ผู้เขียน หัวข้อ: .::: แท็กซี่ผี :::.  (อ่าน 7257 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
.::: แท็กซี่ผี :::.
« เมื่อ: 22 พ.ค. 2554, 09:36:12 »
.::: แท็กซี่ผี :::.

ผมอยู่แถวซอยร่วมจิตต์ใกล้ๆ ศรีย่านนี่เองครับ วันดีคืนร้ายก็ไปเที่ยวถนนข้าวสารกับเพื่อนเกลอคือเจ้าอู๋ อยู่บ้านติดๆ กัน โดยขึ้นรถเมล์สาย 9 ไปลงบางลำพูพอดี

วันเสาร์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถนนข้าวสารคึ่กๆ ตั้งแต่หัวค่ำ ไม่ว่าคนไทยหรือนักท่องเที่ยวทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน ล้วนแต่ได้ยินชื่อถนนข้าวสารอันโด่งดังระดับโลกมาหลายปีแล้ว เลยแห่มาเที่ยวกันเป็นว่าเล่น โดยเฉพาะพวกฝรั่งนี่หลายรายถึงกับหอบลูกจูงหลานมาเที่ยว ขนาดลูกเล็กๆ ใส่รถเข็นยังมีนี่นา

ที่ค่อนข้างแปลกหูแปลกตาของพวกเราก็คือฝรั่ง แก่ๆ ขนาด 60-70 ปีขึ้นไปยังอุตส่าห์หอบสังขารมาเที่ยวถนนชื่อกระฉ่อนกับเขาเหมือนกัน เหลือเชื่อจริงๆ เอ้า!

คนพวกนี้ก้มหน้าก้มตาทำงานหนักมาตั้งแต่ หนุ่มยังสาว เพื่อเก็บเงินเก็บทองเอาไว้เดินทางไปเที่ยวเตร่ เปิดหูเปิดตาต่างแดน ตรงข้ามกับพวกเราที่แก่ตัวเข้าก็มักอยู่บ้านเลี้ยงหลาน หรือไม่ก็เข้าวัดเข้าวาไปเลย

โธ่! แก่ตัวเข้าเรี่ยวแรงก็ถดถอย ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็หอบแฮกแล้ว ผมว่าสู้ไปเที่ยวตอนที่ยังสาวหนุ่มกระชุ่ม กระชวย เรี่ยวแรงแข็งขันยังจะเข้าท่ากว่าเป็นกอง

อย่างว่าละครับ วัฒนธรรมของใครของมัน ไม่ว่ากันอยู่แล้วงานนี้จะหนุ่มสาวหรือเฒ่าแก่ก็ขอให้มาเที่ยวสยามเมืองยิ้ม กันเยอะๆ ก็แล้วกัน เงินทองจะได้ไหลมาเทมา ผู้คนจะได้มีงานบริการทำเยอะๆ พ่อค้าแม่ขายก็จะได้ซื้อง่ายขายคล่อง คนยากคนจนจะได้ลืมตาอ้าปากซะที...เศรษฐกิจตกสะเก็ดมาหลายปีแล้วครับ

การ ท่องเที่ยวถือว่าไม่ต้องลงทุนลงรอนอันใด รับเนื้อๆ ลูกเดียวเท่านั้น!

อ้าว? ผมก็เผลอไผลติดลมบนไปหน่อย เดี๋ยวก็ลืมเรื่องขนหัวลุกจนได้

บรรยากาศ ที่ถนนข้าวสารจะสนุกสนาน น่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหนคงไม่ต้องบรรยายให้เสียเวลาก็ได้นะครับ...เรื่องมา เกิดเอาอีตอนที่ผมกับเจ้าอู๋ออกจากร้านเบียร์ที่ตั้งโต๊ะบนฟุตปาธตอนห้าทุ่ม กว่า...เลยไปออกทางด้านใกล้ๆ สี่แยกคอกวัวเพื่อหาแท็กซี่กลับบ้าน เพราะเรากำลังเมาฉ่ำๆ กันทั้งคู่

เชื่อไหมครับว่าแท็กซี่ 5-6 คันที่เปิดไฟสว่าง เลี้ยวจากถนนราชดำเนินมาจอดน่ะ ไม่มีใครยอมรับเราซักคัน!

...พอ เปิดประตูหลังเท่านั้น คนขับก็หันมาถามทันทีว่าจะไปไหน? พอบอกจุดหมายก็ส่ายหน้า ออกรถไปทันที! บางคันที่เราเปิดประตูหน้าถามว่าจะไปมั้ย? ก็หันมองด้วยสายตารำคาญ บอกว่าไม่ไป! เจ้าอู๋ชักยัวะเลยถามว่าพี่จะไปทางไหนล่ะ? คนขับก็ยืนยันว่าไม่ไป...ก่อนจะแล่นพรวดออกไปเลย

"มึงจะรับแต่ฝรั่ง หรือไงวะ?" เจ้าอู๋ตะโกนตามหลัง... แท็กซี่ที่ขับเลยไปก็คงผ่านถนนสิบสามห้างที่ไม่มีฝรั่ง หรือนักท่องเที่ยวอะไร...คงจะหาทางวกมาล่าเหยื่อรอบ ใหม่

ได้ข่าวว่า ตำรวจสน.ชนะสงคราม งานหนักจนประสาทกินไปหลายนายแล้ว ไม่ลองแต่งนอกเครื่องแบบมาสังเกตการณ์มั่งนี่ครับ...อย่าลืมว่าที่แท็กซี่ ไม่อยากรับคนไทยก็มีสาเหตุเดียวคือ...ไม่ได้โขกเงินชนิดขูดรีดเหมือนผู้ โดยสารฝรั่ง

ไม่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวก็อย่าทำลายเลยครับ!

ใน ที่สุดก็มีแท็กซี่เปิดไฟว่างแล่นเข้ามา เจ้าอู๋โบกมือให้จอดก่อนจะเปิดประตูหลังขึ้นไปนั่งทันทีพร้อมกับบอกจุดหมาย ผมก้าวตามเพื่อนไปติดๆ นั่งรอจะว่าโดนบอกปัดท่าไหน? ยอมรับว่ากำลังเดือดปุดๆ จนแทบหายมึนเบียร์ละครับ แต่ผิดหวังแฮะ...แท็กซี่รับคำแล้วออกรถไปเลี้ยวขวาเข้าถนนพระสุเมรุ ผ่านหน้าวัดบวรฯ เจ้าอู๋บ่นดังๆ ว่าแท็กซี่คันอื่นไม่รู้เป็นไง ไม่ยอมรับเราซักคัน

เสียงหัวเราะหึๆ อย่างอารมณ์ดีดังขึ้น ผมเหลือบดูก็เห็นคนขับเป็นชายชราผมขาวค่อนข้างยาว มุมปากมีรอยยิ้มนิดๆ ขณะเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกวันชาติ แล่นไปตามถนนประชาธิป ไตยที่รถราค่อนข้างโล่งว่าง...ไม่ช้าก็เข้าสู่ถนนนครราชสีมาอย่างรวดเร็ว...

จน กระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง ผมเห็นมิเตอร์ขึ้นเกือบ 70 บาท แต่นึกถึงน้ำใจแกที่ไม่เห็นแก่ตัว บอกปัดผู้โดยสารคนไทยด้วยกัน เลยส่งแบงก์ร้อยให้...บอกไม่ต้องทอน ได้ยินเสียงขอบคุณครับเบาๆ ก่อนที่เราจะลงจากรถ...แล้วต้องยืนตะลึงงันกันทั้งคู่

ท่ามกลาง แสงไฟถนนเยือกเย็น แท็กซี่คันนั้นแล่นไปทางสี่แยกพิชัย...แล้วเลือนรางจางหายไปต่อหน้าต่อตาเรา นั่นเอง...นึกถึงเรื่องนี้ทีไรผมกับเจ้าอู๋ขนหัวลุกทุกทีไป!

ข้อมูลจาก ข่าวสด

ที่มา
www.khaosod.co.th

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พ.ค. 2554, 09:36:37 โดย ทรงกลด »
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 22 พ.ค. 2554, 09:37:59 »
วันที่ 04 เมษายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7434 ข่าวสดรายวัน


คนส่งของ

ขนหัวลุก
ใบหนาด


"บุษบา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกของคนไม่เชื่อเรื่องผีดิฉันเชื่อมั่นว่าตัวเองมีการศึกษาพอสมควร จบบัญชีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังไม่เชื่อถือในสิ่งที่ไร้เหตุผลรองรับหรือพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเรื่องปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติด้วยแล้วคิดว่าเป็นเรื่องตลกมากกว่า

ไม่ว่าเรื่องผีๆ สางๆ หรือการทรงเจ้าเข้าผี ถือว่าไร้สาระเต็มทีทั้งนั้นแหละค่ะ

วันหนึ่ง ดิฉันก็พบกับเรื่องแปลกประหลาดเข้าที่บ้านตัวเอง!

ลืมบอกไปว่าที่อยู่คือวิภาวดีฯ 5 ชื่อดั้งเดิมคือซอยอายุสูบ 1 เป็นบ้านจัดสรรของโรงงานยาสูบมาราว 40 ปีแล้ว ต่อมาเจริญขึ้นบ้านเหล่านั้นก็มีการซื้อขายต่อๆ กันมา จากบ้านไม้สองชั้นกลายเป็นบ้านตึกใหญ่โตก็มี เป็นอพาร์ตเมนต์ก็มี ดูเหมือนจะเหลือแต่บ้านดิฉันหลังเดียวที่ยังสภาพเดิม

บุพการีล่วงลับไปตามอายุขัย แต่ก็มีลูกๆ หลานๆ อยู่อาศัย ถึงกับสร้างเรือนหลังเล็กๆ เพิ่มข้างรั้วในเนื้อที่ 100 ตร.ว. ก็อยู่กันอบอุ่นตลอดมาค่ะ

ดิฉันเกษียณอายุราชการเมื่อ 2-3 ปีก่อน ตอนแรกก็ได้โอกาสเที่ยวทั้งในเมืองไทยและต่างแดน ไปกับทัวร์สะดวกสบายที่สุด แต่ตอนหลังมานึกว่าตัวเองมีวุฒิบัตร "ผู้สอบบัญชีรับใบอนุญาต" ก็น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ในการหารายได้เพิ่มกับแก้เหงาดีกว่า

ไม่เฉพาะตัวเองเท่านั้น แต่ยังมีลูกหลานกับอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาได้ทำงานด้วย

การทำบัญชี, ตรวจบัญชี เกี่ยวกับรายรับรายจ่ายของบริษัทห้างร้านต่างๆ อาจจะปกปิดซ่อนเร้น หรือไม่ผิดพลาดอย่างใดอย่างหนึ่ง กฎหมายจึงกำหนดให้ต้องผ่านการตรวจตราจาก "ผู้สอบบัญชีรับใบอนุญาต" เสียก่อน ซึ่งมีทั่วประเทศราว 5,000 ราย แต่ที่มารับจ้างเป็นผู้สอบฯ จริงๆ จังๆ คิดว่าไม่น่าจะเกิด 2,000 ราย

ทางการที่ต้องนำเสนอมีอยู่สองแห่ง คือกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง กับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีวิธีกำหนดเวลาแตกต่างกันเล็กน้อยค่ะ

กรมสรรพากรนับจากวันต้นปีไป 5 เดือน กระทรวงพาณิชย์นับ 150 วัน

คิดง่ายๆ ว่าจากวันแรกของปีไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคมก็แล้วกัน

มีผู้ใฝ่ฝันจะเป็น "ผู้สอบฯ" มากมาย แต่ค่อนข้างแสนเข็ญเอาการ เช่น สมมติว่ามี 8 วิชา สอบวิชาไหนได้ก็เก็บไว้ให้ ต่อมาเข้าสอบวิชาอื่นอีก ถ้าได้ก็แล้วไป แต่ถ้าสอบไม่ผ่าน 3 ปีติดกัน วิชาที่สอบได้นั้นจะสูญทันที เรียกว่าหมดอายุความ ต้องสอบกันใหม่

หลายคนพากเพียรมา 10-20 ปีก็มี...แถมมีประวัติบอกกล่าวด้วยว่าสอบปีใด

เพราะการเป็นนักสอบบัญชีเล็กๆ อยู่กับบ้าน แต่มีงานจากบริษัทห้างร้านซึ่งส่วนมากเป็นเจ้าประจำ ทั้งทำบัญชี สอบบัญชี หลั่งไหลเข้ามาเต็มบ้าน ยิ่งในเดือนเมษายนกับพฤษภาคมด้วยแล้ว ต้องบอกว่าทุกๆ คนล้วนเร่งรีบจนพวกเราแทบลืมหูลืมตาไม่ขึ้นทั้งนั้น

ลูกค้าที่คุ้นเคยกันก็มีทั้งมาส่งและมารับงานเอง ที่ขาดไม่ได้ก็คือของฝากจากต่างจังหวัด หรือบางทีก็ในกรุงเทพฯ นี่แหละค่ะ ไม่ว่าขนม, ผลไม้, อาหารทะเลจากเหนือจากอีสานมีหมด...แม้แต่ใครไม่ว่าง ให้เมสเซ็นเจอร์มาส่งมารับก็มีของฝากติดมาด้วยค่ะ

"คุณปิ่น" สาวใหญ่เป็นลูกค้าที่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ ว่างก็โทร.มาคุย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ดีอย่างที่ไม่เอ่ยปากเร่งงานแต่เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ในที บางทีก็ขับรถพาลูกสาวสิบกว่าขวบชื่อน้องแป้น กำลังน่ารักมากมาด้วย...ทุกครั้งไม่เคยขาดของฝาก ไม่ว่ามะพร้าวน้ำหอม แตงโม แก้วมังกร ส้มจากเมืองจีนลูกเล็กๆ อร่อยมาก ทุเรียนกับลิ้นจี่หอบหิ้วมาฝากทุกครั้ง

รายนี้รับจ้างทำบัญชีด้วยค่ะ แต่ก็ต้องส่งมาถึงมือ "ผู้สอบฯ" ตามกฎหมาย

เย็นหนึ่งคุณปิ่นก็โทร.มาบอกว่าเพิ่งกลับจากเหนือ ได้แหนมหม้อ ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู กับเนื้อเค็มมาฝาก แต่ยังล้าเต็มทีเลยให้เด็กขี่มอเตอร์ไซค์จากบ้านที่ลาดพร้าวมา

...แทบจะไม่ขาดเสียงด้วยซ้ำ มอเตอร์ไซค์ก็ดังกระหึ่มที่หน้าประตูรั้ว หลานสาวที่ช่วยงานบัญชีอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ ก็ลุกไปเปิดประตู ทักทายกันสองสามคำเพราะคุ้นหน้ากันดี เขาส่งของพะรุงพะรังให้แล้วลากลับ เพราะฟ้ามืดครึ้มราวกับจวนค่ำ แถมส่งเสียงคำรามครืนๆ น่ากลัวอีกด้วย หลานก็รับมาวางที่โต๊ะกินข้าวติดๆ กันแล้วทำงานต่อ

ดิฉันเปลี่ยนอิริยาบถลุกจากห้องออกมาเดินเหินข้างนอก เอะใจที่อากาศเย็นเยือกชอบกล...พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังจากโต๊ะที่เพิ่งลุกมาหยกๆ ก็ย้อนกลับไปรับ

คุณปิ่นโทร.บอกข่าวด้วยเสียงแหบแห้งว่า หลานชายที่ให้ไปส่งของน่ะถูกรถกระบะชนตายที่ปากซอย...ตอนนี้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ต้องขอโทษพี่ด้วยที่ของไปไม่ถึง! เล่นเอาโทรศัพท์แทบร่วงจากมือ แข็งใจเดินไปถามหลานสาวเสียงสั่นเครือว่าเอาของฝากไว้ที่ไหน

คำตอบก็คือบนโต๊ะนี่เองค่ะ...ตามด้วยเสียงร้องวี้ดว้าย...เอ๊ะ! หายไปไหนหมด? หนูเพิ่งวางหยกๆ เมื่อกี้เอง...เดี๋ยวนี้ดิฉันเชื่อเรื่องผี ยอมรับว่าผีมีจริงแล้วค่ะ!


ข้อมูลจาก ข่าวสด
ที่มา
www.khaosod.co.th

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 22 พ.ค. 2554, 09:42:46 »
เรื่องเล่าชาวนาฏศิลป
เรื่อง ผีที่หอพยาบาล


2545 ที่หอพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เจอกับตัวเอง ตอนนั้นเป็นการเรียนภาคฤดูร้อนจะมีนักศึกษาเรียนไม่ค่อยมาก หอพักนี้มี ทั้งหมด 4 ชั้น ตอนนั้นพักอยู่ชั้นที่ 4 ชั้น 4 จะมีคนอยู่ 2 ห้อง แต่อยู่คนละฝั่งเลยคือว่าไกลกันมากๆ คืนนั้นพักอยู่กับเพื่อน 2 คนในห้อง ตอนนั้นเป็นเวลา ตี 3 นิดๆ ตื่นขึ้นมาเพราะว่าปวดฉี่ ก็เลยปลุกเพื่อนให้ไปเป็นเพื่อนเลยชวนเพื่อนไปเข้าห้องน้ำชั้น 3 เพราะว่าตอนนั้นได้ยินเสียงคนเยอะเสียงดังเลยพูดกับเพื่อนว่าไปเข้าที่ชั้น 3 ดีกว่าเพราะว่าคนเยอะดีจะได้ไม่น่ากลัวก็เลยเดินออกมาจากห้องพร้อมกับเพื่อนยิ่งเดินใกล้ห้องน้ำเท่าไหร่เสีงคนคุยกันก็ยิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆๆ ก็เลยหยุดยืนคุยกันกับเพื่อนว่าวันนี้ดีจังคนอาบน้ำกันดึกจะได้ไม่น่ากลัวพอคุยกันกับเพื่อนเสร็จก็เดินมาถึงทางลงซึ่งเป็นบันไดเวียน สักพักเราสองคนก็มองหน้ากันแต่ก็ไม่พูดอะไรสงสัยว่าตอนนั้นเราสองคนกำลังตกใจกลัวอย่างแรง ในใจตอนนั้นคิดว่าเพื่อนจะได้ยินเหมือนเราได้ยินไหมนะ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรเลยก็เลยเดินลงมาเข้าห้องน้ำเพราะตอนนั้นปวดฉี่อย่างแรงพอลงมาถึงชั้น 3 ก็ต้องอึ้งอีกครั้งเพราะชั้น 3 ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่เลย โอ้เมืองพุทธแล้วเสียงคุยกันอย่างดังนั้นมันดังมาจากไหนกัน เรารีบเข้าห้องนำแล้วก็ วิ่งๆๆๆขึ้นบันไดอย่างไม่คิดชีวิต พอขึ้นมาถึงห้องนอนคลุมโปงแล้วก็ถามเพื่อนว่าตอนที่ลงไปเข้าห้องน้ำได้ยินอะไรแปลกๆมั้ย พระเจ้าเพื่อนบอกว่าได้ยินเหมือนกันเลย คือว่า พอเราสองคนหยุดอยู่ที่หน้าบันไดเวียนก็มีเสียงฝีเท้าของใครก็ไม่รู้ วิ่งตามมาด้านหล้ง ได้ยินเสียงวิ่ง ตับ ๆ ๆ ๆ และมาหยุดที่ข้างหลังเราสองคน แล้วก็มีเสียงเหนื่อยและก็หอบ แฮกๆ อยู่ด้านหลังนี่ถ้าเป็นคนมีลมหายใจก็คงหายใจรดต้นคอกันแล้วแต่นี่เค้าเป็นแค่สิ่งที่เคยมีลมหายใจเท่านั้น.........????????!!!!!!!!

ที่มา
http://www.facebook.com/pages/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8F%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B/167065519978222
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22 พ.ค. 2554, 09:47:20 โดย ทรงกลด »

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 22 พ.ค. 2554, 09:49:30 »
เรื่อง นอนกับศพ ที่ลืมไม่ลง

คอลัมน์ ขนหัวลุก
ใบหนาด

"เสมอแข" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากคืนสยองขวัญ

ดิฉันไม่ใช่คนกลัวผี แต่กลัวซากศพอย่างแรง!ฟังดูแปลกๆ ใช่ไหมคะ เวลาไปบอกกับใครแบบนี้เขาก็ขำกลิ้งกันทุกราย...เขาว่านี่แหละ กลัวผี! แหม...ไม่มีใครเชื่อซะเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าปุ๋ม-เพื่อนรักของดิฉัน

และในที่สุด เจ้าปุ๋มนี่ล่ะค่ะที่ทำให้โรคนี้ของดิฉันกำเริบ ถึงขนาดสติแตกไปเป็นเดือนๆ

ก่อนอื่น ให้โอกาสดิฉันอธิบายสักหน่อยนะคะ...เมื่อมีคนรู้จักล้มหายตายจาก ดิฉันจะเศร้าโศกอาลัย อันเป็นความรู้สึกธรรมดา แต่ว่าดิฉันจะอึดอัด กระอักกระอ่วนอย่างยิ่งเมื่อต้องไปงานศพเขา...ดังนั้น จึงต้องหาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงอยู่เสมอ ขณะเดียวกันก็นึกโมโหตัวเองเหลือเกิน เพราะตระหนักดีว่าที่จริงเราควรไป...นี่คือการให้เกียรติ และแสดงน้ำใจต่อผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย

ดิฉันเสียมารยาทจริงๆ เนื่องด้วยสาเหตุเดียวคือความกลัวศพ!

โธ่! อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย กะอีแค่ซากจิ้งจกตายดิฉันก็ไม่กล้าหยิบหรือเขี่ยมันทิ้ง ไม่กล้าเหลือบตามองมันด้วยซ้ำ! ดิฉันเป็นโรคกลัวสัตว์ที่ตายแล้วค่ะ ถ้ามันเป็นจิ้งจกดิ้นกระดุ๊กกระดิ๊ก ดิฉันจับได้ แต่ถ้ามันตายแล้วดิฉันจะหนีเลย...กลัวมากๆ

เพื่อนๆ และญาติๆ ของดิฉันที่เสียชีวิตแล้วนั้น หากไม่เห็นร่างไร้วิญญาณของเขา ดิฉันจะไม่กลัวผีพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ดิฉันสามารถนอนปิดไฟ แล้วนึกถึงพวกเขาได้อย่างสบาย แต่ถ้าจำเป็นต้องไปงานศพล่ะก็ดิฉันจะกลัวไปหมด

มันจะกังวล ไม่สบายใจ และหลอนตัวเอง! หลับตาทีไร ภาพร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมนั้นจะผุดฉายขึ้นมาเต็มๆ ทุกที!

ถ้าเป็นไปได้ดิฉันจะไม่ดูคนตายเลย จะจดจำเขายามมีชีวิตอยู่เท่านั้น และถ้าดิฉันไม่ไปงานศพใครก็อย่าโกรธกันเลย ดิฉันกลัวจริงๆ...กลัวจนเป็นทุกข์ กลัวจนอยากไปปรึกษาจิตแพทย์แน่ะค่ะ ทรมานมาก

อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ทุกข์ก็คือ ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ของดิฉันเลย

ครั้งหนึ่ง เคยหลีกเลี่ยงเบี่ยงบ่ายไม่ยอมไปงานศพแม่ของปุ๋ม เพื่อนสนิท...หล่อนโกรธและน้อยใจหาว่าดิฉันรังเกียจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า หล่อนก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกต่อไป เรากลับมาสนิทสนมกันเหมือนเดิม ...และปุ๋มก็เริ่มสังเกตว่าดิฉันไม่ไปงานศพใครทั้งนั้นเว้นแต่จำเป็นจริงๆ

เรื่องราวร้ายกาจที่ทำให้ดิฉันกลัวแทบขาดใจ เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน!

ตอนนั้นดิฉันกับปุ้มจบปริญญาตรีพร้อมกัน คุณพ่อของปุ๋มฝากเราเข้าทำงานในบริษัทเงินทุนแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ เราเป็นคนเมืองปราณฯ แต่งานดีๆ แบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ นะคะ เราจำเป็นต้องเช่าหอพักอยู่ด้วยกันแถวสุทธิสาร เป็นหอพักที่สะอาดสะอ้านน่าอยู่ ราคาไม่แพง เราแชร์กันค่ะ

พ่อแม่สบายใจ เราสองคนก็ชอบเพราะจะได้อยู่เป็นเพื่อนกันในเมืองหลวงที่สำหรับเราแล้ว รู้สึกว่ามีบางมุมที่น่ากลัวและไม่ปลอดภัย เรากลัวถูกหลอก กลัวถูกมิจฉาชีพปล้น จี้ ทำร้าย...กลัวแบบนี้ไม่น่าเกลียดนะคะ ในเมื่อเราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ขี้ขลาด หวาดระแวงที่เพิ่งมาจากต่างจังหวัด

การที่เราอยู่ดูแลกันและกัน ทำให้พ่อและคุณย่าของปุ๋มคลายกังวล เพราะปุ๋มมีโรคประจำตัว เธอมีลิ้นหัวใจรั่ว แถมเป็นหอบหืดด้วย...อาการหอบหืดน่ะที่จริงหายไปตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยแน่ะ จนเราคิดว่าหายขาด แต่เมื่อมาอยู่กรุงเทพฯ อากาศไม่ดี ปุ๋มก็เริ่มมีอาการขึ้นมาอีก ไม่มากนักแต่ก็ต้องพกยาพ่น ขยายหลอดลม ติดกระเป๋าไว้เสมอ

ยังดีที่หอพักเราอยู่ใกล้โรงพยาบาล หากฉุกเฉินก็ไปหาหมอได้ทัน!

เราสนุกกับงานที่ทำ แต่ก็มีบางช่วงที่เครียดเอาจริงๆ จังๆ บางวันที่ดิฉันต้องกลับหอพักสามสี่ทุ่มแน่ะค่ะ

วันหนึ่งปุ๋มไม่สบาย หล่อนไอมาหลายวันแล้วล่ะ การไอนี่ทำให้ดิฉันเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าไอมากปุ๋มจะหอบ แต่วันนั้นปุ๋มบอกว่าไม่เป็นไร ขอลาป่วยสักวันเพราะมีไข้ ปวดศีรษะและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ดิฉันทิ้งปุ๋มให้พักผ่อนอยู่คนเดียวทั้งวัน อาการหล่อนไม่ได้หนักหนาสาหัสขนาดต้องเฝ้าไข้นี่คะ

คืนนั้นดิฉันกลับเกือบห้าทุ่ม เหนื่อยมาก...เหนื่อยจนไม่อยากกินอะไร มันง่วงมากเลย ความจริงดิฉันง่วงงุนมาตั้งแต่เช้า! เอ...หรือจะติดหวัดจากปุ๋มนะ?

พอถึงห้องพักเปิดประตูเข้าไป ไฟปิดมืดเชียว ดิฉันกดสวิตช์เปิดไฟเห็นปุ๋มนอนตะแคงหันหลังให้อยู่บนเตียง ในห้องนอนที่ประตูยังเปิดอ้า เรานอนเตียงเดียวกันค่ะ...ดิฉันเห็นเพื่อนหลับก็ไม่ได้ปลุก เพียงแต่ชะโงกดูนิดหน่อยแล้วก็รีบอาบน้ำ เสร็จแล้วก็ล้มตัวลงนอนหลับสนิทไปเลย ดับไฟมืดสนิท ไฟหัวเตียงก็ไม่ได้เปิดทิ้งไว้

รุ่งเช้า ดิฉันผุดลุกขึ้นเพราะนึกว่าสายแล้ว รีบเข้าห้องน้ำแปรงฟัน พอออกจากห้องก็เห็นปุ๋มนอนท่าเดิม เลยเรียกเบาๆ แล้วจับร่างของหล่อน

คุณพ่อคุณเจ้าช่วย! ร่างปุ๋มเย็นเฉียบ แข็งทื่อ ดวงตาเธอดำปี๋เบิกโพลง มันยุบแฟบไม่เป็นลูกตากลมๆ ของคนเป็นๆ อย่างเรา ทั้งที่ดูมันถลนออกมานอกเบ้า มุมปากที่ดำคล้ำมีฟองขาวปนเลือด

ปุ๋มเสียชีวิตเพราะโรคหอบหืดมาหลายชั่วโมง บางทีอาจก่อนสามทุ่มเมื่อคืนด้วยซ้ำ...นี่ดิฉันนอนกับศพทั้งคืนหรือค่ะ?!

ดิฉันไม่ได้กรี๊ดกร๊าดแบบนางเอกหนัง ยังจัดการธุระเรื่องความตายของปุ๋มจนเรียบร้อย...แต่ทุกวันนี้ดิฉันนอนไม่หลับ ฝันร้าย เดือนแรกๆ น่ะกลัวแทบขาดใจ ร้องไห้ทุกวัน ตอนนี้ค่อยยังชั่วแต่ก็ยังกลัวไม่หาย

ดิฉันนี่เวรกรรมแท้ๆอยากหายจากอาการนี้จริงๆ ค่ะ!

ที่มา
www.khaosod.co.th

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 22 พ.ค. 2554, 09:55:39 »
เรื่องเล่าชาวนาฏศิลป
เรื่องผีทารกในหอพัก

      ผมเป็นเด็ก ตจว. ที่เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เช่าหอพักอยู่ใกล้ๆ แถวรังสิต ค่าเช่าไม่ใช่ถูกๆ แต่ก็แสนสบาย มีทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม นักศึกษาที่มาเช่าส่วนมากเป็นลูกคนมีกะตังค์ทั้งนั้น หอพักนี้ไม่ใช่ของมหาวิทยาลัยนะครับ เป็นของเอกชน จึงหรูหราและสะดวกเกือบไม่ต่างจากรีสอร์ตระดับ 5 ดาว! ต้องพูดอย่างนั้นเลยล่ะ คนที่มาเช่าเป็นนักศึกษาก็จริงครับ แต่ทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเอง ไม่มีระเบียบบังคับของหอพักว่าจะต้องกลับหอกี่โมงกี่ยาม เรามีอิสระเต็มที่ ขอแต่เพียงมียามและมาตรการรักษาความปลอดภัยเท่านั้นเอง ดูๆ ไปเหมือนชีวิตในคอนโดฯ หรืออพาร์ตเม้นต์มากกว่าหอพักนักศึกษาทั่วๆ ไป ความที่ชอบทำให้ผมไม่คิดย้ายไปไหน ยังปักฐานอยู่จนปีนี้เรียนปีสุดท้ายแล้วครับ เมื่ออยู่นานก็ย่อมมีความสนิทสนามกับเพื่อนข้างห้อง เขาเป็นรุ่นน้องผมหนึ่งปี อยู่คนละคณะ แต่เพราะความที่เป็นเพื่อนข้างห้องเราจึงรู้จักและชอบพออัธยาศัยกันมากว่าสองปีแล้ว บางทีก็มาดูซีดีกัน เล่นกีตาร์กัน จัดปาร์ตี้เล็กๆ กันก็เคย เขาชื่อธเนศครับ หล่อเหลาและไฮโซฯไม่ใช่เบา วันหนึ่ง ธเนศก็มาปรึกษาอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ว่าไปทำผู้หญิงคนหนึ่งท้องป่องขึ้น! ผมขอเล่าอย่างรวบรัดเลยดีกว่านะครับ ว่าถ้าพ่อแม่ทั้งฝ่ายรู้ต้องตายแน่ๆ สรุปแล้ว ธเนศแอบพาแฟนมาที่ห้อง แล้วจ้างผู้หญิงวัยกลางคนร่างอ้วน ผิวดำ อ้างว่าเป็นพยาบาลมาจัดการรีดลูกให้ถึงในห้อง ส่วนผมช่วยดูต้นทาง ไม่ให้ใครมาระแคะระคายเป็นอันขาด เหตุการณ์ที่ว่ามันสุดบรรยายจริงๆ แฟนของธเนศท้อง 4 เดือน ทุลักทุเลและนองเลือดน่าดู ไม่รู้เขาทำยังไง ในที่สุดก็ดึงเอาเด็กและรกออกมาจนได้ แฟนธเนศตัวซีดจนผมกลัวว่าเธอจะตายแต่ก็รอด ไม่รู้ว่าบุญหรือกรรมแน่ ที่น่าสยองที่สุดคือวิธีกำจัดซากทารก! ผมว่าถ้าเป็นผม ก็แค่ห่อใส่กล่องหรือถุงขยะเอาไปทิ้งซะให้สิ้นเรื่องสิ้นราวแค่นั้นเอง เพราะแม่ทารกก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย รับรองว่าต้องไม่มีใครมารู้เห็น หรือยืนยันได้ว่ามาจากห้องพวกเราแน่ๆ แต่นี่สงสัยยัยพยาบาลเถื่อนคนนี้คงจะมาจากนรก! หรือไม่ก็เป็นประเภทน้องๆ ฆาตกรโรคจิต เพราะแกเล่นเอามีดแล่เนื้อเล่มใหญ่ที่พกมาด้วย ตัด หั่น และสับทั้งรกทั้งเด็กเสียละเอียดคล้ายหมูบะฉ่อ ก่อนจะทิ้งชักโครกไปทีละน้อย กดน้ำหลายๆ ครั้งจนไม่เหลือร่องรอย ***มเหลือเกิน ไม่อยากจะเชื่อเลย! ไอ้ผมมันเด็กอยากรู้อยากเห็นก็เลยยืนดูไปสยองไป เล่นเอากินข้าวไม่ลงไปหลายวัน กลิ่นคาวเลือดและภาพที่น่าคลื่นไส้ ระคนกับน่าเวทนา มันติดหูติดตามจนพาลเก็บเอาไปฝันร้ายแน่ะ และก็นี่ล่ะครับ ที่ผมไม่แน่ใจว่าไอ้ที่เคยได้ยินเสียงทารกร้องแง้วๆ อยู่ข้างหูน่ะ หูฝาดหรือผีหลอกกันแน่!? สงสัยต้องไปหาจิตแพทย์ แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ธเนศก็ต้องไปด้วย เพราะที่ห้องเขาเริ่มมีอะไรแปลกๆ เช่นเสียงเหมือนลูกแมวร้องแผ่วๆ โหยๆ แบบใกล้ตาย หรือมีเงาอะไรบางอย่างตัวเล็กๆ วูบๆ วาบๆ บ่อยครั้ง ในห้องนั้นก็มีแต่กลิ่นคาวเลือด บางคืนก็เหม็นเหมือนปลาเค็มเน่า แต่หาเท่าไหร่ก็หาที่มาของกลิ่นนั้นไม่พบ น่ากลัวกว่านั้น เมื่อเพื่อนร่วมหอบางคนชมว่าหลานสาวของธเนศน่ารัก...ตอนแรกเราเป็นงง ตอนหลังก็ขนลุก เพราะคนที่ชมเขาว่า เห็นเด็กผู้หญิง 3-4 ขวบ นุ่งกระโปรงสีแดง เดินตามธเนศเข้าลิฟต์ต้อยๆ อยู่เป็นประจำ! หอพักที่เคยเป็นสวรรค์ กลับกลายเป็นนรกที่เราก่อกรรมทำเข็ญขึ้นมาเอง! ถึงผมจะไม่ใช่ผู้กระทำ แต่ก็มีส่วนร่วมรู้เห็น ผมเลยชวนกึ่งบังคับให้ธเนศไปทำบุญด้วยกัน...อย่างน้อยก็ช่วยให้สบายใจขึ้น ธเนศขนพระมาตั้งไว้ แถมมียันต์สารพัดชนิดมาปิดไว้ทุกฝาผนัง...เกือบทุกซอกทุกมุมของห้อง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยู่ไม่ได้ ต้องมานอนกับผม ส่วนห้องเขาใช้เป็นที่เก็บของไป...เวลาจะไปเอาของก็ต้องชวนกันไป สมน้ำหน้า! ทุกวันนี้เรายังได้ยินเสียงเหมือนแมวไม่สบายดังแผ่วๆ อยู่ตลอด บางคืนก็ถูกผีอำและฝันร้าย เห็นแต่ทารกผีมายืนหัวเราะ อ้าปากแดงๆ มีเลือดสดๆ ไหลย้อย นัยน์ตาดำโตลุกวาวจ้องมอง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือของจริง? อีกไม่นานเราคงต้องย้ายออกจากหอพักเมื่อเรียนจบ แยกย้ายกันไปตามวิถีทางของใครของมันแล้ว ผมเขียนมาเล่าเพื่อเป็นตัวอย่าง อย่าทำอย่างพวกผมเลยครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าเวรกรรมจะตามจิกเจ้าธเนศต่อไปในรูปแบบไหน? ผมเองก็ยอมรับว่ายังเสียวสันหลังอยู่เหมือนกันครับ


ที่มา
http://www.facebook.com/pages/เรื่องเล่าชาวนาฏศิลป/167065519978222

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 22 พ.ค. 2554, 10:07:03 »
เรื่องเล่าชาวนาฏศิลป
เรื่องผีหลอกที่โรงพยาบาล

โรงพยาบาลเอกชน อ.เมือง จ.ระยอง
ลือ "รพ.ผีสิง" หลอก เห็นคนเข็นเตียงคนไข้เดินไปมา

ลือผีดุ -โรงพยาบาลเอกชน อ.เมือง จ.ระยอง ถูกทิ้งรกร้างหลังโดนสั่งปิดไปเมื่อ 3-4 ปีก่อน ชาวบ้านร่ำลือกันว่าผีดุ และเคยเห็นอะไรแปลกๆ ทำให้มีวัยรุ่นแอบเข้าไปลองของ บางรายเจอของจริงวิ่งหน้าตั้งหนีแทบไม่ทัน ตามข่าว
ขนลุกกันทั้งเมือง "โรงพยาบาลผีสิง" หลอกหลอนผู้คนจนร่ำลือทั้งระยอง เป็นโรงพยาบาลเก่าที่หยุดกิจการปล่อยให้ร้างมา 3-4 ปี ทิ้งตู้ยาเตียงคนไข้ไว้เกลื่อน ประตูหน้าต่างกระจกแตก ผู้คนที่ผ่านไป มาบางคนเห็นรถพยาบาลวิ่งเข้าวิ่งออก เห็นคนเข็นเตียงคนไข้เดินไปมา ได้ยินเสียงคนไข้ร้องโหยหวน ทั้งๆ ที่ตึกทั้งตึกไม่มีใครอยู่ รกร้างมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด จนไม่มีใครกล้าผ่าน ขณะเดียวกันก็มีคนเข้าไปพิสูจน์เป็นระยะๆ แต่ก็ต้องวิ่งหน้าตาตื่นตัวสั่นออกมาแทบทุกคน หลายคนบอกถูกตบหัว

เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีชาวบ้านร่ำลือกันไปทั่วเมืองระยองว่า มีผีอาละวาดเที่ยวตามหลอกหลอนผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาจนหวาดผวาไปตามๆ กัน ที่โรงพยาบาลร้างแห่งหนึ่ง ชื่อโรงพยาบาลเอกชน ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง ริมถนนสาย 36 โดยเสียงร่ำลือของชาวบ้านบอกว่าเห็นผีเข็นรถคนไข้เดินไปมาภายในโรงพยาบาล และมีเสียงร้องโหยหวนชวนให้ขนลุกขนพองอย่างยิ่ง จนไม่มีใครกล้าเดินผ่านเส้นทางดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน  รายการวิทยุบุกพิสูจน์ ร.พ.ระยอง ล่าสุดรายการเดอะช็อกบุกพิสูจน์ ถ่ายทำแบบปูพรมทุกห้อง ไปเจอเรื่องผิดปกติที่ห้องเก็บศพ ขณะจะเข้าไป
มีเสียงเหมือนลูกบิดเปิดจากข้างในห้อง แต่พอเปิดออกดูกลับไม่พบใคร

ส่วนโจ๋ที่เข้าไปพิสูจน์เผ่นแน่บออกมา 2 ราย รายแรกเพื่อนๆ อ้างไปเจอ มือขนาดใหญ่โผล่มาระหว่างเข้าไป ส่วนอีกรายอ้างเจอมือผีบีบศีรษะ
จากกรณีที่ข่าวสดเสนอข่าวเกี่ยวกับโรงพยาบาลเอกชนจัง หวัดระยอง มีชาวบ้านพบเห็นความเฮี้ยนตลอดเวลา ล่าสุดทีมงานรายการ "เรื่องจริงผ่านจอ"
นำอาจารย์ชื่อดังมาถ่ายภาพด้วยกล้องไฮเทค ปรากฏว่าพบพลังงานลึกลับถึง 11 จุดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 12 ก.ค.นายโก้ พลิ้ว ทีมงานรายการเดอะช็อก ที่ออกอากาศทางคลื่น ขส.ทบ.กรุงเทพเดินทาง
มาพิสูจน์ความเฮี้ยนอีกครั้งและรายงานสดออกอากาศขณะถ่ายทำด้วย
การเดินทางมาครั้งนี้ทีมงานได้นำคณะมาจำนวน 7 คน มีนายสุชาติ พฤษศานิตย์ เป็นผู้ดูแล คอยพาเข้าตามจุดต่าง ๆ จนครบทุกห้อง ซึ่งการมาทำรายการครั้งนี้ ทางผู้จัดทำรายการ คือนายต๋องสั่งทีมงานเดินทางมาถ่ายภาพทุกห้อง
แบบปูพรมเพื่อจะนำมาล้างและดูสิ่งที่พบว่ามีดวงวิญญาณติดมาหรือไม่

โดยทีมงานกล่าวว่าการเดินทาง มาถ่ายครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการถ่าย แบบปูพรมเพราะไม่เคยทำที่ไหนมาก่อนแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นต่อหน้าทีมงาน โดยมีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 5 คนได้หามเพื่อนและวิ่งออกมาจากประตูด้านหลัง
ก่อนที่จะวางลงกับพื้น และรีบให้เพื่อนอีกคนนำรถยนต์ที่มาขับออกไปส่ง ร.พ.ระยอง โดยมีน้ำลายฟูมปากและชักเป็นระยะๆ หลังจากได้มีการ
ปฐมพยาบาลและฟื้นขึ้นมายังมีอาการหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา และยกมือไหว้ท่วมหัวตะโกนว่ากลัวแล้วอย่าทำผมเลย โดยได้สอบถามเพื่อนๆที่มาด้วยกันทราบชื่อว่านาย ไก่ ไม่ยอมบอกนามสกุล ทำงานอยู่โรงงานแห่งหนึ่งในตัวเมือง จ.ระยอง

โดยเพื่อนๆ นายไก่เล่าว่าพวกตนเองมาพิสูจน์ผีหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เจอเสียที ครั้งนี้นายไก่ได้ชวนมาอีก และบอกว่าตนเองมีวิชาปราบผี
ให้ทุกคนทำตาม ก่อนที่จะเดินทางมาถึง พอเดินทางถึงนายไก่ ก็ได้ลงรถ
ซื้อเทียนจำนวน 9 เล่ม ธูป อีก 1 กำ และแลกเหรียญบาทอีกจำนวนหนึ่ง
พร้อมกับเตรียมด้ายสายสิญจน์มาหนึ่งขด ก่อนที่พวกตนเองทั้งหมดจะเข้าไปในห้องเก็บศพด้านหลัง ซึ่งมีต้นโพธิ์ นายไก่ได้ทำพิธีโรยสายสิญจน์เป็น
ทางยาวจากหน้าประตูเข้าไปได้บอกว่าจะให้ผีเดินตามเส้ นด้ายสายสิญจน์
หลังจากนั้นทุกคนก็หยุดนั่งล้อมวงกันที่ในห้องล้างศพ ทำการจุดเทียนจุดธูปและยกมือไหว้
เพื่อนๆ นายไก่เล่าต่อไปว่า เมื่อพร้อมแล้ว นายไก่ก็ลงมือสวดมนต์ แต่ยังไม่ทันถึงสิบคำ นายไก่ก็ร้องโอยออกมาอย่างแรง แล้วก็สลบไป

เมื่อหันไปดูก็เห็นมือคนขนาดใหญ่ทุกคนตกตะลึงพอตั้งสติได้ก็ช่วยกันนำร่างนายไก่ออกมา ปฐมพยาบาลที่โรงพยาบาลระยองจนอาการดีขึ้น แต่ก็ยังเพ้อไปต่างๆนานา พวกตนเองจะไม่เข้ามาอีกแล้วน่ากลัวมาก ไม่ลบหลู่อีกแล้ว
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวและทีมงานรายการเดอะช็อก ได้เข้าไปสำรวจจุดที่เกิดเหตุได้พบว่ามีสายสิญจน์โรย ยาวจากประตูทางเข้าด้านหลังไปจนถึงห้องดับพักจิต ปลายสายสิญจน์มีธูปที่จุดไฟแล้วตกอยู่กระจายและมีรอย เทียนหักเกลื่อนด้วย เชื่อว่าน่าจะเป็นจุดที่กลุ่มดังกล่าวเข้ามาลองของจน เจอดี
เวลาไล่เลี่ยกัน กลุ่มวัยรุ่นได้ช่วยกันหิ้ววัยรุ่นคนหนึ่งลงมาจากทาง หน้าโรงพยาบาลผีสิง โดยวัยรุ่นคนดังกล่าวร้องโอดโอยและเอามือกดหัวตัวเอง ไว้ และรีบไปส่งโรงพยาบาลระยอง เป็นรายที่สอง ซึ่งเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ก่อนที่เพื่อนจะโดนผีหลอกจนเสียสตินั้น พวกตนได้ใช้ไฟฉายส่องไปตามจุดต่างๆ ของตัวโรงพยาบาลร้าง เห็นแต่คนเต็มไปหมด

จึงคิดว่าอย่างนี้ไม่มีผีแน่ๆ เพราะมีแต่คนเดินมาเที่ยวแน่นขนัด จึงตะโกนออกไปว่าแน่จริงออกมาสิโว้ย ก่อนที่จะหยิบไฟฉายเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
พร้อมกัน 3 คน หลังจากเดินเข้าไปชั้น 3 ข้างหลังเพื่อนตนเองที่ช็อกนั้น ได้ยินเสียงเหมือนมีแผ่นฝ้าเพดานหล่นลงมาจึงหันไปดูเพื่อนตนเองก็ร้อง
ออกมาเสียงดังว่า โอ๊ย ช่วยด้วยมือใหญ่บีบหัว จากนั้นก็วิ่งเอามือกุมหัวไปอย่างเร็ว ต่อหน้าชาวบ้านที่เดินทางมาดูกันหลายร้อยคนทำเอาวิ่ง หนีกัน
แตกตื่นออกมาจากโรงพยาบาลอย่างอลหม่าน

ขณะเดียวกันทีมงาน รายการเดอะช็อกเจอดีอีก โดยขณะที่สายตาทุกคนของทีมงาน 7 คน กำลังจะเปิดห้องพักศพชั้นล่าง เพื่อถ่ายภาพ ทุกคนฉายไฟไปที่ลูกบิดกุญแจ ปรากฏว่ามีเสียงดังของลูกบิดคล้ายกับมีคนเปิดออกให้ ได้ยินอย่างแรงทีมงานทุกคนจึงวิ่งล้อมห้องดังกล่าวไว ้ เพื่อจะได้ดูว่ามีคนอยู่ข้างในหรือไม่ แต่เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นห้องทึบ ไม่มีคนอยู่ข้างในทำให้ขนหัวลุกไปตามๆกัน

ด้านนายประวิน ชุติมาวรพันธ์ อดีต ผอ.โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลผีสิงที่เป็นข่าวเกรียวกราวอยู่ขณะนี้บอกว่า ตนเองเป็นเจ้าของโรงพยาบาลดังกล่าว แต่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงิน จึงอยู่ต่อไปไม่ได้ ส่วนเรื่องผีที่ชาวบ้านร่ำลือกันนั้นตนเองขอยืนยันว่าเป็นความจริงเพราะสมัยที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการอยู่นั้นก็เฮี้ยนอยู่แล้ว

เคยมีนายแพทย์คนหนึ่ง เดินมาถามผมว่าวันนี้มีรายการอะไร เพราะเห็นแต่คนแต่งชุดไทยสไบเฉียงกันหมด แต่ก็ไม่ได้มีงานอะไร ส่วนเรื่องยาม
นั้นมีมาเล่าให้ตนเองฟัง ยามที่มาเฝ้าเจอกันทุกราย มีมือขนาดใหญ่ออกมาให้เห็นบ้าง มีเด็กร้องไห้บ้าง เห็นรถเข็นคนไข้เข็นเองบ้าง ผวาจนอยู่ไม่ได้ สำหรับตนเองนั้น ก็ยังมีกิจการบริเวณดังกล่าวอยู่ด้วย และขอยืนยันว่าไม่เคยคิดแม้แต่น้อยที่จะเก็บค่าเข้าดู เพราะตนเองรักคนระยองให้ชาวบ้านเข้าไปเที่ยว และศึกษาเพื่อหาความรู้เกี่ยวกับโรงพยาบาล แต่ขอร้องว่าอย่าไปท้าทาย ตนเองนั้นเจอกับตัวแล้ว อย่าไปลบหลู่เขา


ที่มา
http://www.facebook.com/pages/เรื่องเล่าชาวนาฏศิลป/167065519978222

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 23 พ.ค. 2554, 04:23:57 »
หกเรื่อง หกรส ขนลุก น่ากลัว 41; 41;
                                                     
อ่านไปอ่านมา คืนนี้ไม่ต้องไปเข้าห้องน้ำละครับ เริ่มวังเวง วิเวก แปลกๆ :075: :075:
 
ขอขอบคุณท่าน ทรงกลด ที่นำเรื่องผี-วิญญาณมาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
 
ติดตามอยู่ครับ อ่านแล้วเพลินดีมากๆครับ และ ได้ความกลัวแถมมาครับผม :016: :053: :015:
     
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณมากครับ) :054: :054:
 
   

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ โบตั๋นสีขาว

  • ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยวใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 146
  • เพศ: หญิง
  • จะสูงจะต่ำอยู่ที่เราทำตัวจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 23 พ.ค. 2554, 04:39:40 »
ขอบคุณมากคะ สำหรับเรื่อง ผี-วิญญาณ ปรกติชอบอ่านมากคะ แต่ออกมาหลอกแบบนี้เริ่มไม่ดีละคะ :090: :075: :090:
เคารพ กตัญญู บูชา หลวงพ่อเปิ่น ฐิตคุโณ ทั้งครอบครัวคะ

ออฟไลน์ sfrien16

  • ปฐมะ
  • *
  • กระทู้: 8
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: .::: แท็กซี่ผี :::.
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: 26 ส.ค. 2554, 11:39:43 »
ขอบคุณครับ เรื่องจริงๆได้ใจ
บริษัทบริการทัวร์เชียงรายท่องเที่ยวภาคเหนือ