แนวพระอาจารย์ปราโมทย์เลยครับ แต่ระวังนะครับบางคนที่ผมพบเห็น จะคิดไปเองครับว่ารู้ ว่านู้น ว่านี่ เกิดจากการได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ก็คิดว่ารู้ครับ แต่ก็ขอบคุณครับที่นำเสนอสิ่งดีๆครับ
ขอบคุณที่เตือนครับ การปฏิบัติธรรมคงไม่สามารถระบุแนวไหนได้ เนื่องจากต้องพิจารณาที่จิต หรือยกจิตขึ้นพิจารณา หลังจากทำสมาธิแล้ว บางท่านเรียกดูจิต บางท่านพิจารณาจิต แตกต่างกันไป หาคนที่เจ้าของแนวทางไม่ได้ แม้กระทั่งยุบหนอ พองหนอ ก็จะมีการสืบถอดมาหลายท่าน แล้วแต่จริต จนไม่ทราบว่าเราจะบอกว่าเป็นแนวคุณแม่สิริ หรือหลวงพ่อจรัญดี จริงแล้ววิธีเหล่านี้ในบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมมีการปฏิบัติสืบต่อกันมาหลายช่วงอายุคน แต่สิ่งที่เราได้เข้าไปสัมผัสแล้ว เรารู้หรือไม่ว่า หลับตาไปเพื่ออะไร พุทโธเพื่ออะไร ยุบหนอเพื่ออะไร เดินหนอ ย่างหนอ เพื่อะไร ลึกเข้าอีกการพยายามทำให้เข้าถึงปัจจุบันขณะนั้น เพื่ออะไร ไม่ใช่ได้ยินเสียงแล้วรู้ว่าเสียงเท่านั้น มันมีอะไรอีกมาก
รู้ไม่รู้อยู่ที่ตน ตนเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ามันรู้อะไร มันปล่อยวางอะไรบ้าง เห็นและยอมรับอะไรบ้าง ปิติที่เกิดที่ตัวเราทั้งนั้นครับ
ผมเสียดายช่วงที่บวชอยู่ ตอนนั้นยังวัยรุ่น บวชกับหลวงปู่นิล ศิษย์ที่ตามหลวงปู่มั่นอยู่หลายปี ท่านก็สอนทุกวัน แต่อาจจะเป็นกรรมของผมจึงมองไม่เห็น จนผ่านมาหลายปีพอเริ่มจะรู้ท่านก็ละสังขารไปแล้ว อีกท่านที่สอนผมพิจารณาจิต ดูจิตก็คือหลวงปู่แว่น วัดถ้ำพระสบาย ที่ผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดศึกษาธรรม แต่ก็ด้วยกิเลสที่มันหนา มองไม่ออกที่ท่านสอน คิดเข้าใจ แต่ใจมันไม่รับครับ