วิปัสสนากรรมฐานแก้กรรม 1/4
พระธรรมสิงหบุราจารย์
________________________________________
วันนี้จะเล่าเรื่องให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องการปฏิบัติเจริญวิปัสสนาแล้วสามารถแก้กรรมได้
กล่าวถึงนายไกร พัฒนทายาท บ้านเดิมอยู่จังหวัดแพร่ เป็นลูกของมัคนายกวัด สำเร็จการศึกษาแค่มัธยม ๖ ก็มาเข้างานที่สำนักงานไร่ยาสูบที่จังหวัดเพชรบูรณ์
นายไกรเข้ามาทำงานโดยผู้จัดการคนก่อนรับไว้และช่วยเหลืออุปการะ ตั้งแต่เป็นเสมียนจนเลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าพัสดุ ต่อมาเกิดมีการก่อสร้างโรงเรือนต่างๆ เพิ่มขึ้น ผู้จัดการคนใหม่กับรองผู้จัดการไม่ถูกกันอย่างมากเลยทีเดียว
นายไกรก็ทำบัญชีตะพึด โกงหรือไม่โกงเขาไม่รู้ ผู้สอบบัญชีมาตรวจพบว่าผู้จัดการทุจริตในหน้าที่การก่อสร้าง เอาสิ่งของวัตถุก่อสร้างไปใช้ผิดประเภท
ทางการก็สั่งพักงานผู้จัดการทันที ข้างนายไกรก็กลุ้มอกกลุ้มใจเหลือเกิน เอ เราเป็นพยานจะต้องให้การ อย่างไร ถ้าให้การไปตามจริง เจ้านายจะติดคุก เราจะต้องติดร่างแหด้วย แต่ท่านก็เป็นเจ้านายเรานี่ แหม! พะอืดพะอมเหลือเกิน เราอุตส่าห์ตั้งใจทำงาน ตั้งแต่เป็นเสมียนจนเลื่อนขึ้นมาเป็นหัวหน้าพัสดุ เงินเดือนสูงขึ้น และลูกยังเล็กๆ ๓ คน จะออกใหม่อีกคนเป็น ๔ คน ถ้าจะให้การตามจริงก็จะเป็นการแฉความผิดของผู้จัดการผู้มีพระคุณและเป็นเจ้านาย ถ้าเราจะให้การโดยเล่ห์เพทุบายก็เป็นการโกงรัฐบาล นายไกร กลุ้มอกกลุ้มใจมาก
ในที่สุดนายไกรก็ตัดสินใจตาย บอกกับภรรยาและลูกเล็กๆ ว่าจะเข้ากรุงเทพฯนะ ก็เตรียมหีบเสื้อผ้า เตรียมยาไปเสร็จ ขึ้นรถยนต์ไปลงตะพานหิน ซื้อตั๋วรถไฟไปลงกรุงเทพฯ แต่คงเป็นบุญวาสนาของเขา ก็เกิดร้อนอกร้อนใจลงเสียที่สถานีลพบุรี ไม่ไปกรุงเทพฯ แต่ได้บอกกับภรรยาไว้ว่าจะไปธุระราชการที่กรุงเทพฯ ติดต่องานนิดหน่อยเท่านั้น ด้วยความกลุ้มใจว่าตัวจะต้องโดนติดคุกด้วย เสียอกเสียใจข้าวปลาไม่รับประทาน มาลงที่สถานีลพบุรีเสร็จแล้วก็แบกหีบเทิ่งๆ ไป
ตอนนั้นไฟฟ้าภูมิภาคไม่มีนะ มีโรงไฟฟ้าเทศบาลอยู่ที่สวนสัตว์โน่น ไปทางวัดไก่มีโรงไฟฟ้าของเทศบาล สมัยเก่าไฟฟ้ายังไม่เข้า เขาก็มีวิกอยู่ ๒ วิก วิกนารายณ์กับวิกท่าขุนนาง วิกท่าขุนนางเป็นวิกลิเก วิกนารายณ์เป็นวิกหนัง และนายไกรก็ไปพักโรงแรมทหารบก ไฟฟ้าก็หรี่ตอนหัวค่ำ แล้วก็นั่งเขียนหนังสือว่าจะกินยาตาย และก็ขอตายที่โรงแรมนี้ เขียนหนังสือว่าเขาเป็นใคร ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน ทำไมต้องมากินยาตายที่นี่ด้วย ขอให้ทางโรงแรมได้รับทราบในเรื่องนี้ของเขาในค่ำคืนวันนั้น แต่เขาก็ยังมีบุญอยู่ พอจะเอายาขึ้นมาจะดื่ม ไฟฟ้าซึ่งริบหรี่อยู่เกิดสว่างพรึบขึ้นมาทันที สว่างโล่งเลย ตกใจ! ยาหกไปหน่อยหนึ่งแล้วก็วางตั้งสติ เขาเล่าให้ฟังอย่างนี้ ตั้งสติอารมณ์ใหม่ เอ! เมื่อตะกี้ไฟมันหรี่ มัน ๖ ทุ่มกว่า จะตี ๑ แล้ว หนังเลิกคนก็ใช้ไฟฟ้าน้อยลง ไฟก็สว่างพรึบขึ้น
ที่มา
http://www.fungdham.com/rule-of-fate.html