัวบำรุงพุทธศาสนา ดีกว่าทิ้งไว้ตามป่าเขาให้แมลงมากันกินหนังเปล่า เสือตายตามธรรมชาติก็มีนะท่าน 36;

461
เหวัชระ







เหวัชระ (Hevajra) เป็นยิดัมที่ได้รับการนับถืออย่างกว้างขวางในกลุ่มผู้นิยมพุทธตันตระ ถือเป็นภาคดุร้ายของพระอักโษภยะพุทธเจ้า ในงานพุทธศิลป พระองค์ทรงมีพระวรกายสีฟ้า มี 8 พระเศียร แต่ละเศียรมีพระเนตรสามดวง มีพระหัตถ์ 16 กร แต่ละพระกรทรงถือถ้วยหัวกะโหลกที่มีสิ่งต่างๆ บรรจุไว้ภายใน ในแปดพระกรขวา ประกอบด้วย ช้าง ม้า ลา มนุษย์ อูฐ โค สิงโต และแมว ส่วนแปดพระกรซ้าย ประกอบด้วย โลก น้ำ อากาศ ไฟ ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ พระยม (เทพเจ้าแห่งความตาย) และพระเวสสุวรรณ (เทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง) โดยที่สองฝ่าพระบาทหน้าเหยียบอยู่บนร่างมนุษย์หรือซากศพชายหญิงไว้อันหมายถึงอวิชชา บ้างก็กล่าวว่าฝ่าพระบาทของพระองค์เหวัชระมีเทพประจำรักษา ได้แก่ พระพรหม พระยักษา พระยม และพระอินทร์ ไม่ใช่ฝ่าเท้าของนางฑากิณีหรือโยคินี พระองค์ทรงอยู่ในท่าร่ายรำแบบอรรธปรยังก์หรือโอบรัดศักติมีพระนามว่า พระแม่วัชรนิรทย (Vajra Nairatmya) นอกจากนี้ พระองค์ทรงมีเทพสตรีหรือที่เรียกว่านางโยคินีแปดตนเป็นบริวาร นางโยคินีเหล่านี้มีหน้าที่ทำลายล้างอวิชชาหรือสิ่งชั่วร้ายและรักษาทิศทั้งแปดของจักรวาล ถือกำเนิดขึ้นจากญาณของเหวัชระ

ฑากิณี (Dakini) บ้างก็กล่าวว่าคือพระแม่ผู้เดินหนในนภากาศ มีหน้าที่ในการปฏิบัติธรรมแห่งตันตระ โดยมีรากฐานเดิมเป็นยักษ์จึงมีชื่อเรียกอีกนามหนึ่งว่า ?นางโยคินี? (Yogini) แม้ว่านางฑากิณีและนางโยคินีจะมีความหมายเดียวกัน แต่โดยนัยแล้วฑากิณีจะมีอาวุโสกว่านางโยคินี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ช่วยมหาสิทธาและดิยัม อีกทั้งยังเป็นผู้เก็บรักษาคำสอนและปกป้องช่วยเหลือผู้ปฏิบัติให้บรรลุผล แต่ในคติศาสนาพราหมณ์ถือว่าเป็นบริวารของพระแม่กาลี ฑากิณีมีด้วยกัน 5 ตระกูลตามฌานิพุทธเจ้าห้าพระองค์ ได้แก่ ตระกูลปัทมา ตระกูลพุทธะ ตระกูลวัชระ ตระกูลอัญมณี และตระกูลกรรมา (กรรม) อย่างไรก็ตาม ฑากิณีในตระกูลวัชระทั้งแปดองค์ที่เป็นบริวารของดิยัมเหวัชระ ประกอบด้วย

1) นางเคารี (Gauri) ประจำทิศตะวันออก ผิวสีดำ ถือถ้วยหัวกระโหลกในมือขวาและถือปลาในมือซ้าย
2) นางเฉารี (Chauri) ประจำทิศใต้ ผิวสีทองแดง ถือกลองในมือขวา และถือหมูป่าในมือซ้าย
3) นางเวตาลี (Vetali) ประจำทิศตะวันตก ผิวสีแดงส้ม ถือเต่าในมือขวา และถือถ้วยหัวกระโหลกในมือซ้าย
4) นางฆษมารี (Ghasmari) ประจำทิศทิศเหนือ ผิวสีเขียว ถืองูในมือขวา และถือถ้วยหัวกระโหลกในมือซ้าย
5) นางปุกกาสี (Pukkasi) ประจำทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ผิวสีน้ำเงิน ถือสิงโตในมือขวา และถือขวานสั้นในมือซ้าย
6) นางชาพารี (Shabari) ประจำทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผิวสีขาวขุ่น ถือนักบวชในมือขวา และถือพัดในมือซ้าย
7) นางฉนฑลี (Chandali) ประจำทิศทิศตะวันตกเฉียงใต้ ผิวสีเทา ถือกงล้อในมือขวา และถือคันไถในมือซ้าย
8.) นางโทมพี (Dombi) ประจำทิศทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผิวสีเหลืองทอง ถือวัชระในมือขวา และถือปลาในมือซ้าย

ในงานพุทธศิลป์ ดังภาพทังก้าซ้ายมือ ศิลปะแบบทิเบต คริตสศวรรษที่ 14 เป็นมณฑลของดิยัมองค์พระเหวัชระที่โอบกอดพระแม่ศักติท่ามกลางนางฑากิณีประจำทิศทั้ง 8 องค์ ส่วนภาพขวามือ คือ นางโยคินีมีนามว่า วัชรโยคินี (Vajrayogini) หรือวัชรวาราฮี (Vajravarahi) ในท่าร่ายรำอรรธปรยังก์ที่เริงร่าอยู่บนร่างศพ ซึ่งเป็นคู่พระบารมีของยิดัมจักรสัมวารา สวมมงกุฏที่ทำด้วยหัวกระโหลกห้าหัว มือขวาถือขวานสั้นชี้ลงพื้น ส่วนมือซ้ายถือถ้วยกระโหลก ที่ข้อศอกพับประคองคฑาสามง่ามที่ปลายยอดเสียบหัวกระโหลกสามหัวไว้ สวมสร้อยสังวาลประดับด้วยหัวกระโหลก และสวมข้อเท้าทั้งซ้ายขวา ภายใต้รัศมีของเพลิงไฟแห่งปัญญา

ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าแปลมาจากแหล่งไหนครับ ถึงกลายเป็นว่านางโยคินีทั้งแปดประทับอยู่บนเทพเจ้าฮินดูที่เป็นอวิชชา

  เหวัชระยิดัมองค์สำคัญในการปฏิบัติพุทธตันตระ พระองค์มีรูปกายสีน้ำเงินเข้ม
มุมมองในผู้ศึกษาพุทธธรรมได้แบ่งแยกอย่างชัดเจนว่าอนัตตาและอารมณ์ฝ่ายดีเป็นอริยะชนผู้มีคุณความดี เป็นผู้มีธรรมะผู้สัมพันธ์ด้วยจึงเป็นอริยะชนด้วย แต่ในด้านตรงข้าม อัตตาและอารมณ์ฝ่ายร้ายเป็นความชั่วร้ายเป็นทุรชนที่จะต้องทำลายทิ้งหรือเก็บกดคุมขัง เพื่อมิให้ผู้ที่สัมพันธ์ด้วยกลายเป็นผู้ชั่วร้าย ความขัดแย้ง การต่อสู้ จึงบังเกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เจตนารมณ์ในพุทธรรมมุ่งเน้นในสันติวิธีมากกว่าการต่อสู้และความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความขัดแย้งนั้นเกิดขึ้นภายในตัวผู้ศึกษาธรรม ยิ่งไม่ควรบังเกิดขึ้น ด้วยว่าการต่อสู้กันนั้นในที่สุดตัวเราโดยองค์รวมจะเป็นผู้ถูกทำลายเอง ในมุมมองของพุทธตันตระ จึงมุ่งสู่ศูนยตาสภาวะ สภาวะที่ไม่ได้อยู่เองโดดๆเป็นสภาวะที่สัมพันธ์ แอบอิงกัน เป็นสภาวะแห่งการมองอัตตา อนัตตา อารมณ์ดี อารมณ์ร้ายตามความเป็นจริงแห่งธรรมชาติ ที่ต้องสัมพันธ์กัน เปิดโล่ง โปร่งใส เมื่อดวงตาแห่งธรรมเปิด มองเห็นศูนยตาสภาวะ พุทธภาวะก็บังเกิด ผู้เปิดดวงตาแห่งธรรมก็คือองค์ยิดัม แท้จริงแล้วองค์ยิดัมก็คือ รากฐานแห่งพลัง อัตตา อนัตตา อารมณ์ทั้งหลายทั้งปวงนั่นเอง ดังนั้นเมื่อพลังแห่งอัตตา อนัตตา อารมณ์ทั้งมวล สัมพันธ์กันอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา พุทธภาวะก็บังเกิด ยิดัมก็คือวัชรธรรมกาย หรือพุทธภาวะนั่นเอง

462
สวยมาเลยจองฉากส้มสักอันนะ ครับ :016: :025: :015:ถ้ามีฉากทองน่าจะเยี่ยม

463
ลายเมฆเกีอบ2เมตร
ได้มาเกือบ9ปีแล้ว






หนังเสือไฟทังตัว2เมตรหน่อยๆ พร้อมเล็บ.


464
กรุในจ.สุโขทัย จำไม่ได้ว่าวัดไหนจะเอาไปให้ผู้ใหญ่ดีไหม











465
เห็นมีหลายวัดเหมือนกัน

466
เมื่อวันมาฆที่ผ่านได้ไปกราบหลวงพ่อไสวที่รักยิ่งมา



จะผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยลืมท่าน



กราบสังขารท่าน ทุกครั้ง รู้สึกดี ทุกครั้ง



องค์นี้ของจริง




ดูจากสังขารปัจจุบันแล้วกัน



เสียดายจริงๆ





467
ฝีมืออ.ต้อย เยี่ยมอยู่แล้ว :015:

469
ขอบคุณพี่กวาง พี่เก่งความรู้มาแนะนำนะ :054:

470
อยากได้หุ่นพยนต์ของหลวงปู่ช้างท่านมากๆๆๆๆ เขาว่ากันว่าประสบการณ์สูง โทรไปถามที่วัดนก หมดแล้ว ตามที่ให้เช่าอยู่ตามศูนย์พระ เขาว่ามีแต่ของทำเสมือน

มีศิษย์พี่ท่านใดพอให้คำแน๊ะนำบ้างไหมครับ  :054:

ฝากberth1999หุ่นพยนต์สุดขลัง



471
แถมด้วยชินราชองค์ต้นแบบ






ต่อชินราชหลวงพ่อเงินดอนยายหอม เนื้อใบลาน กับชิน












472
ชินราชห้าเหลี่ยมอกใหญ่ กรุบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี

จัดสร้างโดย สมเด็จพระนเรศวรมหาราช


473
องค์ไหนที่สักให้เพราะไม่ใช่ของ่ายๆๆ 36;

474
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: *-*
« เมื่อ: 07 ก.พ. 2552, 10:13:53 »
MORNING จ้า.. 36;

..เช้านี้RELAX กันนะครับ..

นำภาพจากงานสัมนาที่น่านน้ำรีสอท ปากช่องมาฝากครับ..




..แค่อยากจะบอกว่ายันต์จูง2นาง หลวงพี่ตูนของเค้าดีจริงๆ  09;..



Have a nice day every one   04;


อย่างว่าเขามีนางพิมว่านไก่แดงนิ 

475
คาถาบทนี้เป็นของเจ้าชายวารัส

Aeaction=Reaction   IF u want loyal and devoted u must give loyal and devoted beore. 13;

476
1.หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
2.หลวงพ่อสำอางค์ หลวงพี่ต้อย หลวงพี่ติ่ง   หลวงพี่ยา หลวงพี่แป๋ว  หลวงพี่นัน วัดบางพระ 21;

477
ผู้มาที่มาทำบุญที่วัด ช่างใจงามจริงๆๆ



ผู้ที่มาลงนะ9แผ่น+สาริกา พี่ท่านนี้ช่างมีบุญมาก ที่มาลงนะ9แผ่น+สาริกา สุดยอด  25;



478
กราบหลวงปู่ช้างได้ลงทองมาด้วย 37;








จารวัตถุทาน้ำมันจารวัตถุมงคล



วัตถมงคลที่มาจำหน่าย



เจ้าสัวขุนแผน





ที่หลังมีคนเอาขุนแผนกุมารห้าองค์๕ออกมา  เลยบอกหลังปูไม่ต้องจาร นะชาลิติ แล้วก็ยิ้ม





แต่ก็แถมมาให้ด้านหน้า



แต่ด้านหลัง คืออะไร....




หลวงพี่ญา และท่านพี่อ.ผู้ภาวนาในยาม.. พุธ โธ อยู่เสมอ





ถ่ายอะไรไม่รู้....




แต่ดูเหมือนโฟกัสมาแถวๆๆนี้

479
ท้าวเวสสุวรรณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เรียกง่าย ๆ ว่า " นายผี " เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีท้าวมหาราชทั้งสี่ปกครอง คือ ท้าวธตรัฏฐะ ท้าววิรุฬหกะ ท้าววิรูปักขะ และท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) ประจำทิศต่างๆ ทั้งสี่ทิศโดยเฉพาะท้าวเวสสุวรรณ (ท้าวกุเวร) เป็นใหญ่ปกครองบริวารทางทิศเหนือ ว่ากันว่าอาณาเขตที่ท้าวเธอดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ (หัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4) กว่าท้าวมหาราชองค์อื่น

ท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง ( ในคัมภีร์เทวภูมิ กล่าวไว้ว่า ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย ) นอกจากนี้หน้าที่ของท้าวเธอมีมากมาย เช่น การดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา , ปกป้องคุ้มครองแก่ผู้นั่งสมาธิปฏิบัติพระกรรมฐาน เป็นต้น

ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร 


ภูมิที่อยู่ต่อจากมนุษยภูมิขึ้นไป มีเทวดาผู้เป็นใหญ่ เป็นมหาราชอยู่ ๔ องค์ คือ
๑. ท้าวธตรัฏฐะ  อยู่ทางทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง คันธัพพเทวดา
๒. ท้าววิรุฬหกะ  อยู่ทางทิศใต้ของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง กุมภัณฑ์เทวดา
๓. ท้าววิรูปักขะ  อยู่ทางทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง นาคเทวดา
๔. ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ   อยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ เป็นผู้ปกครอง ยักขเทวดา
           
มหาราชทั้ง ๔ นี้ เป็นผู้รักษามนุษยโลก หรือเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล ซึ่งมีสถานที่ปกครองตั้งแต่ตอนกลางของเขาสิเนรุ ลงมาจนถึงมนุษยโลก มีอาณาเขตแผ่ออกไปจดขอบจักรวาล  เทวดาทั้งหลายที่อยู่ในชั้นจาตุมหาราชิกาภูมินี้ทั้งหมด เป็นบริวารภายใต้อำนาจของมหาราชทั้ง ๔ เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์กับสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิแล้ว ๕๐ ปี ในมนุษย์ เท่ากับ ๑ วัน ของเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ
๑. ปัพพตัฏฐเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ที่ภูเขา
๒. อากาสัฏฐเทวดา เทวดาที่อาศัยอยู่ในอากาศ
๓. ขิฑฑาปโทสิกเทวดา เทวดาที่มีความเพลิดเพลินในการเล่นกีฬา จนลืมกินอาหารแล้วตาย
๔. มโนปโทสิกเทวดา  เทวดาที่ตายเพราะความโกรธ
๕. สีตวลาหกเทวดา เทวดาที่ทำให้อากาศเย็นเกิดขึ้น
๖. อุณหวลาหกเทวดา เทวดาที่ทำให้อากาศร้อนเกิดขึ้น
๗. จันทิมเทวปุตตเทวดา  เทวดาที่อยู่ในพระจันทร์
๘. สุริยเทวปุตตเทวดา เทวดาที่อยู่ในพระอาทิตย์
      เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกานี้ มีอยู่ตั้งแต่กลางเขาสิเนรุจนกระทั่งถึงพื้นดินที่มนุษย์อยู่ มีชื่อเรียกตามที่อยู่ที่อาศัย ดังนี้
 ** อยู่บนพื้นดิน  เรียกว่า  ภุมมัฏฐะเทวดา
 ** อยู่บนต้นไม้  เรียกว่า  รุกขะเทวดา
 ** อยู่ในอากาศ (มีวิมานอยู่)  เรียกว่า  อากาสัฏฐะเทวดา
   
ภุมมัฏฐเทวดา ได้แก่ เทวดาที่อาศัยอยู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น ภูเขา แม่น้ำ มหาสมุทร ใต้พื้นดิน ตามบ้านเรือน ซุ้มประตู เจดีย์ ศาลา เป็นต้น ท้าวมหาราชทั้ง ๔ จะอยู่ตอนกลางรอบเขาสิเนรุ มีปราสาทเป็นวิมานของตนเอง สำหรับ เทวดาอื่นที่ไม่มีวิมาน ก็ต้องไปอาศัยอยู่ตามสถานที่ดังกล่าวข้างต้น โดยถือเอาสถานที่นั้นเป็นวิมานของตน
รุกขเทวดา ได้แก่ เทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ มีอยู่ ๒ จำพวก คือ พวกที่มีวิมานอยู่บนต้นไม้ กับพวกที่ไม่มีวิมาน รุกขเทวดาที่มีวิมานนั้น จะเอา วิมานตั้งอยู่บนยอดไม้ ส่วนเทวดาที่ไม่มีวิมานของตนเอง ก็จะอาศัยอยู่บนคบไม้ หรือ กิ่งก้านของต้นไม้
อากาสัฏฐเทวดา ได้แก่ เทวดาที่มีวิมานของตนเองในอากาศ ตั้งอยู่ในอากาศ ภายใน และภายนอกของวิมาน จะประกอบด้วยรัตนะ ๗ อย่าง ซึ่งเกิดขึ้นด้วยอำนาจ ของกุศลกรรม คือ แก้วมรกต แก้วมุกดา แก้วประพาฬ แก้วมณี แก้ว เชียร เงิน และทอง บางวิมานก็มี ๒ รัตนะ บางวิมานก็มี ๓, ๔, ๕, ๖ รัตนะ ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่ตนได้สร้างไว้ วิมานเหล่านี้ จะลอยหมุนเวียนไปในอากาศรอบ ๆ เขาสิเนรุ

 เทวดาในชั้นจาตุมหาราชิกา บางพวกก็ขาดเมตตาธรรม จัดเป็นพวกเทวดาใจร้าย มี ๔ จำพวก คือ
๑. คันธัพพี คันธัพโพ ได้แก่ เทวดาคันธัพพะ ที่ถือกำเนิดภายในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม เรา เรียกกันว่านางไม้ หรือแม่ย่านาง ชอบรบกวนให้เกิดอุปสรรคต่าง ๆ เช่น ให้ เกิดเจ็บป่วย หรือทำอันตรายแก่ทรัพย์สมบัติ
ที่นำไม้นั้นมาใช้สอย หรือนำมาปลูกบ้านเรือน เทวดาจำพวกนี้อยู่ในความปกครองของ ท้าวธตรัฏฐะ คันธัพพเทวดานี้ สิงอยู่ในต้นไม้นั้นตลอดไป แม้ว่าใครจะตัดฟันไป ทำเรือ แพ บ้าน เรือน หรือเครื่องใช้สอยอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็คงสิงอยู่ในไม้นั้น ซึ่งผิดกับรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้ ถ้าต้นไม้นั้นตายหรือถูกตัดฟัน ก็ย้ายจากต้นไม้นั้นไปต้นไม้อื่น
๒. กุมภัณโฑ กุมภัณฑี ได้แก่ เทวดากุมภัณฑ์ ที่เราเรียกว่า รากษส เป็นเทวดาที่รักษา สมบัติต่าง ๆ มี แก้วมณี เป็นต้น และรักษาป่า ภูเขา แม่น้ำ ถ้ามีผู้ล่วงล้ำ ก้ำเกินก็ให้โทษต่าง ๆ เทวดาจำพวกนี้ อยู่ในความ
ปกครองของท้าววิรุฬหก
๓. นาโค นาคี ได้แก่ พวก เทวดานาค จะมีวิชาเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ขณะท่องเที่ยวไปในมนุษยโลก บางทีก็เนรมิตเป็นคน หรือเป็นสัตว์ เช่น เสือ ราชสีห์ เป็นต้น โดยเฉพาะชอบลงโทษพวกสัตว์นรก เทวดาจำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าววิรูปักขะ 
๔. ยักโข ยักขี ได้แก่ พวก เทวดายักษ์ จะพอใจในการเบียดเบียนสัตว์นรก เทวดา จำพวกนี้ อยู่ในความปกครองของท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ เทวดาทั้ง ๔ จำพวกนี้ จะเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาภูมิ เพราะอยู่ใกล้ชิดกับมนุษยภูมิ

คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
(อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด)
จุดธูป 9 ดอก ดอกกุหลาบแดง 9 ดอก

ตั้งนะโม 3 จบ

พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานัง
คุณบิดามารดาอาราธนานัง คุณครูบาอาจารย์อาราธนานัง
อิติปิโสภะคะวา ยมมะราชาโน ท้าวเวสสุวรรณโณ มรณังสุขัง อะหังสุคะโต นะโมพุทธายะ
ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา ยักขะพันตา ภัทภูริโต
เวสสะ พุสะ พุทธัง อะระหัง พุทโธ ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโมพุทธายะ

พื้นดำสวยดี




481
ในคัมภีร์โบราณ ได้กล่าวไว้ว่าผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศ ทรัพย์สินเงินทอง อำนาจวาสนา
ให้บูชารูปท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวกุเวร
ท้าวกุเวร มีอีกพระนามหนึ่งที่รู้จักกันดีคือ ท้าวเวสสุวรรณ หรือ ท้าวเวสวัณ เป็นอธิบดีแห่งอสูรย์หรือยักษ์ หรือเป็นเจ้าแห่งผี เป็นหนึ่งในบรรดาท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ ผู้คุ้มครองและดูแลโลกมนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุทรงอิทธิฤทธิ์อานุภาพมากประทับ ณ โลกบาลทิศเหนือ มียักษ์เป็นบริวาร ดูแลปกครองรับผิดชอบมีอาณาเขตใหญ่โตมหาศาล กว้างขวาง และเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4

ท้าวจาตุมหาราช ๔ คือ


ท้าวธตรฐ รักษาโลกด้านทิศตะวันออก
ท้าววิรุฬหก รักษาโลกด้านทิศใต้
ท้าววิรูปักษ์ รักษาโลกด้านทิศตะวันตก
ท้าวกุเวร รักษาโลกด้านทิศเหนือ
ท้าวเวสสุวรรณได้บำเพ็ญบารมี มาหลายพันปี รับพรจาก พระอิศวร พระพรหม ให้เป็นเทพแห่งความร่ำรวย เป็นเทพแห่งขุมทรัพย์ เป็นมหาเทพแห่งความร่ำรวย มั่งคั่ง รักษาสมบัติของเทวโลก ทั้งเป็นเจ้านายปกครองดูแลพวกยักษ์ ภูติผีปีศาจทั้งปวง นอกจากนี้ท่านยังดูแลปกป้องคุ้มครอง พระพุทธศาสนา ท้าวกุเวร องค์นี้มีกล่าวถึงในอาฏานาฏิยปริตว่านำเทวดาในสวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา มาเฝ้าพระพุทธเจ้าและได้ถวายสัตย์ที่จะดูแลพระพุทธเจ้าและเหล่าสาวก ไมให้ยักษ์หรือบริวารอื่นๆของท้าวจตุโลกบาลไปรังควาญ































483
บทอัศจรรย์ระหว่างหนุมานกับนางสุวรรณมัจฉา แต่ก็ยังไม่เคยมีนักวรรณคดีคนใดได้เห็นรูปธรรมชัดเจนเช่นนี้มาก่อน


ภาพ ?กำเนิดมัจฉานุ? คือ หนุมาน กับนางสุวรรณมัจฉา อีกฝ่ายหนึ่ง ก็ได้แสดงให้เห็นความงดงามของนางในวรรณคดีกึ่งมนุษย์กึ่งปลา กับวานรที่เป็นทหารเอกพระราม
       
       
[

484
งั่งตัวจริงลักษณะนี้ครับพี่น้อง


485
เขาเรียกว่า พระชัยสงครามเป็นสมัยอยุทยาศิลปะทรงเครื่องเป็นพระที่ แขวนช้าง เวลา ออกรบไม่ใช่ของต่ำจึงห้ามคล้องต่ำกว่าเอว :016:

488
นางพิม ดำเซ็น จูงนาง พิทยาธร เทวดาทรงหงส์  :015:

489
มีอีกกี่ลังเอ็ม  :054: ชอบหลวงพ่อคง ปี14 ด้วย :015:

490
มีหลายสีหลายคันก็ต้องหลายคำทำนาย  :010: :010: :010:

คันที่ท่านใช้บ่อย/คันที่ชอบ อะท่าน 30;

491
ของผม

รถสีเงิน ร้อนแรงภายใน จิตใจแกร่งกร้าวเอาไหนเอากันบางด้านดูครื้นเครงไม่เลว แม้รู้ว่ามีเปลวไฟในความรัก เธอและเขาก็อยากจับมันเล่นซะยังงั้น และยังดันจับใหม่ไม่เข็ดขยาดซะด้วยสิ

 แม่นพอตัว 70%

492
บทความ บทกวี / ทายนิสัยจากสีรถ
« เมื่อ: 04 ก.พ. 2552, 04:41:12 »
คนเรามักเลือกสิ่งของตามสีที่ตัวเองชอบ รถยนต์ก็เช่นกันครับ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า สีรถที่คุณใช้อยู่ บ่งบอกถึงตัวตนของคุณได้ว่าอย่างไรบ้าง 36;

รถสีขาว เขาและเธอจะล้ำเลอในเรื่องความสะอาดสะอ้าน ติดจะสมถะสันโดษอีกต่างหาก จิตใจก็เยือกเย็นมากแถมใจอ่อนไหวง่าย ไม่ข่มเหงใครก่อนเพราะเป็นคนอ่อนโยนด้วย

รถสีเขียวเป็นคนค่อนข้างปราดเปรียว แต่ไม่เฉี่ยวโฉบหวือหวา ชอบอิสระเสรี สิ่งไรที่จำเจล่ะก็ เขาหรือเธอจะขอหลีกเลี่ยงทันควัน ทว่าเป็นคนพิถีพิถัน มั่นใจในตัวตน และเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์

รถสีดำ จำไว้เลยว่าเขาหรือเธอ จะเป็นคนหนักแน่น ดังแผ่นหินแผ่นเหล็ก เล็กๆ ไม่ทำ สีดำ คือ สีของทิฐิประเภทดื้อรั้น ไม่หวั่นไหวรักใครรักจริงรักรักนาน

รถสีแดงชอบสำแดงความโลดโผนคล่องแคล่ว แล้วยังแบบว่าข้าเด่นคนเดียว ถ้านำได้ ทำได้ จะไม่ลังเลให้เสียเวลา ถ้าจะมีปัญหาทุกข์ยากลำบากลำบน ก็เผชิญได้สบายดี เพราะไม่มีอดีตสำหรับเขาและเธอผู้เลือกเท่าไหร่

รถสีเทาเบ้าหลอมคล้ายคลึงกับสีขาว ไม่ชอบก้าวก่ายเรื่องใครแต่ใครอย่าแหย่ล่ะ จะเดินหนีเอาดื้อ ๆ หรือไม่ก็ชกหน้าคนที่มาหาเรื่องซะที่สองที่ก่อนจะตีจาก เพราะพูดมากไม่เป็น ทั้งที่ใจเย็น

รถสีฟ้าและสีน้ำเงิน รสนิยมเหลือรับ รักครอบครัวเหลือร้าย จิตใจสุขุมคัมภีรภาพ สามารถรับรู้หรือล่วงรู้จิตใจคนใกล้ชิดได้ดี

รถสีส้มอารมณ์ดีร่าเริง รักความถูกต้องยุติธรรม แม้น้ำใจจะดี แต่ก็ติด ๆ เจ้าโทสะอยู่มาก รักคนยากสักนิด ความคิดก้าวหน้า และชอบทำมากกว่าพูด

รถสีชมพูรู้อยู่ว่าเธอหรือเขาเป็นเจ้าแห่งความละเมียดละไมในความรัก เจ้าอารมณ์ไม่น้อย พูดจาทันคนแต่งตัวทันสมัย มาด ทันตา รวมความว่าเป็นคนทันยุคทุกด้าน

รถสีม่วงลึกลับ ลึกซึ้ง และร้าย รักง่าย แต่โกรธง่ายเบื่อง่าย แต่โกรธง่ายหายยาก และรังเกียจเรื่องการถูกยุ่มย่ามตามตอแย แต่มีอุดมการณ์การทำงานพอควร

รถสีเหลืองฉลาดปราดเปรื่องทะเยอทะยานไปสู่การงาน ซึ่งนำผลประโยชน์และความสำเร็จก่อนอื่นใด หัวใจน่ะเหรอ เขาและเธอวางท่าบังตาได้ดียิ่งยวด แต่แอบเจ็บปวดทุกคราว แล้วก็ก้าวเดินต่อไปขณะที่ใจเจ็บๆ เหมือนเดิม

รถสีน้ำตาลรักการมีระเบียบแบบแผน หนักแน่นด้วยภูมิปัญญาในความคิด แต่จิตใจหนักข้างไปทางอนุรักษ์นิยม ชื่นชมของเก่าแก่ เผลอ ๆ อาจจะแบไต๋หัวใจว่ารักคนสูงอายุซะด้วย



รถสีทอง
คล่องตัวพอดูในหัวหู ไม่ค่อยจะถือสาหาความใคร เพราะหัวใจชอบความสนุกสนาน ชอบหว่านเงินเดินนำหน้า ด้วยว่าเป็นคนกว้างขวาง

รถสีเงิน (บรอนซ์) ร้อนแรงภายใน จิตใจแกร่งกร้าวเอาไหนเอากันบางด้านดูครื้นเครงไม่เลว แม้รู้ว่ามีเปลวไฟในความรัก เธอและเขาก็อยากจับมันเล่นซะยังงั้น และยังดันจับใหม่ไม่เข็ดขยาดซะด้วยสิ


แม่นหรือไม่ช่วยโพสบอกกันด้วยครับ :114:

493
ผมเคยได้ยินว่าลงครบ 108 แผ่นจะได้คงกระพันด้วย
คงถึงกระดูกเลย เค้าว่ากันว่าตายแล้วเผาไม่ไหม้
แต่ต้องรักษาศีล และทำตามข้อห้ามอย่าเคร่งครัดน่ะครับ
ก็ต้องพิจารณาเอาตามความเชื่อของแต่ละบุคคลหล่ะครับ
แต่ถ้าเป่ายันต์เกราะเพชร นี่แน่นอนทีสุด ตายไปแล้วที่หน้าผากกระโหลก
ยังมียันต์ติดอยู่เลยครับ แต่ต้องรักษาศีลให้มากๆ เหล้านี่ห้ามเลย แหะๆ :070:
หลวงปู่กาหลงใช่ไหม

494
นางกวัก องค์ล่าง ด้านหลัง พิมพ์ ส.ท.ร.
ย่อมหมายถึง สมาคมทหารเรือ (ท่าช้าง) ดังนั้น ทหารเรือน่าจะจัดสร้าง

พี่พอมีประวัติเปล่าครับ

495
ยันต์น้ำเต้า สำนักวัดเทพศิีรินทร์ ของเจ้าประคุณสมเด็จฯ และนามฉายาของท่านเจ้าคุณนรฯ นี่ครับ

แต่ปี ๒๕๒๙ น่าจะเป็นยุคหลัง ไ่ม่ทราบว่า ท่านใด้ทำออก ท่านเ้จ้าคุณอุดมฯ หรือเปล่าครับ

แล้วเนื้อผงองค์ล่างละท่าน :054:

497
ถ้าจะให้สุดยอดเลยลงทีเดียว 108แผ่นครับ :016:

498
ของเจ้าคุรนรหรือเปล่าไม่แน่นใจเคยเห็นของท่านแบบผง







ไม่ทราบว่าวัดไหนพิมพ์คล้ายหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก










499
เยี่ยมมากครบ :016:  แต่อย่างงี้ก็อดสิงห์ตะปบเหยื่อเลยสิจะทำพิมพ์ไปถวายหลวงพี่พอดี

500
โดยใช้ตัวเลขวัน เดือน ปีเกิด มาแยกหา master numbers เช่น

คุณเกิดวันที่ 15 สิงหาคม 2516 ก็แปลกตัวเลขเป็น 08 / 15 / 1973 หา master numbers ได้
8 / 6 / 2 และ master numbers สุดท้ายคือ 8+6+2= 16 นั่นก็คือ 7
นั่นเอง



อยากรุ้ว่า 8/6/2  มาจากอะไรอ่ะคะ

ตอนแรกเข้าใจว่า  08/15/1973
=0+8/1+5   2มาจากไหนอ่ะคะ

หรือว่าใช้วิธีคิดยังไง

หนู งงงงงง :010:

มาจาก08/15/1973


       08+6+20       2มาจาก20ตัด0ทิ้ง
   ถ้าเต็ม10 นับเป็น1จ๋า

501
การวิเคราะห์เส้นทางชีวิต

เมื่อทำความรู้จักกับตัวตนของบุคคลนั้นๆ แล้ว เราลองมาคำนวณ master numbers เพื่อการวิเคราะห์เส้นทางชีวิต
โดยใช้ตัวเลขวัน เดือน ปีเกิด มาแยกหา master numbers เช่น

คุณเกิดวันที่ 15 สิงหาคม 2516 ก็แปลกตัวเลขเป็น 08 / 15 / 1973 หา master numbers ได้
8 / 6 / 2 และ master numbers สุดท้ายคือ 8+6+2= 16 นั่นก็คือ 7 นั่นเอง

เมือได้ master numbers แล้วก็จะวิเคราะห์เส้นทางชีวิตได้ดังนี้

1 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดโดยเป้าหมายในชีวิต คือความเป็นปัจเจกภาพของคุณเอง คุณต้องหัดเรียนรู้ 2 สิ่ง
สำคัญ คือ การยืนหยัดด้วยตัวเอง และการนำทางชีวิตให้ตัวเอง คุณมีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จถ้าได้เป็นผู้นำ แต่อาจ
จะล้มเหลวเมื่อต้องเป็นผู้ตาม สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือความคิดแบบตัวเองเป็นใหญ่ เห็นแก่ตัว อีโก้สูง มั่นใจในตัวเองเกินไป

2 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยนิสัยที่เป็นคนละเอียดอ่อน จึงมักจะมีผู้คนเข้ามาหาเพื่อขอความช่วยเหลือ
หรือเข้ามาผูกสัมพันธ์ด้วย คุณควรมอบความจริงใจแก่ผู้อื่น และช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ เรื่องผลประโยชน์ เงินทอง
และการทำธุรกิจการค้าอาจจะไม่ราบรื่นเท่าที่ควร แต่คุณจะยังคงมีความสุขได้กับมิตรภาพและความรักมากมาย

3 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยนิสัยชอบแสดงออก ทักษะในการเข้าสังคม พบปะผู้คนจำนวนมาก พรสวรรค์
ของคุณคือทำให้ตนเองและผู้คนที่อยู่รอบข้างสนุกสนานได้เสมอๆ จะเป็นการดีถ้าคุณได้เรียนรู้การพูด การเขียน การแสดง
เพิ่มเติมขึ้นไปอีกซึ่งถ้าคุณนำพลังและพรสวรรค์นี้มาใช้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ก็อาจจะทำให้คุณเป็นนักพูด นักดนตรี นักเขียน
หรือศิลปินได้เลย

4 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยความเจ้าระเบียบ เอาจริงเอาจัง เคร่งเครียด เมื่อตัดสินใจอะไรลงไป คุณก็จะ
เดินหน้าต่อไปไม่หยุด จึงควรจะฝึกความอดทน อดกลั้น และเรียนรู้การวางแผน และการจัดระบบงานที่ดี ต้องระวังว่า
ด้วยนิสัยแบบนี้อาจจะทำให้คนอื่นๆ มองว่าคุณเป็นคนน่าเบื่อ โลกแคบ ใจแคบเกินไป

5 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยนิสัยที่รักการผจญภัย รักสิ่งแปลกใหม่ คุณคงไม่ยอมทำงานประจำซ้ำซาก
ในออฟฟิศ แต่ชอบที่จะออกไปผจญภัย ได้เจอสถานการณ์ใหม่ๆ แต่ถ้าปล่อยชีวิตให้เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ อาจจะหลงทาง และไม่สามารถรู้ถึงความต้องการของตนเองจริงๆ คุณควรจะหาตัวเองให้พบเสียก่อน แล้วจึงสนุกและผจญภัยกับมันได้อย่าง
เต็มที่

6 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยความรับผิดชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น ดีต่อครอบครัว และเพื่อนบ้าน คุณจะต้องเรียนรู้
เรื่องความพอดี พอเหมาะพอสมสำหรับการกระทำสิ่งต่างๆ การการทุ่มเทเพื่อผู้อื่นเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรให้มันมากเกินไป

7 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยความเฉลียวฉลาดล้ำลึก ช่างคิด วิเคราะห์ จะเป็นการดีถ้าคุณได้มีเวลาอยู่กับ
ตัวเอง เพื่อคิดคำนวณ พินิจพิเคราะห์เรื่องต่างๆ หลีกเลี่ยงความสับสนวุ่นวาย และเสียงอึกทึกครึกโครมต่างๆ ต้องระวังว่า
คุณอาจจะมีเพื่อนน้อยสักหน่อย เป็นคนมองโลกในแง่ร้าย และปิดตัวเองมากไป

8 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยความทะเยอทะยาน จึงเหมาะที่จะเป็นนักธุรกิจ คุณรักการแข่งขัน และมักจะ
ได้รับชัยชนะมีอำนาจและทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ถ้าจะให้ดี คุณควรจะได้หัดเรียนรู้เรื่องจิตใจและจริยธรรมให้มาก
ต้องระวังไม่ให้วัตถุทรัพย์สินเงินทอง มาลวงตาให้คุณหลงใหลมอมเมา

9 เส้นทางชีวิตของคุณถูกกำหนดด้วยมนุยษธรรม ธรรมชาติ และปรัชญา คุณไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินทองวัตถุ คุณจึง
เหมาะที่จะเป็นผู้พิพากษา อาจารย์ ครูสอนศาสนา หรืออาชีพที่ได้ "กล่อง" มากกว่าเงิน ซึ่งอาจจะรู้สึกผิดหวัง ว่าตนเอง
ไม่เหมาะกับการเอาตัวรอดในสังคมที่แก่งแย่งชิงดีกันในปัจจุบัน

10 และ 22 อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าเลข 9 11 และ 22 มีความใกล้เคียงกัน คือการก้าวเข้าสู่เรื่องอุดมคติ
จิตวิญญาณ พลังอันสูงส่ง ผู้ที่มีตัวเลข 11 และ 22 จะมีเส้นทางชีวิตที่ดื่มด่ำอยู่กับเรื่องนามธรรม ซึ่งถ้าคุณตั้งเป้าหมาย
ชีวิตไว้สูงเกินไป ก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับตนเองและผู้คนรอบข้าง แต่ขอให้มั่นใจไว้เถอะว่าคุณมีความพิเศษอยู่ในตัว
เพียงแต่จะนำออกมาใช้ให้เหมาะสมได้อย่างไรเท่านั้น



? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?
 
 

502
บทความ บทกวี / ชื่อคุณบอกอะไร
« เมื่อ: 03 ก.พ. 2552, 06:32:02 »
ชื่อคุณบอกอะไร
ความมหัศจรรย์ของศาสตร์แห่งตัวเลข

คุณรู้หรือไม่ว่าตัวเลขที่เราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมีอีกด้านหนึ่งที่เป็นศาสตร์ที่สัมพันธ์เกี่ยวข้องกับชีวิตของแต่ละคน
มีผลต่อความคิดอ่าน บุคลิกภาพ และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดในอนาคตต่อตัวบุคคลผู้นั้นเรียกกันว่า ศาสตร์แห่งตัวเลข
(Numerology) โดยตั้งอยู่บนฐานความเชื่อเบื้องต้นว่า ตัวเลขสามารถถ่ายทอดแบบแผนของความเป็นไปในจักรวาลนี้
ตัวเลขจึงสามารถเผยให้เห็นความเป็นไปของแต่ละบุคคลได้


ตัวเลขที่นำมาใช้ในศาสตร์แห่งตัวเลข เรียกว่า master numbers ได้แก่เลข 1-9, 11 และ 22 โดยคำนวณมาจาก
วัน เดือน และปีเกิดรวมไปถึงการแปลงตัวอักษรของชื่อและนามสกุล

วิเคราะห์แก่นแท้ของตัวบุคคล

การวิเคราะห์แก่นแท้ของบุคคล หรือ The Essences ทำได้โดยการคำนวณชื่อและนามสกุลดั้งเดิมที่พ่อแม่คุณตั้งให้
จะให้ความแม่นยำมากกว่า แปลงตัวอักษรภาษาอังกฤษจากชื่อและนามสกุล ให้กลายเป็นตัวเลข ดังนี้

1 2 3 4 5 6 7 8 9
A B C D E F G H I
J K L M N O P Q R
S T U W X Y Z   

เริ่มจากเขียนชื่อ นามสกุลของคุณเป็นภาษาอังกฤษแปลงเป็นตัวเลขตามตารางข้างบนเช่น

นายสมสกุล บุญเลิศ เขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ Somsakul Boonlert แปลงเป็นตัวเลขได้ดังนี้


1+6+4+1+1+2+3+3+2+6+6+5+3+5+9+2=59


ขั้นต่อมา คือการคำนวณตัวเลข 59 ให้เป็น master numbers คือ 5+9 = 14 และ 1+4 = 5 ตามลำดับ


ลองนำตัวเลขที่ได้ มาวิเคราะห์แก่นแท้ของตัวท่านเอง


1 คุณเป็นคนมีความคิดริเริ่ม และสามารถขยายความคิดนั้นต่อไป ให้กลายเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง
ไม่ใช่ในช่วงสั้นๆ เท่านั้น


2 เพื่อนๆ คบรอบข้าง และเพื่อนร่วมงาน มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตของคุณ มักจะมีผู้ต้องการความช่วยเหลือ
จากคุณและก็มักจะต้องการผู้อื่นเช่น กันการควบคุณอารมณ์ตนเองเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณ


3 คุณต้องการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สนุกสุดเหวี่ยงคบหาสมาคมกับเพื่อนฝูงมากมาย มีคนรักพร้อมกันได้หลายๆ คน
การแสดงออกและทักษะในการเข้าสังคมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับคุณ


4 เรื่องราวต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตคุณ มักเป็นเรื่องซีเรียสและต้องการให้คุณชำระสะสางให้ลุล่วง คุณจึงมักจะเป็น
คนที่ชอบลงมือทำ อยู่กับความเป็นจริง และมุ่งมั่นทำงานหนัก บางครั้งก็รู้สึกว่าชีวิตน่าเบื่อหน่ายและน่าเศร้าบ้าง


5 คุณมักจะได้พบกับเรื่องราวที่ไม่คาดฝัน เจอะเจอประสบการณ์แปลกๆใหม่ๆ ในชีวิตมักจะมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
ควรระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้เตรียมรับมืออยู่เสมอ และตั้งอยู่บนความไม่ประมาท


6 ชีวิตของคุณจะมั่นคง สม่ำเสมอ เป็นคนชอบอยู่กับบ้าน รักครอบครัว มีหน้าที่ให้รับผิดชอบมากมาย ถ้าได้ใช้ชีวิตคู่
กับคนที่เหมาะสม ชีวิตคุณจะราบรื่นอย่างมาก


7 คุณรักการเรียนรู้ ต้องการเข้าใจชีวิตและโลก การศึกษาธรรมะและปรัชญาจะช่วยไขข้อข้องใจต่างๆ ให้แก่คุณได้มาก
แต่ควรจะไม่ลืมที่จะไปคบหาสมาคมกับผู้คนอื่นๆ บ้าง ซึ่งก็นับเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ที่ดี ไม่แพ้การศึกษาด้วยตัวเอง


8 คุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องอาชีพ การงานสถานภาพทางสังคม ความร่ำรวย หน้าตา ซึ่งทำให้คุณต่อสู้ดิ้นรน
ทะเยอทะยาน และประสบความสำเร็จได้ในที่สุด แต่ควรระวังว่า ถ้าเกินพอดี ก็จะกลายเป็นพวกวัตถุนิยม


9 และ 11 22 มีความใกล้เคียงกัน ตัวเลข master numbers ที่มากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความใฝ่ฝัน ความสูงส่ง
และพลังอำนาจ
 
ลองทดสอบกันดูนะครับ

? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ? ?

503
สวยเยี่ยมครับ :016:ไม่ทราบว่าเป็นเขี้ยวที่เคยกินคนมายังครับเขาแรงใช้ได้ ไม่ด้วยกว่าเขี้ยวเสือสมิงเลยครับ :015:

504
พระภควัมบดี
ตามความเข้าใจดั้งเดิมโดยทั่วๆ ไปเข้าใจกันว่า พระปิดตาหรือพระปิดทวารทั้งเก่าเป็นพระมหาอุตม์จะอุดโชคอุดลาภต่างๆ เช่นเดียวกับพระรอด ซึ่งมักจะเข้าใจกันว่า โชคลาภต่างๆ ระรอดพ้นไปหมด ยังเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

คำว่า ?อุตม์? กับ ?อุด? มีความหมายต่างกัน
?อุตมะ? มีความหมายว่าสูงยิ่ง เลิศ มากมาย บริบูรณ์
?อุตมัตถ์? มีความหมายว่าผลอันยอดเยี่ยม
?มหา? มีความหมายว่ายิ่งใหญ่
?อุด? มีความหมายว่า จุกกันจุดช่อง จุดให้แน่น

ดังนั้น ?มหาอุตม์? จึงมีความหมายว่า ผลอันยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ และเป็นความหมายที่ถูกต้องกว่าคำที่ว่า ?มหาอุด? เช่นเดียวกับคำว่า ?รอด? หรือทางเหนือเขียนว่า ?ลอด? ซึ่งหมายถึงมีขนาดเล็ก
 

พระมหาอุตย์ จึงมีความหมายว่า พระนั้นๆ มีพุทธานุภาพอันยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ ซึ่งมีความหมายที่ถูกต้องกว่าคำว่า ?มหาอุด? ซึ่งหมายถึงยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า

พระมหาอุตม์ หรือพระปิดตาหรือพระปิดทวาร หรือพระปิดทวารทั้งเก้า หรือพระสังกัจจายน์ ก็คือพระอรหันต์องค์เดียวกัน ซึ่งเป็นสาวกของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าชื่อว่า ?พระภควัมบดี? หรือที่เรียกว่า พระควัมปติมหาเถโร? แต่อยู่ในพุทธลักษณะแตกต่างกันไป

- ปางปิดตา
- ปางปิดทวารทั้งเก้า
- ปางอุ้มท้องหรือสังกัจจายน์

ดังนั้น ที่ถูกที่ควรพระภควัมบดี ควรจะเป็น ?พระมหาอุตม์? ซึ่งหมายถึงเป็นพระที่ยอดเยี่ยมดีทุกอย่างมากกว่าคำว่า ?พระมหาอุด? ที่มีความความเฉพาะดีทางคงกระพันเท่านั้น

คำว่า ?อุตมะ? เป็นคำที่มาจากภาษาสันสกฤต ตรงกับคำในภาษาไทยว่า ?อุดม? พระภควัมบดี จึงเป็นพระที่อุดมไปด้วยความดีทุกอย่าง ทุกทางโดยสมบูรณ์เช่นเดียวกับสมเด็จ ขอสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี นับว่าใช้ได้ทุกทางที่เรียกว่า ?ครอบจักรวาล? เช่นเดียวกับยาไทย คือ ยาดำ ยาเขียว สามารถรักษาได้หลายๆโรค ไม่ใช้เป็นพระ ?อุด? ดังมีความเข้าใจกันโดยทั่วๆ ไปแต่เพียงอย่างเดียวด้วยประการฉะนี้

จากการพิจารณาความหมายดังกล่าวมาแล้วจะเห็นได้ว่า พระภควัมบดีไม่ได้เป็นพระอุดโชคลาภตลอดจนผู้มีครรภ์ พระจะอุดไม่ให้ผู้มีครรภ์สามารถคลอดบุตรได้ถ้าจะเทียบกับพุทธานุภาพของพระภควัมบดีเป็นโอสถ โอสถนี้ก็จะสามารถรักษาได้สารพัดโรค ซึ่งถ้าพระเกจิอาจารย์ได้สร้างและปลุกเสกตามแบบฉบับมาตรฐานพระคณาจารย์แต่ครั้งโบราณกาล เว้นเสียแต่พระเกจิอาจารย์บางองค์บางท่านจะดัดแปลง ประจุเวทมนตร์คาถา โดยที่พระเกจิอาจารย์ท่านนั้นจะเลือกเอาดีทางหนึ่งทางใดโดยเฉพาะเท่านั้น เป็นต้นว่าประจุเวทมนตร์คาถาทางคงกระพันหรือทางแคล้วคลาดแต่เพียงอย่างเดียว ถ้าจะเปรียบพระภควัมบดี ก็เหมือนกับยันต์ที่มีพุทธคุณใช้ได้ทุกทาง อาทิเช่น

?พระยันต์มหาโสรฬมงคล? ตามแบบฉบับของปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง นนทบุรี ลงแผ่นโลหะใช้ทำตะกรุด ตะกรุดโทน

?พระยันต์ไตรสรณาคม? ตามแบบฉบับของพระพิมลธรรม (นาค) วัดแจ้ง กรุงเทพ ลงแผ่นหนังหนาผากเสือ ใช้ทำตะกรุด

?พระยันต์อิสะสติ? ตามแบบฉบับของหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า ชัยนาท ลงแผ่นโลหะใช้ทำตะกรุด

?พระยันต์พุดซ้อน? ตามแบบฉบับของสมเด็จพระวันรัตน์ (แดง) วัดสุทัศน์ ลงแผ่นโลหะใช้ในการหล่อพระ ลงแหวนก็มี

พระยันต์เหล่านี้ในอุปเท่ห์สิทธิการิยะ และในทางปฏิบัติที่ประสบกันมาสามารถใช้ได้ดีทุกทางจนเรียกได้ว่า ครอบจักรวาลกันเลยทีเดียว

ในหลักใหญ่ของพระพุทธานุภาพของพระภควัมบดี สามารถแยกออกได้ ๓ ประการ ตามตำราแต่ครั้งโบราณกาล กล่าวถึงการสร้างพระภควัมบดี ดังนี้

ประการที่หนึ่ง ?ให้มีสง่าราศีเป็นสิริมงคล และมหาอำนาจเปรียบดังราศีของพระภควัมบดี?
ประการที่สอง ?ให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและฉับพลันเปรียบดังพระสารีบุตร ผู้ทรงด้วยปัญญา?
ประการที่สาม ?ให้มีโชคลาภสีกการะ ดุจดังพระศิวลี ผู้เพรียบพร้อมไปด้วยลาภ สักการะนานัปการ?

ดังจะกล่าวถึงรายละเอียดในการสร้างพระภควัมบดีตามแบบคณาจารย์โบราณกาลต่อไป

พระภควัมบดี ตามภาษาบาลีเรียกว่า ?พระภควัมปติ มหาเถโร? มีพุทธลักษระงดงามละม้ายคล้ายสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถือว่า พระภควัมบดีเป็นอัคราสาวองค์หนึ่ง เพรียบพร้อมไปด้วยความเฉลียวฉลาด สามารถอธิบายธรรมได้ดียอดเยี่ยมกว่าพระสาวกองค์อื่นๆ ถือกำเนิดตระกูลพราหมณ์-ปุโรหิตกัจจายนะโคตร์ แห่งเมืองอุเชนี เนื่องมาจากวรรณะของท่านงดงามดังทองท่านจึงมีนามว่า ?กาญจน? ได้ศึกษาไตรเทพจนเจนจบ ได้เป็นพราหมณ์ปุโรหิตแทนบิดา ในสมัยพระเจ้าจันทร์ปัตโชติ ต่อมาได้ฟังธรรมในสำนักพระศาสดาจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ ภายหลังจึงได้อุปสมบทด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาเนื่องจากพระภควัมบดีมีผิวเหลืองดังทอง และรูปร่างละม้ายคล้ายคลึงกับพระพุทธเจ้า ฉะนั้นเมื่อไปยังแห่งหนตำบลใดก็ตามไม่ว่าเทพยดาหรือมนุษย์ต่างแซ่ซ้องสรรเสริญว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมา ท่านจึงเห็นว่าไม่เป็นการอันสมควรเป็นแน่แท้จึงได้อธิษฐานตัวท่านเอง ให้มีร่างกายเตี้ย พุงพลุ้ย ดูน่าเกลียดจากการเนรมิตตัวท่านเองในครั้งนี้ จึงทำให้พระคณาจารย์ต่างๆ ทำรูปเคาระ ในพุทธลักษณะปางต่างๆ อาทิเช่น ปางปิดตา ปางปิดทวารทั้งเก้า และปางสังกัจจายน์เป็นต้น

การสร้างพระภควัมบดีตามตำราโบราณ

ตามตำราโบราณให้ใช้รากหิงหายผี หรือรากรักซ้อนที่ดอกบานชี้ไปทางตะวันออก มาแกะเป็นรูปพระปิดตานั่งสมาธิราบขนาดเล็กใหญ่ตามที่ต้องการ หรือตามขนาดรากไม้ทั้งสองที่หามาได้ถ้าเอาไว้ที่บ้านเรือนก็ให้มีขนาดใหญ่สำหรับตั้งไว้บูชา ถ้าต้องการนำติดตัวห้อย ก็ให้มีขนาดเล็กกระทัดรัด เพื่อสะดวกในการนำติดตัวไปไหนๆ แล้วคว้านใต้ฐานองค์พระให้กว้างพอดีขนาดบรรจุของตามที่ตำรากำหนดไว้ คือ

- ยอดรักซ้อน ๑
- ยอดชัยพฤกษ์ ๑
- ยอดราชพฤกษ์ ๑
- ยอดสวาท ๑
- ยอดหิงหายผี ๑
- ยอดกาหลง ๑
- ยอดมะยม ๑
- พระธาตุสารีบุตร
- พระธาตุสิวลี
- กระดาษว่าวลงพระยันต์ตามตำราการสร้างพระภควัมบดี

เอาส่วนยอดไม้มงคลต่างๆ บดให้ละเอียดรวมกับพระธาตุสารีบุตร และพระธาตุสิวลีห่อด้วยกระดาษว่าวที่ลงยันต์ตามตำรากำหนดไว้ ประจุเข้าใต้ฐานพระภควัมบดีที่คว้านไว้แล้วอุดด้วยชันนะโรงใต้ติน หรือขี้ครั่งที่จับต้นพุทราให้แน่นจากนั้นอาจจะลงรักปิดทองทั้งองค์ให้สมกับพระนามพระภควัมบดีที่มีนามว่า ?กาณจน? แต่ตอนประจุนี้ ควรดูฤกษ์ยามให้ดีกำหนดพระสงฆ์เก้ารูปเจริญพระพุทธมนต์ในขณะที่ประจุ จัดตั้งพิธีปลุกเสกขึ้น นำพระภควัมบดีแช่ลงในน้ำมัน ๙ กลิ่น ปลุกเสกในพระอุโบสถ จนกระทั่งเกิด ?อุคหนิมิตร? พระภควัมบดีซึ่งวางนอนราบอยู่ ตอนปลุกเสกจะลุกขึ้นตั้งหมด จึงจะแล้วเสร็จตามพิธี

พระภควัมบดีสร้างขึ้น ถ้าเป็นองค์เล็กๆ ก็ใช้นำติดตัว โดยแขวนห้อยคอ ส่วนที่สร้างขึ้นเป็นองค์ใหญ่ก็ใช้บูชาที่บ้าน โดยที่คาถาสวดบูชาทุกค่ำเช้า ก็จะประสบลาภผล พูนทวีหาที่สุดมิได้ ดั่งพระสิวลีมหาเถโร ในสมัยพุทธกาลนั้นเปี่ยมไปด้วยลาภนานัปการ

การบรรจุพระธาตุพระสารีบุตรและพระธาตุสิวลี
เนื่องมาจากคติของพระคาณจารย์ของพระคณาจารย์เหล่านั้นคือ

การประจุพระธาตุพระสารีบุตร ถือเคล็ดว่ามีปัญญาเฉลียวฉลาดเพราะพระสารีบุตรเป็นเอกทัคคะในด้านนี้

ส่วนพระธาตุสิวลี ซึ่งเรียกกันว่า ?พระฉิม? หรือ ?พระฉิมพลี? เป็นพระที่มีลาภไม่ขาดมือ ไม่มีสาวกองค์ใดร่ำรวยลาภเสมอเหมือน ทรงผนวชในสำนักพระสารีบุตร และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ขณะที่ปลงผมอยู่

ด้วยเหตุที่กล่าวนี้จึงทำให้พระคณาจารย์ครั้งโบราณยึดการประจุพระธาตุของทั้งสองสาวก เพื่อเป็นการเพิ่มความขลังให้แก่พระภควัมบดีที่สร้างขึ้น นับได้ว่าพระคณาจารย์เหล่านั้น ท่านเป็นนักออกแบบที่ดี ทั้งในทางวิชาการและด้านปฏิบัติได้อย่างยอดเยี่ยม ในเวลาต่อมาได้หาพระธาตุของสาวกทั้งสองยากมาก พระเกจิอาจารย์จึงใช้กระดาษว่าวจารึกนามพระอรหันต์ทั้งสองพระองค์บรรจุแทนพระธาตุ


และต่อมาอีกก็มีเกจิอาจารย์ได้สร้างจากผงมหาราช ปัทมังอิธิเจและผงพุทธคุณต่างๆ นำมาผสมน้ำมันตั้งอิ๊วบ้าง ผสมรักบ้างอัดขึ้นเป็นองค์พระ เช่นพระของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรีของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูงนนทบุรี ของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนังบางขุนเทียน ของหลวงพ่อสุขวัดอู่ทอง ชัยนาท ของหลวงพ่อจีนวัดท่าราช แปดริ้ว และของหลวงพ่อปู่ไข่ วัดเชิงเสน กรุงเทพฯของหลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัวกาญจนบุรี หลวงพ่อจันทร์ วัดนางหนู ลพบุรี หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง สิงห์บุรี หลวงพ่อขำ วัดแก้ว ธนบุรี ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีการสร้างด้วยปัญโลหะ นวโลหะ สำริด เมฆสุทธิ์เมฆพัด ตะกั่ว ทองแดง เงิน ทองคำ งาช้าง ฯลฯ เช่นของ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง บางขุนเทียน หลวงพ่อทับ วัดอนงค์ ธนบุรี หลวงพ่อทัพ วัดทองบางกอกน้อย หลวงพ่อนาค วัดห้วยจรเข้ นครปฐม หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก นครปฐม หลวงพ่อบุญ วัดกลางบางแก้ว นครชัยศรี หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง นครปฐม

วัสดุที่จัดสร้างมักจะหาจากแหล่งที่พระเกจิอาจารย์จำพรรษาอยู่ อาทิเช่น หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่านิยมสร้างพระภควัมบดีจากรากไม้หิงหายผี เพราะบริเวณวัดและอาณาเขตใกล้เคียงจากวัดสิงห์ถึงอุทัยธานี มีเถาไม้หิงหายผีอยู่มาก หรือจำพวกเนื้อเมฆพัดมักจะสร้างแถบนครปฐม เพราะแถบนั้นนิยมพวกเนื้อเมฆพัด เช่นพระวัดห้วยจรเข้ ของหลวงพ่อนาค หรือหลวงพ่อแช่มวัดตาก้อง หรือหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตกเป็นต้น นอกจากนี้พวกที่สร้างจากผงพุทธคุณต่างๆ ก็มักนิยมสร้างกันแถวเมืองชลฯ เช่นของหลวงพ่อแก้ววัดเครือวัลย์ ซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดจนกลายเป็นแฟชั่นของเมืองชลใครเห็นพระปิดตาก็มักจะเรียกว่าพระหลวงพ่อแก้วไปหมด เรียกโดยความไม่เข้าใจ ที่แท้ก็เป็นพระภควัมบดีนั่นเอง

ตามตำราโบราณกาลกล่าวไว้ว่าบุคคลใด หรือครอบครัวใดมีพระภควัมบดี สวดมนต์บูชาทุกเช้าค่ำจะปราศจากทุกข์โรคโศกภัยเจริญด้วยลาภยศสรรเสริญ แคล้วคลาดจากศาสตราวุธ คุ้มกันได้สารพัด เอาพระภควัมบดีแช่น้ำมันเสกด้วยพระคาถาเสกน้ำมัน น้ำมันนั้นจะใช้ได้ในทางเมตตามหานิยมอย่างดีเลิศ ติดต่อหรือเข้าหาผู้ใหญ่ก่อให้เกิดความรัก ความเมตตาอย่างได้ผล จะมีลาภสักการะไม่ขาดมือ เนื่องจากพุทธานุภาพ ๓ ประการ คือ

๑. ความงามซึ่งได้จากบารมีของพระภควัมบดี
๒. ความมีสติ และปัญญาหยั่งรู้ ได้จากบารมีของพระสารีบุตร
๓. ความอุดมสมบูรณ์ด้วยลาภได้จากบารมีของพระสิวลี

ด้วยบารมีของพระอรหันต์ทั้งสามที่พระคณาจารย์ได้ประจุลงในพระภควัมบดี จึงก่อให้เกิดพุทธานุภาพ ดังได้กล่าวมาแล้วขอให้ท่านผู้มีพระภควัมบดีบูชาทุกเช้าค่ำ จะก่อให้เกิดสิริมงคลแก่ตัวเองพระภควัมบดีจะไม่อุดมโชคลาภและสิ่งดีงาม แต่จะขจัดความไม่ดีงามความไม่เป็นมงคลแก่ท่านออกไปโดยสิ้นเชิง อย่าได้ไปหลงเชื่อพวกอคติ ประเดี๋ยวท่านจะต้องนำพระปิดตา ปิดทวารทั้งเก้าไปทิ้งตามวัดตามโคนต้นโพธิ์ เพราะจะไม่เป็นมงคล ปรากฏว่ามีจำนวนไม่น้อยที่หลงเชื่องมงาย ขนาดที่วัดบวรนิเวศน์มีนับสิบองค์ แล้วพวกอคติเหล่านั้น ก็ได้ไปเก็บพระบัวเข็มซึ่งเป็นพระของมอญ และได้รับตกทอดจากบรรพบุรุษมาหลายชั่วอายุคน อยู่ๆ ต้องมาเสียของตกทอดมรดกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คือนำพระบัวเข็มไปให้นักเลงพระเช่า บางองค์มีราคายับหมื่นบาททีเดียว กลายเป็นเรื่องเศร้าใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่งฉะนั้นขอให้ระมัดระวังอย่าได้เข้าใจผิดนำพระปิดทวารทั้งเก้าของวัดหนัง วัดทองฯลฯ ไปไว้ตามโคนโพธิ์ โดยเชื่อคนยุยงว่าไม่เป็นมงคลก็ได้ กว่าจะรู้เรื่องก็เข้ากับคติที่ว่า ?พรุ่งนี้ก็จะสายไปเสียแล้ว?


?????????????????????????


506
ฟังดูร้อนแรงมิใช่น้อย...หากผู้หญิงขอ 'สักยันต์หนุมานเชิญธง'

นัยว่า...พิจารณาแล้ว.. 'ไม่เหมาะสม..คงเพราะเป็นผู้หญิงน่านหละค่ะ...' ไม่น่าจะมีเหตุผลอื่นใด..

ลองเบนเข็ม แทงยันต์แนวเมตตา... พุทธคุณนั้น..ไม่ใช่ย่อยต่อเรื่องชัยชนะเลย...

แต่เป็นชัยชนะที่ไม่ต้องเหนื่อยต่อการฟาดฟัน ต่อสู้ ร้อนแรง พละกำลัง กล้าหาญ ฯลฯ ...

ใครคิดร้าย-เปลี่ยนใจ, ใครคิดจะเกลียด-เกลียดไม่ลง, ใครคิดจะทำร้าย-ก็เปลี่ยนใจ = ชัยชนะ...แบบซอฟท์ ซอฟท์ตามแนวหญิงๆ ได้เช่นกัน

อ้อ..แล้วสายตาวิงวอน วาทะศิลป์ หว่านล้อม หลอกล่อ และคติ 'ตื้อ' เท่านั้นจะครองโลก ..ก็น่าจะลองใช้ดูชิมิ....
:008:

หาก[/size]ถามใจคุณโชว..ไม่อยากให้เอาหนุมาน..นะครับ...:009:


เอ๋อ ประมาณว่า คารมเป็นต่อความสวย เป็นรองใช่ไหมท่าน  สายตาวิงวอน วาทะศิลป์ หว่านล้อม หลอกล่อ ประมาณว่า มารยาหญิงอีก1000000เล่เกวียนใช่ไหมท่าน  ร้ายจริงๆๆ :095: ถ้าเจอผ้หญิงด้วยกัน ใช่ไหมได้ผลนะท่าน

ลองไปหาหลวงพี่ญาบอกมาจากสวิส ทำบุญเป็นเงิน ยูโรได้ชัว แถมได้วัตถุมงคลเป็นที่ระลึกด้วย
 :016:



"ตื้อ" เท่านั้นจะที่ครองโลก ใช่ได้ผลจิงอ่ะ เนี่ยนะ เราตื้อเค้ามา 2 ปีแล้ว ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเลย แต่เราก็ยังตื้อค่ะ   


แล้วได้ผลเปล่า :075:

507
ขอบคุณท่านโจรที่นำเสนอสิ่งดีๆ

508
มีบางกุฏีที่สักเลือกรูปได้แต่คิดราคาตามภาพ  ไม่ใช่25บาท ดอกไม้ธูปเทียนบุหรี่1ซอง   

509
พี่เด็กนอกวัด เสน่ห์  แรงนะครับนี่ 5555

พี่มันรูปไม่หล่อ พ่อไม่รวย  พูดไม่ค่อยเก่ง หุ่นไม่ดี ต้อง  อาศัยอะไรพุทธคุณเป็นที่พึ่งทางใจบ้าง :008:

510
ใครไปไม่ถูกไม่เป้นไรเดี๋ยวพี่พาไปเอง :016:

511
ทำบุญ2000บาทส่งเงินก่อน  วันที่4/02/2552 นะครับ  ว่าแต่อ.ญาไปวันไหน ศิษย์จะตามไปรับใช้ถวายกาแฟ  ขนมจ๋า :077:

512
สีผึ่ง3สีมี3ตลับ :009:




สีผึ่งเทียนชัย ของหลวงปู่แย้ม วัดสามง่ามนานๆๆออกที




สีผึ่งหลวงปู่อั๊ฟ วัดท้องไทร




สีผึ่งจากย่ามหลวงตาชื่น วัดตาอี ได้สาริกาแกะเด็ดมาก










513
ใช้นิ้วนางปาดสามรอบ....อธิฐาน... ..   09;.... แรงสุดๆ ..

ปาดตรงไหน 05;

514
Good Morning.....

ผ้ายันต์พระลักษณ์รุ่นแรก





ถ่ายรูปมาชัดฝากใครบ้างคน



โว๊ว... ถ่ายภาพมาฝากใครบ้างหละเนี่ย...

คุณเด็กนอกวัด..มีเยอะเกินไปอะป่าวคะ....หนักคอแย่เลย... :009:
ทางนี้ไม่รับฝากภาพฮ่ะ...รับฝากเฉพาะพระลักษมณ์หน้าทองลป กาหลง..องค์ขวามืออ่ะคะ...
:008:

ว่าแล้วท่องคาถาสักหน่อยดีก่า...งึมงัมๆๆๆๆ  โอมพระแลง เป็นแสงพระลักษมณ์ พระฤาษีจับปากกา พระลักษมณ์จับหน้า จับตาสวาหะ.....ยะเห็นหน้ากูอยู่มิได้ โม ร้องไห้ครวญคราง พุทกอดไว้มิใคร่วาง ธาครวญครางสะอื้นไห้ ยะหลงใหลในจิต หญิงใด ชายใด ได้เพ่งพิศ...... blah blah....งึมงัมๆๆๆ


เอาไว้ท่องให้หนุ่มๆหลงหรือจ๋า :007:

515
หลวงปู่มี วัดมารวิชัย




ลองใช้ไปหน่อยของท่านดีจริง




หลงปู่กาหลง  2สี




สีผึ่งเจ็ดเจ้าเสน่ห์ ของพ่อประครอง 



หลวงปู่ทิม เทพเจ้า แห่งเมตตา








หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ สีดำมีองเปลวท่านควักจากกระปุกของท่ามาให้เพิ่ม




ใตรมีสีผึ่งเด็ดๆมาโพสกันได้นะครับ

516
ผ้ายันต์พระลักษณ์รุ่นแรก





ถ่ายรูปมาชัดฝากใครบ้างคน


517
ได้มาช่วงปีใหม่วันที่1/มค/50พร้อมกับลงพระลักษณ์กับหลวงปู่กาหลงคืนนั้นเสกครอบเกือบชั่วโมง

พระลักษณ์รุ่นแรก







โค๊ตชัดๆ







พระลักษณ์หลวงพ่อตัดวัดชายนา พิมพ์นำฤกษ์






ด้านหลังยันต์นะหน้าทององค์ที่ 28





ใครจะสร้างเราไม่สนเพราะล.พ ตัดจารให้2แกล้ม







แถมวันนั้นลงนะหน้าทองตอนแรกถามมึงจะเอาไปทำไมวะมีประโยชน์อะไรนะหน้าทองนี่   เมตตามหานิยมเอาไปติดต่อลูกค้าครับท่าน แล้วท่านก็ไม่ว่าอะไรหยิบแผ่นทองมาเสกแปะให้3แผ่น และพรมน้ำมนต์ให้อีกด้วย :054:


518
ตอบพี่สิบทัศ  .เหล็กไหลสีดำ
คือชนิดแรกของโลกที่มีธาตุขันธ์เดิม ๆ ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจในทางโลกิยะมากที่สุด เพราะเทวดาที่เข้าไปรักษาครอบครองดูแลธาตุเหล็กไหลชนิดนี้จะเป็นเทวดามิจฉาทิฐิจำพวกยักษ์เข้าไปครอบครองดูแลรักษา แต่มีบุญบารมีในทางธรรมน้อยที่สุดกว่าเหล็กไหล ทุกๆ สี แต่อำนาจในการปกป้องคุ้มครองยังมีอยู่

พุทธคณดีเด่น ทางด้านอำนาจคงกระพัน แค้วคลาดปกป้องคุ้มครองเนื่องจาก เทพที่ยึดครองส่วนใหญ่เป็นยักษ์ เทวดามิจฉาทิฐิ นิสัยยักษ์ก็พอเดาออกนะครับ เรื่องอำนาจคงกระพัน ชัวร์ครับ :016:

519
:054: โองการยันนะรังสี   :054:

ขอบคุณท่านโองการยันนะรังสี มากๆ ค๊าที่นำรูปกะลามหาอุตม์ มาให้ชม

คือที่บ้านค้าขายค่ะ (ขายมะพร้าวนี่แหละ) เค้าถือค่ะว่าถ้ามีกะลาไม่มีตาอย่างในรูปที่ท่านเอามาลงให้ชม
ร้านไหนมี จะทำให้ร้านนั้นร้านนั้น ค้าขายไม่ดีไม่มีลูกค้าค่ะ (ประสบการณ์ตรงค่ะ)  

ถ้าร้านพี่เจอหรือมีแบ่งผมก้อได้ครับ :003:

520
อ่านเพลินครับ  :002: รบกวนสอบถามหน่อยครับเกี่ยวกับแร่ "ไหลดำ" พี่เด็กนอกวัดพอจะทราบรายละเอียดไหมครับ ขอบคุณครับ  :054:

ถามมาได้เลยครับท่านสิบทัศ :003:

521
เยี่ยมมากท่าน  :016:ว่าแต่อันไหนกลวงบ้าง

522
ฝึกการสัมผัสธาตุกายสิทธิ์  การฝึกแบบนี้ อาจจะดูง่ายแต่ได้ผลดีมาก คนเราบางคนเกิดมาก็ไม่ได้ญาณพิเศษ หรือสัมผัสที่6 ใดๆเราจะพูดถึงคนที่ไม่มีแม้นกระทั่งญาณต่างๆเลย เข้าเรื่องกันเลนดีกว่า

1. นำธาตุกายสิทธิ์ที่คิดว่า ใช่ ถูกต้อง ของแท้ มีพลัง ชัว แน่นอน

2.นำมาอธิฐาณจิต ขอบารมี เช่น มีธาตุกายสิทธิ์ 1 ชิ้น นำมากำไว้ที่มือ ข้างไหนก็ได้

3.ให้เราสวดมนต์นะโม 3 จบ แล้วแผ่นเมตตา

4.ให้เราเอ่ยนามธาตุกายสิทธิ์นั้นๆ เช่น ขอบารมีแห่งธาตุกายสิทธิ์.......ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่ที่มือข้าพเจ้านี้ ถ้าท่านเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง...ขอให้มือหรือ ส่วนต่างๆของร่างการข้าพเจ้ากระตุก หรือ ผ่านทางสัมผัสที่6 ที่ข้าพเจ้าจะได้รับรู้ รับทราบว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง เพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้ดูแลเก็บรักษาบูชา ให้ดี

5.พอเอ่ยเสร็จก็ทำจิตให้ว่าง สงบนิ่ง ซัก 30 วินาที แล้วก็ทวนข้อ 4. ใหม่อีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรืองๆเวลาว่างๆ จนกว่าจะได้คำตอบ ฝึกบ่อยๆ ( ข้อสำคัญธาตุกายสิทธิ์นั้นต้องเป็นของจริงเท่านั้นเวลาฝึก

6.พอเริ่มรู้ตัวว่าเราสามารถสัมผัสได้ ทีนี้ก็ต้องมาดูที่คำตอบอีกที

7.พอเราชินกับการสัมผัสแล้ว ต่อไปมาดูคำตอบ ถ้ามีการบอกผ่านทางสัมผัสที่6 ทีมนุษย์ทุกคนมี เช่น คิ้วขวา คิ้วซ้าย ไหล่ขวา ไหล่ซ้าย ตาขวา ตาซ้าย

ปรายจมูกขวา ปลายจมูกซ้าย  เป็นต้น

8.เรามาดูคำตอบ ถ้าบอกผ่านสัมผัสที่6 ของคน คิ้วซ้าย ดี  ไหล่ซ้าน ดี ปลายจมูซ้าย ดี  คำว่าดีแปลโดยรวมว่าถูกต้อง มองอีกแห่งมุมนึง ส่วยซีกขาวของคนเราส่วนมาก คำตอบคือ ไม่  ไม่ใช่ ไม่ดี  เป็นต้น

9.ทีนี้มาดูถึงญาณสัมผัสที่ไม่ผ่านสัมผัสที่6 ของคนถือว่าดีขึ้นอีกนิด เช่น มีการชา ที่มือที่เราสัมผัสธาตุกายสิทธิ์ หรือ ร้อน  เย็น อันนี้จะแยกออกได้ว่า เป็นการบอกโดยตรง ในการแผ่พลังให้คนผู้นั้นสัมผัสได้จำเพราะ ให้รู้ว่าเป็นของวิเศษดีจริง

10.ทำแบบนี้ไปจนเราสามารถสัมผัสได้ พอญาณในร่างการคนเราปรับสภาพให้เข้ากับร่างกายจนสามารถ ถามและสัมผัสได้ตลอดเวลา ถือว่าใช้ได้แล้ว

11.ต่อไปจะฝึกลึกลงไปอีก ถ้าคนไหนได้แบบ มีการกระตุกผ่านร่างกายในรูปแบบ คิดแล้วคำตอบออกมาได้ตลอดเวลา เหมือนคุยภาษาใบกับร่างการตัวเราเอง หมายความว่า คิด พูด คุยกับตัวเองในใจ เช่น เอ........ของชิ้นนี้ดี เป็นธาตุกายสิทธิ์ แล้วให้เราจับจิตให้ว่างดูคำตอบที่จะออกมาทางร่างการว่าออกมาแบบไหน แล้วพยามจำส่วนนั้นๆให้เริ่มจากการเป้นคำพูด ยกตัวอย่าง เช่น เวลาถาม ปรายจมูกซ้ายมีความรุสึกชาๆนิดๆ เราก็เอาคำตอบใส่ลงไป เช่น แปลว่า ใช่ ดี  แต่ถ้าเป็นปรายจมูกขวา ก็ใส่คำตอบแทนลงไปว่า ไม่ใช่ ไม่ดี หรือถ้าความหมายลึกลงไปอีก ก็จะแปลปลายจมูกขวาว่า มีวิญญาณไม่ดี มาใกล้เราจนเกินไป แต่ก็ไม่ต้องลึกถึงขนาดนั้นก็ได้

12.เวลาฝึกควรหาของที่เป็นธาตุกายสิทธิ์ เท่านั้น ( ส่วนสำคัญคือ พลังญาณที่แผ่ออกมาจากธาตกายสิทธิ์นั้นๆจะช่วยให้เราสามารถสัมผัสได้ )

13. ไว้ค่อยมาบอกให้ เอาแคนี้ให้ได้กันก่อน ( ต่อไปจะมาบอกให้ขอบารมี ญาณให้อยู่ในร่างกาย คนเราให้เป็นครูบาอาจาร์ในร่างการคนเรา เอ....ใครอยากได้ตรงนี้ให้ไปบวชดีกว่า เพราะบอกไปพูดไปเดี๋ยวผมจะงงเอง เอาไว้แค่นี้ก่อนนะครับ



การบูชาธาตุกายสิทธิ์
1.เมื่อนำเหล็กไหลเข้าบ้าน ควรจุดธูป 5 ดอกแล้วกล่าวว่า ข้าพเจ้า ชื่อ......นามสกุล..........ข้าพเจ้าขอนำเหล็กไหลที่ข้าพเจ้าได้มานี้ นำมาบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวข้าพเจ้าและครอบครัว ขอให้องค์พญาเหล็กไหลผู้ทรงอำนาจได้โปรดดลบันดาล ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ มีโชคมีลาภ เจริญรุ่งเรื่องด้วยหน้าที่การงานทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้ทำ และความอยู่เย็นเป็นสุข ปราสจากโรกภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ขออำนาจแห่งคุณรพระศรีรัตนไตร เมื่อข้าพเจ้าได้ทำบุญกุศลครั้งใด ขอให้บุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้ทำ จงไปถึงองค์พญาเหล็กไหลธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้เป็นเจ้าของนี้ จงได้รับผลบุญของข้าพเจ้าทุกครั้งไปด้วยเทอญ
2.เมื่อนำเหล็กไหลเข้าบ้านแล้ว ก็นำน้ำผึ้ง เทใส่แก้วแล้วนำเหล็กไหลชิ้นนั้นแช่ลงไปซัก 1-3 วันจึงนำขึ้นมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วจึงนำขึ้นห้อยคอ
3.ใน 7 วันควรถอดออกมาแช่น้ำผึ้ง 1 ครั้ง
                                                                 เคล็ดลับการบูชา
          การบูชาทั่วๆไป การขอความสำเร็จนั้นอาจจะยากไปซักหน่อย แต่ก็สามารถทำให้มีการขอได้ง่ายขึ้นถ้าสามารถทำได้
1.การถวายข้าวปลาอาหารทุกวัน
2.ก่อนถวายข้าวปลาอาหาร ควรถวายพระพุทธที่บ้านเสียก่อน
3.สวดมนต์คาถาชินบันชรถวายแด่องค์เหล็กไหล (ให้เรานึกถึงว่าองค์เหล็กไหลรูปร่างเหมือนคนให้นึกว่าเป็นองค์เทพเนื้อตัวสีดำ แต่เครื่องทรงสีสดสวยงดงาม ด้วยการอิ่มบุญจากการที่เราสวดมนต์ถวาย)
4.ขอพร................อย่างที่เราอยากจะได้   การขอพรถ้ามันดูมากเกินไป ก็อาจจะได้บางส่วนที่ลดหลั่งลงมา
5.การทำแบนี้ ไม่ใช่แค่ เดือน 2 เดือนจะสนิดกับองค์เหล็กไหลเลย อันนี้ต้องอยู่ที่ความอดทนของคนๆนั้นด้วยเพราะจะต้องโดนทดสอบความอดทนด้วย
                                                               วิธีการสัมผัสกับธาตุกายสิทธิ์(ด้วยสัมผัสที่6)
1.เมื่อเรามีธาตุกายสิทธิ์ชนิดใดก็ได้ ต้องเป็นของจริงเท่านั้น นำมาไว้ที่กลางฝ่ามือ หรือถือไว้ที่นิ้วมือก็ได้ ก่อนที่เราจะฝึก ให้สวดนะโม 3 จบ แผ่เมตา
2.ให้เรานั่งสมาธิ หรือทำจิตให้สงบ ให้เราพูดว่า... ด้วยอำนาจ และบารมีแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่นี้ ถ้าเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง ขอได้โปรดบอกข้าพเจ้าในการสัมผัส ผ่านทางกายเนื้อของข้าพเจ้าส่วนไหนก็ได้ให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสและรับรู้ว่าเป็นของวิเศษ ธาตุกายสิทธิ์จริงด้วยเทอญ
3.พอทำข้อ 2 เสร็จ ให้เรานั่งสำรวจร่างกายตัวเรา ตั้งแต่เส้นผม จนถึงปลายเท้า ประมาณ 1 นาที ต่อจากนั้นให้เริ่มถามใหม่ว่า ด้วยอำนาจ และบารมีแห่งธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่นี้ ถ้าเป็นธาตุกายสิทธิ์จริง ขอได้โปรดบอกแก่ข้าพเจ้าด้วยด้วยเทอญ แล้วก็ทำจิตให้สงบ แล้วก็ พูดว่า ใช่ เป็นธาตุกายสิทธิ์จริง แล้วก็ทำจิตให้สงบ สำรวจร่างกายว่ามีการตอบสนองมั้ย ซัก 3 นาที ถ้ายังไม่มีส่วนไหนของร่างกายตอบสนอง ให้ถามคำถามใหม่หลังจาก 3 นาที
4.ถ้ามีการตอบสนองกลับมาแล้ว ให้จดจำการตอบสนองนั้นไว้ว่า เป็นคำว่าใช่ ตามคำถาม
5.พอเราเริ่มถามคำถามแบที่ 1 ไปแล้ว ให้เรามาถามแบที่ 2 ต่อ
6.ถามแบที่2 ทำจิตให้สงบถามในใจว่า ธาตุกายสิทธิ์ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัสอยู่นี้ ไม่มีความวิเศษเลย ไม่ใช่ธาตุกายสิทธิ์เลย ถ้าไม่ใช่เลยให้บอกข้าพเจ้าด้วยเทอญ ตอนถามก็ทำจิตสำรวจร่างกายเราไปด้วยว่ามีการตอบสนองออกมาแบไหนแล้วเราก็จำเอาไว้
7.ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะชำนาน พอชำนานในการถามสัมผัส ทีนี้เราก็สามารถสัมผัสของแต่ละชนิดได้รวมทั้งพระเครื่อง ทุกอย่างอยู่ที่ปาก และคำถาม
8.ทั้งหมดนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการสัมผัส พอเราเริ่มชำนานการสัมผัสจะแตกต่างออกไป เช่นมีทั้ง ร้อน หรือ เย็น
9.การสัมผัสแต่ละครั้ง จิตตัวเราเองสำคัญ อาจหลอกจิตตัวเราเองก็ได้ เพราะเราเกินชอบในของสิ่งนั้นขึ้นมาเลยคิดไปเองว่าใช่ หรือสัมผัสได้ว่าใช่ อันนี้คงต้องอาศัยความชำนานของแต่ละคนแล้วครับ
ข้อสำคัญ
1.ห้ามฆ่าสัตย์ทุกชนิด เช่น ห้ามตกปลา ห้ามเอาสัตย์เป็นๆมาทำอาหาร
2.ห้ามคิดไม่ดีต่อผู้อื่น
3.ห้ามคดโกงผู้อื่น


 ความเข้าใจเรื่องเหล็กไหล


ราจะพบคำถามต่างๆเกี่ยวกับเหล็กไหลทั่วไป ว่าเหล็กไหลต้องเป็นไปตามตำนานเสมอไปหรือไม่ เช่น

1.เหล็กไหลต้องหายตัวได้ใช่หรือไม่ อันนี้ขึ้นอยู่แต่ละคนที่เคยเจอเคยเห็น ส่วนมากผู้ที่รู้และเห็นเป็นเช่นนั้นเพราะองค์เหล็กไหลเค้าทำให้เห็นหรือให้เป็นไปตามที่ผู้นั้นเห็น จะเรียกได้ว่าเจาะจงบางคนบางกลุ่มก็ได้

2.การทดสอบลองยิงต้องยิ่งไม่ออกใช่หรือไม่ ถ้ามีการขอองค์เหล็กไหลที่ถูกต้องก็จะยิงไม่ออก แต่การขอให้ถูกต้องนั้นยากต้องหาผู้รู้จริงๆเท่านั้น เช่นเกจิอาจารย์เก่งๆในป่า

3.เหล็กไหลเป็นอวิชามนต์ดำหรือไม่  ไม่ใช่ ใครว่าใช่ก็แปลว่าไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย

4.เหล็กไหลขายกันได้หรือไม่            ขายได้ แต่ถ้าชนิดใดมีผู้ดูแลที่หวงมากๆ ก็ต้องมีการขอก่อน แล้วถึงได้ครอบครองอย่างสงบสุข

4.แบบไหนถึงจะเรียกว่าเหล็กไหล     ดูจากธรรมชาติให้มากที่สุดถึงจะไม่โดนของปลอม

5.ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าเป็นเหล็กไหล  ถ้าให้รู้ที่ถูกที่สุดคือต้องมีญาณสัมผัสได้ หรือ ญาณทัศษนะ และการสำเร็จกสิณ ไม่ใช่แค่ใช้ความคิดตัวเองฟังเค้ามาต่างๆนาๆแล้วก็มาบอกว่าต้องเป็นอย่างงี้อย่างโน้นคนจำพวกนี้ไม่ได้เจริญวิปัสนากรรมฐาณเชื่อไม่ได้จะเป็นพวกทำลายพระศาสนาทางอ้อม ถ้าไม่รู้จริงอย่าพูดออกไป

6.อย่าเชื่อผู้ที่ไม่รู้จริง ผู้รู้จริงต้องสัมผัสได้เท่านั้น ถ้าพูดในอีกมุมนึง คนบางคนไม่รู้เรื่องอะไรเลย คิดว่าเหล็กไหลต้องหายตัวได้มีชีวิต ขยับได้ ปืนยิงต้องไม่ออก คนกลุ่มนี้เรียกว่ารู้ไม่จริง

7.การทดลองยื่งธาตุกายสิทธิ์ต่างๆทำไมปืนยิงไม่ออก  การทียิ่งไม่ออกเกิดจากการขอบารมีเทพผู้ดูแลแบบถูกวิธีเท่านั้นถึงจะมีการแสดงอำนาจทำให้ปืนยิงไม่ออกได้

8.การสัมผัสต้องมีญาณขันต่ำสุดชนิดไหน  สัมผัสที่6 ในกาย และสูงขึ้นไป กสิณ และญาณทัศษนะ และสูงไปเรื่อยๆ

9.กลวิธีการหลอกลวงทำให้ปืนยิงไม่ออกได้หรือไม่  ทำได้สารพัดการโกง

10.ผู้ที่สนใจเหล็กไหลและคิดว่าต้องปืนยิงไม่ออกถึงเป็นเหล็กไหล เป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก

11.การลองรูปแบบต่างๆเช่น เอาไม้ขีดมาวางแทบข้างๆแล้วจุดไฟไม่ติด การทดลองประเภทนี้ก็สามารถทำกลลวงหลอกลวงกันได้ สังเกตการเล่นกลสมัยนี้ดู

12.เหล็กไหลหาไม่ได้ง่ายๆขึ้นอยู่ที่จังหวะของคนแต่ละคน บางคนได้มา 1 ชิ้น ต่อไปก็ได้มาอีกเรื่อยๆ บางคนทั้งชีวิตก็ไม่เคยได้ คนที่ไม่เคยได้ส่วนมากจะไม่เชื่อว่าเป็นของจริง หรือมีจริง หรือคิดว่าจะหาแบบปืนยิงไม่ออก หรือต้องหาแบบล่องหนหายตัวได้ คนจำพวกนี้ไม่รู้จริงเรื่องเหล็กไหล และไม่มีญาณสัมผัสเหล็กไหล จึงได้แค่หาตามแบบที่เล่าลือกันมาเท่านั้นจึงเป็นความคิดที่ผิดๆเพราะเรื่องพวกนี้จะอยู่ที่การแสดงอำนาจให้เห็นเฉพาะเจาะจงแต่ละบุคคลเท่านั้น

13.การยิงไม่ออกครบ 3 นัดแล้วมีการซื้อขาย พอนำกลับไปลองยิงเองกลับยิงออกนัดแรกเลย การยิ่งไม่ออกขึ้นอยู่กับเหล็กไหลว่าให้ให้ยิงออกหรือไม่ มีการขอองค์เหล็กไหลให้ถูกต้องหรือไม่ถ้ามีการขอถูกต้องก็จะยิงไม่ออก แต่พอเอากลับมาลองยิงเองกลับยิงออกอันนี้ต้องดูว่ามีการขอลองยิงถูกต้องหรือไม่ อีกนัยนึง คุณถูกเค้าหลอกมาหรือเปล่า

14.เหล็กไหลเป็นทางสายใด  สายพุทธ

15.รูปแบบธรรมชาติของเหล็กไหลในสมัยนี้ ยังทำปลอมขึ้นได้ยาก เช่นเหล็กไหล7สี รูปแบบธรรมชาติ

16.รูปแบบทรงกลม แคปซูน ทำปลอมขึ้นได้หรือไม่  ทำได้ไม่ยาก สมัยนี้ปลอมกัน 90% เพราะรุปแบบที่ทำขึ้นรูปง่ายดาย

17.จะดูอย่างไรถึงเป็นรูปแบบธรรมชาติ ต้องดูจากลายเส้น และรูปแบบที่แปลกตาดูให้ดีว่าถ้าทำปลอมจะทำยากแค่ไหน ก็ต้องไปประเมิณกันเอา (ข้อนี้ไม่รวมถึงผู้มีญาณสัมผัสได้ เพราะถ้ามีญาณสัมผัสได้ก็คงรู้อยู่แล้วว่าอันไหนของจริง )

18.ธาตุกายสิทธิ์ธรรมชาติ ส่วนมากจะดีทางด้านไหน  ธาตุกายสิทธิ์ส่วนมากจะมีความลับของแต่ละชนิด เช่าบางชนิดจะมีความลับทางด้านช่วยเหลือผู้ปฎิบัติในธรรมได้ดียิ่ง


                                                                   

523
เหล็กไหล คือ ก้อนแร่เหล็กบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และได้รับการอธิษฐานบรรจุฤทธิ์ โดยพระฤาษีผู้ทรงฌาณชั้นสูง เพื่อธำรงคุณงามความดี โดยมีธาตุกายสิทธิ์เป็นผู้คอยช่วยเหลือผู้ที่มี ความทุกข์ยากให้พ้นภัย จัดเป็นธาตุกายสิทธิ์ชนิดหนึ่งที่มีรังสีหรือพลังปราณที่ทรงอำนาจในการป้องกันตัว และสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว ให้พ้นจากภัยอันตรายอันเกิดจากอาวุธปืนหรือของมีคม และภูตผี ปีศาจ เป็นสสารที่มีจิตเป็นอมตะและหายากยิ่ง ต้องมีพิธีกรรมมากมายกว่าจะได้มา ฉะนั้นเหล็กไหลจึงเป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่ มีราคาแพง เพราะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า เหล็กไหลมีอานุภาพยอดเยี่ยม สามารถคุ้มครองชีวิตคนที่มีเหล็กไหลพกติดตัว และจะได้รับความคุ้มคลองให้ปลอดภัยจากอุบัติภัยร้ายแรงรวมถึง อาวุธร้ายแรงนานยาชนิด และ กันผีป่า ภูตผีปีศาจ ทั้งหลายได้ ป้องกันผีอำได้อย่างอัศจรรย์นั้นเอง

ประเภทของเหล็กไหล                                  ธาตุศักดิ์สิทธิที่เราเรียกกันว่า ?เหล็กไหล? นี้ พอจะแบ่งแยกได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน

1.ธรรมธาตุ กำเนิดของเหล็กไหลประเภทนี้ เกิดจากจิตของเทพพรหมในอดีตอันไกลโพ้น ซึ่งเป็น ?อรูปพรหม? ที่ปรารถนาจะมาช่วยรักษาพระพุทธศาสนา จึงได้ลงมาบำเพ็ญฌาณในมนุษย์โลก ได้เข้ามาสัมผัสเข้ากับกลิ่นอันโอชะของง้วนดิน ที่เป็นธาตุ บริสุทธิ์มาแต่เดิม แล้วเกิดติดใจในความโอชาของง้วนดินเข้า เมื่อเสพแล้วก็เลยหาที่พักพิงอาศัยอยู่ ตามเงื้อมเขา ตามถ้ำอันสงบ เป็นอยู่อย่างนั้นตามสภาพของจิต ล้านปีบ้าง แสนปีบ้าง หมื่นปีบ้าง ร้อยปีบ้าง หนึ่งปีบ้าง

เมื่ออัธยาศรัยของจิตเริ่มเกาะรูปธรรม จึงได้เนรมิตรธาตุบริสุทธิ อันประกอบด้วย ธาตุทั้ง 4 อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยการเนรมิตรเอาด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ขึ้นมาประกอบเป็นเรือนกาย ฝังตัวอยู่ในก้อนธาตุเหล่านั้น อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ เป็นเพศผู้ก็มี เพศเมียก็มี อยู่โดดเดี่ยวก็มี เป็นคู่ก็มี เป็นกลุ่มก็มี มีรังอาศัยอยู่ก็มี ที่ไม่มีรังอาศัยอยู่ก็มี โดยปกติแล้วปีหนึ่ง ๆ ประมาณเดือน 5 ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จะออกหาเสพง้วนดิน

แต่ในสมัยปัจจุบันโลกมนุษย์ของเรา ผิวพื้นโลกไม่มีความสะอาดเพียงพอ จึงไม่มีง้วนดินอยู่ ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จึงต้องอาศัย เสพน้ำผึ้งแทนเฉพาะในเวลากลางคืนโดยอาศัยป่าเขาต่าง ๆ ซึ่งบางคนอาจจะเคยพบเห็น

ลักษณะการเคลื่อนที่ของธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ จะปรากฏเป็นดวงกลมใหญ่ เล็ก ลอยออกจากหน้าผาหรือถ้ำ ออกไปจับรังผึ้งตามต้นไม้ บางดวงก็ลอยหายไปในโพรงไม้เพื่อกินน้ำผึ้งโพรง บางดวงก็ลอยหายไปใต้พื้นดินเพื่อกินน้ำหวานของแมงขี้สูตร

ถ้าผู้พบเห็นมีความสามารถพิเศษ ก็สามารถเชิญเขามาสนทนาได้เช่นกัน แต่ถ้าต้องการที่จะครอบครองของสิ่งนี้ ต้องมีวาสนาบารมีสั่งสมร่วมกันมาตั้งแต่อดีต หรือมิเช่นนั้นก็ต้องเป็นผู้มีศีลธรรม จิตใจเป็นบุญเป็นกุศล ถึงพร้อมพรหมวิหารธรรม เจตนาเป็นกุศลจิต ก็อาจทำพิธีอัญเชิญท่านให้ปรากฏตนออกมา เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ทรงคุณธรรมทั้งฝ่ายฆราวาสและบรรพชิตที่ประสงค์จะช่วยกัน สืบพระศาสนาขององค์พระศรีศากยมุณี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาแต่อดีตชาติ แล้วได้จุติลงมาเป็นมนุษย์

เทพพรหมเหล่านี้มุ่งการบำเพ็ญบารมีทำความเพียรจนเข้าถึงอริยสัจจธรรม เพื่อที่จะได้น้อมนำชีวิตอุทิศตนเอง ถวายเป็นพุทธบูชาเสริมสร้างบารมีของตน จนเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า และจรรโลงกอบกู้อุปถัมภ์ค้ำชู พระพุทธศาสนาที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิ ที่ปฏิบัติถูกต้องตามความเป็นจริงแห่งธรรม

ดังนั้นฤทธิ์อำนาจของเหล็กไหลชนิดนี้จะสูงกว่าธาตุกายสิทธิ์ทุกประเภท สามารถทำปฏิกิริยาต่อเชื้อปะทุทุกชนิดและศาสตราวุธต่าง ๆ ให้หมดอานุภาพได้ เมื่อเทพนั้นมีความประสงค์จะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดู หรือเพื่อคุ้มครองรักษาเจ้าของเหล็กไหลนั้น คือจะแสดงฤทธิ์ก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้ยังล่องหนหายตัวได้เมื่อต้องการ โดยการสลายรูปธาตุทั้งสี่ให้เป็นอรูปธาตุ (วิญญาณธาตุ) แล้วประกอบขึ้นใหม่ได้ และเมื่อยังไม่ประกอบรูปธาตุก็จะยังไม่กินน้ำผึ้ง ต่อเมื่อประกอบธาตุแล้วจึงจะกินน้ำผึ้ง และต้องเป็นน้ำผึ้งที่บริสุทธิ์อีกด้วย

ลักษณะพรรณสัณฐานของเหล็กไหลประเภทนี้มีหลายรูปแบบ เช่น รูปไข่ กลมรี ครึ่งซีก ทรงกลม หนำเลี๊ยบ รักบี้ เป็นต้น เพราะมองดูเผินจะมองไม่ออกเลยว่าเป็นเหล็กไหล เพราะเหมือนก้อนหิน ก้อนกรวดธรรมดา ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล ที่เป็นธรรมธาตุนี้ แต่ละองค์จะมีนามของตนเองโดยเฉพาะ จะต้องสอบถามนามของท่านเอาเอง

ยุคสมัยปัจจุบันมีผู้ตั้งค่านิยมของ ธาตุกายสิทธิ์ ไว้สูงมาก จนเกิดการทุ่มเทติดตามหาวัตถุธาตุกายสิทธิ์นี้อย่างจริงจัง จนหลายคนหมดเงินหมดทองไปเป็นจำนวนมาก แต่มีน้อยรายที่จะพบกับความสำเร็จ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ ความเป็นมาของธาตุวิเศษเหล่านี้ รวมทั้งขาดบุญวาสนาอีกด้วย พึงตระหนักอยู่เสมอว่า สิ่งใดมีคุณอนันต์ ก็ย่อมเกิดโทษอันมหันต์ได้เช่นกัน

2.ธาตุสำเร็จ เหล็กไหลชนิดนี้เป็น ?รูปธาตุ? มีแต่เพียงจิตครอง ไม่มีวิญญาณครอง เกิดจากฤทธิ์อำนาจของเทพระดับต่ำลงมาในระดับ ?รูปพรหม? โดยเมื่อครั้งในอดีตได้เคยบำเพ็ญตบะเป็นฤาษีชีไพรจนสำเร็จรูปฌาณ แต่ด้วยบุพกรรมและความปรารถนาบางอย่าง จึงได้ลงมาสู่โลกมนุษย์ในลักษณะเป็นก้อนธาตุสำเร็จ รูปทรงต่าง ๆ กัน ที่เป็นเหมือนโลหะธาตุก็มี เหมือนแก้วใสก็มี สถานที่ อยู่ของเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ภายในถ้ำที่มีความสะอาด เย็น หรือชื้นแฉะ ธาตุเหล็กไหลประเภทนี้ไม่สามารถล่องลอยไปหาน้ำผึ้งกินเองได้ จะต้องอาศัยวัตถุธาตุที่เป็นสื่อเป็นสะพานนำไป โดยการไหลไปตามพื้นดิน ผนังถ้ำ หรือ หน้าผา

หากสถานที่นั้นไม่มีผึ้งทำรังอยู่ นานวันเข้าเหล็กไหลก็จะเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่ อยู่ใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็จะมีการขับถ่ายของเสียออกมา ซึ่งเรียกกันว่า ?ขี้เหล็กไหล? เมื่อถ่ายมูลเสร็จจะกลับเข้ารังต่อไป

สำหรับเหล็กไหลประเภทนี้มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับธาตุกายสิทธิ์ประเภทแรก เพราะเป็นการประกอบธาตุให้ถูกส่วนของผู้มีวิชาแก่กล้าทางโลกียฌาณ คือ ฤาษี ชีไพร คนธรรพ์ วิทยาธร เป็นต้น แต่ไม่สามารถคุ้มครองตัวเองได้ เพราะถ้าเจอะผู้มีวิชาอาคมที่ แก่กล้า จะถูกทำลายหรือแย่งชิงได้ง่าย เนื่องจากมีเพียงวิญญาณธาตุ คือ พลังงานอย่างเดียว

ดังนั้นผู้มีเหล็กไหลประเภทนี้อยู่ มักจะไม่เปิดเผย เพราะเกรงผู้มีวิชาเรียกเอาได้ ลักษณะของเหล็กไหลประเภทนี้มักจะพบเห็นบ่อยครั้ง มีชื่อเรียกหาแตกต่างกันไปตามความคิดความเข้าใจและคุณสมบัติที่พบเห็น บางครั้งต้องทำพิธีพลีกรรมตัดเอา แต่ สำหรับผู้ทรงฌาณระดับสูงแล้ว เพียงแต่ทำการอัญเชิญท่าน ก็จะเสด็จมาอยู่ด้วยโดยไม่ ต้องมีพิธีกรรมที่ยุ่งยากแต่อย่างใด

อาณาจักรของเหล็กไหล

เนื่องจากเหล็กไหลประกอบไปด้วยธาตุเหล็กเป็นสำคัญ จึงต้องการสิ่งที่มีความแข็งแกร่งพอสมควรที่จะเข้าไปยึดเกาะเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อ สร้างอาณาจักรหรือรังขึ้นมา เฉกเช่นสัตว์โลกทั่วไปที่ จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัย เพื่อขยายเผ่าพันธ์มีลูกมีหลานสืบต่อไปในภายภาคหน้า

ดังนั้นโครงสร้างของอาณาจักรส่วนใหญ่จึงยึดเอาสิ่งที่มีธาตุเหล็กเป็นหลัก เพราะจะได้อาศัยการกินธาตุเหล็กเป็นอาหาร เพื่อเป็นการตั้งธาตุและปรับธาตุของตนเองให้เกิดความสมดุลย์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นธาตุดังเดิมที่มีอยู่ในพื้นภิภพและพื้นผิวโลกมาตั้งแต่การกำเ
นิดของโลกก็ว่าได้

ธาตุเหล็กจึงมีโอกาสดึงดูดและสะสมพลังงานต่าง ๆ ที่มีอำนาจมาไว้ในตนเองค่อนข้างมากและเป็นเวลานาน ทำให้เหล็กไหลมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มพูนขึ้น และเมื่อมีการกินธาตุเหล็กเข้าไปมาก ก็ย่อมมีการขับถ่ายของเสียออกมาหรือของเหลือออกมา กลายเป็น ?ขี้เหล็กไหล? ซึ่งมีลักษณะเหมือนเหล็กที่ผุตัวลงไป ไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับตัวเหล็กไหล หรือ โคตรเหล็กไหล

แต่เหล็กไหลบางประเภทที่อาจจะมีผิวพรรณวรรณะไปทาง ธาตุกายสิทธิ์ คล้ายแก้วหรือหินย่อมจะสร้างรังหรืออาณาจักรที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นเทพผู้รักษาในระดับชั้นพรหมที่ละเว้นจากเรื่องกาม เช่น มหาฤาษีผู้เพ่งฌาณสร้างธาตุกายสิทธิ์ หรือ กลั่นกรองธาตุเหล่านั้นจนใสเป็นแก้วแตกต่างกันไปตามบารมี ชอบจะอาศัยอยู่ในโพรงหินที่เป็นแก้วสีที่แตกต่างกันออกไป หากดูภายนอกจะไม่ทราบเลยว่า ภายในก้อนหินเหล่านั้นจะมีธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลซ่อนอยู่ภายใน

รังของเหล็กไหล                                   



ความหมายของ ?รังเหล็กไหล? ย่อมหมายถึงลักษณะของถิ่นที่อยู่หรือโครงสร้างที่อยู่อาศัยนั้นเอง เหล็กไหลบางประเภทที่จำเป็นต้อง สร้างอาณาจักรนั้น ลักษณะของรัง จะเหมือนรังผึ้ง้ มีท่อ มีรู เชื่อมโยงอยู่ภายใน เหมือนเป็นเส้นทางเชื่อมโยงติดต่อซึ่งกันและกัน โดยมีการแบ่งสัดส่วนเป็นห้องเป็นหับ เหมือนสัตว์โลกทั่วไป เพื่อใช้เป็นห้องพักของตนเอง ห้องพักของตัวอ่อน ลูก ๆ ที่เกิดขึ้นก็จะฟักตัวเองอยู่ในโพรง หลายตัวต่อโพรงก็มี

รังของเหล็กไหลเหล่านี้มักจะอยู่ภายในถ้ำคูหาต่าง ๆ พ่อแม่ก็อาจจะแสวงหาอาหารจากแร่ ธาตุและธาตุอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์อำนาจและพลังบารมีสูง เพื่อให้ตัวอ่อนมีความแก่กล้าและแข็งแรงเติบใหญ่ขึ้น พร้อมกับเรียนรู้สภาวะต่าง ๆ ไปพร้อมกัน

จากตัวเล็กขนาดเท่าปลายเข็ม ก็ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขนาดไข่ปลาดุก ไข่กบ เม็ดถั่วเขียว เม็ดถั่วลิสง เชื่อกันว่าเม็ดเหล็กไหลขนาดเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีฤทธือำนาจมากขึ้นเท่านั้น เพราะหากมีเหตุเภทภัยอันใดจะมาถึงตัว ก็จะใช้ฤทธิ์ทั้งหมดในทีเดียว

ดังนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือในหมู่ผู้ปฏิบัติจนได้ถึง เจโตรปริยญาณว่า ตัวเหล็กไหลที่แท้จริงนั้น ก็ คือตัวลูก ๆ ที่ยังเล็ก ๆ อยู่ หรือเพิ่งเป็นอิสระหลุดตัวเองออกมาจากญาณพ่อญาณแม่ของมัน

เหล็กไหลบางประเภท ก็จะมีสิ่งปกป้องคุ้มครองจากเหล่ายักษ์ คนธรรพ์ นาค วิทยาธร ให้ความอารักขา เนรมิตสิ่งบดบังคุ้มครองหรือปกปิดให้ เช่น ?แก้วขนเหล็ก? ที่เป็นเหมือนขนโลหะที่มี ความคมและแข็งห่อหุ้ม เหล็กไหลไว้ภายในโดยรอบ

เหล็กไหลบางประเภท ก็จะมีสิ่งห่อหุ้มที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ ปกป้อง หรือ เป็นที่หลบซ่อนฝังตัวของเหล็กไหล ไม่ให้ปรากฏเป็นที่สนใจของผู้ที่มีเจตนาที่ไม่ดีได้พบเห็น มีลักษณะแตกต่างกันไป บางอย่างก็นิ่มคล้ายขี้ผึ้ง แต่พอโดนอากาศภายนอกนาน ๆ ก็จะแข็งตัว บางอย่างคล้ายแก้วสี ขุ่น ๆ ห่อหุ้มตัวไว้ มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่เหตุปัจจัย

คุณสมบัติของผู้ครอบครองเหล็กไหล

เหล็กไหลจะอยู่กับผู้มีบุญเท่านั้น ผู้มีบุญในที่นี้หมายถึง ผู้ประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ยึดมั่นในศีล 5 พรหมวิหาร 4 ผู้ละแล้วเสียซึ่ง ความโลภ โกรธ หลง เหล็กไหลเมื่อมีความยินดีจะอยู่คุ้มครองให้กับผู้ใดก็จะอยู่ด้วยตลอดไป เว้นแต่ผู้นั้นจะมีจิตใจที่เปลี่ยนไปในทางอกุศล เหล็กไหลก็อาจหายไปทันที

ดังนั้นผู้ครอบครองเหล็กไหล จึงควรมีคุณสมบัติดังนี้

1.บุญวาสนาและบารมี ที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฐิ เป็นคนดีมีศีลธรรม

2.มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในธาตุกายสิทธิ์นี้

3.มีความปรารถนาอยากได้อย่างแรงกล้า

แท้จริงแล้วผู้ที่จะเกี่ยวข้องกับเหล็กไหล ซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์แล้ว จะต้องมีบารมีรองรับพอเพียง มิฉะนั้นเหล็กไหลจะหนีกลับไปสู่เจ้าของเดิม หรือ ผู้ที่มีบารมีสูงพอ ดังนั้นถ้ามีเงินแต่ไม่มีคุณธรรม ก็อย่าหมายว่าจะซื้อได้

ท่านทั้งหลายได้ลองพิจารณาตนเองในส่วนนี้แล้วหรือยัง ในการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหล็กไหล เพราะเหล็กไหลทุกประเภท ล้วนแต่ยอมอุทิศตนเพื่อเสริมสร้างบารมีธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงมรรคผลนิพพาน จึงยอมอุทิศตนทั้ง ร่างกายคือธาตุขันธ์ และจิตวิญญาณ ในการสืบพระศาสนาให้มั่นคงสถาพรตราบนานเท่านาน

อาหารของเหล็กไหล

เนื่องจากผู้บำเพ็ญฌาณในระดับสูงและผู้สร้างเหล็กไหลในอดีต ล้วนแต่อาศัยตามเงื้อมผาและถ้ำคูหา เป็นที่บำเพ็ญพรตภาวนา มักจะถือศีล 8 กินพืชผักผลไม้เป็นอาหารหลัก อาหารเสริมพิเศษที่ทำให้เกิดกำลังก็ คือ น้ำผึ้งป่า

ดังนั้นเหล็กไหลเกือบทุกประเภทก็ชมชอบที่จะเสพน้ำผึ้งเช่นกัน เพราะน้ำผึ้งเกิดจากความหวานของเกษรดอกไม้ต่าง ๆ ที่ผึ้งนำมาเก็บไว้ในรัง บางทีก็บินไปสร้างที่อยู่ใหม่ทิ้งรังเก่าไว้ตามคบไม้ หรือหน้าผา เมื่อเหล็กไหลมีจิตวิญญาณขององค์ฤาษีหรือเทพผู้สร้างสิงสถิตย์อยู่ จึงนิยมที่จะเสพน้ำผึ้งเช่นกัน                                 
ธาตุกายสิทธิ์
ธาตุกายสิทธิ์ ที่มีอยู่ในพื้นผิวโลกทุกชนิดย่อมที่จะมีเทวดา เทพ-พรหมที่มีฤทธิ์มีอำนาจเป็นผู้ดูแลรักษาอยู่ ถ้าได้นำไปใช้เพื่อความถูกต้องก็จะมีฤทธิ์มีอำนาจในการช่วยเหลือเกลื้อกูล คุ้มครอง แคล้วคลาด ป้องกัน ต่อผู้ที่มีจิตศรัทธา เคารพบูชาให้เดินอยู่ในเส้นทางของศีลธรรม ผู้ที่เป็นเจ้าของในการครอบครองธาตุกายสิทธิ์จะต้องมีศีลมีสัจ อยู่ประจำจิตใจของตน ธาตุกายสิทธิ์จึงบังเกิดผลสิทธิอำนาจนั้นๆได้สุดแท้แต่ ธาตุกายสิทธิ์ในแต่ละชนิดจะมีฤทธิ์อำนาจไปในแนวทางใด เพราะธาตุกายสิทธิ์นั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด เช่น อริยธาตุ วัชระธาตุ เพชรนิจ จินดา เหล็กไหล ไพรดำ ปรอท ว่านยา แร่ธาตุ ฯลฯ
ซึ่งธาตุกายสิทธิ์ในแต่ละชนิดจะมีฤทธิ์อำนาจที่ไม่เหมือนกัน บางชนิดก็เมตตา บางชนิดก็แคล้วคลาด บางชนิดก็คงกระพัน บางชนิดก็ใช้ในการรักษาโรค บางชนิดก็เด่นในทางมีโชค ลาภ ซึ่งย่อมขึ้นอยู่กับเหล่าเทพเทวาว่าจะมีบารมีประจุอยู่ในธาตุวัตถุชนิดนั้น เน้นหนักไปในแนวทางใด เพราะจิตวิญญาณที่ได้เคยอธิฐานจิตแผ่ญาณของตนเอาไว้กลายเป็นอนุภาคไฟฟ้าซึ่งมีอยู่ในทุกๆมวลธาตุ จนกลายเป็นฤทธิ์อำนาจที่มีอยู่เหนือความถี่ของภพชาติปัจจุบัน ซึ่งทุกคนกำลังใฝ่ฝันหาอยากจะได้มาครอบครองแสดงตนเป็นเจ้าของ..
ผู้ปฎิบัติส่วนใหญ่ที่ผ่านการศึกษาเรียนรู้ในธาตุกายสิทธิ์มาเป็นอย่างดี จะเกิดความสนใจเสาะแสวงหาอยากจะได้มาเพื่อเอาไว้บูชา เป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง จะได้อาศัยองค์ความรู้ของจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ที่ดูแลรักษาธาตุกายสิทธิ์มาเป็นบูรพาจารย์ กลายเป็นคุรุทางวิญญาณมาชี้แนะแนวทางการฝึกฝนปฏิบัติขัดเกลาอบรมจิตให้ จะได้เดินไปถูกแนวทางของมรรคา จึงทำให้ธาตุกายสิทธิ์แทบจะทุกชนิด เป็นที่ต้องตาต้องใจในหมู่ของนักปฏิบัติ เพื่อจะนำไปใช้ในการโทรจิต ติดต่อ สัมผัสสอบถามในสิ่งเกินองค์ความรู้ของมนุษย์ เช่น โลกทิพย์ เมืองบาดาล เมืองลับแล เมืองบังบด ว่าเป็นอย่างไร สามารถทำให้เกิดสิ่งแปลกใหม่ขึ้นในชีวิตและทรัพย์สินโดยที่เราไม่คาดฝัน สามารถที่จะเกิดขึ้นมาได้ด้วยฤทธิ์อำนาจและฌานสมาบัติของเทพ - เทวาที่ดูแลและรักษาวัตถุธาตุนั้นๆ ให้เป็นธรรมชาติแห่งความสมดุล ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมของธรรมชาติให้เป็นไปตามปรมัตถสัจจะ
จึงทำให้ธาตุกายสิทธิ์ในยุคปัจจุบันนี้ กลายเป็นที่ยอมรับของผู้ที่มีญาณสมาธิ ว่าประจุไฟฟ้า พลังงาน หรือฤทธิ์อำนาจที่แทรกซึมอยู่ในวัตถุธาตุ สามารถที่จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้
ส่วนวัตถุธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจหลงเหลืออยู่ในตัวเองสูง ยังไม่ค่อยผุดขึ้นมาให้มนุษย์พบหากันได้ง่ายๆเพราะเหล่าเทพ-เทวาที่ดูแลรักษาจะทำการคัดสรรกลั่นกรอง รอจังหวะ รอโอกาส รอจุดติของผู้มีฤทธิ์ ซึ่งเคยเป็นเจ้าของครอบครองวัตถุธาตุอันศักดิ์สิทธิ์เหล่ามานับจากอดีตยังไม่เปิดบารมีให้ ถ้าบุคคลนั้นไม่ใช่
?สายณะธรรม? ซึ่งเคยสร้างกรรมร่วมเวรมาแต่ภพภูมิก่อน
การเปิดตัวของธาตุกายสิทธิ์
เมื่อกาลนั้นๆ มาถึงธาตุกายสิทธิ์เหล่านั้นก็จะผุดขึ้นมา
1. โดยการบวงสรวง อัญเชิญจากผู้รู้ ซึ่งในอดีตเคยผ่านการศึกษาเรียนรู้วัตถุธาตุอันทรงฤทธิ์เหล่านั้น จนเข้าใจดีแล้ว เพราะเคยเป็น สายณะธรรม ร่วมกรรม ร่วมเวรกับจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ภายในวัตถุธาตุนั้นมาก่อน
2. จะต้องเป็นเจ้าของ และเคยครอบครองธาตุกายสิทธิ์เหล่านั้นมาตั้งแต่อดีต
3. เทพ-เทวาที่ดูแลรักษา เกิดความเบื่อหน่ายในการดูแลรักษาวัตถุธาตุ และกาลเวลาที่จะต้องไปจุดติเกิดในภพภูมิใหม่จึงต้องออกแสวงหา(นิมิตฝัน) ผู้ที่มีบุญบารมีมารับวัตถุนี้ไปครอบครอง
4. ก่อนที่จะละธาตุขันธ์ไปจากวัตถุธาตุอันทรงฤทธิ์ได้ แผ่บุญบารมีของตนไว้ในวัตถุธาตุ เพื่อให้ผู้ที่มารับช่วงสามารถนำบารมี เหล่านั้นไปอธิษฐานจิต ใช้ตามแนวทางถูกต้อง มิเช่นนั้นจะกลายเป็นดาบ 2 คม
5. เทพ-เทวา อดรนทนต่อไม่ไหว เพราะเห็นความทุกข์ความยากของสรรพสัตว์มาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน จึงนิรมิต ดลบันดาลให้ธาตุกายสิทธิ์ผุดขึ้นมาตามสถานที่ต่างๆ
ฤทธิ์อำนาจของพืชวัตถุ
ดอกตะไคร้ กว่าจะพบเห็นดอกตะไคร้ขึ้นตามกอต่างๆได้ก็ต้องใช้ระยะเวลา 50 ปี ขึ้นไปจึงจะออกดอกขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง เขาถือกันว่าดอกตะไคร้เป็นของอาถรรพณ์ของเทพ-เทวาชั้นสูง จัดเป็นดอกไม้สักสิทธิ์ของสรวงสวรรค์ มีฤทธิ์อำนาจเด่นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ และ ป้องกันไฟได้เป็นอย่างดี สามารถเข้าเครื่องยาแก้โรคมะเร็งพบหาได้ยาก จึงมักนำมาบด เป็นมวลสารในการสร้างวัตถุอันเป็นมงคล
ว่านนางพญาท้าวเอว เป็นสมุนไพรยืนต้น ซึ่งมีกิ่งก้านสาขาเหมือนกับคนยืนเท้าเอว ใช้ป้องกันสัตว์ที่มีเขี้ยวงา นำมาพกพาติดตัว ป้องกันโรคปวดเมื่อยต่างๆได้เป้นอย่างดี
พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าในอดีตนั่งบำเพ็ญฌานสมาธิ และได้อธิษฐานจิตให้ผลของต้นไม้ชนิดนี้มีพระรูปของ พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ปรากฏขึ้นสืบเนื่องจากอดีตไม่มีวัตถุมงคลพระเครื่อง สำหรับพกพาติดตัว เมื่อพบเจอผลไม้ที่มีรูปพระพุทธเจ้าทั้ง ๕ พระองค์ จึงเกิดศรัทธา เลื่อมใสจึงนำพกพาติดตัว
ในยุคปัจจุบันใช้ในการอธิษฐานจิต เสมือนกับพระธาตุชนิดหนึ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเดินอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา

การสัมผัสพลังของเหล็กไหลนั้น จะต้องอาศัยการฝึกฝนศึกษาจาก กรรมฐานจนเกิดญาณทัศนะ สัมผัสได้ลึกละเอียด มองเห็นและถ่ายทอดออกมาทางอารมณ์ความคิด  เพราะพลังธรรมชาติ กับพลังจากพุทธคุณหรือการสวดยัดวัตถุธาตุมงคลนั้นย่อมจะแตกต่างกัน เหล็กไหลจึงจัดเป็นเหมือนแก้วกายสิทธิ์สำหรับผู้ครอบครองที่มีบุญบารมีเท่านั้น !!

ดังนั้นแร่เหล็กที่อยู่ภายใต้ลาวานั้น ย่อมได้รวบรวมเอาสรรพสิ่งจากธาตุ กายสิทธิ์ทั้งหลายเหล่านั้นรวมกันไว้ในตัวเอง คือมีฤทธิ์ในการปกป้องตนเองให้พ้นจากภัยในทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นเมื่อมหาฤาษีได้ใช้อิทธิฤทธิ์ดึงธาตุเหล่านี้ขึ้นมา แล้วถอดจิตด้วยฌาณสมาบัติเข้าแฝงตนอยู่ในธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ เพื่อฝึกฝนปฏิบัติทางจิตให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป  จึงทำให้เจตสิกของผู้ทรงฌาณนั้นเกิดพลังอันมหาศาล แม้แต่จะงอเหล็กก็ยังได้ จนมนุษย์ได้ค้นพบสิ่งเหล่านี้เข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ทราบว่ามันคืออะไร ก็เลยเรียกกันว่า ?เหล็กไหล? ตามสภาวะการแสดงอิทธิ์ฤทธิ์ที่ปรากฏต่อสายตาในขณะนั้นนั่นเอง   คือลักษณะเหมือนก้อนเหล็กที่ยืดตัวได้ มีสีสรรต่าง ๆ กันหลายรูปแบบ   เหล็กไหลจึงเป็นธาตุ กายสิทธิ์ที่ทรงอิทธิฤทธิ์ จนกลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผู้คนแสวงหาไม่รู้จักจบมาทุกยุคทุกสมัยตราบจนเท่าทุกวันนี้

   เหล็กไหลมีหลากหลายชนิด ลักษณะเป็นเนื้อโลหะสีมันวาวสะท้อนแสงได้ดี แข็งมีน้ำหนักเหมือนโลหะทั่วไป สนิมไม่กินเนื้อ มีพลังอำนาจในตัว ทางธรณีวิทยาเราจัดเป็นแร่ ประเภทหนึ่ง แต่ คนโบราณได้ค้นพบธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ขึ้นมา โดยการอนุมานจากอนุภาคธรรมชาติ ที่แสดงตนออกมาตามสภาพที่พบเห็นแล้วเรียกมันว่า ?เหล็กไหล? เช่น ยืดได้หดได้ด้วยตนเอง ไหลยืดออกมาเป็นทางยาว ดับความร้อนได้ ชอบกินน้ำผึ้ง มีฤทธิ์ทำลายฟอสฟอรัสหรือหัวไม้ขีดให้หมดสภาพไปได้ คือจุดไม่ติด เมื่อมีการทดลองให้ประจักษ์แก่สายตาในอิทธิ์ฤทธิ์ปาฎิหาริย์ จึงทำให้เกิดมีความปรารถนาและมีความต้องการสูง  มีการติดต่อซื้อขายกันในราคาที่ค่อนข้างสูง คิดตามน้ำหนักเป็นบาทหรือเป็นชิ้นเป็นองค์ในราคาหลักร้อยล้านกันขึ้นไป

    ?เหล็กไหล? จึงเป็นที่ปรารถนาและใฝ่ฝันของคนทั่วไป  แม้บางที่จะต้องเสี่ยงภัยถึงขั้นเอาชีวิตแลกก็ยอม เรื่องราวของเหล็กไหลจึงดูเหมือนเป็นเรื่องลี้ลับซับซ้อน และหลายคนคงอยากจะรู้เหมือนกันว่า เหล็กไหลคืออะไรกันแน่ ? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? เหล็กไหลที่ทรงอิทธิฤทธิ์นี้ มีจริงหรือไม่ ? จึงเป็นปรัศนีที่ท้าทายความกระหายใคร่อยากรู้ตามลักษณะวิสัยของมนุษย์ จึงทำให้ต้องเที่ยวหาคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย หรือผู้มี ประสพการณ์ที่มีความรู้ที่พึงเชื่อถือได้ จนกลายเป็นตำนาน ?เหล็กไหล? ที่เล่าขานที่สืบทอดกันมาแต่สมัยโบราณตราบถึงปัจจุบัน บางครั้งก็มีผู้ขนานนามว่า ?ธาตุน้ำนมพระแม่ธรณี?

    ธาตุเหล็กไหลนี้จัดได้ว่า มีชีวิตจิตวิญญาณ และเป็นธาตุกายสิทธิ์ ด้วยว่ามันมี พลังงานอยู่ในตนเองสูงมาก  พลังงานนี้จะเทียบเท่ากับน้ำหนักหรือแรงกด เหมือนกับสิ่งของที่มีน้ำหนักมาก ๆ จนบางครั้งยกไม่ขึ้น หรือยกขึ้นไม่ไหว นี่แหละคือคุณค่าพิเศษของธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ จึงจัดเป็นธาตุที่หาได้ยากมาก จะอยู่ตามถ้ำ ตามหน้าผา หุบเขา หรือภูเขา บางครั้งเราเรียกกันว่า ?ธาตุน้ำนมของพระแม่นางธรณี? ด้วยเกิดจากสิ่งหลอมเหลวภายในโลกนั่นเอง จึงเปรียบเสมือนเลือดน้ำนมในอกของพระแม่นางธรณี

    ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้พลังงานจากธาตุกายสิทธิ์หลายชนิดอันเกิดจากแร่ธาตุธรรมชาติ มาเป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องมือทางการแพทย์ อุปกรณ์ คอมพิวเตอร์ และอีเล็คโทรนิค

    ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลก็เช่นกัน เมื่อคนเราได้ค้นพบพลังงานอันมหาศาลที่ ซ่อนเร้นอยู่ จึงกลายเป็นของที่ทุกคนสนใจใคร่แสวงหากัน และจะหาธาตุเหล็กใดในโลกนี้บ้าง ที่มีพลังลึกลับอันมหัศจรรย์ซ่อนเร้นอยู่ในตัว เพราะเป็นพลังที่พิสดารจากธรรมชาติ เนื่องจากธาตุเหล็กธรรมดา  ถ้าสัมผัสพลังดูแล้วจะรู้สึกว่าธรรมดา แต่ถ้าเป็นเหล็กไหลจะรู้สึกถึงพลังอันหนักหน่วง มีน้ำหนักมากจนรู้สึกได้












สีสันของเหล็กไหล                                 

ดังที่ได้เคยกล่าวไว้ในตอนต้นแล้วว่า สีสันของเหล็กไหลนั้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย์เดิมหรือผู้รักษาเหล็กไหล ซึ่งเป็นผู้ที่มีบารมีจากภพภูมิที่แตกต่างกันไป ซึ่งอาจจะเป็น พรหม ฤาษี เทวดา คนธรรพ์ เพชรพญาธร ยักษ์ ที่เข้าไปจับจองเป็นเจ้าของ ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ในขั้น ล่องหนหายตัว ยืดหดเองได้ สีสันต่าง ๆ ที่พบเห็นบ่อยนั้นได้แก่

1.สีเขียวปีกแมลงทับ หรือ เขียวมรกต

2.สีเขียวตองอ่อน

3.สีน้ำตาลอ่อนหรือท้องปลาไหล

4.สีเปลือกมังคุด หรือ สีน้ำตาลไหม้

5.สีเงินยวง หรือ สีขาวเงินในเบ้าหลอม

6.สีทองลูกบวบ

7.สีนิลดำสนิทแวววาว

8.สีลูกหว้า หรือ ม่วงเข้ม

ดังนั้น สีสันของเหล็กไหลอาจแปรเปลี่ยนได้ตามกาลเวลา เพราะเหล็กไหลเมื่อได้กระจัดกระจายไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของโลก ซึ่งมักจะเป็นสถานที่สงบ อากาศเย็นชุ่มชื้น ทั้งใต้พื้นน้ำ ตามถ้ำ ป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อแสวงหาอริยะสัจจธรรมมานานนับโกฏฐ์ปีก็มี การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ ย่อมมีผลกระทบต่ออาณาจักรของเหล็กไหล จึงจำเป็นต้องมีการเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัย เสาะแสวงหาสถานที่หรือสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นสี สันของเหล็กไหลอาจเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเหตุดังกล่าว คือ

# สีสันขึ้นอยู่กับสภาพสิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ เช่น แร่ธาตในบริเวณนั้น อากาศหนาวจัด อากาศร้อนจัด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและสีสันที่แตกต่างกันออกไป เพื่อการอำพรางตัว ปรับตัวตามอุณหภูมิ

# สีสันเปลี่ยนแปลงไปตามจริตของเทพเทวาในระดับต่าง ๆ อาจจะเนื่องด้วยอำนาจลี้ลับของวิญญาณแห่งธรรมชาติบันดาลให้เป็นไปในสีต่าง ๆ หรือ ผู้ที่ครอบครองเหล็กไหล หมั่นฝึกฝนปฏิบัติ เจริญสมาธิภาวนาอยู่เนืองนิตย์ แล้วแผ่เมตตาบุญบารมีของการปฏิบัตินั้นให้กับเหล็กไหล จะทำให้บารมีของธาตุกายสิทธิ์นั้นเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ สีสันต่าง ๆก็สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน

# สีสันเกิดจากส่วนผสมของสีหลัก ๆ ผสมกัน ซึ่งเป็นความลึกลับอย่างหนึ่งของธรรมชาติ เหล็กไหล

สีสันและคุณประโยชน์

ดังได้กล่าวมาแล้วว่า สีสันของเหล็กไหลนั้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย์เดิมหรือผู้รักษาเหล็กไหล บุญฤทธิ์ของเทพพรหม ฤาษี หรือ คนธรรพ์ บังบด ครุฑ นาค ยักษ์ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กไหล ผู้ เป็นสัมมาปฏิบัติ จนมีฤทธิ์อำนาจจากการปฏิบัตินั้น ย่อมสามารถเปล่งสีแสงต่าง ๆ เข้าไปในวัตถุธาตุที่ตนต้องการ ทั้งนี้ย่อมเป็นไปตามลำดับชั้นของภูมิจิตภูมิธรรมที่ได้ฝึกฝนมา

1.สีเงินยวง เหล็กไหลชนิดนี้มีอริยเทพ อริยพรหมในระดับ อรูปฌาณ รักษาอยู่ เป็นเหล็กไหลที่ มีบารมีธรรมในชั้นสูง พบมากในแถบที่มีอากาศเย็นจัด พวกลามะทิเบตมักใช้พกติดตัว จึงพบมากในเขตเทือกเขาสูงที่มีหิมะปกคลุม เช่นประเทศทิเบต จีน แถบภาคเหนือของไทย ลาว

ดีเด่นทางเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด และล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติธรรม หรือดลใจให้ผู้ครอบครองมีจิตใจฝักใฝ่อยู่ในการสร้างบุญสร้างกุศล

เหล็กไหลชนิดนี้จัดได้ว่า เป็นเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมสูงสุดในบรรดาผู้ครอบครองเหล็กไหลทุกชนิด สมัยโบราณมักจะนำไปจัดสร้างพระพุทธรูปหรือเครื่องรางของขลังในสมัยโบราณ ดังนั้นเหล็กไหลชนิดนี้จึงมักจะอยู่ในความครอบครองของนักบวชต่าง ๆ เช่น ฤาษี ชีไพร ภิกษุสงฆ์ผู้ท่องเที่ยวหาความวิเวกตามป่าเขา

2.สีเขียวปีกแมลงทับ เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยเทพ อริยพรหม ในระดับ รูปฌาณ เป็นผู้ดูแลรักษา เพื่อมอบให้กับผู้ที่มีบุญบารมี และผู้ที่กำลังประพฤติปฏิบัติอยู่ในบุญกุศล เพื่อแสวงหาความหลุดพ้นนั้น ส่วนใหญ่จะมีบริวารเป็นจำนวนมากคอยอารักขาหลายชั้น

ผู้พบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประพฤติธรรม ที่บังเอิญผ่านเข้าไปพบเข้าโดยบังเอิญ หรือเกิดจากการลองใจของเทพผู้รักษาเหล็กไหลก็แล้วแต่ บุคคลธรรมดาทั่วไปอย่าหมายว่าจะครอบครองเป็นเจ้าของได้โดยง่าย

ดีเด่นในทุก ๆ ทาง ไม่ว่าเป็นเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดกันภัย ล่องหนหายตัว มหาอุด คงกระพัน ยืดได้หดได้ เล่นกับไฟ กินน้ำผึ้ง

3.สีทอง หรือ สีน้ำตาลอ่อน เหล็กไหลชนิดนี้จะมีเทวดาจำพวกคนธรรพ์และเหล่าเพชรพญาธร เป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับเหล่าพญานาค แต่มีฤทธือำนาจพิเศษกว่าคือสามารถที่จะลื่นไหลไปมาได้ สามารถที่จะกำบังกายได้ มีอยู่ตามป่าเขาทั่วไป

ดีเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ และความรักเด่นเป็นพิเศษ

4.สีเขียวอมดำ เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยะเทพ อริยะพรหม ในระดับ รูปพรหม เป็นอริยะธรรมในระดับสูง ที่มุ่งบำเพ็ญบารมีรักษาพระพุทธศาสนา จะอยู่เฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุหรืออรหันต์ธาตุที่สำคัญไว้ จึงมักจะปรากฏเป็นลูกไฟดวงใหญ่เป็นสีแสงคุ้มครองรักษาธาตุศักดิ์สิทธิ์ ไม่ให้ผู้คนเข้าไปรบกวน

เด่นทางด้านอิทธิ์ฤทธิ์ เนรมิตภาพมายา ส่งเสริมผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรมในรูปแบบการชี้แนะผ่านทางนิมิตรสมาธิ หรือความฝัน จัดเป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมากชนิดหนึ่ง

5.สีชมพู เหล็กไหลชนิดนี้มี อริยเทพ อริยพรหม ในระดับ รูปฌาณ รักษาอยู่ เป็ไหลที่มี บารมีธรรมในระดับสูงรองลงมาจาก อรูปฌาณ พบมากในเขตป่าเขาที่มีความชุ่มชื้น มักอยู่ตามถ้ำภูผาที่ลึกลับ พบเห็นได้ยาก นอกจากผู้มีบารมีธรรมเข้าถึงสัจจธรรมเท่านั้น

ดีเด่นทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาด กันภัย ช่วยเหลือผู้เป็นสัมมาทิฏฐิให้สำเร็จในสิ่งที่อธิษฐานไว้ โดยไม่ขัดกับกฏแห่งกรรม

6.สีเหลือง เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของภูมิจิตภูมิธรรม ของเหล่าอริยเทพ อริยพรหม ในระดับรูปฌาณ ที่ปรารถนาพุทธภูมิในระดับ พระปัจเจกพุทธเจ้า สีสันเหมือนกับแสงนวลของพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ มักแฝงเร้นในที่สงบด้วยป่าเขา ลำเนาไพร ถ้ำคูหาที่สงบเยือกเย็นบนภูเขาสูง ๆ เรียกลมเรียกฝนได้ มีอิทธิ์ฤทธิ์ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ได้มากมาย เช่น ดวงรัศมีกลมใหญ่ส่องสว่างทั่วภูเขา จะพบเห็นได้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

เหล็กไหลประเภทนี้สามารถอธิษฐานขออาราธนาบารมีจากพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอรหันต์ได้ แต่จะไม่มีเทพเข้าไปสิงสถิตย์อยู่ แต่เทพพรหมในระดับจ่าง ๆ จะเข้าไปอธิษฐานของบารมีและเฝ้ารักษาอยู่ภายนอกเท่านั้น ไม่มีใครจะบังคับหรืออัญเชิญท่านด้วยอิทธิ์ฤทธิ์หรือวิชาคาถาอาคมใด ๆ เว้นแต่ขอชมบารมี ขอคำแนะนำในการปฏิบัติธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยมาปรากฏในลักษณะนิมิตรต่าง ๆ ในขณะนั่งสมาธิ

7.สีฟ้าอ่อน เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ อริยะเทพ ในระดับมหาเทพชั้นสูง ผู้ครอบครองเหล็กไหลชนิดนี้ จะเป็นผู้มีบารมีเดิมที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน เพื่อช่วยส่งเสริมด้านบารมีธรรมทั้งนักบวชและฆราวาสให้เป็นผู้สอนธรรมในระดับปานกลาง
จนถึงระดับสูงขึ้นไป

มีฤทธิ์อำนาจในการขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ดับพิษร้อน ป้องกันภูติผีปีศาจ แต่มีขอบเขตและรัศมีที่จำกัด สามารถล่องหนหายตัวได้ กันฟ้าผ่า มีความเย็นจนสามารถกำจัดไฟได้ในรัศมีของมัน

8.สีน้ำตาลอมแดง เหล็กไหลชนิดนี้มีพวก นาค นาคา ผู้บำเพ็ญศีลเฝ้ารักษาอยู่ จึงมีฤทธิ์อำนาจในทางความร้อนแรงด้วยพิษแห่งนาคทั้งหลาย จึงทำให้เหล็กไหลประเภทนี้มีสีออกทางน้ำตาลเข้มและน้ำตาลอมแดง

มีฤทธิ์อำนาจในทำลายล้างพวกมนต์ดำ อวิชชา ป้องกันภูติผีปีศาจได้

9.สีดำเหมือนนิล เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ เหล่าเทพ คนธรรพ์ บังบด เพชรพญาธร ยักษ์ ผู้ปรารถนาจะสร้างบารมีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ยังติดอยู่ในระดับโลกียฌาณ คือยังมีความ โลภ โกรธ หลง ติดอยู่ จึงทำให้มีบารมีทางธรรมน้อยกว่าเหล็กไหลชนิดอื่น ๆ

มีฤทธิ์อำนาจทางการคุ้มครอง แคล้วคลาดกันภัย เป็นมหาอุด คงกระพัน

10.เจ็ดสีประกายรุ้ง เหล็กไหลชนิดนี้เกิดจากอำนาจบารมีของ อริยะเทพ อริยะพรหมผู้รักษาเหล็กไหล ที่ปฏิบัติจนสภาวะจิตเป็นสีประกายรุ้งรัศมีสวยสดงดงาม เป็นธาตุที่หาได้ยากที่สุดและมี อำนาจครอบจักรวาลประหนึ่งแก้วสารพัดนึก
แต่สิ่งที่จะอธิษฐานนั้นจะสำเร็จได้โดยไม่เกินอำนาจของกฏแห่งกรรมตามวาสนาเท่านั้น

น้ำหนักของเหล็กไหล                                 

1.น้ำหนักเกินตัวหลาย 10 เท่า

2.น้ำหนักเบากว่าตัวเองหลายเท่า

3.น้ำหนักเท่าตัว

4.ไร้น้ำหนักดุจปุยฝ้าย กรณีเป็นเหล็กไหลที่มีมายามาก หากเอาใส่แก้วน้ำแล้วจะมองไม่ค่อยเห็น เพราะจะกลมกลืนไปกับน้ำเลย

อภินิหารของเหล็กไหล

การแสดงอำนาจอิทธิฤทธิ์ของเหล็กไหลนั้น ย่อมมีอภินิหารล้ำลึกในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ซ้ำกัน สุดแท้แต่องค์เหล็กไหลปรารถนาจะแสดงให้ชม ซึ่งพอจะประมวลอภินิหาริย์ไว้เป็นแนวทางศึกษาดังนี้

 

ที่มา พ่อมดโลจิ


1.อยู่นิ่งได้

2.กลิ้งตัวเองให้เคลื่อนไหวได้

3.หายตัวได้

4.ปรากฏตัวได้

5.เผาทำลายตัวเองได้

6.อาวุธปืนยิงไม่ออก

7.ถอดวิญญาณออกไปได้

8.ยืดหรือหดได้

9.ทำให้น้ำร้อนกลายเป็นน้ำเย็นในชั่วพริบตา

10.กินดินปืน ฟอสฟอรัส และ ไฟได้

11.แช่ทำน้ำมนต์เพื่อรักษาโรคบางชนิดได้

12.ส่งกลิ่นหอมได้

13.เพิ่มหรือลดน้ำหนักตัวเองได้

14.เหล็กไหลบางองค์มีคุณสมบัติเป็นแม่เหล็กได้
 

                                          ความเข้าใจกันผิดๆ
เช่น คำที่ว่า เหล็กไหลของแท้ที่สามารถขายได้ก้อนละหลายสิบล้านไม่ว่าในสมัยก่อนหรือสมัยนี้ก็คงจะต
้องมีคุณสมบัติดังนี้คือ ปืนยิงไม่ออก ชนวนระเบิดไม่ทำงาน ลนแล้วยืดหดได้ ของมีคมทำอันตรายไม่ได้ มีคุณสมบัติในการดับพิษร้อนได้ทุกชนิด เหล็กไหลของแท้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนดังกล่าวข้างต้น สมัยก่อนมีไม่กี่ก้อน แม้สมัยนี้ก็เหมือนกัน

แต่ความเป็นจริง เหล็กไหลของจริงก็สามารถทำให้ปืนยิงออกมาได้ เพราะไม่ต้องการไปอยู่กับคนที่ไม่ได้ร่วมบุญกันมา แล้วคนขายก็นึกว่าของไม่ดี เลยขายให้คนอื่นต่อไปในราคาถูกๆ จนเหล็กไหลสามารถเจอเจ้าของที่เหล็กไหลเลือกไว้ได้ แล้วจะป้องกันคนๆนั้นตลอดไป การซื้อขายคนที่อยากได้จริงต้องหาครูบาอาจารย์ ที่สำเร็จญาณ ที่สามารถดูออกได้ และน่าเชื่อถือ หรือถ้าอยากได้เองแล้วจะดูเอง ก็คงต้องฝึกกสิณให้ได้คับ รับรองดูออกแน่ๆการฝึกกสิณ ก็ดูในเวปด้านซ้ายมือครับ โหลดไปฟังได้เลย ฝึกสำเร็จก็ดูได้ โดยที่ไม่ต้องไปถูกใครหลอกลวง หรือผู้ที่มีความสามารถดูออกว่าของนั้น พลังร้อน หรือเย็น อันนี้ควรระวัง จิตตัวเองหลอกเอาได้แต่ถ้าจับได้ว่าร้อนหรือเย็นก็ถือว่าใช้ได้แล้ว จะหาซื้อเหล็กไหลให้ได้ของดีจริง ควรฝึกกสิณไฟ ให้ได้ยิ่งดี หรือทั้ง 10 กสิณเลย คับถึงจะค่อยตามหาเหล็กไหล ถ้าไม่เป็นหรือไม่มีญาณ กันเลยให้ดูรวมๆเอา หาแบบธรรมชาติครับ โอกาศแท้ ก็มี 50% แล้วคับ ยุคนี้ ควรหามาใส่กันให้ได้นะครับ (หนุ่ย)เจ้าของเวป

ข้อห้าม

1.ห้ามผู้ครอบครอง หรือ เจ้าของเหล็กไหล ทดลองหรือขอชมบารมีด้วยตน เอง

2.ชักชวนคนอื่นมาชมบารมีหรือมาทดลอง

ข้อห้ามนี้ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนจะพบกับความวิบัติมากน้อยแล้วแต่กรณี ถ้าผู้อื่นมาชมด้วยความศรัทธา ก็จะได้พบกับความพิสดารในอิทธิ์ปาฎิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ทุกราย                                 

คุณสมบัติของผู้ที่จะครอบครองเหล็กไหล(อีกตำราหนึงว่าไว้ว่า)
๑.ต้องเป็นผู้มีบุญวาสนาที่จะได้ครอบครองเหล็กไหล
๒.ต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธาเป็นสำคัญ
๓.ต้องมีความปรารถนาอยากได้เหล็กไหลอย่างแรงกล้า

ดังนั้น เรื่องของเหล็กไหล จึงเป็นเรื่องยากที่จะเป็นกรรมสิทธิ์ครอบครองได้ง่าย ๆ เว้นแต่จะมีบารมีและมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าจริง ๆ เท่านั้น

ฌานสมาบัติของเหล็กไหล
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าสีสันต่าง ๆ ของเหล็กไหลนั้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมีของกายทิพย์เดิมหรือผู้รักษาเหล็กไหลซึ่งอาจจะเป็นพรหมฤาษี เหล่าเทวดา คนธรรพ์ เพชรพญาธร ยักษ์ ที่เข้าไปจับจองเป็นเจ้าของทำให้เกิดฤทธิ์อำนาจเพิ่มมากขึ้นจนสามารถล่องหนหายตัว แบ่งแยกธาตุขันธ์ในรูปต่างๆ ได้ตามใจชอบ แม้กระทั่งยืดหดตัวเองได้ตามใจปรารถนา เพื่อความสะดวกในการใช้ฤทธิ์

๑.เหล็กไหลสีดำ
คือชนิดแรกของโลกที่มีธาตุขันธ์เดิม ๆ ซึ่งมีฤทธิ์อำนาจในทางโลกิยะมากที่สุด เพราะเทวดาที่เข้าไปรักษาครอบครองดูแลธาตุเหล็กไหลชนิดนี้จะเป็นเทวดามิจฉาทิฐิจำพวกยักษ์เข้าไปครอบครองดูแลรักษา แต่มีบุญบารมีในทางธรรมน้อยที่สุดกว่าเหล็กไหล ทุกๆ สี แต่อำนาจในการปกป้องคุ้มครองยังมีอยู่

๒.สีน้ำตาลอมแดง
เหล็กไหลประเภทนี้มักจะมีเทวดาจำพวกพญานาคดูแลรักษาอยู่ จึงมีฤทธิ์อำนาจในทางความร้อนแรง จนสีสันจะออกเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลอมแดง มีฤทธิ์อำนาจในทางทำลายล้างพวกอวิชชาและมนต์ดำทั้งหลายป้องกันภูติฝีปีศาจได้ดี

๓.สีทองปลาไหล
หรือสีน้ำตาลอ่อน เหล็กไหลประเภทนี้มักจะมีเทวดาจำพวกคนธรรพ์และเหล่าเพชรพญาธรเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับเหล่าพญานาค แต่มีฤทธิ์อำนาจพิเศษกว่าคือสามารถที่จะลื่นไหลไปได้สามารถที่จะกำบังกายได้ มีอยู่ทั่วไปส่วนใหญ่จะอยู่ในป่าดงดิบที่เป็นที่อาศัยของเหล่าคนธรรพ์และเพชรพญาธร มีฤทธิ์อำนาจทางด้านเมตตามหานิยมและความรักเด่นเป็นพิเศษ

๔.เมฆพัตรสีฟ้าอมดำ
เหล็กไหลประเภทนี้จะมีลักษณะเงามันวาว มีเทวดาระดับเทพเป็นผู้ดูแลรักษา มีฤทธิ์อำนาจทางด้านคงกระพันชาตรี และมหาอุด ส่วนใหญ่จะพบในท้องทะเลสามารถเคลื่อนไหวไปตามกระแสน้ำได้ ถ้าพบในถ้ำหรือตามป่าเขาก็มักจะมีน้ำไหลผ่านในถ้ำนั้นด้วยเสมอ เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ชอบวิ่งเล่นไปตามกระแสน้ำถ้าเกิดเหตุเภทภัยมาถึงตัวก็สามารถลื่นไหลหลบหลีกอันตรายได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวและชอบกินปรอทที่อยู่ในน้ำเป็นอาหาร สามารถที่จะล่องลอยกลับสู่สถานที่เดิมได้ในเวลากลางคืน ในขณะที่ผู้เป็นเจ้าของเผลอหลับไป

๕.สีฟ้าอ่อนอมขาว
เหล็กไหลประเภทนี้มักเป็นเทวดาชั้นสูงในระดับของเทพ-พรหม มหาเทพมหาพรหมเป็นผู้ดูแลรักษามีฤทธิ์อำนาจในการปรับสภาพความเป็นอยู่และอุณหภูมิให้เป็นไปตามที่ต้องการได้ ชอบอยู่ในสถานที่ชุ่มชื้นมาก ๆ เพื่ออำพรางตนเองจากสายตาคนภายนอกล่องหนหายตัว ไม่ชอบสว่างและความร้อนไม่ว่าจากดวงอาทิตย์หรือเปลวไฟสามารถกำจัดไฟได้ในรัศมีของมัน กันฟ้าผ่าก็ได้ ผู้ที่มีวาสนาจะได้ครอบครองส่วนใหญ่จะต้องมีศีลธรรม นิยมนำไปจัดสร้างเป็นวัตถุมงคลมนรูปแบบต่างๆ มีฤทธิ์อำนาจในการขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บดับพิษร้อนต่างๆ ป้องกันภูติ ผีปีศาจ แต่มีขอบเขตอำนาจในเขตรัศมีที่จำกัด

๖.สีเขียวปีกแมลงทับ
หรือสีเขียวเข้ม ชอบอยู่ในเขตหนาวจัด พบได้ตามถ้ำลึก ๆ ที่ลี้ลับ มีเทพระดับอริยะเทพอริยะพรหมเป็นผู้ดูแลรักษา เพื่อมอบให้กับผู้มีบุญบารมีและผู้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในบุญกุศลเพื่อแสวงหาความหลุดพ้น มักจะมีบริวารจำนวนมากคอยอารักขาหลายชั้นหลายด่านผู้พบเห็นส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประพฤติธรรม พระภิกษุสงฆ์ที่ผ่านเข้าไปพบโดยบังเอิญ หรือเกิดจากการลองใจเพื่อทดสอบบารมีก็แล้วแต่ มีฤทธิ์อำนาจด้านอริยะธรรมชั้นสูง เพื่อจะคอยช่วยเหลือผลักดันการปฏิบัติของผู้พบเห็นให้ดีขึ้น ชอบแปลงกายเป็นคนบ้าง เทวดาบ้างเพื่อทดสอบชี้แนะนำการปฏิบัติธรรม

๗.สีเขียวอมเทา
เหล็กไหลชนิดนี้มีบารมีธรรมในขั้นอริยะธรรมชั้นสูงเป็นเหล็กไหลที่หาได้ยากมาก มักจะมีฤทธิ์ในทางปาฏิหาริย์ คือการเนรมิตเป็นดวงไฟสีเขียวบ้าง ดวงสีแดงบ้าง เพื่อให้ผู้พบเห็นเกิดความเกรงกลัวจะได้ไม่กล้าเข้าไปใกล้ในบริเวณนั้น ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เฝ้ารักษาพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุอรหันต์ส่งเสริมบารมีธรรมให้กับผู้ที่ชอบการปฏิบัติจริงๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่มักจะเข้าไปช่วยเหลือชี้แนะในรูปของนิมิตบ้าง ความฝันบ้าง

๘.สีเงินยวง
หรือขาวหม่นเป็นเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมในชั้นสูง มีคุณธรรมในด้านเมตตา คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดและล่องหนหายตัวได้ ชอบช่วยเหลือผู้ปฏิบัติตัวอยู่ในธรรม หรือดลใจให้เจ้าของผู้ครอบครองตั้งมั่นอยู่ในการสร้างบุญสร้างกุศลและตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม
เหล็กไหลชนิดนี้มักจะอยู่ในความครอบครองของพวกนักบวชต่างๆ เช่น ฤาษี ชีไพร ภิกษุสงฆ์ มักจะพบในแถบที่มีอากาศหนาวจัด เช่นแถบเทือกเขาหิมาลัย ที่มีหินปกคลุมจะชอบมากเป็นพิเศษ
ฤทธิ์อำนาจของเหล็กไหลชนิดนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อ ผู้ที่เป็นเจ้าของมีศรัทธาจริง ๆ ส่วนใหญ่จะใช้ในการเสี่ยงทายบารมีมีตามสัตย์อธิษฐาน เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นอภินิหารตามแรงศรัทธาของผู้ใช้เอง
เหล็กไหลประเภทนี้จัดว่าเป็นเหล็กไหลที่มีบารมีธรรมสูงสุดในบรรดาเทพผู้ครอบครองรักษาเหล็กไหลทุกชนิด เพราะเหล็กไหลชนิดนี้อยู่ในรูปในขันธ์ของอรูปฌาน...ไม่มีตัวตน ของอริยะเทพ อริยะพรหมเข้าไปอยู่อาศัยเลย แต่จะมีบารมีแห่งธรรมเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ มักจะพบในการนำไปจัดสร้างพระพุทธรูป หรือวัตถุมงคลสมัยโบราณ

๙.สีขาวนวลเหมือนพระจันทร์คืนวันเพ็ญ
เหล็กไหลประเภทนี้ถือเป็นสุดยอดเหล็กไหลทั้งมวลมักพบตามภูเขาสูง ๆ สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามปรารถนา เรียกลมเรียกฝนก็ได้ มีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมาย เช่น ทำให้เกิดเป็นดวงกลมสว่างดังจันทร์เพ็ญ จนทำให้เกิดแสงสว่างทั่วบริเวณได้

เหล็กไหลประเภทนี้สามารถอาราธนาบารมีของพระพุทธเจ้ของและพระอรหันต์ได้ และจะไม่มีเทพเจ้าเข้าไปรักษาอยู่แต่เทพเทวดาจะเข้าไปกราบไหว้เพื่อขอบารมีและดูแลรักษาอยู่ภายนอกและจะมีอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ชอบออกแสวงหาและเยี่ยมเยียน สอบถามสารทุกข์สุขดิบของผู้ปฏิบัติในชั้นสูงสามารถที่จะอาราธนาอัญเชิญมาเพื่อขอชมบารมี มาชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปได้ ไม่มีใครที่จะใช้วิชาอาคมหรือฤทธิ์อำนาจใด ๆ เข้าไปบังคับหรืออัญเชิญได้

524
เหล็กไหลบางส่วนของผม



















แต่พกหลายก้อนเหมือนกันจ้าแล้วแต่โอกาส






มีแร่แปลกๆดีๆอีกหลายอย่างไว้โอกาสหน้าจะลงรูปให้ชม :114:

526
มีแบบไม่มีตาไหมครับขอชมหน่อย 15;

527
กะลาลูกเล็ก ( มหาอุตม์ ) คุณพ่อได้มาจากวัดศรีษะทองเมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ  :077:






สวยงามๆมากครับ กะลานะครับ  เจ้าของก้อพอน่ารักอยู่ไปวัดกลางวันได้อยู่ 
ปล.ชมมาก ไม่ได้เดี๋ยวท่านเอ็กส แตะเอา :114:

528
ท่านหอมเชียงมีของดีแปลกๆมาให้ชมตลอดเลยนะท่าน :016:

530
http://www.bp.or.th/webboard/index.php/topic,6651.0.html

ตามลิงค์นี้ท่านแต่ผมเรียกพระทราวดีหรือปางปฐมเทศนา


531
สวยครับเอ็ม  :053: ตะกรุดมอญแลกพระทราวดีเปล่า :095:

532
แก้ไข  คับ วันพฤหัสบดีที่ 5/03/2552 ขออภัยด้วย  :054:ถ้ายังไง ท่านเว็บมาสเตอร์แก้ไขใช้ด้วย ผมแก้ไม่ทัน

533
วันที่25/06/2552 ครอบครูที่กุฎิอาจารย์ ติ่ง มีใครไปบ้างครับ  แต่ค่าพานครูปีนี้เท่าไหร่ไม่ทราบ ใครทราบช่วยบอกด้วยคับ:054:

534
ของที่ใส่ตอนนอนแบบซุกซนได้ นั้นมี  นางพิม ดำเซ็น และตระกรุดมอญ ยิ่งใส่ยิ่งดีโดยฉะเพราะ ตระกรุดมอญ ไม่เสื่อมแถมขลังมากขึ้นฟันธงครับ :016: :025: :015:
โอ้ว น่าสนใจดีครับ  :005: :005: :005:


ระดับท่านเก่งไม้ต้องใช้ของพวกนี้หรอกคับ ใช้ ซุบไก่ ไข่ลวกดีกว่า  37;

535
ของที่ใส่ตอนนอนแบบซุกซนได้ นั้นมี  นางพิม ดำเซ็น และตระกรุดมอญ ยิ่งใส่ยิ่งดีโดยฉะเพราะ ตระกรุดมอญ ไม่เสื่อมแถมขลังมากขึ้นฟันธงครับ :016: :025: :015:

536
เท่าไหรครับพี่หอมเชียง จะได้ทุบกระปุกได้ถูกคับ :054:

537
สวยงามมากครับ  :053:ถ้ายังช่วยงลงอัตรา ในการทำบุญด้วยครับ :054:

538
กราบหลวงพ่อเปิ่น กราบอาจารย์ญาคับ  :054:   แล้วพี่cho presley  
คาดผ้าขาวม้าทำไมงง  :010:ตกลงพี่เป็น  M or F  or G



540
สวยงามมากครับเอ็ม :053:  แล้วเอ็มมีสมเด็จองค์ปฐมเปล่า

541
ผมไม่เคยมีเพศสัมพันธไมตรีครับ  มีแต่หลับนอน :061:อย่างเดียว 55555++ :004:


เอ็มไม่เคยมีเพศสัมพันธไมตรี ฉะเพราะตอนหลับ คงไม่มีใครมีนอนหลับได้หรอกเอ็ม   :007:


แต่ตอนตื่นเอ็มไม่เคยนับใช่ไหม :095:

542
คุณเด็กนอกวัด อยากเป็นฝ่ายกระทำหรืออยากเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำค่ะ มันเป็นความลับสุดยอด  :003: :043:
ถามเพื่อประดับความรู้ เผื่อวันใดวันหนึ่ง เกิดพลาดพลั้งนะ จะได้ไหวตัว(ให้)ทันไง

พลาดพลั้ง ตอนไหนคับผมกลัวนะครับ :075:

543
ดูเข้มขลังมากครับพี่ชาญ :053:

544
ด้วยความเคารพครับ
    ถ้าไม่เอามาจากวัด
ตัวใครตัวมันนะครับ
เพราะว่า
  ผมเห็นในเวปที่ขายพระ
มีกะลา หรือ เขาสัตว์แกะมาเป็นรูปนางพิม
  แล้วบอกว่า ถ้าเป็นรอยจาร นั้นเป็นของเก่า
ถ้าเป็นลายจารหมึกเป็นของใหม่
 นำเรียนอย่างนี้นะครับ
   ของเก่านะพอมีครับแต่น้อยมากๆ
บางพิมพ์ที่แกะมาขายเวปเป็นพิมพ์ที่ลูกบุญธรรมของปู่
สั่งให้แกะถวายซึ่งมาจารในกะลาเสร็จ
    อย่างลายจารของเจ้าของกระทู้
เป็นของช่างมิใช่ของหลวงปู่ แต่ลายมือที่จารหมึกนั้นเป็น
ของหลวงปู่
   เห็นที่เอาๆมาขายไม่มีลายจารหมึก
 ตัวใครตัวมันแล้วกันครับ
ไม่อยากขัดทางใคร
 ขอแสดงความนับถือ
Gearmour


ของผมเช่ามาจากในตู้วัดท้องไทรทุกชิ้นครับ แล้วหลวงปู่เมตตาจารเพิ่มให้ :054:

ตามความเข้าใจของผมถ้าไม่มาจากในตู้วัดท้องไทร หรือไม่มีรอยจารหมึกอย่างข้างบนอันตรายใช้ไหม ครับ แม้ว่ากะลาแกะเป็นพิมพ์เดียวกับรูปด้านบน ถูกต้องไหมครับ


545
นางพิมเนื้อกะลาเป็นลายมือหลวงปู่อ๊พคับ ขอให้ท่านจารเพิ่มให้

546
ซื้อ มาใบละ *** หนึ่งร้อยบาทถ้วนจ้ะ :003:















กราบขอบพระคุณ อาจารย์ญามากครับ :054:

547
นางพิม สีทอง หลวงปู่บอกว่าใส่แร่ทรายทองด้วย






548
กราบหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก  :054:

549
ขอบคุณพี่เก่งมากครับ

ปฏิหารเล็ก ขอยันต์หลังถ่ายที่เดียวมุมเดียวกับด้านหน้าแต่รูปที่ได้เป็นอย่างนี้คับ เหรียญด้านหน้าถ่ายครั้เดียวติดชัดเจน




ลองเปลี่ยนมุมดูแสงก็เป็นอย่างนี้คับ



ตอนแรกก็เลยต้องโพสอย่างนี้คับ



คิดดูอีกที่สงสัยหน้าเลนส์อาจจะสกปรกทำความสะอาดเช็ดเรียบร้อยแต่ก็ยังไปแบบนี้คับ



เปลี่ยนมุมก็แล้วยังมืดทั้งที่แสงไฟเป็นแบบเดียวกับหน้าเหรียญทุกอย่างเหมือนกัน หมดก็ยังมีดอยู่แบบนี้คับ




บอกตรงๆว่างง สงสัยหลวงพ่อจะบอกว่า ยันต์นี้บังไฟได้(ความคิคส่วนตัว) ก่อนไหว้ถ่ายอีก4-5ครั้งเล่นงงเลยยกมือไหว้บอกหลวงพ่อ ขออนุญาติถ่ายรูปหน่อยถึงจะถ่ายพอได้แต่ก็ยังมีดกว่าเหรียญด้านหน้า ก็เลยอยากสักยันต์หลังเหรียญนี้คับ:054:


550






ช่วยกันวิจารย์เต็มที่ :054:

551
:067: ใช้คำว่า ทั่วไปไม่นิยมแขวนพระหลับนอนนะครับ ถึงแขวนเวลาทำกิจกรรมเข้าจังหวะก็เป็น ช่วงเวลาที่สมควรถอดพระออกจากคอก่อนครับ

ไม่ได้ลบหลู่ คำนี้ได้ยินบ่อยครับ  น่ารักดี

ได้เคยถาม ผู้มากประสบการณ์ เรื่องเหนียวๆ และมหาอุด ว่า "เวลาไหนที่น้าว่าอันตรายที่สุด  ที่จะพลาด"

คำตอบว่า "เวลานอนกับเมียซิ อันตรายที่สุด เวลานั้นไม่มีอะไรคุ้มตัวเราได้ นอกจากสติ"

น้อมรับมาเป็นความรู้และคิดตามเช่นกันครับ

ไม่ยากครับ ลองทำดู ถึงแม้การหลับนอนกันจะเป็นกรรมแบบกลางๆ ก็ตาม



การหลับนอนกันเป็นกรรมด้วยหร๋อ ว้า!.............ทำไมถึงเป็นกรรม
ไม่อยากมีกรรมมากมายเลย แต่เรื่องนี้คงยอมค่ะ 18; 30;





นอนเฉยๆคงไม่เป็นกรรม เพราะ กรรมอาจหมายถึงผู้ กระทำ :040:หรือผู้ถูก กระทำ :080: แล้วพี่ INLOVE ถูกกระทำหรือเป็นฝ่ายกระทำครับ
 37;


552
ต้องเตรียมอะไรไปบ้างเปล่า เช่นดกไม้ธูปเทียน

553
เมื่อวานผ่านไปคนแยะมาก สงสัยต้องไปอีกลืมเช่าพระ :070:

554
ผมรุ้จักพี่อยุ่ท่านหนึ่งชื่อ อ. ท่านบอกกูลงลิ้น ทุกนัดเห็นแล้วมันอดไม่ได้ ทั้งที่สักเต็มตัว  พี่ท่านฝังเข็มทองมาด้วย แตะหมาก็แตะแต่เข็มทองยังวิ่งดีอยู่เลย พี่ท่านบอกว่าตอน...ภวนา พุทโธ ไว้  :073:  นี่คือเรื่องจริง ถ้ายังไงก็ลองถามอาจารย์ญา ท่านรู้จักพี่คนนี้เป็นอย่างดี 

I am not baby  Now I am a big boy .

555
ความเห็นผมว่าไม่เหมาะสมถ้าลงนะหน้าทองสาริกา ลิ้นทองมา

แต่ถ้าไม่ได้ลงนะหน้าทองสาริกา ลิ้นทองมา  ก็ไม่ต้องซีเรียสมากคับ ลุยได้เลย แต่อย่า หักโหมมากไม่ดี 02;

556
ท่าน in love จะถามว่า69 ใช่ไหม :003:

558
ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าแท้หรือไม่ วิจารณ์กันได้เต็มที่เลยครับ เท่าที่ทราบเหรียญรุ่นนี้เนื้อ ลงยาปลอม แยะมาก

ต้องออกตัวก่อนครับว่า  ไม่ใช่เซียน

เท่าที่ผมดู  คนละพิมย์ กับเหรียญทองแดง ที่สร้างปี 2525 ครับ

ความแตกต่างที่เห็นใด้ชัดเจน

เหรียนนั่งราหู ปี 2525 (ทองแดงที่ผมมีอยู่) ด้านหลังจะเป็น ตัวหนังสือ และ อักษรต่างๆ นูนหมดเลยครับ  แตกต่างจาก เหรียญลงยา องค์นี้ครับ  ที่ด้านหลัง บุ๋มลงไปทั้งหมด

ผมก็เคยเห็นที่แผงหน้าวัดเหมือนของพี่ชาญคับ แต่ของของผมดูเหมือนเคลือบยา หรือเรซินอีกชั้น ทำให้ดูเต็มยังไงวิจารณ์กันได้เต็มที่เลยครับ

เพราะผมก็ไม่เคยเห็นเหรียญรุ่นนี้เนื้อ ลงยา :075:

และช่วยบอกด้วยนะคับว่ายันต์ข้างหลังนี้คืออะไร

559
นะ ข้างหลังเหรื่ยญ เรียกว่านะอะไรคับ :054:

560
พี่ๆช่วย ดูเหรียญหลวงพ่อนั่งหนุมาน ให้หน่อยคับ เพี่งค้นเจอ :054:






561


ท่านack เรื่องสายเสน่ห์  สุดยอดดับถ้าผมพูด ผิดพลาด ประการใดขออภัยด้วยคับ :054:



ไม่หรอกครับพี่แซวกันเล่น ขำๆน่า  เรื่องเครื่องรางทางเมตตา ผมยังอ่อนด้อยกว่าศิษย์พี่เป็นนักหนาครับ....

..ของแต่ละอย่างของพี่ชิน ผมเห็นแล้วได้แต่น้ำลายไหล  15;..(แบ่งนู๋มั่งนะน้า)..


...เรื่องทางผู้หญิงนี่ บอกตรงๆเลยว่า จนป่านนี้ก็ยังเป็นโสดอยุ่ครับพี่...

..ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างไปตามเวรตามกรรมล่ะครับ(ก็อ้วนกลม หัวหยิก อย่างเรานี่เนอะ 05; )

.. ตั้งใจจะจีบคนนี้ก็ไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ แต่คนอื่นมาชอบบ้างก็พอมีครับ(อันนี้ประสบการณ์ตรงครับ  23;)..

..แต่ผลทางด้านเมตตานี่ ได้ผลแน่นอนครับ ไปทางไหนก็มีขนมกินตลอดครับ ไม่อดตาย 09;..


..สักยันต์ และเครื่องรางต่างๆ จะหวังพึ่งให้เป็นไปทางเสน่ห์ ทางผู้หญิงอย่างเดียว หวังจะให้ได้สาวที่เราหมายปอง หวังจะเอาชนะเค้าให้ได้..

..คงเป็นไปได้ยากครับ..

..สักเขียวจนเต็มขา ถ้ามันเกินกรรม เกินบุญที่ทำร่วมกัน...

.. ก็คงจะเป็นไปได้ยากครับ..


...ถ้าจะเอากันจริงๆคงต้องเรียนทางวิชา ทำคุณทำของใส่จะเหมาะกว่าครับ



ท่านack ผมอย่าได้นางพิม ว่านไก่แดง  ไปหาหลวงพ่ออั๊พ หลังจากที่ท่านลงไม่ถึงสัปดาห์ยังไม่ทันเลย ไม่รู้จะหาที่ไหน   23;

562
น่าสนใจมากเลยค่ะ

แล้วก้อ

ขอบคุณสมาชิกทุกคนนะคะ

ที่ลงข้อมูลไว้ไห้

เอ่อ

แต่อยากรุ้ว่า

ถ้าเราสั่งทางems

แล้วถ้าเราได้มา


เราต้องทำไงต่ออ่ะคะ

ถึงจะถูกต้อง :054:

ถวายน้ำแดงกับขนม จุดธูปบอกกุมาร

563
เทวกำเนิดของพระราหู
กำเนิดของพระราหูมีอยู่ด้วยกัน๒ตำนานด้วยกันคือ ๑.พระราหูถูกสร้างขึ้นมาโดยพระอิศวร หรือพระศิวะจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง แล้วประพรมด้วยน้ำอัมฤตเสกได้เป็นพระราหู มีสีวรกายสีนิลออกไปทางทองแดง ทรงสุบรรณ (ครุฑ) เป็นพาหนะ มีวิมานสีนิลอยู่ในอากาศ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ(ทิศพายัพ) และแสดงถึงเศษวรรคที่ ๑ (ย ร ล ว) ๒.พระราหูเป็นโอรสของท้าววิประจิตติและนางสิงหิกาหรือนางสิงหะรา เมื่อเกิดมามีกายเป็นยักษ์และมีหางเป็นนาค

พระราหูเป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา พระราหูเป็นมิตรกับพระเสาร์และเป็นศัตรูกับพระพุธอันมีเหตุตามนิทานชาติเวร

ในอดีตชาติ พระราหูได้เกิดมาเป็นน้องร่วมท้องเดียวกันกับเทวดานพเคราะห์อีก๒องค์ คือ พระอาทิตย์ และพระจันทร์ โดยพระราหูเกิดเป็นน้องสุดท้อง ครั้งหนึ่ง พระราหูได้ร่วมทำบุญถวายพระที่มารับบิณฑบาตร่วมกับพี่ทั้ง๒คน พระอาทิตย์ตักบาตรในครั้งนั้นด้วยภาชนะทอง พระจันทร์ตักบาตรด้วยภาชนะเงิน ส่วนพระราหูตักบาตรด้วยภาชนะที่ทำมาจากกะลามะพร้าว เมื่อทั้ง๓พี่น้องได้มาเกิดเป็นเทวดานพเคราะห์ พระอาทิตย์จึงมีรัศมีและวรรณะเปล่งปลั่งดุจทองคำ พระจันทร์มีรัศมีและวรรณะเป็นสีขาวสว่างดุจเงิน และพระราหูมีรัศมีและวรรณะเป็นสีนิลออกไปทางทองแดง (แต่ในบางตำราก็ว่ากายของพระราหูนั้นมีสีดำบ้าง สีทองบ้าง แตกต่างกันไป)

สาเหตุที่พระราหูมีกายเพียงครึ่งท่อน
 
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อครั้งที่เหล่าเทวดาได้ทำพิธีกวนเกษียรสมุทรเพื่อให้ได้น้ำอัมฤตนั้นมีทั้งเทวดาและยักษ์ทั้งหลายเข้าร่วมทำพิธี พระราหูได้แอบอยู่ในกลีบเมฆ เมื่อทำพิธีสำเร็จพระราหูจึงรีบลอบดื่มน้ำอัมฤตที่เกิดขึ้นนั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้าจึงรีบเอาความนั้นไปทูลบอกพระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระนารายณ์ทราบจึงขว้างจักรตัดไปถูกกลางตัวพระราหูขาดกลายเป็นสองท่อน แต่ด้วยว่าน้ำอัมฤตที่พระราหูได้ดื่มนั้นไหลไปจนถึงกลางตัวพระราหูแล้วพอดี ครึ่งบนของพระราหูที่ถูกตัดออกจึงกลายเป็นอมตะ ส่วนครึ่งร่างนั้นได้กลายมาเป็นพระเคราะห์องค์ที่๙แห่งเหล่าเทวดานพเคราะห์ซึ่งก็คือ พระเกตุ จากนั้นเมื่อครั้งใดที่พระราหูได้พบเจอพระอาทิตย์หรือพระจันทร์ พระราหูก็จะจับมากลืนกินด้วยความโกรธแค้นที่เทวดาทั้งสององค์นำเรื่องไปทูลพระนารายณ์ แต่อมไว้ในปากได้ไม่นานก็ต้องคายออกมาเพราะทนความร้อนและรัศมีของเทวดานพเคราะห์ทั้งสองไม่ได้ เกิดเป็นเหตุของปรากฏการณ์สุริยุปราคาและจันทรุปราคาตามคติความเชื่อของคนโบราณ

ในโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ ๘ และด้วยเหตุที่สร้างขึ้นมาจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๒


อ้างอิง
อุระคินทร์ วิริยะบูรณะ และคณะ.พรหมชาติ ฉบับหลวง. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.
เทพย์ สาริกบุตร และคณะ.พรหมชาติ ฉบับราษฎร์. กรุงเทพฯ:สำนักงาน ลูก ส.ธรรมภักดี, ม.ป.ป.




รูปพระอาทิตย์ เวลา17.00น ของวันที่26/01/2552





กะลาขนาดพกพา




ราหูอมจันทร์.....ช่วยชีวิตคนที่โดนคุณไสย์

 

                ก่อนอื่นผมขอเล่าที่มาของพระราหูและการสร้าง ให้คุณผู้อ่านได้ทราบพอเป็นสังเขป พร้อมประวัติที่เป็นเรื่องจริงทั้งทางด้านคงกระพันชาตรีและปัดเสนียดจัญไร คุณไสย์.....การสร้างพระราหูอมจันทร์นั้น ก็เป็นการถือเคล็ดตามตำนานประวัติของพระราหูที่เป็นอมตะไม่รู้จักตายเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤต การสร้างวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางเป็นรูปราหูนั้น ใช่ว่าจะสร้างเป็นรูปราหุอมจันทร์เท่านั้น แต่ยังมีการสร้างเป็นรูปอมพระอาทิตย์ด้วย ตำนานการสร้างเครื่องรางเป็นรูปพระราหูนี้ กล่าวกันว่าเป็นตำราที่ฤาษีแต่งขึ้นโดยมีฤาษี ๒ ตน ตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ในถ้ำที่ภูเขายุคลธร อีกตนหนึ่งบำเพ็ญตบะในถ้ำที่ภูเขานันทะเขต ฤาษีทั้ง ๒ ตนนี้ได้ร่วมกันสร้างยันต์และคาถาเกี่ยวกับพระราหูขึ้นมา โดยฤาษีตนหนึ่งสร้างยันต์และคาถาสุริยะประภาคา และฤาษีอีกตนหนึ่งสร้างยันต์และคาถาจันทรประภาคาใช้สำหรับการสร้างและปลุกเสกราหูอมจันทร์ การที่ฤาษีทั้ง ๒ ตนนี้ได้สร้างยันต์และคาถาขึ้นมาก็เนื่องมาจากฤาษีทั้ง ๒ ตนได้ทราบจากญาณว่า ต่อไปมนุษย์จะต้องพบกับอันตรายและความทุกข์ยากลำบากและเครื่องรางรูปพระราหูนี้ก็จะสามารถช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากอันตรายและความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้นได้

           

            ในการปลุกเสกราหู หากว่าสร้างเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์จะต้องลงด้วยยันต์สุริยะประภาคา และปลุกเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคาว่า " เอกกะจักขุนาริเกลา สุริยะประภาราหูคา หาสัตตะ ระตะนะ สัมปันโน มณีโชโต ระโสระภา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหังวันทามิ เมสะทา กุสเสโต มะมะ กุสเสโต ลาวา มะมะ โตลาโม โทลาโม มะมะ โทลาโม โทลาโมตัง มะมะ โทลาโม ตังคุยหะโม มะมะ คุยหะ โม คุตติโม มะมะ คุตติโม เหกุติ มะมะ เหกุติ "

 

            ส่วนการสร้างเป็นรูปราหูอมจันทร์ก็จะต้องลงด้วยยันต์จันทรประภาคา และปลุกเสกด้วยคาถาจันทรประภาคาว่า " เอกจักขุ การิเกลา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะ ระระนะ สัมปันโน มณีโชโต ระโสยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหังวันทามิ เมสะทา ยัตถะตัง มะมะ ตังภะยะ ตะวะตัง มะมะ ตังวะตะ ตังเสกา มะมะกาเสตัง โทลามัง มะมะ มังลาโท ตังตัง มะมะ ตังลาโม กาติยัง มะมะ ยะติกา "

 

            ในการปลุกเสกและภาวนาไม่ว่าจะเป็นพระราหูอมพระอาทิตย์ หรือราหูอมพระจันทร์จะต้องปลุกเสกให้ได้ ๗ คาบ ตามตำราจึงจะประสิทธิผลทางด้านความศักดิ์สิทธิ์ การสร้างเครื่องรางรูปพระราหู มีการกระทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว ในบทประพันธ์เรื่อง "พระอภัยมณี" ของท่านสุนทร (ภู่) มีการกล่าวเอาไว้ถึงเครื่องรางรูปพระราหูเอาไว้เช่นเดียวกันว่า นางละเวง มีเครื่องรางเป็นรูปตราพระราหูแขวนประจำกายอยู่ คืนหนึ่งนอนหลับไปแล้วมี " อ้ายย่องตอด " ซึ่งเป็นผู้มีวิชาแกร่งกล้าทางไสยศาสตร์ ชอบจับสัตว์และดูดเลือดคนกินเป็นอาหารลอบเข้าไปทำร้าย แต่พอเห็นตราพระราหูที่แขวนประจำกายของนางละเวงก็ไม่อาจทำร้ายได้ดังกลอนที่ว่า " เห็นโฉมยงทรงตราพระราหู สังเกดูดังนารายณ์กายสิทธิ์  ด้วยเดชาการุญบุญฤทธิ์ มันกลัวผิดเข็ดหลาบลงกราบกราน "

 

            การสร้างเครื่องรางรูปราหู วัสดุที่นำมาสร้างตำราบ่งบอกไว้ว่าจะต้องเป็น " กะลามะพร้าวตาเดียว " คือ กะลามะพร้าวทั้งลูก โดยทั่ว ๆ ไปนั้นจะมีรูปอยู่ ๓ รู เป็นรูงอก ๑ รู และเป็นตาอีก ๒ รู แต่กลับกะลามะพร้าวตาเดียวนั้นถือเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว แม้ว่าไม่ได้ผ่านการปลุกเสกก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์ คนโบราณได้กล่าวกันว่า กะลาตาเดียว มีคุณวิเศษนัก

            ๑. ใช้ตักข้าวสารใส่หม้อเวลาหุงหารับประทาน หากว่าประกอบอาชีพธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติเพิ่มพูนบริบูรณ์ หากเป็นชาวนาชาวไร่ก็จะทำให้ข้าวในนาและพืชไร่งอกงามดี  และหากว่าเป็นข้าราชการก็จะเจริญด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ ได้เป็นเข้าขุนมูลนายเป็นใหญ่เป็นโตกว่าคนอื่น ๆ

            ๒. ใช้ทำเครื่องรางของขลัง เพราะกะลามะพร้าวชนิดนี้ มีอาถรรพ์ในตัวเองอยู่แล้ว หากว่านำมาปลุกเสกประจุอาคมก็จะยิ่งมีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น

            ๓. ใช้สำหรับเป็นสิ่งป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย์ และภูติผีปิศาจได้

            ๔. บูชาอยู่เป็นประจำจะทำให้เกิดโชคลาภอยู่สม่ำเสมอ ทรัพย์สมบัติและเงินทองจะไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

            ๕. ใช้สำหรับเป็นเครื่องมือของหมอโบราณในการตัดต้อที่ตาของคนให้หายขาดได้

            นอกจากกะลาตาเดียวที่ใช้สร้างเป็นเครื่องรางรูพระราหูแล้วก็ยังมี " กะลามหาอุตม์ " ด้วย ที่ตำราบอกว่าใช้สร้างเป็นรูปพระราหูได้เหมือนกันและยังมีอิทธิฤทธิ์ดีกว่ากะลาตาเดียวเสียอีก กะลามหาอุตม์นี้หาพบยากกว่ากะลามะพร้าวตาเดียวหลายเท่านัก ผมเองแม้ว่าจะมีบ้านเกิดอยู่ที่เกาะสมุย และเติบโตที่นั่น ชั่วชีวิตเคยเห็นกะลามหาอุตม์ชนิดนี้ประมาณ ๕ ลูกเท่านั้นเอง

 

            กะลามหาอุตม์จะพิเศษกว่ากะลาตาเดียวเสียอีก คือกะลาตาเดียวจะมีรูงอก ๑ รู และตาอีก ๑ รู หากกะลามะพร้าวชนิดใดที่มีรูงอกไม่มีรูตาเขาเรียกกันว่า " กะลาตาบอด " แต่ถ้าเป็นกะลามหาอุตม์จะไม่มีทั้งรูงอกและรูตา ทึบหมดทั้งลูก กะลามหาอุตม์ชนิดนี้หาพบยากจริง ๆ คนโบราณถือว่าเป็นของดีที่มีคุณวิเศษหลายอย่างเช่น มหาอุตม์ และโชคลาภรวมทั้งคุณวิเศษด้านอื่น ๆ ที่กะลาตาเดียวจะมี กะลามหาอุตม์ก็มีเช่นนั้นด้วย และจะมีกะลามหาอุตม์ไว้ในครอบครอง

 

            การแกะกะลาอาถรรพ์นี้ ให้เป็นเครื่องรางรูปพระราหู จะมีทั้งการแกะเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์ หรือพระราหูอมพระจันทร์ แต่ส่วนมากมักจะแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์มากกว่า แต่บางทีอาจจะสร้างเป็นแบบอย่างเดียวกันโดยด้านหน้าลงยันต์สุริยะประภาคา ส่วนด้านหลังลงยันต์จันทรประภาคา หรือบางครั้งก็ลงยันต์แยกจากกันคนละอัน อันหนึ่งสร้างเป็นรูปพระราหูอมพระอาทิตย์ ลงยันต์สุริยะประภาคา ส่วนอีกอันหนึ่งสร้างเป็นราหูอมพระจันทร์ ลงยันต์จันทรประภาคา แล้วเอามาประกบหน้า-หลังกัน เวลาบริกรรมภาวนาคาถาถ้าเป็นเวลากลางคืนก็ใช้คาถาจันทรประภาคาแล้วนำไปใช้ ตำราบอกว่าให้เอาน้ำมันหอม ๙ กลิ่น เจิมรูปพระราหูเสียก่อนจะทำให้มีอิทธิฤทธิ์มากยิ่งขึ้น

 

            คุณวิเศษของราหูอมพระอาทิตย์และราหูอมิพระจันทร์นี้ ตำราแตาโบราณกล่าวไว้อย่างน่าทึ่งทีเดียว คือกล่าวไว้ว่า " ผู้ที่สนใจจะทำยันต์ทั้ง ๒ นี้ ให้หากะลามะพร้าวตาเดียวเอามาแกะเป็นรูปพระราหูอมจันทร์อย่างหนึ่ง "  พระราหูอมพระอาทิตย์อีกอย่างหนึ่ง จึงให้ลงพระยันต์สุริยะประภาคาที่พระอาทิตย์ และลงยันต์จันทรประภาคาที่พระจันทร์ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้เป็นของหาค่ามิได้จะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยากยิ่ง แม้นว่าสมบัติบรมจักรพรรดิก็ดี สมบัติพระอินทร์หรือดวงแก้วมณีโชติก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ได้ ผู้ใดหวังความเจริญในลาภยศและอยากจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทองก็ให้สร้างขึ้นเถิด เมื่อจะทำพระยันต์ทั้ง ๒ นี้ให้แต่งเครื่องบัตรพลี ขวัญข้าว ข้าวตอก ดอกไม้ ธูปเทียน เท่ากับกำลังอาสนะขึ้น ๒ ที่ บูชาสักการะด้วยข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียนบูชาพระอาทิตย์ สิ่งละ ๖ ที่ บูชาพระจันทร์สิ่งละ ๑๕ ที่ ให้เลือกเอาวันที่มีฤกษ์ดีหรือวันเพ็ญสุริยะคราส วันจันทคราส เมื่อกระทำนั้นให้ชำระล้างตัวให้บริสุทธิ์สะอาดเสียก่อนแล้วจึงกระทำ พระยันต์ทั้ง ๒ นี้เวลากลางวันให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาสุริยประภาคา เวลากลางคืนให้บูชาและปลุกเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เมื่อกระทำแล้วให้เสกด้วยคาถาที่ลงนั้น ๑๐๘ คาบเสร็จแล้วจึงเอายันต์สุริยะประภาคาใส่ในตลับทอง เอายันต์จันทรประภาคาใส่ตลับเงินให้จุณเจิมด้วยแป้งหอม น้ำมันหอมแล้วเอาบูชาไว้เมื่อจะใช้ให้ใช้ตามอุปเท่ห์ดังกล่าวนี้

 

            ถ้าหากท้าวพระยาเจ้านายท่านโกรธให้เอายันต์สุริยะประภาคานั้นจุณเจิมด้วยเครื่องหอม จึงเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคานี้ให้ได้ ๓ ที จึงนำเอาติดตัวไป ท่านเห็นหน้าเข้าหายโกรธเคืองสิ้นแล

            ถ้าบริวารหลบหนีไปให้เขียนชื่อผู้ที่หลบหนีไปใส่กระดาษแล้วเอายันต์จันทรประภาคาทับ เสกด้วยคาถาจันทรประภาคาผู้นั้นจะหนีมิพ้นเลย ถึงหนีไปก็กลับคืนมาแล

            ถ้าหากภรรยาหรือสามีไม่รักใคร่เอาใจออกห่างคิดจะหนีไป จึงให้เขียนชื่อเขาเข้าเอายันต์จันทรประภาทับเสกด้วยคาถาจันทรประภาคา เขาจะบังเกิดความรักใคร่ไปมิพ้นเราเลย ถึงหย่าร้างกันแล้วก็กลับมาดีกัน

            ผิว่าจะปลูกพืชผมให้เจริญงอกงามทุกชนิดจึงให้เอายันต์จันทรประภาคามาเสกด้วยคาถาจันทรประภาคาแล้วให้ดสวดมนต์บทนี้อีกบทหนึ่งคือ " โอม เชยยะสัมปัตติ มหาเชยยะสัมปัตติ เชยยันติ โอมทุเร สวาหะ เลิกมัตคะ สวาหะฯ ๗ ที " แล้วทำจิตให้ดีอธิษฐานเอาเถิดได้ผลงอกงามเจริญนัก

            ผิว่าจะเข้าประจัญด้วยข้าศึกให้เอายันต์สุริยะประภาคาจุณเจิมด้วยเครื่องหอมเสกด้วยคาถาสุริยะประภาคา แล้วจึงนำติดตัวไปด้วยเป็นเครื่องป้องกันอาวุธ หอก ดาบ หน้าไม้ ปืนไฟ หาอันตรายมิได้เลย

 

            จากตำราที่กล่าวเอาได้นี้ จะเห็นได้ว่าเครื่องรางรูปราหูอมพระอาทิตย์ และราหูอมพระจันทร์มีคุณวิเศษแบบที่เรียกได้ว่า คราบจักรวาลเลยทีเดียว เดิมทีนั้นตำราไสยศาสตร์ชนิดนี้เป็นตำราไสยศาสตร์ของเวียงจันทน์ประเทศลาว สืบต่อกันมาก็ได้แพร่หลายเข้ามาสู่ประเทศไทย เมื่อครั้งยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สำนักที่นำเอาวิชาไสยศาสตร์แขนงนี้เข้ามาจากประเทศลาว และได้สร้างเครื่องรางรูปราหูนั้นก็มีแต่วัดศีรษะทอง จังหวัดนครปฐมเท่านั้น ที่สร้างได้โด่งดังและมีชื่อเสียงติดอันดับเครื่องรางของประเทศไทย ราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อยวัดศีรษะทอง ท่านแกะขึ้นตาบแบบตำราทุกประการมีทั้งลูกศิษย์ทั้งฆราวาส ทั้งพระสงฆ์ ชาวบ้านหลายคนมาช่วยกันแกะจึงทำให้รูปราหูอมจันทร์ของท่านมีหลายฝีมือ ราหูอมจันทร์บางอันแกะเป็นรูปใบเสมาขนาดเล็กใช้สำหรับห้อยคอ และมีขนาดใหญ่ไปจนถึงแบบชนิดบูชาที่เรียกกันว่า " สามเกลอ " เพราะเป็นการเอากะลาตาเดียวทั้งลูกมาแกะเป็นรูปราหูอมจันทร์ ๓ หน้า เมื่อแกะเสร็จแล้วก็จะนำไปให้หลวงพ่อน้อยท่านปลุกเสกและลงเหล็กจาร

 

            สำหรับราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อย เท่าที่เห็นมาจะมีการลงเหล็กจารกำกับไว้ทุกอันบางอันลงเหล็กจารน้อย บางอันลงเหล็กจารหลายตัว อักขระที่ลงจารในราหูอมจันทร์ก็เป็นตัวหนังสือขอมลาว ไม่เหมือนกับตัวหนังสือขอมไทยที่เราพบเห็นกันโดยทั่วไป เพราะต้นตำรับของวิชานี้มีต้นตอมาจากเวียงจันทน์ การที่ราหูของพลวงพ่อน้อยมีรอยเหล็กจารหลายท่านมีที่หลวงพ่อน้อยลงเอง มีทั้งลูกศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์ท่านช่วยลงให้ ถ้าเป็นราหูอมจันทร์ที่หลวงพ่อน้อยท่านลงเหล็กจารเองตัวอักขระจะมีน้อยไม่ค่อยเป็นระเบียบ รอยจารไม่ค่อยลึกและคมชัด เพราะการลงเหล็กจารท่านจะเลือกลงให้แต่เฉพาะในระยะเวลาที่เกิดสุริยคราส และจันทรคราส ซึ่งมีระยะเวลาอันสั้นท่านจึงเลือกลงแต่อักขระที่เป็นหัวใจคาถาที่สำคัญเท่านั้น แต่ถ้ามีคนแกะราหูอมจันทร์มาให้ท่านจำนวนมากก็จะมอบให้ศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์เป็นผู้ลงเหล็กจารแทน ซึ่งรอยจารของลูกศิษย์ท่านมักจะลงอักขระหลายตัวเป็นระเบียบเรียบร้อยและรอยจารคมลึกชัดเจน ฉะนั้นราคาในการเล่นหาโดยทั่วไป เขาจึงให้ความนิยมกับราหูอมจันทร์ที่มีรอยเหล็กจารน้อยตัว และไม่ค่อยเป็นระเบียบไม่ลึกคมชัด เพราะเป็นรอยเหล็กจารของหลวงพ่อน้อย

 

            ส่วนประสบการณ์ของราหูอมจันทร์ของหลวงพ่อน้อยที่ได้รับฟังมา มีหลายทางทีเดียวคือ

            ๑. คงกระพัน

            ๒. ป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย์ ภูติผีปิศาจ

            ๓. เมตตามหานิยม

            ๔. ทำน้ำมนต์อาบกินแก้โรคภัยไข้เจ็บ

            ๕. โชคลาภ

            ๖. ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่จะเข้ามาสู่บ้านเรือนที่อยู่อาศัย

            ๗. กำบังกาย

 

            นี่เป็นเรื่องจริงที่ผมหยิบยกขึ้นมาเพื่อให้คุณผู้อ่านได้เห็นถึงอานุภาพแห่งพระราหู และมีความเกี่ยวข้องกับคุณไสย์ มนต์ดำ ไสยศาสตร์โดยตรงอย่างไรบ้าง

 

 





564
ไหว้พระราหูวัดที่ ศรีษะทอง




จารกะลาตาเดียว



โดยพระอาจารย์ที่เคราพรัก



และยังมีกะลาตาเดียวแกะเป็นราหูขนาดพกแต่ยังไมได้ถ่ายรูป รอก่อน

565
แต่คิดดูอีกที่อย่างท่านack  อาจจะเป็น เสือซ่อนลาย งูจงอางซ่อน เขี้ยวกัดที่ ตายเลย  37;

อันนี้ต้องคุยกันเป็นการส่วนตัวครับพี่  14;

..แต่ขอบอกว่า ทั้งหมดทั้งปวงที่เป็นยันต์เมตตาที่ผมได้สักมา ไม่มีคำว่าเสียหนังเปล่าครับ..

...จะมากบ้าง น้อยบ้าง แต่โดนรวมแล้ว ก็ไม่เบาล่ะครับ ...

..จะถามว่าอันไหนแรงดี อันไหนไม่ได้ผล อันนี้ตอบไม่ได้ครับ..

..เรื่องสาวๆ สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง ก็ตามเวรตามกรรมล่ะครับ...

..อย่างน้อยไปไหนมาไหนก็ไม่อดตายล่ะครับ มีคนเมตตาสงสารตลอดครับ.. 13;



ท่านack เรื่องสายเสน่ห์  สุดยอดดับถ้าผมพูด ผิดพลาด ประการใดขออภัยด้วยคับ :054:

566
วัดนกมีบริการ ems คับโทรสอบถามดู02-4107849 02-4107755

567
เห็นว่าอั๋ม กับเมย์ก็ไปมาใช่ไหม :054:

568
ที่ผมถามนี่ก็เพราะคนที่ยังไม่รู้ ยังไม่เข้าใจยังมีอีกมาก เพื่อเผยแพร่ไปวิทยาทาน อย่าคิดมากนะคับ :069:

569
แต่คิดดูอีกที่อย่างท่านack  อาจจะเป็น เสือซ่อนลาย งูจงอางซ่อน เขี้ยวกัดที่ ตายเลย  37;

อันนี้ต้องคุยกันเป็นการส่วนตัวครับพี่  14;

..แต่ขอบอกว่า ทั้งหมดทั้งปวงที่เป็นยันต์เมตตาที่ผมได้สักมา ไม่มีคำว่าเสียหนังเปล่าครับ..

...จะมากบ้าง น้อยบ้าง แต่โดนรวมแล้ว ก็ไม่เบาล่ะครับ ...

..จะถามว่าอันไหนแรงดี อันไหนไม่ได้ผล อันนี้ตอบไม่ได้ครับ..

..เรื่องสาวๆ สนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง ก็ตามเวรตามกรรมล่ะครับ...

..อย่างน้อยไปไหนมาไหนก็ไม่อดตายล่ะครับ มีคนเมตตาสงสารตลอดครับ.. 13;


[/quote

ไม่อดตายนี่หมายถึง อะไร ครับ อาหารหรือว่าอย่างอี่น :073:


570
ถ้าเป็นสายหลวงปู่ทองวัดราชโยธา ท่านห้ามคร่อมเด็ดขาดครับ
ข้ามตัวก็ไม่ได้ แต่สายบางพระ
มีคนเคยถามหลวงพี่แป๊วแบบนี้ ท่านบอกสั้นๆว่า โยมก็อย่านอนซิ
แค่นี้ครับ ส่วนเรื่องใช้ลิ้นนี่ความคิดผมไม่สมควรทำอย่างยิ่งครับ
เวลาครอบครูเราก็ครอบทางหัว คุณครูบาอาจารย์คุ้มครองเราจากศรีษะ
ไม่สมควรเอาไปอยู่ตรงบริเวณที่ต่ำครับ ขนาดราวตากผ้าราวตากกางเกงใน
ครูบาอาจารยฺท่านยังสั่งให้เลี่ยง นี่ยิ่งหนักกว่าอีกครับ


แล้วถ้าผู้หญิงนังทับแต่ไม่ถึงขนาดนอนทับนี่พอได้ไหม


แล้วอย่างถ้าถ้าติดไฟแดงแล้วล้างให้หมดพี่สมาชิกคิดว่ายังไง ของจะเสื่อมเปล่า  :060:


แล้วถ้าผู้หญิงสเปย์สดให้ผู้ชาย ผู้หญิงคนพี่สมาชิกคิดว่ายังไง ของจะเสื่อมเปล่า  :060:

ยังไงก็ช่วยกันออกความคิดเห็นกันหน่อยนะครับ เรายังไม่บวชกันก็ต้องหาทางรักษาของดีที่กว่าจะได้มาแสนลำบาก  :027:จะได้อยู่กับเราไปตลอด

ถ้าให้เป่าครอบกันใหม่ คงต้องไปกันทุกอาทิตย์กันแน่นครับ  17;








571
ผู้หญิงขึ้นค่อมของจะเสื่อมไหม พี่สมาชิกคิดว่ายังไง ประมาณว่าขึ้นให้ แต่ไม่ที่สักด้านคงกระพันนะ   :104:

แล้วถ้าอวัยวะที่ต่ำกว่าเอวโดนตรงที่สัก พี่สมาชิกคิดว่ายังไง ของจะเสื่อมเปล่า :008:


แล้วใช้ลิ้นเลีย  :040:อวัยวะที่ต่ำกว่าเอว พี่สมาชิกคิดว่ายังไง ของจะเสื่อมเปล่า :008:


 
คำถามเสียวไส้แต่หลายๆคนก็อยากรู้ 05;

572
ขอบคุณท่านเณรน้อยเส้าหลินจะได้มี พระธาตุ มาสักการะที่บ้าน :054:

573
แต่คิดดูอีกที่อย่างท่านack  อาจจะเป็น เสือซ่อนลาย งูจงอางซ่อน เขี้ยวกัดที่ ตายเลย  37;

574
ปลัดตัวสีขาวๆของท่านack ลายเป็นไงคับ :095:
อืมอันนี้ท่าจะไว้กำหลาบสาวๆ แน่ๆ เลยใช่ไหมครับ ท่านack :002:
[/quote
ผมว่าไม่แน่นของท่านack อาจโดนสาวๆๆ ปราบได้เพราะท่านบอกของท่านไม่มีลาย 26;

575
ยินดีต้อนรับ สู่เว็บวัดบางพระ ครับ

578
ส่วนใหญ่เน้น คงกระพัน อำนาจ เรื่องจระเข้เป้นสัตว์ที่กินเนื้อฆ่าคน จากในวรรณคดี ขุนช้างขุนแผน  เถรขวักแปลงเป็นจระเข้ กินคนให้คนกลัว ให้หอกใช้ดาบฟันไม่เข้า จระเข้ในเรื่องไกรทองก็กินคน ฆ่าคนทำให้คนกลัว ครูบาอาจารย์สมัย ก่อนก็เลยผูกยันต์จระเข้ ขึ้นมาว่า หนังเหนียวเหมือนจระเข้แต่ จระเข้ ขึ้นบกไม่แรง แต่คงไม่มีใครในโลกเห็นจระเข้และเมตตาสงสาร หรอกคับ
ลองติดดู ถ้าจะเอาด้านเมตตา ผมว่าหนุมารเกี้ยวสุวรรณมัจฉา ดีกว่าคับ :015:

579
ต้องยอมว่ากุมารที่ทันหลวงพ่อเปิ่นเสก ซนไม่ใช่น้อย

เจ้าอ้วนลูกรักของพ่อ





ใต้ฐานอุดผงพราย ที่พลีมาอย่างถูกต้อง ปลอดภัยไร้กังวล :016:


580
ใต้ฐานพ่องั่งได้อุด ผงพญายมใจอ่อนไว้ ส่วน แม่งั่งไม่มีผงมีแต่กิ่ง



หลังพ่องั่งรูปที่ถ่ายตอนยังไม่ห้อยไวรัสกินไปแล้ว :070:



หลังแม่งั่งรูปที่ถ่ายตอนยังไม่ห้อยไวรัสกินไปแล้ว :070:




581



อิอิอิ...
พึ่งไปมาเมื่อวันที่ 19-01-2009 นี่เองครับ...
นิมนต์พระบูชาขึ้นหิ้ง 1 องค์ ด้วยครับ...{^_^}...


สาธุด้วยนะครับ และไม่บอกผมด้วย แหม่ๆ ...วันหลังมาก็บอกกันล่วงหน้านะครับจะไปต้อนรับถึงวัดเลย ครับ  :004:

จะแบ่งพระที่บ้านให้ แถม เลี้ยงข้าวค้วยใช่ไหมเอ็ม  :095:

582













583
เหมือนจริงมาก :010:อย่างงี้น่าทำกุมารทอง :003:

584

หนังเหนียวดุจหนังไอ้เข้มีกำลังมาก แต่ฉะเพราะในน้ำ

585
  กุมารรับทรัพย์เงยหน้า สีแดง กุมารอุ้มทรัพย์ก้มหน้า สีเขียว




ขนาดบูชาปิดทองแท้ พร้อมฐานเดิม


586
เยี่ยมคับท่านlevis  :053:  ใครจารให้คับลายมือสวยจัง  แต่ว่าท่านlevisทำเสือหมดป่า หรือเปล่าเนี่ย สารพัดหนังสารพัดเขี้ยว :095:

587
ฝีมืออาจารย์ต้อย สุดยอด :016: เส้นดำคมชัด หนักแน่น แถมขลัง อีกตั้งหาก สมแล้วที่เมตตาสักให้ลูกศิษย์มานานหลายสิบปี :054:

588
แล้วจะไปกราบหลวงพ่อนะคับ :054:

589
ขอแนะนำหน่อยนะคับ วัวน่าจะแยกใช้ห่างจากน้องบ้างที่น้องอาจจะแสองฤทธิ์ไม่ได้เต็มที่ :016:

ลองหาโตะขนาดเล็กหรือโตะญี่ปุ่นตามห้างร้อยนิด

ท้าวเวสพ่อฟู ปู่หงส์ ไม่แพงคับ

590
                                                           [b] เสือผาด ทับสายทอง

                     
 ออกชื่อว่า  เสือผาด ทับสายทอง แล้ว คนในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่าง พ.ศ.2484 ถึง พ.ศ.2490 ย่อมรู้จะกันดี

บางคนเรียกชื่อเขาว่า "ขุนโจร 7 จังหวัด" เพราะเขามีชื่ออยู่แถวจังหวัด นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และจังหวัดธนบุรี ทั้ง 7 จังหวัดนี้ เป็นแดนปล้น เป็นแดนอิทธิพลของเขาโดยตลอด อย่างน้อยเสือเล็ก เสือน้อย ที่เรียกว่าเสือปลา ไม่ใช่เสือโคร่งลายพาดกลอน ก็อ้างชื่อเสียงของเขาออกหากินด้วย

ส่วนใหญ่ จะไม่กล้าออกชื่อเขา มักจะออกชื่อกันว่า "คุณพระ" คำว่า "คุณพระ" เป็นชื่อที่ชาวนครปฐมทั่วไปเรียกขื่อเขาลับหลัง เป็นที่รู้กันว่า หมายถึง เสือผาด ทับสายทอง คนกลัวเขาขนาดไม่เรียกออกชื่อเขาทีเดียว เพราะไม่รู้ว่าจะถึงหูเสือผาดเข้าเมื่อไร และจะถูกฆ่าตายเมื่อไรก็ไม่รู้ตัว พูดกันถึงขนาดที่ว่า ข้าราชการ ตำรวจ ก็กลัวเสือผาด เป็นลูกน้อง หรือเป็นสายเสือผาดเกือบทุกคน

เสือผาดทำนา เสือผาดเกี่ยวข้าว เพียงแต่บอกกันว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกี่ยวข้าวเสือผาด คนก็จะเดินทางไปช่วยเกี่ยวข้าวกันหัวดำเต็มท้องนา ไม่ต้องไหว้วานกันเลย ทุกคนถือเคียวไปช่วยกันเกี่ยวข้าว นวดข้าวให้เสือผาด

เสือผาดจะมีนาหรือไม่ ไม่สำคัญ เพียงแต่บอกว่านาทุ่งนี้เป็นของเสือผาดเท่านั้นคนก็จะไปช่วยไถ ช่วยเกี่ยวข้าว ช่วยนวดให้จนจบสิ้น โดยไม่มีใครกล้าไปสอบถามอะไรกันอีก ว่าเสือผาดอยู่ที่ไหน เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นตัวเสือผาด ได้ยินแต่ชื่อก็กลัวเสียแล้ว

ขณะนั้น ผู้เขียนรับราชการอยู่ที่อำเภอกำแพงแสน อันเป็นแดนอิทธิพล หรือพื้นที่สีดำของเสือผาด ผู้เขียนรู้เรื่องราวของเสือผาดมากจนกลัวเสือผาดเหมือนกัน

วันหนึ่ง ขี่จักรยานไปอำเภอกับ นายพิณ กันตะเพ็ง ศึกษาธิการอำเภอกำแพงแสน พบคนถูกยิงตายนอนอยู่ระหว่างทาง เป็นชายหนุ่มอายุสัก 19-20 ปี คนก็กระซิบบอกว่า เมื่อคืนนี้เสือผาดพาลูกน้องเดินทางไปปล้น แต่สงสัยความไม่ซื่อสัตย์ของลูกน้อง จึงยิงทิ้งเสียก่อนเข้าปล้น

วันหนึ่งตอนเช้าตรู่ มีคนรายงานกับนายอำเภอ ร.ต.ต.สุขศรีเพ็ญ ว่า ส.ต.ท.จำเนียร ภักดีเจริญ ถูกยิงตาย ที่ตำบลห้วยขวาง นายอำเภอไปชันสูตรพลิกศพ ข้าพเจ้าก็ไปด้วย พบ ส.ต.ท. จำเนียร นอนตายอยู่ มีปืนพกตกอยู่ข้างตัว เป็นปืนที่ ส.ต.ท. จำเนียร ยิงต่อสู้จนตัวตายในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว เพราะไปนอนอยู่บ้านเมียน้อย เขาเล่าว่าผู้ร้ายที่เข้ามายิง ส.ต.ท.จำเนียร ได้เข้าเหยียบหน้าอก ส.ต.ท.จำเนียรแล้วร้องว่า

"อ้ายเนียร มึงรู้จักกูไหม ?"

เขาพูดว่าผู้ร้องถามนั่นคือเสือผาด

แล้วเขาก็ยิง ส.ต.ท. จำเนียร ตายกลิ้งอยู่ในบ้านเมียน้อย ไม่ทำอันตรายใคร ไม่แตะต้องทรัพย์สินอะไรเลย

มูลเหตุของเรื่องก็คือ ฆ่าล้างแค้นของเสือผาด ฆ่าแม้แต่ตำรวจ

เรื่องมีอยู่ว่า นายจำรูญ น้องชาย ส.ต.ท. จำเนียร ลูกชายขุนภักดี ห้วยพระ คหบดีมั่งคั่งในตำบลสามง่าม ถูกโจรปล้น จับตัวไปยิงทิ้งที่ทุ่งนา นายจำรูญตายในลักษณะนุ่งกางเกงในตัวเดียว ส.ต.ท.จำเนียร เห็นน้องชาย ถูกฆ่าตายในลักษณะน่าทุเรศเช่นนั้นก็ประกาศว่า จะต้องตามฆ่าโจรก๊กนี้ให้จงได้ ส.ต.ท.จำเนียร สืบทราบว่าก่อนปล้นโจรคณะนี้ได้มากินเหล้าวางแผนกันที่บ้านคน ๆ หนึ่งในตอนหัวค่ำ ส.ต.ท.จำเนียร จึงให้ระบบแก้แค้น โดยใช้กฎหมายเถื่อน จับชายเจ้าของบ้านไปยิงทิ้งตรงที่ ๆ ที่นายจำรูญ น้องชายนอนตายอยู่ เป็นการล้างแค้น

ต่อมาไม่กี่วัน ส.ต.ท.จำเนียร ก็ถูกฆ่าตายไป ผู้ยิงอก ส.ต.ท.จำเนียร ขึ้นเหยียบอก แล้วร้องถามว่า

"อ้ายเนียร มึงรู้จักกูไหม ?"

ท่านขุนภักดีห้วยพระ (กิ้ว ภักดีเจริญ) เห็นว่าขืนต่อสู้กันต่อไปก็จะตายไปไม่สิ้นสุด เสียลูกชายไป 2 คนแล้ว คนต่อไปไม่รู้ว่าใคร จึงได้ตกลงหย่าศึก พิธีหย่าศึกทำขึ้นที่บ้าน นายนนท์ ตำบลห้วยขวาง ขุนภักดีห้วยพระ นัดพบเสือผาด ทับสายทอง ที่บ้านนายนนท์ซึ่งเป็นคนของเสือผาด กินเหล้าสาบานกันว่าจะเลิกแล้วต่อกัน เรื่องจึงสงบลงได้

นายนนท์ คนนี้ ข้าพเจ้ารู้จัก บิดามารดาของข้าพเจ้าก็รู้จัก คุ้นเคยกันดี รูปร่างอ้วนใหญ่ ดำ ตาเข หน้าตาเป็นนักเลงน่าเกรงขาม แม่ของข้าพเจ้าเล่าว่า นายนนท์ ดำใหญ่คนนี้เป็นลูกชายของ นายนนท์ขาว ชาวตำบลตาก้อง ทำแม่นายนนท์ท้อง แล้วไม่รับเป็นลูก แม่นายนนท์โกรธแค้นมาก เมื่อลูกชายเกิดมาจึงตั้งชื่อว่า นายนนท์ เหมือนชื่อพ่อ ได้ชื่อว่าเป็นคนดุเป็นนักเลงอิทธิพลคนหนึ่ง แต่เป็นคนของเสือผาด

เมื่อเสือผาด ทับสายทอง พาพรรคพวกไปปล้นที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี และเป็นการปล้นครั้งสุดท้ายถูก พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต วางแผนพิชิตได้ นายนนท์ คนนี้แหละที่ได้เอารถยนต์บรรทุก 10 ล้อของ นายศิลปชัย คนตำบลพะเนียงแตก เดินทางไปรับพวกปล้นของเสือผาด นายนนท์ นั่งคุมรถไปให้ นายศิลปชัย เป็นคนขับ เมื่อถึงตำบลหนองดินแดง ถูกตำรวจดักจับตามทาง จึงได้ยิงนายนนท์ กับนายศิลปชัย ทิ้งเสียข้างทางเอาน้ำมันราดแล้วเผาเสียเรียบร้อยในคืนนั้น

นายเท่ง คนไว เป็นนายตรวจรถยนต์ อยู่ที่ตำบลตาก้อง วันหนึ่งนั่งเก้าอี้อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ ก็มีคนเดินเข้ามาหาสองคน ส่งจ.ม.ให้นายเท่ง นายเท่งกำลังอ่าน จ.ม.อยู่ ก็ถูกชายคนนั้นยิงหัวนั่งตายคาเก้าอี้ คนร้ายเดินออกไปอย่างลอยนวล เขาว่าเสือผาด ส่งลูกน้องมายิงทิ้งเสียด้วยเหตุที่นายเท่งไปยิงคนของเสือผาดตายไปก่อน ชื่อนายสงวน ถูกยิงศีรษะนั่งตาย น่าประหลาดที่นายเท่ง คนไว ก็นั่งตายคาเก้าอี้ที่บ้านนายหลง ชาวไร่เงิน

แต่ผู้เขียนก็รู้จักวงศ์สกุลของเสือผาดอยู่บ้าง พ่อของผู้เขียนรู้จักนายจรูญ ทับสายทอง บ้านคันลำอยู่แถวหลังองค์พระปฐมเจดีย์ เมื่อเป็นเด็กวัดห้วยจระเข้ พ่อก็เอาข้าพเจ้าไปฝากไว้กับหลวงตาปาน ทับสายทอง อาชายของเสือผาดคนหนึ่ง หลวงตาปานองค์นี้เคยเป็นทหารมียศเป็นสิบโท แล้วมาบวช บวชแล้วก็ยังชกมวย ซ้อมชกมวยอยู่เสมอ วันหนึ่งพระองค์หนึ่งมานั่งปัสสาวะอยู่บนชานกุฏิ หลวงพ่อปานเห็นเข้าก็โกรธ โดดเข้าเตะพระองค์นั้นศีรษะคะมำตกกุฏิไป หลวงตาปาน ทับสายทอง รูปร่างกำยำ แข็งแรง ตกค่ำท่านจะตีกลองยาว รำกลองยาวให้ดู แล้วก็รำมวยให้ดูด้วย

นายแสวง บุญทองดี อนามัยอำเภอเมืองสมุทรสงครามก็เป็นลูกหลานของท่าน แต่เปลี่ยนนามสกุลไปใช้อย่างอื่นภายหลัง

ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อประชาไม่อยากใช้นามสกุล ทับสายทอง ขอให้เปลี่ยนนามสกุลให้ ข้าพเจ้าถามว่า พ่อคุณชื่อไร เขาบอกว่าชื่อมิ่ง ข้าพเจ้าก็เลยตั้งนามสกุลให้ว่า "ครูประชา มิ่งมนตรี" เขาเป็นครูอยู่อำเภอกำแพงแสนสมัยนั้น

นายผาด ทับสายทอง มีน้องชายคนหนึ่ง ชื่อ พุ่ม ทับสายทอง เป็นนักเลง ชอบดื่มเหล้า ใครอยากจะให้ตีหัวใครก็ขอเหล้าขวดเดียว แล้วเขาก็จะตีหัวให้ หรือชกหน้าให้ตามต้องการ

คราวหนึ่ง เขาฝากชื่อไว้ในแผ่นดินสยาม โดยเขาถือปืนเข้าไปดักยิงจอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่สนามหลวง แต่ยิงพลาด ไม่ถูกที่สำคัญ แต่ก็ยิงถูก และถูกตัดสินจำคุก

เล่าเรื่องเสือผาดประกอบ ก็เพื่อจะบอกว่า เสือผาด ทับสายทอง ก็เป็นศิษย์นอกครู ลูกนอกคอก ของหลวงพ่อเงิน

เสือผาด เริ่มมีชื่อมาตั้งแต่ปล้นฆ่า ร.ต.ต.เจี่ย แสงโชติ บิดาของ พล.ต.ต.จุมพล แสงโชติ (นายพลตำรวจตรีคนนี้ เป็นเพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกับผู้เขียน และนายชื่น ทักษิณานุกูล เมื่อเรียนอยู่ที่โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย)

เสือผาด ถูกจับได้ ติดคุกอยู่หลายปี พอออกจากคุกก็ปล้นอีก เสือฮุย เสือเภา เพื่อนเสือด้วยกัน ถูกตำรวจยิงตาย เสือผาดหลบหนีรอดไปได้

คราวหนึ่ง นายจรูญ ผาสุกวณิชย์ นายอำเภอเมืองนครปฐมพร้อมด้วยนายศักดิ์ เศรษฐบุตร ปลัดอำเภอ และตำรวจ เข้าล้อมจับที่ตำบลหนองขาหยั่ง เสือผาดแอบอยู่ในห้องเจ้าหน้าที่ค้นจนทั่วไม่เห็นเขา

อีกครั้งหนึ่งเสือผาด กำลังอยู่ในวงการพนัน เล่นโปกัน ที่บ้านวังน้ำขาว ส.ต.ท.ทัพ เนาวรัตน์ นำตำรวจ 20 คน เข้าล้อมจับเสือผาดนั่งอยู่ ตำรวจหลายคนไม่เห็นเขา

อีกครั้งหนึ่ง เดินสวนกับ ร.ต.ต.ประสิทธิ์ วทานนท์ และพลตำรวจไสวที่สนามบินต้นสำโรง ตำรวจยิงด้วยปืนยิงเร็วในระยะเผาขน จนฝุ่นกลบตัวแต่ไม่ถูกเสือผาด เสือผาดหายตัวไปข้าง ๆ เนินดินในเวลากลางวันแสก ๆ

ครั้งสุดท้ายที่เขาปล้นที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่ง พ.ต.ท.ประชา บูรณะธนิต ได้อำนวยการสืบสวนและวางแผนซ้อนกลส่งคนเข้าเป็นพวกปล้นด้วย ได้เกิดยิงต่อสู้กันกับตำรวจที่ส่งกำลังไปล้อม จนนายตำรวจชั้นร้อยตำรวจโท ตายไปคนหนึ่ง แต่เสือผาดหนีไปได้ไม่บาดเจ็บ เมื่อถูกล้อมจับจนมุมในทุ่งนา เสือผาดก็ถอดเอาพระเครื่องออกโยนทิ้ง แล้วระเบิดสมองตัวเองตายไป ไม่ใช่ตำรวจยิงตายแต่อย่างใด เสือผาดได้ออกปล้นมานับสิบ ๆ ครั้ง ถูกตำรวจยิงหลายครั้ง แต่หนีรอดไปได้ทุกครั้ง จนเป็นที่เลื่องลือกันแม้ในหมู่ตำรวจว่า เสือผาดมีของดี

ครั้งหนึ่ง พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร และ พ.ต.อ.สะอาด รัชตะประกร ได้ติดต่อขอให้เสือผาดเข้ามอบตัว เสือผาดก็เข้าพบสนทนาด้วย

ครั้งหนึ่ง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจติดต่อขอพบ เขาก็เข้าพบที่พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่ข้างสนามหลวง ได้พบและสนทนากันแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็รักษาวาจาสัตย์ ไม่ทำร้ายกัน แล้วต่างคนก็ต่างแยกกันกลับไป

คราวที่นัดพบกับนายตำรวจใหญ่นั้น ตำรวจใช้หลวงพ่อเงินเป็นสื่อนัดพบ คณะที่ไปพบเสือผาดมี พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 7 นครปฐม พ.ต.อ.สะอาด รัชตะประกร ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายทองสุก สุวัตถี นายอำเภอเมืองนครปฐม นายหล่อ สีละชาติ ศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม และ นายชื่น ทักษิณานุกูล ลูกศิษย์และลูกบุญธรรมของหลวงพ่อเงิน โดยนายชื่น ทักษิณานุกูล ได้ล่วงหน้าไปก่อน ได้ไปพบกับนายจันทร์ ชาวบ้านตำบลดอนยายหอม และได้พบกับเสือผาดที่นั่น แล้วจึงพาเสือผาดมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่หน้าโบสถ์วัดดอนยายหอม โดยมีหลวงพ่อเงิน เป็นประธานอยู่ด้วย

เมื่อเสือผาดได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บังคับการ ตำรวจภูธรเขต ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัด เขาก็ยิ้มอย่างใจเย็น แล้วสารภาพว่าเขาได้ปล้นฆ่าที่ไหนมาบ้าง แล้วเสือผาดก็คุยกับหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินจึงถือโอกาสพูดเทศนาสั่งสอน โดยไม่ต้องติดกัณฑ์เทศน์ว่า

"เสือผาดนี้ก็เหมือนคนที่ขุดบ่อ ยิ่งขุดก็ยิ่งลงลึกลงไปทุกที ตัวก็จงลงไปทุกที หนักเข้าก็ลึกจนขึ้นไม่ได้ ได้แก่คนที่ทำบาปกรรมไว้ เป็นที่เกลียดกลัวของมหาชน และเป็นที่ต้องการของเจ้าหน้าที่ ทางที่ดีควรจะหยุดขุดบ่อฝังตัวเอง นานเข้าความชั่วที่ทำไว้ก็จะลืมเลือนไป จากความเกลียดกลัวของประชาชน ก็จะกลายเป็นคนดีได้อย่างสนิทเหมือนบ่อที่ขุดไว้ นานปี ธรรมชาติก็ช่วยกลบเกลื่อนให้หลุมตื้นขึ้นเป็นชั้นเสมอกับพื้นดินเดิม"

"เสือผาดก็เป็นคนไทย นับถือพระพุทธศาสนา ตัวเสือผาดเองก็มีคุณพระแขวนคอ คุ้มตัว จนคนทั่วไปเรียกชื่อว่า "คุณพระ" ขึ้นชื่อว่าเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของคนอื่นเป็นบาป จงสลัดบาปออกเสีย หันมาทำดี ก็จะเป็นโอกาสอันดี เจ้าหน้าที่เขาก็จะผ่อนผันโทษหนักให้เป็นเบาได้"

เสือผาดก็รับคำว่า จะขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ แต่เขายังมีภาระรุงรังอยู่ขอไปจัดการให้เรียบร้อยเสียก่อน

เมื่อคุยกันถึงเรื่องธุระเสร็จแล้ว พล.ต.ต.เนื่อง อาขุบุตร ซึ่งเป็นผู้สนใจทางพระเครื่องอยู่ ก็คุยถึงเรื่องพระเครื่อง ต่างคนต่างนำออกอวดกัน เสือผาดก็ควักออกมาอวดบ้าง

"พระเครื่องของผมก็ศักดิ์สิทธิ์นักเคยเข้าตาจนมาแล้วหลายครั้ง อาราธนาพระองค์นี้ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัยมาทุกครั้ง พระองค์นี้ไม่ใช่อยู่ยงคงกะพันอย่างเดียว ยังใช้ในทางแคล้วคลาด และกำบังตัวได้ด้วย เวลาทิ้งพระองค์นี้ลงไปในน้ำที่ขุ่น น้ำตรงนั้นจะเกิดช่องว่างใสเป็นทางลงไป จนถึงดินที่พระองค์นั้นนอนอยู่ทีเดียว"

เสือผาดย้ำว่า

"จะทดลองเดี๋ยวนี้ก็ได้"

พระเครื่องดินเผาองค์นั้น เป็นพระเครื่องของหลวงพ่อรุ่งอาจารย์ของหลวงพ่อเงิน ซึ่งหลวงพ่อเงินก็มีติดตัวอยู่องค์หนึ่ง คราวเดินธุดงค์ก็นำติดตัวไป

หลวงพ่อรุ่งองค์นี้ บวชอยู่วัดดอนยายหอม มีชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ขลัง ไม่ได้เป็นสมภารเจ้าวัดอะไร ชอบทางวิทยาคม มีคนยกย่องว่าเก่งทางคาถาอาคม ชอบไปทางเวทย์มนต์คาถา มีเครื่องมือในการทำเครื่องรางของขลังพร้อม เหล็กสัก เหล็กจาร หลอดไม้รวก สำหรับลงตะกรุด ลูกอม สักให้แล้วก็ทดลองใช้มีดดาบฟันทันที หลวงพ่อรุ่งเก่งอีกทางหนึ่งคือให้หวย เมื่อหลวงพ่อเงินบวชใหม่ ๆ เคยให้หลวงพ่อเงินไปช่วยนั่งบริกรรมปลุกเสกพระ และเครื่องรางในโบสถ์

ในชีวิตของหลวงพ่อรุ่ง ได้ทำพระดินเผาไว้ประมาณ 10 องค์ เป็นดินเผาสีแดง ที่เสือผาดใช้เป็นพระเครื่องรางคุ้มตัวอยู่นั้นองค์หนึ่ง และมีที่หลวงพ่อเงินอีกองค์หนึ่ง เสือผาดมีอาจารย์เดียวกับหลวงพ่อเงิน จึงมาเคารพนับถือหลวงพ่อเงินเป็นครูอาจารย์อีกองค์หนึ่ง

แต่ดูเหมือนเสือผาดจะเสียสัตย์ที่ได้ลั่นวาจาไว้ต่อหน้าหลวงพ่อเงินว่าจะมอบตัว แต่ไม่ยอมมอบตัว จึงได้จบชีวิตลงที่ตำบลคุ้งพยอม อำเภอบ้านโป่งในเวลาต่อมา โดยยิงตัวเองตายในที่ทุ่งนา แล้วตำรวจก็ตัดหัวมาเสียบประจานไว้ข้างองค์พระปฐมเจดีย์ วันนั้นข้าพเจ้าได้ข่าวจึงรีบเดินทางไปดู ได้เห็นหัวเสือผาดถูกตัดแค่คอเสียบไว้ เหมือนหัวโขน หรือหัวละคร หลังโรงหนัง โรงละคร

ถึงแม้ว่าชีวิตของเสือผาด จะไม่ได้ทำคุณงามความดีไว้ให้แก่ใคร นอกจากให้ความคุ้มครองป้องกันพรรคพวกของตัวไว้ไม่ให้ใครข่มเหงรังแก เสือผาดก็ฆ่าแก้แค้นให้ทันทีทันควัน ก็ดูเหมือนว่ามีคุณงามความดีอยู่แค่นั้น

แต่สิ่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครนึกถึงเลย ก็คือ เสือผาดได้สร้างคุณงามความดีให้แก่ตำรวจทางอ้อม หลังจากเสือผาดตายแล้ว ตำรวจที่ไปล้อมจับคราวนั้น ที่เคยปากสั่น ขาสั่น มิ่งขวัญหายเพราะกลัวตายก็กลายเป็นผู้กล้าหาญไปทั่วหน้า พบหน้าใครก็คุยเขื่องเรื่องปราบโจรปล้นคุ้งพยอมล้อมจับเสือผาด บ้างก็คุยว่าเสือผาดตายเพราะลูกปืนจากปากกระบอกของตน หลายคนได้เลื่อนยศกันคราวนั้น แม้แต่ พ.ต.ท.ประชา บูรณะธนิต ก็ได้เลื่อนยศขึ้นเป็น พันตำรวจเอก ในคราวนั้นด้วย คงจะพอกล่าวได้ว่า เสือผาดสร้างคุณงามความดีไว้ให้แก่ตำรวจทางอ้อม

และเรื่องเสือผาด ทับสายทอง มีชื่อหลวงพ่อเงินเข้าไปเกี่ยวข้องอยู่ด้วยโดยทางตำรวจขอร้องให้ท่านเป็นสื่อ เป็นประธานในการนัดพบพูดจากันกับเสือร้าย 7 จังหวัด ชื่อ ผาด ทับสายทอง หรือที่มีสมญานามด้วยความเกรงกลัวว่า "คุณพระ"

สมัยเสือผาด ทับสายทอง มีชีวิตอยู่ ไม่มีใครกล้าออกชื่อเสือผาดเรียกกันว่า "คุณพระ"

ส่วนข้าพเจ้าไม่ค่อยกลัวเสือผาด ทับสายทอง เพราะข้าพเจ้าเป็นลูกศิษย์ของของหลวงตาปาน ทับสายทอง วัดห้วยจระเข้ ซึ่งเป็นอาของเสือผาด ทับสายทอง แล้วยังมีเพื่อนอีกคนหนึ่งเขาไม่อยากใช้นามสกุลทับสายทอง ข้าพเจ้าจึงตั้งนามสกุลให้ว่า "มิ่งมนตรี" เพราะพ่อเขาชื่อ มิ่ง ทับสายทอง







........................เฉียดตายแต่ "รอด" เพราะ "พระเครื่อง" !!!
........."พระเครื่อง" จะต้องทำความเข้าใจว่า เป็นคนละส่วน คนละชนิดกับ "เครื่องราง-ของขลัง" แต่คนส่วนมากชอบเรียกรวมกันว่า พระเครื่อง คือ เครื่องราง-ของขลัง คนเรามักจะมีความเชื่อว่า พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง จะต้องคุ้มครองแต่คนที่ทำความดี ส่วนคนที่ทำความชั่วพระท่านจะไม่คุ้มครอง นั่นเป็นความเชื่อที่ผิด
ท่านจะคุ้มครองทุกคนโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่เลือกว่าคนนี้เป็นตำรวจ คนนี้เป็นโจร รวมความก็คือ ผู้ใดก็ตามหากใส่พระเครื่องท่านแผ่พุทธคุณคุ้มภัยให้หมด
ในอดีต?
.........เสือผาด ทับสายทอง เป็นขุนโจรที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันมากในจังหวัดนครปฐม เสือผาดเป็นเสือร้ายที่มีประวัติน่าเกรงขาม ปล้น ฆ่า ข่มขืน จนคนทั่วไปขนานนามเสือผาดว่า ขุนโจรร้อยศพ !
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามไล่ล่าเสือผาด แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องคว้าน้ำเหลวทุกครั้งไป คุณลุงเสงี่ยม พู่คำ ชาวดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม ปัจจุบันอายุ 67 ปี ได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ในเหตุการณ์ที่ตำรวจไล่ล่าเสือผาดอย่างกระชันชิด เคยเห็นปากกระบอกปืนเป็นจำนวนมาก พุ่งเป้าไปที่ร่างของเสือผาด แต่กระสุนทุกนัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ถูกเสือผาดเลยแม้แต่นัดเดียว
........"วันนั้นตำรวจได้ข่าวว่าเสือผาดจะปล้นที่บ้านดอนยายหอม กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจยกมาเป็นร้อย อาวุธปืนยาวคาร์บินคนละกระบอก พอมาถึงก็กระจายกำลังไว้รอบด้าน ตอนนั้นเป็นเดือนพฤศจิกายน ปี 2510
 
 
ชาวบ้านไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน พอตอนเที่ยงเศษๆ เสือกับลูกน้องก็นั่งเรือกันมา พอจังหวะที่เสือผาดก้าวลงจากเรือเท่านั้น .ตำรวจก็ระดมยิงใส่ทันที"
ทำไมตำรวจจึงไม่คิดจะจับเป็นเสือผาด?
"เขาไม่ยอมให้จับหรอก ตำรวจถูกเสือผาดยิงตายไม่รู้กี่ศพมาแล้ว เพราะต้องการอยากจะจับเป็น เสือผาดมีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่งก็คือ เขาหายตัวได้"
แสดงว่าเสือผาดเป็นศิษย์มีครู?
"ใช่ เสือผาดเป็นศิษย์มีครูจริงๆ และครูของเสือผาดนั้นก็คือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นั่นเอง เสือผาดได้ของดีไปจากหลวงพ่อเงินหลายอย่าง เช่น เหรียญรุ่นแรก ผ้ายันต์ และวิชากำบังตัว แค่เหรียญอย่างเดียวก็เหลือกินแล้ว แต่นี่ได้ทั้งผ้ายันต์ ได้ทั้งวิชากำบังตัว ตำรวจที่ไหนจะจับเสือผาดได้ล่ะ"
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่า พระเครื่อง เครื่องรางของขลัง จะคุ้มครองพวกโจรผู้ร้ายด้วยอย่างนั้นหรือ?
"แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องของพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก คือ อำนาจของพระพุทธคุณที่พูดมาทั้งหมดนั้น ท่านจะคุ้มครองคนทุกคนที่สวมใส่ จะไม่แยกแยะว่าคนไหนดี คนไหนชั่ว"
แสดงว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเสือผาดก็สิ้นชื่อ?
"ไม่หรอก เสือผาดพอได้ยินเสียงปืนก็กระโดดขึ้นฝั่ง มันก็เป็นเรื่องแปลก แทนที่จะกระโดดลงเรือแล้วหนีไป โอกาสจะมีมากกว่าหนีขึ้นฝั่ง เข้าใจว่าตอนนั้นเสือผาดคงจะตกใจมากกว่า เลยทำให้ตัดสินใจพลาด พอเสือผาดขึ้นฝั่งก็ออกวิ่งทันที เสือผาดวิ่งตรงไปที่กำลังของตำรวจซุ้มอยู่ ลุงเห็นตำรวจนับร้อยระดมยิงใส่เสือผาดเสียงดังสนั่น ชาวบ้านได้ยินเสียงปืนก็วิ่งมาดู เสือผาดถูกจับได้ แต่ที่น่าแปลกก็คือ ตามตัวไม่มีร่องรอยของกระสุนปืนเลยแม้แต่นัดเดียว"
ลุงเห็นกับตาเลยหรือครับ?
"ใช่ ลุงเห็นกับตาตัวเองเลย ทุกวันนี้ยังจำภาพนั้นได้ดี พอตำรวจได้ตัวเสือผาดก็เอาตัวเข้ากรุงเทพทันที เสือผาดถูกตัดสินใจประหารชีวิต ตำรวจเอาตัวเสือผาดมายิงเป้าที่หน้าองค์พระ คนดูนับพันๆ คน"
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสือผาดไม่เข้าเพราะอะไร?
"ตำรวจบอกว่าเสือผาดอมเหรียญของหลวงพ่อเงินไว้ในปาก เหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มีกิตติศัพท์ในเรื่อง คงกระพันชาตรี อยู่แล้ว"
บรรยากาศตอนที่เสือผาดถูกยิงเป้าเป็นยังบ้าง?
"เสือผาดเป็นเสือที่มีประวัติเหี้ยมโหดมาก พอยิงเสือผาดตาย ตำรวจก็ให้ตัดหัวเสือผาดแล้วเสียบประจานกลางองค์พระ"
คุณลุงเสงี่ยม พู่คำ เป็นผู้ที่มีความในใจในพระเครื่อง และเครื่องรางของขลัง ในชีวิตเคยพบกับประสบการณ์ เฉียดเป็น เฉียดตาย จนนับไม่ถ้วนมาแล้ว
การที่จะเป็นเซียนพระมีขั้นตอนอย่างไรบ้างครับ ?
"ความสนใจ สิ่งแรกเลยคนที่จะเป็นเซียนพระ เขาจะต้องมีความสนใจ อยากเรียนรู้ในพระเครื่อง ศึกษาประวัติความเป็นมาจนรู้แจ้งเห็นจริง คนที่ไม่สนใจใฝ่รู้จริงๆ โอกาสที่จะเก่งจนถึงขั้นเป็นเซียนพระ พูดได้เลยว่าไม่มีทาง"
เมื่อมีความสนใจแล้ว ขั้นตอนต่อมาควรปฏิบัติอย่างไร?
"ก็เสาะหาพระเครื่องหรือเครื่องรางของขลัง ซึ่งเราต้องการจะศึกษา เช่นหากว่าเราต้องการจะเดินสายพระกรุเก่า เราก็จะต้องเสาะหาพระกรุเก่ามาศึกษา อาจจะอ่านจากตำราควบคู่ไปด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ พระกรุเก่าบางพิมพ์ราคาไม่แพง องค์ละไม่กี่ร้อยก็มีถมเถไป หัดดูพิมพ์พระ ดูเนื้อพระ จำให้ขึ้นใจ มือใหม่อย่าเพิ่งไปจับพระราคาแพงๆ การเรียนรู้สิ่งใดก็ตาม จะต้องมีขั้นตอน อย่าริเรียนทางลัด มันจะถูกหลอก วงการพระเครื่องน่ากลัวมาก"
การเล่นพระเครื่องมีข้อห้ามอย่างไรบ้าง?
"ข้อห้ามที่สำคัญที่สุด ซึ่งคนที่เล่นพระเครื่องจะลืมไม่ได้เลยก็คือ ห้ามด่าแม่ ห้ามพูดคำหยาบ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ พลั้งปากออกมาเมื่อใด พระพุทธคุณจะเสื่อมทันที"
ในชีวิตเคยพบกับเหตุการณ์ใดบ้างที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
"มีหลายครั้งด้วยกัน แต่ก็รอดมาอย่างปาฏิหาริย์ทุกครั้ง เชื่อว่าเกิดจากพระพุทธคุณของพระเครื่อง เช่น มีอยู่วันหนึ่งขับรถไปทำธุระที่จังหวัดกาญจนบุรี วันนั้นฝนตกลงมาหนักมาก มองถนนแทบไม่เห็น จู่ๆ รถคันที่วิ่งสวนมาเกิดกินเลนมาทางฝั่งเรา ผมตกใจก็หักหลบ ตอนนั้นถนนมันลื่นมาก หักหลบก็ได้เรื่องเลย รถพุ่งตกลงไปข้างทาง ซึ่งมีความลึกราวๆ 10 เมตร เรียกว่าลึกมาก เสียงดังสนั่นแก้วหูแทบแตก มันเจ็บระบมไปทั้งตัว พยายามเรียกให้คนช่วยแต่ก็ไม่มีใครได้ยิน คงจะเป็นเพราะฝนกำลังตกหนัก .........ตอนนั้นมันขยับตัวไม่ได้ เข้าใจว่าขาคงจะหัก ตอนนั้นนึกถึงหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม ซึ่งเราห้อยติดตัวอยู่ตลอดเวลา ภาวนาขอให้ท่านช่วย พักเดียวก็เหมือนมีแสงสว่างวูบเข้ามาในรถ สักพักก็ได้ยินคนพูดกันว่ามีรถตกถนน เป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยผ่านมาประสบเหตุเข้าพอดี
ผมต้องเข้าโรงพยาบาลนอนอยู่ 2 วัน เพื่อดูอาการ แต่ไม่มีอะไรมาก แค่ขัดยอกเล็กน้อยเท่านั้น คนที่มาช่วยถามผมว่าห้อยพระอะไร ดูจากสภาพรถแล้วน่าจะบาดเจ็บสาหัส แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย ผมบอกว่าห้อยเหรียญของหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เขาพูดว่า หลวงพ่อเงินอีกแล้ว เขาช่วยคนประสบอุบัติเหตุจนนับครั้งไม่ถ้วน คนที่ใส่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม มักจะปลอดภัยไม่เป็นอะไรเลยสักราย"
.........ปัจจุบัน เหรียญหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม จังหวัดนครปฐม รุ่นแรก มีราคาแพง และมีการทำปลอม (เหมือนจริง) กันมาก เหรียญรุ่นใหม่ๆ ที่ทางวัดสร้างขึ้นมา ราคาอยู่ที่หลักร้อยต้นๆ เท่านั้น แต่ พระพุทธคุณ "เข้มขลัง" เหมือนกันทุกประการครับ?
.........เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณลุงเสงี่ยม ย่อมเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า พระพุทธคุณของพระเครื่องนั้น "มีจริง" !!!  




591
สมัยที่เสือขาวจะถูกยิงเป้านั้น (เสือขาวเป็นจอมโจรเจ้าของฉายาขุนโจรร้อยศพ มีประวัติ***มโหดมากฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กแรกเกิด เสือขาวมีของดีที่อยู่กับตัวคือ "ลูกอมหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา") หลวงพ่อดิ่งได้เตือนเสือขาวว่า "มึงจะต้องตายโหงหากไม่เลิกเป็นโจร" เสือขาวตอนนั้นกำลังทะนงตัว เพราะไม่มีอาวุธใด ๆ ทำอันตรายเสือขาวได้เลย ปืนก็ยิงไม่ออก มีดก็แทงไม่เข้า ความเป็นอมตะของเสือขาวนี้เอง ทำให้เกิดความลำพองใจไม่ฟังคำเตือนของหลวงพ่อดิ่งซึ่งเป็นอาจารย์ของตัวเอง ตำรวจชุดไล่ล่าซึ่งประกอบด้วย ร.ต.อ.พจน์ รัตนดิลก จ่าบุญมี แก่นกระโทก จ่าดวง เดชชาติ ได้มาหาหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัว แล้วถามว่าจริงหรือที่ว่าเสือขาวนั้นหนังเหนียว หลวงพ่อดิ่งบอกว่า "จริง ไอ้ขาวมันหนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้าหรอก แต่มันจะแพ้ดวงของมันเอง อาตมาบอกไม่ได้หรอกว่าจะสังหารไอ้ขาวได้อย่างไร เพราะมันจะเป็นการผิดศีล"

 

            ตำรวจชุดไล่ล่าลาหลวงพ่อดิ่งกลับ ในขณะนั้นมีตาเถรคนหนึ่งซึ่งรู้จักกับจ่าบุญมีได้มาบอกว่า "ถ้าจะสังหารไอ้ขาว จะต้องใช้ลูกปืนที่หัวกระสุนทำด้วยใบมีดหมอ มีดหมอต้องเป็นของหลวงพ่อโศก วัดปากคลอง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งหลวงพ่อโศกเป็นพระสหายของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว วิชาอาคมของหลวงพ่อดิ่งที่ลงไว้ หลวงพ่อโศกท่านจะจารแก้ไว้บนใบมีดหมอของท่าน" สมัยก่อนนั้นมีดหมอของหลวงพ่อโศก วัดปาคลองยังพอที่จะหาได้ไม่เหมือนในเวลานี้ ซึ่งหามีดหมอของท่านไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งหาได้ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นของแท้หรือเปล่า เพราะของปลอมมีแยะเหลือเกิน ทำได้เหมือนของจริงจนแยกแยะไม่ออก เสือขาวได้ปะทะกับตำรวจชุดไล่ล่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้ง เพราะกระสุนเพียงนัดเดียวมันก็เกินพอที่จะทำให้เสือขาวถึงกับทรุดท้องทะลุแม้ว่าจะไม่ตายแต่ก็คางเหลืองสิ้นลายของคำว่า "จอมโจรหนังเหนียว" นับตั้งแต่บัดนั้น เสือขาวถูกพิพากษาโทษให้ประหารชีวิต (ยิงเป้า) ซึ่งกระสุนที่เพชรฆาตใช้สังหารเสือขาว หัวกระสุนทั้งหมดที่ใช้ยิงทำจากใบมีดหมอของหลวงพ่อโศก ทุกนัด  ครับ

592
ถ้าท่านเป็นคนโบราณ  มีเรื่องไปสู้รบหรือทะเลาะกับศัตรูอย่างไรก็แล้วแต่  ท่านสามารถจับศัตรูมาได้ แต่เนื่องจากศัตรูเป็นคนหนังเหนียว เอามีดเอาดาบฟันแทงอย่างไร กลับฟันแทงไม่เข้า ถามว่าท่านจะฆ่าศัตรูนั้นให้วายปราณได้อย่างไร

คนสมัยโบราณมีความเชื่อและมีวิธีจัดการอะไรกันแปลกๆนะครับ          เขาเอาของแหลมตำรูทวาร !

เป็นวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตแบบเก่าที่ฟังแล้วหวาดเสียวจริงๆ  และเพราะความหวาดเสียวนี่แหละครับ ผมจึงประทับใจ จดเรื่องแทงทวารเป็นตัวอย่างกันลืมไว้สองสามกรณี

ตัวอย่างหนึ่งได้แก่กรณีขุนศรีในเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนซึ่งว่ากันว่าเป็นเรื่องมีมาแต่ครั้งกรุงเก่า  แต่บทเสภาที่เอาพิมพ์ให้อ่านกันอยู่นี้ แต่งเมื่อราวสมัย ร.2-3   หรือเมื่อเกือบ 200 ปีมาแล้ว

            พูดง่ายๆว่าเป็นร่องรอยของชีวิตจริง   เคยมีการปฏิบัติกันมาแล้วจริงๆ

            เปิดไปดูเสภาตอน 2 เลย   ในนั้นเขียนว่าเมื่ออ้ายโจรจันศรบ้านโป่งแดงยกพวกไปปล้นบ้านขุนศรีวิชัย บ้านรั้วใหญ่ สุพรรณบุรี พอเอาขวานจามบ้านขุนศรีวิชัยยิงปืนบุกเข้าไปได้แล้ว ขุนศรีวิชัยไม่ยอมให้จับตัว กระโดดหนีออกจากเรือนไปเลย  อยู่ทางนี้อ้ายจันศรจับนางเทพทอง ผู้ภรรยา กับขุนช้าง ลูกขุนศรีวิชัยกับนางเทพทองได้

            ฝ่ายขุนศรีวิชัย หนีออกจากเรือนแล้ว ไม่คิดถอย กลับคุมชาวบ้านมาสกัดตัดทางพวกโจร  เมื่อพวกโจรมาถึงก็เกิดการสู้รบกันอย่างรุนแรง  ชาวบ้านถูกฆ่าล้มตายหลายคน ขุนศรีวิชัยไม่ย่อท้อ ถือหอกสู้กับอ้ายจันศรอย่างสุดฤทธิ์  แต่ที่สุดก็เคราะห์ร้ายเสียจังหวะ  กอดปล้ำแล้วล้มกลิ้ง  ถูกโจรรุมจับตัว จากนั้นอ้ายเหล่าร้ายใจทมิฬก็จัดการเด็ดชีวิตขุนศรีวิชัย

            ทว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย....เอาดาบสับเข้าที่หัวกลับหาเข้าไม่   ผูกคอแทงผึงก็ไม่เข้า กลับสะท้อนราวแทงขอนไม้  เอาดาบฟันเข้าที่บ่าล่ะ    ดาบกลับหักยับเยิน   ขโมยว่าอ้ายนี่มันดีครัน  หอกดาบหักสะบั้นยับเยินไป   จึงมัดตีนคุดคู้ดังหมูปิ้ง  ทั้งแทงทั้งยิงหาเข้าไม่   อ้ายขโมยอิดหนาระอาใจ  นี่จะทำอย่างไรพอได้คิด

            ?จึงเอาหลาวตำรูทวารไป  ขุนศรีวิชัยก็ดับจิต  ตายอยู่กลางป่าหลับตามิด   อ้ายขโมยทำฤทธิ์ยิงปืนไฟ?   เมื่อพวกโจรไปแล้ว นางเทพทองกับขุนช้างลูกน้อยมาพบศพเข้าก็

ร่ำไห้แทบขาดใจ   จนคลายโศกลงได้บ้างแล้วก็ช่วยกันกับบ่าวไพร่หามศพไปฝัง ได้เวลาสมควร จึงทำพิธีเผาตามประเพณี

            ต่อไปลองดูหนังสือ พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา  คำว่าพระราชหัตถเลขา หมายความว่า เป็นพระราชหัตถเลขาในรัชกาลที่ 4 ทรงตรวจแก้ไขต้นฉบับที่กรมหลวงวงศาธิราชสนิทเป็นผู้จัดทำถวาย    ถ้าท่านมีฉบับสำนักพิมพ์คลังวิทยา จัดพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2516 ให้ดูในเล่ม 2 หน้า  289  เป็นเหตุการณ์ พ.ศ.2309 ตอนกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตกเต็มที

            ท่านว่าเมื่อพระยากำแพงเพชร(พระเจ้าตากสิน) เป็นนายกองทัพเรือสู้กับพม่า  พระยากำแพงเพชรให้พระยาเพชรบุรี (เรือง) เป็นกองหน้า  หลวงศรเสนีเป็นกองหนุน ยกทัพเรือออกไปจากอยุธยาไปพบกันที่วัดป่าแก้ว คอยตีเรือฝ่ายพม่าที่จะมีไปมาหากัน

            ฝ่ายกองทัพพม่า ยกขึ้นมาแต่ค่ายบางไทร กับค่ายขนอนหลวง วัดโปรดสัตว์มาถึงกลางทุ่งตรงวัดสังฆวาส  พระยาเพชรบุรีให้ทหารแจวเรือรบ 5 ลำของตนเข้าตีเรือพม่า   ได้รบกันเป็นสามารถ ทำให้ทหารล้มตายลงทั้งสองฝ่าย    แต่เรือพม่ามีมากกว่า และเรือฝ่ายไทยจอดรอดูเสีย หาเข้าช่วยอุดหนุนไม่  พม่าเอาหม้อดินดำติดเพลิงทิ้งลงในเรือพระยาเพชรบุรี ดินลวกเอาไพร่พลป่วยโดดลงน้ำ พม่าได้ทีก็ฆ่าฟันทหารไทยในเรือในน้ำตายเป็นอันมาก

            จากนี้พระราชพงศาวดารกล่าวว่าพม่าจับตัวพระยาเพชรบุรีได้ พระยาเพชรบุรีอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า

            ?จึงเอาไม้หลาวเสียบแทงทางทวารหนักถึงแก่ความตาย?   เป็นที่น่าสลดใจ

            นี่จะเห็นได้ว่าแม้พม่าก็รู้คติเดียวกันกับไทย   แสดงว่าเป็นทางแก้แบบโบราณที่ใช้กันทั่วไป   แต่เรื่องอยู่ยงคงกระพันถึงขนาดฟันแทงไม่เข้านั้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์   ไม่รู้จะพิสูจน์ได้อย่างไร

            สุดท้าย เป็นเรื่องใกล้ปัจจุบันมาก ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับว่ายังมีการแทงทวารกันเมื่อราว 40 กว่าปีมานี้เอง เรื่องนี้เกี่ยวกับเสือใหญ่แห่งสุพรรณบุรีคือเสือฝ้ายตัวลือ   ผมเคยได้เนื้อเพลงเรื่องเสือฝ้ายมาจากพ่อไสว  วงษ์งาม พ่อเพลงเพลงอีแซว    ตั้งแต่ พ.ศ.2526  เคยถอดเทปลงหนังสือสุพรรณฝันหวาน และเคยเอาไปรวมเล่มในหนังสือ ดาวร้ายในอดีต   ท่านที่สนใจเนื้อเต็มขอให้ไปหาอ่านดู

            จะสรุปเอาแต่เนื้อความสำคัญคือเสือฝ้ายเป็นเสือเพราะทะเลาะกับผู้ใหญ่เบี้ย อำเภอเดิมบางจนถูกจับขังคุก   ครั้นออกจากคุกแล้ว เสือฝ้ายอาฆาตผู้ใหญ่เบี้ยก็ไปฆ่าผู้ใหญ่เบี้ยตาย แล้วหนีเข้าป่าเข้าดงเป็นเสือไป

            หลังจากปล้นฆ่าอยู่นาน นายตำรวจคนดัง คือร้อยเอกยอดยิ่งก็ไปตามจับเสือฝ้ายจนกระทั่งได้ตัว    ร้อยเอกยอดยิ่งพาเสือฝ้ายไปยิงที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง เข้าใจว่าสมัยนั้นคงเป็นยุคปราบอันธพาลอย่างจริงจัง  ตำรวจจึงสามารถใช้อาญาสิทธิ์จัดการขั้นเด็ดขาดได้เพื่อให้โจรผู้ร้ายเกรงกลัว

            พ่อไสวเล่าว่าถึงเวลายิง  เสือฝ้ายเป็นคนอยู่ยงคงกระพัน  ยิงทางไหนก็ยิงไม่เข้า ตำรวจจึงจัดการเอาตัวมัดเข้ากับต้นพุทรา    จากนั้นก็ใช้วิธีโบราณคือ ....................

?ยิงไม่ตายคราวนี้ต้องใช้เหล็กแดง 

เข้ามาทิ่มมาแทง ถึงจะตาย

            เสือฝ้ายก็เลยตายลงไปเป็นผี

            มาจนป่านฉะนี้มีกันที่ไหน....?

            ฟังเพลงอีแซวแล้วอยากถามคนวิเศษชัยชาญอีกทีว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง?

ที่มา เขียนเมื่อ วันอังคารที่ 5  มีนาคม พ.ศ.2545 แฟ้มAN782กุลสตรี8แทงก้น


593
วิชาเสือสมิง สุดยอดจริงๆ  ขุนแผนท่านก็เสน่ห์แรงจริงๆ :016:

594
คาถาดีๆ และเคล็ดลับดีๆ ทั้งนั้นเลยครับ ขอบคุณมาก 

ผมชอบของพี่พีท นะ  ที่ว่า "จงเป็นของกูนะ เอามาให้ได้นะ" อะไรประมาณนี้

ท่องดังๆ ตอนเที่ยว คงมีอะไรดีๆตามมา หุห

ขำๆ ครับ

ท่องดังสาวๆ อาจวิ่งหนีได้ นะท่าน ชิตตะยังไง ก็แนะนำมุกเด็ดให้น้องๆบ้าง จะได้ไม่หนาวตาย :003:

ผมมันคนรูปไม่หล่อ พ่อก็ไม่รวย ของเสน่ห์ก็ไม่ค่อยมี สาวๆที่ไหนจะสนใจ มีแต่ความจริงใจ ยังท่านชิตตะแนะนำหน่อย :065:

595
ขอบคุณท่านเอ็กมาก :054: จะได้เข้าสำนัก กุฏิได้ถูก :016:

597
 "ตรุษจีน" เป็นเทศกาลสิริมงคลของคนไทยเชื้อสายจีนและบุคคลทั่วไป ที่มีความเชื่อในสิ่งศรัทธา ซึ่งชาวจีนสืบทอดเป็นประเพณีมายาวนาน โดยในแต่ละปี แต่ละคน แต่ละครอบครัวอาจประสบอุปสรรคชีวิตไม่เหมือนกัน เมื่อมาถึงปีใหม่ก็ต้องการขจัดปัดเป่าอุปสรรค และให้ชีวิตในปีใหม่มีความสมปรารถนา ด้วยเหตุนี้จึงมีการไหว้เทพเจ้า ไหว้สิ่งสิริมงคล เพื่อเสริมดวงชะตาและโชคลาภให้กับชีวิต . . .  ว่าแล้วตรุษจีนปีนี้เราขอแนะนำและขอพาไปรู้จักวัดจีนสถานที่น่าไปทำบุญ น่าไปไหว้เทพเจ้า และสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันค่ะ

วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่)

          วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ เป็นวัดสังกัดจีนนิกาย ตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุง ระหว่างซอยเจริญกรุง 19 และ 21 ในเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นที่คุ้นเคยในหมู่ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวจีนจากต่างประเทศ หลายคนรู้จักวัดแห่งนี้ในนาม "วัดมังกร" เพราะคำว่า "เล่ง" หรือ "เล้ง" ในภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่ามังกร ส่วนคำว่า "เน่ย" แปลว่า ดอกบัว และคำว่า "ยี่" แปลว่า วัด แต่ชื่อวัดอย่างเป็นทางการคือ "วัดมังกรกมลาวาส" ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5

          วัดนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2414 (ประมาณ 130 ปี ล่วงมาแล้ว) ใช้เวลาก่อสร้าง 8 ปีกว่า  มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบทางจีนตอนใต้ของสกุลช่างแต้จิ๋ว โดยวางแปลนตามแบบวังหลวง คือ มีวิหารท้าวจตุโลกบาลเป็นวิหารแรก ตรงกลางเป็นพระอุโบสถ ข้างหลังพระอุโบสถเป็นวิหารเทพเจ้า การสร้างใช้ไม้และอิฐเป็นวัสดุสำคัญ

          จากประตูทางเข้า เข้าไปจะถึงวิหารท้าวจตุโลกบาล จะเห็นเทพเจ้า 4 องค์ (ข้างละ 2 องค์) ในชุดนักรบจีน และถืออาวุธและสิ่งของต่างๆ กัน เช่นเครื่องดนตรี ดาบ พิณ เจดีย์ทรงสูง คนจีนเรียกว่า "ซี้ไต๋เทียงอ้วง" หมายถึง เทพเจ้าที่ปกปักษ์รักษาคุ้มครองทิศต่างๆ ทั้ง 4 ทิศ

          ถัดจากวิหารท้าวจตุโลกบาล คือ อุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานของพระประธานของวัด คือ พระศากยมุนีพุทธเจ้า คนจีนเรียก "ทีหุกโจ้ว" มีทั้งหมด 3 องค์ พร้อมพระอรหันต์อีก 18 องค์ เรียกว่า "ตึ่งนั้ง" หรือคนจีนว่า "จับโป่ยหล่อหั่ง"

          ทางด้านขวามีเทพเจ้าต่างๆ หลายองค์ เช่น เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตา คนจีนเรียกว่า "ไท้ส่วยเอี๊ย" เทพเจ้าแห่งยาหรือหมอเทวดา "หั่วท้อเซียงซือกง" และที่นิยมไหว้ขอพรมากคือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ "ไฉ่ซิ้งเอี๊ยะ" เทพเจ้าเฮ่งเจีย คนจีนเรียกว่า "ไต่เสี่ยหุกโจ้ว" พระสังขจาย หรือ "ปู๊กุ่ยหุกโจ้ว" "กวนอิมเนี้ย" หรือ เจ้าแม่กวนอิม "แป๊ะกง" และ "แป๊ะม่า" รวมเทพเจ้าในวัด จะมีทั้งหมด 58 องค์ กลิ่นธูปและควันเทียนยังไม่เคยจางหายไป ตราบเท่าความศรัทธาของมนุษย์ยังอยู่คู่โลก

          ทั้งนี้ วัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่) เปิดให้สะเดาะเคราะห์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00น. - 18.00 น. สถานที่ตั้ง 423 ถนนเจริญกรุง เขตป้อมปราบ กรุงเทพฯ 10100 โทร. 0-2222-3975, 0-2226-6553

วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์

          วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์ ตั้งอยู่ที่ตำบลโสนน้อย อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี พื้นที่เดิมก่อนเคยเป็นโรงเจขนาดเล็ก มีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ เป็นโรงเจที่ชาวบ้านบางบัวทองให้ความศรัทธามาช้านาน ต่อมาคณะสงฆ์จีนนิกายมีปณิธานจะพัฒนาที่ส่วนนี้ให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ เพื่อสร้างเป็นวัดเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช เนื่องในวโรกาสเถลิงถวัลย์ครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี วัดนี้มีพื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ โดยคณะสงฆ์จีนนิกายมอบให้

          ทั้งนี้ พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (พระอาจารย์เย็นเชี้ยว) เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างและมีพระมหาคณาจารย์จีนธรรมสมาธิวัตร เป็นประธานที่ปรึกษา พร้อมทั้งพุทธบริษัทไทย - จีน ร่วมกันสร้างเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลสมัยปีกาญจนาภิเษก

          อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชานุญาตให้สร้างวัด และพระราชทานนามว่า "วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ คณะสงฆ์จีนนิกายรังสรรค์" ท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ฯ จึงนำมาซึ่งความปิติยินดีของชนชาวไทยเชื้อสายจีน และความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อคณะสงฆ์จีนมาโดยตลอด

          วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 18.00 น.

 วัดกัมโล่วยี่

          วัดกัมโล่วยี่ หรือ วัดทิพยวารีวิหาร สร้างในสมัยกรุงธนบุรีในปี พ.ศ. 2319 รัชสมัยของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ทรงพระราชทานที่ดินฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้เป็นที่อาศัย ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ องค์เชียงสือนัดดาเจ้าเมืองเว้ ได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและได้ลักลอบหนีกลับเมือง กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงแคลงพระทัยชาวญวนจึงได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้กลุ่มชนชาวญวนซึ่งมีอยู่มากในบริเวณนั้น ย้ายออกไปอาศัยอยู่ที่อื่น เพื่อให้ห่างจากพระนคร ชุมชนบริเวณนี้ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยของคนไทย คนจีน และคนญวน เชื้อสายพุทธจึงอยู่ในความเงียบสงบ วัดทิพยวารีวิหาร (กัมโล่วยี่) ในขณะนั้นจึงมีสภาพคล้ายรกร้าง ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาเลยอีกนานหลายปี

          จนถึงประมาณปี พ.ศ.2439 พระอาจารย์ไหซัน พระภิกษุจีนชาวมณฑลหูหนาน ได้จาริกมาจำพรรษาที่วัดทิพยวารีวิหารแห่งนี้ ท่านจึงได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ และได้ชักนำคนไทย - คนจีนในเขตนั้น อันมีนายเช็งเต็ก แซ่เจี่ย และนางซิ่วออม แซ่ตัน สองสามีภรรยาคหบดีผู้กว้างขวางในกลุ่มชาวจีน ในย่านตลาดมิ่งเมืองเป็นแกนนำ ต่อมาทายาทของครอบครัวท่านทั้งสองนี้ ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6 ว่า "เศวตมาลย์"

          พระอาจารย์และประชาชนในครั้งนั้น ได้ร่วมกันบูรณปฏิสังขรณ์วัดใหม่ทั้งวัด จนวัดอยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) จึงได้ทรงพระราชทานสมณศักดิ์ให้อาจารย์ไหซัน เป็นหลวงจีนธรรมรสจีนศาสน์ ปลัดซ้ายจีนนิกายดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส และได้ทรงพระราชทานนามวัดกัมโล่วยี่ให้ใหม่ว่า "วัดทิพยวารีวิหาร" ตรงกับ พ.ศ.2452 เหตุที่ให้ชื่อวัดเป็นเช่นนี้ เพราะที่วัดนี้มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือบ่อน้ำทิพย์อยู่นั่นเอง ตั้งแต่นั้นมาคนทั้งหลายจึงเรียกวัดกัมโล่วยี่ หรือวัดน้ำทิพย์นี้เป็น "วัดทิพยวารีวิหาร"  อันเป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์จีนนิกายจนถึงปัจจุบัน

          สำหรับท่านที่สนใจจะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดทิพยวารีวิหารหรือวัดกัมโล่วยี่ ไปได้ที่ สถานที่ตั้ง 119 ซอยทิพยวารี ถนนตรีเพชร เขตพระนคร (บ้านหม้อ) กรุงเทพฯ 10200  โทร. 0-222-5988

ศาลเจ้าพ่อเสือ ตั้งอยู่เลขที่ 468 ถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เป็นศาลเจ้าชาวจีนที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐานเฮี้ยงเทียนเซียงตี่ และรูปเจ้าพ่อเสือ หรือที่คนจีนเรียกว่า "ตั่วเล่าเอี้ย" (บ้างก็เรียกเฮี๊ยงเทียนเสี่ยงตี) เป็นศาลที่ทั้งคนจีนและคนไทยให้ความเคารพ และมากราบไหว้กันนานเป็นร้อยปี ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างโดยชาวจีนแต้จิ๋ว เดิมตั้งอยู่บริเวรถนนบำรุงเมือง เมื่อมีการขยายถนนในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงย้ายมาสร้างใหม่ ที่บริเวณทางสามแพร่ง ถนนตะนาว เขตพระนคร

          ลักษณะอาคารสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน เทพเจ้าประจำศาลคือ "เสียนเทียนซั่งตี้"  หรือที่คนไทยเรียกว่า "เจ้าพ่อเสือ" นั่นเอง เรื่องราวตำนานของเจ้าพ่อเสือที่ชาวบ้านย่านนี้เล่าขานนั้น เชื่อมโยงกับหลวงพ่อพระร่วง วัดมหรรณพ์ สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องชาวไทย และชาวจีนในละแวกนี้ที่มีมาช้านาน

          วิธีสักการะ ไหว้ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ และพวงมาลัย 1 พวง  การสักการะเจ้าพ่อเสือ จะต้องซื้อเครื่องเซ่น ซึ่งประกอบด้วย หมูสามชั้น ไข่ดิบ และข้าวเหนียวหวาน ชุดเล็กราคา 20 บาท และชุดใหญ่ ราคา 50 บาท

          สำหรับเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทางไปสักการะ คือ ช่วงเวลา 06.00 - 17.00 น. ทุกวัน ควรเดินทางด้วยรถประจำทางหรือรถแท็กซี่จะสะดวกกว่า เนื่องจากสถานที่จอดรถมีจำนวนจำกัด


เจ้าพ่อเห้งเจีย

          เจ้าพ่อเห้งเจีย หรือซุนหงอคง เป็นเทพผู้ประทานความสุขและเป็นผู้กำจัดเหล่าปีศาจร้าย ชนชาวจีนจึงนิยมกราบไหว้และบูชามาก ปัจจุบันศาลเจ้าหลายแห่งจะมีรูปเคารพของเทพวานร หรือเจ้าพ่อเห้งเจีย เพื่อไว้ให้คนที่เลื่อมใสศรัทธามีโอกาสเข้าไปสักการะขอพร

          ตำนานเจ้าพ่อเห้งเจียกล่าวกันว่า กำเนิดจากหินชนิดหนึ่งที่ถูกแสงสุริยันจันทราอาบมานานกว่าพันปี และแล้ววันหนึ่งก็แตกออก และมีลิงตัวหนึ่งกระโดดออกมาจากหินก้อนนั้น เจ้าลิงตัวนั้นได้บุกขึ้นไปเขาฮัวกั่วซาน (เขาผลไม้) ซึ่งมีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และตั้งตัวเป็นใหญ่มีฉายานามว่า "มุ้ยเกาอ๋อง"

          วันหนึ่งมุ้ยเกาอ๋องเห็นลิงในฝูงตัวหนึ่งตายลงด้วยความแก่ชรา จึงเกิดความวิตกและคิดจะหาทางแก้ไขที่จะทำให้ตนเองไม่ต้องเจ็บหรือตาย จึงออกจากฝูงเดินทางเสาะแสวงหาไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็พบกับเซียน "โผเถโจ๊ซือ" (สุภูติ) และได้ฝึกวิชาคาถาอาคมต่างๆ จนมีอิทธิฤทธิ์สามารถแปลงกายได้ 72 ร่าง กระโดดตีลังกาคราหนึ่งได้ไกลกว่า 300 ลี้ พร้อมกับได้ชื่อใหม่ว่า "ซุนหงอคง" เมื่อฝึกวิชาสำเร็จแล้วก็เกิดลำพองใจ เกิดร้อนวิชาออกอาละวาดไปทั่วไม่เว้นแม้กระทั่งสวรรค์หรือบาดาล ทำให้ 3 โลกปั่นป่วนไปหมด

          ร้อนถึงเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องส่งทหารสวรรค์และเทพต่างๆ ไปจับซุนหงอคง นอกจากจะจับไม่ได้แล้ว กลับถูกซุนหงอคงเล่นงานจนแตกกระจายไปหมด ในที่สุดเง็กเซียนฮ่องเต้ต้องยอมแพ้ให้ยกซุนหงอคงขึ้นเป็นใหญ่ พร้อมแต่งตั้งให้เป็น "มหาเทพฉีเทียนต้าเซิ้น"

          แต่ซุนหงอคงก็ยังเหิมเกริมไม่เลิก ในที่สุดองค์ยูไลต้องเสด็จมากำราบด้วยตัวเอง โดยจับซุนหงอคงไว้ให้ภูเขาหินทับขังไว้นานถึง 500 ปี และกำหนดไว้ว่าผู้ที่จะช่วยออกมาได้คือพระถัมซังจั๋ง และซุนหงอคงต้องยอมบวชเป็นลูกศิษย์รับใช้พระถังซัมจั๋งไปชมภูทวีป (อินเดีย) และต้องคุ้มครองพระถังซัมจั๋งไปตลอดทางด้วยจึงจะเป็นอิสระ

          ทั้งนี้ ศาลเจ้าเง็กฮกตึ๊ง (เจ้าพ่อเห้งเจีย) ตั้งอยู่ที่สวนผัก ตลิ่งชัน ซอย 19 กรุงเทพฯ โทร. 02 435-1143, 02 8842522-3


 ศาลเจ้าพ่อกวนอู

          ท่านกวนอู หยุน ฉาง (ภาษาจีนกลางเรียกนามท่านว่า กวนอี่ว์) เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเล่าปี่ และเตียวหุย ตามพงศาวดารเรื่องสามก๊ก หน้าท่านแดงตลอดเวลาเหมือนพุทราสุก มีหนวดเครางดงาม มีง้าวเป็นอาวุธคู่กาย ท่านมีความรอบรู้ด้านการทหารมาก มีพาหนะสุดยอด คือ ม้าเซ็กเทา ท่านร่วมชีวิตในการศึกร่วมกับเล่าปี่ด้วยความซื่อสัตย์จงรักภักดีและกล้าหาญ หลังจากท่านสิ้นชีวิตลง ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพเจ้าแห่งคุณธรรม และมีความซื่อสัตย์สูงส่ง

          ภายในศาลเจ้าพ่อกวนอู ประดิษฐานรูปปั้นของท่าน และด้านข้างมีรูปปั้นเทพเจ้าม้า (เบ๊เอี๊ย) เซ่นไหว้รูปม้าพร้อมกับเขย่าลูกกระพรวน ซื้อผักให้เทพเจ้าม้า และถวายของไหว้ได้ ณ ศาลแห่งนี้ ศาลเจ้าพ่อกวนอู (บางคนเรียกศาลเจ้าพ่อม้า) ผู้หลักผู้ใหญ่เก่าๆ มักแนะนำให้ลูกหลานมาไหว้ท่านทุกปี

การไหว้เจ้าพ่อกวนอู สำหรับบุคคลเกิดดวงชะตาธาตุต่างๆ

           เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุน้ำมาไหว้แล้วจะดี
           เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุทองหากเป็นข้าราชการมาไหว้จะดี                                     
           เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุดินมาไหว้แล้วจะเกิดอำนาจบารมี                       
           เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุไฟมาไหว้แล้วจะทำให้มีความเชื่อมั่นดีขึ้น
           เจ้าพ่อกวนอูเป็นธาตุไฟ คนที่เกิดธาตุไม้มาไหว้แล้วจะทำให้ใจเย็นขึ้นรอบคอบมากขึ้น

          สถานที่ตั้งศาลเจ้าพ่อกวนอู : ตรอกโรงโดม ซอยอิสรานุภาพ เดินตรงจากศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยมาเล็กน้อย ถนนเยาวราช กรุงเทพฯ


วัดจีนประชาสโมสร

          วัดจีนประชาสโมสร จังหวัดฉะเชิงเทรา หรือวัดเล่งฮกยี่ ที่ขยายมาจากวัดมังกรกมลาวาสในจังหวัดกรุงเทพมหานคร เริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2449 เป็นวัดจีนเก่าแก่แห่งศาสนาพุทธนิกายมหายาน ภายในวัดจีนมี พระพุทธรูป เทพเจ้า เจ้าแม่กวนอิม และเทพอื่นๆ ภายในวัด ถือเป็นวัดจีนเพียงแห่งเดียวในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีระฆังใบใหญ่หล่อจากชาวจีนแต้จิ๋ว มีน้ำหนักกว่า 1 ตัน ที่รอบระฆังมีอักษรมหาปรัชญาปารมิตราสูตร ถ้าผู้ใดตีระฆังก็ฟังเหมือนกับการสวดมนต์ธรรมะ ในวัดมีพระประธาน ซึ่งได้นำมาจากประเทศจีน เมื่อครั้ง 100 กว่าปีมาแล้ว

          ทั้งนี้ วัดจีนประชาสโมสร ตั้งอยู่ที่ ถนนศุภกิจ ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา

          นี่เป็นวัดจีนที่ทีมงานแนะนำมาบางส่วนเท่านั้นค่ะ ความจริงแล้วยังมีสถานที่ และวัดอีกจำนวนมากที่เพื่อนๆ สามารถไปทำบุญ และไหว้เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับชีวิตได้ ?


ที่มาthaiweekender.com  วิกีพีเดีย

598
กราบหลวงพ่อ :054:หลวงพ่อบัวเข็มก็ขึ้นชื่อ เรื่องโชคลาภจริงๆ :015:

599
หลวงพ่อสุดเรื่อง คงกระพันท่านสุดยอดจริง แม้แต่สังขารไฟอันร้อนแรงยังไม่อาจทำอะไรได้ สมกับที่เป็นอาจารย์ตี๋ใหญ่:054:









600
        ตรุษจีน เป็นวันสำคัญของจีนที่มีมาแต่โบราณที่เรียกว่า "กว้อชุนเจี๋ย" หรือ "กว้อเหนียน" เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า "เหนียน" มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน

           ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย

           ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก

           เมื่อวันส่งท้ายตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน 

           ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า "ตรุษจีน"

ตรุษจีนในภาษาจีน

ตรุษจีน หรือ เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ (ตัวเต็ม: 春節, ตัวย่อ: 春节, พินอิน: Chūnj&iacute;e ชุนจีเหย๋) หรือ ขึ้นปีเพาะปลูกใหม่ (ตัวเต็ม: 農曆新年, ตัวย่อ: 农历新年, พินอิน: N&oacute;ngl&igrave; Xīnni&aacute;n หนงลี่ ซินเหนียน) และยังรู้จักกันในนาม วันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติ เป็นวันขึ้นปีใหม่ตามประเพณีของชาวจีนในจีนแผ่นดินใหญ่ และชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลก เทศกาลนี้เริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 ของปีตามจันทรคติ (正月 พินอิน: zh&egrave;ng yu&egrave; เจิ้งยวี่เย่) และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งจะเป็นเทศกาลประดับโคมไฟ (ตัวเต็ม: 元宵節, ตัวย่อ: 元宵节, พินอิน: yu&aacute;n xiāo ji&eacute; หยวนเซียวจีเหย๋) 

          คืนก่อนวันตรุษจีน ตามภาษาจีนกลางเรียกว่า 除夕 (พินอิน: Ch&uacute;x&igrave; ฉูซี่) หมายถึงการผลัดเปลี่ยนยามค่ำคืน และคืนนี้จะเป็นวันสุดท้ายของปีนั่นเอง ซึ่งเป็นคืนที่ครึกครื้นที่สุด ใครที่ไปทำงานห่างจากบ้านเกิด ต่างก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลับมาฉลองวันปีใหม่ที่บ้าน ตอนกินอาหารมื้อค่ำ คืนก่อนขึ้นปีใหม่จีน ทุกคนในครอบครัวต่างนั่งกันพร้อมหน้าล้อมโต๊ะอาหาร ต่างชนแก้วอวยพรปีใหม่กัน ทานมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ดูทีวี บางคนก็ฟังเพลง บางคนก็นั่งคุยกัน บางคนก็เล่นหยอกล้อกับเด็กๆ บ้านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ 

          พอถึงเที่ยงคืน คนจีนทางเหนือก็จะเริ่มทำเกี๊ยว (เจี้ยวจึ) คนจีนทางใต้ ก็จะปั้นลูกอี๋ทำน้ำเชื่อม ทำไป ชิมไปทานไป ครึกครื้นอย่างยิ่ง เช้าวันรุ่งขึ้นแต่เช้า ทุกคนจะตื่นแต่เช้า เยี่ยมเพื่อนบ้าน เพื่อนฝูงอวยพรปีใหม่ :114:

601
 ทุกคนจะไม่พูดคำหยาบหรือพูดคำที่ไม่เป็นมงคล ความหมายเป็นนัย และคำว่า สี่

         ซึ่งออกเสียงคล้ายความตายก็จะต้องไม่พูดออกมา ต้องไม่มีการพูดถึงความตายหรือการใกล้ตาย และเรื่องผีสางเป็นเรื่องที่ต้องห้าม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในปีเก่าๆ ก็จะไม่เอามาพูดถึง ซึ่งการพูดควรมีแต่เรื่องอนาคต และทุกอย่างที่ดีกับปีใหม่และการเริ่มต้นใหม่

 ไม่ร้องไห้

          หากคุณร้องไห้ในวันปีใหม่ คุณจะมีเรื่องเสียใจไปตลอดปี ดังนั้นแม้แต่เด็กดื้อที่ปฎิบัติตัวไม่ดีผู้ใหญ่ก็จะทน และไม่ตีสั่งสอน

 แต่งกายสะอาด แต่ไม่ควรสระผม

          การแต่งกายและความสะอาด ในวันตรุษจีนเราไม่ควรสระผมเพราะนั้นจะหมายถึงเราชะล้างความโชคดีของเราออกไป เสื้อผ้าสีแดงเป็นสีที่นิยมสวมใส่ในช่วงเทศกาลนี้ สีแดงถือเป็นสีสว่าง สีแห่งความสุข ซึ่งจะนำความสว่างและเจิดจ้ามาให้แก่ผู้สวมใส่ เชื่อกันว่าอารมณ์และการปฏิบัติตนในวันปีใหม่ จะส่งให้มีผลดีหรือผลร้ายได้ตลอดทั้งปี เด็ก ๆ และคนโสด เพื่อรวมไปถึงญาติใกล้ชิดจะได้ อังเปา ซึ่งเป็นซองสีแดงใส่ด้วย ธนบัตรใหม่เพื่อโชคดี

 ปรึกษาชินแสเกี่ยวกับการเดินออกจากบ้าน

          ตรุษจีนกับความเชื่ออื่น ๆ สำหรับคนที่เชื่อโชคลางมาก ๆ ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปเยี่ยมเยียนเพื่อนหรือญาติ อาจมีการเชิญซินแส เพื่อหาฤกษ์ที่เหมาะสมในการออกจากบ้านและทางที่จะไปเพื่อเป็นความเป็นสิริมงคล

 บุคคลแรกที่พบและคำพูดที่ได้ยินคำแรกของปีมีความหมายสำคัญมาก 

          ถือว่าจะส่งให้มีผลได้ตลอดทั้งปี การได้ยินนกร้องเพลงหรือเห็นนกสีแดงหรือนกนางแอ่น ถือเป็นโชคดี

 ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น

          การเข้าไปหาใครในห้องนอนในวันตรุษถือเป็นโชคร้าย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นคนป่วยก็ต้องแต่งตัวออกมานั่งในห้องรับแขก

 ไม่ควรใช้มีดหรือกรรไกรในวันตรุษ

          เพราะเชื่อว่าจะเป็นการตัดโชคดี ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าชาวจีนทุกคนจะคงยังเชื่อตามความเชื่อที่มีมาแต่ทุกคนก็ยังคงยึดถือ และปฎิบัติตาม เพราะสิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนธรรมเนียม และวัฒนธรรม โดยที่ชาวจีน ตระหนักดีว่าการปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมมาแต่เก่าก่อนเป็นการแสดงถึงความเป็น ครอบครัวและเอกลักษณ์ของตน


602
ผมอยากให้พี่ทุกคนช่วยกันแนะนำว่าลายที่สักสักมาจากกุฏิไหน หรือสำนักไหนอยู่ที่ไหน เพื่อไปวิทยาทานแก่ที่อยากสัก และเผยแพร่ชื่อเสียงครูบาอาจารย์ที่สักให้ :054:

603
เยี่ยมกันทุกท่านเลย :053:  ไม่ทราบว่ามี ใครสักจิ้งจก2หางตรงช้างน้อยบ้าง  เคยมีอาจารย์บ้างบอกว่ายอดเสน่ห

605
เหนืออื่นใดการฝังเป็นเครื่องเตือนสติให้เราฝึกสมาธิ และทดสอบสอบสมาธิว่าสมาธิดีแค่ไหน สมาธิดีนั่งบ่อยแค่ไหนถ้าสมาธิดีสามารถเรียกเข็มไปตามที่ต่างๆของร่างกายเช่นแขน หน้าอก หรือแม้กระทั่งขา ถ้าสมาธิไม่ดีเรียกก็จะไม่มา อาจขัด
ถ้าหนักกว่านั้นถ้าเราทำผิดกฎข้อห้ามเข็มก็จะแทงออกอาจจะทะลุหรือไม่ทะลุผิวหนังก็ได้ วิธีแก้ก็ให้อาจาร์ที่ฝังเอาออกแล้วฝังให้ใหม่

การฝังทองก็เหมือนกับให้เราทำดีโดยการนั่งสมาธิสร้างกุศล ส่วนผลที่ได้ก็จะตามมาเองว่าทำดีหรือไม่ดีเพียงใด

อย่าหวังอะไรมากเช่น บ้างคนฝังหวังเข็มจะวิ่งรับกระสุนแทน คงไม่ถึงขนาดนั้น ถ้าเราไม่ปฏิบัติ  ถ้าเราปฏิบัติดีเวลายังครูบาอาจารย์ท่านก็ช่วยเอง และยังมีอะไรดีอีกแยะคับ


อย่าลืมนะครับการนั่งสมาธิได้กุศลแรงก็การทำสังฆทานอีกนะคับ

606
ไม่ทราบว่าช่างประจำอยู่แถวไหนคับ

607
วัดเสนานิมิตร จะเดินไปถ้ามาจากสายเอเชีย อยู่ส่วนไหนของอำเภอ อุทัย

608
แล้วตกลงพกตะกรุด หลวงพ่อเต๋ หรือหลวงพ่อสุดกันแน่น ที่ทำให้ยิงไม่ออก  :010:

609
ปลัดตัวสีขาวๆของท่านack ลายเป็นไงคับ :095:

610
แล้วอย่างพรายที่พระสร้างเช่น หลวงพ่อเต๋ หลวงพ่อแย้ม อ.ปุ้ม พลีมาแล้วแต่มีผลข้างเคียงอะไรไหมถ้า ไม่ค่อยเซ่น ไม่ค่อยได้ใส่บาตร :001:

611
เยี่ยมคับ :053:หลวงพ่ออะไรลงให้ดับ

615
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ :054:

616
หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่ามสร้างครับ แต่ออกในงานฝังลูกนิมิตร วัดดอนตูม :015:


617
เอ็มนี่เสือซุ่มจริง :053:

618
 



 

 

 
 พระสมเด็จบางขุนพรหม

.....ในปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เสมียนตราด้วง ต้นสกุล ? ธนโกเศศ ? ได้ทำการบรูณะพระอารามหลวงวัดใหม่อมตรส พร้อมกันนี้ได้สร้างเจดีย์องค์ใหญ่ไว้ที่นี้ เพื่อเป็นมหากุศล โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๑๑ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๔๑๓ จึงแล้วเสร็จ

......การสร้างพระเจดีย์ครั้งนี้ มีการสร้างทั้งพระเจดีย์องค์ใหญ่ เพื่อบรรจุพระ ตามโบราณคติของการสร้างมหากุศล ในอันที่จะสืบทอดพระศาสนา และสร้างเจดีย์องค์เล็กเพื่อบรรจุอัฐิบรรพบุรุษ เมื่อก่อสร้างศาสนสถานเสร็จแล้ว เสมียนตราด้วง ได้เข้าไปกราบของอนุญาต สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นที่เคารพอย่างยิ่งของประชาชนในยุคนั้น ทำการสร้างพระเครื่องเพื่อบรรจุในพระเจดีย์องค์ใหญ่ ณ วัดใหม่อมตรส ที่ตนได้สร้างพึ่งแล้วเสร็จ

......สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ทรงประทานอนุญาต และมอบผงวิเศษ ที่ใช้ในการสร้างพระสมเด็จวัดระฆังของท่านส่วนหนึ่ง ไปเป็นส่วนผสมในการสร้างในครั้งนี้ และได้ทำการปลุกเสกพระที่สร้างขึ้นใหม่นี้ ตามคำอาราธนาของเสมียนตราด้วง จากนั้นจึงนำพระที่ผ่านการปลุกเสกโดยสมเด็จฯท่านทุกองค์ ไปบรรจุลงในเจดีย์องค์ใหญ่

......สำหรับพระเนื้อผงที่สร้างในกิจครั้งนี้ เป็นพระเนื้อผงแก่ปูนขาว รูปทรงสี่เหลี่ยม ตามแบบของพระสมเด้จวัดระฆัง ที่สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ซึ่งเป็นการสร้างไปแจกไป หากแต่พระที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ เป็นพระที่สร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุลงในกรุหรือเจดีย์ทั้งสิ้น โดยมีจำนวนการสร้าง ตามคตินิยมเท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ คือ ๘๔,๐๐๐ องค์ และได้มีการเรียกชื่อพระเครื่องดังกล่าวนี้ว่า ? พระสมเด็จบางขุนพรหม ? ต่อมาในชั้นหลัง ตามชื่อตำบลที่ตั้งของเจดีย์ซึ่งบรรจุลงในพระเจดีย์องค์ใหญ่

......อายุของพระสมเด็จบางขุนพรหมจึงไม่ห่างจากสมเด็จวัดระฆังมากนัก แต่เนื่องจากช่างผู้แกะพิมพ์พระ ต่างกลุ่มกันกับช่างผู้แกะพิมพ์สมเด็จวัดระฆัง ดังนั้นพิมพ์ต่างๆของสมเด็จบางขุนพรหม จึงมีความแตกต่างจากสมเด็จวัดระฆัง แต่ด้วยช่างทั้ง ๒ กลุ่ม เป็นช่างยุคเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นสกุลช่างศิลปเดียวกัน และได้มีการสร้างที่อาศัยต้นแบบเค้าโครงเดียวกัน ดังนั้นพระเครื่องทั้งสองวัดจึงมีองค์ประกอบศิลปะที่สอดคล้องคล้ายคลึงกัน

......พระสมเด็จบางขุนพรหม ได้มีการจำแนกออกเป็นพิมพ์ใหญ่ๆ ได้ทั้งหมด ๙ พิมพ์คือ
๑  พิมพ์ใหญ่
๒  พิมพ์เจดีย์
๓  พิมพ์เกศบัวตูม
๔  พิมพ์เส้นด้าย
๕  พิมพ์ฐานแซม
๖  พิมพ์สังฆาฏิ
๗  พิมพ์สังฆาฏิ มีหู
๘  พิมพ์ฐานคู่
๙  พิมพ์อกครุฑ

พระสมเด็จบางขุนพรหม ได้ถูกเปิดกรุอย่างไม่เป็นทางการถึง ๓ ครั้ง
ครั้งแรก ในปี พ.ศ.๒๔๒๕
ครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๖
ครั้งที่ ๓ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๙


.....พระสมเด็จที่ได้มาจากกรุ ทั้ง ๓ ครั้งนี้ เราเรียกโดยรวมว่า ? พระสมเด็จบางขุนพรหมกรุเก่า ?.ซึ่งลักษณะของวรรณะ(ผิว) ขององค์พระที่เกลี้ยงเกลา มีคราบกรุจับอยู่น้อย เนื้อค่อนข้างหยาบกว่าพระที่ขุดในชั้นหลังเล็กน้อย และส่วนใหญ่จะไม่มีคราบฟู หรือเม็ดกรวดทรายจับอยู่บนองค์พระ

.....หลังจากทำการเปิดกรุในยุคแรกไปแล้ว ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ได้มีการลักลอบขุดเจาะเจดีย์ เพื่อนำพระออกมาอยู่ตลอดเวลา แม้จะมีมาตรการป้องกันจากทางวัด จนกระทั่งทางวัดใหม่อมตรสมีการประกาศเปิดกรุอย่างเป็นทางการ เพื่อนำพระออกมาจากพระเจดีย์ทั้งหมดโดยเชิญ พลเอกประภาส จารุเสถียร เป้นประธานในพิธีเปิดกรุดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๐๐ พระที่นำออกมาครั้งนี้เรียกว่า ? พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุใหม่ ?


......พระที่ได้ในครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นพระเนื้อละเอียดแก่ปูน มีคราบกรุ และคราบเต้าหู้เกาะเป็นชั้นๆ จับหนา (ซึ่งคราบขี้กรุที่จับอยู่บนองค์พระเหล่านี้ เกิดจากความชื้นทำปฏิกิริยากับปูนขาว เกิดเป็นฟอสเฟตเกาะติดบนองค์พระ เนื่องจากพระที่พบ เป็นพระบรรจุอยู่ตรงส่วนฐานขององค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำท่วมขังอยู่เสอม นอกจากนี้การลักลอบนำพระออกจากกรุวิธีหนึ่ง คือการเทน้ำลงในเจดีย์ที่บรรจุพระ เพื่อให้แรงน้ำที่เขาเทลงไป ทำให้พระกระเด็นขึ้นมาติดสายเบ็ดที่ปลายมีดินเหนียว แล้วนำพระขึ้นมาจากกรุ แต่ทิ้งน้ำไว้ในกรุ จนส่งผลให้พระที่เหลือเปียกชื้นแฉะจนเกิดมีคราบจับหนา พระจำนวนมากที่เกาะติดกันเป็นก้อนไม่สามารถแกะออกจากกันได้ และจำนวนไม่น้อยที่หักเสียหาย จากการกระทำดังกล่าว คงเหลือพระที่มีสภาพดีโดยประมาณ ๓,๐๐๐ องค์) ติดสนิทแน่นเป็นเนื้อเดียวกับองค์พระและทางวัดได้นำพระออกให้บูชา เพื่อหารายได้มาบูรณะวัดฯ โดยมีอัตราทำบุญตั้งแต่ ๕๐๐ - ๒,๐๐๐ บาท ตามสภาพพระ ซึ่งนับว่ามีราคาสูงมากในยุคนั้น

......พระสมเด็จบางขุนพรหม เป็นพระที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจากพระสมเด็จวัดระฆัง ในตระกูลพระสมเด็จทั้งสามวัด ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) ได้มีส่วนสำคัญในการสร้าง ซึ่งพระสมเด็จทั้งสามวัดนี้ ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมสูงมาก มีราคาแพง หายาก และได้รับความศรัทธาจากประชาชนว่ามีพุทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ไม่น้อยไปกว่ากัน ที่มีพุทธคุณสูงทางเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดนิรันตราย และหลายคนยังเชื่อส่วนตัวว่า นำพระมาขูดผงผสมดื่ม สามารถรักษาโรคต่างฯ ได้เป็นอย่างดี



 
 พระมหาเจดีย์ที่วัดบางขุนพรหม ตอนเปิดกรุ ได้พบ พิมพ์แบบเดียววัดระฆังเนื้อหาวัดระฆังแต่มีคราบกรุจึงเรียก พระสองคลอง 


และมีการนำชิ้นส่วนที่แตกหักมาสร้างเป็น สมเด็จปี09

619
อยากได้จิ้งจก 2หางโปรดแนะนำหน่อยครับ หาบูชาได้ที่ไหน ของวัดอะไร

621
ท่านหอมเชียงมีแต่ของเยี่ยมทั้งนั้น :015:

624
ขอบคุณท่านackมากที่แนะนำอย่างละเอียด :054:

625
น้องเอ็มนี้สุดยอดจริงมีพระดีๆเข้าทุกอาทิตย์เลยนะ :016: :025: :015:

626
ลูกศิษย์ของท่านที่เรียนที่เรียนจากหลวงพ่อ พิมพ์มาลัย โดยตรงมี อ. ประคอง รุ่นเจริญ   หลวงพ่อสวัสดิ์  ทายาทรุ่นต่อมาก็ พระครูประภาสธรรมทัต( อ.ป้อม ) วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี และ อ.หนุ่ม วัดบางแวก  และอ.ปุ้ม วัดศาลาแดง

คัวอย่างเข็มทอง ที่ฝัง ชุดนี้ของ อ.ป้อม




อยู่หลังล็อกเก็ต



  หมายเหตุอ.ทั้ง4ท่านนี้ที่เป็นสายวัดหุบมะกล่ำ อ. ประคอง รุ่นเจริญ   ( อ.ป้อม ) วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี และ อ.หนุ่ม วัดบางแวก  และอ.ปุ้ม วัดศาลาแดง  ผมฝังมาหมดแล้ววิ่งได้จริงชัวร์ :015: แถมนิดนึงเข็มอ.ญา วัดบางพระก็ชัวร์เหมือน :015: ทั้งตะกรุดทองเข็มอ.ญาสุดจริงๆ

หลวงพี่หนุ่มวัดบางแวก ไม่ได้เรียนมาจากหลวงพ่อพิมพ์  มาลโยครับ  ท่านเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ประครอง รุ่นเจริญครับ

ผมบอกว่า ลูกศิษย์ของท่านที่เรียนที่เรียนจากหลวงพ่อ พิมพ์มาลัย โดยตรงมี อ. ประคอง รุ่นเจริญ   หลวงพ่อสวัสดิ์ 
color] ทายาทรุ่นต่อมาก็ พระครูประภาสธรรมทัต( อ.ป้อม ) วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี และ อ.หนุ่ม วัดบางแวก  และอ.ปุ้ม วัดศาลาแดง

ทายาทรุ่นต่อมาหมายถึงเรียนสายหลวงพ่อ พิมพ์มาลัย ถ้าทำให้เข้าใจผิดก็ขออภัยด้วยคับ

627
สุขสันต์วันเกิดขอให้มีความสุขมากๆนะครับ :002:

628
23 24มีพิธีต่อชะตา 25 หล่อหลวงปู่แย้มขนาดเท่าองค์จริง และเปิดจองตะกรุดเนื้อชนวนรูปหล่อ จอง500 แถมตะกรุดจันทร์เพ็ญ รับตะกรุด31 ม.ค2552

629
ลูกศิษย์ของท่านที่เรียนที่เรียนจากหลวงพ่อ พิมพ์มาลัย โดยตรงมี อ. ประคอง รุ่นเจริญ   หลวงพ่อสวัสดิ์  ทายาทรุ่นต่อมาก็ พระครูประภาสธรรมทัต( อ.ป้อม ) วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี และ อ.หนุ่ม วัดบางแวก  และอ.ปุ้ม วัดศาลาแดง

คัวอย่างเข็มทอง ที่ฝัง ชุดนี้ของ อ.ป้อม




อยู่หลังล็อกเก็ต



  หมายเหตุอ.ทั้ง4ท่านนี้ที่เป็นสายวัดหุบมะกล่ำ อ. ประคอง รุ่นเจริญ   ( อ.ป้อม ) วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี และ อ.หนุ่ม วัดบางแวก  และอ.ปุ้ม วัดศาลาแดง  ผมฝังมาหมดแล้ววิ่งได้จริงชัวร์ :015: แถมนิดนึงเข็มอ.ญา วัดบางพระก็ชัวร์เหมือน :015: ทั้งตะกรุดทองเข็มอ.ญาสุดจริงๆ

630
หลวงพ่อ พิมพ์มาลัย นามเดิมคือ พิมพ์ โยมบิดาชื่อ พา โยมมารดาชื่อ อ่วม ชื่อสกุล มาลัย เกิดปี ๒๔๔๑ ที่บ้านหนองรี ต.บ้านเลือก อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
รับราชการทหารในหน่วยเสนารักษ์ที่ราชบุรีอยู่ ๖ ปี เกิดความเบื่อหน่ายในชิวิตฆารวาสจึงลาออกมาบวชที่วัดตโนดหลวง เพชรบุรี
มี พระอาจารย์แช่ม วัดบางนา เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อทองศุข วัดตโนดหลวง เป็นพระกรรมวาจา ได้ฉายาว่า มาลโย
จำพรรษาอยู่วัดตโนดหลวงโดยมี หลวงพ่อทองศุข ประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชาต่างๆอย่างเต็มที่โดยไม่ปิดบัง และท่านก็เรียนอย่างวิริยะอุตสาหะ
จนสำเร็จและเข็มขลังจนเป็นที่ไว้วางใจของ หลวงพ่อทองศุข ขนาดให้ท่านซึ่งบวชไม่นานสักยันต์ครูในสายวัดตโนดหลวงแทนท่านได้
หลวงปู่พิมพ์ท่านมีศักดิ์เป็นหลานเพราะโยมแม่ของท่านเป็นพี่สาวของหลวงพ่อทองศุขครับวิชาฝังเข็มทองท่านเรียนมาจาก พระอาจารย์สมพงษ์ วัดหนองไม้เหลือง จ.เพชรบุรี
มีเอกลักษณ์เฉพาะคือหากทำสำเร็จเข็มทองที่ประจุอาคมจะสามารถวิ่งผ่าน ชั้นหนังไปยังส่วนต่างๆของร่างกายโดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งแตกต่างจากการฝังเข็มทั่วไปคือเป็นเข็มตายอยู่กับที่
ท่าน เรียนอย่างวิริยะมานะเป็นที่สุดคือต้องฝึกกันอย่างจริงจังยากที่จะสำเร็จ กันง่ายๆเมื่อสำเร็จท่านยังต้องธุดงค์เพื่อหาที่บำเพ็ญเพียรเพื่อให้จิตใจ เข็มแข็ง จนสามารถเสกเข็มที่แช่ในน้ำมันงา
ลอยขึ้นมาได้จนมีอำนาจเดินหนได้เองอย่าง มหัศจรรย์ ซึ่งใช้เวลาถึง ๑๗ ปี ในดินแดนกระเหรี่ยง ท่านละสังขารในวัยชราเมื่ออายุ ๗๘ ปี เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๑๙

                   

632
ขอบคุณcho presleyที่ช่วยให้อินเทรน์

633
1.=วันอาทิตย์ 7.=วันเสาร์ ใช่ไหมเท่านสิบทัศน์   

634
ท่านโจรมีของเยอะจัง :054:

635
ของวัดกลางบางแก้วมีทั้3องค์ หลวงปู่บุญ หลวงปู่เพิม หลวงปู่เจือ

ของหลวงพ่อเปิ่นเสกก็มีนะครับโชคลาภดีมาก :015:

636
กราบนมัสการหลวงพ่อเปิ่นที่รักยิ่งคับ :054:

637
วันที่ 26 มี.ค 2552 ไหว้ครูเข็มทอง วัดหนองม่วง จ.ราชบุรี

มีครอบเศียรพ่อแก่ โดยอ.ป้อมให้ด้วย :054:


บัตรเชิญอาจารย์ ป้อมยังไม่พิมพ์แต่กำหนดวันแล้วคับ

638
ผ้ายันต์กิ่งแก้ว หรือผ้ายันต์พญายมใจอ่อน ครบทุกด้านที่สุดของหลวงปู่ :016:  :025: :015:



639
หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต
วัดชลประทานราชดำริ
อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์




--------------------------------------------------------------------------------


หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต


ท่านผู้อ่านบางท่านยังอาจจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์หรือแม้กระทั่งชื่อของหลวงปู่ฤทธิ์มาก่อน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์กับผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ท่านมีชาวบ้านชาวช่องนับถือและรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นำวัตถุมงคลของท่านมาบูชา ติดตัว ติดบ้าน ติดร้านกันมาก วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แพร่หลายมานับสิบปีโดยเฉพาะ :

กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือ ไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น :- ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ

หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆไปกราบ ท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะ ปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น

หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อ ศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนัง จนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทำบุญและรับวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือ ท่านได้จริงๆ ในยุคไอเอ็มเอฟ โปรดอย่าลืมนึกถึง หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต พระเกจิชื่อดังชาวเขมรแห่งวัดชลประทานราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์

ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว

ผ้ายันต์กิ่งแก้ว เป็นผ้ายันต์ที่มีผลในหลายๆด้าน ตามลักษณะการพับผ้ายันต์ ซึ่งรวมทั้ง เมตตา/มหานิยม คุ้มครองใน ด้านการเดินทาง โชคลาภ มหาอำนาจและอื่นๆอีกมากมาย จะเน้นมากทางด้านโชคลาภ และ เมตตา/มหานิยมคนที่ใช้แล้ว พบว่ามีคนมาติดพันมากมายเป็นต้น



640
วันอังคารที่ 13 ม.ค 2552 ขอเชิญทำบุญคล้ายวัน มรณะ ล.พเงิน วัดดอนยายหอม
ณ.วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม

641
ช่วงปีใหม่นี้หยุดพี่น้องในเวปมีกิจกรรมอะไรหรือไปไหนกันบ้างคับ

เป็นไอเดียให้

642
ขอเสนอความเห็นคับ

เข็มกลัดก็ดีคับแต่บางคนไม่สามารถติดตัวได้ตลอดนอกจากบ้างคนที่ติดกระเป๋าติดเสี้อบ้างโอกาส                                                     
เสื้อก็ดีเห็นชัดเจนดี แต่ไม่ได้ใส่บ่อยนอกจากไปวัด
สติกเกอร์แปะรถแต่ไม่รู้ว่ารถใครและถ้าบ้างคนไม่มีรถ ก็แปะบ้านแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นสมาชิก

ผมขอเสนอ พวงกุญแจเป็นรูปหัวเสือทรงกลมข้างหลังเป็นwww ด้วยเหตุผล พวงกุญแจพกง่ายง่ายใช้ได้ตลอดเวลาเช่นกุญแจรถต้องพกติดตัวตลอดเวลาได้คุ้มครองเวลาขับขี่ หรือกุญแจบ้าน  ถ้าสนใจผมจะโพสรูปตัวอย่างให้ชม       
 ยังไงก็ลองโหวตกันดู ว่าสมาชิกสนใจอะไรมากกว่า1.เข็มกลัด 2.เสื้อ 3.พวงกุญแจ 4.สติกเกอร์

643
สวยงามสมราคาจริงๆๆ ท่านหอมเชียง :016: :053: :015:

644
ขอกราบสวัสดี ปีใหม่ พระอาจารย์ทุกท่าน  ทั้ง อ.ญา อ.ต๋อย อ.ติ่ง อ.นัน หลวงพ่อสำอางค์ และพระอาจารย์ที่วัดบางพระทุกท่านเลยครับ :054:



645
ตัวอย่าง คนที่ถูกปืนที่ผ่านการถอนของยิงตาย

พลิกแฟ้มคดีดัง ตอน ?เสือเรียง 5 นัด? จอมขมังเวทเมืองนนท์
เป็นเพราะก่อนปล้นเขายิงปืนเป็นปฐมฤกษ์ 5 นัด หลังปล้นก็ยิงปิดท้ายอีก 5 นัด จึงได้รับการขนานนามว่า "เสือเรียง" 5 นัด ประกอบกับขึ้นชื่อด้านคาถาอาคม จนได้รับฉายาจอมขมังเวทต่อท้ายชื่อด้วย

      เสือเรียง

หากจะย้อนกลับไปก่อนปี 2499 ชื่อของ "จำเรียง ปางมณี" แทบไม่มีใครรู้จัก แต่หากจะเอ่ยถึง "เสือเรียง 5 นัด" แห่งบางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี น้อยคนจะไม่รู้จักเขาในฐานะที่เป็นจอมโจรขมังเวท ผู้ก่อคดีอย่างอุกอาจท้าทายกฎหมายบ้านเมือง โหดเหี้ยมไร้ความปรานีต่อเหยื่อ และรอดพ้นเงื้อมมือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปได้ราวกับปาฏิหาริย์ นี่เองจึงกลายเป็นที่มาของฉายาเสือเรียง 5 นัด จอมโจรขมังเวทแห่งเมืองนนท์


จำเรียงจะเกิดปีไหนวันอะไรไม่ปรากฏหลักฐานให้ติดตามค้นหาได้ แต่เขาเป็นลูกของพ่ออุ่มและแม่ทิม ปางมณี ณ บางเชือก อ.ตลิ่งชัน จ.นนทบุรี เขาเติบโตอยู่ที่นี่จนกระทั่งอายุได้ 23 ปี พ่อและแม่ย้ายจากบางเชือกไปลงหลักปักฐานที่บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี แต่จำเรียงไม่ได้ย้ายตามไปด้วย เพราะเขาไปหลงติดพันกับหญิงสาวคนหนึ่ง

ความรักของจำเรียงกับสาวบางเชือกมีอุปสรรคนานัปการ ด้วยญาติผู้ใหญ่ไม่ชอบชายหนุ่มที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า ถึงกับกีดกันไม่ให้คบหา บางครั้งก็ดูถูกเหยียดหยามเอาอย่างเจ็บแสบ จำเรียงเองในวัยหนุ่มแน่นดูเหมือนความอดทนอดกลั้นดูจะมีอยู่อย่างจำกัด ไม่นานเขาก็ตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น ด้วยการใช้ปืนพกยิงยายของหญิงสาวผู้เป็นที่รักจนเสียชีวิต

จำเรียง ถูกจับศาลตัดสินจำคุก 20 ปี แต่หลังจากชดใช้กรรมในแดนกำแพงกรรมได้เพียง 7 ปี ก็พ้นโทษออกมา จำเรียงกลับไปอยู่กับพ่อและแม่ที่บางใหญ่ ทำมาหาเลี้ยงชีพจนมีเมีย 2 คน กับลูกอีก 8 คน ด้วยการต้มเหล้าเถื่อนขาย ธุรกิจผิดกฎหมายนี้แลกมาด้วยการจ่ายอากรบ่อนเบี้ยให้กับเจ้าหน้าที่นอกแถว ที่บ้างก็มาขอเหล้าบ้างเงินบ้างแล้วแต่ความต้องการ ณ ขณะนั้น

แม้บางครั้งบางคราเกิดข้อหาหมั่นไส้ก็จับเอาดื้อๆ เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนความชินชากลายเป็นสุดจนทานทน จำเรียงหันมาจับปืนอีกครั้ง เพียงแต่เหยื่อคมกระสุนของเขาครั้งนี้เป็นถึง "เจ้าหน้าที่บ้านเมือง" !!!

นับตั้งแต่การตายของเจ้าหน้าที่คนนั้น วิถีชีวิตของจำเรียงก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขาระเห็จออกจากบ้านอย่างคนมีชนักติดหลัง และรวบรวมสมัครพรรคพวกออกปล้นจี้ชาวบ้านนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พร้อมกับคำนำหน้าชื่อใหม่ จาก "จำเรียง" เป็น "เสือเรียง" แทน

เสือเรียงใช้ปืนบาเร็ตต้าเป็นอาวุธประจำกาย ก่อนปล้นเขาจะยิงปืนขึ้นฟ้า 5 นัด เป็นการเบิกฤกษ์ และก่อนพาพวกถอยหนีก็จะยิงขึ้นฟ้าอีก 5 นัด จนได้รับการขนานนามในเวลาต่อมาว่า "เสือเรียง 5 นัด"

กลางดึกวันที่ 10 ธันวาคม 2499 ราตรีเงียบสงัดผู้คนหลับไหลอยู่ในนิทรารมย์ มีเพียงเสือเรียงกับสมุนที่ตื่นขึ้นมาวางแผนปล้นบ้านของ "เซียมเง็ก แซ่โซว" ต.บางแค อ.ภาษีเจริญ จ.ธนบุรี คหบดีแห่งคลองภาษีเจริญ เสียงปืนที่ดังกึกก้องกัมปนาท 5 นัดติดต่อกัน เป็นสัญญาณให้สมุนโจรถือฤกษ์บุกปล้น ขณะเดียวกันก็ปลุกให้เหยื่อตื่นจากภวังค์

แต่ไม่ว่าเซียมเง็ก แซ่โซว และประสาร กลิ่นบัว จะพร่ำวอนร้องขอชีวิตสักเท่าใด เสือเรียงและสมุนก็หาได้ปรานีไม่ เขากระหน่ำยิงทั้งสองเสียชีวิตแล้วกวาดเอาทรัพย์สินไปกว่าหมื่นบาท ก่อนถอยหนีเขาไม่ลืมที่จะยิงปืนขึ้นฟ้าเหมือนเป็นการบอกลาอีก 5 นัดปิดท้าย

การปล้นครั้งนี้ส่งให้ชื่อเสียงด้านลบของเสือเรียงขจรขจายไปทั่ว ความเดิมยังไม่ทันคลี่คลายความใหม่ก็เกิดขึ้น เมื่อเสือเรียงนำสมุนบุกปล้นชาวบ้านและฆ่าเจ้าของบ้านตายลักษณะเดียวกันกับเซียมเง็กไม่มีผิดเพี้ยน ที่สำคัญบ้านเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเซียมเง็กเลย



     พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์

พฤติกรรมโหดเหี้ยมไร้ความปรานีแม้เหยื่อจะยอมจำนนเช่นนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างตีพิมพ์ข่าวสร้างความหวาดผวาไปทั่วทุกหัวระแหงของ จ.ธนบุรี ร้อนถึง พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ เรียกตำรวจ 4 สน. ได้แก่ สน.บางขุนเทียน สน.ท่าข้าม สน.หลักสอง และ สน.ภาษีเจริญ ให้เร่งปราบจอมโจรรายนี้ให้ได้โดยเร็ว

การติดตามค้นหาแหล่งกบดานของเสือเรียงและพลพรรคเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ปราศจากวี่แววของเสือร้าย กระทั่งผ่านไป 2 สัปดาห์ ตำรวจจึงได้เบาะแสหนึ่งถึงแหล่งหลบซ่อนตัว ณ กระท่อมกลางสวนผลไม้ลึกเข้าไปจากจุดที่เสือเรียงพาพวกบุกปล้นสองครั้งหลัง ในเขต ต.หัวกระบือ อ.บางขุนเทียน จ.ธนบุรี บ้านของญาติที่เสือเรียงเคยอาศัยในวัยเด็กนั่นเอง

นอกจากความโหดเหี้ยมไร้ความปรานีปราศรัยแล้ว เสือเรียงยังขึ้นชื่อในด้านยิงปืนแม่นด้วย ดังนั้น ก่อนการปิดล้อมจับกุมตำรวจจึงต้องวางแผนอย่างรัดกุม ตำรวจจาก 4 สน.ร่วม 100 นาย โอบล้อมกระท่อมตั้งแต่เที่ยงคืน แล้วซุ่มดูอยู่จนสว่าง เพื่อประเมินดูฝ่ายตรงข้ามว่ามีกำลังมากน้อยเท่าไร สุดท้ายก็ได้รู้ว่าในกระท่อมนั้นมีเพียงเสือเรียงกับ เสือศิริ สงวนพันธ์ ลูกสมุนคนสนิท เพียง 2 คนเท่านั้น

เช้าตรู่ ส.ต.อ.ปลอด จันทร์งาม ตำรวจบางขุนเทียนวัย 42 ปี ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เจรจา แต่อนิจจา ! เรื่องยังไม่ทันไปถึงไหน ส.ต.อ.ปลอด ก็ถูกสังหารต่อหน้าต่อตาตำรวจนับร้อยนายที่โอบล้อมอยู่ กระสุนจากปืนบาเร็ตต้า 5 นัด พุ่งออกจากปากกระบอกตรงเข้ากลางตัว ส.ต.อ.หนุ่มเสียชีวิตทันที พร้อมกับการเปิดฉากระดมยิงใส่กระท่อมเล็ก เกิดการยิงตอบโต้อยู่พักใหญ่ เสียงคมกระสุนแหวกอากาศดังระงมกลางสวนผลไม้

10 นาทีผ่านไป นอกจากความตายของ ส.ต.อ.ปลอด แล้วยังมีเพื่อนตำรวจอีกเกือบ 100 นาย ได้รับบาดเจ็บ หลังการดวลปืนจบลงตำรวจเข้าเคลียร์พื้นที่ไม่ปรากฏร่องรอยของจอมโจรทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย

จากการปะทะกลางสวนผลไม้บางขุนเทียนแล้ว ยังมีการปะทะกันระหว่างตำรวจกับเสือเรียงอีกหลายครั้งหลายครา แต่เสือเรียงก็สามารถเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้งคราเช่นกัน ทิ้งความสูญเสียให้กับฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมือง โดยมีอย่างน้อย 3 ครั้ง ที่ตำรวจเพลี่ยงพล้ำสังเวยชีวิตให้กับกระสุนเสือเรียง



"สมัยนั้นหนังสือพิมพ์สารเสรีลงข่าวเกี่ยวกับความน่าสะพรึงกลัวของเสือเรียงแทบทุกวัน ขณะเดียวกันก็มีตำรวจหลายนายออกมายืนยันบนหน้าหนังสือพิมพ์ถึงความแม่นยำในการยิงปืน ปาฏิหาริย์ และเวทมนตร์คาถาของเสือเรียง หนักสุดถึงกับว่าหายตัวไปต่อหน้าต่อตาก็มี กระสุนปืนทำอะไรไม่ได้เลย" บรรเจิด เปลี่ยนเชาว์ อายุ 79 ปี ชาวบ้านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ระบุ

ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์ได้นำเสนอข่าว หลวงพ่อเต๋ คงทอง เกจิอาจารย์ดังจากนครปฐม ออกมายืนยันว่าเสือเรียงสามารถหายตัวไปยิ่งทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวเสือเรียงมากขึ้นไปอีก

หลวงพ่อเต๋ คงทอง


แม้ชาวบ้านจะปักใจเชื่อในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติ แต่ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเชื่อว่า เสือเรียงเพียงแต่ยิงปืนแม่นและหลบหลีกเอาตัวรอดได้เก่งเท่านั้น ทำให้รอดพ้นจากการจับกุมมาได้ตลอด ดังจะเห็นได้จากเสือเรียงถูกวิสามัญฆาตกรรมในเวลาต่อมา หลังจากตำรวจจับตายเสือศิริลูกสมุนคนสนิทแล้ว



   พลตำรวจพุ่ม ทิมเจริญ

16 เมษายน 2500ตำรวจสืบทราบว่าเสือเรียงกบดานอยู่ที่บ้านอาจารย์สักยันต์ผู้หนึ่งใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กำลังตำรวจกว่า 100 นาย ตรงเข้าปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวเอาไว้ สังเกตเห็นชายฉกรรจ์ 3 คนอยู่ในบ้าน หนึ่งเป็นอาจารย์เจ้าของบ้าน เสือเรียง ส่วนอีกคนไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ใด

ทันทีที่รู้ตัวว่าถูกปิดล้อมเสือเรียงดับตะเกียงเจ้าพายุกระโดดออกหน้าต่างลงเรือพายหนีไปทางคลองแม่ประเส่อ ซึ่งเป็นคลองลัดระหว่างคลองเสือตายกับคลองอ้อม ตั้งใจมุ่งออกคลองเสือตายเพราะเป็นคลองใหญ่

แต่เสือเรียงคงหารู้ไม่ว่ามัจจุราชกำลังจ้องคอยอยู่แล้ว อีกอย่างนอกจากฤกษ์ปล้นสะดมแล้วเขาคงห่างเหินจากการดูชะตาชีวิตตัวเอง ดังนั้นหลังจากลงเรืออีแปะได้ไม่นานเสือเรียงก็ถูกคมกระสุนจาก พลตำรวจพุ่ม ทิมเจริญ เสียชีวิตอยู่บนเรืออีแปะนั่นเอง

สภาพศพเสือเรียงกำปืนบาเร็ตต้าคู่กายเอาไว้แน่น กระสุนอีกจำนวนมาก ข้างเอวปรากฏปืนออโตเมติกโคลท์ 9 มม. กระสุนเต็มแมกกาซีน บนผมเหน็บหวีอยู่ 1 อัน บริเวณคอแขวนพระเครื่องกว่า 20 องค์เป็นพวงใหญ่ นับจากวันนั้นชื่อเสียงของเสือเรียงก็สูญหายไปทุกวินาทีที่เวลาล่วงผ่านไป

สิ้นลายด้วยปืนเจ้า

บรรเจิด เปลี่ยนเชาว์เล่าว่า ครั้งหนึ่งมีคนเคยแต่งเพลงเกี่ยวกับทุ่งบางพลี เนื้อบางตอนว่า "บางพลีเมื่อก่อนเคยมีเสือร้าย บัดนี้มันก็วอดวาย สิ้นลาย" ซึ่งเสือร้ายในที่นี้หมายถึง "เสือเรียง 5 นัด" หรือ จำเรียง ปางมณี ที่ถูกตำรวจบางพลียิงตายไปเมื่อปี 2500

พลตำรวจพุ่ม ทิมเจริญ ใช้อาวุธประจำกายเป็นปืนเล็กยาวบรรจุเองแบบ 66 ซึ่งคนสมัยเก่ารู้ดีว่าเป็นปืนโบราณหรือที่เรียกกันติดปากว่าปืนเจ้า เคยผ่านการทำพิธีรดน้ำพระพุทธมนต์พลวง หลังจากสั่งซื้อมาจากต่างประเทศในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ทำให้เชื่อกันว่าปืนชนิดนี้มีพลานุภาพ สามารถยิงทำลายขุนโจรที่มีคาถาอาคมของลงอักขระของขลังได้ชะงัดนัก

สาเหตุที่มีการประกอบพิธีรดน้ำพระพุทธมนต์หลวง โดยรัชกาลที่ 6 ทรงประกอบพิธีด้วยพระองค์เองก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารไทย ที่จะถือปืนชนิดนี้เป็นปืนประจำกายเข้ารณรงค์สงครามยุโรป


ทีมข่าวรายงานพิเศษ เรื่อง /หอสมุดแห่งชาติ ภาพ 
อ้างอิงจาก หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก

646
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆๆ :053:

647
เนื้อชินเงินด้ายแดง  เนื้อชินตะกั่วด้ายน้ำเงิน



648
เวลา17.40น



เสือทองแดงที่แจก



ของผมได้ร่วมทำบุญเล็กน้อย






ชิงโชคนิดหน่อย



649
ขอสอบถามว่าชูชกนี้สร้าง ปีไหน จำนวน เท่าไหร่ มีเนื้ออะไรบ้าง และรุ่นนั่งแบมือสร้างปีไหน จำนวน เท่าไหร่&nbsp; มีเนื้ออะไรบ้างจะบูชาได้ที่ไหน






650
พรุ่งนี้วันที่ 27/12/2008อย่าลืมไปวัดตะเคียน จ.นนทบุรี หลวงพี่สงบแจกเสือทองแดงรุ่น3เนื่องในโอกาสฉลองพระครู  เดี๋ยวจะอดเสือทองแดงนะคับฟรี ทั้งอาหารเครื่องดื่ม

652
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: MERRY CHRISTMAS
« เมื่อ: 25 ธ.ค. 2551, 09:30:21 »
MERRY X Mas and Happy New Year  2009 



Have a good Year NA

653
ศาลา


เดินออกกำลัง





ปลุกเสกวัตถุมงคลอย่างตั้งใจ10กว่านาที





ชานหมากสดก่อนให้เสกนานเกือบ5นาที





ถวายเสื้อหนาวหมวกไหมพรมถุงเท้า ท่านว่าดีกูกำลังหนาวอยู่เลย และได้ให้พระผงองค์นี้มาพร้อมกับไปเลื่ยมขึ้นคอเลยงูหรือสารพัดศัตรูไม่ต้องกลัวมันแพ้มึงแน่น






วัตถุมงคลที่น่าเก็บและพอหาได้1.รูปหล่อรุ่นชนะมารสร้างเมื่อหลวงพ่ออายุ80ปี เสกเป็นพรรษา2.เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ ล.พ ขึ้นชื่อมานานแล้วคนแถววัดเล่าให้ฟังเคยโดนงูกัดแล้วเอาเหรียญดูดพิษงูถึงร.พหมอบอกพิษหมดเล่นเอางง3.เหรียญดอกบัวเอกลักษณ์ของล.พนะ วัดหนองบัว4.ฤาษีเสกนานและวันไหว้ครูของวัดนี้ล.พนะ ครอบหัวพ่อแก่ทุกปี&nbsp; *ล.พครอบเองทุกคน&nbsp; จะครอบอีกที วันที่5/04/2552









654
ของผมจากวัดดอนยายหอม






ได้มาจากหลวงพ่อที่รักองค์นี้ จารเพิ่มพลังพร้อมเจิมแป้งปิดทองเบิกเนตรเพิ่มให้ด้วย :054:




656
ตัวอย่าง 1.มีอ.ท่านนึงเคยบอกว่าถ้ามีคนมีวิชาดูพระที่เราคล้องอยู่โดยที่เราไม่ได้ถอดออกก็สามารถจะคัดออกได้แต่ถ้าเราถอดให้ดูจะคัดไม่ได้
           2.ปีนหรือมีดที่ผ่านพิธีเบิกมา เช่นปีนของราชการที่ผ่านการทำพิธีมา ปืนที่ใช้ยิงเสือผาด ทับทองเข้า มีดหมอต่างๆเป็นต้น
           3.กระสุนที่ผ่านพิธี กระสุนที่จุมประจำเดือน

จะหาทางป้องหรือแก้ไขได้อย่างไร

657
วิธีการคัดของเช่น พระที่ห้อย รอยสัก มีวิธีใดบางที่จะถูกคัดจะได้ระวังและมีวิธีแก้อย่างไรถ้าถูกคัดของออกแล้ว


659
ไฟเบอร์รูปล.พ



แบบสักต่างๆของคุณลุงหล่อน



หมึกปัจจุบันใช้roting ติดดำแน่นนอน

ของที่ห้าม(จากคำพูดของลุงหล่อน)

1.กินฟัก 2.กินแฟง 3.กินน้ำเต้า 4.กินมะยม5.กินงู 6.ห้ามตีงู 7.ให้ของลับ 8.ไม้ค้ำกล้วย 9.สะพานหัวเดียว10.ด่าว่าพ่อแม่
11.ห้ามลักขโมยปล้นจี้12.กินของเหลือต่อจากคนอื่นแม้แต่เหล้าแก้วเดียวกันก็ไม่ได้ต้องให้คนอื่นกินเวียน3รอบก่อนถึงกินได้






หงส์ลายมือคุณลุงหล่อน




หนุมานลายมือคุณลุงหล่อน


660
ชุ้มประตูวัด




บรรยายกาศหน้าวัด





รูปหล่อใหญ่






วิหารที่เก็บสังขารล.พกวย



กราบสังขารล.พ





ดูชัดๆ



ผ้ายันต์ทันล.พ





661
ตระกรุดที่ฝังที่ใช้ไม้ตอกนั้นหลวงพ่อเปิ่นเสกให้ไปฝังที่มาเล แต่ยังไม่ได้ไปล.พเปิ่น มรณะลงก่อนและอ.ญาท่านหยุดสักช่วงนึงพอช่วงม.กปี46ท่านจึงนำตระกรุดที่เก็บไว้มาฝังต่อมาหมดแต่มีหลายคนอยากได้จึงทำขึ้นมาใหม่

ตระกรุดและเข็มที่อ.ญา ฝังปัจจุบันทำมาจากเหรียญทองหลวพ่อเปิ่นและได้ผ่านพิธีมากมาย

เข็มตระกรุดผ่านเครื่องตรวจได้อย่างสบายไม่ว่าเป็นเครื่องแบบเดินผ่าน หรือ เครื่องตรวจแบบพกพา ที่ทีมาตราฐานสูงทั้งของอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล เหตุผล 1.ฝังอยู่ในผิวลึกพอสมควร 2.เครื่องตรวจเหล่าทำปฏิกริยากับ เหล็ก สแตนเลส แต่ไม่ทำปฏิกริยากับทอง

662
-ขอบคุณพี่ทุกท่านมากครับ ต้องไปลุยวัดแถวนครปฐมอีกแล้ว :003:

663
ผมว่าไม่แท้แบบดูง่าย ผิดทั้งพิม ผิดทั้งเนื้อ ใช่ไหมคับพี่เก่ง

664
พี่เก่งช่วยลงรูปพระสิบทัศในรังให้ชมหน่อยคับ

665
ถ้ามีรูปกรุณาลงให้ดูหน่อย :086:

667
อยากได้
สีผึ้งช่วยแนะนำหน่อยคับ ว่าควรบูชาของอาจารย์ท่านใด บูชาได้ที่ไหน :054:

671
สวยมากครับ :053:

672
ผ้ายันต์ลายมือ หลวงปู่อั๊บ ออกนานยังครับหาได้ที่ไหน ขอรายละเอียดหน่อยครับ

673
 รูปรุ่นนี้ท้าวเวสสุวรรณ ขนาดบูชา ผมว่างามนะ










674
ปลัดขิก สามเกลอหัวแข็ง (แรง ดีตลอด)
(The Paladkik 3 Heads - High Power + Always Good)


         หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร พระเกจิอาจารย์แนวหน้ายุคปัจจุบันที่โดดเด่น ชื่อเสียงโด่งดังมากโดยเฉพาะเรื่องของ
ปลัดขิก อาจจะเป็นเพราะหลวงพ่อเกิดท่ามกลางพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังเชี่ยวชาญวิชาด้านนี้ ทั้งหลวงพ่อเหลือ วัดสาว
ชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี และจากประสบการณ์กับตัวท่านเองสมัยยังเด็กที่พบเห็นและเจอ
ปาฏิหารย์จากปลัดขิกมานับไม่ถ้วน ทำให้เกิดมีศรัทธามาก และท่านก็ร่ำเรียนวิชาทางด้านนี้จากพระเกจิอาจารย์หลายรูป
ทั้งสายหลวงพ่อเหลือ หลวงพ่ออี๋ แต่ไม่เรียนโดยตรงเพราะอาจารย์เหล่านั้นมรณภาพก่อน แต่เป็นการเรียนต่อจากลูกศิษย์
ทั้งสายหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส, หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ, อาจารย์ฆราวาส ที่สำคัญองค์หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัวซึ่ง
เป็นพระอุปัชฌาย์ที่ถ่ายทอดวิชาต่างๆ และฝึกฝนจนเชี่ยวชาญมีพลังพุทธาคม ทั้งเมตตาบารมีจากองค์หลวงพ่อฟูด้วย
จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านเปี่ยมล้นด้วยพุทธาคมไสยเวทย์ไม่เป็นสองรองใครในปัจจุบัน
ก็เมตตารักษาให้ด้วยการขจัดปัดเป่าความอัปมงคล ไล่เสนียดจัญไร


             ปลัดขิก "สามเกลอ" ดีตลอด                       แสนเยี่ยมยอด ศิษย์สาย ล้วนใฝ่หา
    เกลอที่หนึ่ง "โชคลาภแสนเมตตา"                       ใครพกพา ผู้คนรัก ทรัพย์เนืองนอง
    เกลอที่สอง "แคล้วคลาดนิรันตราย                       ไพรีหาย พินาศไป ปลอดภัยสิ้น
    เกลอที่สาม คมศัสตรา มิอาจกิน                            มลายสิ้น "คงกระพันเรื่องชาตรี"
            "หลวงพ่อฟู. ตั้งใจสร้าง มอบให้ศิษย์           อิทธิฤทธิ์ เวทย์มนตร์ บรรจุสิ้น
    ใครมีไว้ ไม่ต้องห่วง เรื่องอยู่กิน                          ทั้งทรัพย์สิน เงินไหลนอง ทองไหลมา
            หลวงพ่อขาน"ขิกสามเกลอ"เออ!หัวแข็ง       อาคมแกร่ง แรงเวทย์ วิเศษสรร
    ผู้ใดได้ บูชา ค่าอนันต์                                          ศิษย์ของฉัน ทุกคนต้อง "เงิน ทอง ฟู"


 

675
            วัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง
            - เพื่อนำรายได้บูรณะเสนาสนะ วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา

            พิธีพุทธาภิเษก
            - อธิษฐานจิตเดี่ยว โดย หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร
            - เทวาภิเษก และ สวดมหาราช โดยพระคณาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมแห่งยุค
            - นพเคราะห์เทวาภิเษก โดยพระครูภาวนาโสภณ (หลวงพ่อพร) ผู้สื่อถึงเทพบนสวรรค์
               ผู้เป็นเจ้าพิธีใหญ่นพเคราะห์เทวาภิเษกทั่วประเทศ ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังถึงต่างประเทศ


 
หลวงพ่อฟู อติภทฺโท หรือ พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลสุทธิคุณ
เจ้าอาวาสวัดบางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
เทพเจ้าแห่งปลัดขิกอันลือลั่น ผู้มากด้วยเมตตาบารมี

 

         ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ.24665 อุปสมบทเมื่อ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2485 ณ วัดบางสมัคร
โดยมีพระครูพิบูลย์คณารักษ์ (หลวงพ่อดิ่ง) วัดบางวัว เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันอายุ 86 ปี 66 พรรษา หลวงพ่อฟู
เป็นพระสุปฏิปันโน ผู้เปี่ยมด้วยเมตตามหานิยม อาคมเข้มขลัง สืบทอดพุทธาคมจากครูบาอาจารย์ที่โด่งดังหลายรูป
ทั้งศึกษาด้วยตนเองกับอาจารย์ หรือศึกษาต่อจากอาจารย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชามารวมทั้งวิชาจากโยมฆราวาส
ุเช่น สายหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว พระอุปัชฌาย์ ที่เมตตาและถ่ายทอดวิชาให้ทั้งหมด, หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย,
ศึกษาต่อจากหลวงพ่อจอม, หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก, ได้วิชาจากโยมฆราวาส หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ทั้ง
วิชาเสืออาคม เสือสมิง ปลัดขิก, หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ ซึ่งถ่ายทอดวิชาหน้าผากเสือ และปลัดขิกหลวงพ่ออี๋
วัดสัตหีบ อันลือลั่น นอกจากนี้หลวงพ่อฟูยังศึกษาเพิ่มเติมกับอาจารย์จำนวนมาก ทั้งพระเกจิอาจารย์และญาติโยม
ฆราวาสโดยไม่ถือตัว

         หลวงพ่อฟู เป็นพระที่มีเมตตาธรรมสูงมากโดยไมม่แบ่งชั้นวรรณะ ไม่ยึดติดและถ้ามีโอกาสได้กราบไหว้จะ
เห็นถึงเมตตาบารมีจากองค์หลวงพ่อที่ลูกศิษย์ไปกราบมารู้ถึงเมตตาบารมีของท่านเป็นอย่างดี ทุกวันนี้หลวงพ่อฟู
อายุย่าง 87 ปีแล้ว ท่านก็ยังคงหมั่นศึกษาทบทวนเพิ่มเติมไสยเวทย์อยู่ตลอดเวลา น่ากราบไหว้บูชายิ่งจึงไม่น่าสงสัย
ว่าวัตถุมงคลของท่านผู้คนนำไปบูชาจึงพบประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งในเรื่องเมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้ว
คลาดปลอดภัย รวมทั้งอยู่ยงคงกระพันชาตรี วัตถุมงคลหลวงพ่อฟูส่วนใหญ่จะจัดสร้างคราวละไม่มาก ลูกศิษย์
บางท่านจึงไม่มีโอกาสได้ไว้บูชา ครั้งนี้นับเป็นโอกาสดที่จะได้ร่วมทำบุญกับหลวงพ่อ และร่วมงานบุญวัดเกิด
แซยิด 87 ปี ณ วันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2551 กับหลวงพ่อด้วย

 


ท้าวเวสสุวรรณ เทพเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง ผู้มีอำนาจเหนือมนุษย์ เหนือภูติผีปีศาจ
(The Tao-Wesuwan : God of Treasures & Money who has power beyond any devils)

         ท้าวเวสสุวรรณ หรือท้าวกุเวรมหาราช เป็นหนึ่งในสี่ท้าวจตุโลกบาลที่ปกปักษ์ดูแลรักษาโลกทั้ง 4 ทิศ ให้พ้น
จากพยันตรายต่างๆ ที่จะเกิดกับชาวโลก คือ

         1. ท้าวธตรฐ ปกครองดูแลทางทิศตะวันออก
         2. ท้าววิรูปักษ์ ปกครองดูแลทางทิศตะวันตก
         3. ท้าววิรุฬหก ปกครองดูแลทางทิศใต้
         4. ท้าวเวสสุวรรณ ปกครองดูแลทางทิศเหนือ

         ท้าวเวสสุวรรณ จัดเป็นท้าวจตุโลกบาลที่มีผู้กราบไหว้บูชามากที่สุด มีความเชื่อว่าท้าวเวสสุวรรณบำเพ็ญตบะ
อยู่หลายพันปี เป็นที่โปรดปรานของพระพรหม พระพรหมจึงประทานพรให้เป็นอมฤต (ไม่ตาย) เป็นท้าวโลกบาล
ครองทางทิศเหนือ และเป็นเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทอง

         ท้าวเวสสุวรรณ มีชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน เช่น ธนบดี, ธเนศวร, ยักษราช, มยุราช, รัตนครรภ, อิศะสขี,
ท้าวกุเวร, ท้าวโพศพมหาราช บางท่านเขียนท้าวเวสสุวัณ เป็น "ท้าวเวสสุวรรณ" ก็มี ตามประวัติท้าวเวสสุวัณ
เป็นยักษ์ที่ใจดี มีคุณธรรม คนโบราณมักสร้างรูปเคาพรของท่านไว้เป็นที่พึ่งทางใจ กราบไหว้บูชา ขอพรความ-
สำเร็จ นอกจาท้าวเวสสุวัณจะเป็นเจ้าแห่งทรัพย์สินเงินทองแล้ว ยังเป็นเจ้าแห่งภูติผีปีศาจ เจ้าแห่งยักษ์ มีอำนาจ
เหนือมนุษย์ แม้แต่คนโบราณมักเขียนรูปท้าวเวสสุวรรณแขวนอยู่เหนือเปลสำหรับเด็กอ่อน เพื่อป้องกันอันตรายจาก
ภูติผีและยักษ์ที่จะมาทำร้าย วัตถุมงคลท้าวเวสสุวรรณจึงมีพุทธคุณในทางคุ้มครองป้องกันสรรพภัยต่างๆ ทั้งชิวิต
และทรัพย์สิน ช่วยป้องกันอุปัทวอันตราย การกระทำย่ำยีด้วยคุณไสยมนต์ดำภูติผีต่างๆ และบันดาลความร่ำรวย
โชคลาภเงินทอง

         หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร เป็นพระที่มีเมตตาบารมีมาก หากพบเห็นลูกศิษย์ที่มากราบไหว้ถูกคุณไสยมา ท่าน
ก็เมตตารักษาให้ด้วยการขจัดปัดเป่าความอัปมงคล ไล่เสนียดจัญไร และความลึกลับชั่วร้ายในทางคุณไสยด้วยวิธี
การทางสมาธิ พลังจิต และเวทย์มนตร์คาถาอาคมที่มีพุทธคุณยิ่ง หลวงพ่อฟูจึงดำริให้สร้างองค์ท้าวเวสสุวรรณ
เพื่อช่วยขจัดปัดเป่าทุกข์โศกโรคภัย และช่วยคุ้มครองทรัพย์สินเงินทองให้มีโชคลาภ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี เพราะ
จัดสร้างด้วยเนื้อโลหะซึ่งหลวงพ่อลงอักขระอธิษฐานจิตให้เป็นพิเศษ จากเดิมหลวงพ่อจะสร้างด้วยไม้แกะแต่ไม่เคย
เพียงพอกับความต้องการของลูกศิษย์ และหลวงพ่อบอกว่าเนื้อโลหะนี่สิดี ลงอักขระได้เต็มที่ ประจุอาคมได้เต็มพลัง
ดังเช่นท้าวเวสสุวรรณของเจ้าคุณศรีสนธิ์ วัดสุทัศน์ที่ปัจจุบัยมีการบูชากันถึงองค์ละหลายหมื่น องค์สวยๆ บูชากัน
เป็นหลักแสนบาททีเดียว

677
ช่วงนี้หลวงปู่ไม่ค่อยสบายตั้งแต่ เย็นวันที่3ธ.ค ให้น้ำเกลือและมีอาการอ่อนเพลียมาก :054:

678



หลวงพ่อรับพัดที่ วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี

ใครจะร่วมเดินทางไปกับหลวงพ่อมีรถรับส่งรถออกเวลาประมาณ 8.30น

เวลา 13.00นรับพัดที่ วัดพระพุทธบาท จ.สระบุรี

เวลา16.00นถึงวัดร่วมฉลอง

679



ผ้ายันต์ลายมือ


680



สติกเกอร์ติดรถอันนี้ทันล.พ



681
ของดีวัดชายนา







พระศรี  ผ้าห่อศพ



ม้าเสพนาง


682
ขอบคุณท่านสิบทัศรอชมแน่นนอน :015:

684
ขอบคุณมากครับพี่หอมเชียง :053:

685
มุทิตาจิต :054: กราบนมัสการหลวงพ่อสำอางค์ หลวงพ่อท่านเมตตามากครับช่วยเหลือทุกคนที่เดือดร้อนเสมอไม่เคยเรียดร้องเงินทองมีแต่ให้ สมกับชื่อ พระครูอนุกูลกิจไพศาล  จริงๆๆบารมีที่ช่วยเหลือผู้คนทั่วเหล้า :054:

686
ขอข้อมูลที่อยู่ตาหล่อน จ.ชัยนาทหน่อยคับว่าถ้าขับรถ มาจากสายเอเชียไปยังไงต่อ หรือจากวัดหลวงพ่อกวยไปยังไง

1.ควรไปวันไหนดี

2.ต้องเตรียมอะไรบ้างค่าครูเท่าไร

3.ถ้าท่านใดมีเบอร์ตติดต่อตาหล่อน โดยตรงเอาไว้เผื่อหลงทางหรือจะว่างวันไหนทางช่วยส่งทาง ก็ได้ถ้าไม่สะดวกลงเบอร์Pm

687
ผ้ายันต์พี่พิทยาธร ที่จารสีทองลายมือ อ.ทูลเมตตาจารให้เต็มสูบ :114:




ผ้ายันต์บัวบังใบ หลวงพ่อไสว  วัดปรีดาราม




ผ้ายันต์พี่พิทยาธร ผ้าปู อ.ออด วัดหมู





ผ้ายันต์นะหน้าทองจันทร์เพ็ญ
ได้มาเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา










ใครผ้ายันต์ด้านเมตตาช่วยนำให้ชมกันบ้างนะ

688
เบี้องต้นนะคับ มีรูปหล่อหลวงพ่อเต๋ หลวงพ่อแย้ม ขนาด5นิ้ว ราคา2000บาท ขนาด7นิ้ว ราคา3000บาท

งานเริ่มบประมาณ13.00น

689
วันที่3 ธ.ค 2551 ใครไปงานพิธีพุทธาภิเสกใหญ่ที่วัดสามง่าม บ้างครับ :017:

690
ขอชมชิ้นหลักๆๆหน่อย :017:

691
เขี้ยวอันนี้เป็นอันเดียวกับที่ผมสอบถามหรือเปล่าท่านหอมเชียง

692
ยินดีกับท่านหอมเชียง ด้วยนะครับ :053:ที่ได้เขี้ยวเสือยุคแรกๆ ของหลวงพ่อไสว เพราะยุคหลังท่านจารเครื่องเกือบหมดคับยกเว้นบ้างอย่างเช่นตะกรุดขนาดเล็กที่ใส่ในวัตถุมงคล  เขี้ยวเล็กขอรายละเอียดทางpmหน่อยคับ

693
เขี้ยวเล็กของเกจิเดียวกันใช่เปล่า

694
เป็นของเกจิในนครปฐมแน่นนอนไม่ไกลจากวัดบางพระมากนักขับรถไม่เกิน1/2ชม ดูจากยันต์รูปสุดท้ายบางท่านน่าจะทราบ แต่ยังไม่ตอบดีกว่ารอดูอีกรูปดูกว่าเดี๋ยวเก่งเกิน :095:

695
นางพิม ใหญ่




นางพิมเล็ก



ยันต์บัวบังใบอ.ออด


696
เอาวัดอื่นมาชมกันบ้างก็ได้
หลวงปู่ชื่นวัดญาณเสน รุ่นทรัพย์สมบูรณ์ ขุนแผนแขนอ่อนเคลือบรุ่นแรก




697
สุขสันต์วันเกิด ครับท่านสิบทัศ ขอให้สมหวังในสิ่งที่หวัง มีความสุขมากๆๆ ครับ :015:

698
เจ้าแม่กาลีมา ของที่ไหนคับท่าน

699
อีกนิดว่าของที่ไหน พร้อมประการณ์เล็กๆ

700
ช่วยแนะนำหน่อยว่ายันต์อะไรที่สมาชิกคิดว่าเสน่หแรงที่สุด ประมาณว่าสักเสร็จไม่นานก็ได้แฟน :025:

701
ขออภัยรูปไม่ขึ้น

สิบทัสหล่อดีไหมอยากทราบการดูเนื้อดิน เมตพัด บ้างแนะนะด้วยนะคับ เพราะชอบพระสิบทัศมากเป็นพระที่ทีความหมายดีมาก
ที่แสดงพระบารมีของพระพระพุทธทั้ง10 ชาติใหญ่ เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว กว่าจะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันได้ห้อย1เท่ากับ11




702
ที่นำพระลงไม่ได้จะนำอวดแต่อยากใช้ดูเป็นคววามรู้มากกว่าและผมก็ได้ท่านสิบทัศและเอ็มไร่ขิงตอบกระทู้เลยมีกำลังใจหา ลพ.เงิน วัดดอนยายหอมมากขึ้น :054: ติชม กันเต็มที่ทุกท่านคับ

สิบทัสหล่อดีไหมอยากทราบการดูเนื้อดิน เมตพัด บ้างแนะนะด้วย





หน้าวัวใหญ่แม่นบ่อ






หันข้าง80ปีมาทรงยาวกว่านี่ใช่ไหมและมีเนื้อกะไหล่ทองไหม






เสมาปีไหนดีไหมคับ






ลายเซ็นปี09






ขอประวัติการสร้างหน่อย






703
องค์นี้ขุนแผน หลวงพ่อเปิ่น บรรจุกรุ วัดโคกเขมา
องค์นี้ อ.ติ่ง ที่รักให้มาพร้อมน้ำมันมหาเสน่ห แป้งมหาเสน่หลงยันต์อิเจ ก็เจิมน้ำมันทาแป้ง ลงทองสูตร อ.ติ่งท่าน เลย




704
ขอบารมี หลวงพ่อเปิ่น หลวงพ่อมี หลวงพ่อแล ช่วยคุ้มครองหลวงพี่ญาหายป่วยไวๆ ช่วงนี้อกาศเย็นห่มผ้าด้วยนะครับ  หรือต้องการอะไรพิเศษก็บอกมานะครับจะจัดให้  ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ก็ยอม สำหรับหลวงพี่ญา :054:




 ไม่ว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ก็ยอม สำหรับหลวงพี่ญา :054:


ดีมากไปทำมาก่อน   :053: :053: :053:

705
ส่วนตัวผมซื้อพานมา4พาน
1.นางพิม อีดำเซ็น


2.พระสีส


3.เครื่องรางสายเมตตา นางพิมดำเซ็น ปลัด พระสีส รวมกันเป็นเส้นเดียวกันได้โดยฉะเพราะ พระสีส นางพิมเป็นสายวิชาคล้ายกัน
ล่าสุดหลวงปู่แย้ม ยังมาเสกนางพิม ชุดล่าสุดที่แจกวันเกิดหลวงปู่อั้บเลย



แต่ไม่ควรใส่นอนเพราะเวลานอนทับกันไปทับกันมาตระกรุดอาจจะงอได้ที่เป็นเนื้อผงอาจจะหักแตกได้ เก็บไว้ใช้นานๆดีกว่า :008:



4.ตระกรุดสามห่วง 3 ห่วง มหารูด7สี หนังเสือ เสาร์5 เครื่องรางที่เกี่ยวกับคงกระพัน แคล้วคลาด รวมกันได้ไม่ปัญหา




706
สมเด็จเหม็น ลพอุ้น วัดตาลกง



พระปิตตา รุ่นแรก ลพไสว วัดปรีดาราม ปี2505




707
  อย่าคิดมากกันเลยคับค่าจัดส่งEMS 50 บาทผมว่าแทบไม่ได้อะไร เพราะถ้าซื้อกล่องพลาสติกใส่แบบใส ราคา3-5บาท                        ค่าซองกันกระแทก 7-1* ค่าจัดส่งEMS

 ถ้าเหลือก็ทำบุญถวายอ.ญาสิดรับจะได้สบายใจกันทุกฝ่ายเพราะท่านได้มอบมวลสารและเมตตาเสก


โดยส่วนตัวคิดว่าพระพรหมองค์นี้มีค่ามากคับดูจากมวลสารที่ผสม และผู้เสกก็ตั้งใจเสก
มวลสารที่นำมาสร้าง พระพรหม ชุดนี้ พระอาจารย์อภิญญา วัดบางพระ เมตตามอบมวลสารให้ประกอบไปด้วย 
- ผงหลวงพ่อมี  วัดมารวิชัย
- ผงหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ
- ผงหลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
- ผงพระโคนสมอ (แตกหักชำรุด)
- ผงกระเบื้อหลังคาโบสถ์
- ผงเกสรดอกไม้ ๑๐๘
- แป้งเสก หลวงพ่อมี วัดมารวิชัย, แป้งเสกหลายคณาจารย์

เพิ่มเติม...ผงพุทธคุณ พ่อท่านเอ็น วัดเขาราหู จ.สุราษฎร์ธานี...คุณอำพล สุขปาน มอบให้นำมาเป็นมวลสาร พระพรหม ชุดนี้ครับ

708
เหรียญนารายณ์ ทรงครุฑ อันมีฤทธานุภาพ เช่นเดียวกับผ้ายันต์กำเนิดนารายณ์โด่งดัง ที่เรียนจากอาจารย์ยัง เพชรบุรีนอกกันจากภูตผีปีศาจ ยังมีมหาอำนาจ มี2บล็อกหน้า หนุ่ม หน้าแก่





เสือกระโจนอันเป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อไสว



รูปหล่ออายุ75ปี






วันนี้พอแค่นี้ไว้โอกาสหน้าจะมาต่อ  ใครมีประสบการณ์ หรือวัตถุมงคลเกี่ยวกับหลวงพ่อไสว วัดปรีดารามช่วยโพสเป็นวิทยาทานด้วยนะคับ

709
ยันต์บัวบังใบอันร้อนแรง  อยากได้แบบสกีนเหลืองเหมือนกัน


ขุนแผนปี40


ขุนแผนปี41มีทั้งลายเสือและโลหะ



ขุนแผนปี42มีทั้หลังรักยมและหลังลพ


ขุนแผนปี43




หนุมานร่ายมนต์ลพ ไสวได้ เรียนจากอ.โม อ.ยัง พระครู ที่วัดเขาวัง จ. เพชรบุรี ศิษย์ ร่ววมสำนักได้แก่ ลพ. แล วัดพระทรง ลพ อุ้น วัดตาลกง





เหรียญหนุมานปี38



เหรียญธงไขว้ยาวอันลือลั่น​ที่เรียนจากหลวงพ่อวงศ์​ ​วัดทุ่งผักกูด​ ​





ชูชก ปี40
อยากได้เนื้อทองคำเหมือนแต่ไม่รู้จะหาที่ไหน



710
แม้ท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ปี43 แล้วก็ตาม แต่สิ่งต่างๆ ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของบรรดาลูกศิษย์ลูกหา ไม่มีวันเลือนหายไปจากความทรงจำ ทั้งนี้ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้เพื่อเป็นมรดกถึงรุ่นลูกหลาน วัตถุมงคลของท่านยอดเยี่ยมเมตตามหานิยมยิ่งนัก และเปี่ยมด้านคงกระพันชาตรี ที่นิยมกันมากปลัด

แม้แต่ปลัดทองเหลืองตัวละ400บาทยังจารเอง





ลูกอมผงกะลาตาเดียวผงขาวๆคืออิทธิเจที่ท่านลบเองลูกอมท่านจาร ทาผงเอง

ครบเครื่องทั้งคงกระพัน เสือ และองค์พระ


เรื่องเสน่หสุดอดทั้ง จูงนาง และสาริกา


711
เนี่องในวันที่11 พ.ยหรือทางจันทรคติตรงกับวันลอยกระทง ที่ผ่านมาเป็นวันคล้ายมรณะพระครูสถิตโชติคุณ(หลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ)          วัดปรีดาราม จ.นครปฐม

ขอระลึกถึงครูอาจารย์ที่ดีหน่อยนะครับ

การตบนะหน้าทองที่ขึ้นชื่อลือชา

712
ผมขอเสนอวามคิดหน่อย ว่าว่าน่าจะโอนเงินค่าจัดส่งEMS 50 บาทไปค่าจัดส่งให้พี่ leng_kub โดยผ่านบัญชีธนาคารผู้ใดโอนเสร็จก็โพส สลิบ และที่อยู่ ในการจัดส่งไปการดีทั้งผู้รับและผู้ให้ จะได้รับพระเร็วขึ้นไม่แตก และจะได้ไม่เป็นการรบกวนผู้ให้จนเกินไป   

713
เหรียญหน้าวัวครับปี 16 มี 2 พิมพ์คือใหญ่กับเล็ก ของท่านเล็กครับ
หน้าวัวใหญ่แบบท่านโจร และ เคยห็นหน้าวัวเล็กแบบหันข้างด้วยใช่ไหมคับ
แล้วหน้าพ่อเงินหลังหลวงพ่อแช่มที่เป้นเลข1ไทยมีปลอม/เสริมมากหรือดรับเห็นกระทู้เก่าๆลงไว้

714
ผมอยากได้หลวงพอเงิน วัดดอนยายหอมมานานแล้วแต่ดูไม่ค่อยเป็น หวังว่าจะแท้ซักองค์นะครับ

718
กลมเล็กไม่รู้ว่าแท้หรือเจ้าขอเดิมบอกเก็บในถุงอย่างแต่หมีอนเพิ่งทำใหม่

720
เขาเรียกพิพ์อะไรครับ บ้างก็ว่าชินราช บ้างก็ว่ากลีบบัวสรุปตรงๆๆเลยครับแท้ไหม

725
มีเลข1ไทยด้วยแตไม่รู้ทันพ่อเงินเปล่า

730
รบกวนพี่ๆ ช่วยดูหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมหน่อยครับ

731
ไม่รู้ว่าหลวงพ่อญาจะมีเหลือให้ผมบ้างไหม

732
ขอบคุณครับ ขอรับด้วยคน

733
บอกผมมั่งอยากมีเมีย

735
ถึงเพื่อนครูบาอาจาย์ ผมทำโทรศัพท์หายโปรด โทรมาบอกหน่อย 04112377

736
ยอดเกจิที่น่ากราบได้อย่างสนิทใจ

737
สุดยอดเมตตา

738
รวมสมาชิก (มิตรไมตรี) / ตอบ: happy day
« เมื่อ: 15 พ.ค. 2549, 09:55:17 »
ขอสิ่งศักดิ์สิทธิทั่วสากลโลกจงอวยพรให้อาจารย์ต. มีสุขภาพแข็งแรง

739



เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนายนรินทร มณีรัตน์ อายุ 25 ปี ชาวชุมชนศรีทรายมูล เขตเทศบาลนครเชียงราย ว่าพบจิ้งจก 2 หัว ไปตรวจสอบพบว่านายนรินทรขังไว้ในแก้ว ความยาวลำตัว 2-3 เซนติเมตร ทั้ง 2 หัวต่างก็ส่ายไปมาและแลบลิ้นได้ สามารถชูคอพร้อมกันทั้ง 2 หัว สร้างความงุนงงแก่ผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก

นายนรินทรกล่าวว่า เป็นพนักงานไร่แม่ฟ้าหลวง ต.งิ้ว อ.เมือง ขณะดูแลพิพิธภัณฑ์ไม้สักใกล้กับหอแก้ว ปรากฏว่าจิ้งจกตกใส่บ่าจึงใช้มือจับมาดูถึงกับตกใจ เมื่อพบว่ามี 2 หัว กลัวว่าจะตายจึงเก็บมาเลี้ยงไว้

740
รุ๋นนี้ยังมี

741
saveรูปนี้แล้วรวย

742
ที่กุฏิริมน้ำ

744
วันเสาร์ที่11 ก.พ 2549 เชิญเพื่อนๆร่วมทำบุญหล่อพระพุทธเจ้า5พระองค์ที่วัดนกร่วมกันนะครับ
มีปัญหาโทรถามรายละเอียดที่วัดนกได้เลย024107849

745
ช่างอั๋น




746
นาฬิกา นอกจากเป็นเครื่องบ่งบอกเวลาแล้ว นาฬิกายังจัดได้ว่าเป็น วัตถุมงคลและเป็นสัญลักษณ์ แห่งโชคลาภมากมาย อีกเช่นกัน บ้างก็ว ่านาฬิกาเป็นลักษณะของ ความก้าวหน้า ความเจริญรุ่งเรือง ของพลัง ความสามารถหมุนเวียนไปได้อย่างทั่วถึง เสียงของนาฬิกาจึงเป็นพลัง แห่งความตื่นตัว กระฉับกระเฉงอยู่เสมอ โดยเฉพาะนาฬิกาโบราณ

นายสรรเสริญ เล่ห์จันทร์พงษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม "ช่างอั๋น" ผู้สืบทอด การซ่อมนาฬิกาโบราณจาก "ช่างเซ็ง วัดคฤหบดี" บอกว่า ความเชื่อเรื่อง นาฬิกาเริ่มตั้งแต่การจัดตำแหน่งของนาฬิกาในบ้านที่มีความ สำคัญมาก ไม่ควรวางตำแหน่งของนาฬิกาที่ฝาผนังด้านขวาของบ้าน ไม่ควรแขวน นาฬิกา หรือเมื่อเปิดประตู เข้าบ้านต้องไม่เห็นนาฬิกาเผชิญหน้ากับเรา พอดี บ้างก็ว่า นาฬิกาตรงกับประตูบ้านเป็นสัญลักษณ์ของ การหมด อายุขัย

ปัจจุบันยังมีคนที่เชื่อถือในความเชื่อสัญลักษณ์สิริมงคลที่แฝงอยู่ในนาฬิกา นาฬิกาที่ดีต้องไม่หยุด เดิน ที่เรียกว่า นาฬิกาตาย เมื่อนาฬิกาเดินจึงเป็นความหมายแห่งพลัง ความก้าวหน้า บ้างก็ว่า พลังที่ดีต้องมีการ หมุนเวียนหยิน-หยาง พลังในทางมือและทางสว่าง นาฬิกาน่าจะเป็นสัญลักษณ์ ตรงนี้ได้ดี เมื่อสองพลังนี้ สมดุลกันโบราณว่า จะนำโชคลาภมาให้

จากประสบการณ์การเป็นช่างซ่อมนาฬิกาโบราณ ช่างอั๋นได้รวบรวม ๙ ความเชื่อเกี่ยวกับนาฬิกา พร้อมกับ อธิบายให้ฟังว่า

๑.นาฬิกาที่เดินนานที่สุด บางคนเชื่อว่านาฬิกาที่เดินนานที่สุดเป็น สัญลักษณ์แห่งอายุยืน ความปลอดโปร่ง สบายใจ ความเข้มแข็ง พลังแห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา นาฬิกาประเภทที่เดินยาว นานที่สุดก็คือ นาฬิกาสี่ร้อยวัน ตั้งโต๊ะที่มีครอบแก้ว โดยไขลานเพียง ครั้งเดียว

แต่ยังมีนาฬิกาที่เดินนานที่สุด ที่นักสะสมนาฬิกามักบอกว่า เดินกันชั่วชีวิต คือ นาฬิกา Almos เป็นนาฬิกาที่ เดินด้วยความกดอากาศหรืออุณหภูมิ โดยใช้หลักการในทุกๆ ๔ นาที อุณหภูมิของอากาศจะเปลี่ยนขึ้นลงตลอดเวลา

๒.เสียงตีของนาฬิกา เป็นสัญลักษณ์แห่ง เกียรติยศ ชื่อเสียงเกรียงไกร สร้างพลังที่ดีให้แก่บ้าน เกิดความสำราญ บานใจ ทั้งยังดึงดูดพลังที่ดีเข้าบ้าน ทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข และมีโชคลาภ ที่ค่อนข้างเงียบ ไร้เสียงกระดิ่งใส ไร้เสียงเพลง ถือว่าไม่ดีนัก คนในบ้านจะอับโชค ในขณะที่บางคน เชื่อว่า นาฬิกาไม่ตีเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความเหนื่อย ไม่มีเวลาพักผ่อน มีแต่ ความเร่งร้อนแห่งการ รอคอย 

๓.หน้าปัด นาฬิกาก็เหมือนคน ความสง่างามก็อยู่ที่หน้า บ่งบอกถึง ความมั่นคง หรือ หนักแน่น ความสมบูรณ์ เหมือนกับเด็กทารกที่อ้วนจ้ำม่ำ ดูแล้วเป็นมงคลในด้านโชคลาภ อุดมสมบูรณ์ ความรุ่งเรือง บางคนเชื่อว่า หน้าที่ดีคือ หน้ากระเบื้อง เพราะกระเบื้องจะมีความเงางามสดใส ไม่ หมัวหมองง่ายเหมือนหน้าประเภทอื่น ดูแลสบาย สีสันสดใส สวยงาม ให้เกิดความสุข โชคดี และความคงทนกว่าหน้าประเภทอื่น แต่ถ้าแตก ก็เลิกกัน

๔.สีมงคลประจำวันเกิด หลายคนเชื่อว่า สีประจำวันเกิดน่าจะเป็นสีที่ส่งผลต่อความเจริญ ประจำ ราศีเกิดของคนนั้น หน้าปัดของนาฬิกาที่มีสีต่างๆ นักสะสมเชื่อว่า น่าจะเลือกตามสีประจำวันเกิด เช่น สีเหลืองประจำวันจันทร์ วันอังคารสีชมพู วันพุธสีเขียว

แต่ยังมีพิเศษอีกอย่างคือ หน้าครีม เหลืองอ่อน ระหว่างเลขที่หน้าปัดจะมีรูปสัญลักษณ์สีแดงคล้าย ซิ่ว หรือ ตราลูกเสือ ตรงนี้นักสะสมเรียกว่าหน้ามี ซิ่ว ซึ่งหมายถึง เทพแห่งโชคลาภ หนึ่งในสาม คือ ฮก ลก ซิ่ว เชื่อว่าบันดาล โชคและความสุขให้ครอบครัว สุขภาพแข็งแรง

๕.ม้าและนกอินทรี บางคนเรียกว่าหัวโขนบนนาฬิกาที่อยู่ด้านบนสุดของนาฬิกา มีความเชื่อว่า ม้าเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความโชคดี สำเร็จ แต่ต้องเป็น ม้าสีทอง สีเงิน และ สีน้ำตาล บันดาลชัยชนะ ส่วนสีดำไม่เหมาะ นกอินทรี เป็นสัญลักษณ์แห่ง ความสง่างาม วาสนาสูง การเริ่มต้นที่ดีของความ รุ่งเรือง นกที่มีท่วงท่าว่ากำลังจะบินเข้าบ้าน หมายถึง โชคลาภเข้ามาสู่ บ้านเรือน ถ้าเป็นรูปอื่น เช่น สิงโต จะให้มงคลด้านความเข้มแข็ง เป็นผู้นำ การนับถือจากคนรอบข้าง

๖.กระจกเจียระไน หมายถึง กระจกที่นำไปเจียระไนลบเหลี่ยม หักเหแสงแวววาวเหมือนเพชร เหมือนคริสตัลมีความ เชื่อว่า เป็นพลังของแสงสะท้อนกับแก้วแล้วกระจายพลังที่ดีไปรอบๆ ขจัดพลังลบให้ออกไปจากบ้าน จะประสบความรุ่งเรือง เฟื่องฟู ฐานะการเงินมั่นคง ความสำเร็จ อย่างสูง แต่ต้องเช็คทำความสะอาดกระจกให้เงางามอยู่เสมอ

๗.พระจันทร์ยิ้ม เชื่อว่า พระอาทิตย์-พระจันทร์ เป็นตัวแทนแห่งพลัง หยิน-หยาง หมุนเวียนสับ เปลี่ยนกัน ถือว่าเป็น มงคลนัก เต็มไปด้วยพลัง แห่งความกระตือรือร้น ไม่เฉื่อยชา พระจันทร์เป็น สัญลักษณ์แห่ง ความ ร่มเย็นจิตใจที่อ่อนโยน และจะนำเรื่องความรักความเมตตามาสู่ท่านด้วย ถึงว่า ทำไมนาฬิกาพระจันทร์ยิ้มถึงแพงและหายาก ก็เพราะเป็นแบบ นี้นี่เอง

๘.นาฬิกาโป๊ยก่วย หมายถึง นาฬิกา แปดเหลี่ยม มีลักษณะเหมือน ยันต์แปดทิศ ของคนจีนที่ใช้เป็น สัญลักษณ์สำหรับ แก้อาถรรพณ์ต่างๆ เช่น ทางสามแพร่ง ถนนพุ่งเข้าบ้าน จึงใช้ลักษณะแปดเหลี่ยม แก้ไข ฮวงจุ้ยที่เสีย นาฬิกาแปดเหลี่ยมคน สมัยก่อนจึงเชื่อว่า เหมือนยันต์ แปดทิศ แต่มีพลังหยิน-หยาง แฝงอยู่ในตัวสมบูรณ์ และเสียงตีตามความเชื่อที่กล่าวมาแล้ว จะสังเกตว่าคนจีนสมัยก่อนนิยม นาฬิกาแปดเหลี่ยมกันมาก นอกจากนาฬิกาแปดเหลี่ยมแล้ว คนจีนเชื่อว่านาฬิการูปทรงกลม คล้ายเหรียญสตางค์จะนำลาภผลมาให้

๙.คำอวยพรอันเป็นมงคล สมัยก่อนเมื่อมีการเปิดกิจการร้านค้า ส่วนใหญ่จะนำนาฬิกาตั้งพื้น (ชิกโซ่) เป็นของขวัญที่ ระลึกวันเปิดร้านใหม่ และกระจกด้านหน้าที่มีข้อความเขียนคำอวยพรเป็นภาษาจีน ซึ่งล้วนแต่เป็นคำมงคลเกี่ยวกับโชคลาภ ความเจริญรุ่งเรือง ร้อยละเก้าสิบของนาฬิกาประเภทนี้จะมี คำอวยพรทั้งนั้น นักสะสมบางคนชอบเก็บสะสมคำอวยพรไว้ ซึ่งเป็นความหมายที่ดี

นาฬิกาเซี่ยงไฮ้ของจีน จะมีกระจกเขียนลายสี หรือคำอวยพรตัวโตๆ สวยงามแปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง นาฬิกาเซี่ยงไฮ้ จีนบางเรือนก็เขียนเป็นลาย ราศีประจำวันเกิด ที่เคยพบเห็นมี ปีวัว ปีเสือ ปีมังกร ปีงูเล็ก ปีลิง แต่หายากมาก นาฬิกาประเภท นี้กำลังตามเก็บรูปมาให้ท่านดูในโอกาสต่อไป น่าจะ เป็นลักษณะมงคลที่ดีอีกแบบหนึ่ง

"๙ ลักษณะนาฬิกาที่เป็นมงคลตามตัวอย่างที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงความเชื่อในส่วนหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วยังคงมีมากกว่านี้ ที่หลายท่านมองเห็นในสิ่งที่ดีที่เป็นมงคลของนาฬิกา ในท้ายสุดของปีเรื่อง ของสิริมงคลน่าจะเป็นเรื่องที่น่าพูดถึงกับทุกท่าน มากที่สุด" ช่างอั๋น กล่าวทิ้งท้าย



747
ศ.โรเบิร์ต เพาเวลล์ นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยอะวิลา และ โรเบิร์ต เฮนเดอร์สัน หัวหน้าผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ชุมชนมิลวอกี้ ในสหรัฐอเมริกาค้นพบจิ้งจกพันธุ์ใหม่บนเกาะกวานา ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ทะเลแคริบเบียนตอนใต้ สถานที่ศึกษาสัตว์เลื้อยคลาน

รายงานการค้นพบจะตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ฉบับธันวาคมนี้ โดยเพาเวลล์กล่าวว่า จิ้งจกที่พบมีลำตัวเป็นสีเขียวแซมด้วยแดงดำและจุดสีขาว มีขนาดตัวเล็กบางตัวมีความยาวลำตัวแค่หนึ่งนิ้ว

นายเพาเวลล์นั้นตื่นเต้นมากที่ไปเจอมัน ขณะกอบซากพืชและใบไม้ขึ้นมาเต็มกำมือแล้วค่อยๆ สอดส่ายสายตามองหาจิ้งจกอย่างระมัดระวัง สิ่งที่ยากที่สุดคือถือมันไว้โดยไม่ไปดึงโดนหนังมันเข้า

เพาเวลล์เชื่อว่าจิ้งจกชนิดใหม่อยู่ในกลุ่มหายากและใกล้จะสูญพันธุ์ ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่อสายพันธุ์ให้ เพียงนำตัวมันไปอยู่ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติของมหาวิทยาลัยแคนซัสเพื่อศึกษาต่อไป
ในอนาคตคาดว่า...

748
มีปลัดด้วยจะได้เพิ่มเสน่ห ส่วนเนื้อน่าจะเป็นโลหะผสมชนวนของทางวัด พกง่ายไม่แตกหัก

749
พระอธิการเกษม หรือ หลวงพ่ออั้บ เขมจาโร เจ้าอาวาสวัดท้องไทร อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม กล่าวว่า วัดได้ จัดสร้างรูปเหมือนนั่งหมูทองแดง มีทั้งเนื้อทองเหลือง รมดำ เนื้อเงิน พระปิดตาเศรษฐี พระผงว่านหน้าเสือ รุ่นแรก ตะกรุดป้องกันสัตว์มีพิษ และกะลาตาเดียว โดยปัจจัยที่ได้จะนำไป สร้างอาคารเรียน ๓ ชั้นให้กับ โรงเรียนวัดท้องไทร ซึ่งสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล จนถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ โดยได้ตั้งงบประมาณไว้ ๓ ล้านบาท เนื่องจากอาคารเก่า ได้ชำรุดทรุดโทรมลงมาก ทำให้ที่เรียนไม่เพียงพอตามจำนวนจริง

หลวงพ่ออั้บ มิได้โด่งดังเหมือนกับพระเกจิอาจารย์รูปอื่นๆ หากแต่วัตรปฏิบัติ และการช่วยเหลือญาติโยม ที่เจ็บป่วย ด้วยโรคร้ายต่างๆ รวมทั้งวัตถุมงคล ที่ท่านปลุกเสกนั้น เป็นสิ่งที่ลูกศิษย์ลูกหาตระหนักดี ถึง เกียรติคุณดังกล่าว อาจเรียกได้ว่าหลวงพ่อ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ดังแบบเงียบๆ ก็ว่าได้

วัตถุมงคลที่โด่งดังอย่างหนึ่ง ของหลวงพ่ออั้บ คือ ตะกรุดกันงู นอกจากนี้หลวงพ่ออั้บ ยังสนใจศึกษาตำรายา สมุนไพรไทย และท่านก็ได้นำมาใช้รักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น มะเร็ง อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ จวบจนปัจจุบัน

หลวงพ่ออั้บ เป็นศิษย์ผู้สืบทอดวิชาคาถาอาคม มาจากหลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ต้นตำรับเหรียญหล่อหน้าเสือ ที่มากด้วยพุทธคุณ

อย่างไรก็ตาม ผู้มีจิตศรัทธาสอบถามเส้นทาง ไปกราบนมัสการ หลวงพ่ออั้บได้ที่วัดท้องไทร ต.แหลมบัว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โทร.๐-๓๔๒๐-๘๓๘๗, ๐-๙๐๘๒-๔๗๕๐, ๐-๙๑๑๖-๗๘๘๙๐, ๐-๑๐๑๖-๐๓๗๘


750
จะปิดบอร์ดเก่าไหม ???

หน้า: [1]