10 ปีที่แล้ว พานเดียวตลอด ไม่มี2-3 พาน
ก็เท่ากับ 1ลายสัก ต่อหนึ่งครั้งของการมาวัด 10ลายสัก ก็ไปวัดสิบครั้ง ก็ดีใจเพราะรู้สึกผูกพัน จะว่าเป็นสุดรุ่นท้ายๆที่ทันท่านก็ว่าได้ สักเสร็จขึ้นไปเป่ากับพระอาจารย์สำอางค์ หลวงพ่อท่านป่วยนอนอาพาธ แปลกขึ้นไปเป่าทุกที ท่าน ตื่นลุกขึ้นมานั่งยิ้มทุกทีเลย เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เรารีบๆมาสัก ที่วัดบางพระ
จากนั้นตั้งใจมากเลย จึงไปหาห้องเช่าอยู่แถวนั้นอยู่เลย 1เดือน ไม่กล้านอนวัดกลัวเป็นภาระ ไม่น่าเชื่อ วันสุดท้ายเป็นสิ้นเดือน ต้องคืน ห้อง ให้เจ้าของเพราะเรา บอกว่าเช่า 1เดือน ซึ่งวันนั้นเป็นวัน ที่หลวงพ่อมรณะภาพ 10ปีแล้วยังไม่เต็มหลังเลย แต่ มีหยุดไป ประมาณ 7-8 ปี ช่วงนั้นจบใหม่กำลังบ้างาน และพอหลวงพ่อมรณะภาพ ได้ไม่นาน หลวงพี่ญาก็ประกาศเลิกสัก ท่านฝังตะกรุดอย่างเดียว แบบตอกนะครับ และท่านบอกว่าเดี๋ยวจะมีหลวงพี่นันมาช่วยสัก เมื่อก่อนหลวงพี่นันยังไม่สัก จากนั้นก็ไปสักกับหลวงพี่แป๊วหลวงพี่พัน สักกับท่านบ้างช่วงหลวงพี่ญาไม่อยู่และช่วงที่ท่านหยุดสัก
และสักพักหลวงพี่ญาก็กลับมาสัก เพราะมีลูกศิษย์เรียกร้องมาก(สงสัยเองนะ) แต่ดีใจมากที่หลวงพี่กลับมาสัก จากนั้นก็หยุดไปจากข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว ได้กลับมาอีกทีเพราะบริษัทส่งมาทำงานที่ใกล้ๆ หลวงพี่ยังจำได้ วัดเปลี่ยนไปเยอะเลย หลวงพี่แต่ละท่าน ก็ใจดี ไม่ เอ็ดเหมือน มื่อก่อนเลย
หลวงพี่ต้อยก็ใจดี สักให้เต็มหน้าขาทั้งสองข้างแล้ว หลวงพี่ญานี่ เคยได้ยิน ท่านพูดขำๆนะ "มาสิ เดี๋ยวจะแทงให้หลังฉีกเลย" (ลูกศิษย์ท่านคงรู้กิตติศัพท์ดี) ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ