:059:เช้าวันหนึ่ง..........
เมฆฝนบนฟ้าปกคลุมมามืดดำ
สายฝนหล่นพรำมาในยามเช้า
สายลมพัดพาความหนาวมาจากทิศตะวันออก
ซุกกายใต้ผ้าห่มไม่อยากจะลุกจากที่นอน
อาลัยอาวรณ์อยากที่จะนอนต่ออีกสักหน่อย
แล้วตัดใจลุกจากที่นอนเก็บหมอนและผับผ้าห่ม
:053:จิตใจเริ่มสับสน........
กับสายฝนที่ตกลงมาและอากาศที่หนาวเย็น
เกิดสองความคิดขึ้นมาในจิตใจ
จะออกไปรับบิณฑบาตรดีหรือไม่
ออกไปจีวรต้องเปียกแน่เลย
ตากฝนอาจจะทำให้ไม่สบายเป็นหวัดได้
:059:แต่อีกความคิดหนึ่ง......
ถ้าเราไม่ออกไปญาติโยมเขาจะรอเราอยู่ไหม..?
อาหารที่เขาเตรียมไว้จะเป็นอย่างไร..?
ญาติโยมเขาจะกังวลใจมากไหม..?
ความคิดสองอย่างเกิดขึ้นในใจ
จะเลือกเอาอย่างไหนกันดี..?
:059:สายฝนโปรยปราย.....
เดินเลาะชายโขงผ่านทุ่งนามุ่งหน้าสู่หมู่บ้าน
สายลมหนาวผัดต้องกายให้หนาวสะท้าน
จีวรโดนละอองฝนเปียกกระชับกาย
ญาติโยมนั่งรอเรียงรายสองข้างทาง
.....รอยยิ้มเกิดท่ามกลางสายฝน....
:054:ขอขอบคุณ.......
การตัดสินใจที่ถูกต้องและสายฝน
ขอบคุณผู้คนที่ไม่เสื่อมศรัทธา
ขอบคุณท้องนาและแม่น้ำโขง
ขอบคุณความคิดทั้งสองทาง
....ขอบคุณรอยยิ้มกลางสายฝน....
-----------------------------
:054:แด่ศรัทธาของผู้คนในชนบท(จนเงินแต่ไม่จนศีลทาน)
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม
๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ เวลา ๐๙.๔๑ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย