คุณค่าของวันเวลาที่ผ่านไป ๓๐ กย. ๕๔ ...
ตถตาอาศรม เขาเรดาร์ บ้านบึง ชลบรี
เสาร์ที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔
ศรัทธาในการปฏิบัติเกิดขึ้นในจิตตั้งแต่รู้สึกตัวตื่นนอน พยายามรักษา
ทรงไว้ซึ่งศรัทธาแห่งกุศลจิต นอนเจริญสติดูกาย เจริญกายคตานุสติ เอาจิตคุมกาย
โดยการระลึกรู้โคจรจิตไปทั่วกาย มองให้เห็นซึ่งกายภายนอกที่เป็นรูปร่างหน้าตา
ของตัวเราด้วยตาใน โดยเอากายของเรามาเป็นนิมิต ในการเจริญสติปฏิบัติธรรม
เมื่อตั้งรูปกายภายนอกได้แล้ว พิจารณาต่อไปในอาการ ๓๒ แยกกายออกเป็น
อาการ ๓๒ จนไม่เหลือรูปกาย พิจารณาอาการ ๓๒ เข้าสู่หมวดหมู่ของธาตุทั้ง ๔
คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ สลายอาการ ๓๒ คืนกลับไปให้เป็นธาตุ เหลือเพียงจิตรู้คือ
วิญญาณธาตุที่มาอาศัยอยู่ แล้วย้อนจิตพิจารณากลับมาแยกธาตุให้เป็น
อาการ ๓๒ อีกครั้ง รวมอาการ ๓๒นั้นให้เป็นรูปร่าง แล้วน้อมจิตเข้าไปรับรู้ทรงอยู่ในกาย
ทบทวนอยู่ไปมา สลายแล้วก่อขึ้นมาใหม่........
ผลที่ได้ในการปฏิบัติอย่างนี้ก็คือ เจริญสติปัฏฐาน ๔ ในฐานกาย (ธาตุบรรพ)
และกายคตานุสติไปพร้อมกัน ได้ทั้งสมถะและวิปัสสนาไปในตัว และเมื่อเราสลายกาย
ของเราคืนสู่ธรรมชาติความเป็นธาตุนั้น จิตก็จะคลายความ ยึดถือในตัวตน เห็นความเป็น
สัจจธรรมของร่างกายว่าไม่นานต้องสลายคืนสู่ธรรมชาติไป จิตเพียงเข้ามาอยู่อาศัย
ธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในกายของเรากับธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในธรรมชาติคือตัวเดียวกัน
เพียงแต่แตกต่างกันที่รูป กายเรากับธรรมชาติคือสิ่งเดียวกัน พลังแห่งธาตุในกายเรา
กับพลังของธาตุในธรรมชาติคือตัวเดียวกัน เราเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ จึงสามารถ
ที่จะหยิบยืมพลังงานในธรรมชาติมาใช้ได้ เป็นการฝึกดูดพลังธรรมชาติไปในตัว
ทำให้สามารถที่จะนำมาปรับธาตุในตัวของเราได้ รักษาตัวเองและสงเคราะห์ผู้อื่นได้......
ไม่ว่าเราจะปฏิบัติธรรมโดยวิธีใดก็ตาม เราต้องเริ่มที่กายของเรา เพราะกายคือฐาน
คือที่ตั้ง ที่อาศัยของจิต ถ้าฐานที่ตั้งมั่นคงดีแล้ว ย่อมไม่มีความเสื่อม ทุกสิ่งทุกอย่าง
ต้องเริ่มจากพื้นฐานที่ดีและถูกต้อง ซึ่งฐานนั้นคือกายและเมื่อจิตอยู่กับกาย
จิตนั้นก็จะปลอดภัยเพราะอยู่ในที่ตั้งคือฐาน เราจึงต้องมาฝึกจิตให้ใกล้ชิดอยู่กับ
กายอยู่เสมอ การที่จิตจะอยู่กับกายได้นั้น มันต้องมีสติและสัมปชัญญะ การระลึกรู้
และความรู้ตัวทั่วพร้อมในกาย อยู่อย่างสม่ำเสมอ จนกลายเป็นความเคยชิน
เป็นอุปนิสัย ในการเจริญสติปฏิบัติธรรมทุกครั้ง......
การปฏิบัติธรรมนั้นทำได้ทุกขณะ ทุกอิริยาบท ไม่จำกัดกาลและสถานที่
ของให้เรามีสติระลึกรู้และมีความรู้ตัวทั่วพร้อม อย่าไปติดยึดในรูปแบบและท่าทาง
เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ใช่การแสดง การโชว์หรือโอ้อวดกัน แต่เป็นการกระทำ
ภายในจิตใจของเรา ซึ่งถ้าเรามีสติและสัมปชัญญะแล้ว เราจะรู้ว่าเรากำลังทำอะไร
และเพื่ออะไร " ไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าหนึ่งจิต " ว่าเราคิดและเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร
ดีไปกว่าตัวของเราเอง " รู้กาย รู้จิต รู้ความคิด รู้สิ่งที่กระทำ "นั่นคือการปฏิบัติธรรม......
ฝากไว้เป็นแนวทางในการปฏิบัติสำหรับผู้ใคร่ในธรรมทั้งหลาย เพื่อให้ได้ศึกษา
เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งสำหรับการปฏิบัติและอย่าเชื่อหรือปฏิเสธทันทีที่ได้อ่าน
ลองใคร่ครวญพิจารณาและนำไปปฏิบัติทดลองดู แล้วจึงเชื่อหรือปฏิเสธในแนวทางนี้
เพราะถ้าเชื่อทันที่อาจจะทำให้เกิดความงมงายและถ้าปฏิเสธในทันทีอาจจะทำให้เสียโอกาส
ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะลองปฏิบัติดู อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าสิ่งนั้นมันจริงหรือไม่ จะได้คลาย
ความสงสัย ใช่หรือมิใช่มันจะได้ชัดเจน......
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต-แด่มวลมิตรผู้ร่วมชะตากรรมบนโลกใบนี้
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-วจีพเนจร
๑ ตุลาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๓.๕๘ น. ณ ตถตาอาศรม บ้านบึง ชลบุรี