คนเห็นวิญญาณ....
คำสาปนรก
"ซัน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณเรียกหา
สมัยหนุ่มๆ ผมอยู่ยานนาวา มีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อโหน่ง เป็นลูกคนรวยเรียนจบพาณิชย์ก็ได้งานทำแถวบางรัก แต่ไม่นานก็เปลี่ยนงานใหม่ไปแถว สี่พระยา ตลาดน้อย หัวลำโพง แต่ก็อยู่ไม่ ยืดซักแห่งเดียว..มันบอกผมว่ามีแต่คนโง่ๆทั้งนั้น!
อาศัยที่พ่อแม่ฐานะดี แถมมีลูกชายคนเดียว เจ้าโหน่งจึงไม่เดือดร้อนเงินทอง มักจะเที่ยว กิน เล่น ไปวันๆ ตามใจชอบ
วันหนึ่งไปมีเรื่องที่บ้านใหม่ (เกือบถึงถนนตก) เขม่นกันในร้านเหล้า เจ้าโหน่งโดนเจ้าถิ่นรุมสกรัม ทั้งประเคนด้วยไม้หน้าสามจนสลบเหมือด ต้องไปนอนโรงพยาบาลสิบกว่าวันถึงจะกลับบ้านได้
ตั้งแต่นั้นมา เจ้าโหน่งก็เปลี่ยนนิสัยเหมือนเป็นคนละคน!
เคยชอบเที่ยวเตร่ สนุกสนานเฮฮาก็กลับนิ่งเงียบ ไม่ค่อยชอบออกจากบ้าน ร่างกายผอมซูบลง นัยน์ตาเลื่อนลอยไม่จับคน บางทีก็พยักหน้าหงึกๆ กับใครไม่ทราบ บางทีก็พูดพึมพำ หัวเราะหัวใคร่อยู่คนเดียว จนชาวบ้านนึกว่าสติไม่ดีเพราะโดนตีหัวคราวนั้น
ผมเป็นเพื่อนสนิทที่ไปมาหาสู่บ่อยๆ ต้องยืนยันว่าเจ้าโหน่งไม่ได้บ้าๆ บอๆ พูดคุยกันรู้เรื่อง ถามไถ่อะไรก็จำได้ พ่อแม่มันก็ชอบให้ผมไปบ้านเขา ลูกชายจะได้พูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่งั้นมักจะหมกตัวเงียบอยู่ในห้องคนเดียว
ไม่ช้าผมก็ต้องขนหัวลุกเพราะเจ้าโหน่งนี่เอง!
ตอนบ่ายวันนั้นเรานั่งคุยกันที่โต๊ะหินหน้าบ้าน มีต้นมะม่วงกับชมพู่ร่มครึ้ม เจ้าโหน่งมองไปที่รั้วไม้ระแนง แล้วถามว่าเห็นใครไหม? ผมบอกว่าจะเห็นได้ยังไงรั้วมันบัง
"ไม่ใช่นอกบ้าน..ที่ใต้ต้นมะม่วงริมรั้วข้างในต่างหากล่ะ! ผู้ชายตัวดำๆ ล่ำเตี้ยน่ะ มันกำลังมองเราอยู่ด้วย"
ผมส่ายหน้า ยืนยันว่าไม่เห็นใครเลย เจ้าโหน่งก็ถอนใจยาว
"มันชื่อสิงห์ ตามข้ามาจากโรงพยาบาลแน่ะ!"
"คิดไปเองมั้ง? ไม่ก็ตาฝาด.."
"เปล่า ไอ้สิงห์ตามข้ามาจริงๆ มันโดนสิบล้อทับตายคาที่ ก่อนข้าจะกลับบ้าน 2-3 วันเท่านั้น..มันมาขออยู่ด้วย! นั่นไง..มันกำลังยิ้มฟันขาวกับเอ็งแน่ะ"
ผมขนลุกซ่า ทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ ก็เถอะเอ้า! ตอนแรกคิดว่าเพื่อนเป็นบ้าไปแล้ว แต่คำพูดต่อมาของมันทำให้ผมเสียวสันหลังมากกว่าเดิม
"ข้ารู้ว่าเอ็งไม่เห็น ใครๆ ก็ไม่เห็น มีแต่ข้าคนเดียวที่เห็นถนัด" เจ้าโหน่งถอนใจยืดยาวอีกครั้ง นัยน์ตาที่จมลึกอยู่ในเบ้าราวจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าเดิม "ไม่ใช่ไอ้สิงห์คนเดียวนะ..นั่น! ตาปลอดกับลุงฉ่ำ ยายเขียวกับป้าแสง! ยืนมองเราอยู่ที่หน้าต่างประตูนั่นไง!"
"ไอ้โหน่ง.." ผมคราง ปากคอแห้งผากไปถนัด "เอ็งจะเห็นได้ยังไงวะ..ก็พวกนั้นตายหมดแล้วนี่หว่า"
"อ้าว? ไอ้เด่นเดินมาอีกคนแล้ว ที่มันตกน้ำตายตอนต้นปีน่ะ"
ผมตัวแข็งลิ้นแข็งไปหมดจนพูดอะไรไม่ออก จ้องมองแทบตาถลนไปยังประตูรั้วก็ไม่เห็นใครที่เจ้าโหน่งเอ่ยชื่อมา..ไอ้เด่นวัยสิบขวบที่ตกน้ำตายก็ไม่เห็น!
คุณพระคุณเจ้า! ผมเห็นเจ้าโหน่งยิ้มกว้างขึ้น กวักมืออย่างอารมณ์ดี
"มาซีวะไอ้เด่น อยากคุยกันก็เข้ามา" มันพูดเสียง ดังก่อนจะพยักหน้าช้าๆ "เออ! งั้นก็แล้วไป" แล้วหัน มายิ้มกับผม "ไอ้เด่นมันบอกว่าวันหลัง มันรู้ว่าเอ็งกลัวมัน"
เจ้าโหน่งทั้งเห็นผี ได้ยินเสียงผีด้วยหรือเนี่ย? ตอนแรกคิดว่ามันหยอกล้อผมเล่นตามประสาเพื่อนฝูง แต่วันต่อๆ มามันก็ชี้ให้ดูมะม่วงหน้าบ้านต้นนั้น..บอกว่ามีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้นั่งอยู่บนนั้น..ผีผูกคอตาย!
"สงสัยจะตายมานานแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง ตอนกลางคืนข้าเห็นแกห้อยโตงเตง กวักมือเรียกข้าไป อยู่ด้วย พอตอนกลางวันก็นั่งร้องไห้อยู่บนกิ่งใหญ่นั่นไง"
ถึงจะมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ผมก็ขนลุกซ่า..กลับบ้านไปถามพ่อ ได้ความว่าญาติข้างแม่เจ้าโหน่งมาอาศัยอยู่ ไม่นานก็ผูกคอตายมาสิบกว่าปีแล้ว..สาเหตุจากท้องไม่มีพ่อ
ผมแน่ใจว่าเพื่อนไม่ได้บ้า แต่เกิดมีญาณวิเศษหรือพรสวรรค์หลังจากโดนตีจนสลบ..คิดว่าจะห่างๆ ไปสักพักก่อน แต่อีกไม่กี่วันต่อมาเจ้าโหน่งก็ผูกคอตายที่ต้นมะม่วงริมรั้วนั่นเอง..ผีผูกคอเรียกเพื่อนผมไปอยู่ด้วยกันได้สำเร็จแล้ว!
ขอบคุณเรื่องเล่าจากข่าวสด
เรื่องนี้บอกเล่าใน xchange.teenee.comบอร์ดลึกลับ โดยคุณpigkyko