ผู้เขียน หัวข้อ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี  (อ่าน 13441 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ กระเบนท้องน้ำ

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 275
  • เพศ: ชาย
  • การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
    • MSN Messenger - krabentongnam2511@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • บ้านกระเบนท้องน้ำ

         



เป็นนิทานริมกองไฟเรื่องหนึ่งของชาวป่าที่ชาวกรุงผู้ห่างไกลสัมผัสเพียงคำบอกเล่า ส่วนใหญ่พวกพรานไปนั่งห้างยิงสัตว์ตอนกลางคืน หรือเข้าป่าลึกถึงจะมีสิทธิ์เจอ เล่ากันว่าเป็นเสือแก่ที่กินคนมามากจนสามารถจำแลงร่างได้ พอเหยื่อเผลอก็ตะครุบกิน ส่วนการแปลงร่างก็ทำได้ไม่จำกัด เป็นชายก็มี เป็นหญิงก็มี และที่แนบเนียนกว่านี้ก็คือแปลงเป็นพระธุดงค์ เพราะคนจะไม่ระแวงเอาเลย


        เรื่องราวของเสือสมิงมีบันทึกเอาไว้ในพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อเสด็จประพาสต้นไปถึงจันทบุรี เป็นที่รู้กันว่าทรงโปรดที่จะเสด็จเยี่ยมเยียนราษฎรในหัวเมืองต่างๆ หลายจังหวัดด้วยกัน เพื่อจะได้ทรงเห็นทุกข์สุขของราษฎรได้ใกล้ชิดมากกว่าจะทรงรับรายงานจากทางราชการเพียงอย่างเดียว และอีกอย่างก็เป็นการแปรพระราชฐานเพื่อพระพลานามัยจะได้แข็งแรงสมบูรณ์ขึ้นด้วย



        เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ พระเจ้าอยู่หัวเสด็จเรือพระที่นั่งอรรคราชวรเดชลัดเลาะไปตามชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ ไปถึงจันทบุรี



        ตอนนั้นจันทบุรีเป็นป่าเสียมากกว่าเป็นเมืองและสวนผลไม้อย่างเดี๋ยวนี้ มีสัตว์ป่าชุกชุมทั้งช้าง ม้าป่า และเสือ โดยเฉพาะเสือถือว่ามีมากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าทางกรุงเทพต้องการเสือก็ต้องมาดักเอาที่นี่ เพราะเป็นสินค้าที่ต่างประเทศต้องการมาก เพราะเหตุนี้ เจ้าเมืองจันทบุรีนอกจากจะต้องดูแลราษฎรต่างพระเนตรพระกรรณแล้วยังมีหน้าที่คล้ายๆ รพินทร์ ไพรวัลย์ คือต้องคอยปราบเสือไม่ให้มารังควานชาวบ้านอีกด้วย



        ใน พ.ศ. ๒๔๑๙ เสือที่จันทบุรีอุกอาจมาก บุกเข้าไปในบ้านคนแล้วคาบคนในบ้านไปกินเสียดื้อๆ ขนาดในเมืองมันก็ยังไม่กลัว กล่าวกันว่าเป็นเสือแก่ที่ไม่ว่องไวพอจะวิ่งไล่จับสัตว์อื่นๆได้ ก็เลยเข้าบ้านมาจับคนกินแทนเพราะง่ายกว่า ทำเอาชาวเมืองจันท์ระส่ำระสายเสียขวัญกันไปทั้งเมืองแทบไม่เป็นอันทำมาหากิน



        พระยาจันทบุรีเห็นเสือชักจะกำแหงก่อกวนคนมากเกินไปเสียแล้ว ก็ตัดสินใจเปิดศึกขั้นเด็ดขาดด้วยการประชุมพรานมือดีมาหลายคน แจกปืนให้ แยกย้ายกันออกไปล่าเสือ คนไหนไม่มีปืนก็ทำจั่นดัก ล่ากันเอาจริงเอาจังฆ่าเสือตายไปมาก ที่เหลือก็เตลิดหนีเข้าป่าลึก ทำให้ชาวบ้านหายขวัญเสียกลับมาทำมาหากินอย่างสงบได้อีกครั้ง



        เรื่องเสือจริงสงบลงไม่ทันไร ชาวบ้านก็เริ่มขวัญเสียกันใหม่เพราะมีข่าวเล่าลือเรื่องเสือสมิง ประจวบกับเวลาที่พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปพอดี ในพระราชนิพนธ์ ทรงบันทึกไว้ว่า





"...ราษฎรชาวเมืองเชื่อถือกลัวเสือสมิงกันมาก เล่ากันว่าที่เมืองเขมรมีอาจารย์ทำน้ำมันเสือสมิงได้ ศิษย์ได้ลักน้ำมันนั้นทาตัวเข้า กลายเป็นเสือสมิงไปถึง ๓ คน พลัดเข้ามาในแขวงเมืองจันทบุรี ตัวหนึ่งเป็นเสือดุร้าย เที่ยวขบกัดคนตายที่พลิ้ว ๒ คน ที่ปากจั่น ๑ คน ที่ป่าสีเซ็น ๒ คน รวม ๕ คน อาจารย์เที่ยวตาม ได้บอกชาวบ้านว่าศิษย์สามคนลักน้ำมันเสือสมิงทาตัวเข้า กลายเป็นเสือไปทั้งสามคน บิดามารดาของศิษย์นั้นเขาจะเอาลูกของเขา จึงมาเที่ยวตามหา แล้วสั่งไว้ว่าใครพบปะเสือนี้แล้วให้เอาไม้คานตี ฤๅมิฉะนั้นให้เอากะลาครอบรอยเท้าเสือนั้น ก็จะกลับเป็นคนได้ แต่วิธีจะแก้นี้ทำได้ก็แต่เมื่อเสือนั้นยังไม่ทันกินคน รังควานทันเสียแล้ว ถึงจะทำวิธีที่บอกก็ไม่อาจกลับเป็นคนได้"


อ่านแล้วก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวงกัน เพราะดูๆแล้วอาจารย์คนนี้คิดน้ำมันทาตัวคนให้เป็นเสือขึ้นมาเพื่อประโยชน์อะไรก็ยังแปลกๆอยู่ แล้วเสือลูกศิษย์ทำไมวิ่งถึงข้ามชายแดนมาไกลขนาดนี้แทนที่จะอยู่ถิ่นเดิมในเขมร อีกอย่าง ในเมื่อตอนนี้เสือกินคนเสียแล้วกลับคืนร่างเดิมไม่ได้ อาจารย์จะทำอย่างไรก็ยังไม่มีคำตอบ พระเจ้าอยู่หัวท่านก็คงจะไม่ทรงเชื่อข่าวลือนี้เท่าไร เพราะทรงบันทึกต่อไปว่า



"...เหมือนเมื่อครั้งก่อนเรามาสัตหีบครั้งหนึ่ง น้ำจืดในเรือหมด ต้องเกณฑ์ให้ทหารขึ้นไปตักน้ำที่หนองบนบกไกลฝั่งประมาณ ๓ เส้น พวกชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีเสือสมิงมาเที่ยวอยู่ พระสงฆ์ผู้เป็นอาจารย์มาติดตามเวลากลางคืน แล้วก็ไปนั่งอยู่ที่ใต้ต้นตาลริมหนองน้ำนั้น คอยจะแก้ศิษย์ซึ่งกลับเป็นคน ในเวลานั้นก็ยังอยู่ พวกทหารพากันกลัว กลับมาเล่าจนเรารู้ เราอยากจะให้ไปตามตัวลงมาให้เห็นหน้าอาจารย์สักหน่อยหนึ่ง ก็เป็นเวลาดึกเสียแล้ว ครั้นเวลาเช้าก็ไปเสียจากสัตหีบ ท่านขรัวอาจารย์นั้นป่านนี้เสือมันจะเอาไปกินเสียแล้วฤๅอย่างไรก็ไม่รู้ "

 

 

เสือสมิงที่สำแดงร่างเป็นพระธุดงค์ได้นี้ เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วก็ยังเคยได้ยิน เป็นคำบอกเล่าของพระธุดงค์รูปหนึ่ง ว่าได้ธุดงค์ผ่านไปถึงสำนักสงฆ์ที่มีลักษณะวิเวกเปลี่ยวร้าง ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา

ครั้งแรกเห็นไกล ๆ นึกว่าไม่มีพระจำพรรษาอยู่เลย แต่ปรากฏว่า พอเข้าไปถึงจริง ๆ กลับมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่รูปหนึ่ง มีหน้าตาดุน่ากลัว อย่างที่เรียกว่าดุอย่างเสือ ! พูดจาด้วยสำเนียงฟังดูแปร่งหู ภายในสำนักสงฆ์วางข้าวของอัฐบริขารดูรกรุงรังไม่เป็นระเบียบ

พระหน้าดุรูปนั้นชวนให้พระธุดงค์จำวัดอยู่ด้วยกันในสำนักสงฆ์ โดยอ้างว่าแถวนี้เสือดุ แต่พระธุดงค์ปฏิเสธ บอกแต่ว่าตั้งใจจะขึ้นมาขออนุญาตปักกลดภาวนาอยู่ที่ลานกว้างด้านหน้า ถัดออกไปสักประมาณ 100 เมตร หลังจากพูดคุยกันอีกคำสองคำก็ลากลับ

พระธุดงค์เคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องพระกลายเป็นเสือสมิง โดยอธิบายไว้ว่า เสือบางตัว หรือคนที่เคยเล่นคุณไสยอย่างหนักจนกลายเป็นเสือบางคน บางครั้งชอบอวดวิชาด้วยการจองเวรขบกัดแต่พระธุดงค์ จนในที่สุด สามารถกลายร่างเป็นพระธุดงค์ได้ ! โดยใช้อาคมแก่กล้าของตน

แต่พระธุดงค์รูปที่กำลังเล่าถึงอยู่นี้ก็มีวิชาไม่เบา ท่านมีควายธนูทำด้วยไม้ไผ่ติดมาในย่าม เย็นนั้น พอปักกลดเสร็จ ก็โอมอ่านคาถาปลุกควายธนูของตน แล้ววางขวางไว้หน้ากลด อธิษฐานว่า 'ใครมุ่งร้ายจึงให้ราวี'

คืนนั้นได้เรื่อง ขณะที่พระธุดงค์นั่งภาวนาอยู่ในกลด ได้ยินเสียงควายธนูหายใจฝืดฝาด เดินวนเวียนรอบกลด สักพักได้กลิ่นสาบเสือโชยมาอย่างแรง จากนั้นฟังคล้ายควายธนูของท่านตะกุยดินทะยานไปข้างหน้า สู้กับอะไรบางอย่างอยู่ในที่มืด นานสัก 10 นาทีก็เงียบสนิท

ตอนเช้าท่านจึงออกจากกลดมาเก็บควายธนู ซึ่งก็ได้กลับมายืนนิ่งอยู่หน้ากลดเป็นที่เรียบร้อย ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร รอบบริเวณมีร่องรอยดินและหญ้าถูกตะกุยเหมือนสัตว์ใหญ่สองตัวสู้กัน

เมื่อพระธุดงค์ขึ้นไปบนสำนักสงฆ์เพื่อจะลาเดินทางต่อ ก็พบพระหน้าดุรูปนั้น นอนบอบอยู่บนเสื่อ ท่าทางอิดโรยเหมือนไม่ได้นอน จีวรบางแห่งมีรอยขาด แต่ยังแข็งใจพยุงตัวเองขึ้นเอ่ยปากชวนให้พระธุดงค์อยู่ต่ออีกคืน แต่พระธุดงค์ปฏิเสธ จากนั้นจึงอำลาเพื่อธุดงค์ไปยังที่แห่งอื่นต่อไป


ตำนานเสือสมิง

เป็นตำนานที่กล่าวขานกันมาแต่นมนาน ถึงความน่ากลัวของศาสตร์อาถรรพ์ ที่มีปรากฏเกิดขึ้นว่า เสือที่ดุร้ายและมักชอบจับคนกินเป็นอาหาร เมื่อกินคนมากเข้าวิญญาณคนที่เสือกินเข้าไปนั้น ก็อยู่สิงสู่ในกายเสือ ทำให้เสือตัวนั้นมีความเป็นอาถรรพ์ ที่สามารถจำแลงแปลงกายบิดเบือนตนเสือให้กลายเป็นใครต่อใครก็ได้ เพื่อเที่ยวหลอกล่อคนที่เป็นเหยื่อให้หลงกล ทำให้จับกินได้ง่ายขึ้น ครั้นยิ่งกินคนมากขึ้น วิญญาณก็ยิ่งสิงสู่ในตัวเสือมากเข้าเท่าใด เสือตัวนั้นก็ยิ่งมีฤทธิ์มีอำนาจมากขึ้นเป็นทวีคูณ

ซึ่งเรื่องความเป็นมาของเสือมิใช่มีแต่เสือมันกินคนแล้วมันจะกลายเป็นเสือสมิงได้เท่านั้น มีอีกอย่างที่ทำให้เกิดความเป็นเสือสมิง คือ พวกที่เรียนวิชาเสือ คือการเรียกเอาวิญญาณเสือนั้นมาเข้าสิงในตน ผนวกกับคนผู้นั้นร่ำเรียนอาคมในทางเดรัจฉานวิชาด้วย เมื่อนานเข้า เกิดการรวมตัวในทั้งสองเรื่องที่กล่าว คือ ทั้งวิชาเรียกเสือ และอาคม ทำให้คนผู้นั้นกลายเป็นเสือสมิง ครั้นเสือตนนี้ได้ไปกินคนเข้า ก็กลายเป็นเสือสมิงโดยสมบูรณ์ มีเรื่องเล่าขานและค่อนข้างดังมาก เมื่อประมาณ 30 กว่าปีที่แล้ว และดูเหมือนว่า กลายเป็นข่าวลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของประเทศ ว่า

มีชาวบ้านทางภาคเหนือได้รับความเดือดร้อนที่ว่า มีเสือตัวใหญ่เข้าไปทำร้ายคนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งนั้น เป็นที่หวาดกลัวแก่ชาวบ้านมาก จึงได้ไปขอความคุ้มครองจากทหารหน่วย ตชด. เพื่อเข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในหมู่บ้าน ฝ่ายทหารหน่วย ตชด. จึงส่งกำลังเข้าไปคุ้มครองและได้ล่าเสือตัวนั่นไปในตัว

กลางดึกคืนหนึ่งนั้นฝ่าย ตชด. ได้จัดกำลังตรวจตราหน่วยหนึ่ง และส่วนที่เหลือก็เข้าที่พัก บนศาลาที่จัดกันไว้ เป็นที่พักผ่อนนอนหลับ และในตอนดึกคืนนั้น ศาลาที่หน่วย ตชด. พัก เกิดสั้นไหวโยกเอน เมื่อทหารที่นอนตื่นกันลุกขึ้นมาดู กลับเห็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ พิงสีตัวอยู่ที่โคนเสาศาลา ทหารกำลังหน่วยนั้นได้ยิงใส่เสือโคร่งใหญ่นั้น ทำให้เสือตัวนั้น บาดเจ็บและหายไปในความมืดนั้น ครั้นรุ่งเช้า หน่วยทหารจึงทำการติดตามแกะรอยเลือดเสือตนนั้นไป จากการติดตามรอยเลือดนั้นผลปรากฏว่า รอยเลือดนั้นไปสิ้นสุดที่หลุม เนินดินแห่งหนึ่ง แล้วไม่ปรากฏรอยเลือดนั้น ไปทางไหนอีก ทหารที่ติดตามนั้นเห็นเนินดินแล้วจึงตัดสินใจในความสงสัยกันบางอย่าง จึงขุดหลุมเปิดเนินดินนั้น เมื่อขุดไปลึกพอประมาณ ก็ต้องอึ้งกันไปทั้งหมด เพราะสิ่งที่เห็นในหลุมนั้นปรากฏว่า เป็นศพผู้ชายคนหนึ่งแต่ตัวท่อนล่างนั้นเป็นสภาพของเสื่อลายพาดกลอน ดูเหมือนว่า เป็นการกลายร่างจากเสือเป็นคนที่ยังไม่สมบูรณ์นั้นเอง จากการถามที่มาของศพชายผู้นี้ ได้ความว่า เป็นคนในหมู่บ้านย่านนั้น และสาเหตุที่ตายเพราะผิดผี จึงตาย

ประเด็นน่าสนใจอยู่ที่ว่า ชายผู้นี้ผิดผีอะไร อย่างไร ซึ่งหนังสือนั้นมิได้กล่าวถึง จึงยากต่อการวิเคราะห์ได้

ในช่วงสมัยนั้นก็มีวิชาที่คล้ายกันอีกอย่างหนึ่ง คือวิชาแปลงร่างเป็นจระเข้ ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าสนใจก็ลองค้นในประวัติและเรื่องราวของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า  ดูก็จะเห็นความใกล้เคียงในเรื่องความเป็นไป

เรื่องของวิชาแปลงร่างนี้ ก็มีปรากฏในเรื่องขอกสินดิน แต่โดยเฉพาะวิชาเสือสมิง และวิชาจระเข้แปลงรูปนี้ ได้สาบสูญไปแล้ว เพราะที่จริงวิชาอย่างนี้ที่สุดแล้วให้โทษมากกว่าให้คุณครับ

ปัจจุบันคณาจารย์ หรือผู้เรียนอาคม มักนิยมปลุกเรียกเสือ ลงเครื่องรางและลงอักขระยันต์มากกว่า เรียกลงคน
 
 
 
 


ขอขอบพระคุณที่มาจาก... http://www.vcharkarn.com/varticle/239

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: 03 ส.ค. 2554, 09:01:14 »
เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี 36; 36;
                                           
ขอบคุณท่าน กระเบนท้องน้ำ ที่นำบทความดีๆ มาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ :053: :053:
                                                                                                                                               
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน ขอบคุณมากครับ) :033: :033:

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: 03 ส.ค. 2554, 06:29:22 »
คาถาพญาเสือโคร่ง

 "พยัคโฆ พยัคฆสัญญา ลัพพะติ อิติหิหัมหึม"



คาถาพญาเสือมหาอำนาจ
ตั้งนะโม ๓ จบ

"ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือ พญาพยัคโฆ
สัตถาอาหะ พยัคโฆ จะ วิริยะ อิมังคาถามะหะ อิติ
ฮ่ำ ฮึ่ม ฮึ่ม"

*** เคล็ดลับในการภาวนาพระคาถา ให้ภาวนา

ตั้งแต่ "ตะมัตถัง มาจนถึง อิมังคาถามะหะ" ให้กลั้นลมหายใจภาวนาให้มั่น ทำจิตให้ดุเหมือนเสือ
แล้วจึงย้ำว่า "อิติ ฮ่ำ ฮึ่ม ฮึ่ม" จึงผ่อนลมหายใจ

ควายธนู

       ควายธนู เป็นเครื่องรางตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ สะท้อนให้เห็นระบบความเชื่อทางไสยศาสตร์ของสังคมเกษตรกรรม อันมีความผูกพันกับวัฒนธรรมข้าว ซึ่งเลี้ยงวัวควายไว้ใช้งานในด้านการเกษตร วิชาเหล่านี้เป็นการทำหุ่นพยนต์รูปแบบหนึ่ง หุ่นพยนต์สามารถทำได้ทั้งรูปคนและสัตว์ ที่นิยมมีทั้งวัวธนูและควายธนู สามารถสร้างได้หลายวิธี เช่น สานจากไม้ไผ่ ปั้นด้วยดินผสมมวลสาร ปั้นจากขี้ผึ้ง ไปจนถึงหล่อขึ้นด้วยโลหะอาถรรพ์ เช่น ตะปูโลงศพเจ็ดป่าช้า ,เหล็กขนันผีพราย ,เหล็กยอดเจดีย์ เป็นต้น เอามาหลอมรวมกันหล่อเป็นรูปควาย

       บางสำนักใช้โครงเป็นไม้ไผ่แล้วพอกด้วยครั่งที่ได้จากต้นพุททรา เมื่อทำสำเร็จแล้วต้องปลุกเสกตามพิธีกรรม แล้วเลี้ยงไว้ให้ดี ต้องหาหญ้าและน้ำเลี้ยงเสมอ เชื่อว่าสามารถใช้ให้เฝ้าบ้านหรือไร่นา ใช้งานได้ตามความประสงค์ ทั้งป้องกันภูตผีและโจรผู้ร้าย และสามารถสั่งให้ไปสังหารคู่อริได้อีกด้วย มี

คาถาใช้เสกเมื่อทำควายธนูว่า

โอมปู่เจ้าสมิงไพร ปู่เจ้ากำแหงให้กูมาทำควาย เชิญพระอีศวรมาเป็นตาซ้าย เชิญพระอาทิตย์มาเป็นตาขวา เชิญพระนารายณ์มาเป็นเขา เชิญพระอินทร์เจ้าเข้ามาเป็นหาง เชิญพระพุทธคีเนตร์ พระพุทธคีนายมาเป็นสีข้างทั้งสอง เชิญพระจัตตุโลกบาลทั้งสี่มาเป็นสี่เท้า เชิญฝูงผีทั้งหลายเข้ามาเป็นไส้พุง นะมะสะตีติ


ที่มา
http://men.mthai.com/content/952
ที่มารูปภาพ http://jackkydorson.igetweb.com/index.php?mo=3&art=245827
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03 ส.ค. 2554, 06:44:03 โดย ทรงกลด »
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว....ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา...สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา...กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ออฟไลน์ ทรงกลด

  • ผู้อาวุโส
  • *****
  • กระทู้: 2199
  • เพศ: ชาย
  • ศิษย์หลวงโด่ง.....
    • ดูรายละเอียด
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: 03 ส.ค. 2554, 10:58:56 »
วันที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6854 ข่าวสดรายวัน


เสือกินคน

ขนหัวลุก
ใบหนาด

"มัธยันต์" เล่าเรื่องขนหัวลุกของต้นเหตุของเสือสมิง

ที่เชื่อกันว่าเสือชอบกินเนื้อมนุษย์นั้น ความจริงอาจจะเป็นเพราะล่ามนุษย์ที่เผลอได้ง่ายกว่าเหยื่อชนิดอื่นๆ ยิ่งเป็นผู้หญิงหรือเด็กที่เข้าป่าไปหาผักหญ้า หาหน่อไม้ หรือไม่ก็ไปตักน้ำ อาบน้ำอยู่คนเดียว ก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้าป่าที่จะกระโจนโฮกเข้าใส่ คนเคราะห์ร้ายอาจไม่ทันได้ร้องสักคำ หรือไม่ก็ตกใจตายไปเรียบร้อย

หนักเข้าก็ใจกล้า ถึงกับเข้ามารอเหยื่อในซุ้มไม้ใกล้ๆ บ้าน สบโอกาสเป็นโดดแผล็วเข้าขย้ำ แล้วลากเหยื่อไปสวาปามสำราญใจ เป็นสาเหตุของการกำเนิด "เสือสมิง" ขึ้นมา! นั่นคือที่กินคนเข้าไปหลายๆ คน วิญญาณผู้ตายก็จะสิงสู่อยู่ในร่างของเสือตัวนั้น กระทั่งบารมีแก่กล้าขึ้นมาเรื่อยๆ ก็อาจจะแปลงร่างเป็นคน...อยากเป็นผู้หญิงผู้ชายก็สบายมาก

ก็เพราะความเฉลียวฉลาดกว่าน่ะซีครับ ถึงได้สิงสู่เสือจนกลายเป็นเสือสมิง...แต่ถึงยังไงก็เป็นผี! แล้วผีก็รู้จักหิวโหย อยากกินเครื่องเซ่นเครื่องสังเวย เหมือนมนุษย์ที่ชอบกินส่วยนั่นแหละน่า จนกระทั่งมีพลังแรงกล้า ปรากฏร่างเป็นมนุษย์โดยกำบังร่างเสือเอาไว้มิดชิด

พูดก็พูดเถอะครับ พรานป่าหรือชาวบ้านรุ่นเก่าๆ หลายคน ยืนยันมั่งคงว่าเสือสมิงที่มีพลังแข็งกล้าจริงๆ ต้องการจะจำแลงแปลงร่างกายแบบไหน? ยังไง? เป็นเด็ก เป็นคนแก่ เป็นสาวเซ็กซี่ขี้เล่นขนาดน้องหยาด น้องชมพู่ น้องอั้ม...ก็ทำได้สบายสาวสมิง เอ๊ย! เสือสมิงอยู่แล้ว

ยิ่งกินคนมากยิ่งแปลงตัวได้มาก! หนักเข้าก็มีอิทธิฤทธิ์เหลือหลาย แทบจะมุดน้ำดำพสุธาได้ตามใจชอบซะด้วยซ้ำ

หรือจะลองนึกถึงเรื่องราวคล้ายๆ กันที่พวกฝรั่งอั้งม้อเชื่อถือ ก็คือ "จิ้งจอกปีศาจ" เอามาแต่งเป็นนิยายก็ขายดี เคยสร้างเป็นหนังใหญ่เรื่อง "แวร์ วูฟล์ อิน ลอนดอน" สาเหตุเพราะชาวอังกฤษในชนบทเชื่อถือเรื่องราวประเภทนี้กันมากหน้า

ปรากฏว่าได้รับความสำเร็จ เพราะเทคนิคถ่ายทำให้เห็นคนค่อยๆ กลายเป็นหมาป่าได้สมจริงสมจัง...ดูแล้วน่าขนหัวลุกพิลึก

ฮอลลีวู้ดจับเส้นถูก จัดการต่อเติมให้หมาป่าเข้ามาอาละวาดในเมืองหลวงซะเลยต่อมาก็มีการสร้างต่อภาค 2 กับเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับจิ้งจอกปีศาจ เหมือนกับเสือสมิงเกือบทุกอย่าง ยกเว้นแต่คนที่ถูกหมาผีกัดแต่ไม่ถึงตายคาที่เหมือนเหยื่อเสือสมิง ตกกลางคืนเมื่อพระจันทร์เต็มดวง ร่างกายจะทุรนทุราย เล็บยาว หน้ายื่น ขนงอก เขี้ยวเริ่มยาวโง้ง เนื้อตัวเปลี่ยนเป็นหมาจิ้งจอกเต็มรูปแบบ แล้วกระโจนแผล็วออกไปหาเหยื่อ ไม่ว่าในป่าดงหรือหมู่บ้าน

ดูดดื่มเลือดอิ่มหนำแล้วก็เผ่นกลับที่พัก...กลายเป็นมนุษย์ธรรมดาตามเดิม!

ในหนังกับหนังสือบอกตรงกันว่า วิธีกำจัดจิ้งจอกปีศาจนี่มีอยู่ทางเดียว คือจะต้องยิงด้วยกระสุนเงินถึงจะเดดซะมอเร่ อาวุธอื่นๆ น่ะไม่ได้กินหรอก จะบอกให้

...ย้อนกลับมาคุยกันต่อถึงเรื่องเสือกินคนจนถูกวิญญาณเข้าสิง มีฤทธิ์เดชเดชาขนาดแปลงตัวหลอกเหยื่อให้ตายใจ เดินต้อยๆ มาให้ขย้ำคอหอยซะดีๆ ทำไมเรียกว่าเสือสมิง?

นั่นน่ะซี ทีพวกสัตว์ชนิดอื่นๆ ยังเรียกว่า งูผี, ค้างคาวผี หรือแม้แต่แมวผี, หนูผี...แล้วเสือกินคนที่โดนผีสิงนับไม่ถ้วน ดุร้ายกว่าสัตว์ผีชนิดอื่นๆ ตั้งพะเรอ ทำไมไม่เรียก "เสือผี"

เรื่องนี้ ท่านผู้รู้เรื่องสัตวศาสตร์และปีศาจวิทยา ท่านอธิบายว่าเสือนั้นไม่ใช่สัตว์กระจอกงอกง่อย แต่อยู่ในระดับเจ้าป่าโน่น ขนาดนายพรานผูกหมาผูกวัวเอาไว้เป็นเหยื่อล่อ พอเจ้าป่าเยื้องย่างเข้ามาแต่ไกล แค่ได้กลิ่นเท่านั้นยังร้องโหยหวนด้วยความหวาดกลัวแทบจะเป็นบ้า

ยิ่งใกล้เข้ามาถึงกับดิ้นรนตูมตามแทบเชือกขาด เพื่อจะหนีความตายขนาดขี้เยี่ยวแตกไปเลย...จะเรียกว่า "เสือผี" ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติกันเท่าที่ควร

คำว่า "เสือสมิง" จึงเหมาะเจาะที่สุด ในการเรียกพญาแห่งสัตว์ที่แปลงเป็นคนได้

ส่วนนักภาษาศาสตร์ก็มีความเห็นไปอีกอย่าง ฟังแล้วก็เข้าเค้าอยู่เหมือน คือท่านอธิบายว่า...เสือถูกผีสิง เอาเสือกับสิงมาสนธิกันเข้าก็จะได้คำว่า "สมิง" ในความหมายองอาจแกล้วกล้า ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น

ก่อนนั้นนิยมเรียกว่า "สมิง" สั้นๆ แต่ต่อมามีคนใช้สมิงกันเกร่อ ไอ้นั่นก็สมิง ไอ้นี่ก็สมิง ดูดาษดื่นนัก...พิจารณาแล้วเห็นว่าจะกลายเป็นคำเฝือแน่แท้ จึงเรียกขานให้เต็มยศว่า "เสือสมิง" คนรุ่นหลังจะได้เข้าใจแจ่มแจ้ง ว่าระบุถึงเสือกินคนจนแปลงร่างได้ ไม่เป็นที่คลุมเครืออีกสืบไป!

ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEwTURrMU1nPT0=

ออฟไลน์ Lokness

  • ปัญจมะ
  • *****
  • กระทู้: 46
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: 08 ก.ย. 2554, 03:09:42 »
ขอโทษนะครับเรื่องที่จะบอกต่อไปนี้เป็นความฝันครับ แต่ก็สักพักแล้ว ผมฝันว่ามีคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ มาสอนให้แปลงกายเป็นจระเข้ ว่าคาถาได้ยินด้วยแล้วแปลงต่อหน้าเลยในฝัน แต่ตัวผมเองจําคาถาไม่ได้ แต่ที่รู้คล้ายๆภาษา เขมร ครับ

ผมเลยตีความหมายไม่ถูก รบกวนผู้ที่ตีความหมายได้บอกทีจร้า  :075:

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: 09 ก.ย. 2554, 09:20:54 »
ไปบนอะไรไว้แล้วไม่ได้ไปแก้บนหรือเปล่าครับ
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา

ออฟไลน์ audytukzy5dragon

  • ตติยะ
  • ***
  • กระทู้: 87
  • เพศ: ชาย
  • เคารพครู ดีต่อเพื่อน รักครอบครัว เจริญแน่นอน
    • MSN Messenger - audytukzy5dragon@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: 09 ก.ย. 2554, 11:49:28 »
ขอโทษนะครับเรื่องที่จะบอกต่อไปนี้เป็นความฝันครับ แต่ก็สักพักแล้ว ผมฝันว่ามีคนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ มาสอนให้แปลงกายเป็นจระเข้ ว่าคาถาได้ยินด้วยแล้วแปลงต่อหน้าเลยในฝัน แต่ตัวผมเองจําคาถาไม่ได้ แต่ที่รู้คล้ายๆภาษา เขมร ครับ

ผมเลยตีความหมายไม่ถูก รบกวนผู้ที่ตีความหมายได้บอกทีจร้า  :075:

 ฝันว่าเห็น จระเข้  แสดงว่า ท่านไปบนบาน แล้วยังไม่ได้ไปแก้หรือเปล่าครับ

 ส่วนมาก คนไหนที่ลืมแก้บน บนกับ พระพรหม หรือ เทพต่างๆ ถ้ายังไม่ไปแก้

 จะฝันเห็น จระเข้ และ ช้าง ครับ


 ขอขอบคุณ ท่าน กระเบนท้องน้ำ และ ท่านทรงกลด ที่นำบทความดีๆมาให้อ่านครับผม
  :015:
เคารพครู ดีต่อเพื่อน รักครอบครัว เจริญแน่นอน

ออฟไลน์ peachsama

  • คณินวัฒน์ สิทธิสงคราม พุ่มทิพย์ร่วมสาธุครับ
  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 1513
  • เพศ: ชาย
  • อำนาจ วาสนา บารมีดี เพราะมีแรงครู รายอกะจิ วันทามิ
    • MSN Messenger - peachsama@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • http://peachsama.hi5.com
    • อีเมล
ตอบ: เสือสมิงในประพาสต้นจันทบุรี
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: 11 ก.ย. 2554, 11:06:34 »
บางสายใช้พยัฆโฆจะ / บางพระใช้  "กุรุสุกุ  ท่องไปเรื่อยๆครับ หลับตา นึกถึงเสือแยกเขี้ยวคำราม แล้วลืมตามองไปอีกที ก็ป่าราบครับ"

ครูรักษาครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 ก.ย. 2554, 11:07:04 โดย peachsama »
ตั้งกระทู้ไม่ได้ครับ
วัดถ้ำเมืองนะ
www.watthummuangna.com/seamsee
ศาสนสุภาษิต "สรรพทานัง ธรรมทานัง  ชินาติ"
ศิษย์บางพระ:บูรพาจารย์หลวงพ่อเปิ่น ฐิตะคุโณเป็นธงชัย
นำไปสู่สำเร็