วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7441 ข่าวสดรายวัน
ไม้ไล่ผี
ขนหัวลุก
ใบหนาด
"สิงห์น้อย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรื่องใบหนาดปราบผี
ผมขอเล่าเรื่องให้ท่านผู้อ่านได้รับฟังอีกเรื่องนะครับ
น่าแปลกที่มนุษย์เราสมัยก่อนๆ ทำไมถึงมีความคิดริเริ่ม, ค้นคว้าว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ทำให้ชีวิตมีสุขขึ้นมาได้?
ความดีความชั่ว สิ่งเลวร้าย ภูตผีปีศาจ เป็นสิ่งที่มนุษย์เราคิดขึ้น หรือจินตนาการขึ้นมาตามความคิด ความเชื่อของในแต่ละท้องถิ่น หรือว่าอะไรแน่ครับ?
ทำไมคิดว่าพืชชนิดนี้ควรทำอะไร ใช้ทำอะไรถึงจะได้ผล? พืช, ต้นไม้ใช้สกัดทำยาสารพัดชนิด แก้โรคต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดท้อง ท้องเสีย แก้ลมวิงเวียน ฯลฯ ไปจนถึงยาเสพติดร้ายแรง ส่วนใหญ่สกัดมาจากพืชทั้งหลายทั้งปวง
ผมกำลังยกตัวอย่างให้เห็นพืชชนิดหนึ่ง มีใบหนาสีเขียวนวล ใหญ่พอสมควรเราเรียกกันว่า "ใบหนาด" ที่ผมกำลังเล่าเรื่องของมันให้ท่านผู้อ่าน แฟนคอลัมน์ขนหัวลุกได้ฟังดังต่อไปนี้ครับ
ใบหนาดเป็นใบไม้ชนิดหนึ่งที่ใช้ในทางไล่ภูตผีปีศาจ ใช้ปัดรังควานผู้คนที่โดนผีเข้าสิง
เคยได้ยินและได้สัมผัสมาแล้วจากชีวิตจริงของผม!
หมอผี หรือผู้มีคาถาอาคมในสมัยเมื่อกว่า 30 ปี เขาใช้ใบหนาดนี่แหละครับเป็นเครื่องรางของขลัง ร่วมกับการทำน้ำมนต์และการทำพิธีไล่สิ่งชั่วร้าย เมื่อครั้งผมเป็นเด็กวัดได้ไปกับหลวงตาห่อ ท่านเป็นพระลูกวัดของหลวงพ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ ในจังหวัดชลบุรี
จำได้ว่าบ้านโยมคนหนึ่งชื่อป้าตุ๊ อยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก ลูกสาวแกชื่อแจ๋วถูกผีเข้ามีอาการอาละวาด ส่งเสียงดัง ทำตาเหลือกหลอกคนในบ้านไปทั่ว ร้องเสียงแปลกๆ เด็กเล็กร้องไห้จ้า หวาดกลัวจนต้องวิ่งหนีกันกระเจิดกระเจิง
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักใหญ่จวนใกล้ค่ำ แจ๋วก็หมดฤทธิ์ เมื่อหลวงตาเดินทางมาถึงบ้านไม่นานท่านก็จัดทำพิธี ตั้งขันน้ำมนต์ จุดเทียน สักพักก็ใช้ใบมะยมที่เตรียมมาพรมน้ำมนต์ที่ตัวของแจ๋ว พรมแล้วพรมอีกแต่ก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
นั่นคือเธอยังนอนคุดคู้ ส่งเสียงครางฮือๆ ทำตาเหลือกไปเหลือกมา เหมือนกับว่าน้ำมนต์ของหลวงตาไม่ได้กระทบกระเทือนอะไรเลย
ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จ้องมองด้วยความสนใจ หลวงตานั่งนิ่งๆ ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ากับตัวเองเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะหันมาสั่งผมด้วยเสียงเรียบๆ
"ไอ้เสริฐ เอ็งไปเก็บใบหนาดข้างป่าช้าเก่าหลังวัดมาให้ข้าหน่อย ข้าจะไล่ผีร้ายตนนี้...ให้มันรู้ไปว่าคาถาของข้าสู้มันไม่ได้"
เด็กวัดอย่างผม เมื่อหลวงตาใช้อย่างนั้นก็ไม่รอช้าเพราะใกล้จะมืดแล้ว วิ่งไป-กลับไม่ถึง 20 นาทีก็กลับมาพร้อมกับใบหนาด 2 กิ่ง มีใบติดมาด้วย 3-4 ใบ โชคดีที่ผมรู้จักใบหนาดนี้เป็นอย่างดี จากยายของผมที่เคยเล่าให้ฟังเรื่องสรรพคุณของใบหนาด และยังบอกให้รู้จักอีกด้วย
เมื่อมาถึง ผมก็ประเคนให้หลวงตา!
ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ ทันทีที่แจ๋วผู้ถูกผีเข้าอยู่นั้น เหลือบเห็นใบหนาด 2 กิ่งที่หลวงตายกขึ้นมาเท่านั้น แกก็ร้องเสียงหลง หวีดแหลม จนใครๆ ต่างตกใจ ถึงกับสะดุ้งผวาไปตามๆ กัน
คุณพระช่วย! เสียงนั้นไม่ต่างอะไรกับเสียงภูตผีที่มาจากอเวจี...เป็นเสียงยาว และแหลมเล็ก โหยหวน ...หมาใต้ถุนส่งเสียงเห่าหอนกันเกรียว รับกันเป็นทอดๆ ลมพัดแรงผมขนลุกซ่าไปทั้งตัว...
ท่ามกลางบรรยากาศที่กำลังใกล้มืดค่ำ ตะวันตกดินไปแล้ว มีแต่แสงเหลืองๆ แดงๆ ที่ค้างอยู่ริมยอดไม้ท้ายหมู่บ้านเท่านั้น เสียงนั้นล่องลอยไปไกล ดูยาวนานเต็มทีเหมือนจะไม่มีวันสิ้นสุดง่ายๆ
ในที่สุด แจ๋วก็สิ้นสติไป!
หลวงตาห่อนำใบหนาดประพรมน้ำมนต์ให้เธออีก 2-3 ครั้ง ไม่ช้าแจ๋วก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาตามเดิม
เมื่อซักถามหาสาเหตุ เธอก็เล่าว่าเมื่อตอนเช้ามืดใกล้สว่างแล้ว ขณะที่เดินเข้าครัวเพื่อหุงหาอาหารตามปกติ ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างพุ่งวืดเข้าใส่ ครั้นหันขวับไปดูก็เห็นเหมือนมีดวงไฟเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว...
จากนั้นก็หมดสติไป มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนนี้เอง!
เรื่องของภูตผี, เรื่องการเล่นของ, เสกของใส่กัน, ยาสั่งตาย และอวิชชาหรือไสยดำต่างๆ เมื่อสามสิบปีก่อนมีจริงๆ ครับ! บรื๋ออออ...
ที่มา
http://www.khaosod.co.th/