ตั่งแต่ตืนนอนมา....
ใช้เวลาอยู่กับการทบทวนระลึกนึกถึงสิ่งที่ผ่านมา
ซึ่งวันนี้ก้าวหน้ากว่าเมื่อวาน เพราะมีประสพการณ์มาแล้ว
จึงทำได้ง่ายกว่าที่ผ่านมาเพราะว่าเรารู้ทางแล้ว
วันนี้เลยกล้าลงไปทำวัตรเช้า-เย็นที่ศาลา
กล้าที่จะออกไปเดินดูงานการก่อสร้างและสนทนากับพระกับโยม
เพราะว่าเราจำทางเดินของจิตได้แล้ว ว่าจะต้องตั้งอารมณ์อย่างไร
เพื่อให้จิตไปสู่จุดนั้น อารมณ์ที่เราต้องการ และการอธิษฐานจิต
ออกไปตลาดเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำพระ
ซึ่งหมดลงพอดีและจำเป็นที่จะต้องใช้ในวันนี้
เพราะถ้าของขาดไปก็ต้องหยุดพักการทำพระกัน
และแผนกทำพระทำวัตถุมงคลนั้นกำลังมีศรัทธา
เรียกว่าเครื่องกำลังร้อน กำลังเพลิน กำลังเข้าที่
ถ้าหยุดพักไปอารมณ์ของท่านเหล่านั้นจะไม่ต่อเนื่อง
ต้องมาเริ่มสร้างอารมณ์กันใหม่ ซึ่งกว่าจะเข้าที่ก็ต้องใช้เวลา
ซึ่งจัดว่าโชคดีที่งานหลวงก็ไม่ขาด งานราษฎร์ก็ไม่เสีย
ทันเวลาได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ส่วนตัวและส่วนรวม
เหมือนกับคำที่ว่า"ทุกข์ไม่มา ปัญญาไม่มี บารมีไม่เกิด"
คือถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นให้สะเทือนใจแล้ว
เราจะกินแต่ของเก่า รักษาทรงไว้แต่ของเก่า
ไม่ได้สร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาไม่ได้พัฒนาทางจิต
แต่พอมีเรื่องให้คิด ให้พิจารณา มีปัญหาให้แก้ไข
เราได้ฝึกจิตตัวใหม่ขึ้นมาทุกครั้งและเป็นอย่างนี้ตลอดมา
ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติธรรมมา เจอเรื่องแบบนี้มาตลอด
"ไม่เห็นทุกข์ ไม่เห็นธรรม" คือคติธรรมประจำใจ...
:059:ขอบคุณเหตุการณ์ทั้งหลายที่สอนให้ได้พัฒนาทางธรรม
เชื่อมั่น-ศรัทธา-ปรารถนาดี-ด้วยไมตรีจิต
รวี สัจจะ-สมณะไร้นาม-กลุ่มยุทธธรรมสัญจร
๓ กันยายน ๒๕๕๒ เวลา ๐๑.๔๘ น. ณ ศาลาน้อยริมน้ำโขง ชายแดนประเทศไทย