ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องผี ในเงามืด เชิญแวะเข้ามาอ่านได้ครับผม  (อ่าน 7281 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
เรื่องผี ย้อนหลังไป25ปีก่อนครับ 36; 36;
                                 
ข้าพเจ้าจำได้ว่า ตอนนั้นอายุได้15ย่างเข้า16 ทุกๆตอนเย็น ข้าพเจ้าชอบไปเล่นน้ำคลองกับเพื่อนครับ
                             
มีอยู่วันหนึ่งก็เล่นน้ำคลองตามปรกติ วันนั้นโชคดีจริงๆ มีก๋วยเตียวเรือพายผ่านมาพอดีครับ
                                           
ทุกคนในกลุ่มต่างก็ตะโกนไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ลุงๆ จอดเทียบเลยครับลุง ชิดขอบเลยครับ
                               
กินประจำอยู่แล้วครับ ก๋วยเตียวเรือของลุง แต่ลุงจะพายผ่านแถวที่ข้าพเจ้าเล่นน้ำคลองทุกๆ3วันครับ
                             
วันนี้ก็กินไปตามปรกติกับเพื่อนอีก7ชีวิต ลืมบอกไปครับก๋วยเตียวเรือชามละ 50 สตางค์ครับ อร่อยมากๆ
                           
นั่งกินไปแบบท่าสบายๆของตามแต่ละบุคคล บังเอิญข้าพเจ้าเหลือบมองไปเห็นสุนัขเน่าลอยมาครับ
                             
กำลังพองได้ที่แบบว่า จะระเบิดแล้วก็ไม่ปาน นึกยังไงไม่รู้ข้าพเจ้าอุตริเอาก้อนหินไปปา
                                           
เสียงดัง ปุ ปุ แมลงวันกระจาย และมาพร้อมกลิ่นอันสุดจะทน สุดท้ายวงแตก ตามมาเดียวเสียงด่า
                                 
ไอ้เวร ไอ้บ้าเอ้ย ไอ้ฉิป.. เหลือแต่ลุงขายก๋วยเตียว กับ ข้าพเจ้า 2 คนที่อยู่กับสุนัขเน่าตัวนั้น
                                       
แต่เรื่องกลิ่นข้าพเจ้าทนได้ แต่ทนไม่ได้เรื่องหิวนี้ซิครับ ข้าพเจ้าก็นั่งทานก๋วยเตียวต่อไปแบบยิ้มๆเล็กน้อย
                         
คืนนี้นัดรวมตัวเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันเกิดของเพื่อนข้าพเจ้า นัดกันตอน3ทุ่ม เจอกันที่เรือขนทรายลำใหญ่
                       
ถึงเวลาทุกคนก็มากันอย่างพร้อมเพียงครับ อาหาร ขนม น้ำหวานหลากหลายสี ไม่ได้กินเหล้านะครับ
                             
กินกันไปซักพัก ข้าพเจ้าก็นึกอุตริอีกแล้วครับท่าน หลอกผีชาวบ้านที่พายเรือผ่านไปมาดีกว่า
                                       
เสียงตอบรับดีมาก เออเอาซิ เออได้เลยบ้านเพื่อนอีกท่านติดริมคลองเดินไปนิดเดียวเอาอุปกรณ์หลอกก่อน
                     
สิ่งที่เอามา มุ้งขาวๆหลังใหญ่มาก แป้งขาว สีแดง และก็ไฟฉาย อุปกรณ์พร้อม คนพร้อม
                                           
ได้เวลาละ4ทุ่มกว่าดึกดีละ แต่งหน้าได้คล้ายผีดีแล้ว ต่อตัวกัน3คนครับ ขี่คอกันแบบคณะสิงโตครับ
                             
เอามุ้งคลุมตั้งแต่ศีรษะลงไป ชายมุ้งก็ปล่อยให้ปลิวไปปลิวมา ปากแดงๆเหมือนกินเลือดมาก็ว่าได้
                             
ข้าพเจ้าอยู่บนสุดเพราะตัวเล็กสุด เฮ้ยๆมีเรือมาแล้ว1ลำ เตรียมพร้อมนะ คุยแบบเสียงกระซิบเบาๆ
                                 
พอเรือผ่านมาได้ที่ตรงจังหวะ ไฟฉายก็ส่องใส่หน้าตัวเองส่องจากใต้คางขึ้นไปบนหน้าข้าพเจ้า
                                     
ทำเสียงแบบเย็นยะเยือก ไปไหนมา ข้าอยากกินเลือด มรึงตาย กรรมจริงหลอกเองดันกลัวซะเอง
                                 
สิ้นเสียงโหยหวน สิ่งที่ตามมาคือ คนพายเรือมองมาทางข้าพเจ้าที่ปลอมเป็นผี มองอย่างตั้งใจมาก
                               
มองได้ประมาณ30วินาที สิ่งที่เกิดขึ้น คือ คนพายเรือพายอย่างไม่คิดชีวิตเลย จ้ำพรวด จ้ำพรวด
                               
เสียงตะโกนฟังได้ชัด ผีหลอกโว้ย ปากก็ตะโกนไป มือก็จ้ำพรวดไปด้วยความเร็วสุดยอด
                                           
จุดที่ข้าพเจ้าหลอกนั้น คนจมน้ำตายก็มีครับ ศพลอยมาติดก็มีครับเป็นที่ลือว่าเฮี้ยนมาก
                                             
บาปกรรมฉิป.. แต่ก็หัวเราะกันตัวขดตัวงอ หัวเราะแบบไม่ออกเสียงทรมานจริงๆเหนื่อยมากๆ
                                       
เริ่มจะเที่ยงคืนละ ต่างคนต่างแยกย้ายกันละ ทุกคนกลับหมดเหลือเพียงข้าพเจ้ากับเพื่อนที่อยู่ริมน้ำ
                                 
ก็แวะเข้าบ้านเพื่อนก่อน เดินไป คุยไป ยังขำไม่เลิก เรื่องหลอกผีคนพายเรือครับ
                                                     
พอไปนั่งคุยที่บ้านเพื่อนริมน้ำก็เริ่มดึกมากแล้ว บวกกับเริ่มง่วงแล้ว จึงบอกเพื่อน กรูกับบ้านก่อนนะ
                             
เพื่อนบอกกรูเดินไปส่งเอามะ ข้าพเจ้าก็บอกไม่เป็นไร กรูเดินไปได้กรูไม่กลัว ไปละวุ๊ย
                                               
พอเดินมาซักพักหนึ่งก็เป็นทางเปลี่ยว มืดมากแต่พอมองเห็นนิดๆ จุดนี้คนโดนผีหลอกบ่อยครับ
                                   
ทางเดินตรงนี้จะเป็นทางแคบๆ แค่คนเดินสวนกันได้แต่ต้องเอียงตัวเวลาเดินสวนกันครับ
                                               
มีต้นไทรใหญ่มากข้างสะพานไม้ แคบๆที่ข้าพเจ้าเดิน ลางไม่ดีละนึกในใจ เริ่มเดินเร็วขึ้น
                                           
ตอนเดินนี้ซิ ความรู้สึกเหมือนมีคนเดินตาม เดินหนึ่งก้าว เสียงที่ได้ยินก็ตามมาหนึ่งก้าว ใจไม่ดีละ
                               
เสียงเหมือนเดินซ้อนกัน ข้าพเจ้าก็ตัดสิ้นใจกลั้นใจเลยก็ว่าได้ หันหลังกลับไปดูแต่ก็ไม่พบอะไร
                                 
เสียงฝีเท้าที่เดินตามเริ่มหายไปละ พอใกล้จะผ่านต้นไทรนี้ซิ ลมก็ไม่ได้พัดอะไร แต่ต้นไทรสั่นอย่างแรง
                       
ใบไม้ร่วงตกมาพอประมาณ อะไรของมันวะนึกในใจ ตอนที่กำลังนึกอยู่นั้น ปรากฏว่า เหมือนมีอะไร
                               
ซักอย่างพุ่งทะยานมาด้วยความเร็ว เป็นความรู้สึกเองนะครับ ตัดสินใจหันกับไปดูอีกไม่เจออะไรเช่นเคย
                           
แต่ต้นไทรยังสั่นไหวอยู่ ลมก็ไม่มี ข้าพเจ้าไม่รู้สึกว่าลมพัดเลย ทุกอย่างเงียบสนิดวังเวงฉิป..
                                       
ข้าพเจ้าคิดได้ว่า มีผู้ใหญ่บอก ถ้าอยากเห็นผึ ก็ให้ก้มลงมอง รอดใต้ระหว่างขา แล้วจะเห็นผี
                                       
พอเลยต้นไทรมานิดหน่อย เอาวะลองดูซิเป็นไงก็เป็นกัน ตัดสินใจก้มลงไป มองรอดใต้หว่างขา
                                     
เวรกรรม สิ่งที่เห็น เป็นเงาดำๆ สูงใหญ่มากๆ เหมือนมองมาทางข้าพเจ้า ความคิดยังไม่ทันสั่งการ
                                   
ข้าพเจ้า วิ่งทะยานไปด้วยความเร็วสูงสุด แต่ก็ยังพอมีสติอยู่บางยังอุสานึกถึง ผู้ใหญ่ท่านเล่าให้ฟัง
                                 
ถ้าไม่อยากให้ผีตามมา ให้กระโดดแบบ สลับซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย 11ก้าว ข้าพเจ้าก็วิ่งตามนี้ แต่ว่า
                           
แต่ละก้าวกระโดด นั้นไกลจริงๆ เหมือนตัวลอยได้ สงสัยอาจจะตกใจมากๆ จึงเกิดพลังแฝงมั้งครับ
                                 
พอผ่าน11ก้าวกระโดดแล้ว ที่นี้ละของถนัดละทางตรงไม่ต้องพูดถึง วิ่งไปเร็วมากๆสายลมปะทะใบหน้า
                           
พอมาถึงตรงที่มีแสงไฟ บวกกับเริ่มมีผู้คน ความเร็วในการวิ่งก็ลดลงตามลำดับ เหนื่อยฉิป..พักหายใจก่อน
                       
พอถึงบ้านได้ไม่ต้องอาบน้ำละคืนนี้ เข้าไปนอนซุกตัวใกล้คุณยายของข้าพเจ้า คุณยายจึงตื่นมาถาม..
                             
เจ้าเป็นอะไร ปรกติไม่เคยนอนกับคุณยายได้ใกล้ชิดเบบนี้ ข้าพเจ้าก็เล่าให้คุณยายฟังสิ่งที่เจอมาครับ
                               
คุณยายก็หัวเราะ เจ้านี้มันน่านักเล่นอะไรไม่เล่น แล้วก็หัวเราะอีก เดียวตื่นเช้าเจ้าไปกับยายนะ
                                     
พอตื่นเช้ามาเริ่มหายกลัวละ เลยเดินไปหาคุยยาย ยายจะพาผมไปไหนรึครับ ยายบอกไปวัด
                                       
คุณยายพาข้าพเจ้าไปทำบุญ ถวายสังฆทาน และ กรวดน้ำให้กับสิ่งที่ผมเห็น กับ เจ้ากรรมนายเวร
                               
และ ก็ขออโหสิกรรมต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้กระทำอะไรลงไป ขอบคุณคุณยายที่แสนใจดีของข้าพเจ้า
                                   
ปัจจุบันคุณยายของผมเสียไปแล้วครับ ด้วยวัย86ปี ถึงทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็คิดถึงคุณยายตลอดครับ
                                   
จบแล้วครับ ไว้โอกาสหน้า ข้าพเจ้าจะมีเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ สวัสดี..
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 พ.ค. 2554, 06:18:56 โดย saken6009 »

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ :054:
คิดถึงคุณยายเหมือนกัน ท่านเสียไปนานแล้ว
รออ่านอยู่ครับ
รบกวนช่วยบอกสถานที่ด้วยนะครับ

ปล...เห็นไม๊ ตอนนั้นยังผอมมาก ขนาดขี่คอเพื่อนได้สบาย :004:
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ :054:
คิดถึงคุณยายเหมือนกัน ท่านเสียไปนานแล้ว
รออ่านอยู่ครับ
รบกวนช่วยบอกสถานที่ด้วยนะครับ

ปล...เห็นไม๊ ตอนนั้นยังผอมมาก ขนาดขี่คอเพื่อนได้สบาย :004:
โดนหยิก แก้มหยอก 30; 30;
                                     
ข้าพเจ้าจำได้ว่า อายุ15ย่าง16ปี อยู่ที่ดาวคนอง ซอยตากสิน8(เป็นตากสิน37) ตรงข้ามกับโรงหนังดาวคนอง ครับผม
                                                                                                                                                          
(ขออนุญาตเข้ามาตอบ ขอบคุณครับผม) :054: :054:

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
อนุญาตท่านsaken6009
นำเรื่องผีในกระทู้เก่าของคุณธรรมะรักโข มาแจมด้วย

4. กลัวผีจนเจอดี
ดัง ที่เล่ามาแล้วว่า ผู้เขียนกลัวผียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด. ทั้งที่ไม่เคยพบผีเลยแม้แต่ครั้งเดียว. จนกระทั่งปี 2521 จึงได้ไปบรรพชาอุปสมบทที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์. แล้วท่านเจ้าคุณอุปัชฌาย์คือพระธรรมโกศาจารย์(ปัญญานันทภิกขุ) ก็เกิดจะเมตตาผู้เขียนเป็นพิเศษ. แทนที่จะให้ไปอยู่ในหมู่กุฏิหลังวัด. ซึ่งพระเณรอยู่กันเป็นจำนวนมาก. กลับให้ผู้เขียนอยู่กุฏิโดดเดี่ยวตามลำพังข้างเมรุและใกล้ช่องเก็บศพ. ถ้าจะว่าไปแล้วเป็นกุฏิที่น่าอยู่มาก. เพราะปลูกอยู่ริมสระน้ำเล็กๆ มีต้นไม้ร่มรื่น. แต่ข้อเสียคือพอตอนฉันเพล. ได้พบโยมบางคนเขาบอกว่ากุฏินั้นผีดุ. เคยมีเณรไปอยู่แล้วตกกลางคืนร้องลั่นวิ่งหนีจากกุฏิเพราะมีผีมาเล่นกระโดด น้ำในสระ. ผู้เขียนแม้เป็นพระ ก็รู้สึกหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง. พอตกกลางคืนหลังจากไปฝึกกรรมฐานที่ท้ายวัด ก็กลับเข้ากุฏิปิดไฟนอน. เวรกรรมแท้ๆ ผนังกุฏิช่วงล่างสัก 1 ฟุตเป็นกระจกโดยรอบ. จึงมองออกมาเห็นภาพภายนอกตะคุ่มๆ. พอหลับแล้วกลางดึกก็ต้องตกใจตื่น เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกระโดดน้ำดังตูม. บทสวดมนต์ต่างๆ มันเลื่อนไหลขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ. นอนกลัวจนถึงเช้าจึงออกไปดูที่สระน้ำ. ก็เห็นผี คือลูกมะพร้าวลอยตุ๊บป่องๆ อยู่ในสระ. :004:

ผีในลักษณะ นี้ผู้เขียนได้พบเห็นอยู่เสมอเมื่อออกไปปฏิบัติธรรมตามวัดป่า. เช่นผีกระรอกขว้างหลังคากุฏิตอนดึกๆ. ผีตุ๊กแกจับแมลงโตๆ ฟาดฝากุฏิ. ผีนกร้องเสียงเหมือนยายแม่มด. ผีเปรตนกร้องกรี๊ดๆ บนยอดไม้สูงๆ เป็นต้น. ยิ่งเขาลือว่าตรงนั้นมีผี ตรงนี้มีผี ยิ่งชอบพิสูจน์ทั้งๆ ที่กลัว.

หลัง จากเจอผีมะพร้าวแล้วผู้เขียนก็ชักจะกระหยิ่มใจ. พอตกกลางคืนแม้จะเลิกปฏิบัติรวมกลุ่มจากศาลาท้ายวัดแล้ว. ก็ยังกลับมานั่งภาวนาต่อในกุฏิอีก. คืนหนึ่งจิตสงบลงและรู้สึกหน่อยๆ ว่าเมื่อยขา และเป็นเหน็บ. จึงนั่งเหยียดเท้าแล้วภาวนาต่อไป. แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งมานวดขาให้. เพียงกดคราวเดียว เลือดลมก็เดินสะดวก หายปวดหายเมื่อย. จิตก็ส่งออกไปดู เห็นชายวัยเกษียณอายุคนหนึ่งแต่งชุดทหารอากาศกำลังนวดให้อย่างตั้งใจ. จิตในขณะนั้นไม่มีความกลัวเลย. หลังจากนั้น ผู้เขียนก็เห็นเขาคนนี้อยู่เสมอๆ. :045:

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะ เป็นอุปาทานหรืออะไรก็แล้วแต่เถิด. ผู้เขียนได้ประสบมา ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง. เพื่อคลายความหนักในเนื้อหาของธรรมที่จะเล่าต่อไปข้างหน้า.


ที่มา
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=14660.msg132106#msg132106

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ขอขอบคุณทั้งสองท่านครับที่นมาเล่าสู่กันฟัง............. :090: :090: :114: :090: :090:................

ออฟไลน์ คนรักษ์พระ

  • คณะกรรมการ
  • *****
  • กระทู้: 1272
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด

  ขอบคุณครับที่เอาเรื่องในอดีตมาเล่าสู่กันฟังครับ อ่านแล้วก็รู้สึกถึงบรรยากาศสมัยก่อนเลยครับ แต่แปลกใจว่าทำไมสมัยเด็กๆ ท่าน saken6009 ถึงตัวเล็กสุด :095: :095: :095: แต่ปัจจุบันท่านตัวใหญ่มากนะครับ
 
  สิ่งที่ท่านsaken6009 เห็น เป็นเงาดำๆ สูงใหญ่มากๆ ไม่ใช่คนพายเรือที่พายหนีท่าน แล้วกลับไปเอาผ้าดำมาหลอกท่านเหรอครับ  :004: :007: :004: :007: 

                                                                                                ขอบคุณครับ

  ปล.คนเราทำอะไรก็จะได้รับผลอย่างนั้นล่ะครับ
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

ออฟไลน์ nueng nana

  • ทุติยะ
  • **
  • กระทู้: 9
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
มีใครนั้งสมาธิแล้วมีอาการของขี้นบางครับ
แล้วจะทำอย่างไรให้ในการนั้งสมาธิของเราของไม่ขี้น
เพราะว่าผมนั้งสมาธิครั้งไหนที่ไม่มีเรื่องในหัวของจะขี้นทุกทีเลยครับ
ขนาดทำงานอยู่นั้งมองรูปหลวงพ่อเปิ่นของเราก็ขึ้นเลยครับช่วยตอบทีนะครับผู้รู้ขอบคุณล่วงหน้าครับ
nueng nana

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาตท่านsaken6009
นำเรื่องที่เกี่ยวข้องมาเสนอ จากนิตรสาร คู่สร้างคู่สม
http://www.koosangkoosom.com/ghost_view.php?gid=&id=3

เรื่อง ผีพรายน้ำ คลองตะเคียน อยุธยา

จากทหารหาญที่ไม่เคยกลัวผีและคิดว่าผีไม่มีจริงในโลก ตอนนี้กลัวผียิ่งกว่ากลัวเมียเสียอีกครับ

                พี่ชาย ลูกของน้าผมเป็นสารวัตรทหาร ดังนั้นเขาจึงเป็นคนที่ค่อนข้างโผงผางและไม่กลัวอะไร แน่นอนว่าเขาไม่กลัวผีและคิดว่า ผีไม่มีในโลกนี้เสียด้วย พี่ชายได้เล่าว่า หลังจากออกเวรเขาได้วันหยุดติดต่อกัน 2 วัน เขากับเพื่อนทหารอีก 2 คน จึงเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านของเพื่อนที่ อ.คลองตะเคียน จ.พระนครศรีอยุธยา

บ้านเพื่อนอยู่ติดกับคลองจึงต้องนั่งเรือเข้าไป กว่าจะถึงก็เย็นมากแล้ว แต่แสงตะวันยังโพล้เพล้อยู่ หลังจากพักผ่อนและลงมาทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้วพี่ชายก็อยากจะพายเรือเล่น เพราะว่าไม่ได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบชนบทมานาน

                 เพื่อนๆ ของพี่ชายต่างก็ห้ามเพราะเห็นว่าตอนนั้นค่ำแล้ว กลัวจะเกิดอันตราย แต่พี่ชายก็จะไปให้ได้ จึงถอดเชือกคล้องเรือออกจากเสา พลางพายเรือออกจากท่าหน้าบ้านเพื่อออกไปสู่คลองใหญ่ พี่ชายพายเรือไปเรื่อยๆ ด้วยความสบายใจ โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าเหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวกำลังจะเกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้า เขาได้พายเรือห่างออกไปเรื่อยๆสัก 100 เมตร เห็นจะได้ มีผักตบชวากอหนึ่งขนาดใหญ่ผิดปกติกำลังลอยเข้ามาพี่ชายมีความรู้สึกว่า มีอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในกอผักตบนั้น พอใกล้เข้าไปเรื่อยๆเขาก็ยิ่งรู้สึกว่า ผักตบชวากอนั้นกำลังลอย    เข้ามาหา เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำกระจายออกมาเป็นทาง“ให้ตายเถอะ”ชายถึงกับตกตะลึง ถ้าตาไม่ฝาดไปล่ะก็ พี่ผมเห็น ร่างกายของอมนุษย์  ตนหนึ่งนั่งอยู่บนกอผักตบชวานั้น ผิวหนังขรุขระออกสีเขียวเข้ม แต่ดวงตาสีแดงฉาน กำลังจ้องมองมาทางพี่ชายเหมือนประสงค์ร้ายปากมันแสยะกว้างจนเห็นฟันซี่เล็กอยู่เต็มปาก       

                พี่ชายบอกว่า เห็นภาพมันชัดเจนท่ามกลางแสงสว่างจากพระจันทร์ ร่างนั้นอยู่ใกล้เรือเพียงไม่กี่เมตร แต่สติสัมปชัญญะก็กระตุ้นให้เขารีบหนีออกไปจากที่ตรงนั้น โดยเร็วที่สุด พี่ชายรีบจ้ำอ้าวเข้าหาฝั่งแต่ช้าไป มันมาถึงตัวพี่ชายเสียแล้ว มันกระโจนลงจากกองผักตบชวา เข้ามาเกาะ ที่เรือของพี่ชายทำให้เรือพลิกตะแคงจนพี่ชายตกน้ำ ชายพยายามตะกายเข้าหากราบเรือเพื่อประคองตัวเอาชีวิตรอดแต่....ขาของพี่ชายก็ถูกอะไรบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายเส้นผมจำนวนมาก พันข้อเท้าไว้อย่างรวดเร็ว มันจะฉุดพี่ชาย  ลงไปใต้น้ำให้ได้ เขาจึงร้องขอความช่วยเหลือ ส่วนมือก็ยึดกราบเรือเอาไว้ ขณะที่เรี่ยวแรงกำลังจะหมด หูของเขาก็ได้ยินเสียง         คนจำนวนมาก เอาเรือออกมาช่วย แสงสว่างจากเรือส่องไปทั่วคุ้งน้ำ พี่ชายรู้สึกว่าเส้นผม     ที่พันข้อเท้าอยู่นั้นค่อยๆ คลายลง ผู้ที่มาช่วย ก็พาเขาเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย พี่ชายร้องไห้อย่างไม่อายใครและได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง มีผู้เฒ่าคนหนึ่งบอกกับพี่ชายว่า

 “ดีนะที่ช่วยไว้ได้ทัน ไม่งั้นได้ไปอยู่เป็นเพื่อนผีพรายน้ำไปแล้ว”ตั้งแต่นั้นมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ พี่ชายไม่กล้าพายเรือไปไหนคนเดียว         ตามลำพังอีกเลยจากทหารหาญที่ไม่เคยกลัวผี           และคิดว่าผีไม่มีจริงในโลก ตอนนี้              พี่กลัวผียิ่งกว่ากลัวเมียเสียอีกครับ

เชิดชัย/อยุธยา




ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ระหว่างที่รอท่านsaken6009 เขียนเรื่องใหม่ (ถ้ามีภาพประกอบด้วยก็ยิ่งดีนะครับ) :015:
ผมขออนุญาตนำเสนอเรื่องผีๆไปก่อนนะครับ

เรื่อง เพื่อนรักมารอรับ

    วิรัตน์เป็นเพื่อนกับผมมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะว่าอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อเราทั้งสองเรียนจบ ป.4 แล้ว ผมก็ไปเรียนต่อชั้นมัธยม ที่ตัวจังหวัดแบบไปเช้าเย็นกลับหมู่บ้านที่ผมกับวิรัตน์ถือกำเนิดเกิดมานั้นอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 4 กิโลเมตร ส่วน วิรัตน์นั้น ไม่ได้เรียนต่อ  เพราะฐานะทางบ้านไม่ค่อยดีนัก และเขาเป็นลูกชายคนโต มีน้องสาวอีก 2 คน     เขาจึงต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน  ผมกับวิรัตน์เป็นเพื่อนสนิทกันมาก ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เมื่อเห็นผมก็ต้องเห็นวิรัตน์ จนชาวบ้านเขาบอกว่า เรานั้นเหมือน “ผีกับโลงศพ

      พอผมเรียนจบชั้นมัธยมแล้วผมก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อและหางานทำ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผมกับวิรัตน์ต้องห่างเหินกันไปโดยปริยาย  ปีหนึ่งผมได้ลาพักร้อนเป็นเวลาสิบวัน ผมเดินทางกลับบ้าน ตอนนั้นเราสองคนกำลังเป็นหนุ่มเต็มตัว จึงเที่ยวกันสะบัดช่อไปเลย แต่อย่างว่า พวกหนุ่มบ้านนอกอย่างผม ก็เที่ยวได้แค่งานวัดเท่านั้น แต่เราก็สนุกกันมาก   ก่อนผมจะกลับกรุงเทพฯสองวันก็สังเกตว่า วิรัตน์ดูเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ พอถามก็ได้คำตอบว่า
“เบื่อชีวิต”แถมพูดเป็นนัยๆ อีกว่า“มึงมาคราวหน้าอาจจะไม่เจอกูแล้ว ก็ได้” “เฮ้ย พูดอะไรอย่างงั้น ไม่เจอ แล้วมึงจะไปไหนวะ”   วิรัตน์ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มเฉยๆ ซึ่งผม ก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ  

        3 เดือนเต็มๆ หลังจากนั้นที่ผมไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ซึ่งปกติผมจะกลับ        ทุกสิ้นเดือนวันหนึ่ง ผมรู้สึกว่าจิตใจร้อนรุ่มมาก อยากจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งผมไม่เคย  รู้สึกอย่างนี้มาก่อน ผมจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้าน แต่เนื่องจากมันเป็นเวลาเย็นมากแล้ว กว่าจะกลับไปถึงบ้านจึงดึกพอสมควร  

        ผมลงรถเมล์ประจำทาง กรุงเทพ-นครปฐม ที่หน้าวัดธรรมศาลาเอาเมื่อ    3 ทุ่มกว่า บริเวณหน้าวัด เงียบและวังเวงผมต้องเดินผ่านวัดและผ่านป่าช้าไป เพราะบ้านผมอยู่หลังวัดออกไปอีก 1 ก.ม. แหม... ป่าช้าวัดบ้านนอก ท่านผู้อ่านก็รู้อยู่ว่ามันน่ากลัวและวังเวงขนาดไหน สายลมพัดโชยมา ทำให้ใบไม้สั่นพลิ้ว ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มแรงก่อนก้าวออกเดิน

     เรื่องผีนั้นไม่ใช่ว่าไม่กลัวแต่เนื่องจากผมเคยเป็นเด็กวัดที่นี่มาก่อน ความกลัวผีก็เลยลดลงผมเดินมาเรื่อยๆ จนเข้ามาถึงบริเวณวัด ทางด้านขวามือของผมมีต้นมะพลับสูงใหญ่ต้นหนึ่งใบของมันหนาดก    เป็นเงาครึ้ม พอผมเดินเข้ามาใกล้ มีร่างผู้ชายในชุดสีดำ ก้าวออกมาจากใต้ต้นไม้ต้นนั้น ผมหยุดเดินทันที ไม่ได้คิดถึงเรื่องผี แต่ผมกลัวว่าจะเป็นคนที่มาดักทำร้าย   และปล้นทรัพย์สินของผม ถึงแม้ในตัวผมจะมีแค่นาฬิกาเรือนละไม่กี่ร้อย และเงินสดในกระเป๋าแค่ 300 บาท แต่ผมก็เสียดาย            “ทำ..ไม...มา..จน...ดึก...เชียว?”   เสียงแหบแห้งร้องทักมาจากร่างนั้น “เฮ้ย...นั่นมึงเหรอไอ้รัตน์    ใช่หรือเปล่าวะ” ผมร้องถามออกไป  “ฮึ...ฮึ กูเอง กูมารอรับมึง”  เสียงแหบๆ ของมันบอก ผมดีใจมากที่มีเพื่อนร่วมทาง     จึงรีบเดินเข้าไปหา แต่เขากลับเดินหนีผมไป พร้อมกับมีเสียงหมาวัดหอนเป็นช่วงๆ “มึงรู้ได้ยังไงว่ากูจะมาวันนี้” ผมถามวิรัตน์ เขาไม่ตอบ แต่พูด  ขึ้นมาอย่างช้าๆ ว่า “รีบๆ เดิน...เข้า...เถอะ มัน..ดึก...แล้ว

 ด้วยความดีใจที่เพื่อนมารับ   ผมจึงรีบเดินเพื่อให้ทันมัน แต่ก็ไม่ทันสักที เราอยู่ห่างกันประมาณ 20 เมตรได้ หมาวัดยังหอนรับกันอยู่เป็นทอดๆ วิรัตน์ทำปากจุ๊ๆ ดุหมา พวกมันเลิกหอนและวิ่งหนี เปิดตูดไปแน่บ  “เฮ้ย เดินช้าๆ หน่อยสิวะ กูเดิน ไม่ทัน”    ผมบอกเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมรอ ทิ้งระยะห่างไว้เท่าๆ เดิม ส่วนผมนั้น เดินไปก็บ่นไป และถามอะไรกับเขาหลายๆ อย่าง แต่เขาก็ไม่ยอมตอบ  ได้แต่เดินไปอย่างเงียบๆจนเราสองคนเดินมาถึงทางแยกเข้าบ้านผม วิรัตน์ก็เดินเลยไป ซึ่งตามปกติแล้ว เขาจะมานอนคุยกับผมที่บ้านทุกครั้ง      ที่ผมกลับมา

     “อ้าว เฮ้ย คืนนี้ไม่นอนด้วยกันเหรอ”   ผมถามวิรัตน์ “ไม่หรอก...เอ็งนอนเถอะ”โฮ่งๆ หมาที่บ้านมันเห่าเสียงดัง        ผมจึงหันไปดุหมาและหันกลับมาทางวิรัตน์ แต่ไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปไหน ทำไมถึงเร็วนัก“ทำไมกลับมาดึกๆดื่นๆ ไม่กลัวอะไรเลยเหรอ”พ่อแม่ผมถามคำแรก เมื่อเห็นหน้า “จะกลัวอะไร ก็ไอ้รัตน์มันคอยไปรับผม”  พ่อกับแม่มองหน้ากัน และบอกว่า  “ไอ้รัตน์น่ะ มันตายไป 7 วันแล้ว เพิ่งเผาศพมันไปเมื่อวานนี้เอง แล้วมันจะไปรับเอ็งได้ยังไง ฮึ”    ผมตกใจมากับคำพูดของพ่อ  และเถียงไปว่า  “ไม่จริงมั้ง ก็ผมกับมันยังเดินคุยกันมาอยู่เลยนี่นา” พ่อบอกว่า วิรัตน์ถูกลูกผู้ใหญ่บ้านยิงตาย เกี่ยวกับเรื่องผู้หญิง คนยิงก็หนีไป    ยังจับตัวไม่ได้เลย “วิญญาณของมันคงจะเป็นห่วงเอ็งมาก รู้ว่าเอ็งจะมา เลยไปรอรับน่ะสิ”นี่ก็แสดงว่า ผมเดินมากับวิญญาณของเพื่อนน่ะซีครับ มิน่าล่ะ หมาถึงได้หอน มาตลอดทาง   ขอให้ดวงวิญญาณของเพื่อน   ไปสู่สุคติเถิด เพื่อนคนนี้จะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้  

ป.เจริญรักษ์

จากนิตรสาร คู่สร้างคู่สม
http://www.koosangkoosom.com/ghost_view.php?gid=&id=2
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 พ.ค. 2554, 01:51:11 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอนุญาตแถมอีกเรื่องนึงนะครับ


เรื่อง ฝรั่งเจอนางตะเคียนที่เสาตกน้ำมัน...

     ใครจะไปคิดล่ะว่า เกิดมาทั้งที จะมีโอกาสได้เจอผีกับเขา โอ๊ย! ไม่ต้องแหกอก ปลิ้นตาหลอก ขนาดในหนังหรอกนะ แค่ที่เจอจะจะเนี่ยหัวใจก็จะวายแล้ว ผมบนหัวจะชี้ตั้งอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้เจลทาผมชนิดแข็งพิเศษหรอก เปลืองตังค์เปล่าๆ เรื่องมันก็มีอยู่ว่า สมัยโน้น ตั้งแต่ 40 ปีมาแล้ว ช่วงนั้นจะมีทหารอเมริกันมาตั้ง ฐานทัพในไทย และละแวกบ้านที่อยู่ ก็มีบ้านให้ฝรั่งเช่าอยู่กับเมียคนไทย บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ใต้ถุนโล่ง เป็นลานดิน ชั้นบนก็มีอยู่ 3 ห้องนอน แต่ห้องกลางนี่สิ มีอะไรพิเศษไม่เหมือน   ชาวบ้านเขาล่ะ ก็พิเศษสุดตรงเสาตกน้ำมันนี่แหละ เฮี้ยนดีนัก ฝรั่งก็ฝรั่งเถอะ เจอผีสาวไทย เข้าไปแล้วเป็นไงล่ะ

   เชื่อมั้ยล่ะว่ามีผีจริง อ๊ะ อ๊ะ! อย่าลบหลู่เชียวนะ ท่านผู้อ่าน ของอย่างนี้ไม่เจอกับตัวเอง ว่ากันไม่ได้หรอกนะท่าน วันหนึ่ง นายฝรั่งคนนี้ก็นอนหลับ พักผ่อนอยู่ในห้องนอน ก็ห้องที่มีเสาตะเคียนตกน้ำมันนั่นแหละค่ะ ขณะกำลังเคลิ้มๆ ก็เห็นสาวสวยนางหนึ่ง ผมยาวประหลัง แต่งองค์ทรงเครื่องก็ไม่เหมือนคนในสมัยนี้ เอาเสียเลย นางเดินออกมาจากเสาต้นนั้น แล้วมาหยุดที่เตียงนายฝรั่ง แล้วก็พูด กับนายฝรั่งคนนี้ว่า ชอบนายฝรั่งคนนี้มาก แล้วก็ก้มลงจูบนายฝรั่งคนนี้อย่างแสนรักและดูดดื่ม ซึ่งอิฉันเอง ก็ไม่ทราบว่าจะมีตอนต่อไปอย่างไร เพราะคนเล่าเอง ก็คงจะเมื่อยปากที่จะเล่าต่อ ก็จะไม่เมื่อยได้ยังไงกันล่ะคะ ก็พ่อฝรั่งคนนี้โดนนางตะเคียนจูบ จนปากเบี้ยวผิดรูปซะขนาดนั้นน่ะ เฮ้อ เห็นแล้วก็สงสารพ่อฝรั่งนายนี้จัง เสน่ห์แรงนัก จนนางตะเคียนอดที่จะหลงรักไม่ได้ ก็ลำบากแม่อิฉันล่ะค่ะ ที่ต้อง ไปดั้นด้นค้นหาพ่อหมอมาทำพิธีไสยศาสตร์ แก้ให้นายฝรั่งคนนี้หายปากเบี้ยวผิดรูปเสียทีและก็ทำพิธีลงยันต์คาถาอาคมแปะไว้ ที่เสาตกน้ำมันต้นนั้นซะ เพื่อความสบายใจของผู้อยู่ แต่ก็ยังไม่ยอมไปไหนนะคะ ยังคงมาโผล่ วับๆ แวมๆ ให้นายฝรั่งคนนี้ ต๊กกะใจเล่นๆ งั้นแหละ จนในที่สุด นายฝรั่งคนนี้ ทนพิษรักที่นางตะเคียน ตกน้ำมันตนนี้มีต่อตัวเองไม่ไหว ก็เลยอัปเปหิตัวเองออกไปจากบ้านหลังนั้น ซะเลย หนุ่มๆ แก่ๆ แถวบ้านอิฉันน่ะ พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ชักอยากจะเจอ นางตะเคียนตนนี้เสียแล้วสิ พูดง่ายๆ ก็คือ อยากลองของนั่นแหละค่ะ แต่แหม อิฉันเอง ก็ไม่ได้ปากพล่อยหรืออยากจะลองของ ลองดีอะไรกับแม่ตะเคียนเล้ย..ย! ทำไม ถึงคิดเอ็นดูเด็กๆ อย่างอิฉันได้ก็ไม่รู้สิ ปกติทุกคืน อิฉันจะลุกมาเข้า ห้องน้ำเพื่อทำธุระหนักเบา

   คืนนั้นน่ะ ดึกโขอยู่ อิฉันเองปวดฉี่มาก ก็เปิดประตู ห้องนอน เพื่อจะไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ถัดไป แถวชานบ้าน ซึ่งอยู่ติดๆ กับบ้านนายฝรั่ง ที่โดนจูบจนปากบิดเบี้ยวนั่นแหละ เดินไปห้องน้ำอย่างงัวเงีย แต่ก็ยังมีสติสตังอยู่บ้าง ว่าเป็นคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงกระจ่างทั่วฟ้า ช่างงดงาม เพราะดึกมากแล้ว แต่จะเป็นวันพระด้วย หรือเปล่าเนี่ย! อิฉันเองก็ไม่แน่ใจนะคะ กลิ่นดอกไม้ที่ปลูกไว้หลังบ้านก็แข่งกัน ส่งกลิ่นหอมเสียจนเวียนหัว แต่ก็ชื่นใจนะคะ ลมก็พัดพอเย็นๆ ให้สบาย และก็ เข้าบรรยากาศดึกๆ ดีนัก แต่ตอนที่ จะเอื้อมมือปิดประตูห้องนอนสิคะ ไอ้ลูกกะตาเจ้ากรรมก็หันไปมองชานบ้าน ที่อยู่ติดกับบ้านที่มีนางตะเคียนอยู่หลังนั้นสิคะ อุ๊ยตาย! สาบานได้นะเจ้าคะ ว่าอิฉันไม่ได้ตาฝ้าฟางหรือง่วงนอนจนตาลาย ก็ผู้หญิงสาวสิคะ นั่งอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ ที่สว่างกระจ่างแจ้งออกจะปานนั้น นุ่งผ้าแบบหญิงไทยโบราณ ห่มสไบเฉียง เปิดไหล่ที่ขาวผ่อง  ผมดำขลับที่ยาว ถึงกลางหลัง น่าเอาไปโฆษณายาสระผมดีนัก เพราะผมสวยเหลือเกิน กับท่วงท่าที่ขยับมือ ใช้หวีทองหวีผมตัวเองอย่างช้าๆ  นั่นแหละ ทำให้ดิฉันมั่นใจกว่า 100% เสียอีกว่า ใช่แล้ว ใช่แน่ๆ เลย อีกทั้งร่างกายของอิฉันก็มีปฏิกิริยาตอบรับ กับการเห็นครั้งนี้อย่างชัดเจน เพราะเย็นวาบตั้งแต่ปลายนิ้วเท้าไล่ลามมาจนขนแขน สแตนด์ อัพ และไปหยุดอยู่ที่ศีรษะ ก็แค่ ขนหัวลุกเฉยๆ ล่ะค่ะ โชคดีที่ผมไม่ชี้ตั้ง เพราะความตกใจที่เจอนางตะเคียนแสนสวยเข้าให้ อิฉันยืนตะลึงค้างอยู่อย่างนั้นครู่นึง ก็เรียกสติกลับมา รีบปิดประตูห้องนอนปึงปัง โครมครามจนพี่มันดุเอา ก็เลยบอกพี่ว่า ฉันเจอผีหลอก ไว้พรุ่งนี้ค่อยเล่าก็แล้วกัน ตอนนี้ขอนอนคลุมโปงก่อนนะ ฮือ ฮือ นางตะเคียนใจร้าย มาหยอกฉันเล่นทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะชอบเลย

   ตื่นเช้ามานะ รีบเล่าให้พ่อกับแม่ฟัง ท่านก็เลยซักรายละเอียด จึงถึงบางอ้อ! ว่า ตัวเองทำไม่ดีไว้ เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เอง (ไม่บอกหรอกว่าทำอะไร เค้าอายนะตัว) แม่นางตะเคียนเลยมาอบรม มาเตือน ด้วยความเอ็นดูเล็กๆ น้อยๆ และเตือนสติ เราด้วย อิฉันก็เลยเอาดอกไม้ ธูป เทียน ไปขอขมาต่อท่านซะเลย สัญญาว่าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่เจอ นางตะเคียนอีกเลย แล้วก็ไม่อยากจะเจอด้วย ดีนะที่เป็นผู้หญิง ไม่งั้น ปากเบี้ยว แน่เลย...บรื๋อออออออออ

นที กนกวรรณ


ที่มา
http://www.koosangkoosom.com/ghost_view.php?gid=13&id=1

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขออนุญาตแถมอีกเรื่องครับ

สจ๊วตเฟอะฟะปะทะผีเฮี้ยน
                                    ผีสิงคโปร์ (อีกครั้ง)


       เมื่อประมาณ 5-6 เดือนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสเปลี่ยนงานใหม่มาทำกับธนาคารสัญชาติอเมริกันที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งถือได้ว่าเป็นงานที่ค่อนข้างท้าทายความสามารถเป็นอย่างยิ่งเพราะนอกจากจะต้องอยู่ทำงานประจำที่ประเทศนี้แล้ว ยังต้องเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกฎระเบียบทางการเงินการธนาคารต่างๆ เพิ่มเติมอีกมากมายเพื่อสอบเอาใบอนุญาตสำหรับการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนจากรัฐบาลของประเทศนี้ ทำให้ผมมีความกดดันและเครียดค่อนข้างมากจนไม่มีเวลาเขียนเล่าประสบการณ์ต่างๆ ที่ยังคงประสบพบเจออยู่อย่างต่อเนื่องให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันเลย จึงขอถือโอกาสกราบขอโทษมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

       อันที่จริง ในเบื้องต้นผมได้รับการบรรจุเข้าทำงานที่สาขาของธนาคารในประเทศไทยครับ แต่บังเอิญว่าช่วงอาทิตย์สุดท้ายก่อนเริ่มงาน ผมได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับนายใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียใต้ ที่เดินทางมาเยี่ยมสาขาพอดีและได้เล่าถึงประสบการณ์ต่างๆ ในการทำงานของผมให้ฟังซึ่งไม่ทราบว่าแกคิดอย่างไร แต่วันถัดมาก็มีคำสั่งให้ผมไปทำงานประจำที่สิงคโปร์แทน

       การที่ผมต้องย้ายมาทำงานที่ใหม่อย่างกะทันหันทำให้ผมไม่มีเวลาเตรียมตัวมากนัก...นอกจากจะต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสภาพการทำงานในประเทศไทยแล้ว ผมยังต้องหาอพาร์ทเมนต์อยู่ให้ได้ภายในระยะเวลาเพียง 2 อาทิตย์หลังจากมาถึงสิงคโปร์ ไม่เช่นนั้นผมจะต้องออกค่าที่พัก ซึ่งเป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวเอง (ธนาคารออกสตางค์ค่าที่พักให้ ในช่วง 2 อาทิตย์แรกเท่านั้นครับ)

       เหตุผลประการหลังนี่เองที่ทำให้ผมต้องใช้บริการจากบริษัทนายหน้าหาบ้านเช่าและต้องรีบตัดสินใจเช่าอพาร์ทเมนต์แห่งหนึ่ง  ซึ่งคิดว่าดีที่สุดโดยต้องยอมจ่ายค่าเช่าแพงเป็นพิเศษเนื่องจากอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ที่เพิ่งสร้างเสร็จแถมยังตั้งอยู่ริมทะเลรวมทั้งยังอยู่ใกล้ที่ทำงาน ทำให้การเดินทางไปมาค่อนข้างสะดวกมาก

       เจ้าหน้าที่ของบริษัทนายหน้าที่ผมว่าจ้างได้เล่าให้ฟังว่าที่จริงคอนโดมิเนียมแห่งนี้ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกกำลังมีปัญหา รวมทั้งเจ้าของโครงการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสิงคโปร์ เพราะว่าผู้รับเหมาก่อสร้างได้ลักลอบนำเอาแรงงานต่างด้าวจากประเทศจีนเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมายและไม่เข้มงวดด้านความปลอดภัยจึงทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับคนงานบ่อยครั้ง ส่งผลให้โครงการต้องหยุดชะงักไปนานหลายปี ต่อมาเมื่อเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจึงมีนายทุนรายใหม่เข้ามาดำเนินการก่อสร้างจากโครงสร้างเดิมที่ถูกปล่อยร้างไว้ต่อจนแล้วเสร็จ

       อันที่จริงช่วงแรกที่ย้ายเข้ามา การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จดีด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากผมมีความจำเป็นดังที่ได้กล่าวไว้แล้วทำให้ไม่มีทางเลือก ต้องทนอยู่กับฝุ่นละอองสีขาวเล็กๆ ที่จับอยู่ตามพื้น ผนัง ประตู หน้าต่างและเฟอร์นิเจอร์เต็มไปหมด นี่ยังไม่นับรวมเสียงดังรบกวนจากการก่อสร้างอีกนะครับ แต่โชคดีอยู่บ้างที่ผมต้องเริ่มเข้าทำงานตั้งแต่เช้าประมาณ 8 โมง กว่าจะเลิกก็เกือบ 2 ทุ่มแล้วเลยไม่ค่อยต้องทนรำคาญกับสิ่งรบกวนเหล่านี้มากนัก

       อาทิตย์แรกกับการใช้ชีวิตที่อพาร์ทเมนต์ใหม่ผ่านไปด้วยดี แต่พอย่างเข้าอาทิตย์ที่สองเท่านั้นเองเหตุการณ์ที่ผมไม่อยากพบเจอก็ตามมาหลอกหลอนผมจนได้

       มันเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มของคืนวันหนึ่ง ผมเดินทางกลับถึงบ้านด้วยความเหน็ดเหนื่อย...แต่เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องพบกับความแปลกใจ เพราะที่พื้นห้องปรากฏรอยเท้าเล็กๆ ขนาดเท่าๆ รอยเท้าเด็กรวมทั้งเส้นผมของผู้หญิงเต็มไปหมด และที่โต๊ะอาหารยังมีคราบสีดำซึ่งมองแล้วเหมือนรอยนิ้วมือคนอีกด้วย

       วินาทีแรกนั้นไม่ได้คิดเป็นอื่นนอกจากห้องของผมถูกโจรกรรม ผมรีบเดินเข้าไปดูในห้องน้ำซึ่งมีหน้าต่างเปิดออกไปด้านนอกได้ เพราะคิดว่าอาจจะเป็นคนงานก่อสร้างแอบปีนเข้ามาเพื่อขโมยสิ่งของมีค่าที่ผมทิ้งเอาไว้

       แล้วก็เป็นจริง ที่ขอบกระจกของหน้าต่างห้องน้ำมีรอยเท้าเล็กๆ เหมือนรอยเท้าเด็ก 2-3 รอยปรากฏอยู่อย่างชัดเจน ผมเดินเข้าไปพิจารณารอยเท้านั้นใกล้ๆ แต่แล้วกลับฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า... หน้าต่างห้องน้ำของอพาร์ทเมนต์นี้มันไม่มีระเบียงด้านนอกตัวหน้าต่างเองก็เปิดแง้มได้แค่นิดเดียว...และชั้นที่ผมอยู่นี้คือชั้น 4

       เจ้าของรอยเท้าปริศนานี่ปีนเข้ามาจากทางไหนกัน?

       ผมขนลุกซู่...สลัดความคิดนี้ออกจากหัวอย่างรวดเร็ว...เริ่มตรวจสอบของมีค่า ปรากฏว่าไม่มีอะไรสูญหายเลยครับ ทุกอย่างยังคงวางอยู่ที่เดิม ตำแหน่งเดิม...เป็นไปได้หรือไม่ว่าโจรมันอาจจะแอบเข้ามาตอนที่ผมกลับมาถึงห้องพอดี พอได้ยินเสียงผมไขกุญแจลูกบิดประตูเลยรีบเผ่นหนีไปโดยยังไม่ได้แตะต้องทรัพย์สิน?

       คืนนั้นผมล็อกประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนาก่อนเข้านอนด้วยความวิตกว่าโจรมันจะกลับมาอีก...แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       วันรุ่งขึ้นผมดำเนินการแจ้งให้ทางนิติบุคคลของอาคารทราบว่าสงสัยห้องของผมจะถูกบุกรุก และขอให้ทางนั้นนำเอาภาพที่บันทึกไว้ทางกล้องวงจรปิดมาดูว่ามีใครเข้ามาในอพาร์ทเมนต์ตอนช่วงที่ผมไม่อยู่หรือไม่ ซึ่งต่อมาไม่นาน ทางนิติบุคคลติดต่อกลับมาเพื่อยืนยันว่าได้ดูภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไป 3 วันแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ เลย

       คืนถัดมาผมเข้านอนด้วยความกังวล อพาร์ทเมนต์นี้ยังไม่ได้ติดตั้งโทรศัพท์ ส่วนโทรศัพท์มือถือก็มีแค่เครื่องที่นำมาจากประเทศไทย พยายามปลอบใจตัวเองว่าประเทศนี้มีชื่อเสียงด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูง มีบทลงโทษทางกฎหมายที่รุนแรง คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงหรอก...

       แล้วผมก็ถูกปลุกขึ้นกลางดึกด้วยเสียงกึกกักนอกห้องนอน มันเหมือนมีใครกำลังเดินไปมาพร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆ มันเป็นเสียงเล็กๆ คล้ายเสียงของเด็กผู้หญิง ผมเหลือบมองดูนาฬิกา... ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 แล้ว

       สักพักผมได้ยินเสียงลูกบิดประตูห้องนอนที่ล็อกอยู่ถูกบิด เหมือนกับมีคนกำลังพยายามจะเปิดมันออก...ผมเอื้อมมือไปคว้ามีดทำครัวที่เตรียมไว้ป้องกันตัวมาถือด้วยมืออันสั่นเทา กระแอมเสียงดัง พร้อมกับเปิดไฟหัวเตียงเพื่อเตือนผู้บุกรุกว่า มีคนอยู่ในห้องนี้นะ

       มันได้ผลครับ เสียงบิดลูกบิดหยุดลงทันที แต่สักพักกลับมีเสียงอื่นดังขึ้นแทน...คราวนี้เป็นเสียงคล้ายๆ กับใครกำลังเอาเล็บครูดไปบนผนังประตู...มันดังครืดๆ หลายครั้งก่อนจะเงียบลงไปในที่สุด

       ผมรอจนกระทั่งรุ่งเช้าจึงค่อยเปิดประตูห้องนอนออกมาดู เตรียมใจไว้ล่วงหน้าว่าทรัพย์สินด้านนอกคงถูกรื้อค้นและโจรกรรมไปหมดแน่ๆ แต่แล้วกลับต้องแปลกใจเพราะทุกอย่างยังคงอยู่ครบตรงตำแหน่งเดิมของมัน

       แต่ภาพเบื้องหน้าโดยเฉพาะที่พื้นห้องนี่สิครับ...ปรากฏรอยเท้าเล็กๆ ย่ำทั่วไปหมด เส้นผมยาวร่วงเป็นกระจุกอยู่ตรงประตูทางเข้าอพาร์ทเมนต์ซึ่งยังคงปิดสนิท ไม่มีร่องรอยของการถูกงัดแงะแต่อย่างใด

       เมื่อหันกลับมาที่ประตูห้องนอน...ปรากฏคราบสีดำยาวเป็นทางที่เหมือนถูกลากจากด้านบนลงมาด้านล่าง 2 รอย มันเป็นรอยนิ้วมือเล็กๆ เหมือนรอยที่ปรากฏบนโต๊ะอาหารเมื่อวันก่อน ตรงลูกบิดประตูห้องก็มีรอยดำนี้เช่นเดียวกัน...วินาทีนั้นผมตระหนักแล้วว่า สิ่งที่ผมพบเห็นเบื้องหน้าไม่ใช่ผลงานของโจรแน่ๆ

       ทำไมผมจึงต้องพบกับเหตุการณ์เช่นนี้อยู่เสมอๆ หนอ? (โดยเฉพาะประเทศนี้ มาเมื่อไหร่เป็นต้องเจอ) แล้วนี่ผมจะทำอย่างไรดี? จะขนข้าวขนของย้ายหนีก็ไม่ได้ สัญญาเช่าอพาร์ทเมนต์ยังเหลืออีกตั้ง 2 ปี

       นับเป็นโชคดีอยู่บ้างที่วันนั้นเป็นวันเสาร์ ผมจึงมีเวลาเดินทางไปหาเพื่อนที่เพิ่งมาเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่สิงคโปร์ (ชื่อร้าน “คอฟฟี่สตาร์บายดาว” ครับ ร้านเดียวกับ “คอฟฟี่บีนส์บายดาว” ที่เมืองไทย ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ให้คนไทยที่อาศัยที่นี่ลองไปกินกันดู ร้านอยู่ตรงศูนย์การค้า Wisma Atria บนถนน Orchard อาหารและขนมเค้กอร่อยมากครับ) เลยเล่าประสบการณ์น่ากลัวที่เพิ่งพบมาสดๆ ร้อนๆ ให้ฟัง...

       เธอนิ่งไปสักพักแล้วล้วงกระเป๋าถือหยิบขวดน้ำเล็กๆ ออกมา พร้อมกับพูดว่า

       “นี่เป็นขวดน้ำมนต์ที่ได้มาจากวัดพระแก้ว พี่ลองเอาไปพรมดูให้ทั่วห้องนะคะ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น”

       จริงสินะ การที่ต้องเดินทางมายังประเทศนี้อย่างรีบร้อน ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมตัวที่ดีพอ พระที่พ่อกับแม่ให้ไว้ก็ไม่ได้นำติดตัวมาด้วย...ผมลืมเรื่องพวกนี้ไปได้อย่างไรกัน...ผมกล่าวขอบคุณเธอ แล้วรีบนำขวดน้ำมนต์กลับมาที่อพาร์ทเมนต์ด้วยความดีใจ

       เมื่อมาถึงอพาร์ทเมนต์ สิ่งแรกที่ทำก็คือตั้งจิตอธิษฐานขออาราธนาอำนาจแห่งองค์พระแก้วมรกตจงช่วยคุ้มครองผมให้แคล้วคลาดจากเรื่องเลวร้ายนี้ ก่อนที่จะเทน้ำมนต์จากขวดใส่มือแล้วพรมที่ศีรษะ หน้าและชโลมไปทั่วตัว แล้วเทอีกส่วนหนึ่งมาประพรมทั่วพื้นห้องโดยไม่ลืมที่จะพรมที่หน้าประตูทางเข้า ประตูห้องนอนและหน้าต่างทุกๆ บานจนกระทั่งน้ำมนต์หายไปเกือบครึ่งขวด

       ที่น่าแปลกก็คือ ระหว่างที่ประพรมน้ำมนต์อยู่นั้นผมมีอาการขนลุกซู่ มือและเท้าเย็นเฉียบ รู้สึกเหมือนกับมีกระแสลมพัดวูบผ่านตัวไปหลายครั้ง

       แน่นอนว่าคืนนั้นผมเข้านอนด้วยความสบายใจ นับว่าเป็น การนอนหลับสนิทอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายๆ วัน ที่ผ่านมาไม่มีเสียงหรือสิ่งใดมารบกวนตอนกลางดึกแม้แต่น้อย

       ตื่นเช้าด้วยความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เปิดประตูห้องนอนออกมาด้วยความสุข ไม่มีร่องรอยที่ผู้มาเยือนยามวิกาลทิ้งไว้บนพื้นด้านนอกหรือที่ประตูหน้าต่างอีกต่อไป ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า เพราะฝุ่นขาวๆ ที่เคยจับอยู่ทั่วห้องก็พลอยหายไปด้วย

       ผมเปิดประตูออกไปด้านนอกอพาร์ทเมนต์เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่พัดมาจากริมทะเลแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่า....

       หน้าทางเข้ามีเส้นผมของผู้หญิงตกอยู่เกลื่อนกลาดพร้อมรอยมือสีดำเปรอะเปื้อนเต็มประตูไปหมด...

       ใช่แล้วครับ...ผมลืมพรมน้ำมนต์ด้านนอกห้อง

       ทุกวันนี้...ถึงแม้เหตุการณ์เหล่านั้นจะผ่านมานานหลายเดือนแล้วแต่ผมก็ยังไม่ทราบ (และไม่อยากจะทราบ) อยู่ดีครับว่า รอยมือ รอยเท้าและเส้นผมเหล่านั้นเป็นของใคร มาจากไหน เพราะถือว่าผมได้อยู่อย่างสงบแล้ว ถึงแม้ว่าในบางครั้งจะยังคงมีเสียงดังกึกกักๆ รวมทั้งมีเส้นผมยาวๆ ตกอยู่ด้านนอกอพาร์ทเมนต์บ้างก็ตาม

       เรื่องแปลกๆ ที่ผมพบในช่วงที่เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ยังไม่หมดแค่นี้นะครับ นี่เฉพาะที่อพาร์ทเมนต์ ผมยังไม่ได้เล่าเรื่องที่ทำงานเลย เอาไว้เมื่อมีเวลามากขึ้น ผมจะรีบนำมาเสนออีก หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะยังไม่เบื่อเสียก่อนนะครับ
 

                                           ...ปีกทองแท้…


ที่มา
http://www.koosangkoosom.com/mag_past_view.php?id=210

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ขอขอบคุณมากๆคะ ที่นำเรื่องผีๆมาให้อ่านคะ อ่านแล้วไม่กล้าเดินออกนอกห้องเลยคะ :075: :075:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พ.ค. 2554, 06:57:15 โดย โบตั๋นสีขาว »
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ขอขอบคุณมากๆคะ ที่นำเรื่องผีๆมาให้อ่านคะ อ่านแล้วไม่กล้าเดินออกนอกห้องเลยคะ :075: :075:
ไม่ต้องกลัวหรอกครับ เพราะผีเวลาไปไหนมาไหนเค้าไม่ต้องใช้กุญแจ(ล้อเล่น) :079: ถ้าเราดีหรือมีของดีเค้าก็ไม่กล้ามารบกวนหรอก(มั้ง) :003:
=========================
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 พ.ค. 2554, 08:16:09 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด

  ขอบคุณครับที่เอาเรื่องในอดีตมาเล่าสู่กันฟังครับ อ่านแล้วก็รู้สึกถึงบรรยากาศสมัยก่อนเลยครับ แต่แปลกใจว่าทำไมสมัยเด็กๆ ท่าน saken6009 ถึงตัวเล็กสุด :095: :095: :095: แต่ปัจจุบันท่านตัวใหญ่มากนะครับ
 
  สิ่งที่ท่านsaken6009 เห็น เป็นเงาดำๆ สูงใหญ่มากๆ ไม่ใช่คนพายเรือที่พายหนีท่าน แล้วกลับไปเอาผ้าดำมาหลอกท่านเหรอครับ  :004: :007: :004: :007: 

                                                                                                ขอบคุณครับ

  ปล.คนเราทำอะไรก็จะได้รับผลอย่างนั้นล่ะครับ
โดนหยิกแก้มหยอก 30; 30;
                                                 
ฮา ฮา :050: :050: พี่เจมส์ครับ มุขนี้โดนจริงๆครับพี่เจมส์ ขำมากๆจริงๆครับผม :004: :004:
         
(ขออนุญาตเข้ามาตอบ ขอบคุณครับผม) :054: :054:

ออฟไลน์ jindong59

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 60
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ดีน๊ะที่อ่านตอนกลางวัน