ผู้เขียน หัวข้อ: ประสบการณ์ลี้ลับ…ภาค3…รวมธาตุกายสิทธิ์…ที่วัดพระแก้วมรกต  (อ่าน 10051 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ กระเบนท้องน้ำ

  • สัตตมะ
  • **
  • กระทู้: 275
  • เพศ: ชาย
  • การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
    • MSN Messenger - krabentongnam2511@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • บ้านกระเบนท้องน้ำ
ประสบการณ์ลี้ลับ…ภาค3…รวมธาตุกายสิทธิ์…ที่วัดพระแก้วมรกต

หลังจากที่พวกเราหมู่คณะได้แยกย้ายเดินทางกลับบ้าน ในวันที่ 14 สิงหาคม 2554
นั้น พอรุ่งขึ้นในวันที่ 15 สิงหาคม 2554 เวลาประมาณ 5 โมงเย็นกว่าๆ ก็เกิดเหตุ
การณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น….นั่นก็คือปังปอนลูกชายท่านอาจารย์ชาคนโตได้ยินเสียง
เหมือนคนพูดกระซิบ…ที่ข้างหู…ว่ามีของดีตามมาแล้ว ให้ไปหาในกระเป๋า…

ปังปอนก็ได้บอกเรื่องที่ได้ยินเสียงนี้…กับท่านอาจารย์ชาและมุกแม่ของปังปอนและ
ได้ไปหาในกระเป๋าเดินทางของตัวเองเป็นการใหญ่ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ

ท่านอาจารย์ชา ก็เลยลองดูที่ กระเป๋าหนังใส่โทรศัพท์มือถือ ที่แน็บอยู่ข้างเอวบ้าง
พอรูดซิบออกดู เห็นสิ่งผิดปกตินั่นก็คือ พบหินก้อนนึง มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือได้
มาอยู่ในกระเป๋า ท่านอาจารย์ชา ก็ได้หยิบขึ้นมาดูและได้ส่งให้มุกดู ให้ลูกชายดู
และให้ญาติๆ ที่เห็นเหตุการณ์ดูกันประมาณ 3-4 คน

ต่อมา สักพักนึงก็ได้ส่งหินก้อนนั้น……
กลับมาที่มือท่านอาจารย์ชา หินก้อนนั้นก็กลิ้งขลุกขลิกๆ อยู่บนมือ สักพักนึงก็กลับ
กลายเป็นลูกแก้ว มีสีเหลืองสดใส และบนท้องฟ้าก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น ทั่วทั้งอำเภอ
ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช คล้ายๆกับพระอาทิตย์ทรงกลดหรือรุ้งกินน้ำ ซึ่งเวลาก็
จะใกล้ค่ำแล้ว กินเวลาที่เกิดสิ่งมหัศจรรย์นี้ เกือบจะหนึ่งชั่วโมง ผู้คนทั้งอำเภอทุ่งสง
ต่างหยุดถ่ายรูปบนท้องฟ้าและต่างพากันสงสัยว่าเกิดปรากฏการณ์อะไรขึ้น


ภาพลูกแก้วสีเหลืองขนาดเล็กของท่านอาจารย์ชา







ภาพลำแสงประหลาดที่เกิดขึ้นทั่วทั้งอำเภอทุ่งสง หลังจากที่หินได้กลายเป็นลูกแก้ว


หลังจากนั้นท่านอาจารย์ชาก็ได้โทรศัพท์ไปเล่าเรื่อง…ให้พี่ต๋อยฟัง เมื่อ…ได้ฟังแล้วพี่
ต๋อยก็พูดเล่นๆว่าถ้าของอาจารย์มาแล้ว สีเหลือง ของผมก็มีโอกาสมาเหมือนกัน ของ
ผมน่าจะเป็นสีเขียว ท่านอาจารย์ชา ตอบว่าสีเขียวคงจะยาก เพราะว่าสีเขียวนี่แหละ
ที่ทำให้พวกหมอที่มีวิชาอาคม กระโดดรูตายในถ้ำคนธรรพ์มาแล้ว

หลังจากนั้นต่อมา เช้าวันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม 2554 ท่านอาจารย์ชาและมุกได้เดินทาง
ถึงกรุงเทพมหานคร

บ่ายวันนั้นเองพี่ต๋อยและพี่นวล ได้มารับท่านอาจารย์ชาไปที่บ้าน เพื่อที่จะให้ท่าน…ดู
เรื่องการต่อเติมปรับปรุงบ้านใหม่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยข้าพเจ้าผู้เขียนก็ได้ติดตามไป
ที่บ้านของพี่ต๋อยซึ่งเป็นพี่ชายของข้าพเจ้า…ในครั้งนี้ด้วย

เมื่อไปถึงบ้านพี่ต๋อยได้เห็นบ้านสองชั้นที่ทาสีใหม่ทั้งหลัง สีนั้นคือสีเขียว ชั้นบนเขียวโทน
อ่อน ชั้นล่างเขียวโทนเข้ม รถเก๋งบีเอ็ม ซีรีย์ 7 ที่จอดอยู่ของพี่ต๋อยก็สีเขียว
เมื่อเข้าสู่ตัวบ้าน ท่านอาจารย์ชา ก็มานั่งที่โต๊ะอาหาร นั่งคุยกันถึงเรื่องของที่จะไหว้
เพื่อขมาและบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเจ้าบ้านเจ้าเรือนของเรา
เพราะเมื่อใดที่เราต่อเติมบ้าน จะต้องบอกกล่าวเจ้าบ้านเจ้าเรือนทุกครั้ง
ส่วนเจ้าที่ ไม่เป็นไร

ต่อมา พี่นวลเห็นแสงสีขาวแว็บๆ มาจากห้องพระ แสงคล้ายๆ หลอดไฟนีออนที่เสียและ
กระพริบๆ คิดว่าข้าพเจ้าเปิดไฟและลืมปิดและหลอดไฟคงจะเสีย เพราะว่าข้าพเจ้าได้ขึ้น
ไปห้องพระที่อยู่ชั้นบนเพื่อนำรูปหล่อโลหะหลวงปู่เทพโลกอุดร ขนาดหน้าตัก 5 นิ้วไปเก็บ
ไว้ให้ที่บนโต๊ะหมู่ หลังจากที่พี่นวลเช่ามาในวันนั้น

พี่นวล ก็ได้มาบอกท่านอาจารย์ชาช่วยดูให้หน่อยว่าเป็นแสงของอะไร ท่านอาจารย์ชาก็
บอกว่าเป็นแสงของพระธาตุละมั้ง เพราะว่าท่านอาจารย์ชาได้นำพระธาตุมาให้พี่นวลด้วย
วันนั้น หนึ่งผอบ แต่…….เอ…เมื่อลองตรวจดูด้วยญาณอีกครั้ง ก็ทราบว่าเป็นของดีที่
ตามออกมาจากในถ้ำคนธรรพ์ รู้สึกว่าจะมีสามชิ้น ชิ้นแรกเป็นของท่านอาจารย์ชาแล้ว
ชิ้นนี้อาจจะเป็นชิ้นที่สองของพี่ต๋อยตามบุญบารมีเก่า

ท่านอาจารย์ชา พี่ต๋อยพี่นวลและข้าพเจ้าผู้เขียน ก็ได้รีบขึ้นไปยังห้องพระเพื่อที่จะหาของ
เผื่อว่าจะอยู่บนพาน และบนโต๊ะหมู่บูชาพระ หาสักพักนึงก็ไม่พบ ท่านอาจารย์ชาก็เลย
บอกให้พี่ต๋อยลองหาดูเองบ้าง เพราะว่าของแบบนี้ต้องบารมีของใครของคนนั้น หาสักพัก
นึงก็ไม่พบ พี่ต๋อยจึงได้กำหนดจิตอธิษฐานว่า ถ้าจะมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะมาเป็นคู่บารมีและ
ร่วมสร้างบุญสร้างกุศลร่วมปฏิบัติธรรมกัน ตราบเข้าสู่นิพพาน และพรุ่งนี้ก็จะพาไปเที่ยว
ทำบุญที่วัดพระแก้วมรกตด้วย

หลังจากนั้นไม่นาน ท่านอาจารย์ชาก็เห็นแสง พรุ่งตรงเข้าสู่ตัวพี่ต๋อยซึ่งกำลังนั่งสมาธิสงบ
อยู่ จึงได้นำพานขนาดเล็กและพวงมาลัยที่มีอยู่บนพานขึ้นรับแสง และได้นำพานวางไว้บน
มือของพี่ต๋อย พร้อมทั้งให้พี่ต๋อยใช้ฝ่ามือปิดลงบนพานนั้น
หลังจากนั้นแสงก็ได้หายไป

สักครู่ใหญ่ พี่ต๋อยก็ได้ลืมตาออกจากสมาธิ และได้หันไปถามท่านอาจารย์ชาว่ามาหรือยัง
ท่านอาจารย์ชาไม่ตอบ หันไปถามข้าพเจ้า ว่าจะมาบนพานมั้ย ข้าพเจ้าก็ไม่กล้าตอบว่าจะ
มาหรือไม่มา เพราะว่าเปอร์เซนต์ ไม่มามันเยอะกว่าอยู่แล้ว ต่อจากนั้นมาพี่ต๋อยก็ค่อยๆ
แง้มฝ่ามือออกเพื่อลุ้นว่าบนพานจะมีหรือไม่

ผลปรากฏว่ามี ไม่น่าเชื่อ…สีเขียวมรกตด้วย ข้าพเจ้านึกว่าพูดเล่น ข้าพเจ้า พี่นวล ท่าน
อาจารย์ชา ต่างก็มาดูบนพานกัน พบว่า…มีสีเขียวมรกต รูปร่างลักษณะแบบรูปไข่ โดย
มีพวงมาลัยห่อหุ้มไว้อย่างดีเลย พี่ต๋อยและพี่นวลจึงได้ร้องเรียกแม่และลูกชายลูกสาวขึ้น
มาชมบารมีกันบนห้องพระ


ธาตุกายสิทธิ์สีเขียวมรกต ที่พี่ต๋อยได้


ต่อมา…พวกเรา…ก็ได้กลับมานั่งคุยกันที่ร้านกาแฟสดรำมะนา ซึ่งอยู่ติดกับซอยคลองลำ
เจียก 21 ซึ่งเป็นร้านของพี่บัติ ได้นำธาตุกายสิทธิ์สีเขียว ของพี่ต๋อยมานั่งชมบารมีกัน

โทรตามพี่โชคชัยเพื่อนพี่ต๋อยและมุกภรรยาท่านอาจารย์ชา ซึ่งอยู่ช่วยทำอาหารที่ร้านแห่ง
นั้น มาชมบารมีกัน เมื่อพี่โชคชัยและมุกได้ชมบารมีเสร็จแล้วนั้น มุกก็ได้อธิษฐานจิตบ้าง
ว่าคนอื่นที่ไปถ้ำแห่งนั้น ได้กันเกือบหมดแล้ว มุกยังไม่ได้เลย ถ้ามาก็ขอเป็นสีชมพูนะพรุ่ง
นี้จะได้พาไปวัดพระแก้วมรกตกัน เพราะว่าพรุ่งนี้พวกเราได้นัดกันแล้วว่าจะไปไหว้และทำ
บุญที่วัดพระแก้วมรกตกัน ตามที่นายพรานนำทางคุณสุนัยได้เคยบอกไว้

ส่วนพี่โชคชัยก็ถามท่านอาจารย์ชาบ้างว่า แล้วผมจะมีสิทธิ์ได้กับเค้าบ้างมั้ย ท่านอาจารย์
ชาก็ตอบว่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าคุณไม่ได้ไปที่ถ้ำแห่งนั้น แล้วจึงใช้ญาณตรวจดูอีก
ทีว่าจะมีโอกาสได้มั้ย ก็ตอบว่าของคุณมีโอกาสได้ ตอนที่พวกเรารวมธาตุกายสิทธิ์และไป
ทำน้ำมนต์กันที่วัดถ้ำพญาช้างเผือก จังหวัดชัยภูมิ ให้ท่องคาถาเรียก อาจจะมาได้ของคุณ
น่าจะเป็นสีดำ เป็นแบบแม่เหล็กดูดติดได้

ถึง…..ตอนค่ำประมาณ 2 ทุ่มสี่สิบห้า มุกได้ช่วยเก็บของปิดร้านและกลับยังที่พัก พอเปิด
ประตูห้องเข้าไปเท่านั้น ก็มองไปเห็นธาตุกายสิทธิ์สีชมพู มีลักษณะกลมรีแบบรูปไข่วางอยู่
บนที่นอน จึงทำให้มุกรู้สึกดีใจมากและได้ให้ท่านอาจารย์ชาดู พร้อมทั้งบอกให้โทรไปบอก
พี่ต๋อยว่าของมุกมาแล้วเหมือนกัน


ภาพธาตุกายสิทธิ์สีชมพูที่มุกได้


แต่แล้วจู่ๆธาตุกายสิทธิ์ที่อยู่บนฝ่ามือของท่านอาจารย์ชา ก็ได้ล่องหนหายไป จึงทำให้มุกรู้
สึกเสียใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่เมื่อตะกี้ เพิ่งดีใจไปหยกๆ ทำให้คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับ
ต่อเมื่อ…หลับไปแล้ว จึงได้ฝันไปว่ายังอยู่ภายในห้องนี้แหละ….ยังไม่ไปไหนหรอก!!!

ตี่นเช้า ขึ้นมาเวลาประมาณตีห้า มุกรีบหาธาตุกายสิทธิ์ ทั่วทั่งห้อง…แต่ก็ไม่พบ จึงได้แต่
ทำใจ ต่อมาประมาณ 8 โมงกว่าๆก่อนจะออกจากห้องมุกก็ได้บอกกับท่านอาจารย์ชาว่ามุก
คงไม่ได้ไปวัดพระแก้วมรกตแล้วละ เพราะว่าของมุกไม่มี ขอให้ท่านอาจารย์ชาไปกันเถอะ
พอก้าวขาออกจากประตูและจะปิดประตูห้องเท่านั้นละ ได้ยินเสียงกระโดดลงบนพี้นห้อง
เสียงดัง……เป๊ค……เป๊ค…….เป๊ค มุกจึงได้หยิบขึ้นมาดู และได้พูดขึ้นว่า
“ ชอบหยอกและขี้เล่นจริงๆนะ ”

หลังจากนั้นเมื่อถึงเวลานัดหมาย เวลาประมาณ สิบโมง พวกเรา…ได้นัดเจอกันที่ศาลเจ้า
พ่อหลักเมือง มีพี่บัติ, พี่ตูนกับตุ่ม ,พี่ต๋อยกับพี่นวล ข้าพเจ้าท่านอาจารย์ชาและมุก ส่วนเก๋
และท่านอ้วนที่อยู่ จ.ภูเก็ตไม่ได้มาเพราะติดธุระ แต่พี่ต๋อยก็ได้ให้เก๋และท่านอ้วนออกชื่อ
บอกกล่าวกับธาตุกายสิทธิ์นั้นๆแล้ว

เมื่อพวกเราได้มากันพร้อมหน้าแล้ว ท่านอาจารย์ชา..................
ได้ให้พวกเราทุกคนนำธาตุกายสิทธิ์ที่ได้มา รวมใส่ในถุงกำมะหยี่สีแดง รวมทั้งของพี่บัติซึ่ง
เป็นเหล็กไหลสายฟ้าที่ท่านอาจารย์ชาได้ให้ไว้ และได้ทำการตักน้ำมนต์ที่ศาลเจ้าพ่อหลัก
หลักเมืองไปหนึ่งขวด เพื่อจะได้ใช้เป็นส่วนผสม ทำน้ำมนต์ที่สุดยอดที่สุดในเมืองไทยต่อไป


เหล็กไหลสายฟ้าของพี่บัติ



องค์พระแก้วมรกต


ต่อจากนั้น…พวกเราก็เดินทางไปวัดพระแก้ว เมื่อเข้าถึงภายในพระอุโบสถที่พระแก้วมรกต
ประดิษฐานอยู่ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลใส่ชุดสีกากีเข้ามาเชิญไปที่ด้านหน้าสุด โดยเข้ามาเชิญ
พี่ต๋อยเข้าไปเป็นคนแรก พวกเรา…ก็เลยกรูตามกันเข้าไปและได้นั่งกันแถวๆหน้าสุดใกล้กับ
องค์พระแก้วมรกต

ต่อจากนั้นท่านอาจารย์ชาได้นำถุงกำมะหยี่ที่บรรจุธาตุกายสิทธิ์ต่างๆวางลงบนกล่องบริจาค
ต่อหน้าองค์พระแก้วมรกต เพื่อให้องค์พระแก้วมรกตได้ประสิทธิประสาทพรเพื่อเป็นสิริมงคล
แก่ธาตุกายสิทธิ์ เหล่านั้น

หลังจากนั้นพี่ต๋อยได้ลุกขึ้น เดินเข้า ไปหาเจ้าหน้าที่…คนนั้น เพื่อขอน้ำมนต์หนึ่งขวดใหญ่รวม
ทั้งยังขอให้ถือถุงกำมะหยี่บรรจุธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ ให้เดินเวียนทักษิณาวัตรรอบองค์พระแก้ว
มรกตสามรอบ ณ. บริเวณชั้นในที่คนธรรมดาสามัญไม่สามารถเข้าไปได้
นอกจากพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ที่เข้าไปเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต
ตามฤดูต่างๆเท่านั้น

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เวียนทักษิณาวัตรครบสามรอบแล้วก็ได้นำขวดน้ำมนต์และถุงกำมะหยี่สีแดง
ส่งคืนให้กับพี่ต๋อย ท่านอาจารย์ชาจึงได้บอกว่าให้แกะถุงและส่งคืนธาตุกายสิทธิ์ให้แต่ละ
คนเลย เมื่อได้แกะเชือกที่มัดถุง ซึ่งผูกไว้อย่างแน่นหนาถึงสามชั้น พี่ต๋อยก็ตั้งใจว่าจะหยิบ
ของพี่บัติออกมาก่อน ซึ่งเป็นเหล็กไหลสายฟ้า มีลักษณะเป็นแท่งยาว เมื่อได้หยิบธาตุกาย
สิทธิ์นั้นขึ้นมา ผลปรากฏว่ามีลักษณะกลมสีขาวขุ่นมัวคล้ายลูกอม ก็
คิดว่าเป็นของมุกที่มีขนาดใกล้เคียงกัน แต่มุกไม่ยอมรับและบอกว่าไม่ใช่

พวกเรา…จึงคิดว่าองค์พระแก้วมรกตคงดูดสีและความสดใสต่างๆไปหมดคงเหลือแต่ความ
หมองมัว พี่ต๋อยจึงนำธาตุกายสิทธิ์ชิ้นนั้นใส่ลงไปในถุงกำมะหยี่ใหม่
และไว้หยิบขึ้นมาทีหลังสุด เพื่อดูว่าจะเป็นของใคร

หลังจากนั้น…พวกเรา….ก็คอยลุ้นกัน ชิ้นที่หนึ่งหยิบออกมาแล้ว สีเขียวของพี่ต๋อยยังอยู่
เหมือนเดิม แต่กับสดใสขึ้นมากกว่าเก่า ชิ้นที่สอง สีชมพูของมุกยังเหมือนเดิม แต่กับสดใส
ขึ้นมากกว่าเก่า ชิ้นที่สามสีขาวใสของพี่นวล ยังเหมือนเดิมและยังสดใสขึ้นมากกว่าเก่า
ชิ้นที่สี่สีดำของพี่ตูนยังเหมือนเดิม ชิ้นที่ห้าสีดำของตุ่มยังเหมือนเดิม ชิ้นที่หกของ
ท่านอาจารย์ชายังเหมือนเดิม แต่กับสดใสขึ้นมากกว่าเก่า ชิ้นที่เจ็ดของข้าพเจ้า (ผู้เขียน)
ก็ยังเหมือนเดิมแต่กับสดใสขึ้นมากกว่าเก่าเช่นเดียวกับทุกสี ชิ้นสุดท้ายออกมาไม่มีใคร
แล้วคงต้องเป็นของพี่บัติ ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกแปลกใจมากที่เหล็กไหลสายฟ้าได้หาย
ไปกลายเป็นอย่างอื่นแทน ท่านอาจารย์ชาจึงบอกว่า…ธาตุกายสิทธิ์นี้น่าจะเป็นตัวจริง
ของพี่บัติแล้วละ




รวมธาตุกายสิทธิ์ที่ไปวัดพระแก้วมรกต





ธาตุกายสิทธิ์ของพี่บัติกำลังกินน้ำผึ้งซึ่งเป็นเหล็กไหลชนิดหนึ่งเหมือนกัน



องค์พระปฐมเจดีย์


หลังจากนั้นพวกเราก็ได้เดินทางไปพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ได้นำธาตุกายสิทธิ์
เวียนทักษิณาวัตรรอบองค์พระปฐมเจดีย์สามรอบ และตักน้ำมนต์มาหนึ่งขวดเพื่อจะได้
ใช้เป็นส่วนผสม ทำน้ำมนต์ที่สุดยอดที่สุดในเมืองไทยต่อไป

ต่อมาก็ได้แวะที่วัดทรงธรรมกัลยาณี จังหวัดนครปฐม วัดที่มีพระภิกษุณีในเมืองไทย
พร้อมทั้งได้เยี่ยมชมบรรยากาศภายในบริเวณวัด…………..ชมรูปเหมือนพระภิกษุณีที่
สำเร็จอรหันต์เมื่อครั้งพุทธกาล หลายพระองค์


พระไภษัชยคุรุไวทูรย์ประภาตถาคตเจ้า


พวกเรา…ยังได้นำธาตุกายสิทธิ์ของทุกคนมาวาง……………….
ที่หน้าพระไภษัชยคุรุไวทูรย์ประภาตถาคตเจ้า ซึ่งเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งที่
เก่งทางด้านหมอยารักษาโรคมาก พร้อมทั้งได้สวดมนต์บูชาพระไภษัชยคุรุไวทูรย์ประภา
ตถาคตเจ้า และขอน้ำมนต์เพื่อจะได้ใช้เป็นส่วนผสม ทำน้ำมนต์ที่สุดยอดที่สุด
ในเมืองไทยต่อไป

หลังจากนั้นพวกเรา…ก็เดินทางกลับกรุงเทพมหานคร และได้แยกย้ายกลับบ้านไป



โปรดคอยติดตามอ่านกันต่อไป

ในประสบการณ์ลี้ลับ…ภาค4…การทำน้ำมนต์ที่สุดยอดที่สุดในเมืองไทย

ออฟไลน์ saken6009

  • อย่ากลัวคนจะมาตำหนิ แต่จงกลัวว่าตัวเองจะทำผิด อย่ากลัวที่จะรับรู้ความบกพร่องของตน แต่จงกลัวว่าตนจะเป็นคนที่ดีได้ไม่จริง
  • ก้นบาตร
  • *****
  • กระทู้: 893
  • เพศ: ชาย
  • ชีวิตของข้า เชื่อมั่นศรัทธา หลวงพ่อเปิ่น องค์เดียว
    • ดูรายละเอียด
ประสบการณ์ลี้ลับ ถ้ำคนธรรพ์ ภาค3 36; 36;
 
ขอบคุณท่าน กระเบนท้องน้ำ ที่นำบทความที่ดีมากๆ มาให้พี่น้องศิษย์วัดบางพระได้อ่านครับ
                                                                                                                                                             
(ขออนุญาตเข้ามาอ่าน เพื่อเป็นความรู้ ขอบคุณมากครับ) :033: :033:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 ก.ย. 2554, 02:25:46 โดย saken6009 »

กราบขอบารมีหลวงพ่อเปิ่น คุ้มครองศิษย์ทุกๆท่าน ให้แคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง สาธุ สาธุ

ออฟไลน์ yout

  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1742
  • เพศ: ชาย
    • ดูรายละเอียด
ขอบคุณครับ.................. :090: :090: :114: :090: :090:....................

ออฟไลน์ berm

  • สิ่งที่ควรทำคือความดี..สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม..สิ่งที่ควรจำคือ...บุญคุณ
  • อัฏฐมะ
  • ***
  • กระทู้: 1008
  • เพศ: ชาย
  • อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล
ขอบคุณ...รอติดตามอยู่นะครับร่วมอนุโมทนาด้วยครับ
ทุกคนย่อมมีปัญหาของตัวเองเกิดขึ้นตลอดเวลา  อยู่ที่ใครเลือกที่จะเดินหนีปัญหา...หรือเลือกที่จะแก้ไขปัญหา