ช่วงนี้ก็ใกล้เข้ามาแล้ว สำหรับเทศกาลสงกรานต์ เลยนำบทความเกี่ยวกับประเพณีที่ทำในวันสงกรานต์
มาให้เจ้าพี่นายน้อง ได้อ่านกัน
เมื่อจะรดน้ำ ก็ไม่มีดำหัว และเมื่อจะดำหัว ก็ต้องไม่มีรดน้ำ แม้นว่าจะเคยคุ้นเคยกันมานาน ก็อย่างไรเสีย ?รดน้ำ? และ ?ดำหัว? มันก็คนละเรื่อง ((แต่เผอิญคำมันมาคล้องกันได้นี่สิ))
การ ?รดน้ำ? ผมว่าเป็นเรื่องของคนไทยภาคกลาง ที่นิยมรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ในช่วงสงกรานต์ แต่การ ?ดำหัว? เป็นประเพณีของทางเหนือ ซึ่งการปฏิบัติก็แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นจะมารวมกันก็ยากเต็มที จึงนำเรื่องราวของการดำหัว มาฝากกันครับผม
ดำหัวปีใหม่
คำว่า ?ดำหัว? ก็คือการสระผม ซึ่งในสมัยก่อนจะทำการ สระผมกลางบ้านเลยทีเดียวแต่ต่อมาก็เหลือเพียงกริยาที่เอาน้ำขมิ้นส้มป่อย มาลูบศีรษะของตน เป็นกริยาว่าได้ดำหัวแล้ว
การดำหัว เป็นการแสดงความเคารพผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาอาจารย์ คลอดถึงบุคคลที่เรานับถือ นอกจากนี้ยังเป็นการขอขมาต่อผู้ใหญ่ ที่บางครั้งในรอบปี เราได้ล่วงเกินทั้งทางกาย วาจา ใจ ด้วยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ดี ก็จะมากระทำการขอขมาคารวะในวันปีใหม่ผ่านพิธีดำหัวนี้
ในพิธีการดำหัว จะประกอบไปด้วยเครื่องเคารพซึ่งประกอบด้วยข้าวตอกดอกไม้ ธูปเทียน น้ำขมิ้นส้มป่อย และของบริวารอื่น ๆ เช่น มะม่วงมะปราง แตงกวา กล้วยอ้อย ขนม ข้ามต้ม หมากพลู บุหรี่ หรือเงินทองใส่ไปด้วยก็ได้ หรืออาจจะมีเสื่อผ้า กางเกง ผ้าซิ่น ผ้าขนหนูหรือของที่ระลึกอื่น ๆ จัดแต่งใส่พาน หรือภาชนะเรียบร้อยสวยงาม
การกล่าวขอขมาลาโทษเป็นทำนองว่า
?วันนี้เป็นวันเดือนจีปี๋ใหม่ หมู่ลูกหลานตังหลายได้มาขอขมาลาโทษป้ออุ๊ย แม่อุ้ย ((...หรือบอกชื่อผู้รับการดำหัว....)) แม้นว่าพวกข้าเจ้าตังหลาย ได้ปากล้ำกำเหลือ ล่วงเกิ๋นด้วยประการใด ๆ ก็ดี ขอป้ออุ๊ย แม่อุ๊ย ((... หรือบอกชื่อผู้รับการดำหัว...)) ได้หื้อขมาลาโทษแก่ผูงข้าเจ้าตังหลายด้วยเต๊อะ?
จากนั้นก็จะประเคน ข้าวของครัวดำหัวต่าง ๆ พร้อมทั้งน้ำขมิ้นส้มป่อย ส่วนผู้รับดำหัวจะรับประเคนของแล้วเอาผ้าขาวม้าหรือผ้าสไบพาดบ่าแล้วให้พรด้วยโวหารว่า
?
เอวัง โหนตุ ดีแล อัชชะในวันนี้ ก็เป็นวันดี สะหลีอันประเสริฐ ล้ำเลิศกว่าวันตังหลาย บัดนี้รวิสังขานต์ก็ข้ามล่วงป๊นไปแล้ว ปี๋ใหม่แก้วก็มาฮอดมาเถิง ลูกหลานตังหลายก็บ่ละเสียยังฮีด บ่รีดเสียยังป๋าเวณี เจ้าตังหลายก็ได้น้อมนำมายังมธุบุปผาและสุคันโธทกะ สัพพะวัตถุนานาตังหลาย มาขอสมมาคารวะตนตัวผู้ข้า ว่าฉันนี้แต๊ดีหลี แม้นว่าเจ้าตังหลายได้ปากล้ำกำเหลือ ขึ้นที่ต่ำ ย่ำที่สูง ผิดด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ดั่งอั้นก็ดี ผู้ข้าก็จักอโหสิกรรมหื้อแก่สูเจ้าตังหลาย แม่นว่าสูเจ้าตังหลายจักไปสู่จตุทิสสะ อัฐทิสสะ วันตกวันออกขอกใต้หนเหนือค้าขายวายล่องท่องเทียวบ้านเมือง และอยู่บ้านจองหอเฮือนก็ดี จุ่งหื้ออยู่ชุ่มเนื้อเย็นใจ๋ หื้อเป็นที่ปิยะมะนามักรักจำเริญใจ๋แก่หมู่คนและเตวดา แล้วจุ่งหื้อก้านกุ่งรุ่งเรืองไปด้วยโภคะธนะธนัง ข้าวของเงินคำสัมปัตติตังหลาย แม่นจักกินก็อย่าหื้อได้ผลาญ จักตานก็อย่าหื้อได้เสี้ยง ห้อมีอายุยืนยาวนั้นแต๊ ดีหลี
สัพพีติ โย วิวัชชันตุ สัพพโรโค วินัสสตุ มา เต ภวันตะวันตรายโย สุขีทีฆายุโก ภวะ อภิวาทนสีลิสนิจจัง วุฑฒาปจายิโน จัตตาโร ธัมมา วัฑฒันติ อายุวัณโณ สุขัง พลัง๚? ระหว่างที่ทำพิธีอยู่นั้น บรรดาผู้ฟังต่าง ๆ ก็จะพนมมือรับพร เมื่อผู้ให้พรกล่าวจบต่างก็ยกมือจรดเหนือหัวพร้อมเปล่งเสียง ?สาธุ? พร้อม ๆ กัน เสร็จแล้วผู้รับการดำหัว ก็จะรับธูปเทียนไปใส่ในพานใหญ่ที่เตรียมไว้ เอามือจุ่มลงในน้ำขมิ้นส้มป่อยแล้วลูบศีรษะของตนเป็นกริยาว่าได้ดำหัวแล้ว และนำน้ำขมิ้นส้มป่อยเทลงในขัน เป็นอันเสร็จพิธี
ที่มา ย้อนรอยล้านนา ซีเอ็ม 77 . คอม